Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 34 ตอนที่ 50-51

ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...

 

ตอนที่ 50 จอมเคารพหิมะเหิน

 

ยามรักษาการณ์สิบหกนายก่อให้เกิดเป็นค่ายกลรบ ราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน


นอกจากนี้ยามรักษาการณ์แต่ละคนก็ยังสามารถสับเปลี่ยนกันให้กลายเป็นศูนย์กลางของค่ายกลรบไดตลอดเวลา ค่ายกลรบเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดหย่อน ท่าไม้ตายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง!


เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ ก็ต้องห้ำหั่นซึ่งหน้า หากคิดจะอาศัยโชคดีถอยหนีไปเพื่อดูลาดเลาก่อน หากไม่ระวังถูกกดดันจนตกเป็นเบี้ยล่าง ภายใต้ท่าไม้ตายที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เกรงว่าคงจะพ่ายแพ้ในพริบตาเดียว!


“วิ้ง!”


เขตลวงโลกเทียมแผ่กำจายออกไป แล้วปกคลุมยามรักษาการณ์ทั้งสิบหกนายตรงหน้าเอาไว้ตลอดเวลา หากว่ากันอย่างจริงจังแล้ว พลังของยามรักษาการณ์ที่ห้ำหั่นกับตงป๋อเสวี่ยอิงมาตลอดทางนั้น ที่อ่อนแอที่สุดก็เนื่องจากถูกเขตลวงโลกเทียมรบกวน! พวกเขาก็สำแดงพลังที่แท้จริงออกมาได้เพียงห้าหกส่วนของยามรักษาการณ์เท่านั้น


สวบๆๆๆๆ…


ท่ามกลางเมฆหมอกอันรางเลือนรอบด้าน กลางมิติเล็กจิ๋วจำนวนนับไม่ถ้วน ภายในมิติเก้าแห่งในจำนวนนั้น ต่างก็มีหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวคนหนึ่งปรากฏกายขึ้น


ร่างแยกเก้าร่าง!


“ร่วมโจมตี!”


“คละถิ่นกระบวนที่หนึ่ง…ปุยเมฆสะท้าน!”


ปังปังปังปังปังปังปังปังปัง!!!!!!!!!


ฝ่ามือเก้าข้างตะปบออกมาจากมิติเล็กจิ๋วพร้อมกัน เมฆหมอกจำนวนนับไม่ถ้วนม้วนตัวแล้วก่อให้เกิดเป็นน้ำวนอันน่าหวาดหวั่น ตรงกลางน้ำวนกลับเต็มไปด้วยความตายซากอันดำทะมึนแล้วปะทะเข้ากับดาบ พลอง ค้อนและอาวุธต่างๆ ของยามรักษาการณ์ทั้งสิบหกนายโดยตรง ชั่วขณะที่ประมือกันนั้น บรรดายามรักษาการณ์เหล่านี้ก็พลันพลิกหมุนไปสามกระบวนท่า แต่ก็ยังคงถูกกระแทกเสียจนกระเด็นถอยหลังไป


ร่างแยกทั้งเก้าร่างกลางมิติเล็กจิ๋วต่างก็ถูกกระแทกเสียจนโซซัดโซเซถอยไปก้าวหนึ่งเช่นกัน


“หืม”


แม้พรานผู้ล่า จวินอ๋องดำและจอมเคารพกระบี่ปีศาจจะห้ำหั่นอยู่ระหว่างความเป็นความตาย แต่ก็สอดส่องดูการห้ำหั่นที่บริเวณอื่นๆ ด้วย


“ปะทะกันซึ่งหน้า แต่กลับไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อยเลยหรือนี่”


พวกเขาแต่ละคนพากันประหลาดใจ。


พวกเขาเข้าใจดีมากว่า กระบวนท่าที่ยามรักษาการณ์เหล่านี้ร่วมมือกันนั้นมีพลังระดับเทพจักรวาลขั้นสุดยอดระดับบนสุดแล้ว!


“จ้าวหิมะเหินผู้นี้มีสมบัติลับล้ำค่าขั้นสุดยอดอยู่อย่างนั้นหรือ”


“สามารถสำแดงพลังรบเช่นนี้ออกมาได้ด้วยหรือนี่”


……


ร่างแยกทั้งเก้า แต่ละร่างล้วนสำแดงอานุภาพของคละถิ่นกระบวนที่หนึ่งออกมาอย่างสิ้นเชิง! หากไม่ติดค่ายกล เก้าร่างแยกร่วมมือกัน พลานุภาพก็เพียงพอจะทำให้ยกระดับขึ้นไปไม่น้อย เวลาหลายพันปีนี้ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้ปรับปรุงยุทธวิธีเมฆาแดงจนหมดแล้ว เคล็ดการร่วมโจมตีนั้นเสียเวลานานที่สุด ก็เพื่อร่วมกับร่างแยกทั้งเก้า ทำให้ร่างแยกทั้งเก้าสามารถสำแดงออกไปได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุด


กระบวนท่าซึ่งเดิมทีบรรลุถึงขีดจำกัดเทพจักรวาลระดับชั้นที่สามแล้ว ร่างแยกเก้าร่างสำแดงออกมา และผสานกับเคล็ดการร่วมโจมตี พลังรบเพียงพอจะเทียบได้กับจอมเคารพแล้ว


“ไม่ได้หรอก ยามรักษาการณ์เหล่านี้ก็มีการป้องกันที่ร้ายกาจนัก จะต้องอาศัยทะลุอากาศ กระบวนท่านี้เหมาะจะใช้ทำลายค่ายกลที่สุดแล้ว”


หลังจากเก้าร่างแยกตะปบลงไปฝ่ามือหนึ่งแล้ว ท้ายที่สุดหมัดหนึ่งก็ปะทุออกมาทันที


ปังปังปัง……


เก้าหมัดต่อยออกมาพร้อมกัน สิ่งที่สำแดงออกมาล้วนแต่เป็นท่าทะลุอากาศจากยุทธวิธีเมฆาแดงใหม่ ทั้งสิ้น ระลอกคลื่นเก้าสายก่อให้เกิดเป็นน้ำวน ระลอกคลื่นแต่ละสายล้วนแต่ก่อตัวขึ้นจากรอยแยกจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งรอยแยกเหล่านี้มีพลังคละวิถีหลายสายสาดซัดเข้าไป ขณะที่น้ำวนปะทะเข้ากับค่ายกลของยามรักษาการณ์ทั้งสิบหกนั้น พลานุภาพกลับแทรกซึมเข้าไปในกายของยามรักษาการณ์ที่อ่อนแอคนหนึ่ง ประกายดาบของยามรักษาการณ์ที่อ่อนแอคนนี้ดุเดือดเป็นที่สุด


“โจมตีอย่างเหิมเกริมเช่นนี้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าร่างกายของเจ้าก็จะแข็งแกร่งด้วยน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงขบกราม


“ปัง!”


ร่างกายของยามรักษาการณ์ที่อ่อนแอผู้นั้นพลันระเบิดออก เกราะกระเด็นลอยไปแล้วสิ้นใจคาที่ทันที อันที่จริงแล้วส่วนใหญ่ยามรักษาการณ์เหล่านี้ก็มีพลังที่ค่อนข้างอ่อนแออยู่แล้ว มิเช่นนั้นแล้วหากแข็งแกร่งเกินไป  ไม่เหลือจุดบกพร่องไว้เลยแม้แต่น้อย ด่านสิบสองกัลป์ก็คงจะยากเกินไปหน่อยแล้ว!


ยามรักษาการณ์คนหนึ่งสู้จนตัวตาย ทั้งค่ายกลรบเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงไว้ได้ต่อไป


“ฆ่าาา”


“เปลี่ยนค่าย ฆ่ามัน”


บรรดายามรักษาการณ์เหล่านี้ก็บ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระบวนท่าของพวกเขาจะมีอานุภาพแข็งแกร่งพอ สามารถทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยได้ ทว่าแม้แต่มหาเคารพผู่ซู่ก็ต้านทานได้สิบกว่ากระบวนท่าจึงถูกเคลื่อนย้ายออกไป กายหยาบของตงป๋อเสวี่ยอิงแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็สามารถต้านทานได้นับร้อยกระบวนท่า! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีร่างแยกถึงเก้าร่างด้วยกัน หากสังหารเขา ก็จะยิ่งยากขึ้นไปใหญ่แล้ว


นอกจากนี้ สิ่งที่มิอาจโต้แย้งได้ก็คือ เมื่อสูญเสียยามรักษาการณ์ไปคนหนึ่ง อานุภาพของค่ายกลรบก็เริ่มอ่อนแอลงแล้ว


“ชิ้ง”“ชิ้ง”“ชิ้ง”…


ทั้งเก้าร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงซ่อนตัวอยู่ภายในมิติเล็กจิ๋ว กำปั้นเก้าข้างชกออกมาจากกลางมิติ พลางสำแดงเคล็ดการร่วมโจมตีออกมา


ยุทธวิธีเมฆาแดงใหม่…ทะลุอากาศ!


เก้าร่างแยก ร่วมโจมตี!


กระบวนท่านี้กดดันค่ายกลรบ เมื่อยามรักษาการณ์คนแรกถูกล้างสังหารไป ระหว่างการห้ำหั่นหลังจากนั้น หลังจากตงป๋อเสวี่ยอิงพยายามสู้และถูกลอบโจมตีไปหลายครั้ง ก็สังหารยามรักษาการณ์ห้าคนอย่างต่อเนื่อง  ยามรักษาการณ์ก็พลันไม่มีแรงต้านทานมากสักเท่าใดนัก ส่วนเขากลับเป็นผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ล่วงหน้าได้ดีที่สุดในที่นั้น


……


จอมเคารพกระบี่ปีศาจเป็นเพียงคนเดียวในที่นั้นที่มิได้รับบาดเจ็บเลย


ครั้งก่อน ในด่านกัลป์ที่สิบเอ็ด เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เนื่องจากปลาใหญ่สีแดงสดมีมากมายยิ่งนัก แต่ยามนี้ศัตรูทั้งหมดมีเพียงหกคนเท่านั้น! นอกจากนี้ยังลอบโจมตีโดยอาศัยค่ายกลรบ ด้วยศาสตร์กระบี่อันน่าหวาดหวั่นของของจอมเคารพกระบี่ปีศาจกลับสามารถป้องกันทุกกระบวนท่าของศัตรูเอาไว้ได้ ในที่นั้น เขาเป็นผู้ที่ร้ายกาจที่สุดทางด้านการต่อสู้ประชิดตัว! ในระหว่างการต่อสู้ซึ่งหน้าเขาก็ค่อยๆ สังหารยามรักษาการณ์ไป


แม้ประสิทธิภาพจะต่ำกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ


……


จอมเคารพกระบี่ปีศาจไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายขน แต่ก็มิอาจดูแคลนยามรักษาการณ์เหล่านี้ได้


เพราะถึงอย่างไรเมื่อการโจมตีของยามรักษาการณ์เหล่านี้เคลื่อนเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย หากต้านไม่ได้สักครั้งหนึ่ง เพียงพริบตาเดียวก็จบเห่แล้ว! การป้องกันของจอมเคารพกระบี่ปีศาจจะต้องไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อยจึงจะสามารถทำถึงขั้นนี้ได้ นอกจากเขาแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้


มหาเคารพผู่ซู่นั้นถูกผลักไสออกไปเป็นคนแรก


พรานผู้ล่าก็ต้านไว้ไม่ไหวแล้ว แม้แต่ละครั้งร่างกายจะรวมตัวแล้วสลาย สับเปลี่ยนกันไป แต่เมื่อท่าไม้ตายแต่ละท่าปกคลุมเข้ามา ถึงอย่างไรก็ต้องถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสและเข้าสู่ชั่วขณะสุดท้ายแล้ว


“หืม” พรานผู้ล่าสังเกตเห็นคนทั้งสามด้านข้าง


จอมเคารพกระบี่ปีศาจ แข็งแกร่งด้านการต่อสู้ประชิดตัวจนมิมีผู้ใดเทียบได้ก็แล้วไปเถิด


จวินอ๋องดำก็ปะทุท่าไม้ตายที่ซ่อนเร้นเอาไว้ออกมา และปรากฏร่างแปรเงาห้าร่างออกมา ร่างจริงของเขาสามารถปรากฏขึ้นท่ามกลางร่างแปรเงาได้ ทำให้สถานการณ์การต่อสู้เป็นฝ่ายได้เปรียบ


“พลังก้าวหน้าอย่างใหญ่หลวง จึงมีความมั่นใจแล้ว มิน่าเล่าจึงมายังวังเทพจิตโลกาครั้งนี้” พรานผู้ล่าลอบถอนหายใจ


“ยังมีจ้าวหิมะเหินผู้นี้อีก เก้าร่างแยกร่วมโจมตีมีอานุภาพถึงเพียงนี้ ต้องมีผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพเพิ่มอีกคนหนึ่งโดยไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย!” พรานผู้ล่าลอบรำพึง


ฟิ้ว


ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างเคลื่อนเข้ามาแล้วปกคลุมพรานผู้ล่าเอาไว้


จากนั้นพรานผู้ล่าก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้วขับออกจากวังเทพจิตโลกา เส้นทางวังเทพจิตโลกาของเขาก็สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้


……


ตงป๋อเสวี่ยอิงทำลายกองกำลังยามรักษาการณ์กองนี้ก่อนเป็นคนแรก ถัดมาก็เป็นจอมเคารพกระบี่ปีศาจ ส่วน


จวินอ๋องดำผู้นั้นทำลายกองกำลังยามรักษาการณ์ได้เป็นคนสุดท้าย


พวกเขาทั้งสามต่างคนต่างยืนอยู่บนทางเมฆของคนแล้วทอดสายตามองไปยังคนอื่นๆ


“จวินอ๋องดำ คิดไม่ถึงว่าท่านจะยังมีศาสตร์ร่างแปรเงาซ่อนอยู่อีก จนถึงตอนนี้จึงค่อยสำแดงออกมา” จอมเคารพกระบี่ปีศาจกล่าว


“ต่อให้ข้าซ่อนเอาไว้ลึกกว่านี้ ก็สู้น้องหิมะเหินไม่ได้หรอก! การห้ำหั่นซึ่งหน้าก็ไม่แพ้พวกเราเลย วิธีจำพวกบริเวณและการรักษาชีวิตก็ยังเหนือกว่าพวกข้าเสียอีก นับถือๆ” จวินอ๋องดำเอ่ยชม


จะมิใช่ได้หรือ


ท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นเป็นพลังรบระดับจอมเคารพอย่างไร้ข้อกังขา ส่วนด้านอื่นๆ ทั้งหลายเช่นรักษาชีวิตและบริเวณกลับบรรลุถึงขีดจำกัดเทพจักรวาลชั้นที่สามแล้ว นอกจากนี้ยังมีกระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมอีกด้วย! ในบรรดา ‘ผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพ’ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถือว่ามีความสามารรอบด้านเป็นอย่างมาก


“ฟิ้ว”


จากนั้นระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างก็เคลื่อนเข้ามาแล้วปกคลุมพวกเขาสามคนเอาไว้


พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนมองดูภาพอันบิดเบี้ยวตรงหน้า ในใจของแต่ละคนรู้สึกรอคอยขึ้นมา


สำเร็จแล้ว ทะลุผ่านด่านสิบสองกัลป์ได้ ต่อไปก็ตะเป็นการมอบรางวัลครั้งใหญ่แล้ว!


******


ประตูใหญ่ของวังเทพจิตโลกาปิดลงไปนานแล้ว ส่วนนอกประตูนั้นกลับมีหลายคนรวมตัวกันอยู่ อย่างจอมเคารพมารอัคคีและมหาเคารพลู่เทียนต่างก็อยู่ที่นี่ ทางด้านจ้าวกู่เซียวและมหาเคารพผู่ซู่ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน บริเวณกาลเวลารอบกายมหาเคารพผู่ซู่แผ่ซ่านออกมาระหว่างร่างกายกำลังฟื้นฟู รอบด้านกลับมิมีผู้ใดกล้าลงมือเลย เนื่องจากนอกประตูใหญ่มีร่างแยกของจักรพรรดิเซี่ยและเจ้าเมืองอนันต์กับบุคคลผู้ไร้เทียมทานคนอื่นๆ ประจำการอยู่ที่นี่


เนื่องจากเมื่อผู้แกร่งกล้าแต่ละฝ่ายถูกเคลื่อนย้ายออกมานั้น ส่วนมากก็บาดเจ็บสาหัสเจียนตาย เพื่อป้องกันการลอบโจมตี พวกจักรพรรดิเซี่ยก็ย่อมมีร่างแยกจ้องมองอยู่ที่นี่ด้วย


“ฟิ้ว” พรานผู้ล่าก็ถูกเคลื่อนย้ายออกมาแล้วเช่นกัน


“เจ้าก็ออกมาแล้วรึ” มหาเคารพผู่ซู่พูดยิ้มๆ “จวินอ๋องดำยังไม่ออกมาหรือ”


“จ้าวหิมะเหินผู้นั้นเล่า” จ้าวกู่เซียวเอ่ยขึ้น


“อย่ารออีกเลย จวินอ๋องดำอันตรายนัก ทั้งยังมีกระบวนท่าร่างแปรเงาอีกด้วย จ้าวหิมะเหินผู้นั้นก็ยิ่งร้านกาจเข้าไปใหญ่ การห้ำหั่นซึ่งหน้าไม่แพ้ข้าและคนอื่นๆ เลย กระบวนท่าต่างๆ เช่นการรักษาชีวิตและบริเวณยังแข็งแกร่งกว่าพวกข้าเสียอีก” พรานผู้ล่าพูดพลางส่ายหน้า “ในบรรดาพวกเราที่บุกฝ่าด่านสิบแปดกัลป์ชุดนี้ หากพูดถึงพลังที่แท้จริงแล้ว ไม่แน่ว่าจ้าวหิมะเหินผู้นั้นอาจจะสามารถจัดเป็นในอันดับหนึ่งก็เป็นได้”


“อะไรนะ” จ้าวกู่เซียวตะลึงงันไป


“ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ” มหาเคารพผู่ซู่ตกตะลึง รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขารีบติดต่อจอมเคารพกระบี่ปีศาจทันที


รอบด้านก็มีเหล่าผู้แกร่งกล้าของแต่ละรัฐโบราณอยู่


“จ้าวหิมะเหินมีพลังระดับจอมเคารพหรือ พลังสามารถจัดเป็นอันดับหนึ่งในหมู่พวกเจ้าได้เลยอย่างนั้นหรือ”


“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ”


“จริงหรือหลอกน่ะ”


“สามารถบุกฝ่าด่านสิบสองกัลป์ได้ เจ้าว่าพลังของเขาเป็นเช่นไรเล่า นอกจากนี้ จากสิ่งที่ข้าเห็นก่อนจะถูกเคลื่อนย้ายออกมานั้น เขาก็คงจะเป็นคนแรกที่สังหารศัตรูได้จนหมด” พรานผู้ล่าถามกลับประโยคหนึ่ง


ชั่วขณะให้หลัง


จอมเคารพกระบี่ปีศาจและจวินอ๋องดำที่เพิ่งจะบุกฝ่าด่านสิบสองกัลป์ไป เนื่องจากสหายบางคนทางฝ่ายตนถามไถ่ จึงได้แพร่ข่าวออกมา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้รับการไถ่ถามจากสหายเช่นเดียวกัน แม้แต่มหาเคารพซือเทียนก็ยังส่งสารมาแสดงความยินดีที่ตนบุกฝ่าด่านสิบสองกัลป์มาได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงทำได้เพียงยอมรับอย่างซื่อๆ เท่านั้น ช่วยไม่ได้ เรื่องพรรค์นี้ไม่มีทางเก็บเป็นความลับได้อยู่แล้ว


แน่นอนว่าไม่นานนัก ทุกคนก็รู้ว่าจอมเคารพกระบี่ปีศาจ จวินอ๋องดำและจ้าวหิมะเหิน ทั้งสามคนได้บุกฝ่าผ่านด่านสิบสองกัลป์มาแล้ว


จ้าวหิมะเหินมีพลังยุทธ์ระดับจอมเคารพ และได้รับการยอมรับโดยทั่วไป เรื่องนี้แพร่สะพัดไปยังขุมอำนาจทั่วทุกทิศทั้งดินแดนจิตโลกาอย่างรวดเร็ว


……


เหล่าเทพจักรวาลแห่งดินแดนจิตโลกาย่อมส่งข่าวออกไปอย่างรวดเร็วนัก แต่ละฝ่ายต่างก็ล่วงรู้ว่ามีผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาอีกคนหนึ่งแล้ว


ข่าวก็ย่อมถูกส่งไปถึงรัฐเมฆทักษิณาด้วยเช่นกัน

 

 

 


ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...

 

ตอนที่ 51 แหล่งกำเนิดห้วงสมุทร

 

“ฮ่าฮ่า เห็นทีเสวี่ยอิงเข้าไปในวังเทพจิตโลกาครั้งนี้คงได้อะไรมาไม่น้อย สามารถอยู่ข้างในได้กว่าร้อยล้านปี ทั้งยังมีพลังเช่นนี้ เป็นเพราะได้สมบัติลับระดับยอดสุดมาหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่ายหน้ายิ้มๆ “ศิษย์ของข้าคนนี้ โชคดีหว่าคนเป็นอาจารย์อย่างข้ามากนัก! ตอนแรกข้าต้องยากลำบากเพียงใดจึงจะได้สมบัติลับระดับยอดสุดมา”


สมบัติลับระดับยอดสุดชิ้นหนึ่งอย่าง ‘ดาบทวิภพ’ ทำให้เขาต้องลั่นสัตย์สาบาน เมื่อสิ่งมีชีวิตโบราณในยุคก่อนสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งอย่างราชันย์อนธการอมตะกลับมาอีกครั้ง ทำให้สัตย์สาบานนี้ส่งผลกระทบต่อเขา


มิเช่นนั้นแล้วด้วยพลังของประมุขรัฐเมฆทักษิณา หากจะฉีกหน้าจริงๆ ราชันย์อนธการอมตะก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย


น่าเสียดายที่หากไม่ถึงชั่วขณะสุดท้ายจริงๆ ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ไม่อยากฝ่าฝืนคำสัตย์


“ระดับจอมเคารพรึ อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ช่างโชคดีจริงๆ!”


“ข้าเข้าไปในวังเทพจิตโลกา ไม่อาจหาโอกาสการบรรลุได้พบ และไม่ได้สมบัติลับระดับยอดสุดมาด้วย”


เหล่าผู้แกร่งกล้าที่ได้ข่าวแต่ละคนเช่นจอมเคารพมารอัคคี แต่ละคนล้วนเกิดความคิดต่างๆ มากมายขึ้นมาบ้างก็อิจฉา ริษยา บ้างก็รู้สึกสะท้อนใจ


เพราะถึงอย่างไรอย่างสกุลฝาน ตลอดคืนวันอันยาวนานก็มีมหาเคารพเพียงหกท่านเท่านั้น! จะสำเร็จเป็นระดับจอมเคารพได้นั้นไม่ใช้เรื่องง่ายเลยจริงๆ


……


วังเทพจิตโลกา


ภายในโถงตำหนักอันโอ่อ่าแห่งนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมเคารพกระบี่ปีศาจและจวินอ๋องดำ ทั้งสามคนที่เพิ่งจะบุกฝ่าด่านสิบสองกัลป์มาได้สำเร็จต่างก็อยู่ที่นี่


“ข่าวแพร่ออกไปรวดเร็วจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางส่ายหน้า


“ฮ่าฮ่า น้องหิมะเหิน เจ้ามีพลังระดับนี้ ย่อมปกปิดเอาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว” จวินอ๋องดำพูดยิ้มๆ “ทว่าเจ้าก็ระมัดระวังตัวใช้ได้ทีเดียว พลังระดับนี้ยังให้กระบี่ปีศาจและผู่ซู่ช่วยอีก”


เพราะถึงอย่างไรบัดนี้ผู่ซู่ก็ถูกขับออกไปแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงมีพลังเช่นนี้แท้ๆ แต่กลับจงใจแสร้งทำเป็นอ่อนแอ จวินอ๋องดำพูดเช่นนี้ก็เพื่อเชื่อมโยงสัมพันธ์


เขาก็เข้าใจว่าเดิมทีรัฐโบราณคิมหันตวายุค่อนข้างดูแคลนผู้แกร่งกล้าจากรัฐภายนอก จะมีก็แต่สกุลฝานเท่านั้นที่ดีกว่าบ้างเล็กน้อย


จอมเคารพกระบี่ปีศาจกลับพูดขึ้นว่า “หิมะเหินเป็นเค่อชิงของรัฐโบราณคิมหันตวายุของเรา จะร่วมมือกับพวกเราก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว เขาสำแดงเขตลวงโลกเทียม ก็ทำให้ค่ายกัลป์หลายแห่งก่อนหน้านี้สบายขึ้นมากทีเดียว! หากด่านสิบสองกัลป์ยังมีเขตลวงโลกเทียมของน้องหิมะเหินช่วยเหลือ เกรงว่าผู่ซู่ก็คงจะไม่ล้มเหลวแล้ว”


เป็นเช่นนี้จริงๆ


ภายใต้เขตลวงโลกเทียม ทหารคุ้มกันแต่ละคนล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น ค่ายกลทหารคุ้มกันมีพลังอ่อนแอ มหาเคารพผู่ซู่ก็มีหวังจะได้รับชัยชนะ


ตงป๋อเสวี่ยอิงมองจอมเคารพกระบี่ปีศาจแวบหนึ่งด้วยความซาบซึ้งใจอย่างมากที่เขาเข้าใจ


อันที่จริงแล้ว ‘เคล็ดการร่วมโจมตี’ เป็นกระบวนท่าในยุทธวิธีเมฆาแดงซึ่งได้รับการปรับปรุงจนสำเร็จในท้ายที่สุด เคล็ดการร่วมโจมตีเดิมคือสามร่างแยกร่วมโจมตี! บัดนี้จะปรับปรุงให้เป็นเก้าร่างแยกร่วมโจมตี ทั้งยังต้องสอดคล้องกับกระบวนท่าบางอย่างของพลังคละถิ่น ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงต้องสูญเสียความคิดจิตใจไปไม่น้อยจึงสำเร็จได้ เมื่อมีเคล็ดการร่วมโจมตีเช่นนี้ จึงทำให้พลังของร่างแยกทั้งเก้าสำแดงออกมาได้หมด


“กึ้กๆๆ…”


มีเวทีศิลาสามแห่งผุดขึ้นมาบนพื้นโถงตำหนัก บนเวทีศิลาแต่ละแห่งต่างก็มีเวทีศิลาอยู่


“มาแล้ว”


จอมเคารพกระบี่ปีศาจจวินอ๋องดำและตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็นัยน์ตาเป็นประกาย พวกเขาสู้สุดชีวิตจนกระทั่งบุกฝ่าผ่านด่านสิบสองกัลป์ได้ ก็เพื่อชั่วขณะนี้นั่นเอง! เวลานี้คือเวลาสำหรับการเก็บเกี่ยวผลงานแล้ว


พวกเขาทั้งสามพากันก้าวไปข้างหน้าแล้วมาถึงตรงหน้าเวทีศิลาแห่งหนึ่งตามการสัมผัสรับรู้ ก่อนจะวางมือลงบนกล่องศิลาเบาๆ


“ฟิ้ว” “ฟิ้ว” “ฟิ้ว”


ทั้งสามคนเปิดกล่องออกแทบจะต่อเนื่องกัน ต่างคนต่างเผยสีหน้าตกใจระคนยินดีออกมา เพียงแต่ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึก ‘ตกใจ’ มากกว่าเล็กน้อยเท่านั้น


“ไม่น่าเชื่อ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองมณีทรงกลมสีแดงชาดซึ่งวางอยู่ในกล่องศิลาด้วยความตกใจ ภายในมณีทรงกลมมีจุดแสงจำนวนนับไม่ถ้วนวูบไหวอย่างไม่หยุดนิ่ง และกฎเกณฑ์ที่พิสดารอย่างยิ่ง จุดแสงทั้งหมดหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา หากสำรวจดูจุดแสงแต่ละจุดโดยละเอียดแล้วนำมาขยายเป็นล้านล้านเท่า อันที่จริงแล้วก็คือจักรวาลพิเศษแห่งหนึ่ง


ใช่แล้ว ภายในจุดแสงแต่ละจุดล้วนแต่เป็นโลกที่แท้จริง!


“แหล่งกำเนิดห้วงสมุทรหรือ” หางตาของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เหลือบมองสมบัติล้ำค่าในกล่องศิลาของทั้งสองคนด้านข้าง สมบัติล้ำค่าที่จอมเคารพกระบี่ปีศาจและจวินอ๋องดำได้รับนั้นต่างก็มีมูลค่าราวแสนล้านแก้วผลึกจักรวาล ยังนับว่าปกติ


“เหตุใดจึงมอบแหล่งกำเนิดห้วงสมุทรให้ข้าเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตะลึงเหลือแสน


แหล่งกำเนิดห้วงสมุทร


ล้ำค่าหาใดเปรียบ สามารถอาศัยมันเป็นพื้นฐานเพื่อสำแดงห้วงสมุทรออกมา ตนจะกลายเป็นประมุขแห่งห้วงสมุทร ภายในขอบเขตของห้วงสมุทรนี้ ก็สามารถได้รับแรงช่วยต่างๆ นอกจากนี้ในฐานะประมุขแห่งห้วงสมุทร เมื่อรับรู้วิถีอากาศภายในห้วงสมุทรก็จะเป็นแรงช่วยมหาศาล


ขณะเดียวกัน ‘แหล่งกำเนิดห้วงสมุทร’ นี้ใช้หลอมอาวุธ หรือไม่ก็เป็นใจกลางของหุ่นเชิด หรือเป็นใจกลางคูหา…เป็นสมบัติล้ำค่าที่ร้องขอก็ยังมิอาจได้มา หากพูดถึงมูลค่าแล้ว ก็ยังสูงกว่าสมบัติลับระดับยอดสุดทั่วไปอยู่บ้าง เพราะหาได้ยากนัก


“เหตุใดจึงมอบแหล่งกำเนิดห้วงสมุทรให้เขาเล่า”


“วัตถุในตำนานเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาแล้วหรือ”


จวินอ๋องดำและจอมเคารพกระบี่ปีศาจก็สังเกตเห็นทางตงป๋อเสวี่ยอิง ต่างก็ตกใจเป็นอันมาก


จะสามารถเห็นได้ถึงความลำเอียงของวังเทพจิตโลกา


ตอนที่ผ่านด่านเก้ากัลป์มาได้นั้น…เขาเข้าร่วมกลางทางโดยมิได้ผ่านด่านกัลป์ที่เจ็ดมาก่อน นอกจากนี้เขายังได้รับการคุ้มกันจนแทบมิได้สำแดงพลังออกมามากสักเท่าใดนัก สมบัติล้ำค่าที่ได้มาก็ยังทัดเทียมกันกับพวกเขา


บัดนี้เมื่อผ่านด่านสิบสองกัลป์และได้สำแดงพลังออกมา สมบัติล้ำค่าที่จ้าวหิมะเหินผู้นี้ได้มาก็สูงกว่าพวกเขาขุมหนึ่งทันที


“สวบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรีบเก็บขึ้นมา


ม่านตาของจวินอ๋องดำหรี่ลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันเขาก็ส่งสารเบาๆ ว่า “ท่านปฐมบรรพชน ข้าพบแหล่งกำเนิดห้วงสมุทรก้อนหนึ่งเข้า เป็นสิ่งที่จ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาได้มาหลังจากผ่านด่านสิบสองกัลป์ขอรับ”


……


ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์กำลังยืนอยู่บนลานขนาดมหึมาในวังเทพจิตโลกา มองดูสัญลักษณ์อักขระลับอันซับซ้อนบนลาน เขามองดูโดยละเอียดอยู่ตรงนี้ เขามองความเร้นลับของกฎเกณฑ์อันสูงส่งที่แฝงอยู่ในสัญลักษณ์อักขระลับนี้ออก นอกจากนี้ยังมีความลับบางอย่างอยู่ด้วย หากสามารถเฝ้าดูจนเข้าใจได้ จะต้องได้ผลประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน


มาถึงระดับอย่างเขาแล้ว วังเทพจิตโลกาก็เข้มงวดกับพวกเขามากขึ้น คิดจะได้รับผลประโยชน์ก็ยากยิ่งขึ้นไปอีก


“เอ๊ะ” ดวงตาทั้งคู่บนใบหน้าขาวซีดของปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์พลันมีความตกตะลึงสายหนึ่งแวบผ่านไป “แหล่งกำเนิดห้วงสมุทรหรือ จ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาได้รับแหล่งกำเนิดห้วงสมุทรมาก้อนหนึ่งอย่างนั้นหรือ”


“สมบัติล้ำค่าระดับนี้ อยู่ในมือเขาก็สิ้นเปลืองจริงๆ โชคชะตากำหนดมาว่าควรตกเป็นของข้า” ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เผยรอยยิ้มระลอกหนึ่งออกมา


ในเรื่องการหลอมมารรับใช้นั้น


ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์คือผู้ที่เก่งกาจที่สุดในทั้งดินแดนจิตโลกาอย่างไร้ข้อกังขา เขาหลอมเก้าผู้ท่องราตรีนิรันดร์ออกมา ซึ่งล้วนแต่เป็นมารรับใช้ที่มีพลังรบระดับเทพจักรวาลทั้งสิ้น ผู้ที่เป็นระดับยอดสุดในจำนวนนั้นล้วนแต่มีพลังเทียบกับประมุขรัฐเมฆทักษิณาได้เลยทีเดียว


แต่อันที่จริงแล้วปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ใฝ่ฝันถึงการหลอมมารรับใช้ที่ร้ายกาจยิ่งขึ้นมาโดยตลอด ขั้นตอนการหลอมเช่นนี้ ก็เป็นขั้นตอนการบำเพ็ญอย่างหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นมารรับใช้ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าก็ต้องการวัสดุที่หายากมากขึ้นไปด้วย


“แหล่งกำเนิดห้วงสมุทรเหมาะจะเป็นหนึ่งในใจกลางแสงและความมืด” ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เผยรอยยิ้มออกมา  จากนั้นก็สาวเท้าแหวกอากาศไป


กล้าทะยานไปในวังเทพจิตโลกาตามอำเภอใจเช่นนี้มีไม่มากนัก


……


“แหล่งกำเนิดห้วงสมุทร จ้าวหิมะเหิน ยินดีด้วยๆ” จวินอ๋องดำเอ่ยชม “ช่างทำให้ข้าและคนอื่นๆ อิจฉาจริงๆ สมบัติล้ำค่าที่ข้าและกระบี่ปีศาจได้มายังนับว่าทั่วไป แต่สิ่งที่จ้าวหิมะเหินได้รับกลับเป็นแหล่งกำเนิดห้วงสมุทร มันล้ำค่ากว่าของข้าและคนอื่นมากทีเดียว วังเทพจิตโลกานี้ก็ลำเอียงไปทางเจ้าด้วย”


“โชคดีน่ะขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเดินไปทางนอกตำหนัก


“อะไรกัน จ้าวหิมะเหินเตรียมตัวจะไปแล้วหรือ” จวินอ๋องดำถาม “ไม่คิดจะบุกฝ่าต่อไปแล้วหรือ”


เมื่อครู่ตอนได้รับสมบัติล้ำค่ามา ก็ได้พิกัดที่ตั้งของด่านกัลป์อีกสามแห่งมาด้วย


แต่ถึงกระนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้ตัวเองดีมาก เขาไม่มีสมบัติลับระดับยอดสุด จะบุกฝ่าด่านสิบสองกัลป์ก็ไม่ง่ายเสียแล้ว ด่านสิบห้ากัลป์น่ะหรือ ไม่มีหวังเลยจริงๆ!


ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายจากไปเอง ก็ยังสามารถไปยังสถานที่อื่นๆ ของวังเทพจิตโลกาเพื่อสำรวจดูได้


มิเช่นนั้นแล้วหากถูกขับไล่ออกจากด่านกัลป์ เช่นนั้นเส้นทางของการค้นหาภายในวังเทพจิตโลกาก็จะสิ้นสุดลงทันที


“สมควรไปได้แล้วล่ะ หากบุกต่อไปก็ต้องสูญเสียโอกาสไปเปล่าๆ” จอมเคารพกระบี่ปีศาจก็เดินออกไปเช่นกัน


“เดิมทีข้าคิดว่าจะลองบุกด่านกัลป์ดูอีกสักแห่งสองแห่ง ทว่าทั้งสองคนก็ล้มเลิกแล้ว ข้าก็ล้มเลิกด้วยก็แล้วกัน ระวังตัวไว้เสียหน่อยจะดีกว่า” จวินอ๋องดำกล่าว “จ้าวหิมะเหิน จอมเคารพกระบี่ปีศาจ ต่อไปพวกท่านคิดจะไปที่ใดกันหรือ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงหันไปมองจวินอ๋องดำแวบหนึ่ง ในใจก็เกิดความสงสัยขึ้นมา


จวินอ๋องดำผู้นี้


พูดพล่ามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


นอกจากนี้เมื่อท่องไปในวังเทพจิตโลกา รัฐโบราณแต่ละแห่งล้วนแต่มีข้อมูลของตน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็ไม่อยากจะแบ่งปันกับรัฐโบราณอื่นๆ ดังเช่นสามตระกูลใหญ่ภายในรัฐโบราณคิมหันตวายุก็ไม่อยากจะแบ่งปันข้อมูลกับบรรดาเค่อชิงทั้งหลาย


“ตู้ม!” ไกลออกไปมีเสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้น คลื่นอันน่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งก่อตัวขึ้นไกลออกไป


“นี่มันเรื่องอันใดกัน”


ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมเคารพกระบี่ปีศาจและจวินอ๋องดำเพิ่งเดินออกจากโถงตำหนักก็ทอดสายตามองออกไปกล


“ระลอกคลื่นที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู” จอมเคารพกระบี่ปีศาจเอ่ยขึ้นมา


เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ


ฟิ้ว


ไกลออกไปมีลำแสงกะพริบวาบขึ้นมา พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็พบว่า กลางท้องฟ้าตรงหน้ามีเงาร่างสายหนึ่งรวมตัวกันขึ้นมา เงาร่างสายนี้สวมเสื้อคลุมกันลมสีดำซึ่งปักลวดลายสีทองเอาไว้ ลวดลายสีทองเปล่งรัศมีอันเรืองรองออกมา  ใบหน้าของเขาขาวผ่อง รูปโฉมหล่อเหลานัก ดวงตาทั้งคู่เหลือบมองลงมา ราวกับมองทะลุวิญญาณของคนทุกผู้ในที่นั้น


แรงกดดันอันอันไร้รูปร่างทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมเคารพกระบี่ปีศาจพากันแตกตื่น


“ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์” ตงป๋อเสวี่ยอิงจำสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูผู้เก่าแก่ตรงหน้าคนนี้ได้ทันที


“บังเอิญถึงเพียงนี้ พบปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เข้าหรือ” จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ใจสั่นขึ้นมา เขานึกถึงการใช้งาน ‘แหล่งกำเนิดห้วงสมุทร’ และนึกถึงว่าก่อนหน้านี้จวินอ๋องดำพูดอะไรออกมามากมายอย่างไม่ปกติ


“จ้าวหิมะเหิน ระวังตัวด้วย ระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นจากการต่อสู้เมื่อครู่ น่าจะเกิดจากปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เป็นผู้สร้างขึ้น เขาเร่งมาด้วยความเร็วสูงถึงเพียงนี้ กลางทางยังระเบิดอันตรายต่างๆ ในวังเทพจิตโลกาออกโดยไม่ลดดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย เพื่อมาถึงตรงที่พวกเราอยู่ แล้วกลับหยุดลง! เกรงว่าผู้าเยือนคงจะไม่มีเจตนาดี ข้าจะรายงานต่อฝ่าบาทจักรพรรดิเซี่ย หากเขาคิดร้ายขึ้นมา ก็ต้องพยยายามยิ้อเวลาออกไปให้เต็มที่” จอมเคารพกระบี่ปีศาจถ่ายเสียงให้ตงป๋อเสวี่ยอิง พวกเขาต่างก็เฉลียวฉลาดหลักแหลม จึงพอจะคาดเดาได้ว่าการที่ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์มาที่นี่ด้วยความบังเอิญถึงเพียงนี้ ออกจะไม่ปกติอยู่บ้าง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)