Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 35 ตอนที่ 4-5

ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิ...

 

ตอนที่ 4 มาเยือนสกุลฝานอีกครั้ง

 

ได้ยินสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด สัตว์ประหลาดตัวโตนั้นก็โมโหเสียแล้ว


“ตายเสีย!”


รยางค์ขนาดมหึมาเส้นแล้วเส้นเล่าโบกสะบัดเข้ามา


“มหัศจรรย์เกินไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่อยากจะห้ำหั่นจริงๆ แต่นึกอยากจะลองดูให้มากหน่อย เพราะยามที่รยางค์ทุกเส้นสำแดง รัศมีที่พื้นผิวแฝงเอาไว้ด้วยความเร้นลับมากมายเหลือเกิน วิถีอากาศ วิถีเปลวเพลิง วิถีอสนีบาต และวิถีเขตลวงโลกเทียม… ความเร้นลับของวิถีต่างๆ ล้วนมีอยู่บนร่างของสัตว์ประหลาดตนนี้ทั้งสิ้น ผสานรวมการอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีพลังคุกคามที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตระหนกตกใจ


ระดับชีวิตเช่นนี้ก็เหนือกว่าเทพจักรวาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว


“พรึ่บๆๆ”


‘หมื่นเคล็ดมิกล้ำกราย’ เคล็ดวิชาป้องกันที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุทธวิธีหิมะเหินที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดค้นอยู่นานสามแสนล้านปี และร่างกายอันแกร่งกล้าของเขา เพียงแค่รยางค์ห้าเส้นฟาดเขาลงมาอย่างต่อเนื่อง อาการบาดเจ็บของเขาก็สาหัสอย่างที่สุดแล้ว แต่ภายใต้การปกคลุมของรยางค์ บริเวณโดยรอบก็กดดันตนราวกับแช่แข็งก็มิปาน ตนเองก็ไม่มีทางสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้เลย


“ถึงแม้ว่าจะคาดเดาได้อยู่ก่อนแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่เตาสามขาเพลิงโลกันตร์จะมีอันตรายอยู่ ร่างแยกของข้าจำนวนมากมายต่างก็มิได้หวาดหวั่นเลย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะตายจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจ


ช่วยไม่ได้


รยางค์เส้นใดๆ ก็ตามต่างก็เทียบเคียงได้กับการโจมตีอย่างสุดกำลังของบรรพชนราตรีนิรันดร์ จะไปสู้ได้อย่างไรกัน


“พรึ่บ”


ทันใดนั้นพลังขุมหนึ่งก็ห่อหุ้มตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็หายลับไป


สัตว์ประหลาดร่างยักษ์สัมผัสรับรู้ได้ถึงพลังขุมนั้นแล้วก็อดที่จะเดือดดาลมิได้ นั่นคือพลังของคุกแห่งนี้ มันส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “หยวน หยวน หยวน!!!” เสียงคำรามครั้งแล้วครั้งเล่าส่งไปถึงยังโลกชั้นนอกโดยตลอด ก่อให้เกิดลมพายุอันไร้ที่สิ้นสุด


……


กลางโถงตำหนักภายในเคหาสน์ของตน


เตาสามขาขนาดใหญ่ ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ


“ข้า ข้าออกมาแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง


“หึๆ เจ้าใกล้จะต้านไม่ไหวแล้ว ข้าก็เลยส่งเจ้าออกมาเสีย” เงาร่างสายหนึ่งเหินบินออกมาจากเตาในทันใด ซึ่งก็คือชายชราอาภรณ์แดงยิ้มตาหยีคนหนึ่ง เขายิ้มตาหยีมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ข้าคือวิญญาณอาวุธของเตาสามขาเพลิงโลกันตร์”


ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยทันควัน “มิน่าเล่า มิน่าเล่าข้าถึงสามารถกระตุ้นเตาสามขาเพลิงโลกันตร์ได้ แต่การรับสัมผัสภายในนั้นกลับหม่นมัวเป็นอย่างยิ่ง ที่แท้แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยควบคุมสมบัติลับล้ำค่าชิ้นนี้อย่างแท้จริงเลย คราวนี้ต้องขอบคุณผู้อาวุโสเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นร่างแยกนี้ก็คงจบสิ้นแล้ว”


ชายชราอาภรณ์แดงเอ่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เตาสามขาเพลิงโลกันตร์เป็นสมบัติลับล้ำค่าชิ้นพิเศษที่ ‘หยวน’ เจ้านายของข้า หลอมขึ้นมาในตอนนั้นเพื่อใช้สำหรับกักขัง ‘ลูกมังกรหมื่นสัมผัส’ โดยเฉพาะ สมบัติลับล้ำค่าเช่นนี้ย่อมไม่สามารถให้พวกเจ้ามาควบคุมได้อยู่แล้ว ถ้าหากพวกเจ้าปล่อยลูกมังกรหมื่นสัมผัสออกไป สิ่งมีชีวิตในโลกกำเนิดแห่งนี้ก็ต้องวินาศย่อยยับกันไปจนหมดสิ้น นั่นก็คงเป็นบาปกรรมอันใหญ่หลวงแล้ว”


“ใช่” ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นด้วย ด้วยพลังยุทธ์ของสัตว์ประหลาดตนนั้น ตอนนี้ผู้ใดในโลกกำเนิดบ้านเกิดของตนจะสามารถต้านทานได้เล่า


“เขาชื่อลูกมังกรหมื่นสัมผัสหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง


“อืม”


ชายชราอาภรณ์แดงพยักหน้า “มารดามังกรหมื่นสัมผัสร้ายกาจยิ่ง ตอนนั้นเจ้านายข้ากับท่านอื่นๆ อีกหลายท่านร่วมมือกันจึงสังหารได้ ส่วนลูกมังกรหมื่นสัมผัสฝูงหนึ่งก็นับได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่น สำหรับพวกเจ้านายแล้วก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง ลงมืออย่างสุ่มๆ ก็สามารถฆ่าตายได้แล้ว เหตุผลที่กักขังเอาไว้ที่นี่ก็เพราะหวังจะให้โอกาสบรรลุแก่ผู้บำเพ็ญ ผู้ที่สามารถกระตุ้นเตาสามขาเพลิงโลกันตร์ได้ต่างก็เป็นผู้ที่หยั่งรู้พลังคละวิถีได้ลึกซึ้งพอ โดยทั่วไปต่างก็เป็นผู้แกร่งกล้าเทพจักรวาลขั้นสุดยอด อีกทั้งยังสั่งสมค่อนข้างลึกซึ้ง ระดับขั้นอย่างพวกเขานี้… เผชิญกับลูกมังกรหมื่นสัมผัส ก็สามารถสังหารเคล็ดวิชาบางอย่างได้ ก่อนที่จะตาย ข้าก็สามารถปกป้องพวกเขาได้ สามารถเคลื่อนย้ายพวกเขาออกมาได้อย่างสบายๆ!”


“ประมือกับลูกมังกรหมื่นสัมผัส ประมือกับผู้ที่แกร่งกล้ากว่า เดิมทีก็เป็นการขัดเกลาอยู่แล้ว”


“ลูกมังกรหมื่นสัมผัสนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิด แตกต่างกับผู้บำเพ็ญ ทั่วทุกบริเวณของร่างกายพวกมันต่างก็สามารถเปิดเผยความเร้นลับนานาชนิด แล้วยังสามารถหยั่งรู้จากในนั้นได้ด้วย”


“นี่ต่างก็มีส่วนช่วยเหลือในการบรรลุทั้งสิ้น”


ชายชราอาภรณ์แดงพูด “เดิมทีหยวน เจ้านายข้าเป็นผู้จัดการดูแลโลกกำเนิดบ้านเกิดเจ้าแห่งนี้ แต่ตอนนี้กลับไปให้เจ้าเมืองหลัวจัดการดูแลแล้ว ในยุคก่อนหน้านี้เจ้านายก็บอกโอกาสในการบรรลุให้กับเทพจักรวาลที่ไปถึงระดับสุดยอดได้รู้อย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้กลับมีเพียงแค่ไม่กี่คนแล้วที่ล่วงรู้”


ตงป๋อเสวี่ยอิงกระจ่างใจ


โลกกำเนิดแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้เป็นผู้แกร่งกล้าคละถิ่นคนหนึ่งปกป้องดูแล ตอนนี้เปลี่ยนเสียแล้วอย่างนั้นหรือ


“แต่ข้าต้องเตือนเจ้าเอาไว้ ถึงแม้ว่าความตั้งใจเดิมของเจ้านายคือการให้ระดับสุดยอดมาขัดเกลา แต่เจ้าคงจะได้รับเคล็ดสืบทอดลับขั้นสูงแล้ว ไม่ต้องไปถึงขั้นสุดยอดก็สามารถกระตุ้นเตาสามขาเพลิงโลกันตร์ได้”ชายชราอาภรณ์แดงเอ่ยกำชับ “แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าก็คือไปถึงขั้นสุดยอดเสียตั้งแต่เนิ่นๆ  ความเร้นลับต่างๆ นานาที่แฝงอยู่กับเจ้าลูกมังกรหมื่นสัมผัสนี้ เจ้าก็อย่าศึกษาให้ลึกซึ้้งเกินไปเลย เพื่อป้องกันมิให้เจ้าบรรลุไปถึงขั้นสุดยอดแล้วเกิดความสับสนจนติดขัด”


“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงตาสว่าง ก็ใช่ นั่นเดิมทีก็คือทำให้ขั้นสุดยอดบรรลุไปถึงระดับชั้นที่สูงขึ้น ตนเองศึกษามากเกินไป บางทีก็อาจจะมิใช่เรื่องดี


“เจ้าสามารถไปห้ำหั่นให้มากๆ เป็นประจำ ห้ำหั่นขัดเกลา เจ้าก็จะค้นพบข้อบกพร่องมากมายของตนเอง  ทำให้สมบูรณ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งยุทธวิธีแข็งแกร่งขึ้น ระดับขั้นของเจ้าก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นด้วย การไปถึงระดับสุดยอดก็จะรวดเร็วยิ่งขึ้นแล้ว” ชายชราอาภรณ์แดงตักเตือน


“เข้าใจแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า


พูดขึ้นมาแล้วตนก็ได้รับความช่วยเหลือของผู้แกร่งกล้าคละถิ่นสองท่านอย่างเจ้าเมืองหลัวและหยวนแล้ว แต่ว่า‘วังเทพจิตโลกา’แห่งดินแดนจิตโลกาเปิดออกแต่ละครั้ง ก็เห็นได้ชัดว่าหยวนนั้นให้ความช่วยเหลือกับผู้แกร่งกล้าจำนวนมากมายทั้งสิ้น อย่างเช่นมอบของกำนัลเป็นสมบัติลับล้ำค่าชั้นสูงให้… เพียงแต่ดูเหมือนว่าบนดินแดนจิตโลกา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีใครหนีออกจากกรงขังไปถึงระดับชั้นที่สูงกว่าได้


“ถึงแม้ว่าจะมีความช่วยเหลือต่างๆ นานา แต่ดูเหมือนว่าการหนีออกจากกรงขังนั้นเป็นเรื่องที่แสนลำบากยากเย็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้ “แต่ลูกมังกรหมื่นสัมผัสถึงกับเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดเชียวหรือ”


******


ที่อากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิด ส่งร่างแยกเข้าไปในเตาสามขาเพลิงโลกันตร์อยู่เป็นประจำ ต่อสู้กับ ‘ลูกมังกรหมื่นสัมผัส’ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่ถูกคุมขัง มาถึงระดับขั้นอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงนี้ การจะหาคู่ต่อสู้ที่เพียงพอที่จะกดดันคุกคามเขาให้พบสักคนหนึ่งนั้นก็ยากเย็นเกินไปเสียแล้ว! อีกทั้งลูกมังกรหมื่นสัมผัสยังสามารถสำแดงเคล็ดวิถีนานาชนิดที่แตกต่างกันได้โดยกำเนิด มีส่วนช่วยเหลือในการขัดเกลาตนเองอย่างที่สุด


และที่อีกด้านหนึ่ง บนดินแดนจิตโลกา


ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มาถึงนครหลวงคิมหันตวายุแล้ว กำลังเสพสุขกับอาหารเลิศรสอยู่ภายในหอสุราแห่งหนึ่ง ภายในใจก็ใคร่ครวญถึงประสบการณ์ที่ต่อสู้กับลูกมังกรหมื่นสัมผัส


“ก้มหน้าก้มตาบำเพ็ญ ก็ต้องต่อสู้ให้มากๆ ต่อสู้ครั้งหนึ่งก็จะค้นพบข้อบกพร่องของการตระหนักรู้เคล็ดวิชาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์ดีเป็นที่สุด


“มา”


ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้ามองไปทางผู้ดูแลที่อยู่ไกลออกไป


ผู้ดูแลหอสุราก็คือเทพแท้คนหนึ่ง รับสัมผัสรอบด้านอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว


“หอสุราของพวกเจ้ามีสุราเย่ซีนี่อยู่มากน้อยเท่าใดกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยถาม


“สุราเย่ซีนี้มีเพียงเจ้านายบ้านข้าเท่านั้นที่สามารถกลั่นออกมาได้ ตอนนี้ยังมีอยู่สามพันไห หอสุราของพวกเราต้องเหลือเอาไว้อย่างน้อยหนึ่งพันไห” ผู้ดูแลหอสุราเอ่ย รู้ว่าเจอเข้ากับแขกผู้มั่งคั่งเสียแล้ว


“ไปเตรียมมาสองพันไหให้เรียบร้อย อีกประเดี๋ยวข้าจะเอาไปด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “สุราไม่เลวเลย”


“ได้ขอรับๆ”


ผู้ดูแลหอสุรายินดีเป็นอย่างยิ่ง


ตงป๋อเสวี่ยอิงเสพสุขกับสุราชั้นเลิศอย่างมีความสุขยิ่ง ดื่มตามลำพังคนเดียวมาตลอดจนฟ้าสางแล้วจึงค่อยจ่ายค่าสุรา นำสุราชั้นเลิศไปด้วย


เขามาถึงยังคีรีมารสกุลฝานแล้ว


“น้องเฟยเสวี่ย ไม่พบกันเสียนานเลยจริงๆ” จ้าวขุยเฉินมาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง “นี่ก็ผ่านไปสามแสนล้านปีได้แล้วกระมัง เวลาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเจ้าเคยไปจากรัฐเมฆทักษิณาด้วย”


“นี่ก็มิได้มาแล้วหรือไร ช่วยข้าถ่ายทอดคำพูดที ข้าต้องการพบบรรพชนฝาน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด


“พบบรรพชนฝานหรือ” จ้าวขุยเฉินสะดุ้งคราหนึ่งแล้วอดที่จะเผยสีหน้ากระอักกระอ่วนมิได้


บรรพชนฝานมีสถานะเช่นไร


ใช่ว่าใครอยากจะพบก็พบได้อย่างนั้นหรือ


…………………………………………………..

 

 

 


ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิ...

 

ตอนที่ 5 การเจรจาต่อรอง

 

“ท่านมหาเคารพ เค่อชิงเฟยเสวี่ยต้องการพบบรรพชนฝานขอรับ” จ้าวขุยเฉินก็ได้แต่ส่งสารไปอย่างเงียบๆ สถานะของบรรพชนฝานสูงส่งเหลือเกิน เขาเองก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะไปรบกวนได้ แต่เขาคิดว่าดีร้ายอย่างไรอิงซานเสวี่ยอิงก็เป็นเทพจักรวาลคนหนึ่ง แล้วก็มิใช่พวกที่โง่เง่า ในเมื่อกล้าบอกว่าอยากจะพบบรรพชนฝาน ก็คงจะมีที่พึ่งอะไรบางอย่างอยู่แล้ว


เพียงไม่นาน


มหาเคารพซือเทียนก็มาด้วยตนเอง


“น้องเฟยเสวี่ย เจ้าต้องการพบบรรพชนฝานหรือ” มหาเคารพซือเทียนโบกไม้โบกมือไปทางจ้าวขุยเฉินที่อยู่ข้างๆ จ้าวขุยเฉินค้อมกายเล็กน้อยแล้วถอยออกไป


“ข้ามีเคล็ดวิชาศาสตร์หนึ่งต้องการขายให้กับบรรพชนฝาน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด


“อ้อหรือ น้องเฟยเสวี่ยมีเคล็ดวิชาใหม่อีกแล้วหรือ ไม่ทราบว่าเป็นเคล็ดวิชาใดกัน” มหาเคารพซือเทียนเผยสีหน้ายินดี สามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุมีพื้นฐานอันแข็งแกร่งเพียงใด เคล็ดวิชาธรรมดาๆ ย่อมมิได้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว เช่น ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ นั้นประกอบด้วยเคล็ดลับพิเศษของเก้าสายผสานรวมกัน นั่นคือสิ่งที่ตระหนักรู้ออกมาจากบนชุดเกราะของ ‘แม่ทัพโม่กู่’ ฝูงมารผลาญทำลายที่กฎเกณฑ์สูงสุดบ่มเพาะออกมา นี่จึงจะทำให้จักรพรรดิเซี่ยเปลี่ยนสายตามามองได้


“เคล็ดวิชาโลกเทียม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “โลกเทียมชั้นที่สอง”


มหาเคารพซือเทียนสีหน้าแปรเปลี่ยนเสียแล้ว เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม สายตาที่มองตงป๋อเสวี่ยอิงก็แตกต่างไปเสียแล้ว


“นี่มิใช่เรื่องที่จะมาโป้ปดกันได้นะ!” มหาเคารพซือเทียนเอ่ยเสียงต่ำ ถ้าหากบอกว่าเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์เพียงแค่เพิ่มสามตระกูลใหญ่ประกอบเข้าไปด้วย แต่ตำราโลกเทียมชั้นที่สองนั้นกลับเป็นตำราที่บรรพชนฝานต้องการอย่างเร่งด่วนที่สุดสำหรับหนีออกจากกรงขังนี้แล้ว ตำราระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองทางด้านวิญญาณ รัฐโบราณแห่งใดๆ ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาต่างก็มุ่งมาดปรารถนากันทั้งสิ้น


“ข้าจะกล้าบังอาจหลอกลวงบรรพชนฝานเช่นนั้นได้อย่างไรกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด


“นับถือ นับถือ ต่างก็ว่ากันว่าน้องเฟยเสวี่ยประสบเคราะห์ใหญ่ที่วังเทพจิตโลกา แต่ตอนนี้สามารถคิดค้นตำราโลกเทียมชั้นที่สองออกมาได้ คราวนี้กลับกันแล้วจริงๆ กลับกันอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว” มหาเคารพซือเทียนเข้าใจกระจ่างดียิ่งว่าตำราพรรค์นี้ล้ำค่าเพียงใด “ข้าจะไปเรียนให้บรรพชนฝานทราบเดี๋ยวนี้แหละ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้มน้อยๆ


……


ก่อนที่จะมายังคีรีมารสกุลฝาน


ตงป๋อเสวี่ยอิงใช้ร่างแยกทั้งเก้าสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาอย่างต่อเนื่อง ไปจากดินแดนจิตโลกา สำหรับเขาที่มีร่างแยกเกินหมื่น ร่างแยกเก้าร่างก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย


“ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา”


มาถึงระดับขั้นอย่างตงป๋อเสวี่ยอิง ตอนที่สอดแนมโลกระดับที่สูงขึ้นนอกกรงขัง ก็สามารถสอดแนมไปถึงโลกกำเนิดอื่นๆ ได้อย่างรางๆ แล้ว


พรึ่บ…


อาศัยศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา พริบตาเดียวก็ฝืนเปิดอุโมงค์ทางเดินอันเล็กจ้อยหาใดเปรียบเส้นหนึ่งได้ แม้กระทั่งจุดเปราะบางของอุโมงค์ทางเดินแห่งนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้แต่วิญญาณเคลื่อนที่ ต้องละทิ้งร่างกายเป็นการชั่วคราว!


พรึ่บ!


วิญญาณมุ่งหน้าไปยังโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่งด้วยความเร็วสูงผ่าน ‘อุโมงค์ทางเดินส่งถ่ายทลายโลกา’ ที่เปิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน อุโมงค์ทางเดินเส้นนี้อาศัยความเร้นลับของวิถีอากาศเหนี่ยวนำพลังคละวิถี อุโมงค์ทางเดินอันเล็กจ้อยที่ก่อรูปร่างขึ้นมาอย่างฉับพลัน ตนเองก็เคลื่อนที่ในนั้นอย่างรวดเร็วเป็นที่สุด


“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…” นอกอุโมงค์ทางเดินอันเล็กจ้อยก็คือห้วงมิติระดับที่สูงกว่า เต็มไปด้วยพลังคละวิถีที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ระดับความเข้มข้นถึงขนาดที่สามารถกัดกร่อนร่างกายของเสวี่ยอิงได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้แต่อาศัยศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกามาปลีกตัวจากการกัดกร่อนของห้วงมิติระดับที่สูงกว่า ตนเองก็คล้ายกับหนูตัวหนึ่งที่แอบแทรกซึมเข้ามายังโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่ง


วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมวิถีอากาศเหนี่ยวนำพลังคละวิถี พยุงอุโมงค์ทางเดินอันเล็กจ้อยนี้เอาไว้


อุโมงค์ทางเดินเล็กยิ่งนัก แม้กระทั่งชีวิตเหนือธรรมดาโดยทั่วไปต่างก็ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า


เพียงแค่เวลาชั่วจิบชาจอกหนึ่ง


“พรึ่บ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกว่าตนเองผ่านสิ่งกีดขวางมาได้ เข้าไปยังโลกกำเนิดอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนั้นได้แล้ว


กฎเกณฑ์สูงสุดของโลกกำเนิดอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้แผ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่งและกดดันตนเอง ไม่มีการอนุญาตของกฎเกณฑ์สูงสุด ตนเองก็ไม่มีทางกลับชาติมาเกิดที่โลกกำเนิดแห่งนี้ได้! ก็ได้แต่อาศัยวิญญาณอันแกร่งกล้าฝืนบังคับเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินเริ่มต้นควบแน่นร่างกาย มาถึงระดับขั้นอย่างพวกเขานี้ ขอเพียงแค่วิญญาณยังคงอยู่เพียงเศษเสี้ยว ก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว


“น่าเสียดายที่ทุกหนแห่งเผชิญกับการกดดันของกฎเกณฑ์สูงสุด พลังยุทธ์จึงแสดงออกมาได้เพียงแค่ขั้นอลวนชั้นที่เก้าเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง


เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งกว่านี้ สำนักวิชาที่พิเศษกว่านี้ ล้วนถูกกดดันจนสิ้น


“เจ้าเมืองหลัวก็ถูกกดดันเช่นกัน แต่เขากลับสามารถแสดงพลังยุทธ์ระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองออกมาได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจ “ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นนั้นแตกต่างกันจริงๆ”


“หืม”


ในขณะที่ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังควบรวมกันอยู่นั้นเองก็มองไปยังบริเวณไกลออกไป บริเวณไกลออกไปก็มีกองทัพขนาดใหญ่สองกองกำลังปะทะกันอยู่พอดี การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเหนี่ยวนำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น


******


ร่างแยกทั้งเก้าแยกกันหลบซ่อนอยู่ที่โลกกำเนิดบางแห่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล นี่ก็คือยอดฝีมือวิถีอากาศที่สามารถสำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา’ ได้ ต่างก็สามารถสำแดงเคล็ดวิชารักษาชีวิตได้! ที่โลกกำเนิดอื่นๆ ก็คือร่างแยกของบรรดาบุคคลผู้ไร้เทียมทานที่ถูกกดดันเอาไว้ที่ขั้นอลวนเช่นเดียวกัน ย่อมไม่กังวลว่าจะถูกล้างเผ่าพันธุ์อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่โลกกำเนิดอื่นๆ เคล็ดวิชาต่างๆ นานาของเหล่าผู้มาจากภายนอกต่างก็ถูกจำกัดเอาไว้ทั้งสิ้น เกรงว่าคงจะหาร่างแยกของตนที่ซ่อนตัวอยู่ไม่พบเสียด้วยซ้ำ


ซ่อนตัวอยู่ที่โลกกำเนิดอีกแห่ง… ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นยอดแห่งเคล็ดการรักษาชีวิตรอด


“ข้าก็กลัวเหมือนกัน”


“เกรงว่าพวกบรรพชนฝานและจักรพรรดิเซี่ยจะบีบบังคับข้าน่ะสิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ นี่ก็คือเหตุผลที่หลังจากที่เขาผสานแปดสายรวมกันแล้วจึงค่อยมาเจรจาต่อรอง


“น้องเฟยเสวี่ย เชิญ”


มหาเคารพซือเทียนนำทางด้วยตนเอง คนทั้งสองเหินบินเคียงไหล่กันอยู่กลางเวหา มหาเคารพซือเทียนเคลื่อนย้ายเพียงแค่ครั้งเดียวก็มาถึงภายในห้องโถงใหญ่สีดำแห่งหนึ่งแล้ว


ภายในห้องโถงใหญ่ ด้านบนมีคนสามคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่


จักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน และจักรพรรดิชาง พวกเขาสามคนมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ สายตาของแต่ละคนต่างก็จับอยู่บนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง ตำรา ‘โลกเทียมชั้นที่สอง’ นั้นเป็นสิ่งที่บรรพชนฝานจะต้องได้มาให้จงได้! ส่วนจักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชาง ในความเป็นจริงแล้วก็คิดจะทิ้งตำรานี้เอาไว้ที่สามตระกูลใหญ่ ตำราระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองทางด้านวิญญาณ ความล้ำค่านั้นยังเหนือกว่าสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับเสียอีก! ทั้งยังหาได้ยากกว่าอีกด้วย!


“เจ้ามีตำราโลกเทียมชั้นที่สองอย่างนั้นหรือ” บรรพชนฝานเอ่ยปากขึ้นก่อนพลางมองลงไปยังตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ด้านล่าง “คิดค้นขึ้นเองหรือ”


“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า


“ไม่เหมือนกันกับของข้ากระมัง” บรรพชนฝานพูด ตำราโลกจิต ตำราโลกเทียมที่เขาคิดค้นขึ้นนั้นเป็นการผสานรวมกันของสามสายได้แก่โลกา วิญญาณและปรารถนา ถ้าหากเป็นสามสายนี้มาผสานรวมกันก็ไม่มีประโยชน์ต่อบรรพชนฝานแล้ว


ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้ม “เป็นการผสานรวมกันของโลกาและภาพลวงสองสายนี้”


สายตาบรรพชนฝานทอประกายวูบหนึ่งในทันใด


ในความเป็นจริงแล้ว…


ก่อนหน้านี้ที่บำเพ็ญอยู่ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตตลอดสี่ร้อยล้านปีนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ผสานโลกาและภาพลวงสองสายนี้เข้าด้วยกันแล้ว แต่ตอนนี้สามแสนล้านปีผ่านไป เขาก็ผสานรวม ‘โลกา ภาพลวง และล้างสังหาร’ สามสายนี้เข้าด้วยกันแล้ว! ทว่าตั้งแต่ซื้อขายกับภายนอก… ก็ดูตามความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องขายออกไปจนหมดสิ้นราวกับของก้นหีบ


“เจ้ามานี่ก็เพราะมีความตั้งใจที่จะขายตำราโลกเทียมที่เจ้าตระหนักรู้ให้กับรัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าแล้วอย่างนั้นหรือ” บรรพชนฝานพูด


“ใช่แล้ว แต่ข้าก็ต้องได้ในสิ่งที่ข้าต้องการด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก


บรรพชนฝาน จักรพรรดิเซี่ย และจักรพรรดิชางต่างก็เข้าใจดีว่ายอดฝีมือเทพจักรวาลชั้นที่สองที่อยู่ด้านล่างผู้นี้จะต้องเป็นราชสีห์เขมือบคำโตอย่างแน่นอน! แต่ก็เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง รัฐโบราณใดๆ ต่างก็ต้องเต็มใจจ่ายในราคามหาศาลเพื่อซื้อตำราเช่นนี้อยู่แล้ว


บรรพชนฝานถ่ายเสียงพูดพลางหรี่ตา “จักรพรรดิเซี่ย เจ้าสามารถค้นพบร่างแยกที่เขามีอยู่ได้หรือไม่ ร่างแยกหนึ่งหมื่นแปดสิบเอ็ดร่าง ค้นพบแล้วก็จับกุมมาให้หมด!”


ถ้าหากไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายในราคาสูงเกินไป พวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะใจไม้ไส้ระกำสักหน่อยอยู่แล้ว


บนเส้นทางการบำเพ็ญ…


เดิมทีก็คือการดิ้นรนอยู่แล้ว!


“พรึ่บ”


จักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชางต่างก็แอบสำแดงเคล็ดวิชาไปอย่างลับๆ แล้ว จักรพรรดิเซี่ยก็ยิ่งตรวจตราทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาไปแล้วรอบหนึ่งด้วย


“ประหลาดนัก ข้ามิอาจค้นพบร่องรอยของเหตุปัจจัยของร่างแยกของเขาได้เลยแม้แต่น้อย” จักรพรรดิเซี่ยก็ถ่ายเสียงพูด “ร่างแยกที่ข้าค้นพบก็ยังเป็นร่างแยกไม่กี่สิบร่างที่เขาจงใจเปิดเผยสู่สาธารณะ ส่วนร่างแยกอื่นๆ นั้นล้วนหาไม่พบทั้งสิ้น”


“พี่ชาง ท่านเล่า” บรรพชนฝานเอ่ยถาม


“ข้าก็หาไม่พบเช่นกัน เคล็ดสะกดรอยก็ไร้ประโยชน์ เขายังมิได้ไปถึงขั้นสุดยอดเลย ไปเอาเคล็ดซ่อนเร้นอันร้ายกาจเช่นนี้มาจากไหนกัน” จักรพรรดิชางก็ตกตะลึง ทางสายฝึกกายของเขาก็ไปถึงขั้นสุดยอดแล้วเช่นเดียวกัน เพราะว่าที่ดินแดนจิตโลกา พื้นฐานของเขาก็ลึกล้ำกว่าเจ้าศิลาอยู่พอสมควร แต่ก็มิอาจเสาะหาและสะกดรอยของตงป๋อเสวี่ยอิงได้พบเลยแม้แต่น้อย


วิญญาณดูดซับพลังคละวิถีเอาไว้เล็กน้อย ก็ตรวจสอบได้ยากเป็นอย่างยิ่งแล้ว และวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งวิวัฒน์เพราะโลหิตหัวใจอันล้ำค่าของ ‘มารดามังกรหมื่นสัมผัส’ หนึ่งหยดอีกด้วย แล้วเหล่าเทพจักรวาลจะสามารถหาพบได้อย่างนั้นหรือ


“ดูท่าทาง อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ก็คงจะเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่แล้วล่ะ จึงได้กล้ามาเจรจาต่อรองกับข้า” บรรพชนฝานพึมพำ


บุคคลผู้ไร้เทียมทานสามท่าน


จักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชางต่างก็คิดจะทิ้งตำราเล่มนี้เอาไว้เพื่อรัฐโบราณคิมหันตวายุโดยเฉพาะ สำหรับพวกจักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชางก็คิดอยากจะเดินบนวิถีวิญญาณ แต่กลับไม่แน่ว่าจะต้องเป็นทางสายเขตลวงโลกเทียม


แต่บรรพชนฝานกลับมุ่งมาดปรารถนามากที่สุดอย่างแท้จริง ถึงอย่างไรเขตลวงโลกเทียมของเขาก็ผสานรวมสามสายแล้ว! ถ้าหากซึมซับจากประสบการณ์ในตำราของตงป๋อเสวี่ยอิงมาได้บ้าง แล้วผสานรวมทางสาย  ‘ภาพลวง’ เข้าไปได้สำเร็จอีกสาย… เช่นนั้นก็เป็นสี่สายแล้ว ก้าวหน้าไปอีกขั้นเดียวก็คือห้าสายผสานรวม เหยียบย่างเข้าสู่ความเป็นสุดยอดแล้ว! ถึงเวลานั้น วิญญาณก็ไปถึงความเป็นสุดยอด บางทีเขา บรรพชนฝาน ก็อาจจะสามารถหนีออกจากกรงขังแห่งนี้ได้ ไปถึงระดับชีวิตที่เกินกว่าจะจินตนาการได้อีกขั้นหนึ่ง


“ข้าหวังว่าเจ้าจะขายตำราเล่มนี้ให้กับรัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าเท่านั้น” จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยปาก “ห้ามเผยแพร่สู่ภายนอกให้กับผู้อื่นอีก”


“ข้าจะถ่ายทอดให้กับยอดฝีมือที่รัฐเมฆทักษิณาก็มิได้อย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามประโยคหนึ่ง


“ยอดฝีมือที่รัฐเมฆทักษิณาจะต้องมาเป็นเค่อชิงที่รัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าก่อน มาศึกษาตำราโลกเทียมเล่มนี้ที่รัฐโบราณคิมหันตวายุของข้า” จักรพรรดิเซี่ยพูด เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่อยากให้รัฐโบราณอื่นๆ ได้ศึกษาเช่นกัน


“เช่นนั้นราคาก็คงไม่เท่ากันแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้ม


พูดง่าย


ขอเพียงแค่ทำให้ตนพึงพอใจ ขายให้เพียงแค่รัฐโบราณคิมหันตวายุก็ไม่เห็นเป็นไร! ตำราระดับต่ำกว่าเทพจักรวาลลงไปยังสามารถศึกษาได้ง่ายดายยิ่ง ถ้าหากสำเร็จเป็นเทพจักรวาล ก็มีสิทธิ์ที่จะได้เป็นเค่อชิงของรัฐโบราณคิมหันตวายุแล้ว!


“พูดมาสิ เจ้าอยากได้อะไรล่ะ” บรรพชนฝานเอ่ยปากอย่างสงบ


………………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)