Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 35 ตอนที่ 51-54
ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิ...
ตอนที่ 51 บรรดาผู้ช่วยของตงป๋อเสวี่ยอิง!
“ปัง!”
ฝ่ามือมหึมาซึ่งมีโลกดำมืดอันไร้ที่สิ้นสุดแฝงเอาไว้ตะปบเข้ามา ทำให้จอมกระบี่ที่เตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้วยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันดังเดิม “จักรพรรดิเซี่ยเตือนเอาไว้ไม่มีผิดว่าพลังของราชันย์อนธการอมตะผู้นี้เป็นระดับเดียวกับเขาอย่างแท้จริง ช่างน่ากลัวนัก”
เค้ามาออกหน้าขัดขวางก็ย่อมบอกกับจักรพรรดิเซี่ยเอาไว้ก่อนแล้วเป็นธรรมดา ตอนนั้นจักรพรรดิเซี่ยก็พูดไว้แล้วว่า “กระบี่ปีศาจ พลังของราชันย์อนธการอมตะผู้นี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่แพ้ข้าเลย หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ เขาจากดินแดนจิตโลกาแห่งนี้ไปนานยิ่งนัก ข้ามองพลังของเขาไม่ออกเลยจริงๆ”
เมื่อมาดูตอนนี้แล้ว
ก็เป็นระดับเดียวกับจักรพรรดิเซี่ยอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องแข็งแกร่งกว่าน่ะหรือ เห็นได้ไม่ชัดนัก หรือหากแข็งแกร่งกว่าก็มีข้อจำกัดอยู่
จอมกระบี่กลับไม่รู้เลยว่า ข้อแรก ราชันย์อนธการอมตะ มิได้พยายามสุดชีวิตเพื่อสำแดงลูกไม้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาข้อสอง สิ่งที่ราชันย์อนธการอมตะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดคืนวันอันยาวนานก็คือขัดเกลาและหลอมแปรเคล็ดวิชา ‘ผู้ท่องมรณะ’ ขึ้นมา ถ้าหากทำให้เขาบูชาสำเร็จ และหลอมผู้ท่องมรณะขึ้นมาได้สักร่างหนึ่ง! ก็มีคุณสมบัติพอจะเรียกได้ว่า ‘กายกึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น’ แล้ว หากพูดถึงพลังรบ กลับเทียบได้กับพวกสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่อ่อนแอที่สุดแล้ว!
“กระบี่ปีศาจ จำเอาไว้ เจ้าไปก็เพื่อปกป้องพวกคนที่อ่อนแอเหล่านั้น มิใช่จ้าวหิมะเหิน อย่าได้แตกหักกับราชันย์อนธการอมตะเข้าจริงๆ ล่ะ! แค่เกลี้ยกล่อมก็พอ เค้าคงจะไม่โง่เง่าจนถึงขั้นเป็นศัตรูกับรัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าด้วยเหตุนี้จริงๆ หรอก” ตอนนั้นจักรพรรดิเซี่ยก็ได้กำชับเอาไว้แล้ว
พวกจักรพรรดิเซี่ย ก็ไม่กลัวเลยจริงๆ
จักรพรรดิเซี่ยมีร่างแยกมากมาย ลำพังแค่ ‘นครหลวงคิมหันตวายุ’ ก็เป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของทั้งดินแดนจิตโลกา ซึ่งมีประชากรจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว เมืองใหญ่แต่ละแห่งที่สมาชิกคนสำคัญที่แท้จริงของสกุลเซี่ยแบ่งสรรกันไปก็ล้วนแต่มีร่างแยกของเขาประจำการอยู่!
ดังนั้นหากแตกหักกันขึ้นมาจริงๆ ตัวเมืองซึ่งเป็นหัวใจสำคัญก็ไร้กังวล
เขาเชื่อว่าก่อนที่จะมี ‘ความแค้นครั้งใหญ่’ นั้น ราชันย์อนธการอมตะก็คงไม่โง่เง่าถึงเพียงนี้!
จริงๆ แล้วผู้ที่ทำลายการบูชาในครั้งนี้ก็คือ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ราชันย์อนธการอมตะก็ย่อมเกลียดชังจ้าวหิมะเหินผู้นั้นเป็นธรรมดา คงจะไม่สร้างศัตรูตัวฉกาจที่น่าหวาดหวั่นเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย!
……
ตู้มมม…
ฝ่ามือมหึมาตะปบลงไป ประกายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็หายวับไป
จอมกระบี่ถูกกระแทกเสียจนกระเด็นลอยถอยหลังไป ก่อนจะกระทบลงบนที่ครอบแสงซึ่งเป็นค่ายกลคุ้มกันเมืองหิมะเหินเอาไว้ แล้วเขาก็ลอยขึ้นไปทันที
“เฮ้อ สิ่งที่อยู่ในมือเจ้ามิใช่สมบัติลับอันสูงส่ง แต่เจ้า กลับมีพลังขั้นไร้ศัตรูแล้วหรือนี่” ราชันย์อนธการอมตะเห็นเข้าก็ยิ้มเย็นชา “น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า พวกเจ้าก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอจะเรียกได้ว่าไร้ศัตรูอยู่ดี”
ทั้งดินแดนจิตโลกา
อันที่จริงแล้วยังมีอีกสองท่านที่ยังเหนือกว่าขั้นไร้ศัตรูเสียอีก
คนหนึ่งก็คือจักรพรรดิเซี่ย! ซึ่งสามารถโจมตีบรรพชนราตรีนิรันดร์ให้บาดเจ็บสาหัสจนต้องหนีไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือราชันย์อนธการอมตะ ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งของดินแดนจิตโลกาคนก่อน ซึ่งบัดนี้กลับมาก็แข็งแกร่งขึ้นไปอีก
พวกเขาสองคนล้วนแต่วิถีสองสายบรรลุถึงขั้นสุดยอด! พลังแข็งแกร่งกว่าขุมหนึ่งอย่างแท้จริง
ทว่าแข็งแกร่งกว่าขุมหนึ่ง…ระหว่างการต่อสู้ก็มิได้ได้เปรียบมากนัก เพียงแต่ครองความได้เปรียบเท่านั้นเอง!
บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูจะถอยหรือจะหนี ก็ล้วนทำได้สบายทั้งสิ้น
“ปัง ปัง!!”
จอมกระบี่ออกกระบี่ไปอย่างต่อเนื่อง
ราชันย์อนธการอมตะตะปบฝ่ามือใหญ่ลงไปหลายฝ่ามือต่อเนื่องกัน แม้จะโจมตีจนจอมกระบี่ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ก็แค่มีรอยโลหิตที่มุมปากบ้างเล็กน้อยเท่านั้น อาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้ถือว่าเบามาก
“จอมเคารพกระบี่ปีศาจ ข้าไม่มีความอดทนพอจะมาพูดพล่ามกับเจ้า!” ราชันย์อนธการอมตะโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว มือขวาของเขาตะปบลงไปอีกครั้ง ฝ่ามือในครั้งนี้กลับเป็นเปลวเพลิงสีดำลุกโชติช่วง ฝ่ามือขนาดมหึมาที่บดบังฟ้าดินตะปบเข้ามา แม้จอมกระบี่จะออกกระบี่ไปขัดขวาง แต่กลับถูกตะปบโดยตรงเสียจนกระเด็นลอยออกไปไกล ทั้งยังกระอักเลือดออกมาจากปากอีกด้วย
ขณะเดียวกันกับที่ตะปบจอมกระบี่กระเด็นไปนั้น ราชันย์อนธการอมตะตะปบฝ่ามือลงไปยังเมืองหิมะเหินเบื้องล่างอีกครั้ง
“หยุดมือนะ” เสียงตะคอกดังขึ้นมา
เมฆดำอันไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้น สกัดกั้นฝ่ามือนั้นของราชันย์อนธการอมตะเอาไว้
ปัง!
เมฆดำถูกตะปบโดยตรงจนกระจายออกไปทั่วทิศ แล้วกลับกลายเป็นแมลงจำนวนนับไม่ถ้วน
แมลงตัวเล็กละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วนบินไปทางเงาร่างสายหนึ่งอย่างรวดเร็ว เมื่อบินไปถึงบนร่างกายของเงาร่างสายนั้น ก็กลายเป็นอาภรณ์สีดำยาวตัวหลวมตัวหนึ่ง
นี่คือผู้แกร่งกล้าซึ่งเป็นแมลงบินได้มีและรูปร่างเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง ทั้งร่างล้วนแต่มีเกล็ดสีดำทะมึนอยู่ บนหน้าผากมีหนวดรับสัมผัสอยู่สองเส้น ด้านหลังยังมีปีกบางใสดุจปีกจักจั่นอยู่สองข้าง บัดนี้อาภรณ์สีดำซึ่งรวมตัวขึ้นจากแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนกลับห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ เขาเงยหน้ามองไปทางราชันย์อนธการอมตะ “ราชันย์อนธการ โปรดหยุดมือด้วยเถิด”
“บรรพชนแมลงหรือ” ราชันย์อนธการอมตะโมโหอยู่บ้าง “ท่านมาขัดขวางข้ารึ”
บรรพชนแมลงพอจะมีความสัมพันธ์กับเขาอยู่บ้าง
พวกเขาเคยซื้อขาย ‘น้ำทิพย์กลืนโลกา’ กันมาก่อน ราชันย์อนธการอมตะถึงขั้นไม่คิดจะงัดกระบี่กับบรรพชนแมลงเลย! เนื่องจากการบูชาครั้งนี้ล้มเหลว เขาก็ยังอยากจะซื้อ ‘น้ำทิพย์กลืนโลกา’ จากบรรพชนแมลงอีกครั้ง
“จ้าวหิมะเหินมีร่างแยกตั้งมากมาย ท่านก็มิอาจสังหารเขาให้ตายได้ ไปลงกับผู้บริสุทธิ์เพียงเพื่อระบายโทสะ ไยต้องทำเช่นนี้ด้วยเล่า” เสียงของบรรพชนแมลงแหบแห้ง
จอมกระบี่ด้านข้างตกตะลึงไป
ขุมอำนาจฝ่ายต่างๆ ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกากำลังที่กำลังเฝ้ามองที่นี่อยู่ต่างพากันตกอกตกใจ จอมเคารพกระบี่ปีศาจลงมือขัดขวางพวกเขาก็ยังพอเข้าใจได้ เพราะถึงอย่างไร เดิมทีจ้าวหิมะเหินก็เป็นเค่อชิงของรัฐโบราณคิมหันตวายุ! อีกทั้งว่ากันว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวอันดียิ่งกับจอมเคารพกระบี่ปีศาจด้วย
แล้วบรรพชนแมลงเล่า
บรรพชนแมลงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับรัฐโบราณคิมหันตวายุนี่นา! ตอนนั้นเมื่ออยู่ใต้บังคับบัญชาของ ‘จักรพรรดิกลืนโลกา’ บรรพชนแมลงยังเข่นฆ่าผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วเขาจะสนใจผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นไปไย
“ท่านสนใจมดปลวกเหล่านั้นด้วยหรือนี่” ราชันย์อนธการอมตะไม่อยากจะเชื่อ “บรรพชนแมลง ข้าฟังผิดไปหรือไร”
“ตระกูลอิงซานมีความหลังกับข้าน่ะ” บรรพชนแมลงเอ่ยปากพูด “จะว่าไปแล้ว ข้ายังติดค้างตระกูลอิงซานอย่างใหญ่หลวงอยู่ครั้งหนึ่ง ดังนั้นที่ข้ามาในครั้งนี้ ด้วยหวังว่าราชันย์อนธการจะยั้งมือได้”
……
ขณะที่ขุมอำนาจใหญ่แต่ละฝ่ายทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาต่างกำลังจับจ้องเมืองหิมะเหินนั่นเอง
กลับมีข่าวหนึ่งที่ส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาเขี้ยวหัก
“นายท่าน ตัวตนที่แท้จริงของคนวิถีจิตฟ้าคือจ้าวหิมะเหินขอรับ! เขาลงมือช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตทั้งสิบห้ารัฐ แต่กลับทำลายเรื่องใหญ่ของราชันย์อนธการอมตะ ราชันย์อนธการอมตะบุกสังหารมายังเมืองหิมะเหิน,หมายจะกวาดล้างทั้งตระกูลอิงซานหรือแม้กระทั่งทั้งเมืองหิมะเหิน ”ข่าวนี้แพร่มาถึงโลกใบหนึ่งภายในหุบเขาเขี้ยวหักอย่างรวดเร็ว
โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ สิ่งมีชีวิตมีจำนวนไม่มากนัก ทว่าทุกคนล้วนแข็งแกร่งเป็นอันมาก จำนวนสิ่งมีชีวิตกลับไม่มากนัก แต่ทุกคนล้วนแข็งแกร่งมาก แม้แต่ทารกที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นระดับเทพอากาศ
แต่ประมุขของโลกใบนี้กลับกำลังอยู่เป็นเพื่อนบุตรของตน
“เอ๊ะ” ตอนแรกบุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวก็ยังคงมองดูบุตรสาวทั้งยังหัวเราะคิกคักอยู่กับบุตรสาว ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
“คนวิถีจิตฟ้า ท่านเคยช่วยบุตรสาวข้าเอาไว้ เรื่องนี้ ข้าไม่ยุ่งไม่ได้จริงๆ!” บุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวยังคงอยู่ที่เดิม แต่อันที่จริงแล้วที่หลงเหลืออยู่ก็เป็นเพียงร่างแปรเท่านั้น ร่างจริงกลับจากไปและเร่งเดินทางไปยังเมืองหิมะเหินในดินแดนจิตโลกาแล้ว
……
เมืองหิมะเหิน
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองบรรพชนแมลงที่ปรากฏกายขึ้นด้วยความตกตะลึง
“บรรพชนแมลงก็มาช่วยข้าหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่อยากจะเชื่อ “เขาและตระกูลอิงซานมีความหลังต่อกัน ทำไมหรือ ในประวัติศาสตร์ตระกูลอิงซานเราไม่เคยบันทึกเอาไว้เลยหรือ”
‘แม่เฒ่าอิงซาน’ บรรพบุรุษของทั้งตระกูลอิงซานก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับไม่รู้เลย
บรรพชนแมลงที่อยู่ไกลออกไปหันกลับมามองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดราวกับศีรษะแมลงเผยรอยยิ้มสายหนึ่งออกมา เห็นได้ชัดว่าใจดีเป็นอย่างมาก ในใจของบรรพชนแมลงกลับซับซ้อนนัก “แม้แต่ตัวข้าเอง ก็ไม่รู้จักตัวเองแล้ว เพียงแต่ข้าลืมไม่ลง…นามที่แท้จริงของข้าคือปาถัวเฉิน! ลูกหลานหลักเพียงหนึ่งเดียวของสกุลปาถัว”
ปาถัวเฉินลืมไม่ลง
ในรัฐถูฮวา ตระกูลล่มสลาย ภรรยาก็เป็นสายลับที่ศัตรูส่งมา…ในเวลาที่เขาสิ้นหวังที่สุด กลับมีชายหนุ่มอาภรณ์ขาวนามว่าอิงซานเสวี่ยอิงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา! และส่งเขาไปยังรัฐโบราณคิมหันตวายุ
ในนครหลวงรัฐโบราณคิมหันตวายุ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของปาฏิหาริย์ของเขา!
แต่ก่อนที่เขาจะเติบโตและรุ่งโรจน์ขึ้นมานั้น กลับถูกจองจำอยู่ในคุกเนื่องจากผูกความแค้นกับสกุลฝาน แม้จะกล่าวว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นช้าๆ อย่างลับๆ จนท้ายที่สุดสามารถหนีออกมาได้ แต่เมื่ออยู่ในคุก การเติบโตของเขาก็ช้าเสียยิ่งกว่าช้า ก็ยังเป็น ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ที่ปรากฏกายขึ้นมาช่วยเหลือเขา และส่งเขาจากไป! เขาจึงได้กลายเป็นมังกรทะยานห้วงสมุทร เริ่มยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาเกลียด เกลียดคนมากมาย
ถึงขั้นรู้สึกว่าโลกใบนี้เลือดเย็นและโหดร้าย ผู้ที่อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง ต่อให้สิ้นหวังกว่านี้ แต่ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นั้นกลับทำให้เขารู้สึกว่าถึงอย่างไรโลกนี้ก็ยังมีแสงสว่างอยู่
ดังนั้น!
ต่อให้สิ่งมีชีวิตอื่นสิ้นใจไปมากกว่านี้ เขาก็จะไม่สนใจได้ แต่ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ จะต้องช่วยเหลือให้ได้!
“เพียงแต่ครั้งนี้คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว” บรรพชนแมลง ‘ปาถัวเฉิน’ มองดุเบื้องหน้า ภายในเวลาสั้นๆ พลังยกระดับขึ้นไปถึงขีดสุด แต่เมื่อเทียบกับราชันย์อนธการอมตะแล้ว ก็ยังแตกต่างกันมากอยู่ดี!
“ฟิ้ว…”
ทันใดนั้นแสงดาวอันสะดุดตาหาใดเปรียบก็ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าเหนือเมืองหิมะเหิน และกำลังรวมตัวกัน
“เอ๊ะ”
จอมกระบี่และบรรพชนแมลง ‘ปาถัวเฉิน’ ต่างก็ตกตะลึง
แม้แต่ราชันย์อนธการอมตะที่แค้นเคืองอยู่ก็สีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย จากแสงดาวที่แผ่กำจายไปทั่วบริเวณนั้น เขาสัมผัสได้ถึงแรงคุกคาม
แสงดาวรวมตัวกัน
กลายเป็นบุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวอันหรูหรางดงามผู้หนึ่ง ท่วงท่าของเขาสูงส่งเหนือธรรมดา ยืนอยู่ตรงนั้นพลางมองดูราชันย์อนธการอมตะที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ราชันย์อนธการอมตะหรือ”
“ท่านเป็นใครน่ะ” ราชันย์อนธการอมตะเคร่งขรึมขึ้นมา ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาเกรงว่าคงมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษของผู้มาเยือน เนื่องจากเขาเคยพบผู้แกร่งกล้าจำพวกนี้มาตั้งนานแล้ว!
“ประมุขโลกแสงดาวแห่งหุบเขาเขี้ยวหัก” บุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวพูดยิ้มๆ
“ประมุขโลกหรือ” ราชันย์อนธการอมตะสีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย
เขารู้ดีมากว่า ผู้ที่สามารถสำเร็จเป็น ‘ประมุขโลก’ ภายในหุบเขาเขี้ยวหักได้นั้นล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นเพียงใด! และนี่ก็คือสาเหตุว่า ทำไมเขาจึงตั้งใจจะหลอมผู้ท่องมรณะขึ้นมาให้ได้เสียก่อนจึงกล้าไปบุกฝ่า! แน่นอนว่า ประมุขโลกก็เป็นเพียงส่วนที่อันตรายส่วนหนึ่งของหุบเขาเขี้ยวหักเท่านั้น ลำพังแค่ประมุขโลกเพียงคนเดียว ทั้งยังไม่อยู่ในหุบเขาเขี้ยวหัก ราชันย์อนธการอมตะก็ไม่หวั่น
“ประมุขโลกในหุบเขาเขี้ยวหักอย่างท่านคนหนึ่ง มาที่นี่ด้วยเรื่องอันใดหรือ” ราชันย์อนธการอมตะเอ่ยปาก
“จ้าวหิมะเหินมีพระคุณต่อข้า ข้าก็ย่อมต้องมาปกป้องเขาเป็นธรรมดา!” บุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวกล่าว
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูด้วยความตกตะลึง จอมกระบี่ช่วยเขา เขาสามารถเข้าใจได้ แต่บรรพชนแมลงและ ‘ประมุขโลกแสงดาว’ ผู้เร้นลับแห่งหุบเขาเขี้ยวหักคนนี้ เขาไม่รู้จักเลยจริงๆ แต่บัดนี้พวกเขากลับแสดงตนออกมาในช่วงที่คับขันเสียอย่างนั้น
เขาลงมือช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับมีผู้แกร่งกล้าที่ยินดีออกมาช่วยเขาขัดขวางราชันย์อนธการอมตะอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ทีใครทีมัน นี่คือการหมุนเวียนอย่างหนึ่งของกฎเกณฑ์อันสูงส่งกระมัง” ทันใดนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็กระจ่างแจ้งขึ้นมา นับตั้งแต่เขาสัมผัสได้ถึงเสียงโห่ร้องของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้รับอิสรภาพคืนมา และรู้แจ้งทิศทางของเส้นทางวิญญาณ ก็พอจะมองเห็นทิศทางหลอมรวม ‘เขตลวงโลกเทียม’ ห้าสายเข้าด้วยกันแล้ว ตอนนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงกฎเกณฑ์ที่สูงกว่าในระดับชั้นวิญญาณ
เขาพอจะเข้าใจการหมุนเวียนกฎเกณฑ์อันสูงส่งขึ้นมารางๆ แล้ว
เขาช่วยเหลือสรรพชีวิต และสัมผัสได้ถึงทิศทางของวิถีเขตลวงโลกเทียมจากสรรพชีวิตเหล่านั้น
เขาช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนภายในดินแดนจิตโลกา ในคราวที่ตกระกำลำบาก จึงมีผู้แกร่งกล้าแสดงตนออกมา
ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิ...
ตอนที่ 52 ฝ่ามือล้างโลก
จอมกระบี่ บรรพชนแมลงและประมุขโลกแสงดาวผู้เร้นลับยืนอยู่กลางท้องฟ้าเหนือเมืองหิมะเหิน ขวางอยู่หน้าราชันย์อนธการอมตะ
ฉากนี้กลับทำให้คนในดินแดนจิตโลกาที่กังวลใจและเป็นห่วง ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ พากันถอนหายใจออกมาได้เฮือกหนึ่ง
“ผู้แกร่งกล้าทั้งสามมาช่วยเหลือ ประมุขโลกจากหุบเขาเขี้ยวหักผู้นั้นยิ่งลึกล้ำเกินหยั่งเข้าไปใหญ่” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาใจร้อนจนแทบลุกไหม้มาตลอด ยามนี้ก็ผ่อนคลายลงได้บ้างเล็กน้อย เมื่อมีพวกเขาช่วยเหลือ เสวี่ยอิงคงจะสามารถผ่านภัยครั้งนี้ไปได้”
“‘ประมุขโลกแสงดาว’ จากหุบเขาเขี้ยวหักผู้นี้เป็นใครกัน เหมือนว่าจะทำให้ราชันย์อนธการอมตะหวั่นเกรงอยู่บ้าง” ภายในเมืองหิมะเหิน แม่เฒ่าอิงซานก็จับตามองอยู่ทุกขณะจิต เพราะถึงอย่างไรก็เกี่ยวพันถึงการคงอยู่หรือดับไปของทั้งตระกูลอิงซาน หากเมืองหิมะเหินถูกทำลาย ตระกูลอิงซานอยู่ต่อหน้าราชันย์อนธการอมตะก็ไร้แรงตอบโต้อย่างสิ้นเชิง
……
“มีพระคุณหรือ จ้าวหิมะเหินมีพระคุณต่อท่านอย่างนั้นหรือ” ราชันย์อนธการอมตะพูดอย่างโกรธเคือง “ประมุขโลกจากหุบเขาเขี้ยวหักผู้องอาจอย่างท่านคนหนึ่ง พลังของท่านคงเหนือกว่าเขาอีกกระมัง เขามีพระคุณต่อท่านหรือ”
“เขาช่วยบุตรสาวของข้าเอาไว้” บุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวพูดยิ้มๆ “ราชันย์อนธการ เดิมทีจ้าวหิมะเหินก็มีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่แล้ว ท่านจะสังหารเขา จำเป็นด้วยหรือ ถอยไปเสียจะดีกว่า!”
“ดีมาก”
ราชันย์อนธการอมตะกวาดสายตาไป กวาดผ่านจอมกระบี่ บรรพชนแมลง และจับจ้องไปที่บุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวผู้นั้นในที่สุด “เจ้าก็แค่ประมุขโลกของโลกใบหนึ่งจากโลกมากมายในหุบเขาเขี้ยวหักเท่านั้นเอง บัดนี้เจ้าก็ออกจากโลกของตนแล้ว ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะมีพลังสักเท่าใดกันเชียว! ส่วนจอมเคารพกระบี่ปีศาจและบรรพชนแมลง…พวกเจ้ารีบไสหัวไปเสีย วันนี้ผู้ใดขัดขวางข้าก็ไร้ประโยชน์!”
พูดยังไม่ทันขาดคำ
มือทั้งคู่ของราชันย์อนธการอมตะก็บดบังท้องฟ้าเอาไว้ในทันใด ภายในฝ่ามือแต่ละข้างต่างก็มีโลกเปลวเพลิงสีดำอยู่ เมื่อเห็นแล้วก็ชวนใจสั่นและเกิดความสิ้นหวังขึ้นมา!
มือใหญ่มหึมาทั้งสองข้างตะปบเข้ามา
ฝ่ามือกวาดไปทางบรรพชนแมลงและจอมกระบี่
ฝ่ามือข้างหนึ่งกวาดไปทางบุรุษสวมอาภรณ์แสงดาว
ฝ่ามือใหญ่โตเกินไปแล้ว ถึงขั้นโอบอุ้มฟ้าดินเอาไว้ได้ จะหลบอย่างไรก็ไม่พ้น!
“แตก!”
จอมกระบี่กลับชักกระบี่ออกมา ประกายกระบี่ฟันฟาดไป ฟ้าดินปริแตก อานุภาพไร้ที่สิ้นสุด
“เฮอะๆๆ” บรรพชนแมลงกลับแค่นเสียงต่ำ อาภรณ์สีดำที่คลุมร่างเอาไว้แปรเป็นพลองสีดำเล่มหนึ่งในทันใด นี่เป็นอาวุธที่เหมาะสมกับเขาที่สุด บรรพชนแมลงถือพลองสั้นสีดำเอาไว้ในมือ แล้วทิ่มตรงขึ้นไปด้านบนทันใด! แขนขยายใหญ่ขึ้น พลองสีดำในมือก็ขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน ราวกับเสาค้ำฟ้าที่แทงตรงไปยังโลกเปลวเพลิงสีดำกลางฝ่ามือมหึมานั้นทันที
“ฟิ้ว…” ภายใต้การออกแรงเต็มฝ่ามือของราชันย์อนธการอมตะ ประกายกระบี่ของจอมกระบี่แหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปอย่างง่ายดาย บรรพชนแมลงถือพลองสีดำเอาไว้ในมือ มันแตกออกกลายเป็นแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนอีกครั้ง
ตัวจอมกระบี่เองถอยไปพลาง สำแดงศาสตร์กระบี่สุดกำลังเพื่อถ่ายแรงไปพลาง
บรรพชนแมลงขยับปีกคราหนึ่ง แล้วถอยผ่านอุปสรรคของมิติชั้นแล้วชั้นเล่าด้วยความเร็วสูง
“อ๊าก!”
แม้ราชันย์อนธการอมตะจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ทันใดนั้นกลับร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา!
เนื่องจากประมุขโลกแสงดาวถือหอกยาวเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ แล้วแทงตรงเข้าไปกลางฝ่ามือมหึมาอีกข้างหนึ่งของราชันย์อนธการอมตะ ถึงขั้นแทงทะลุโลกเปลวเพลิงสีดำ ทำให้โลกนั้นถล่มทลายลง ฝ่ามือของราชันย์อนธการอมตะก็เผยรูปโฉมที่แท้จริงออกมา มันถูกแทงทะลุจนกลายเป็นรู
“ประมุขโลกแสงดาวตัวดี! หากอยู่ในโลกของเจ้า ข้าก็จะยอมให้เจ้าบ้าง แต่อยู่ในดินแดนจิตโลกาน่ะหรือ ไสหัวไปให้ข้าเสีย!!!” ราชันย์อนธการอมตะคลุ้มคลั่งไปแล้ว ในหัวใจอันพิเศษประหนึ่งโลหะภายในร่างของเขา โลหิตสีทองหยดหนึ่งแผดเผาขึ้นมา พละกำลังสีทองอันแปลกประหลาดโหมซัดเข้าไปภายในมือซ้ายของเขาทันใด
มือซ้ายกลายเป็นสีทอง ดูสูงส่งหาใดเปรียบ ราชันย์อนธการอมตะขยับมือซ้ายทันที แล้วกวาดอย่างดุเดือดไปทางประมุขโลกแสงดาวอีกครั้ง
“นี่มันอะไรน่ะ” ประมุขโลกแสงดาวสีหน้าเปลี่ยนแปรไป เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากฝ่ามือสีทองมหึมานั้น! หากอยู่ในโลกของตน เขาก็จะไม่เกรงกลัวเลย แต่ตอนนี้อยู่ในดินแดนจิตโลกา พลังของเขาก็อ่อนแอลงขุมหนึ่งแล้ว
“ฟิ้ว”
หอกยาวในมือหมุนคว้างน้อยๆ แล้วเข้าไปสกัดกั้นเอาไว้
“ปัง!!!”
ฝ่ามือสีทองขนาดมหึมาตะปบลงไป เวลาหยุดนิ่ง มิติแหลกสลายกลายเป็นผุยผง ไม่มีที่ให้หลบได้เลย ประมุขโลกแสงดาวถูกตะปบเสียจนหอกยาวในมือสั่นสะท้าน มือทั้งสองถูกกระแทกเสียจนเต็มไปด้วยโลหิต ก่อนจะกลายเป็นลำแสงสายหนึ่งกระเด็นลอยออกไปอย่างมิอาจควบคุมได้
ส่วนบรรพชนแมลงและจอมกระบี่ แม้ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ จะมิได้งัดไพ่ใบสำคัญออกมาใช้ พวกเขาทั้งสองก็ถูกกำราบไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะถึงอย่างไรหากพูดถึงพลังแล้ว จอมกระบี่ก็ยังดีหน่อย เพราะมีพลังราวแปดส่วนของ ‘บรรพชนราตรีนิรันดร์’ ซึ่งนับได้ว่าถึงขั้นไร้ศัตรูแล้ว ส้วน ‘บรรพชนแมลง’ เมื่อเทียบกันก็ด้อยกว่าไม่น้อย เพราะเขาไม่มีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง หากพูดถึงพลังรบก็แค่สูงกว่าขั้นสุดยอดทั่วไปเพียงไม่กี่ส่วนเท่านั้นเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งร่างแยกไปสักสองสามร่างแล้วร่วมมือกัน ก็ไม่แพ้บรรพชนแมลงแล้ว
ทว่าบรรพชนแมลงมีการรักษาชีวิตที่แข็งแกร่งเป็นอันมาก!
……
“อะไรกัน!” ภายในวังหลวงแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ จักรพรรดิเซี่ยมองดูการต่อสู้ดำเนินไปอยู่ตลอดเวลา ยามนี้สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปในที่สุด “ราชันย์อนธการอมตะผู้นี้ยังมีลูกไม้เช่นนี้ด้วยหรือนี่”
เขาจ้องมองฝ่ามือมหึมาซึ่งเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมาอย่างตาไม่กะพริบ!
หากกล่าวว่าลูกไม้ที่ราชันย์อนธการอมตะปะทุออกมาก่อนหน้านี้ แค่ทัดเทียมกับจักรพรรดิเซี่ยเท่านั้น ยามนี้ อานุภาพของฝ่ามือสีทองนี้ก็เหนือกว่าจักรพรรดิเซี่ยไปแล้ว!
“พลังของเขา แข็งแกร่งกว่าข้าอยู่บ้างจริงๆ” จักรพรรดิเซี่ยลอบพึมพำ “ทว่าต่อให้ถูกอิงซานเสวี่ยอิงทำลายการบูชาไปแล้ว เขาก็มิได้สำแดงพลังระดับนี้ออกมา เมื่อถูกประมุขโลกแสงดาวบีบจนร้อนใจจึงสำแดงออกมา เมื่อสำแดงกระบวนท่าออกมา อาจจะต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างก็เป็นได้”
หากเป็นกระบวนท่าที่ใช้เป็นประจำ
ไยจึงต้องแอบซ่อนมาถึงตอนนี้ด้วยเล่า
“แข็งแกร่งนัก”
“ร้ายกาจ”
“พลังของราชันย์อนธการอมตะเหนือกว่าจักรพรรดิเซี่ยจริงๆ”
“หากพูดถึงพลังแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งดินแดนจิตโลกาก็ยังคงเป็นราชันย์อนธการอมตะอยู่ดี!”
“ราชันย์อนธการอมตะ…เป็นผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกา”
สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูคนแล้วคนเล่ามองเห็นฉากนี้ ก็ตัดสินในใจขึ้นมา
“ไสหัวไป”
ราชันย์อนธการอมตะยืนอยู่กลางอากาศ กลิ่นอายดำมืดที่สำแดงออกมาหอบม้วนฟ้าดินเอาไว้ ฝ่ามือหนึ่งแฝงโลกเปลวเพลิงสีดำเอาไว้ กดดันจอมกระบี่และบรรพชนแมลงเอาไว้ ทำให้จอมกระบี่และบรรพชนแมลงต้องหนีหัวซุกหัวซุนไป ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งกลับแปรเป็นฝ่ามือสีทองใหญ่โตอันโดดเด่นสะดุดตา เพียงฝ่ามือหนึ่งก็ตะปบจนประมุขโลกแสงดาวผู้นั้นต้องล่าถอยไป แล้วอีกฝ่ามือหนึ่งก็ตะปบตามไปติดๆ
กระแทกจนเกิดทางเชื่อมมิติสายหนึ่งขึ้นมา แล้วเขาก็ตะปบประมุขโลกแสงดาวเลียบทางเชื่อมมิติออกไป
“อิงซานเสวี่ยอิง ข้าเคยพูดแล้วว่า ผู้ใดก็ช่วยเจ้าไม่ได้!!!” สายตาของราชันย์อนธการอมตะกลับมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่กลางท้องฟ้าเหนือเมืองหิมะเหิน นัยน์ตาแฝงแววอาฆาตที่น่าหวาดหวั่นเอาไว้
ฝ่ามือสีทองขนาดมหึมาของเขาเก็บกลับมา แต่กลับตะปบลงไปยังเมืองหิมะเหินเบื้องล่าง
“พังไปเสียเถอะ!!!”
อานุภาพของฝ่ามือสีทองสูงเทียมฟ้า ฝ่ามือนี้เป็นการออกแรงเต็มที่ของผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกา! และเป็นการโจมตีอันเต็มไปด้วยความโกรธเคืองหาใดเปรียบอีกด้วย!
ยามนี้ แต่ละฝ่ายต่างก็ร้อนรนขึ้นมา
บรรดาผู้บำเพ็ญเหล่านั้นที่ได้รับบุญคุณใหญ่หลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงร้อนใจหาใดเปรียบ
พวกคนที่นับถือตงป๋อเสวี่ยอิงก็ร้อนใจ
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็เผยสีหน้าร้อนรนและสิ้นหวังออกมา “ข้าเคยพูดว่า ให้เขาอดทนสักหน่อย ก็ควรจะอดทนสิ!”
“นี่…นี่คือจุดจบของตระกูลอิงซานของข้าหรือนี่” แม่เฒ่าอิงซานยืนอยู่ภายในเมืองหิมะเหิน เงยหน้ามองดู ฝ่ามือสีทองมหึมากลางท้องฟ้าร่อนลงมา
ในยามนี้…
จอมกระบี่และบรรพชนแมลงที่ถูกกระแทกจนกระเด็นไป พวกเขาพากันร้อนใจหาใดเปรียบ
“อิงซานเสวี่ยอิง” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินอยากจะช่วยเหลือผู้มีพระคุณของตนจริงๆ
“เสวี่ยอิง!” จอมกระบี่ร้อนรนยิ่งกว่า
ทว่าไร้ประโยชน์…
พวกเขาล้วนแต่ไม่มีเรี่ยวแรงพอทั้งสิ้น แม้แต่ประมุขโลกแสงดาวก็ยังถูกกระแทกจนกระเด็นไป แม้เขาจะเร่งเดินทางกลับมาด้วยความร้อนใจ ก็สกัดกั้นฝ่ามือนี้ไว้ไม่ทัน!
ฝ่ามือนี้ เรียกได้ว่าฝ่ามือทำลายล้างโลก!
แม้ดินแดนจิตโลกาจะมีกฎเกณฑ์เข้มงวด แต่ฝ่ามือนี้ก็ยังสามารถทำลายล้างทั้งเมืองหิมะเหินได้สบายๆ
“ชิงเหอ!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกไป หอกยาวสีดำทะมึนเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ
มือทั้งสองของเขายกหอกยาวเล่มนี้ขึ้นมาโดยพลัน
“โครมมมม…” ค่ายกลแห่งแล้วแห่งเล่าทั่วทั้งเมืองหิมะเหินหมุนเวียนขึ้นมา อักขระลับจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนเวียนไป ลำแสงสายแล้วสายเล่ารวมตัวกันบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง ในยามนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงที่พกศูนย์กลางของจานค่ายกลเอาไว้ก็กลายเป็นศูนย์กลางของค่ายกลทั่วทั้งเมืองหิมะเหิน!
“คละถิ่น ทั้งฟ้าดิน เชือดเฉือน!!!”
นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เขากวัดแกว่งหอกยาวในมือ แล้วฟันออกไปเบื้องบนอย่างดุเดือด!!!
ทันใดนั้นฟ้าดินรอบด้านก็มีรอยแยกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น พลังคละถิ่นอันดำมืดโหมซัดออกมาจากรอยแยก แล้วรวมตัวกันอยู่บนหอกยาวเล่มนี้จนสิ้น จากนั้นฝ่ามือทั้งสองของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ฟันลงไปอย่างดุเดือด!
แคว่ก….
ฟ้าดินปริแตกออกแล้ว!
ปริแตกออกจริงๆ ทั้งโลกกำเนิดปริแตกออกแล้ว รอยแยกดำทะมึนสายหนึ่งเหมือนจะแบ่งแยกฟ้าดินออกจากกัน และกรีดลงบนฝ่ามือสีทองมหึมานั้นจนเกิดเป็นรอยแยกสีดำสายหนึ่งขึ้นมา! ฟึ่บๆๆ แสงสีทองที่ผิวของฝ่ามือสีทองที่มีอยู่เดิมมอดดับลงทันใด จากนั้นแสงสีทองก็สลายหายไป ฝ่ามือมหึมานั้นแยกออกเป็นสองท่อน อีกทั้งอานุภาพนี้ยังกัดเซาะและทำลายฝ่ามือไปบางส่วน จากนั้นฝ่ามือก็สมานกันอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ราชันย์อนธการอมตะกำลังเบิกตาโพลงมองดูฉากนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ ท่าไม้ตายของตนถูกสกัดกั้นแล้วอย่างนั้นหรือ
ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิ...
ตอนที่ 53 เผชิญกับราชันย์อนธการอมตะอย...
“อะไรกันนี่!”
เหล่าผู้แกร่งกล้าระดับขั้นสุดยอดจำนวนมากทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาอย่างเช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณา จักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน จักรพรรดิชาง เจ้าเมืองอนันต์ อ๋องสัตว์โลกา จักรพรรดิเทพผลาญโลกา ประมุขรัฐจันทร์โรจน์ บรรพชนราตรีนิรันดร์ และคนอื่นๆ ที่ชมดูการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ต่างก็ปากอ้าตาค้างดูฉากนี้! พวกเขาต่างก็มองออกว่าพลังคุกคามของฝ่ามือนั้นของราชันย์อนธการอมตะ จะต้องเป็นระดับสุดยอดของทั้งดินแดนจิตโลกาอย่างแน่นอน! แม้กระทั่งจักรพรรดิเซี่ยเองก็เกรงว่าจะด้อยกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง
ฝ่ามือนี้ฟาดลงไป เกรงว่าเมืองหิมะเหินคงจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีกระมัง
แต่ผลลัพธ์กลายเป็นว่ากลับถูกต้านเอาไว้เสียอย่างนั้นหรือ
“นี่ นี่ นี่เป็นเรื่องจริงหรือ” แม่เฒ่าอิงซานผู้ซึ่งเดิมทีเงยหน้ามองไปทางด้านบนก็ยังเตรียมพร้อมรับความตายแล้ว แต่ทว่า ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่กุมหอกยาวเอาไว้ในมือผู้นั้นกลับขัดขวางฝ่ามือนั้นเอาไว้ซึ่งๆ หน้าเสียแล้ว มิได้ตกเป็นรองเลยแม้แต่น้อย! ถึงขนาดที่ว่ากันตามความจริงแล้ว มือของราชันย์อนธการอมตะยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
“ข้าก็รู้ ข้าก็รู้ว่าเสวี่ยอิงทำเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าจะมีหลักประกันอยู่แล้ว” จอมกระบี่ได้เห็นเหตุการณ์แล้วกลับเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา “เขาเผชิญหน้ากับการคุกคามของราชันย์อนธการอมตะ ก็ยังต้องการจะช่วยเหลือวิญญาณมีชีวิตของสิบห้าประเทศนั้น ข้าก็เดาว่าเขาคงจะมีหลักประกันอะไรบางอย่างอยู่! เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า… ที่แท้แล้วอาศัยสิ่งใดกันแน่ คิดไม่ถึงว่าที่เมืองหิมะเหิน พลังยุทธ์ของเขาจะสามารถแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้!”
“อาศัยค่ายกลเมืองหิมะเหิน เขาก็สามารถแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่” จักรพรรดิเซี่ยก็พรั่นพรึงอยู่บ้าง
“ถ้าหากแม้แต่ราชันย์อนธการอมตะก็ยังทำอะไรเขามิได้ ที่เมืองหิมะเหิน เขาก็ไร้ซึ่งศัตรูอย่างแท้จริงแล้วล่ะ” บรรพชนฝานก็อุทานขึ้น
……
ณ ที่มั่นของตน อาศัยค่ายกลอันแน่นหนา พลังยุทธ์เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง
แต่ต่อให้อาศัยค่ายกล การยกระดับพลังยุทธ์โดยทั่วไปแล้วก็มีขีดจำกัดอยู่ อย่างเช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณาต้องทุ่มเททรัพย์สมบัติมหาศาลจึงจะสามารถบริหารจัดการนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาให้มั่นคงได้! ที่นครหลวง เขาจึงสามารถต่อกรกับบุคคลผู้ไร้เทียมทานซึ่งๆ หน้าโดยไม่สนใจสิ่งใดได้!
อย่างเช่นพวกจักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน และจักรพรรดิชาง แต่ละคน…
พลังยุทธ์ของตนเองก็กล้าแกร่งอยู่แล้ว
ถ้าหากอยู่ภายในเมืองของตน พลังยุทธ์ของจักรพรรดิเซี่ยที่ ‘นครหลวงคิมหันตวายุ’ ก็ยังแข็งแกร่งขึ้นอีก ราชันย์อนธการอมตะไปก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัว!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน” ราชันย์อนธการอมตะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องมองลงไปยังเบื้องล่าง“ ณ ที่มั่นของตัวเอง ต่อให้มีค่ายกลส่งเสริม พลังยุทธ์เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล สามารถเทียบเคียงได้กับบุคคลผู้ไร้เทียมทานธรรมดาทั่วไปก็ช่างเถิด แต่สามารถต้านทานข้าเอาไว้ได้อย่างไรกัน”
“ล้างผลาญให้ข้าเสีย!”
ราชันย์อนธการอมตะไม่เชื่อ เขาส่งเสียงคำราม หัวใจที่พิเศษราวกับโลหะในร่างกายนั้นก็มีหยาดโลหิตสีทองสองหยดเผาไหม้อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
เขาโมโหแล้วอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องทำให้อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ได้ชดใช้!
“ปัง!” “ปัง!”
ฝ่ามือสีทองอันน่าหวาดหวั่นทั้งคู่เคลื่อนเข้ามาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้ฝ่ามือทั้งสองแผ่ปกคลุมลงมาพร้อมกัน ความยิ่งใหญ่ของพลังคุกคามทำให้จอมกระบี่ บรรพชนแมลงและคนอื่นๆ ต่างก็หน้าถอดสีมิกล้าต้านทาน และประมุขโลกแสงดาวที่รีบเร่งกลับมาก็มิได้เร่งร้อนลงมือ ”คิดไม่ถึงว่า ก่อนหน้านี้จ้าวหิมะเหินผู้นี้จะถึงกับสามารถทำลายกระบวนท่านั้นได้ซึ่งๆ หน้า อย่างน้อยในที่มั่นเมืองหิมะเหินของเขาก็ดูเหมือนว่าพลังยุทธ์ของเขาจะยังแข็งแกร่งกว่าข้าอยู่พอสมควรทีเดียวกระมัง”
“ปัง…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมือกุมหอกยาว ค่ายกลทุกแห่งทั่วทั้งเมืองหิมะเหินโคจรส่งเสริมร่างกายตน เหนี่ยวนำฟ้าดินและห้วงอากาศโดยรอบผ่าน ‘หอกชิงเหอ’ อาวุธเทพคละถิ่น
ทั่วทั้งเมืองหิมะเหินตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิดในชั่วพริบตา พลังคละวิถีจำนวนนับไม่ถ้วนแทรกเข้าสู่ห้วงอากาศ พรั่งพรูกดดันราชันย์อนธการอมตะผู้นั้น!
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับอาวุธเทพคละถิ่นมานานสามแสนล้านปีได้แล้ว นับตั้งแต่ได้รับอาวุธเทพคละถิ่นเล่มนี้มา ก็ย่อมต้องศึกษาอยู่แล้วว่าจะทำอย่างไรให้แสดงพลังคุกคามที่แข็งแกร่งขึ้นออกมาได้! ถ้าหากค่ายกล ‘เมืองหิมะเหิน’ ผสานรวมกับหอกยาวเล่มนี้อย่างสมบูรณ์แบบขึ้นมา… ดังนั้นก็จะปรับปรุงเคล็ดวิชาได้มากมายแล้ว
“หืม”
เขตพลังคละถิ่นอันมืดมิดที่พรั่งพรูแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง กดดันราชันย์อนธการอมตะ กดดันฝ่ามือสีทองคู่นั้น
ราชันย์อนธการอมตะอดที่จะหน้าถอดสีมิได้
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจึงสำแดงวิชาหอกอีกครั้ง เห็นเพียงว่าเพียงแค่ฝีหอกอย่างง่ายๆ ของวิชาหอกแทงออกมาฝีหอกหนึ่ง ก็มีฟองจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาแล้วพังทลายแตกสลายอย่างต่อเนื่อง พลังของการแตกสลายนั้นปะทะเข้ากับฝ่ามือสีทองคู่นั้นในที่สุด
“โครม…”
เสียงกระแทกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราชันย์อนธการอมตะกลับยังมีสีหน้าดุร้ายเช่นเดิม ฝ่ามือทั้งคู่ฝืนต้านทานทั้งหมดทั้งมวลเอาไว้ เคลื่อนลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดเลยแม้แต่น้อย
“คละถิ่น รุดหนีหมื่นโลกา” ตงป๋อเสวี่ยอิงแทงหอกยาวคราหนึ่งก็มีน้ำวนคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดคุ้มกาย
หอกยาวทิ่มแทงลงบนฝ่ามือสีทอง
แรงปะทะน่าหวาดหวั่นอันรุนแรงถูกน้ำวนคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดถอนไปอย่างไม่หยุดหย่อนจนไม่มีพลังส่งผลกระทบต่อร่างกายเลย
ประกายสีทองบนฝ่ามือทั้งสองของราชันย์อนธการอมตะก็ริบหรี่ลงไปแล้ว
“อะไรกันนี่” ราชันย์อนธการอมตะร้อนรนจริงๆ เสียแล้ว เขามองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในขณะนี้เขาเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าต่อให้เขาเผาผลาญหยาดโลหิตในหัวใจอันล้ำค่าก็ได้แค่เทียบเคียงกันเท่านั้นเอง
“กรอด”
ราชันย์อนธการอมตะขบกราม
เขาต้องการที่จะหลบหนีเข้าไปในเมืองหิมะเหิน เขาไม่คิดที่จะเอาชนะจ้าวหิมะเหินผู้นี้อีกต่อไปแล้ว เขาต้องการจะแฝงตัวเข้าไปในเมืองหิมะเหินแล้วทำลายตามใจชอบ!
แต่ทั่วทั้งเมืองหิมะเหินต่างก็อยู่ในบริเวณเขตพลังของตงป๋อเสวี่ยอิง ราชันย์อนธการอมตะเพิ่งจะฝืนทะลุผ่านการขัดขวางของระลอกคลื่นโลกาชั้นแล้วชั้นเล่าเข้าไปภายในเมืองหิมะเหิน ห้วงมิติระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นขุมหนึ่งก็ห่อหุ้มเขาเอาไว้แล้วเคลื่อนย้ายเขาออกไป!
เบื้องหน้าเขาไหวสั่น
ก็มาถึงด้านนอกเมืองหิมะเหินแล้ว
พูดถึงการควบคุมเขตพลัง ถึงแม้ว่าเขาจะบำเพ็ญ ‘ความตายและเปลวเพลิง’ วิถีขั้นสุดยอดสองสายควบคู่กัน แต่ทางด้านการควบคุมเขตพลังก็มิอาจสู้ยอดฝีมือวิถีอากาศได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับ มีค่ายกลมากมายส่งเสริมร่างกาย มีอาวุธเทพคละถิ่นอยู่ในมือ อยู่ที่อื่นก็แล้วไปเถิด แต่ที่เมืองหิมะเหินนี้เขาก็ย่อมสามารถควบคุมทุกกระเบียดนิ้วได้อย่างสบายๆ อยู่แล้ว!
“พรึ่บๆๆ”
“ปัง”
ราชันย์อนธการอมตะสำแดงเคล็ดวิชาออกมามากมาย
จะฝืนหลบหนี หรือแฝงตัวเข้าไป หรือว่าจะโจมตีอย่างอันธพาล แต่ก็ถูกตงป๋อเสวี่ยอิงขัดขวางเอาไว้จนหมด หรือว่าจะเคลื่อนย้ายออกไป
“พรึ่บ”
ถึงขนาดที่เมื่อเผชิญหน้ากับหอกยาวอันน่าหวาดหวั่นของตงป๋อเสวี่ยอิง ราชันย์อนธการอมตะที่เผาผลาญโลหิตในหัวใจอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้ก็ยังถูกโจมตีอย่างน่าอนาถเหลือทนจนโลหิตอาบไปทั่วร่าง!
“เจ้า เจ้าสามารถระดมพลังคละวิถีมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน” ราชันย์อนธการอมตะไม่อยากจะเชื่อ พลังคละวิถีที่อิงซานเสวี่ยอิงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เคลื่อนย้ายมาทุกการเคลื่อนไหวช่างน่าหวาดหวั่นเกินไปเสียแล้ว แม้กระทั่งเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทาน อาศัยสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า ก็เพียงแต่ร้ายกาจขึ้นทางด้านกฎเกณฑ์เท่านั้น มิได้เชี่ยวชาญทางด้านการระดมพลังคละวิถี
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงระดมพลังคละวิถี ก็ระดมมาได้มากมายเกินไปแล้ว!
ถึงขนาดที่มีลักษณะของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่แท้จริงอยู่หลายส่วน
“หรือว่า…” ราชันย์อนธการอมตะมองไปทางหอกยาวในมือของตงป๋อเสวี่ยอิงเล่มนั้น “ในมือของเจ้าคืออาวุธเทพคละถิ่นหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงอยู่บ้าง
ถูกเดาออกเสียแล้วหรือ
“มิผิด ต้องใช่อย่างแน่นอน! ต่อให้มีค่ายกลส่งเสริมก็ไม่ควรจะเหนือธรรมดาเช่นนี้ จะต้องมีอาวุธเทพคละถิ่นอยู่อย่างแน่นอน อาวุธเทพคละถิ่น…เชี่ยวชาญการระดมพลังคละวิถีมากที่สุดแล้ว” ราชันย์อนธการอมตะมองไปทางหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวตรงหน้า นอกเหนือไปจากแววอาฆาตแล้ว ในดวงตาก็มีความริษยาอยู่!
เขาอิจฉาจริงๆ
เพราะยามที่เขากำลังโจมตีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นแต่ก็รู้ดีว่าในโลกกำเนิดแต่ละแห่งมีผู้บำเพ็ญที่ล้ำเลิศร้ายกาจบางคนที่พรสวรรค์ในการหยั่งรู้ไปเข้าตาเหล่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเข้า! เหล่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็จะจัดเตรียมอาวุธคละถิ่นที่ ‘ดัดแปลง’ ชิ้นหนึ่งให้กับพวกเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะว่าเทพจักรวาลไม่สามารถใช้อาวุธคละถิ่นที่แท้จริงได้
แต่ราชันย์อนธการอมตะกลับไม่รู้ว่า ไม่เพียงแต่ต้องดัดแปลงเท่านั้น แต่ยังต้องให้เทพจักรวาลหลอมขึ้นกับมือเองด้วย จึงจะสามารถหลอมอาวุธคละถิ่นสักชิ้นหนึ่งขึ้นมาได้
“พรสวรรค์ของเขาไปเข้าตาใครเข้ากันหนอ ใช่หยวนหรือไม่” ราชันย์อนธการอมตะเอ่ยพึมพำ “แต่ต่อให้อิจฉาอย่างไร บนเส้นทางการโจมตีสิ่งมีชีวิตคละถิ่น แต่ละคนก็พากันล้มเหลวไป ผู้ที่ทำได้สำเร็จก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย!”
“อิงซานเสวี่ยอิง!”
ราชันย์อนธการอมตะมองดูหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่เบื้องบนของเมืองหิมะเหินอยู่ห่างๆ “ดีมาก มิน่าเล่าเจ้าจึงได้บังอาจมาทำลายธุระของข้า แต่ว่าเจ้าก็สามารถมีพลังยุทธ์เช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ที่เมืองหิมะเหินเท่านั้นแหละ ในภายหน้าขอเพียงแค่เจ้าไปจากเมืองหิมะเหิน พบกันเมื่อใดข้าก็จะล้างผลาญเจ้า”
พูดจบแล้วราชันย์อนธการอมตะก็หมุนกายจากไป หายลับไปกลางอากาศ
ทั้งหมดทั้งมวลกลับคืนสู่สภาพเดิม
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ผ่อนลมหายใจเล็กน้อย “ยังอยู่ในการคาดการณ์ของข้า”
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีอาวุธคละถิ่น ‘หอกชิงเหอ’ อาศัยการส่งเสริมของค่ายกลอันแน่นหนาแห่งเมืองหิมะเหิน เขาก็สามารถเทียบเคียงกับบุคคลผู้ไร้เทียมทานได้
แต่หอกชิงเหอก็สามารถทำให้เขาผ่อนคลายขึ้นได้ยามที่ควบคุมพลังคละวิถี ถ้าหากสำแดงกระบวนท่าหนึ่งด้วยมือเปล่าไร้อาวุธก็จะมีพลังคุกคามพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น พอมีหอกชิงเหอแล้ว… พลังคละวิถีที่ระดมมาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเป็นอย่างมาก พลังคุกคามก็จะสูงถึงสิบส่วน! เนื่องด้วยพลังยุทธ์ที่ยกระดับขึ้นอย่างมหาศาลทำให้เขาสามารถเผชิญหน้าต้านทานกับราชันย์อนธการอมตะได้!
“แต่ว่าพลังยุทธ์ของราชันย์อนธการอมตะนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง! ถ้าหากข้าไม่มีค่ายกลจำนวนมากส่งเสริมร่างกาย! ที่โลกภายนอก ข้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน” ในใจตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจตรงจุดนี้ดี
แน่นอนว่าที่โลกภายนอก ถ้าหากในมือมีอาวุธเทพคละถิ่นก็มีพลังยุทธ์ราวๆ สามส่วนของบรรพชนนิรันดร์เท่านั้นเอง!
สามารถมีพลังยุทธ์เช่นนี้ได้…ในที่มั่น จึงจะสามารถต้านทานราชันย์อนธการอมตะได้!
……
ในยามที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังคิดและไตร่ตรองถึงการต่อสู้ในครั้งนี้อยู่นั้นเอง ขุมอำนาจแต่ละแห่งทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาต่างก็งงงันกันอยู่บ้าง!
พลังยุทธ์ของราชันย์อนธการอมตะช่างน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง! เรียกได้ว่าเป็นผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาในตอนนี้เลยทีเดียว!
และที่เมืองหิมะเหิน จ้าวหิมะเหินเผชิญกับราชันย์อนธการอมตะอย่างบ้าบิ่น ถึงขนาดที่กดดันเสียจนราชันย์อนธการอมตะได้แต่จากไปอย่างจนใจ ก็น่าพรั่นพรึงเกินไปเสียแล้ว!
ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิ...
ตอนที่ 54 รวมตัวกัน
“หรือว่าอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ไปถึงระดับเทพจักรวาลขั้นสุดยอดแล้วเล่า” บรรพชนฝานพูด เขากับจักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชางยืนอยู่ด้วยกัน พวกเขาสามคนต่างก็มองดูห้วงอากาศทางทิศใต้อยู่ห่างๆ
“เปล่าหรอก!” จักรพรรดิเซี่ยกลับเอ่ยอย่างเรียบเฉย “ถึงแม้ว่าค่ายกลอันแน่นหนาของเมืองหิมะเหิจะมีพลังคุกคามอย่างมหาศาล แต่ความเร้นลับของค่ายกลก็ใช้วิถีอากาศเป็นหลัก ชักนำพลังคละวิถี! ข้าสามารถแน่ใจได้ว่าค่ายกลเหล่านั้นเพียงแค่ระดมพลังคละวิถีได้อย่างร้ายกาจเลิศล้ำเป็นที่สุด ทางด้านวิถีอากาศจะต้องยังไปไม่ถึงขั้นสุดยอดอย่างแน่นอน!”
บรรพชนฝานและจักรพรรดิชางฟังแล้วก็มิได้สงสัย
ถึงอย่างไรจักรพรรดิเซี่ยก็เป็นบุคคลที่ ‘อากาศและเปลวเพลิง’ วิถีสองสายไปถึงขั้นสุดยอดแล้ว การตระหนักรู้ในพลังคละวิถีก็ลึกล้ำเป็นที่สุด
“มิได้ไปถึงขั้นสุดยอดแล้วแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ ต่อให้มีสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้กระมัง!” บรรพชนฝานสงสัย
“การยกระดับพลังยุทธ์ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง!” จักรพรรดิชางก็พยักหน้า
“อืม”
จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ก่อนหน้านี้เขาทำลายเรื่องการบูชาของราชันย์อนธการอมตะ ร่างแยกที่ส่งออกมา พลังยุทธ์ที่แสดงออกมาก็เป็นพลังรบระดับขั้นสุดยอด! แต่การระดมพลังคละวิถีก็แข็งแกร่งขึ้นเป็นหลัก… ข้าว่าเขาจะต้องได้รับสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับมาแล้วแสดงพลังรบขั้นสุดยอดออกมา ด้วยระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองขั้นสุดยอดผสานรวมกับสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับ ”
เป็นถึงวิถีอากาศขั้นสุดยอดคนหนึ่ง เขาก็มองเห็นได้อย่างแม่นยำยิ่งนัก!
“แต่พลังรบขั้นสุดยอด อาศัยค่ายกลอันแน่นหนาของเมืองแห่งหนึ่งส่งเสริม โดยทั่วไปแล้วก็จะยกระดับไปถึงระดับไร้เทียมทานขั้นสามัญ” จักรพรรดิเซี่ยพูด
อย่างเช่นมารขั้นสุดยอดอย่างประมุขเกาะจันปาและเจ้าเมืองอัคคีทิพย์ เป็นต้น
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า แต่กลับควบคุมที่มั่นของตนเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา พวกเขาสามารถเทียบเคียงได้กับขั้นไร้เทียมทานในที่มั่นของตนเอง!
แล้วก็เป็นเพราะ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ มั่งมีเกินไป ใช้จ่ายไปเป็นมูลค่ามหาศาล จึงสามารถมีพลังยุทธ์เทียบเคียงได้กับขั้นไร้เทียมทานที่รัฐเมฆทักษิณาได้!
“แต่ในยามปกติ พลังยุทธ์ที่ราชันย์อนธการระเบิดออกมา…ก็ไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย! ร่างแยกหลายร่างของข้าร่วมมือกันก็ได้แค่เทียบเคียงกับเขาเท่านั้นเอง” จักรพรรดิเซี่ยพูด ถึงแม้ว่าวิถีสองสายจะไปถึงขั้นสุดยอดเช่นเดียวกัน แต่เขาก็มองออกว่าราชันย์อนธการมีพื้นฐานแน่นหนากว่า พลังยุทธ์ที่สำแดงออกมาแข็งแกร่งกว่า โชคดีที่จักรพรรดิเซี่ยมีร่างแยกจำนวนมาก!
“ยามที่เขาทุ่มเทสุดชีวิต พลังสีทองอันแปลกประหลาดนั้นก็ปกคลุมฝ่ามือของเขา! พลังยุทธ์ที่ระเบิดออกมาก็ยังแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า พลังยุทธ์เช่นนี้… เกรงว่าคงสามารถเทียบเคียงกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่อ่อนแอบางส่วนได้แล้ว” จักรพรรดิเซี่ยพรั่นพรึง “พลังยุทธ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นบุคคลผู้ไร้เทียมทาน เพียงแค่กระบวนท่าเดียวหรือสองกระบวนท่าก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส! จะต้องหลบหนีมิกล้าต้านทานอย่างแน่นอน”
“พลังรบระดับนี้…อาศัยเพียงแค่ค่ายกลเมืองหิมะเหิน แต่อิงซานเสวี่ยอิงกลับสามารถเผชิญหน้าได้อย่างไม่เป็นรองแล้ว!” จักรพรรดิเซี่ยส่ายศีรษะ “ข้าดูแล้วไม่เข้าใจเลย!”
ดูแล้วไม่เข้าใจจริงๆ
การโคจรของค่ายกลเมืองหิมะเหิน จักรพรรดิเซี่ยก็สามารถดูเข้าใจได้!
เคล็ดวิชาที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดง จักรพรรดิเซี่ยก็สามารถมองทะลุปรุโปร่งได้เป็นส่วนใหญ่ แต่พลังคุกคามออกมาก็เหนือความคาดหมายแล้ว! พลังคละวิถีที่พรั่งพรูเดือดพล่านนั้น พลานุภาพอันน่าหวาดหวั่นที่แฝงอยู่ในทุกกระบวนท่า ทุกการเคลื่อนไหว ทำให้จักรพรรดิเซี่ยก็ยังตื่นตระหนก
“ไม่ว่าอย่างไรที่เมืองหิมะเหิน แม้กระทั่งราชันย์อนธการอมตะพยายามสำแดงเคล็ดลับอย่างสุดกำลังก็ได้แต่ต้องหนีจากไปอย่างน่าอนาถ! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเราเลย” บรรพชนฝานรำพึง “อย่างน้อยที่เมืองหิมะเหิน เขาก็เป็นผู้ไร้เทียมทานแล้ว”
“เขามีความแค้นอันยิ่งใหญ่กับราชันย์อนธการอมตะแล้ว ราชันย์อนธการอมตะก็พูดแล้วว่าขอเพียงแค่พบตัวเขาออกมาข้างนอก ก็จะสังหารในกระบวนท่าเดียว!” จักรพรรดิชางพูด
“เฮอะ”
จักรพรรดิเซี่ยหัวเราะเย้ยหยัน “ก็แค่คำพูดหยาบคายเท่านั้นเอง! เมื่อใดที่อิงซานเสวี่ยอิงซ่อนเร้นเปลี่ยนแปลงกลิ่นอาย พวกเราต่างก็ไม่มีทางสะกดรอยได้เลย! เขายืนอยู่ตรงเบื้องหน้าราชันย์อนธการอมตะ บางทีราชันย์อนธการอมตะก็อาจจะมองทะลุผ่านไปได้! แต่ขอเพียงแค่ไม่เคลื่อนไหวต่อหน้าต่อตาราชันย์อนธการอมตะ… ข้าก็ไม่เชื่อว่าราชันย์อนธการอมตะจะสามารถสะกดรอยไปถึงร่องรอยของตงป๋อเสวี่ยอิงในดินแดนจิตโลกาอันกว้างใหญ่ไพศาลได้หรอก”
มองทะลุปรุโปร่งกับสะกดรอยเป็นสองทิศทางที่ต่างกัน
ราชันย์อนธการอมตะสามารถมองทะลุปรุโปร่งได้ก็ทำให้จักรพรรดิเซี่ยตกตะลึงแล้ว เขาไม่เชื่อว่าราชันย์อนธการอมตะจะสามารถ ‘สะกดรอย’ ไปถึงร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงได้
“ถูกต้อง” บรรพชนฝานก็ยิ้มเสียแล้ว “อิงซานเสวี่ยอิงมีร่างแยกมากมายกระจายตัวอยู่ทั่วทุกหนแห่งในดินแดนจิตโลกา ถ้าหากสามารถสะกดรอยไปถึงได้ ด้วยอุปนิสัยของราชันย์อนธการอมตะก็คงจะสังหารจนเกลี้ยงไปก่อนแล้ว”
“ฮ่าฮ่า…” จักรพรรดิชางพูดพลางหัวเราะฮ่าๆ “ขอเพียงแค่เจียมเนื้อเจียมตัวสักหน่อย ราชันย์อนธการอมตะก็จะมิอาจทำอะไรอิงซานเสวี่ยอิงได้เลยจริงๆ นอกเสียจากว่าอิงซานเสวี่ยอิงจะสำแดงพลังยุทธ์!”
……
ขุมอำนาจแต่ละฝ่ายต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์
รัฐโบราณคิมหันตวายุและรัฐโบราณสหโลกา เพราะว่ามีจักรพรรดิเซี่ยและผู้พเนจรอยู่ ดังนั้นจึงแน่ใจว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมิใช่ขั้นสุดยอด!
แต่ขุมอำนาจอื่นๆ กลับยังมีความสงสัยไม่เข้าใจอยู่บ้าง ถึงอย่างไรผู้ที่มิใชยอดฝีมือวิถีอากาศขั้นสุดยอดก็มองพลังยุทธ์ที่แท้จริงของตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ออกเลยจริงๆ! เพียงแต่พวกเขาสามารถแน่ใจในจุดนี้ได้… ที่เมืองหิมะเหิน อิงซานเสวี่ยอิงนั้นไร้เทียมทาน!
สิ่งนี้พิสูจน์ได้ด้วยการประลองอันน่าตื่นตา!
ขับไล่ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกา ก็พิสูจน์พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว
“ฟังจากที่ท่านบรรพชนพูด อิงซานเสวี่ยอิงมิได้เป็นขั้นสุดยอด แต่ยังคงเป็นเพียงแค่เทพจักรวาลชั้นที่สองเช่นเดิมอย่างนั้นหรือ”
“อะไรน่ะ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน”
ข่าวคราวเรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เป็นขั้นสุดยอดก็แพร่ออกไปตามกาลเวลา
เพียงแต่ผู้แกร่งกล้ามากมายก็ยังเคลือบแคลงสงสัย
******
กลางท้องฟ้าเบื้องบนของเมืองหิมะเหิน
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมิได้สนใจสายตาที่โลกภายนอกมองเขาเลย หากแต่คารวะบรรพชนแมลงปาถัวเฉิน จอมกระบี่และประมุขโลกแสงดาวผู้นั้น “ขอบคุณทั้งสามท่านที่มาช่วยเหลือข้าได้ในเวลานี้”
สามารถยืนขึ้นมาช่วยเหลือตนในเวลาเช่นนี้ได้! ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง
“ฮ่าฮ่า ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือแล้วล่ะ” บุรุษในอาภรณ์ดุจแสงดาวพูดพลางยิ้มน้อยๆ “พลังยุทธ์ของจ้าวหิมะเหินช่างล้ำเลิศ ล้ำเลิศยิ่งนัก”
“จ้าวหิมะเหิน มิเสียทีที่เป็นจ้าวหิมะเหิน” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินก็พูดยิ้มๆ เขาซาบซึ้งต่อตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างแท้จริง ถึงขนาดที่เกิดความรู้สึกในใจว่า ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ผู้นี้เป็นผู้แกร่งกล้าล้ำเลิศที่มีพรสวรรค์ร้ายกาจคนหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่เหมือนกันกับเขาที่อาศัยเคล็ดลับบางอย่าง อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เป็นผู้ที่บำเพ็ญอย่างสามัญธรรมดาขึ้นมาทีละก้าวๆ
“เสวี่ยอิง นับถือๆ” จอมกระบี่แย้มยิ้มน้อยๆ พวกเขาสองคนย่อมไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ
“ข้าอยู่ที่เมืองหิมะเหินก็ยังสามารถฝืนต้านทานได้ แต่ถ้าหากอยู่ที่โลกภายนอก… ก็มีแต่ถูกล้างผลาญอย่างเดียวเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้ายิ้มๆ จากนั้นก็เอ่ยว่า “ทั้งสามท่าน ยังขอเชิญไปรวมตัวกันที่จวนข้าด้วย”
“ไม่ล่ะ”
บุรุษในอาภรณ์ดุจแสงดาวพูดพลางยิ้มน้อยๆ “ข้าควรจะไปได้แล้ว! ถ้าหากวันหน้าจ้าวหิมะเหินไปยังหุบเขาเขี้ยวหัก ยามที่ผ่านไปทางโลกแสงดาวก็สามารถไปพบข้าได้นะ” พูดแล้วร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นแสงดาวสลายหายไป
“แน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำ
บรรพชนแมลงปาถัวเฉินและจอมกระบี่กลับมิได้ปฏิเสธ ต่างก็เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นคนกันเอง ต่างก็ร่อนตรงลงมาเข้าไปยังเมืองหิมะเหิน
ตงป๋อเสวี่ยอิงต้อนรับคนทั้งสองแล้วพาเขาไปในจวนจ้าวของตนพร้อมกัน
……
“ตระกูลอิงซานของข้ามีผู้แกร่งกล้าล้ำเลิศเกิดขึ้นมาคนหนึ่ง” แม่เฒ่าอิงซานยืนอยู่บนยอดเขา มองดูตงป๋อเสวี่ยอิงนำทางบรรพชนแมลงและจอมกระบี่เหินบินเข้ามาในจวนจ้าวพร้อมกันแล้วก็อดที่จะจิตใจสั่นไหวมิได้
พูดถึงพลังยุทธ์ ร่างแยกใดๆ ที่ส่งออกไปภายนอกต่างก็เป็นพลังรบขั้นสุดยอดด้วยกันทั้งสิ้น
ที่เมืองหิมะเหินก็ยิ่งสามารถเทียบกับ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาได้!
“ล้ำเลิศ”
“เป็นบุตรของอิงซานเลี่ยฮู่บุตรชายข้าผู้นั้นจริงๆ น่ะหรือ ข้าไม่กล้าคิดเลยจริงๆ!”
“รู้อยู่แล้วว่าในภายหน้าจ้าวหิมะเหินจะต้องล้ำเลิศอย่างแน่นอน ได้ยินว่าสูญเสียอย่างมหาศาลด้วยน้ำมือของบรรพชนราตรีนิรันดร์ในวังเทพจิตโลกา ข้ายังเป็นกังวลแทนจ้าวหิมะเหินอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าจะกลับกลายเป็นว่าจ้าวหิมะเหินจะอาศัยตัวตน ‘คนวิถีจิตฟ้า’ ข่มขู่มารจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาด้วยพลังของตนเพียงคนเดียว แม้กระทั่งพวกบรรพชนราตรีนิรันดร์ก็ยังต้องจนใจมิอาจทำอะไรได้ ตอนนี้ถึงกับยุแหย่ราชันย์อนธการอมตะที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า แต่ก็ทำอะไรเมืองหิมะเหินมิได้เช่นกัน! ฮ่าฮ่าฮ่า รอให้ในอนาคตพลังยุทธ์ของจ้าวหิมะเหินแข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะสำเร็จเป็นขั้นไร้เทียมทาน สร้างรัฐโบราณสักแห่งหนึ่งขี้นมาก็ได้!”
เหล่าขั้นอลวนตระกูลอิงซานทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็พากันยกย่องชื่นชม
การต่อสู้เมื่อครู่ พวกเขาก็รู้สึกหวาดหวั่นไม่เป็นสุข
เพราะว่า…
ปราการเมืองถูกทำลาย พวกเขาก็พากันจบสิ้นเสียแล้ว
แต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็ทั้งตื่นเต้นทั้งภาคภูมิใจ มีผู้ล้ำเลิศไร้เทียมทานเช่นนี้กำเนิดขึ้นมาในตระกูลอิงซาน ก็จะทำให้ในภายหน้าตระกูลอิงซานไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าจะต้องอยู่ในเมืองหิมะเหินไปตลอดชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นปราการเมืองขนาดค่อนข้างใหญ่ จำนวนผู้คนก็ไม่น้อยไปกว่าเมืองระดับสามจำนวนหนึ่งเลย! บำเพ็ญอยู่ที่นี่ พวกเขาก็มิได้รู้สึกเศร้าเสียใจแต่อย่างใด ในทางกลับกัน จิตวิญญาณการต่อสู้กลับผงาดขึ้นและเต็มไปด้วยความคาดหวังรอคอย!
……
ณ จวนจ้าว
ตงป๋อเสวี่ยอิงจัดงานเลี้ยงรับรองบรรพชนแมลงปาถัวเฉินและจอมกระบี่ขึ้น ทั้งสามคนแยกกันนั่งลง เบื้องหน้าต่างก็มีตั่งวางอยู่ ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบเอาสุราชั้นเลิศที่สะสมเอาไว้ และสุราผลไม้ที่แปลกพิสดารหายากจำนวนหนึ่งออกมากับมือตนเอง
“บรรพชนแมลง” ตงป๋อเสวี่ยอิงยกจอกสุราขึ้นพลางพูดยิ้มๆ “คราวนี้เจ้าสามารถลงมือได้ ช่างทำให้ข้าตกตะลึงจริงๆ ไม่รู้ว่าเจ้ากับสมาชิกตระกูลอิงซานของข้าคนใดมีความหลังต่อกันอย่างนั้นหรือ”
ตนกับบรรพชนแมลงผู้นี้ย่อมไม่รู้จักกันอยู่แล้ว
“มีความหลังกับท่านนั่นแหละ!” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินแย้มยิ้มน้อยๆ แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดของเขากลับมีความแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด
“กับข้าหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งคราหนึ่ง
บรรพชนแมลงปาถัวเฉินก็มิได้ปิดบัง ถึงอย่างไรบำเพ็ญมาจนถึงขั้นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บตัวตนเป็นความลับถึงขนาดนั้นอีกแล้ว เห็นเพียงว่าร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง ใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่ดูแล้วสามัญธรรมดาอย่างยิ่ง เขากำลังอมยิ้มมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ผู้อาวุโสอิงซานเสวี่ยอิง ยังจำข้าได้หรือไม่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเบิกตากว้างอย่างยากที่จะเชื่อได้ “ปาถัวเฉินหรือ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น