Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 36 ตอนที่ 14-17
ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด...
ตอนที่ 14 ผลประโยชน์ครั้งใหญ่
เมื่อร่างแยกร่างนี้ของตงป๋อเสวี่ยอิงถูกทำลายไป ร่างแยกอีกร่างหนึ่งกลับแทรกซึมเข้าไปในตำหนักผู้อาวุโสอย่างเงียบเชียบ
ต้องรู้ไว้ว่าเมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงตัดสินใจจะช่วยเหลือกองกำลังชนพื้นเมือง เขาก็ได้ทิ้งร่างแยกเอาไว้หลายร่าง แน่นอนว่ามีร่างแยกที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งอยู่เพียงร่างเดียวเท่านั้น
“ดวงตาสีเทาคู่นี้” ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงร่างนี้กะพริบวาบคราหนึ่งแล้วก็มาถึงตรงหน้าต้นไม้ผลแปลกพิสดารต้นนั้น แม้ดวงตาสีเทาบนยอดต้นไม้ผลแปลกพิสดารคู่นั้นจะยังคงมีอานุภาพกดดันทั่วทั้งตำหนักผู้อาวุโสแผ่กำจายออกมา แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงเอื้อมมือขึ้นไปอย่างไม่ลังเล แต่ชั่วขณะที่มือของเขาปะทะเข้ากับดวงตาสีเทาคู่นั้นนั่นเอง…
“ตู้ม!”
ท่ามกลางความเลือนราง
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นสิ่งมีชีวิตร่างมหึมาสูงตระหง่านหาใดเปรียบตนหนึ่ง มันใหญ่โตมโหฬาร ใหญ่กว่าที่ตงป๋อเสวี่ยอิงจินตนาการเอาไว้ ลำพังแค่รูปร่างของมันอย่างเดียวก็ใหญ่โตกว่าโลกทิพย์ใบหนึ่งมากมายยิ่งนัก
ถึงขั้นไม่สามารถใช้เรื่องขนาดเพียงอย่างเดียวมาเข้าใจสิ่งมีชีวิตพรรค์นี้ได้ การดำรงอยู่ของมัน เหมือนกับตัวมันเองแฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์มากมายยิ่งนัก บนร่างของมันมีมิติแปลกประหลาดมากมายหลายชั้นยิ่งนัก ราวกับอยู่ในทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง! น่าหวาดหวั่นกว่า ‘ลูกมังกรหมื่นสัมผัส’ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยพบมามากมายยิ่งนัก
หากลูกมังกรหมื่นสัมผัสนับว่าเป็นมดตัวน้อย เช่นนั้นเงาร่างสูงตระหง่านที่เห็นในตอนนี้ก็เหมือนกับมังกรตัวเขื่องซึ่งสูงใหญ่กว่าสวรรค์เก้าชั้นเสียอีก!
“มันคือ…” ตงป๋อเสวี่ยอิงพอมองเห็นได้บ้าง ว่านี่คือสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่มีหลายสิบอุ้งเท้า เหนือร่างกายของมันกลับมีดวงตาดวงแล้วดวงเล่าอยู่แน่นขนัดไปหมด ดวงตามากมายยิ่งนัก
“ตู้ม!”
ชั่วขณะที่นิ้วมือปะทะเข้ากับดวงตาสีเทานั้น ก็มองเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นนั้นได้อย่างเลือนราง
จากนั้นอานุภาพที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งสายหนึ่งก็ปะทะเข้ากับร่าง การปะทะระลอกนี้ น่าหวาดหวั่นกว่าการโจมตีด้วยความโกรธเกรี้ยวของ ’จักรพรรดิ‘ เสียอีก ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงร่างนี้สลายหายไปอย่างไร้สุ้มเสียงเสียแล้ว
“เฮอะ”
‘จักรพรรดิ’ ยักษ์ร่างดำทะมึนที่ปรากฏกายขึ้นตรงประตูตำหนักผู้อาวุโสแค่นเสียงเฮอะอย่างเย็นชาคราหนึ่ง “ช่างโง่เง่าเสียจริง กล้าไปปะทะเสียด้วย หากเป็นชนพื้นเมืองคงจะไม่โง่เง่าเช่นนี้เป็นแน่”
แม้จักรพรรดิจะไม่เชี่ยวชาญกระบวนท่าทางด้านบริเวณอันแข็งแกร่งสักเท่าใดนัก แต่เขาอยู่ในเกาะลอยคว้างก็ยังคงเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ พละกำลังอันไร้รูปร่างปกคลุมทั่วทั้งดินแดนชนเผ่าตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว! เขาพบร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงหลายร่างแล้ว
สวบๆๆ!!!
แม้จะพบแล้ว แต่ก็ยังคงเคลื่อนที่ในพริบตาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อทำลายร่างแยกเหล่านี้ของตงป๋อเสวี่ยอิงให้สิ้นซากไป
หลังจากสังหารจนหมดแล้ว
จักรพรรดิยังคงรู้สึกเดือดดาล สูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชาไปบ้างเขาก็ไม่แยแส สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดก็ยังคงเป็นความแข็งแกร่งของตนเอง ตามปกติแล้วผลวิญญาณทิพย์เป็นเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ครอบครอง ครั้งนี้ ถูกแย่งชิงไปผลหนึ่งที่เหลืออยู่ก็เป็นผลที่ยังไม่สุกดี สำหรับคนระดับอย่างเขาก็ไร้ประโยชน์แล้ว
“ครั้งนี้เผ่าเซวี่ยเหยียนนี่มิใช่แค่พาผู้แกร่งกล้าพวกนั้นเข้ามาด้วยตั้งหลายคนเท่านั้น ทั้งยังพกสมบัติประจำเผ่ามาด้วย ท้ายที่สุดยังหนีรอดไปได้อีก เป็นใบไม้ทิพย์แห่งเผ่าเซวี่ยเหยียนที่ ‘ผู้วิเศษเก้าหาง’ มอบให้พวกเขากระมัง ใช้ไปเช่นนี้เองน่ะหรือ” จักรพรรดิลอบร่ำร้องในใจ ผู้วิเศษเก้าหาง เป็นถึงหนึ่งในแปดผู้วิเศษซึ่งยืนอยู่ในระดับยอดสุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างซึ่งมีน้อยนิดอย่างยิ่งของหุบเขาเขี้ยวหักเลยทีเดียว
“ยังมีผู้บำเพ็ญที่ใช้กระบี่คนนั้นอีก” จักรพรรดิหายวับไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไปไล่สังหารจอมกระบี่
******
จอมกระบี่ผู้มีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งนั้นรอบด้านมากจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นการรุกโจมตี ป้องกัน รักษาชีวิตหรือหลบหนี เขาก็ล้วนเชี่ยวชาญไปเสียทุกด้าน เมื่อปะทุความเร็วออกมาอย่างสุดแรง ทั้งร่างของจอมกระบี่ก็กลายเป็นประกายกระบี่อันสะดุดตาสายหนึ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเสียจนน่าตกใจโดยมิได้รับผลกระทบจากตงป๋อเสวี่ยอิง บรรพชนแมลงและกองกำลังชนพื้นเมืองแต่อย่างใด
เขาเดินทางไปตามเส้นทางคร่าวๆ เช่นเดียวกับตอนมา
เขาทะยานหนีไปตลอดทางโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย!
ร่างแยกหลักของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ที่จอมกระบี่พกติดตัวเอาไว้ เขตลวงที่สำแดงออกไปภายนอกส่งผลกระทบต่อผู้อาวุโสใหญ่ที่ตามมาอยู่ด้านหลัง! หลังจากพลังของผู้อาวุโสใหญ่ลดลงไปอย่างมากแล้ว ก็เป็นภัยคุกคามต่อจอมกระบี่น้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนท่านั้น ถือได้ว่าหยาบนัก
“ตู้มมม…”
ยักษ์ร่างดำทะมึนที่น่าหวาดหวั่นเดินเหยียบอากาศเข้ามา ขาข้างหนึ่งย่ำลงมา
ขาใหญ่ของเขาแผ่คลุมลงมา ใหญ่เกินไปแล้ว เพียงพริบตาเดียวจอมกระบี่ก็มิอาจหนีออกจากขอบเขตของขาอันน่าหวาดหวั่นนี้ได้ ทำได้เพียงสกัดกั้นเอาไว้เท่านั้น!
“ตู้ม….” ประกายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนสลายไป จอมกระบี่ก็กระเด็นลอยไปอย่างน่าอนาถ ภายใต้สถานะสุดยอดของผู้อาวุโสใหญ่ จอมกระบี่ก็ไม่เคยน่าอนาถถึงเพียงนี้มาก่อน เขาถึงขั้นสามารถพัวพันกับผู้อาวุโสใหญ่ได้อย่างพอถูไถ
เมื่อเผชิญหน้ากับ ’จักรพรรดิ‘ ที่พลังลดลงไปสามส่วนแล้ว การต่อสู้ก็กลับโอนเอียงไปฝ่ายหนึ่ง! จอมกระบี่มิอาจพัวพันฝ่ายตรงข้ามได้เลย ทำได้เพียงพยายามรักษาชีวิตเอาไว้เท่านั้น
“น่าหวาดหวั่นนัก”
“เสวี่ยอิง นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดไว้ พลังลดลงสามส่วนแล้วอย่างนั้นหรือ” จอมกระบี่ถ่ายเสียงพูดไปพลาง หลบหนีอย่างสุดกำลังไปพลางและยังรับมือกับจักรพรรดิไปพร้อมกัน
“ข้าเคยเห็นอานุภาพที่เขาปะทุออกมาอย่างสุดกำลัง ไม่แพ้ตอนที่ราชันย์อนธการอมตะสู้สุดชีวิตเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ตอบ
“ต่อให้อานุภาพลดลง อานุภาพของเขาก็ยังน่าหวาดหวั่นกว่าจักรพรรดิเซี่ยอยู่บ้าง อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าเท่าหนึ่ง! เคราะห์ดีที่กระบวนท่าหยาบกว่ามาก ข้ายังพอจะสามารถต้านทานได้ หากระดับขั้นของเขาสามารถสู้พวกจักรพรรดิเซี่ยได้ ข้าจะต้องหนีจากเกาะลอยคว้างไม่พ้นเป็นแน่” จอมกระบี่ถ่ายเสียงพูด
“อานุภาพจะแข็งแกร่งเทียมฟ้า และระดับขั้นก็สูงเสียจนเกินจริงได้อย่างไรกันเล่า แม้แต่เกาะลอยคว้างแห่งหนึ่งก็ยังน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ สำหรับผู้บำเพ็ญอย่างพวกเรา ก็มิใช่การเคี่ยวกรำแล้ว!” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด “จอมกระบี่ ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว หากหนีออกจากเกาะลอยคว้างมิได้ ร่างแยกของพวกเราจะเสียก็เสียไปเถิด แต่สมบัติล้ำค่า”ก็จะหมดไปด้วย
“วางใจเถิด”
จอมกระบี่ก็สู้สุดชีวิต
หากไม่มีผลกระทบจากเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิง โอกาสที่จอมกระบี่จะหนีรอดออกไปได้ก็มีเพียงครึ่งต่อครึ่งเท่านั้น! บัดนี้กลับมีโอกาสถึงเก้าส่วน
เพราะถึงอย่างไรหากพูดถึงการรักษาชีวิตและหลบหนีแล้ว ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู จอมกระบี่ผู้มีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งก็จัดอยู่ในอันดับต้นๆ แล้ว
……
ภายใต้การเร่งความเร็วอย่างสูง
ผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ สวบ ในที่สุดประกายกระบี่สายหนึ่งก็พุ่งออกจากอาณาเขตของเกาะลอยคว้าง
“แฮ่…” ’จักรพรรดิ’ ยักษ์ร่างดำทะมึนยืนอยู่บนขอบของเกาะลอยคว้าง พลางเปล่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขาจ้องมองประกายกระบี่ที่อยู่ไกลออกไปด้วยสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง
ประกายกระบี่ที่อยู่ไกลออกไปแปรเป็นจอมกระบี่ จอมกระบี่กะพริบวาบคราหนึ่งก่อนจะเคลื่อนที่ในพริบตาจากไป
“สมควรตาย”
จักรพรรดิเดือดแค้นเป็นอันมาก
สมบัติล้ำค่าที่ผู้บำเพ็ญทั้งสามคนนี้นำไป ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เผ่ามรณะทมิฬมิได้ใส่ใจ ดังนั้นรอบบริเวณดินแดนชนเผ่า จึงมิได้ตั้งใจเก็บซ่อนเอาไว้! เพียงแต่การให้ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ได้สมบัติล้ำค่าไป ทั้งยังหนีไปได้อย่างปลอดภัย ก็ทำให้จักรพรรดิรู้สึกอดสูใจขึ้นมา
ทว่าจักรพรรดิมิได้ไล่ตามแต่อย่างใด เพราะที่โลกภายนอก อีกฝ่ายสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้อย่างง่ายดาย จนมิอาจไล่ตามได้ทัน ถึงเขาจะไม่ยอมจำนนใจ แต่ก็ทำได้เพียงกลับไปเท่านั้น
******
กลางท้องฟ้านอกเกาะลอยคว้าง
ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมกระบี่และบรรพชนแมลงอยู่ที่นี่ พวกเขาสามคนตรวจนับสมบัติล้ำค่าอย่างเบิกบานใจ!
“ฮ่าฮ่า ครั้งนี้ได้ผลประโยชน์มามากมายจริงๆ หากสามารถสมหวังได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ทุกครั้ง ก็คงจะได้อะไรมามากมายจนน่าเหลือเชื่อแล้ว” บรรพชนแมลงอุทาน
จอมกระบี่ส่ายหน้าเบาๆ “ครั้งนี้เป็นเพราะอาวุธลับของเสวี่ยอิงร้ายกาจยิ่งนัก สามารถกวาดล้างยอดฝีมือระดับยอดของเผ่ามรณะทมิฬได้ตั้งมากมาย ขณะเดียวกันก็ปะทะเข้ากับกองกำลังชนพื้นเมือง เมื่อมีพวกเขานำทาง พวกเราก็สามารถหลบเลี่ยงสภาพแวดล้อมอันตรายต่างๆ ภายในตัวเกาะลอยคว้างได้อย่างง่ายดาย บวกกับศัตรูเหล่านั้น ก็มีชนพื้นเมืองคอยช่วยจำกัดเอาไว้! พวกเราจึงได้ผลประโยชน์มากมายถึงเพียงนี้”
“อื้ม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ตามกฎเดิม ต้องส่งสิ่งที่ได้จากการรบชนะกลับไปก่อน เพื่อป้องกันมิให้เมื่อร่างแยกถูกทำลาย แล้วต้องเสียสมบัติล้ำค่าไปหมด”
“ดี”
“ฝากไว้ที่เมืองหิมะเหินก่อนก็แล้วกัน” บรรพชนแมลงและจอมกระบี่เชื่อใจตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างเต็มเปี่ยม
ฟิ้ว
รอยแยกดำทะมึนสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้าง ร่างแยกสีขาวร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ภายในหุบเขาเขี้ยวหัก ก็มีแต่ภายในเกาะลอยคว้างเท่านั้นที่มิอาจสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาได้ บริเวณอื่นๆ ล้วนสามารถทำได้ทั้งสิ้น
ร่างแยกร่างนี้พกสมบัติล้ำค่าเอาไว้ เขาสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาตรงกลับไปยังเมืองหิมะเหินทันที
“จ้าวหิมะเหิน!”
ไกลออกไป เงาร่างกลุ่มหนึ่งเช่นท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้ก็ปรากฏกายขึ้นจากความว่างเปล่า แล้วรีบบินเข้ามา
“เมื่อพบเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิแห่งเผ่ามรณะทมิฬผู้นั้นเข้า พวกเราก็รีบมาหาพวกท่านทันที หาตั้งรอบใหญ่จึงพบเข้าจนได้ พวกท่านเคลื่อนที่ในพริบตามาไกลใช้ได้ทีเดียว” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้พูดยิ้มๆ
“เพื่อป้องกันมิให้จักรพรรดิผู้นั้นไล่ตามต่อ จึงต้องเคลื่อนที่ในพริบตามาไกลหน่อยน่ะ” จอมกระบี่กล่าว
ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้เอ่ยว่า “ครั้งนี้ติดค้างพวกท่านมากทีเดียว และติดค้างจ้าวหิมะเหินด้วย มิเช่นนั้นพวกเราจะต้องมิได้ผลวิญญาณทิพย์มาเป็นแน่ ข้าเคยพูดไว้ว่า เผ่าเซวี่ยเหยียนเราจะต้องตอบแทนท่านให้สาสม นี่คือสมบัติลับต่างๆ ของพวกท่านเหล่าผู้บำเพ็ญที่เผ่าเซวี่ยเหยียนเราได้พบมาในประวัติศาสตร์ อยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้โยนที่เก็บสมบัติล้ำค่าอันหนึ่งออกมา
สมบัติลับของผู้บำเพ็ญ พวกเขาใช้งานไม่ได้
เนื่องจากสมบัติลับอันแข็งแกร่งซับซ้อนเกินไป เผ่าชนพื้นเมืองบำเพ็ญพละกำลังสายเลือดเป็นหลักเท่านั้น!
กำไลวงนั้นลอยมาตรงหน้าตน
“โอ๊ะ” หลังตงป๋อเสวี่ยอิงรับมา เขาก็ตรวจสอบดู และได้พบสมบัติลับชนิดต่างๆ มากมาย ทั้งระดับสูงและระดับต่ำ สูงสุดนั้นเป็นถึงสมบัติลับระดับยอด ซึ่งมีถึงสองชิ้นด้วยกัน
“มีสองชิ้นที่เป็นสมบัติลับระดับยอด” ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมกระบี่และบรรพชนแมลงกล่าว
“ทั้งหมดนี่เป็นของเจ้าแล้ว เป็นเพราะเจ้า เขาจึงมอบสิ่งเหล่านี้ให้พวกเรา” จอมกระบี่เอ่ย บรรพชนแมลงก็พยักหน้า
“ถึงเวลาก็ค่อยแบ่งสรรกันก็แล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเอ่ยขึ้น ถึงระดับอย่างเขาแล้ว ก็สนใจการยกระดับของระดับขั้นเสียมากกว่า เช่นเดียวกับพวกบรรพชนฝาน เพื่อการยกระดับขั้น ก็สามารถทุ่มเทสมบัติล้ำค่ามากมายได้
เขาจัดเตรียมร่างแยกแล้วสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาเพื่อนำสมบัติล้ำค่ากลับไปอีก
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางพวกท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้ “ท่านชายทราบรู้จักดวงตาสีเทาบนยอกของต้นผลวิญญาณทิพย์ดวงนั้นหรือไม่”
ดวงตาสีเทาดวงนั้น จึงจะเป็นผลประโยชน์ใหญ่ที่สุดที่ตงป๋อเสวี่ยอิงได้จากบนเกาะลอยคว้าง!
แม้ชั่วขณะที่สัมผัสกับดวงตาสีเทานั้น จะพอมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งได้รางๆ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเข้าใจดีว่า ‘ดวงตาสีเทา’ นี้สำคัญกับเขามากเพียงใด! เขามองเห็นโครงสร้างของ ‘เขตลวง อันพิสดารชนิดหนึ่งบนดวงตาสีเทาดวงนี้! มันแปลกพิสดารเป็นอย่างมาก
อันที่จริงแล้ว
เมื่อทอดสายตามองไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา เกรงว่าคงจะมีเพียงตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้นที่เมื่อมองเห็นดวงตาสีเทาดวงนี้ แล้วสามารถมองโครงสร้างเขตลวงของดวงตาสีเทาให้เข้าใจได้
หากระดับขั้นไม่เพียงพอ ต่อให้สมบัติล้ำค่าอยู่ตรงหน้าก็คงไม่เข้าใจ
ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในขั้นตอนห้าสายหลอมรวมกันแล้ว เขาถึงขั้นมองเห็นทิศทางของ ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ แล้ว ต่อให้ไม่มีแรงช่วยจากภายนอก หลังผ่านไปนานแสนนาน ก็มีหวังบรรลุถึงขั้นสุดยอดได้อยู่ดี! ผลสำเร็จทางด้านนี้ของเขา เรียกได้ว่าจัดอยู่ในระดับยอดสุดของ ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ ในโลกกำเนิดจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว การสั่งสมเช่นนี้ ห่างจากขั้นสุดยอดเพียงแค่เยื่อบางๆ กั้นไว้เท่านั้น
ดังนั้นเมื่อมองเห็นดวงตาสีเทาดวงนี้ แม้จะมีการรบกวนจากโครงสร้างอันซับซ้อนจำนวนนับไม่ถ้วนของดวงตาสีเทาเอง เขาก็ยังคงพบส่วน ‘โครงสร้างเขตลวง’ ในนั้นได้อยู่ดี!
โครงสร้างเขตลวงนี้ถึงขั้นบกพร่องอยู่บ้าง!
อย่างพวกบรรพชนฝาน หากสั่งสมไม่เพียงพอก็มองไม่ออก
“โครงสร้างเขตลวงภายในดวงตาสีเทาดวงนี้นั้นบกพร่อง คงจะต้องใช้ดวงตาอื่นๆ มาประกอบกันจึงจะสามารถสำแดงออกมาได้!” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ เขาบำเพ็ญมาจนถึงขั้นนี้ แม้แต่ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับยอดสุดอย่างหยวนและเจ้าเมืองหลัวก็มิอาจชี้แนะได้ ทว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดบางท่าน เกิดมาร่างกายก็มีกฎเกณฑ์อันสูงส่งต่างๆ แฝงอยู่มากมายอยู่แล้ว
บนดวงตาสีเทาดวงนี้ แฝงไว้ด้วยเขตลวงระดับคละถิ่น
แม้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นตนนั้นจะมิได้รับรู้ขึ้นมาด้วยตนเอง หากแต่สามารถสำแดงออกมาได้เองโดยกำเนิดอยู่แล้ว! แต่เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงรับรู้มัน ก็ยังคงสามารถชี้แนะเขาได้อย่างมหาศาล
หากกล่าวว่าให้เขาค่อยๆ บำเพ็ญไป การทำให้ห้าสายหลอมรวมกันก็อาจต้องใช้เวลายาวนานมาก แต่หาก ‘โครงสร้างเขตลวง’ อันสมบูรณ์แบบนี้ทำให้เขารับรู้ อาจจะทำให้เขาประหยัดเวลาที่จะบรรลุถึงขั้นสุดยอดได้อย่างมากมาย
“สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาอันน่าเหลือเชื่อที่ข้ามองเห็นได้รางๆ นั้น เหมือนจะตายไปแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “ดวงตาสีเทานั่นก็ไม่มีชีวิตชีวาอันใด แต่ต่อให้ตายไปแล้ว ก็ยังคงมีอานุภาพหลงเหลืออยู่ เมื่อข้าจะสัมผัสก็ล้างสังหารร่างแยกร่างหนึ่งของข้าไปได้อย่างง่ายดาย ช่างน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว ในตำนานกล่าวไว้ว่า…ภายในหุบเขาเขี้ยวหักมีซากศพของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นที่เคยทำให้หยวนบาดเจ็บสาหัสได้อยู่ด้วย”
ภายในหุบเขาเขี้ยวหัก แม้จะมีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างอาศัยอยู่ ทว่าก็ล้วนแต่อ่อนแอมาก จนหยวนไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย
ผู้ที่น่าหวาดหวั่นมากอย่างแท้จริง อยู่ภายในหุบเขาเขี้ยวหักก็มีแต่โครงกระดูกเท่านั้น
“ดวงตาสีเทาหรือ” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้ตกตะลึง “รู้สิ ต้องรู้อยู่แล้ว เท่าที่ข้ารู้ ภายในเกาะลอยคว้างทั้งหลาย มีเกาะลอยคว้างตั้งหลายแห่งที่มีดวงตาอันน่าหวาดหวั่นพรรค์นี้อยู่ ตามที่เล่าลือกันมา เป็นสิ่งที่หลงเหลือจากซากศพของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นที่หยวนโยนทิ้งไว้ อานุภาพน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก มิอาจแตะต้องได้”
ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด...
ตอนที่ 15 สำรวจเกาะลอยคว้างทั้งหลาย
“มีเกาะลอยคว้างหลายแห่งที่มีอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตาเป็นประกายขึ้นมา
“ถูกต้อง” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้พูดพลางพยักหน้า “ดวงตาอันน่าหวาดหวั่นพรรค์นี้ กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วเกาะลอยคว้างทั้งหลาย ลำพังแค่ที่เผ่าเซวี่ยเหยียนเราบันทึกเอาไว้ก็มีถึงห้าร้อยยี่สิบสองดวงแล้ว ทว่าจ้าวหิมะเหิน ข้าต้องบอกท่านว่า ดวงตาเหล่านี้มิอาจนำไปได้ หากสัมผัสก็ต้องถูกลงโทษ พลังอ่อนแอก็ต้องถูกอานุภาพที่เปล่งออกมาจากดวงตากดดันจนตาย!”
“มิทราบว่าจะสามารถขายรายงานของเกาะลอยคว้างที่บันทึกเกี่ยวกับ ‘ดวงตา’ นี้เอาไว้ให้ข้าได้หรือไม่” แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะรู้ดีว่าคำขอนี้ออกจะเกินเลยไปบ้าง แต่ก็ยังคงวิงวอน
รายงานของเกาะลอยคว้าง…
ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกาหรือว่าเผ่าชนพื้นเมือง ก็ล้วนแต่เป็นรายงานสำคัญที่สุดของที่สุด!
ล้วนแต่เกิดจากบรรพชนใช้ชีวิตเพื่อแลกมา! เมื่อมองอย่างผิวเผินแล้ว สภาพแวดล้อมอันตรายต่างๆ เหมือนจะธรรมดาทั่วไปมาก เมื่อถึงคราวลำบากจริงๆ จึงได้ล่วงรู้ สั่งสมกันมายุคแล้วยุคเล่า! โลกชนพื้นเมืองแห่งต่างๆ ก็อาจจะมีการแลกเปลี่ยนซื้อขายรายงานซึ่งกันและกันบ้าง รายงานโดยละเอียดของเกาะลอยคว้างแต่ละแห่งล้วนล้ำค่ามาก มิอาจมอบให้อีกฝ่ายได้ง่ายๆ
“จ้าวหิมะเหิน ท่านมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อเผ่าเซวี่ยเหยียนเรา” เซวี่ยเหยียนจี้มองตงป๋อเสวี่ยอิง บรรดาผู้แกร่งกล้าระดับยอดคนอื่นๆ ของเผ่าเซวี่ยเหยียนที่อยู่ด้านหลังเซวี่ยเหยียนจี้มองสบตากันไปมา แล้วถ่ายเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเงียบเชียบ
“ในเมื่อท่านอยากได้รายงาน เผ่าเซวี่ยเหยียนเราก็สามารถมอบให้ท่านได้” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้กล่าว หากเวลาที่เผ่าเซวี่ยเหยียนแข็งแกร่ง ก็ยากนักที่จะร้องขอรายงานระดับนี้ แต่บัดนี้เผ่าเซวี่ยเหยียนเหลือเพียงพวกเขากลุ่มนี้เท่านั้น เซวี่ยเหยียนจี้ก็เป็นผู้นำเผ่าเซวี่ยเหยียนในตอนนี้ด้วย! ก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้อย่างมากมายจริงๆ
หากมิใช่เพราะตงป๋อเสวี่ยอิง พวกเขาอาจจะต้องสิ้นเผ่าพันธุ์กันแต่เพียงเท่านี้!
นอกจากนี้เผ่าชนพื้นเมืองก็ยังแบ่งออกเป็นอีกหลายเผ่าย่อย เดิมที ‘เผ่าเซวี่ยเหยียน’ ก็แบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจนอยู่แล้ว! หากพบคนที่แอบเห็นแก่ตัว พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็คงไม่ได้รับรายงานมาง่ายๆ เช่นนี้แล้ว
“ทว่าข้าต้องพูดให้ชัดเจนเสียก่อน” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้กล่าว “ตลอดคืนวันอันยาวนานมาจนบัดนี้ แม้เผ่าเราจะทราบว่ามีเกาะลอยคว้างห้าร้อยยี่สิบสองแห่งที่มีดวงตาอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้อยู่! แต่เผ่าเซวี่ยเหยียนเราก็มิได้สำรวจเกาะลอยคว้างแต่ละแห่งอย่างสุดกำลังด้วยความโง่งม อย่างผลวิญญาณทิพย์บนเกาะเมื่อครู่สำคัญต่อเผ่าเซวี่ยเหยียนเราเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงได้สำรวจครั้งแล้วครั้งเล่า จึงได้ล่วงรู้อย่างชัดเจนถึงเพียงนั้น แต่ในบรรดาเกาะลอยคว้างทั้งห้าร้อยยี่สิบสองแห่งนี้ เผ่าเรามีรายงานโดยละเอียดจริงๆ แค่สิบแปดแห่งเท่านั้น! และยังมีที่ค่อนข้างละเอียดอีกแปดสิบเก้าแห่ง ที่เหลือก็มีแค่คร่าวๆ เท่านั้น”
“เพียงพอแล้วล่ะ แค่ท่านชายช่วยข้าได้ ข้าก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“ฮ่าฮ่า…จ้าวหิมะเหินไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก หากมิใช่เพราะท่าน เกรงว่าเผ่าเซวี่ยเหยียนเราก็คงมิอาจรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้กล่าว เขาพูดพลางพลิกมือแล้วหยิบม้วนสาส์นฉบับหนึ่งออกมามอบให้ตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับไป
เมื่อเขาใช้สติรับรู้สสำรวจดู ข้อมูลจำนวนมากก็โหมซัดเข้าสู่ห้วงสมองอย่างรวดเร็ว
“เดิมทียังคิดว่าจะเชิญพวกจ้าวหิมะเหินไปเป็นแขกของโลกเซวี่ยเหยียนเรา เพียงแต่บัดนี้พวกเราก็หนีเอาชีวิตรอดอย่างน่าอนาถอยู่ภายนอก รอให้เผ่าเราแย่งชิงโลกเซวี่ยเหยียนกลับมาได้เสียก่อน ข้าก็จะส่งเทวทูตมุ่งหน้าไปยังดินแดนจิตโลกาเพื่อเชื้อเชิญท่าน” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้กล่าว
“ข้าอาศัยอยู่ที่เมืองหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณา! ข้าจะรอท่านชายมาเชิญพวกข้าไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ ยามนี้เขารู้สึกซาบซึ้งใจต่อเซวี่ยเหยียนจี้มาก ก่อนหน้านี้เมื่ออีกฝ่ายขอความช่วยเหลือ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกเพียงว่าจะอยู่เป็นเพื่อนสักตั้งหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ร่างแยกร่างหนึ่งของตนต้องสูญเสียไปก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ดังนั้นจึงได้ช่วยเหลืออย่างไม่ลังเลเลย บัดนี้กลับได้รับรายงานอันล้ำค่ามาเสียนี่!
เขาช่วยเหลือไปตามเรื่องตามราวเท่านั้นเอง แต่กลับได้รับการตอบแทนเช่นนี้
ทีใครทีมันก็เป็นเช่นนี้เอง!
หากตงป๋อเสวี่ยอิงมีจิตคิดร้าย มองดูกองกำลังชนพื้นเมืองห้ำหั่นกับจักรพรรดิอย่างเย็นชาโดยไม่สอดมือเข้าช่วย หรือคิดว่ากองกำลังชนพื้นเมืองเช่นนั้นจะสามารถถ่วงเวลาออกไปได้นานขึ้น! เกรงว่าก็คงจะมิได้รับประโยชน์เช่นนี้แล้ว
……
สองฝ่ายร่ำลากัน
รอจนกองกำลังเผ่าเซวี่ยจากไปจนลับตาแล้ว จอมกระบี่จึงเอ่ยขึ้นว่า “เสวี่ยอิง เจ้าบอกว่าดวงตาสีเทาบนยอดของผลวิญญาณทิพย์หรือ”
“ข้ามิได้อยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือพวกท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้หรอกหรือ จึงได้เห็นดวงตาสีเทานั่นเข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “ดวงตานั้นเร้นลับเหลือประมาณ มีประโยชน์ต่อการบำเพ็ญของข้า บุกฝ่าเกาะลอยคว้างแห่งนี้แล้ว ต่อไปพวกเราจะไปที่ไหนกันดี”
“ฮ่าฮ่า พี่ใหญ่หิมะเหิน อยากจะไปยังเกาะลอยคว้างห้าร้อยยี่สิบสองแห่งที่มีดวงตาอันเร้นลับนั่นใช่หรือไม่” บรรพชนแมลงพูดยิ้มๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม “บุกฝ่าไปแห่งหนึ่งแล้ว หากพูดกันจริงๆ ก็ยังเหลืออีกห้าร้อยยี่สิบเอ็ดแห่ง”
“พวกเราไม่มีเป้าหมายที่แน่นอนอยู่แล้ว” จอมกระบี่พยักหน้า “มายังเกาะลอยคว้างก็เพื่อเคี่ยวกรำตนเอง เพื่อโอกาส ในเมื่อเจ้ารู้สึกว่าดวงตาอันเร้นลับเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเจ้า พวกเราก็ไปยังเกาะลอยคว้างเหล่านี้กันเถิด นอกจากนี้ เมื่อมีรายงานที่พวกท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้มอบให้ พวกเราก็สบายขึ้นมากทีเดียว”
แม้รัฐโบราณคิมหันตวายุจะมีรายงานโดยละเอียดของเกาะลอยคว้างบางแห่ง
แต่สถานที่ระดับนั้น ก็ถูกพวกจักรพรรดิเซี่ยและบรรพชนฝานสำรวจมาก่อนแล้ว!
แต่เกาะลอยคว้างหลายแห่งที่เผ่าเซวี่ยเหยียนมอบรายงานให้ รัฐโบราณคิมหันตวายุกลับไม่เคยสำรวจอย่างลึกซึ้งมาก่อน
“ต้องขอบคุณแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “เช่นนั้นพวกเราก็ไล่ไปตามความอันตรายของเกาะลอยคว้างก็แล้วกัน หากอันตรายค่อนข้างต่ำ และมีรายงานละเอียด พวกเราก็ไปสำรวจกันก่อน”
บรรพชนแมลงพยักหน้า
“ตามใจเจ้าเลย” จอมกระบี่ก็โพล่งออกมา
……
จากนั้นพวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนก็เริ่มสำรวจเกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่าตามรายงาน
รายงานละเอียดพอ
อันตรายค่อนข้างต่ำ ก็สำรวจก่อน!
เนื่องจากรายงานที่เผ่าเซวี่ยเหยียนมอบให้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณนั้น มีหลายแห่งที่ผู้แกร่งกล้าแห่งดินแดนจิตโลกาไม่เคยสำรวจอย่างลึกซึ้งมาก่อน!
เกาะลอยคว้างพิสดารยิ่งนัก อย่าง ‘ดวงตาสีเทา’ นั้นมีประโยชน์ต่อวิถีเขตลวงโลกเทียมของตงป๋อเสวี่ยอิง และมีภาพอันพิสดารที่มีประโยชน์ต่อจอมกระบี่เช่นเดียวกัน!
ภูเขาสูงสีแดงโลหิตแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะลอยคว้าง แผ่อานุภาพทำลายล้างที่ชวนให้ผู้คนคนใจสะท้านออกมา จอมกระบี่มองดูด้วยความลุ่มหลง…จากภูเขาสูงแห่งนี้ จอมกระบี่ก็มองเห็นทิศทางที่เขาจะมุ่งหน้าไป
……
“เด็กดี ผลไผ่แดงมากมายถึงเพียงนี้!”
ผลไม้สีแดงกองหนึ่งสะบัดพลิ้ว กลิ่นหอมยั่วยวนใจคนแผ่กำจายออกมา แมลงจำนวนมากถาโถมขึ้นไป แล้วห่อหุ้มเอาผลไม้ทั้งหมดไป ขณะเดียวกันก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่ใหญ่หิมะเหิน พี่กระบี่ปีศาจ ผลไผ่แดงนี่มีประโยชน์มหาศาลต่อเหล่าแมลง ข้าขอทั้งหมดเลยก็แล้วกัน”
“ได้สิ เป็นของเจ้าทั้งหมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ต่างก็พูดยิ้มๆ มีประโยชน์มหาศาลต่อเหล่าแมลง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใดสำหรับพวกเขาสองคน อย่างมากก็แค่ใช้แลกเป็นสมบัติล้ำค่ามาก็เท่านั้นเอง
……
“เก่งกาจยิ่งนัก”
เหนือสายน้ำอันมืดมิดที่โหมซัด ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ สายน้ำโลดแล่นไป
สายน้ำเชื่อมกันเป็นวง ไหลไปวงหนึ่งเป็นระยะทางราวแสนล้านลี้
ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงการหมุนเวียนของวิถีอากาศในระดับสูงยิ่งกว่านั้น นั่นคือการใช้งานพิเศษในระดับคละถิ่นชนิดหนึ่ง
“เสวี่ยอิง รีบไปเร็วเข้า เผ่ามรณะทมิฬมาแล้ว”
“พี่ใหญ่หิมะเหิน ไปกันเถิด”
บรรพชนแมลงและจอมกระบี่ถ่ายเสียงทันที
“ไปๆๆ”
เหนือสายน้ำอันมืดมิด ตงป๋อเสวี่ยอิงที่สัมผัสรับรู้อยู่นานแสนนานก็รีบทะยานหนีไปพร้อมกับบรรพชนแมลงและจอมกระบี่ทันที
******
เวลาล่วงเลยไป
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงสำรวจเกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่าอย่างเต็มที่ เนื่องจากเกาะที่พวกเขาเลือกล้วนแต่มีรายงานที่ค่อนข้างละเอียด ระดับความอันตรายค่อนข้างเบา บวกกับกระบวนท่าเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงที่สามารถกวาดล้าง ‘ระดับอ๋อง’ ได้ สำหรับ ’จักรพรรดิ‘ เผ่ามรณะทมิฬก็มีผลกระทบ พลังรบของจอมกระบี่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง วิธีการก็สมบูรณ์แบบมาก แมลงจำนวนนับไม่ถ้วนของบรรพชนแมลงสำรวจทุกทิศทุกทาเอาไว้แต่เนิ่นๆ…
พวกเขาสำรวจเกาะลอยคว้างสำเร็จถึงสามสิบสองแห่งต่อเนื่องกัน ผลประโยชน์ที่ได้มีทั้งมากและน้อย สมบัติล้ำค่าที่มีส่วนช่วยในการบำเพ็ญนั้น พวกเขาก็เก็บไว้ก่อน ลำพังแค่สมบัติล้ำค่ารวมกัน ก็เพียงพอจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอิจฉาตาร้อนได้แล้ว
แน่นอนว่า ท้ายที่สุดพวกเขาสามคนก็ต้องแยกจากกัน
ในบรรดาพวกเขาสามคน ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญมากกว่า ส่วนบรรพชนแมลงกลับสนใจสมบัติล้ำค่ามากกว่า
“ประหลาดนัก”
เกาะลอยคว้างสามสิบสองแห่งที่พวกเขาสำรวจในภายหลัง เนื่องจากทำตามรายงานทั้งหมด เกาะลอยคว้างแต่ละแห่งก็ย่อมพบดวงตาอันเร้นลับนั้นเป็นธรรมดา
โครงสร้างของดวงตาแต่ละดวง ภายใต้การสำรวจของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็สามารถมองทะลุโครงสร้างลึกที่สุดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทำเอาเขาจมจ่อมไปหมด
“ทว่าดวงตาอันเร้นลับสามสิบสามดวงที่ข้าพบในตอนนี้ มียี่สิบห้าดวงที่เป็นดวงตาสีเทา มีแปดดวงที่เป็นดวงตาสีทอง ดวงตาสีเทาเป็นโครงสร้างของเขตลวงชนิดหนึ่ง ส่วนดวงตาสีทองกลับเป็นเขตลวงอีกชนิดหนึ่ง”
“เขตลวงของดวงตาสีเทาน่าจะดึงดูดศัตรู ทำให้ศัตรูลุ่มหลงและติดกับ ส่วนดวงตาสีทองกลับสังหารในเขตลวงทันที”
ตงป๋อเสวี่ยอิงจดจำโครงสร้างภายในดวงตาแต่ละดวงเอาไว้ ในฐานะผู้บำเพ็ญที่ยืนอยู่ในระดับยอดสุดทางด้านวิถีเขตลวงโลกเทียมของโลกกำเนิด เขาก็ย่อมวิเคราะห์ออกมาได้เป็นธรรมดา! แม้แต่เจ้าของเดิมของ ‘ดวงตาสีเทา’ และ ‘ดวงตาสีทอง’…สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งแต่ละตัวเหล่านั้น ก็ทำได้เพียงสำแดงกระบวนท่าโดยกำเนิดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น ส่วนความพิสดารของกระบวนท่านี้ กลับไม่เข้าใจเลย
เมื่อเข้าไปในเกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่า และมองดูดวงตาเหล่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้ส่งร่างแยกออกไปสัมผัสหลายต่อหลายครั้ง
แต่ละครั้งที่สัมผัส ร่างแยกก็ล้วนแต่ถูกกดดันจนแตกสลายไป แต่กลับสัมผัสรับรู้ได้ถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นนั้นรางๆ
ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด...
ตอนที่ 16 ทะเลสาบมหึมา
แม้จะสัมผัสสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นนั้นได้อย่างเลือนราง แม้แต่จำนวนที่แน่ชัดของ ‘ดวงตา’ ก็ยังไม่รู้เลย
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อดวงตาอันแน่นขนัดของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นมองดูศัตรู ศัตรูก็จะต้องประสบกับการดึงดูดของเขตลวงก่อน แล้วค่อยถูกเขตลวงล้างสังหาร! ภายใต้การโจมตีหลายชั้น ต่อให้ไม่ตาย ก็เกรงว่าวิญญาณคงจะได้รับผลกระทบอย่างยิ่ง พลังที่สำแดงออกมาก็คงจะลดลง
“ร่างกายของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับนั้นยังใหญ่โตกว่าโลกทิพย์เสียอีก! เกรงว่าหากร่างกายปะทะเข้าไปครั้งหนึ่ง รัฐระดับเดียวกับรัฐโบราณคิมหันตวายุก็คงถูกกระแทกจนละเอียดเป็นผุยผง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึงในใจ เคราะห์ดีที่สิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นระดับนั้น ก็ย่อมมี ‘หยวน’ และ ‘เจ้าเมืองหลัว’ ซึ่งเป็นผู้แกร่งกล้าคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นเช่นเดียวกันไปรับมือให้
……
ณ คีรีมารสกุลฝาน นครหลวงรัฐโบราณคิมหันตวายุ
ต้นไม้เทพผลาญจิตต้นเตี้ยบึกบึน ยอดไม้อันใหญ่โตปกคลุมเบื้องล่าง ชายหนุ่มชุดขาวก็นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นี่
เพื่อป้องกันมิให้ราชันย์อนธการอมตะพบเข้า ร่างแยกที่บำเพ็ญอยู่ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตก็เปลี่ยนแปลงรูปโฉมและกลิ่นอาย แต่ทว่าด้วยการป้องกันของนครหลวงคิมหันตวายุและสกุลฝาน ราชันย์อนธการอมตะก็ตรวจสอบที่นี่ได้ยากมาก
“ฟิ้ว”
ใบไม้ซึ่งดุจดั่งแกะสลักขึ้นมาจากหยกสีม่วงเข้มร่วงหล่นลงตรงหน้า ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดู มุมปากมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา
ในห้วงสมองของเขากลับจำโครงสร้างเขตลวงของดวงตาอันเร้นลับทั้งสามสิบสามดวงที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ได้อย่างชัดเจน เขตลวงสองชนิดนั้น ชนิดหนึ่งคือดึงดูดศัตรูให้ลุ่มหลง ส่วนอีกชนิดหนึ่งคือเขตลวงล้างสังหารวิญญาณ ดวงตาสีเทายี่สิบห้าดวงคือส่วนของโครงสร้างที่แตกต่างกันของเขตลวงชนิดเดียวกัน เมื่อรวมกันขึ้นมาก็ยังคงบกพร่องมากนัก ทว่าสำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว แม้จะบกพร่องหาใดเปรียบ ก็ยังคงเต็มไปด้วยความงดงาม!
งดงามเกินไปแล้ว
‘เข้าใกล้วิถี’ ‘รับรู้วิถี’
บัดนี้ตงป๋อ ‘เข้าใกล้วิถี’ แล้วห่างจากการบรรลุถึงขั้นสุดยอดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงสามารถมองจุดที่ไม่ธรรมดาของดวงตาอันเร้นลับแต่ละดวงออกได้
“ด้วยระดับขั้นของข้า ไม่กล้าเพ้อฝันว่าจะเข้าถึงท่าไม้ตายที่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นตนนั้นครอบครองได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “ทว่ารับรู้มัน แล้วคิดค้นท่าไม้ตายที่เหมาะสมกับตนเองออกมา ก็ยังพอมีหวัง”
อะไรกันที่เรียกว่าท่าไม้ตาย
อย่างวิถีอากาศทั้งหมดเก้าสาย ในจำนวนนั้นห้าสายหลอมรวมกัน ก็สามารถคิดค้น ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้ ความแข็งแกร่งของอานุภาพนี้ ก็บรรลุถึงขีดจำกัดของเทพจักรวาลชั้นสามแล้ว
ระดับขั้นอย่างเดียวกัน เคล็ดวิชาที่ใช้ก็แตกต่างกัน ทำให้อานุภาพของกระบวนท่ามีระดับสูงต่ำแตกต่างกัน
เนื่องจากการรับรู้เคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงได้คิดค้นท่าไม้ตายด้านวิถีอากาศห้าสายขึ้นมาได้! ท่าไม้ตายใดๆ ก็ตาม ล้วนแต่มีพลังรบขั้นสุดยอดทั่วไป เยี่ยมยอดเพียงใดกัน
ส่วนทางด้าน ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ แม้จะสั่งสมอย่างหนาแน่นมาก แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้มีท่าไม้ตายอะไรที่ไร้เทียมทานมากจริงๆ แต่อย่างใด เนื่องจากการคิดค้นท่าไม้ตายก็ต้องการวิญญาณสัมผัส และต้องการการกระตุ้นสัมผัส! หากมิใช่ชมดูคนอื่นสำแดงออกมา ก็ต้องดูอานุภาพของสมบัติลับอันสูงส่งเป็นตัวอย่าง หรือไม่ก็ต้องมีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งชี้นำโดยสรุปก็คือ โดยทั่วไปแล้วจะต้องมีการกระตุ้นสัมผัสบ้าง
หรือถึงขั้นหากมีการชี้นำ ก็จะสบายขึ้นมากทีเดียว
บัดนี้ดวงตาสีเทาและดวงตาสีทองก็ได้ชี้นำตงป๋อเสวี่ยอิง
“ทำให้มันเรียบง่ายขึ้น และซึมซับมัน ก็จะมีหวังคิดค้นท่าไม้ตายของข้าขึ้นมาเองได้ คิดค้นท่าไม้ตายก็สามารถทำให้ข้าสั่งสมได้หนาแน่นขึ้น และยิ่งมีหวังบรรลุถึงขั้นสุดยอดมากขึ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงรอคอย
เขาหลับตาลง
เมื่อบำเพ็ญต่อไป โครงสร้างเขตลวงของดวงตาอันเร้นลับทั้งสามสิบสามดวงนั้นถูกเขาวิเคราะห์และค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสำแดงออกมาร่วมกับวิถีเขตลวงโลกเทียมที่ตนรับรู้
เมื่อมีการช่วยเหลือจาก ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ บำเพ็ญขึ้นมาก็ได้ผลดียิ่งนัก
ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็มีเพียงร่างแยกที่อยู่ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตร่างนี้ และร่างแยกที่ถือหอกเทพคละถิ่นเอาไว้ในมือซึ่งประจำการอยู่ที่เมืองหิมะเหินเท่านั้น จึงจะมีวิญญาณครบเต็มสิบ ส่วนวิญญาณอื่นๆ รวมทั้งร่างแยกซึ่งเป็นพลังรบหลักทั้งหลายที่เสี่ยงอันตรายอยู่ในหุบเขาเขี้ยวหัก อันที่จริงแล้วโดยทั่วไปก็มีวิญญาณเพียงเจ็ดส่วนเท่านั้น!
เนื่องจากเคยดูดซับโลหิตหัวใจของมารดามังกรหมื่นสัมผัส วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงจึงแข็งแกร่งหาใดเปรียบ
ต่อให้มีวิญญาณเจ็ดส่วน ก็สามารถสำแดงกระบวนท่าเขตลวงออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังสามารถแบ่งสมาธิไปสำแดงท่าไม้ตายอื่นๆ ออกมาได้อีกด้วย
“เมื่อระดับขั้นของข้ายิ่งสูงขึ้น ต้นไม้เทพผลาญจิตก็ช่วยเหลือข้าได้น้อยลงทุกทีๆ แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สัมผัสได้ถึงแรงช่วยจากต้นไม้เทพผลาญจิต ทว่ายิ่งระดับขั้นสูงขึ้น ผลของต้นไม้เทพผลาญจิตก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ ทว่าก็ยังคงให้ผลดีกว่าวัตถุอื่นๆ ที่คอยช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญของเขามากทีเดียว
******
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนร่อนลงเหนือเกาะลอยคว้างแห่งหนึ่ง นี่คือเกาะลอยคว้างแห่งที่สามสิบสี่ที่พวกเขาจะสำรวจแล้ว
“หวังว่าเกาะลอยคว้างแห่งนี้จะมีสมบัติล้ำค่าบางอย่างรอคอยพวกเราอยู่ บนเกาะลอยคว้างแห่งที่แล้ว พวกเราได้อะไรมาน้อยเสียจนแทบจะมองข้ามไปได้” บรรพชนแมลงกล่าว
“ผลประโยชน์บนเกาะลอยคว้างย่อมมีมากบ้างน้อยบ้างเป็นธรรมดา แม้สำหรับผู้บำเพ็ญอย่างเราจะมีประโยชน์มหาศาล สำหรับเผ่ามรณะทมิฬและชนพื้นเมืองก็ไม่มีประโยชน์อันใด ทว่าตลอดคืนวันอันยาวนานมาจนบัดนี้ ผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกามาสำรวจอย่างไม่ขาดสาย บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็มาสำรวจเช่นกัน เกรงว่าพวกเขาคงจะเคยสำรวจเกาะลอยคว้างมาหลายแห่งแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม “จะว่าไป ก็ถือว่าพวกเราได้ผลประโยชน์มามากมายทีเดียว”
“โชคดีที่มีพี่ใหญ่หิมะเหินและกระบี่ปีศาจ” บรรพชนแมลงพูดพลางหัวเราะฮิฮิ “ทำเอาข้าเสียเปรียบไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ต้องขอบคุณเผ่าเซวี่ยเหยียนเป็นอย่างมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย “ไปเถิด พวกเราระวังหน่อยก็แล้วกัน แม้เกาะลอยคว้างแห่งนี้จะไม่อันตรายมากนัก รายงานก็ค่อนข้างละเอียด แต่ก็ยังต้องระวังหน่อยอยู่ดี อย่าได้ทำเรือล่มในหนอง เหยียบย่ำเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่อันตราย”
รายงานค่อนข้างละเอียด เพียงแต่ว่าบันทึกอันตรายเอาไว้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นเอง
“ไปกันเถอะ” อาภรณ์สีดำบนร่างของบรรพชนแมลงพลันปริแตกออกแล้วกลายเป็นแมลงจำนวนนับไม่ถ้วน มุ่งหน้าไปกบดานรอบด้านอย่างรวดเร็ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สำแดงเขตลวง
จอมกระบี่นั้นผ่อนคลายที่สุด มีแต่พบศัตรูที่แข็งแกร่งที่แท้จริงเท่านั้น จึงต้องให้จอมกระบี่เป็นผู้ลงมือ
ฟิ้ว
พวกเขาทั้งสามคนมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วด้วยความคล่องแคล่ว และรักษาวิธีการปกปิดเช่นการหลบซ่อนในอากาศเอาไว้ด้วย
พวกเขามีประสบการณ์มาก่อนแล้ว วิธีการปกปิดพรรค์นี้มีประโยชน์ไม่มากนัก พวกเขาถูกกลิ่นอายอันไร้รูปร่างของเกาะลอยคว้างผลักไส เมื่อเผ่ามรณะทมิฬเข้าใกล้ ก็สามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย! ทว่าเมื่อสำแดงออกมาแล้ว ก็ย่อมดีกว่าการทะยานไปด้วยความเร็วสูงอย่างโจ่งแจ้งมากแน่นอน
จากประสบการณ์ของพวกเขา
เมื่ออยู่ในเกาะลอยคว้างนั้นมิอาจชักช้าได้ จะต้องรวดเร็ว! ยิ่งช้าก็ยิ่งถูกพบตัวได้ง่ายขึ้น
เผ่ามรณะทมิฬทั้งหมดที่พบ ก็ต้องสังหารให้เกลี้ยง! ด้วยกระบวนท่าเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิง ต่อให้เป็น ‘อ๋อง’ ก็ต้องถูกสังหารในพริบตา นอกเสียจากจะเป็น ‘อ๋องระดับยอดสุดของเผ่ามรณะทมิฬ’ เท่านั้น ขอเพียงสังหารแล้ว เผ่ามรณะทมิฬก็จะไม่ได้รับรายงานอย่างรวดเร็วถึงเพียงนั้น มีครั้งหนึ่งที่พวกเขาทะยานเข้าไปยังใจกลางสุดของเกาะลอยคว้างโดยใช้เวลาขั่วยามกว่าๆ จึงถูกเผ่ามรณะทมิฬพบเข้า พวกเขาสังหารบรรดา ‘อ๋อง’ เหล่านั้น แม้แต่ระดับยอดสุดก็ยังต้องหนีไปอย่างน่าอนาถ…เนื่องจากเขตลวงปกคลุม เผ่ามรณะทมิฬจึงไม่กล้าไปแจ้ง ’จักรพรรดิ‘
ดังนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจึงทิ้งร่างแยกร่างหนึ่งเอาไว้เพื่อข่มขู่
และทำให้ฝ่ายตนจากไปได้สบายๆ
ครั้งนั้น พวกเขาได้กวาดล้างดินแดนชนเผ่าจนก้นชี้ฟ้า! ได้อะไรมามากมายยิ่งนัก
ตอนที่พวกเขาจากไป ’จักรพรรดิ‘ ของเกาะลอยคว้างแห่งนั้นก็ยังคงหลับใหล ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิกล้าลงมือกับจักรพรรดิ เขตลวงของเขาถึงขั้นปกคลุมแค่รอบด้านเท่านั้น ไม่กล้าส่งผลกระทบต่อ ’จักรพรรดิ‘ เพราะหากปลุกเขาจนตื่นขึ้นมาก็คงยุ่งยากไปกันใหญ่แล้ว ส่วนการสังหารจักรพรรดิที่หลับใหลน่ะหรือ ต่อให้จักรพรรดิอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขัดขวาง พวกเขาก็มิอาจสังหารให้ตายได้ เนื่องจากตัวตนของ ‘เผ่ามรณะทมิฬ’ และ ‘เผ่าชนพื้นเมือง’ เองนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่งจริงๆ
ไม่เหมือนกับผู้บำเพ็ญ ที่อาศัยสมบัติลับระดับยอดและพลังภายนอกอื่นๆ
แต่ว่า…
เมื่อท่องไปในเกาะลอยคว้างแห่งหนึ่ง และสู้เสียจนราบคาบไปหมด ขณะที่จากมานั้น จักรพรรดิของเกาะลอยคว้างก็ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา เรื่องพรรค์นี้ พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทำสำเร็จเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
แน่นอนว่า ‘ประสบการณ์’ เหล่านี้ก็ทำให้พวกเขาถ่วงเวลาถูกพบตัวออกไปให้ได้มากที่สุด
“สวบๆๆ!”
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนกำลังมุ่งหน้าไปด้วยความเร็วสูง
“ไม่ถูกต้องแล้ว หยุดก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปเบื้องหน้า จับจ้องไปยังทะเลสาบขนาดมหึมาแห่งหนึ่งไกลออกไป ทะเลสาบแห่งนั้นกินพื้นที่กว่าร้อยล้านลี้ กว้างใหญ่ไพศาล ระลอกคลื่นน้ำซัดสาดน้อยๆ
“เหตุใดจึงมีทะเลสาบที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ได้เล่า” จอมกระบี่ก็ตกใจ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ส่งรายงานให้จอมกระบี่และบรรพชนแมลง เขาเชื่อใจจอมกระบี่เต็มเปี่ยม ส่วนบรรพชนแมลงปาถัวเฉินนั้นสามารถมาช่วยตนได้ในยามวิกฤต ตนก็เชื่อใจมากเช่นเดียวกัน
พวกเขาสามคนต่างก็ล่วงรู้ข้อมูล ดังนั้นจึงมองดูทะเลสาบขนาดมหึมาตรงหน้าแห่งนี้อย่างจริงจัง
“รายงานที่เผ่าเซวี่ยเหยียนมอบให้ กาะลอยคว้างสิบแปดแห่งที่มีรายงานโดยละเอียด พวกเราก็ได้ไปมาหมดแล้ว แม้เกาะลอยคว้างแห่งนี้จะมีรายงานที่ค่อนข้างละเอียด บางส่วนยังคงมีแค่หยาบๆ แต่ทว่า…ทะเลสาบขนาดมหึมาเช่นนี้ ไม่มีทางไม่บันทึกอะไรเอาไว้เลย” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินก็พูดเสียงต่ำ “รายงานของเผ่าเซวี่ยเหยียนมิอาจปลอมแปลงขึ้นมาได้ แล้วทะเลสาบนี่มาจากไหนกันเล่า”
เกาะลอยคว้างสามสิบสามแห่งที่สำรวจก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาไม่กังขาในรายงานของเผ่าเซวี่ยเหยียนเลย
“ทะเลสาบแห่งนี้…” พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมารางๆ
ข้าจะตรวจสอบดูเสียหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง ร่างแยกพลังรบหลักร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ร่างแยกมุ่งหน้าต่อไป ทั้งยังสำแดงเขตลวงออกมาด้วย เมื่อเข้าไปในระยะค่อนข้างประชิด ขอบเขตของเขตลวงจึงสัมผัสถูกทะเลสาบแห่งนั้นเข้าจนได้!
ชั่วขณะที่กระทบกันนั้น
ทะเลสาบมหึมาแห่งนั้นพลันขยับไหว
โครมมม…
ประหนึ่งโลกพลิกย้อนกลับ! ทะเลสาบขนาดมหึมากลับกลายเป็นปากใหญ่สีแดงดุจแอ่งโลหิต ซึ่งเป็นเพียงแค่ปากของสิ่งมีชีวิตขนาดมโหฬารหาใดเปรียบตนหนึ่งเท่านั้น ร่างกายของสิ่งมีชีวิตนี้ใหญ่โตเกินไป ร่างกายกว่าครึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ยังมีร่างกายส่วนหนึ่งอยู่กลางอากาศ ปากของมันกลับปกคลุมเข้ามาเสียแล้ว แม้พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนจะทะยานไปด้วยความเร็วสูง แต่กลับมิอาจทะยานออกจากขอบเขตของปากสีแดงดุจแอ่งโลหิตได้ทันกาล
“เป็นมัน! สิ่งมีชีวิตคละถิ่น ‘จักรพรรดิเหวศิลา’!” จอมกระบี่ตกใจใหญ่
สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงก็แปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองขึ้นมา นี่คือศัตรูที่น่าหวาดหวั่นที่สุดที่พวกเขาได้พบตั้งแต่มาถึงเกาะลอยคว้าง ถึงขั้นทำให้พวกเขาเกิดความคิดสิ้นหวังขึ้นมา!
“เกรงว่าครั้งนี้คงจะหนีไม่พ้นเสียแล้ว” บรรพชนแมลงพึมพำ
ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด...
ตอนที่ 17 กองทัพดับสลาย
จักรพรรดิเหวศิลาปรากฏร่างกว่าครึ่งออกมาจากความว่างเปล่า สะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งเกาะลอยคว้าง ชาวเผ่ามรณะทมิฬของเกาะลอยคว้างเหล่านั้นรวมทั้ง ’จักรพรรดิ’ ผู้นั้นที่ตื่นขึ้นมาแล้วก็พากันประหวั่นใจ
“เขาล่าเหยื่ออีกแล้ว” ’จักรพรรดิ’ แห่งเกาะลอยคว้างผู้นี้ดูละม้ายคล้ายกับสตรีอาภรณ์สีแดงผู้หนึ่ง นางยืนอยู่ในดินแดนชนเผ่า ด้านหลังมีผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่กลุ่มหนึ่ง แต่ละคนต่างก็ทอดสายตามองออกไปยังร่างมโหฬารหาใดเปรียบไกลออกไป นับตั้งแต่ ‘จักรพรรดิเหวศิลา’ มาถึงเกาะลอยคว้างแห่งนี้ เจ้าของเกาะลอยคว้างก็กลายเป็นจักรพรรดิเหวศิลาไปแล้ว ส่วนจักรพรรดิเผ่ามรณะทมิฬนั้นมิกล้าไปท้าทายเลย
แม้จะสามารถรักษาชีวิตรอดได้ แต่ก็ถูกจักรพรรดิเหวศิลาเหยียบย่ำอย่างสิ้นเชิง! เคราะห์ดีที่จักรพรรดิเหวศิลาไม่ชอบกินเผ่ามรณะทมิฬเหล่านี้เอามากๆ ตามปกติเขาก็หลับใหลอยู่บนเกาะลอยคว้างแห่งนี้ จะมีก็แต่เมื่อพบชนพื้นเมืองและบรรดาผู้บำเพ็ญเท่านั้นจึงจะยอมกินลงไป
“ซู้ด!”
ปากใหญ่โตดุจแอ่งโลหิตของจักรพรรดิเหวศิลาแผ่คลุมลงไปเบื้องล่าง แล้วสูดเข้าไป
ลำแสงบิดเบี้ยวกลายเป็นความมืดหม่น กาลเวลาและกาลมิติก็บิดเบี้ยวไป พละกำลังอันไร้ที่สิ้นสุดตกต้องร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงบรรพชนแมลงและจอมกระบี่
“พี่กระบี่ปีศาจ ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ทว่าสิ้นใจไปก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ว่าหากข้าจะฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง ก็ต้องทุ่มเทไปค่อนข้างมาก เวลาที่ต้องใช้ก็ต้องนานหน่อยก็เท่านั้นเอง!” บรรพชนแมลงถ่ายเสียงพูด
“จอมกระบี่ ต้องอาศัยเจ้าสู้สุดชีวิตเสียแล้ว ข้าไร้หนทางแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถ่ายเสียงพูด
จอมกระบี่กลับโบกมืออย่างเยียบเย็นคราหนึ่ง แล้วเก็บตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงข้างกายลงไป
ร่างแยกพลังรบหลักร่างหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งไปสำรวจล่วงหน้าก่อนหน้านี้กลับไม่ทันการเสียแล้ว ภายใต้พละกำลังดูดกลืนอันน่าหวาดหวั่น เขาก็รู้สึกว่าทั้งร่างล้วนถูกห่อหุ้มแล้วตกเข้าไปอย่างรวดเร็ว ภายในปากมหึมาของจักรพรรดิเหวศิลา ที่ส่วนลึกของปากนั้นเป็นสีแดงเข้มบิดเบี้ยว เมื่อถูกกลืนเข้าไป ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สัมผัสได้ถึงความร้อนระอุถึงขั้นสุด!
แม้ร่างกายของเขาจะฝึกฝนมาจนเทียบได้กับเทพจักรวาลสามชั้นสายฝึกกายแล้ว แต่ภายใต้ความร้อนระอุระลอกนี้ ร่างกายก็ยังคงแยกออกอยู่ดี
“ร่างแยกร่างหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นพรรค์นี้ ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้แม้แต่น้อยอย่างแท้จริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึงในใจ จักรพรรดิเหวศิลายังแข็งแกร่งกว่า ‘ลูกมังกรหมื่นสัมผัส’ ที่ถูกจองจำตนนั้นตั้งมากมาย! ทว่าพลังโดยรวมของดินแดนจิตโลกาแข็งแกร่งมาก นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่าง ชนพื้นเมืองและเผ่ามรณะทมิฬ ก็ล้วนมิอาจทะลุสิ่งกีดขวางจากหุบเขาเขี้ยวหักเข้ามายังดินแดนจิตโลกาได้
ตามรายงาน
สิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหักล้วนเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างเท่านั้น จำนวนก็น้อยอย่างยิ่ง บนเกาะลอยคว้างจำนวนนับไม่ถ้วนพบสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่าได้ยากมาก! ในหมู่พวกมัน ส่วนใหญ่ล้วนมีพลังธรรมดามาก หากสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูพบเข้า โดยทั่วไปก็สามารถรักษาชีวิตไว้ได้อย่างไร้ปัญหา แต่ในจำนวนนั้นมีอยู่แปดตนที่เป็นระดับยอดสุด และได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้วิเศษใหญ่
จักรพรรดิเหวศิลาก็ได้รับการเรียกขานว่า ‘ผู้วิเศษใหญ่แห่งเหวศิลา’! เป็นหนึ่งในผู้วิเศษใหญ่! หากเป็นจักรพรรดิเซี่ยที่ถือสมบัติลับขั้นสุดยอดเอาไว้เกิดพบเข้า ก็ยังมีหวังหนีเอาชีวิตรอดได้ แต่พวกตงป๋อเสวี่ยอิงจะเอาชีวิตรอดน่ะหรือ ความหวังก็ริบหรี่มากแล้ว!
แน่นอนว่าทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหัก ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดก็ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตของเผ่ามรณะทมิฬและชนพื้นเมืองที่บรรลุถึงระดับยอดสุดอย่างแท้จริงห้าท่าน ซึ่งถูกเรียกว่าเป็น ‘ห้ายอดเคารพ’
ห้ายอดเคารพ!
สามท่านมีต้นกำเนิดจากเผ่ามรณะทมิฬ ส่วนอีกสองท่านจากเผ่าชนพื้นเมือง
ระดับอย่างผู้ปกครองหุบเขาเขี้ยวหักอันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างแท้จริงนั้น ต่อให้ราชันย์อนธการอมตะและจักรพรรดิเซี่ยทำทุกวิถีทางก็ยังสามารถถูกทำลายได้อย่างง่ายดายอยู่ดี! ดังนั้นราชันย์อนธการอมตะจึงคิดจะหลอม ‘ผู้ท่องมรณะ’ ขึ้นมาอยู่ตลอด จึงได้ทุ่มเทไปมูลค่ามหาศาลเพื่อบูชาครั้งใหญ่ หมายจะสำเร็จให้ได้ในคราวเดียว ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับลงมือทำลายธุระของเขา ทำให้แม้ราชันย์อนธการอมตะจะกระหายสถานที่อยู่ลึกที่สุดต่างๆ ของหุบเขาเขี้ยวหักมาก แต่กลับมิกล้าถลำลึกเข้าไป”
เนื่องจากทั้งหุบเขาเขี้ยวหัก ทรัพยากรที่ดีที่สุด สถานที่พิเศษสุดอย่างแท้จริงก็ล้วนแต่มีห้ายอดเคารพครอบครองแล้ว!
……
ห้ายอดเคารพนั้นไม่ต้องสนใจแล้ว
จักรพรรดิเหวศิลาตรงหน้าก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิง บรรพชนแมลงและจอมกระบี่ตื่นเต้นหาใดเปรียบแล้ว
“มิได้บอกว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างมีน้อยมากหรอกหรือ พวกเราบุกฝ่าเกาะลอยคว้างมาสามสิบกว่าแห่ง ได้พบสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็แล้วไปเถิด แต่ยังปะทะเข้ากับจักรพรรดิเหวศิลา หนึ่งในผู้วิเศษใหญ่อีกด้วย!” ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ บรรพชนแมลงมีสีหน้าขมขื่น
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับส่งผลังผ่านสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ไป เขายังคงพยายามสำแดงเขตลวงออกมาอย่างสุดกำลัง
ตู้มมม…
เขตลวงแผ่คลุมรอบด้าน แม้เพียงแค่ปะทะถูกร่างกายเพียงส่วนน้อยนิดของจักรพรรดิเหวศิลาเท่านั้น แต่กลับรุกรานเข้าไปในวิญญาณของจักรพรรดิเหวศิลาด้วย เพียงแต่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นพิเศษอย่างยิ่งจริงๆ หลายส่วนของร่างกายเป้นการปรากฏของกฎเกณฑ์อันสูงส่ง เกล็ดหรือกระดูกสักแผ่นหนึ่งก็มีความเร้นลับมากมาย วิญญาณของมันก็ย่อมแข็งแกร่งหาใดเปรียบ ต่อให้ปัญญาทั่วไปมาก ก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พลังก็คงลดลงเพียงส่วนเดียวเท่านั้นเอง
“สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ก็มีเพียงราวๆ นี้ จอมกระบี่ ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วนะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบถอนหายใจ แม้ตนจะพกดอกบัวเพลิงห้วงอากาศมาด้วย แต่ร่างแยกทั้งเก้าร่างร่วมมือกัน ก็มิอาจต้านทานการดูดกลืนของจักรพรรดิเหวศิลาได้
“ฟิ้ว!”
ประกายกระบี่อันโดดเด่นสะดุดตาแหวกความมืดหม่นอันไร้ที่สิ้นสุดออกไป
จอมกระบี่ถือกระบี่เล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ เขาทำลายพละกำลังหลายชั้นที่พันธนาการเอาไว้ แล้วพยายามพุ่งออกไปข้างนอกอย่างสุดกำลัง!
“แคว่ก!” กรงเล็บมหึมาของจักรพรรดิเหวศิลาราวกับก่อตัวขึ้นจากหินผา มันปรากฏขึ้นมาท่ามกลางความมืดหม่นอันไร้ที่สิ้นสุด แล้วแผ่คลุมไปทางจอมกระบี่ด้วยความเร็วสูง จอมกระบี่พยายามต้านทานและถ่ายแรงอยากสุดกำลัง
ปัง!
ประกายกระบี่สลายไป
จอมกระบี่กระอักเลือดแล้วบินทะยานต่อไปอย่างน่าอนาถ
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” จักรพรรดิเหวศิลาเปล่งเสียงหัวเราะออกมา สะท้อนก้องไปทั่วทั้งเกาะลอยคว้าง เหมือนกับสนุกสนานตื่นเต้นดีใจนัก
……
ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์
ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงตรวจดูโลกภายนอกด้วยความกังวล พลางมองดูจอมกระบี่ดิ้นรนด้วยความยากลำบาก
“แข็งแกร่งเกินไปอยู่ดี” บรรพชนแมลงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “กระบี่ปีศาจมีพลังที่ไร้ศัตรู นอกจากนี้วิธีการต่างๆ ก็ยังสมบูรณ์แบบมาก ต่อให้เป็นพวกบรรพชนราตรีนิรันดร์หรือประมุขรัฐจันทร์บุปผามาเอง ก็เกรงว่าคงจะสู้พี่กระบี่ปีศาจไม่ได้เสียด้วยซ้ำ”
“ใครใช้ให้พบจักรพรรดิเหวศิลาเข้ากันเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจ “นอกจากนี้ ดูๆ แล้วจักรพรรดิเหวศิลาก็เห็นนี่เป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่ง มิได้สู้อย่างสุดกำลัง น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ในเกาะลอยคว้าง พวกเราผู้บำเพ็ญก็ต้องเผชิญกับการผลักไส มิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ ทำได้เพียงค่อยๆ บินไปอย่างเชื่องช้าเท่านั้น! จักรพรรดิเหวศิลาจึงไม่กลัวเลยว่าพวกเราจะหนีพ้นได้”
“อ๊าก!” แผ่นเกล็ดบนหน้าของบรรพชนแมลงหดลง
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ขมวดคิ้วคราหนึ่ง เนื่องจากร่างของจอมกระบี่ถูกเชือดเฉือนออก แม้จะสมานกันอย่างรวดเร็ว แต่บนร่างของจอมกระบี่กลับมีพละกำลังสีเทาอันแปลกประหลาดพันธนาการเอาไว้
ผ่านไปราวสิบกว่าชั่วลมหายใจ
“เสวี่ยอิง บรรพชนแมลง ต้านทานไว้ไม่ได้แล้ว” เงาร่างสายหนึ่งของจอมกระบี่ส่งเสียงมา
ตู้ม!
ไม่นานนัก สมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงมองสบตากันยิ้มๆ แม้ท้ายที่สุดจะดิ้นรนเสียจนต้องหนีไปทั่วสารทิศ แต่ภายใต้การกดดันของ ‘จักรพรรดิเหวศิลา’ ซึ่งดุจดั่งการดูดกลืนของหุบเหวลึกอันไร้ที่สิ้นสุด ก็ยังคงถูกดูดกลืนเข้าไปจนสิ้น
“ข้าต้องใช้เวลานานมากจึงจะฟื้นฟูกลับมาได้ รอหลังจากฟื้นฟูแล้ว ก็จะมายังเมืองหิมะเหิน พี่ใหญ่หิมะเหิน สมบัติล้ำค่าต่างๆ ช่วยข้าเก็บเอาไว้ให้ดีก่อนก็แล้วกัน” ขณะที่บรรพชนแมลงถูกกลืนลงไปก็ยังถ่ายเสียงพูด
“วางใจเถิด ข้าไม่เอาเปรียบเจ้าแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะใหญ่
กองกำลังสามคนของจอมกระบี่ ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงก็ดับสลายไปเช่นนี้เอง!
******
ณ เมืองหิมะเหิน
กองหิมะปกคลุมสวนดอกไม้เอาไว้ ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ภายในสวนดอกไม้เพียงลำพังพลางแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า มีเงาร่างสายหนึ่งรวมตัวกันขึ้นกลางอากาศ ซึ่งก็คือร่างแปรของจอมกระบี่ที่ร่อนลงมานั่นเอง
“เสวี่ยอิง” จอมกระบี่ร่อนลงมา บนใบหน้าของเขาก็เผยแววจนใจสายหนึ่งออกมา “ทำให้เจ้าและคนอื่นๆ ผิดหวังเสียแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเหวศิลาก็ไม่สามารถต้านทานได้เลย”
“อย่างน้อยเจ้าก็ยังสามารถต้านทานได้ ข้ายังไม่ไม่มีแม้แต่โอกาสเสียด้วยซ้ำไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “นอกจากนี้ก่อนหน้าที่จะเข้าไปในหุบเขาเขี้ยวหัก พวกเราก็ได้เตรียมการที่จะสูญเสียร่างแยกเอาไว้แล้ว แม้เมื่อต้องสูญเสียสมบัติล้ำค่าก็เสียใจ แต่หากพูดถึงสิ่งที่ได้รับมา ก่อนหน้านี้พวกเราก็ได้อะไรมาจากเกาะลอยคว้างสามสิบสามแห่งตั้งมากมายแล้ว”
จอมกระบี่พยักหน้า “ไม่ต้องรีบร้อนไป รอจนบรรพชนแมลงมาแล้วค่อยแบ่งกันก็ได้”
“พลังของเขาจะฟื้นฟู ก็ยังต้องใช้เวลาอยู่บ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “เขาไม่มีร่างแยก คงจะเป็นเคล็ดลับฟื้นคืนชีพของแมลงขั้นสุดยอดกระมัง”
“เข้ามายังหุบเขาเขี้ยวหักในครั้งนี้ ได้บุกฝ่าเกาะลอยคว้างตั้งหลายแห่งติดต่อกัน เนื่องจากมีเจ้า เสวี่ยอิง จึงได้ผลประโยชน์มามากกว่าที่คาดเอาไว้มาก และได้สบโอกาสตั้งหลายครั้ง” จอมกระบี่กล่าว “ในเมื่อครั้งนี้สูญเสียร่างแยกไป อาวุธข้าก็สูญหายไปด้วย ภายในระยะเวลาสั้นๆ พลังของข้ากับเจ้าก็จะไม่ต่างอะไรกันมากนัก ข้าจะยังไม่ไปที่หุบเขาเขี้ยวหักก่อนชั่วคราว แล้วเตรียมตัวเก็บตัว บำเพ็ญเพียรอย่างเงียบๆ โอกาสที่ได้พบในหุบเขาเขี้ยวหักพวกนั้น ยังไม่มีเวลาลองรับรู้ดูเลย”
“เจ้าไม่ไปแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง
“ตอนนี้ยังไม่ไปก่อนแล้วกัน” จอมกระบี่เอ่ย
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ “แต่ข้าก็ยังจะไปอยู่ดี ข้ายังต้องไปดูดวงตาเร้นลับดวงอื่นๆ ด้วย”
“ฮ่าฮ่า ร่างแยกของเจ้ามีตั้งมากมาย ลองอีกสักสองสามครั้ง ก็มีโอกาสมองเห็นดวงตาเร้นลับนั่นได้” จอมกระบี่พูดยิ้มๆ
“อื้ม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
แม้ครั้งนี้จะได้อะไรมามากมาย แต่เมื่อร่างแยกของจอมกระบี่ร่างนั้นตายไป สูญเสียสมบัติลับของวิถีทำลายล้างที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งไปชิ้นหนึ่ง จอมกระบี่มีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง เมื่อบวกกับสมบัติลับระดับยอดสุดที่เหมาะสมอย่างยิ่งนั้น จึงจะมีพลังที่ไร้ศัตรูได้! บัดนี้ตามหาสมบัติลับที่เหมาะสมไม่พบ พลังของเขาลดลง หากใช้พลังเช่นนี้ไปบุกฝ่าเกาะลอยคว้าง ก็ไม่มั่นใจว่าจะ ‘ฆ่าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน’ ได้ ต้องอาศัยโชคเต็มๆ
หากพูดถึงร่างแยก จอมกระบี่มิได้มีมากเท่ากับตงป๋อเสวี่ยอิง สูญเสียร่างแยกไป ก็ต้องค่อยๆ ฝึกฝนร่างแยกร่างหนึ่งกลับมา
ข้อแรกก็คือเขาไม่อยากเป็นตัวถ่วงของตงป๋อเสวี่ยอิง ข้อสองก็คือเขาอยากสงบจิตใจเพื่อบำเพ็ญ และซึมซับสิ่งที่ได้รับจากช่วงเวลานี้!
“จอมกระบี่จะเก็บตัวบรรพชนแมลงเพื่อบำเพ็ญ ส่วนพลังของบรรพชนแมลงก็มิอาจฟื้นฟูได้ชั่วคราว หากอาศัยตัวข้าเอง…ก็ทำได้เพียงอาศัยร่างแยกทั้งหลายและศาสตร์เขตลวงโลกเทียมเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ หากพูดถึงว่ามีร่างแยกมากเพียงอย่างเดียว เขาก็ไม่กล้าคิดว่าตนจะสามารถทะลุไปตลอดทางจนถึงใจกลางของเกาะลอยคว้างแห่งหนึ่งได้ ทว่าเขามีลูกไม้เขตลวงโลกเทียมที่สามารถกวาดล้างระดับอ๋องได้ด้วย ทำให้เขาพอจะมีความมั่นใจอยู่บ้าง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น