Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 34 ตอนที่ 5-7
ตอนที่ 5 จักรพรรดิเซี่ยมาเยือน
Ink Stone_Fantasy
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ข้างๆ อย่างเชื่อฟัง เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ต้องขายออกไปให้ได้ราคาสูงพอ ตนยังห่างชั้นกับอาจารย์ลิบลับ อาจารย์เป็นหนึ่งในวีรบุรุษผู้ไร้เทียมทานแห่งดินแดนจิตโลกา เขาเข้าใจขุมอำนาจฝ่ายต่างๆ ถ่องแท้กว่าตนมากยิ่งนัก และถึงขั้นเคยต่อกรกับสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูบางท่านอีกด้วย
“เจ้าคิดจะแลกเปลี่ยนอะไรมารึ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองตงป๋อเสวี่ยอิง
“พวกเคล็ดวิชาลับระดับยอดต่างๆ ทางสายอากาศและวิถีโลกเทียมน่ะขอรับ หากมีสมบัติลับระดับยอดสุดอยู่ย่อมเป็นเรื่องดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาขมวดคิ้ว “เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ของเจ้านี้ เป็นเคล็ดวิชาขั้นอลวนระดับยอดสุดทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุซึ่งนับได้ว่า ‘หาได้ยาก’! นอกจากนี้ผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดในบรรดาเทพจักรวาลจำนวนมากก็อยากครอบครองกลเม็ด ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุด’ นี่คือวิธีการอันแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ซึ่งหน้าและการรักษาชีวิต”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นด้วย
จักรพรรดิเก้าเมฆาบรรลุถึงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุด จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะสังหารเขาได้ ต้องสิ้นเปลืองกำลังมากมายเพียงใด เตาสามขาเพลิงโลกันตร์อันสุดท้าย จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มิอาจได้ไป!
“การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดนั้นยากมาก ต่อให้สำเร็จเป็นเทพจักรวาลทางสายอากาศ จะบรรลุถึงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดได้ก็มิใช่เรื่องง่าย” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “สำหรับสิ่งมีชีวิตในบรรดาเทพจักรวาลระดับยอดสุดนั้น บำเพ็ญ ‘ทางสายอากาศ’ ไปควบคู่กันจนบรรลุถึงระดับขั้นเทพจักรวาลนั้นยากเกินไป จะสำเร็จเป็นขั้นอลวนก็ง่ายกว่ามากทีเดียว ผู้ที่คิดอยากได้วิชานี้ของเจ้าจะต้องมีไม่น้อยเลย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ
“แต่เจ้าต้องการเคล็ดวิชาลับระดับยอดสุดหรือไม่ก็สมบัติลับระดับยอดสุด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่ายหน้าน้อยๆ “ในหกรัฐโบราณ รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งมีสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูสามท่านด้วยกัน ทว่าแต่ละคนล้วนฝึกกายทั้งสิ้น ดังนั้นเคล็ดวิชาฝึกกายของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งจึงร้ายกาจที่สุด ส่วนเคล็ดวิชาลับอื่นๆ ก็อ่อนแอมากทีเดียว แม้แต่อ๋องส้าหลงผู้นั้นก็ยังยอมสวามิภักดิ์ต่อสกุลฝานด้วยเหตุนี้นั่นเอง เจ้าเป็นยอดฝีมือทางสายอากาศและวิถีโลกเทียม ซึ่งล้วนมิใช่สิ่งที่รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งเชี่ยวชาญ”
“ข้ารู้ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มออกมา “รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งนี้ก็ประหลาดนัก”
จะฝึกกายให้บรรลุถึงขั้นสุด
ก็ต้องค้นคว้ากายหยาบให้สมบูรณ์อย่างแท้จริง แล้วฝึกกายหยาบจนถึงระดับเทพจักรวาลชั้นที่สาม แต่ละคนล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒน์ไปมากกว่าบรรพชนโลกาในบ้านเกิดเสียอีก
บรรพชนทั้งสาม แต่ละคนล้วนเป็นเช่นนี้!
“เฮอะ ด้านอื่นๆ อ่อนแอเกินไปแล้ว สิ่งที่รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งสามารถทำได้ก็คืออาศัยพลังไปแย่งชิงมา! แต่ผู้แกร่งกล้าจริงๆ จะไปเกรงกลัวพวกเขาเสียที่ไหนกัน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “รัฐโบราณจันทร์บุปผาและรัฐโบราณเสียดฟ้านั้นไม่ต้องพูดถึง สิ่งที่สั่งสมเอาไว้ช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน! รัฐโบราณบรรพชนก็ไม่มีเคล็ดวิชาลับระดับยอดที่เหมาะสมกับเจ้าสักเท่าใดนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเบาๆ
เขาก็เข้าใจ
“หากอยากได้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ ก็มีเพียงสองขุมอำนาจใหญ่เท่านั้น หนึ่งคือรัฐโบราณคิมหันตวายุ อีกหนึ่งคือรัฐโบราณสหโลกา” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอ่ย
ผู้ที่ทางสายอากาศบรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์แล้วสำเร็จเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สามมีเพียงสองคนเท่านั้น
คนหนึ่งคือจักรพรรดิเซี่ย! อีกคนหนึ่งคือ ‘ผู้พเนจร’ หนึ่งในห้าบรรพชนแห่งรัฐโบราณสหโลกา
ดังนั้นหากต้องการเคล็ดวิชาลับระดับยอดทางสายอากาศ ขุมอำนาจใหญ่ทั้งสองนี้ถึงจะเหมาะสมที่สุด
ส่วนจำพวกโลกเทียม…‘บรรพชนฝาน’ ก็ได้บำเพ็ญไปควบคู่กันจนบรรลุถึงเทพจักรวาลระดับชั้นที่สอง บุคคลผู้นั้นของรัฐโบราณเสียดฟ้าก็บำเพ็ญไปควบคู่กันจนบรรลุถึงเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองเช่นกัน ในรัฐโบราณสหโลกาก็มีผู้ที่โลกเทียมบรรลุถึงเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองเช่นกัน! ใช่แล้ว ทั้งดินแดนจิตโลกา วิถีโลกเทียมก็ไม่เคยมีผู้ที่บรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์อย่างแท้จริงแล้วสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตเทพจักรวาลระดับชั้นที่สามเลย!
เนื่องจากเส้นทางวิญญาณนั้น เดิมทีก็ยากยิ่งอยู่แล้ว!
วิถีโลกเทียม ก็ยิ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตที่บรรลุถึงระดับชั้นที่สามเข้าไปใหญ่
อ่านนิยาย
“ในดินแดนจิตโลกาก็มีการแบ่งอาณาเขตของขุมอำนาจ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดยิ้มๆ “รัฐเมฆทักษิณาของข้าอยู่ใกล้รัฐโบราณคิมหันตวายุ บริเวณผืนใหญ่โดยรอบล้วนจัดเป็นเขตอำนาจของรัฐโบราณคิมหันตวายุ ดังนั้นการเจรจาในช่วงเริ่มแรกสุด…จึงย่อมต้องเจรจากับรัฐโบราณคิมหันตวายุก่อนเป็นธรรมดา! มิอาจไปหารัฐโบราณสหโลกาก่อนได้ หากทำเช่นนั้นก็เท่ากับไม่ไว้หน้ารัฐโบราณคิมหันตวายุ เป็นการล่วงเกินพวกเขา”
“เข้าใจแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“รัฐโบราณคิมหันตวายุมีสิ่งที่เจ้าต้องการ ลองดูก่อนเถอะข้าจะพยายามช่วยเจ้าเจรจาเต็มที่ ท้ายที่สุดเจ้าค่อยตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “ใช่แล้ว เจ้าไม่สนใจว่าหลังจากขายให้รัฐโบราณคิมหันตวายุแล้ว จะขายให้กับรัฐโบราณอื่นๆ อีกกระมัง”
“ไม่สนใจขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มออกมาแล้ว
จุดมุ่งหมายหลักของเขาก็คืออากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิด
ที่นี่เป็นเพียงฐานรองให้เขากระโดดขึ้นไปเท่านั้น ขายให้รัฐโบราณสักหลายแห่งก็ไม่เป็นไรหรอก
“เจ้าไม่สนใจ เช่นนั้นก็ขึ้นกับว่ารัฐโบราณคิมหันตวายุจะสนใจหรือไม่สนใจแล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดยิ้มๆ “หากพวกเขาไม่อนุญาตให้พวกเราขายให้กับรัฐโบราณอื่นๆ พวกเขาก็ต้องเพิ่มราคาให้!”
……
หลังสนทนากับท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาโดยละเอียดแล้ว อาจารย์ก็เผยแพร่ข่าวให้สามตระกูลใหญ่ของรัฐโบราณคิมหันตวายุ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าสามารถขาย ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ เคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดของขั้นอลวนฉบับจริงซึ่งตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงออกมาให้แก่สามตระกูลใหญ่ได้
ณ ตำหนักดั้นเมฆในวังหลวงแห่งรัฐเมฆทักษิณา
‘ธูปทองสีสามธุลี’ ขนาดราวท่อนแขนซึ่งมีมูลค่ากว่าร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลถูกจุดขึ้นมา กลิ่นหอมแผ่กำจายไปทั่วโถงตำหนัก โต๊ะยาวภายในโถงตำหนักงามวิจิตร สาวใช้สามคนด้านข้างล้วนแต่เป็นมารรับใช้ขั้นอลวนทั้งสิ้น
ณ ฟากหนึ่งของโถงตำหนักมีโต๊ะยาวอยู่สองตัว ประมุขรัฐเมฆทักษิณาในอาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงามและหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ตรงโต๊ะยาวคนละตัว รอคอยอย่างเงียบๆ
สาวใช้สามคนกระจายกันอยู่ข้างโต๊ะยาวสามตัว
ในขณะนี้…
ภายในขอบเขตล้านลี้รอบตำหนักดั้นเมฆไม่มีผู้อื่นอยู่อีก บ่าวรับใช้ชายหญิงทั้งหมดถูกขับให้ถอยไป วันนี้ ต่อให้เป็นศิษย์คนอื่นๆ ของประมุขรัฐเมฆทักษิณา รวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เช่น จ้าวเทียนยินล้วนถูกห้ามมิให้เข้าใกล้ที่แห่งนี้โดยเด็ดขาด
แม้สาวใช้ทั้งสามนางจะเป็นมารรับใช้ขั้นอลวน แต่กลับยังคงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันไร้รูปร่าง เนื่องจากพวกนางรู้ว่าวันนี้จะต้องเผชิญหน้ากับผู้ใด
“ฟิ้ว”
เงาร่างสายหนึ่งรวมตัวกันแล้วปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
อ่านนิยาย
เขาสวมอาภรณ์สีพื้นหลวมโพรก เขาร่อนลงมานั่งขัดสมาธิลงหลังโต๊ะยาวเพียงตัวเดียวซึ่งว่างอยู่ฝั่งตรงข้ามประมุขรัฐเมฆทักษิณาและตงป๋อเสวี่ยอิง
“คารวะฝ่าบาทจักรพรรดิเซี่ย” แม้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาและตงป๋อเสวี่ยอิงจะนั่งขัดสมาธิอยู่ก็ตามที ทว่าก็ยังคงทักทายและค้อมกายคารวะ
จักรพรรดิเซี่ย
สิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในดินแดนจิตโลกา พลังยุทธ์จัดเป็นอันดับหนึ่ง ลำพังแค่นิดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้มองสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอื่นๆ อย่างหยิ่งผยองได้แล้ว เขาบำเพ็ญเส้นทางสองสายจนถึงระดับครบสมบูรณ์ขั้นสุด
บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอย่างบรรพชนฝาน จักรพรรดิชาง ผู้พเนจรและคนอื่นๆ รวมทั้งจอมเทพศักดิ์สิทธิ์และเจ้าศิลาแห่งอากาศอันสับสนอลหม่านก็ล้วนทำให้เส้นทางบรรลุถึงระดับครบสมบูรณ์ขั้นสุดได้เพียงสายเดียวเท่านั้น! ต้องรู้ไว้ว่าการจะบรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์ได้นั้นยากเย็นเพียงใด การทำให้เส้นทางสองสายครบสมบูรณ์ขั้นสุดได้นั้น ความยากก็พุ่งสูงขั้นเป็นสิบเป็นร้อยเท่าในพริบตา
แต่ก็ยังคงมีสิ่งมีชีวิตระดับจักรพรรดิเซี่ยปรากฏขึ้นมาอยู่ดี
ดังนั้นบรรพชนฝานและจักรพรรดิชางจึงยินดีที่จะคอยช่วยเหลือเขา ถึงขั้นที่ว่า ‘สกุลเซี่ย’ หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ล้วนแต่กดดันอีกสองตระกูลใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนของมหาเคารพ หรือว่าจำนวนของผู้มีพรสวรรค์ที่บ่มเพาะขึ้นมาก็ตามที ช่วยไม่ได้…จักรพรรดิเซี่ยร้ายกาจเกินไปแล้ว! การสั่งสอนศิษย์ก็ร้ายกาจยิ่งนัก!
จักรพรรดิเซี่ยนั้นทำให้ ‘ทางสายอากาศ’ และ ‘วิถีเปลวเพลิง’ บรรลุถึงระดับครบสมบูรณ์ขั้นสุดได้ นอกจากนี้แล้ว เขาก็ยังคงบำเพ็ญเส้นทางสายอื่นๆ ไปควบคู่กันด้วย การสั่งสอนศิษย์จึงย่อมร้ายกาจเป็นธรรมดา
เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตพรรค์นี้
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาและตงป๋อเสวี่ยอิงจะกล้าชักช้ารีรออยู่ได้อย่างไรกัน
“อิงซานเสวี่ยอิง ได้ยินมาว่าเจ้ายินดีขายเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์นั่นให้แก่รัฐโบราณคิมหันตวายุของเราหรือ” จักรพรรดิเซี่ยมองตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ
“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว ต่อให้ไม่มีสมบัติลับ จักรพรรดิเซี่ยตรงหน้าผู้นี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี
“ฮ่าฮ่า ในดินแดนจิตโลกา มีเคล็ดวิชาขั้นสุดทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุของขั้นอลวนอยู่สองวิชาด้วยกัน ข้าและผู้พเนจรแห่งรัฐโบราณสหโลกาคนนั้นคิดค้นขึ้นมาคนละวิชา” จักรพรรดิเซี่ยกล่าว “ของเจ้าเป็นเคล็ดวิชาขั้นสุดทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุของขั้นอลวนวิชาที่สาม ข้าต้องการดูก่อน เพื่อจะได้ประเมินราคา”
“ได้ขอรับ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า เขาพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีคัมภีร์เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ แน่นอนว่าในคัมภีร์เล่มนี้ เขาก็ได้ทิ้งข้อจำกัดบางอย่างเอาไว้ ในดินแดนจิตโลกามีวิธีการเกี่ยวกับข้อจำกัดต่างๆ ในเรื่องการถ่ายทอดศาสตร์ลับมากกว่าอากาศอันสับสนอลหม่านมากมายนัก
แน่นอนว่าพลังระดับจักรพรรดิเซี่ยย่อมสามารถขจัดข้อจำกัดต่างๆ ไปได้อย่างสิ้นเชิง แล้วก็ยังคงสามารถเผยแพร่ศาสตร์ลับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดค้นขึ้นนี้สู่ภายนอกโดยไม่ต้องสนใจข้อจำกัดได้อยู่ดี
แต่ข้อแรก จักรพรรดิเซี่ยมีสถานะระดับนี้ ย่อมรังเกียจที่จะทำเช่นนั้น
ข้อสอง แม้จักรพรรดิเซี่ยจะสามารถเพิกเฉยต่อข้อจำกัดของคัมภีร์ฉบับจริงได้ก็ตามที แต่หากทำเช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อ ‘จิตแห่งวิถี’ ได้! ระดับอย่างพวกจักรพรรดิเซี่ยแล้ว สิ่งที่ใฝ่หาก็คือการก้าวข้ามขั้นสุดท้าย จึงย่อมไม่มีทางยอมให้จิตแห่งวิถีของตนได้รับผลกระทบเด็ดขาด
“ฟิ้ว” จักรพรรดิเซี่ยรับคัมภีร์กึ่งโปร่งใสเล่มนี้มาแล้วส่งสติรับรู้เข้าไป และได้เรียนรู้ความเร้นลับต่างๆ ของเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์
“น่าสนใจ” จักรพรรดิเซี่ยตกตะลึงอยู่บ้าง “เป็นการบำเพ็ญทางสายอากาศเก้าสายควบคู่กัน ผสานกันได้อย่างงดงามและบริสุทธิ์เช่นนี้ เคล็ดวิชาที่ข้าและผู้พเนจรคิดค้นขึ้นมาล้วนแต่ซับซ้อนวุ่นวายกว่ามากทีเดียว”
ตอนที่ 6 สองเคล็ดสืบทอดลับ
Ink Stone_Fantasy
จักรพรรดิเซี่ยและผู้พเนจรต่างก็อาศัยความสำเร็จขั้นสมบูรณ์สุดยอดของวิถีอากาศของตน เพียงแค่อาศัยความเร้นลับระดับขั้นอลวน ก็ไปถึง ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ ได้แล้ว! สำหรับการบำเพ็ญขึ้นมาแล้วซับซ้อนน่ะหรือ พวกเขาก็ย่อมไม่ใส่ใจอยู่แล้ว สามารถคิดค้นออกมาได้ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างยิ่งแล้ว แต่หากว่ากันอย่างจริงจังแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีแหล่งอ้างอิงอยู่ อ้างอิงจากเส้นสายชุดเกราะของ ‘แม่ทัพโม่กู่’ แห่งฝูงมารผลาญทำลาย
เส้นสายชุดเกราะนั้น ก็คือโลกกำเนิดฟูมฟักฝูงมารผลาญทำลาย ก่อร่างตามธรรมชาติ พูดง่ายๆ ได้ว่า ฟูมฟักตามธรรมชาติภายใต้ ‘กฎเกณฑ์สูงสุด’
ถึงแม้ว่าจักรพรรดิเซี่ยและผู้พเนจรจะร้ายกาจ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการฟูมฟักตามธรรมชาติของกฎเกณฑ์สูงสุดแล้วก็ยังย่ำแย่กว่าอยู่พอสมควร พูดถึงความกระชับและชาญฉลาดแล้วก็ยังย่ำแย่กว่าอยู่ขั้นหนึ่งเลยทีเดียว!
“กระชับและชาญฉลาดเป็นอย่างยิ่ง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดพลางยิ้มน้อยๆ “หลังจากที่ข้าดูแล้วก็พรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง”
“แต่ก็มีจุดอ่อนอยู่เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะกระชับและชาญฉลาดกว่าสิ่งที่ข้าและผู้พเนจรคิดค้นขึ้น ก็ต้องง่ายดายสักหน่อย”
จักรพรรดิเซี่ยส่ายศีรษะ “แต่ระดับความยากในการบำเพ็ญก็ยังคงสูงเป็นที่สุดอยู่ดี บำเพ็ญเก้าสายควบคู่กันนั้นยากเย็นเพียงใด ผู้บำเพ็ญของวิถีอากาศ เป็นขั้นอลวน สามารถบำเพ็ญได้สามสายสี่สายก็ไม่เลวแล้ว บำเพ็ญเก้าสายควบคู่กันอย่างนั้นหรือ ยากเย็นเกินไปแล้ว! ยากเย็นกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพมากมายนัก”
“แต่ก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดต่อ “เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์นี้สามารถทำให้ผู้บำเพ็ญวิถีอากาศที่เป็นระดับขั้นอลวนมีโอกาสไปหยั่งรู้เก้าสายได้! ถ้าหากในตอนนั้นข้าสำเร็จวิชานี้เสียตั้งแต่เนิ่นๆ เกรงว่าอยู่ที่ระดับเทพจักรวาลชั้นที่หนึ่ง ก็มีความหวังที่จะสำเร็จถึงขั้นสุดยอดทั้งเก้าสายแล้ว อีกทั้งการหลอมรวมก็ยังกระชับและชาญฉลาดเป็นที่สุด น่าจะมีส่วนช่วยเหลือต่อการผสานวิถีในอนาคตอยู่บ้าง”
จักรพรรดิเซี่ยแย้มยิ้ม
วิถีเก้าสายไปถึงขั้นสุดยอด อีกทั้งยังผสานรวมกันอีกด้วยอย่างนั้นหรือ ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียว
จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยปาก “สุดท้ายก็ไม่สามารถขจัดข้อบกพร่อง ‘ความยากในการบำเพ็ญ’ นี้ออกไปได้เลย ข้อดีเพียงอย่างเดียวก็คือทำให้ขั้นอลวนก็สามารถหยั่งรู้เก้าสายได้ สามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าสามารถซื้อเคล็ดวิชาลับศาสตร์นี้มาได้ แต่หวังว่าพวกเจ้านอกจากประชากรของรัฐเมฆทักษิณาแล้ว
ห้ามเผยแพร่ให้กับขุมอำนาจอื่นๆ อีก สามตระกูลใหญ่ของข้าสามารถให้ได้ทั้งสิ้นสามแสนมหาคุณูปการ! สามแสนมหาคุณูปการนี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติล้ำค่าในสามตระกูลใหญ่ได้ตามใจชอบ”
สถานะเช่นเขานี้พอเอ่ยปากออกมาก็มิอาจต่อรองได้อีกแล้ว
“ห้ามเผยแพร่ให้กับขุมอำนาจอื่นๆ อย่างนั้นหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด “ถ้าหากพวกเราอยากจะเผยแพร่เล่า”
“เช่นนั้นก็ได้แต่ลดลงครึ่งหนึ่ง เหลือหนึ่งแสนห้าหมื่นมหาคุณูปการ!” จักรพรรดิเซี่ยพูด เขารู้สึกว่าเคล็ดวิชานี้ก็ยังคงคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง คุ้มค่ายิ่งกว่าที่เขาและผู้พเนจรคิดค้นขึ้นมาเสียอีก
ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง “เสวี่ยอิง เจ้ามาตัดสินใจเอาเถิด”
เขาก็ยังพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าหากไม่เผยแพร่สู่ภายนอกให้กับขุมอำนาจอื่นๆ รัฐโบราณคิมหันตวายุก็จะจ่ายถึงสามแสนมหาคุณูปการ! นี่เพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดได้แล้ว! อยากจะได้สมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดสักชิ้นหนึ่งบนดินแดนจิตโลกามาครองนั้นยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่นหกรัฐโบราณยังมีบรรดาบรรพชนคอยช่วยเหลือ แต่สมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดที่เหล่าผู้แกร่งกล้าของรัฐประเทศภายนอกอยากจะได้มาครองนั้นจะต้องใช้ทั้งการเสี่ยงชีวิต ใช้ทั้งโชคดีอย่างแท้จริง
เคล็ดสืบทอดลับในตอนนี้สามารถขายออกไปได้ในราคาเช่นนี้ ก็ได้กำไรมหาศาลแล้ว!
แต่จะขายออกไปในราคาเช่นนี้ได้ หนึ่ง ต้องมีความคุ้มค่า สอง จะต้องเป็นหนึ่งไม่มีสอง! อย่างเช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณา ถึงแม้ว่าจะได้เคล็ดวิชาสามชาติภพมาครอง แต่ผู้ที่มีเคล็ดวิชาสามชาติภพก็มิได้มีเพียงแค่เขาคนเดียว เขาก็ไม่มีสิทธิ์ขายออกไปได้ในราคาสูงแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเคล็ดวิชาสามชาติภพของเขาเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของต้นฉบับ ไม่เหมือนกับตงป๋อเสวี่ยอิงที่สามารถเผยแพร่สู่ภายนอก สามารถเขียนต้นฉบับออกมากี่เล่มก็ได้ตามใจ!
“ฝ่าบาทจักรพรรดิเซี่ย ข้าอยากจะดูเคล็ดสืบทอดลับและสมบัติล้ำค่าที่สามารถแลกเปลี่ยนได้สักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก
“ได้สิ” จักรพรรดิเซี่ยพยักหน้าพลางโบกมือคราหนึ่ง
พรึ่บ…
กลางอากาศมีตัวอักษรสีทองแน่นขนัดปรากฏขึ้นมาในทันใด สาวใช้ทั้งสามที่อยู่ด้านข้างล้วนมิได้เงยหน้าขึ้นมองเลย นี่ก็คือข้อดีของมารรับใช้ มารรับใช้ล้วนจงรักภักดีและเชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างยิ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้าขึ้น
จากก้นบึ้งจิตใจของเขา… เขาก็ย่อมหวังว่าจะสามารถขายให้กับรัฐโบราณอื่นๆ ได้อีก จะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นไปอีก!
เพราะตงป๋อเสวี่ยอิงรู้กระจ่างดียิ่งว่า การจะสามารถทำให้บรรดาบุคคลผู้ไร้เทียมทานรู้สึกว่ามีความคุ้มค่า อีกทั้งตนเองยังสามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้ด้วยนั้นช่างยากเย็นอย่างแท้จริง! อย่างเช่นเคล็ดวิชาของอากาศอันสับสนอลหม่านซึ่งเป็นบ้านเกิด ผู้ที่ไปถึงขั้นสมบูรณ์สุดยอดก็มีแค่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียวเท่านั้น (ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมไม่รู้ถึงพลังยุทธ์ของเจ้าศิลาอยู่แล้ว)! จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะมอบศาสตร์ลับที่เขาคิดค้นขึ้นให้กับตนเองหรือไม่ ต่อให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ปรารถนาจะถ่ายทอดให้กับตน ก็ปรารถนาจะให้ตนเผยแพร่สู่ภายนอก ตนเองก็หมดหนทาง!
อากาศอันสับสนอลหม่านและดินแดนจิตโลกาอยู่ห่างไกลกันเกินไป เพียงแค่ความทรงจำของร่างแยกสามารถเชื่อมโยงกันได้ ตนเองก็ต้องศึกษาเคล็ดสืบทอดลับศาสตร์หนึ่งให้สำเร็จได้อย่างแท้จริงจึงจะสามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้ เคล็ดสืบทอดลับที่มุ่งสู่ระดับสุดยอด ตนเองต้องไปถึงระดับขั้นสุดยอด จึงจะสามารถศึกษาได้สำเร็จกระมัง พอถึงเวลานั้นตนเองก็เป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สามแล้ว! ยังต้องเป็นทิศทางเดียวกันกับที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์บำเพ็ญจึงจะใช้ได้
ดังนั้นก็ย่อมไร้ซึ่งความหวังอยู่แล้ว!
สำหรับผู้อื่น ศาสตร์ลับก็ยิ่งต่ำลงไปอีก เทพจักรวาลระดับชั้นที่สอง… นอกเสียจากว่าเป็นวิถีวิญญาณ มิฉะนั้นก็ยากยิ่งที่จะขายออกไปในราคาสูงมากๆ ได้!
จะต้องน่าอัศจรรย์!
จะต้องหาได้ยาก!
เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ของตนก็หาได้ยากยิ่ง อีกทั้งยังมีข้อดีคือ ‘กระชับและชาญฉลาด’ ถ้าหากเทียบเคียงได้กับสิ่งที่จักรพรรดิเซี่ยและผู้พเนจรคิดค้นขึ้น เกรงว่าราคาก็จะต่ำลงไปอีกระดับหนึ่ง เหลือเพียงแค่สองสามส่วนของราคาในตอนนี้เท่านั้นกระมัง แต่จะให้ตนเองคิดค้นศาสตร์ใหม่ออกมาอีกอันหนึ่งนั้น ก็ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะต้องรอคอยไปจนถึงเมื่อใด
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงและประมุขรัฐเมฆทักษิณาต่างก็เงยหน้าขึ้นมอง มองดูตัวอักษรสีทองแน่นขนัด
“เสวี่ยอิง ตอนนี้เจ้ามีสี่หมื่นมหาคุณูปการ! ถึงแม้ว่าจะถ่ายทอดให้กับรัฐโบราณอื่นๆ รัฐโบราณคิมหันตวายุนี้ก็ยังอยากจะให้เจ้าหนึ่งแสนห้าหมื่นมหาคุณูปการอยู่ดี หนึ่งแสนห้าหมื่นมหาคุณูปการนี้สามารถแลกเปลี่ยนได้ตามใจชอบในสามตระกูลใหญ่ รวมทั้งหมดเท่ากับหนึ่งแสนเก้าหมื่นมหาคุณูปการ ต่อให้สกุลฝานทำได้ไม่น่าดูยิ่งกว่านี้ ในภายหน้าเจ้าจะทำกำไรอีกหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ทำให้ถึงสองแสน ก็เท่ากับสมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดชิ้นหนึ่งแล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด “พวกเรายังสามารถขายให้กับรัฐโบราณอื่นๆ ได้ด้วย แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เจ้าอยากได้”
“สมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดน่ะ ไม่รีบร้อนหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็ยังคงเป็นบ้านเกิด
จ่ายราคาสูงลิบลิ่วเพื่อสมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดสักชิ้นหนึ่งอย่างนั้นหรือ เหล่าผู้แกร่งกล้าของดินแดนจิตโลกาปรารถนา แต่เขามิได้ปรารถนาเลย เพราะว่าไม่มีทางนำเอาสมบัติลับล้ำค่ากลับไปด้วยได้อยู่แล้ว!
“ปุจฉวิถีคละถิ่น มิใช่เคล็ดสืบทอดลับที่ตรงไปสู่ความเป็นสุดยอดหรือ ยังต้องการหนึ่งแสนมหาคุณูปการด้วยหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามขึ้นอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง สิ่งที่หนึ่งแสนมหาคุณูปการสามารถแลกเปลี่ยนได้ ตามปกติแล้วต่างก็เป็นเคล็ดสืบทอดลับที่ตรงไปสู่ความเป็นสุดยอดแล้ว ถึงแม้จะบอกว่า ‘วิถี มิอาจถ่ายทอดได้โดยง่าย’ แต่ในความเป็นจริงแล้วสถานการณ์ปกติ สุดยอดเคล็ดสืบทอดลับก็มีราคาซื้อขายต่ำกว่าสมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดจริงๆ
เพราะว่าผู้แกร่งกล้าระดับเทพจักรวาลชั้นที่สอง ได้รับสมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดที่เหมาะสม ก็สามารถต่อสู้ข้ามชั้นได้ในทันที
ถ้าหากเป็นเพียงแค่สุดยอดเคล็ดสืบทอดลับ… ก็มิได้มีส่วนช่วยเหลือต่อพลังยุทธ์ของตนเลย
แน่นอนว่าสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับก็มีข้อแตกต่าง อย่างเช่นเคล็ดวิเศษไร้ภาพที่รวมวิธีการต่างๆ ของบรรพชนฝานเอาไว้ ก็ต้องใช้สามแสนมหาคุณูปการแล้ว ถ้าหากฉีกเปิดเคล็ดวิเศษไร้ภาพ ฉีกเอาสุดยอดเคล็ดวิชาออกมา หนึ่งแสนมหาคุณูปการก็ใช้ได้แล้ว
“นี่พูดได้ว่าปุจฉวิถีคละถิ่นมีเพียงแค่สองชั้นเท่านั้น หนึ่งคือความสำเร็จขั้นเล็ก หนึ่งคือความสำเร็จขั้นใหญ่ระดับขั้นเทพจักรวาลที่สองก็มีความหวังที่จะสำเร็จขั้นใหญ่ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “นี่ยังต้องการหนึ่งแสนมหาคุณูปการอีกหรือ”
“ใช่แล้ว” จักรพรรดิเซี่ยพยักหน้า “ปุจฉวิถีคละถิ่นเป็นสิ่งที่ข้าคิดค้นขึ้น ข้างในประกอบด้วยเคล็ดการต่อสู้และการหลอมร่างกาย เป็นสิ่งที่ข้าระเบิดทลายกรงขังโลกกำเนิด ใช้เคล็ดวิชาห้วงอากาศ ‘พลังคละถิ่น’ ของโลกภายนอก เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาที่เป็นสุดยอดที่สุดในระดับเดียวกัน ที่ระดับเดียวกัน มันยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพเสียอีก เป็นเคล็ดวิชาที่สมบูรณ์แบบที่สุดทางวิถีอากาศที่ข้าคิดค้นขึ้นมาเลยทีเดียว น่าเสียดายที่มิได้คิดค้นขั้นสุดท้ายออกมาเป็นการชั่วคราว มีเพียงแค่สองขั้นแรกเท่านั้น ดังนั้นจึงคิดเพียงแค่หนึ่งแสนมหาคุณูปการเท่านั้น”
ปากตงป๋อเสวี่ยอิงบ่นพึมพำ แต่ในใจกลับพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง!
สิ่งที่เขาต้องการก็คือเคล็ดวิชาที่มีพลังคุกคามล้ำเลิศมากพอ
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นเคล็ดวิชาวิถีอากาศที่ถึงกับใช้ ‘พลังคละถิ่น’ กลิ่นอายลึกลับหลังจากที่ระเบิดกรงขังโลกกำเนิด จักรพรรดิเซี่ยก็ยังบอกว่าเป็นเคล็ดวิชาที่สมบูรณ์แบบที่สุดของวิถีอากาศ ก็ยังมิได้คิดค้นขั้นที่สามออกมาเลย! ย่อมเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับการยกระดับพลังยุทธ์ของตนมากที่สุดแล้ว
ถึงแม้ว่าการบำเพ็ญจะยากแสนยาก
แต่พื้นฐานทางด้านวิถีอากาศของตนก็ลึกล้ำอย่างยิ่ง บำเพ็ญเก้าสายควบคู่กันก็ย่อมมีความมั่นใจที่จะบำเพ็ญได้สำเร็จอยู่แล้ว
“เอาล่ะ ก็เป็นปุจฉวิถีคละถิ่นกับโลกจิตก็แล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ตำราโลกจิต เป็นตำราที่แข็งแกร่งที่สุดทางด้านโลกเทียมที่บรรพชนฝานคิดค้นขึ้น ก็เป็นเพียงแค่ตำราที่ไปถึงระดับขั้นเทพจักรวาลที่สอง ก็ต้องใช้มากถึงแปดหมื่นมหาคุณูปการเลยทีเดียว
“ทั้งหมดหนึ่งแสนแปดหมื่นมหาคุณูปการ” จักรพรรดิเซี่ยพยักหน้า “เจ้ายังคิดจะเผยแพร่ให้กับรัฐโบราณอื่นๆ อีกหรือไม่”
“ก็คิดเช่นนี้อยู่เหมือนกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ข้ามีสี่หมื่นมหาคุณูปการที่สกุลฝาน บวกกับหนึ่งแสนห้าหมื่นมหาคุณูปการในครั้งนี้… แลกเปลี่ยนกับสองเคล็ดสืบทอดลับ ก็ยังเหลืออีกหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการ”
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาที่อยู่ข้างๆ ได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็อดถ่ายเสียงพูดมิได้ “เสวี่ยอิง เจ้าแลกเปลี่ยนเป็นเคล็ดสืบทอดลับทั้งหมดเลยหรือ ไม่ต้องการสมบัติล้ำค่าบ้างหรือ”
สมบัติล้ำค่าจึงจะยกระดับพลังยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วที่สุด!
สมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดเถิด!
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูดกลับไป
กลับบ้านเกิด สิ่งที่เขาต้องการที่สุดก็คือเคล็ดสืบทอดลับทางด้านวิถีอากาศและวิถีโลกเทียมที่แข็งแกร่งที่สุด เห็นได้ชัดว่าเลือกได้เรียบร้อยแล้ว สองศาสตร์นี้ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นศาสตร์ลับที่แข็งแกร่งที่สุดระดับเดียวกัน ต่างก็เหนือกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพทั้งสิ้น! แน่นอนว่าราคาก็ต้องยิ่งสูงกว่า! ต้องรู้ไว้ว่าหนึ่งแสนแปดหมื่นมหาคุณูปการ ถ้าหากแลกเปลี่ยนเป็นแก้วผลึกจักรวาลก็ได้ถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นล้านเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังไม่มีใครสามารถแลกเปลี่ยนได้อีกด้วย เพราะมหาคุณูปการสามารถแลกเปลี่ยนเป็นแก้วผลึกจักรวาลได้ แต่แก้วผลึกจักรวาลกลับไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นมหาคุณูปการได้!
โอกาสที่จะได้เลือกตำราอย่างสุรุ่ยสุร่ายที่รัฐโบราณคิมหันตวายุเช่นนี้ เกรงว่าในเวลาเนิ่นนานคงจะมีเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวกระมัง!
สองเคล็ดสืบทอดลับนี้…
ก็คือที่พึ่งของตนในการกลับบ้านเกิดไปต่อสู้กับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์!
“เคล็ดสืบทอดลับสองศาสตร์นี้ต่างก็จำเป็นให้เจ้าต้องไปศึกษาที่นครหลวงคิมหันตวายุ” จักรพรรดิเซี่ยพูด “การศึกษาปุจฉวิถีคละถิ่นนั้นก็ยังซับซ้อนอยู่พอสมควรทีเดียว”
……………………………………
ตอนที่ 7 โชคชะตา
Ink Stone_Fantasy
ทั้งหมดเจรจาเรียบร้อย
“เจ้าสามารถไปศึกษาตำราโลกจิตที่คีรีมารสกุลฝานได้ แต่ปุจฉวิถีคละถิ่นนั้นจะต้องไปที่พระราชวังรัฐโบราณคิมหันตวายุ ข้าจะดูแลเจ้าเอง” ในมือจักรพรรดิเซี่ยถือต้นฉบับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเขียนด้วยฝีพู่กันของตนเองเล่มนั้นเอาไว้ แล้วหายตัวไปกลางอากาศในทันที
ภายในตำหนักดั้นเมฆเหลือเพียงแค่สาวใช้สามคน ตงป๋อเสวี่ยอิงและประมุขรัฐเมฆทักษิณา
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ผ่อนลมหายใจออกมา เผชิญหน้ากับจักรพรรดิเซี่ยก็ยังมีความกดดันเป็นอย่างยิ่ง
“เสวี่ยอิง ถ้าหากเจ้ามีเคล็ดวิชาที่ร้ายกาจยิ่งขึ้น เช่นนั้นก็จะยิ่งทำกำไรได้มากขึ้นอีก” จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์
ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้ม “ยังจำเป็นต้องเจรจากับภายในสำนักของข้าก่อน”
เคล็ดวิชาสามัญธรรมดานั้นไม่คุ้มค่า เช่นปุจฉวิถีคละถิ่น เป็นเคล็ดวิชาอันน่าหวาดหวั่นที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานอย่างจักรพรรดิเซี่ยอาศัย ‘พลังคละถิ่น’ จากนอกโลกกำเนิด สอดแทรกเข้าสู่วิถีอากาศ เรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในระดับเดียวกัน! มีเพียงแค่สองขั้นเท่านั้น ศึกษาครั้งหนึ่งก็คือหนึ่งแสนมหาคุณูปการ ถ้าหากมีต้นฉบับ สามารถเผยแพร่ได้อย่างต่อเนื่อง ก็ย่อมต้องขายแพงกว่าเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์มากมายนัก
น่าเสียดาย…
ยิ่งเป็นเคล็ดวิชาที่แกร่งกล้าหาได้ยาก ก็ยิ่งคิดค้นออกมาได้ยาก!
“ตอนนี้ยังต้องติดต่อกับห้ารัฐโบราณอื่นๆ” จักรพรรดิเซี่ยมองตงป๋อเสวี่ยอิง
“ไม่ต้องรีบร้อน ข้าจะบำเพ็ญเคล็ดสืบทอดลับสองอย่างนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด การซื้อขายเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ระยะเวลายาวนาน ตนเกรงว่าจะหาส่วนที่สองที่เหมาะสมแก่การขายไม่พบแล้ว
******
ในวันเดียวกันนั้น
ณ นครหลวงคิมหันตวายุ
“พรึ่บ”
เข้ามาจากประตูเมือง ตงป๋อเสวี่ยอิงที่สวมอาภรณ์ขาวตลอดร่างล่องลอยอยู่ที่ท้องฟ้าเบื้องบนของนครหลวงคิมหันตวายุ เป็นถึงยอดฝีมือทางด้านเขตลวงโลกเทียม กลิ่นอายซ่อนเร้นเลือนราง คนรอบข้างล้วนยากที่จะมองพลังยุทธ์ออกได้ เพียงแต่ผู้ที่มีวิสัยทัศน์สักหน่อยล้วนสามารถประเมินได้ว่า…พลังยุทธ์ของหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้นี้น่าจะน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่เดิมทีวางแผนว่าจะไปศึกษาตำราโลกจิตที่คีรีมารสกุลฝานก่อนขมวดคิ้วมุ่นในทันใด เขาหันหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่ง
“เหตุปัจจัยหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยเสียงต่ำ
จักรวาลแห่งหนึ่ง เทียบกันแล้วค่อนข้างเล็ก สามารถมองเห็นเหตุปัจจัยของสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่โคจรอยู่ภายในได้อย่างง่ายดาย
แต่โลกกำเนิดนั้นใหญ่โตกว่าตั้งไม่รู้มากมายเท่าใด ‘กฎเกณฑ์สูงสุด’ ก็ยิ่งสูงส่งเกินกว่าจะจินตนาการได้ เทพจักรวาลก็มีอยู่มากมายก่ายกอง ความยากในการรับสัมผัส ‘เหตุปัจจัย’ ก็ยกระดับขึ้นอย่างมหาศาลแล้ว แต่หลังจากที่สำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว ‘กฎเกณฑ์จักรวาล’ ที่มีอยู่ในตัว กฎเกณฑ์สูงสุดของอาณาบริเวณที่ตนอยู่ก็ร่นถอย ตนเองสามารถตรวจหาร่องรอยทั้งหมดได้ ก็รวมถึงเหตุปัจจัยด้วย!
การตรวจสอบเหตุปัจจัยนั้นมีส่วนที่ยากอยู่เป็นอันมาก
อย่างเช่นระยะทางยิ่งไกล ระดับความยากในการตรวจสอบก็ยิ่งยกระดับขึ้น
อย่างเช่นพลังยุทธ์ยิ่งแข็งแกร่ง การตรวจสอบก็ยิ่งยากเย็นขึ้น เช่นวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงสอดแทรกเข้าสู่กลิ่นอาย ‘พลังคละถิ่น’ ของโลกกำเนิดภายนอก อยากจะตรวจสอบเหตุปัจจัยของตงป๋อเสวี่ยอิง ระดับความยากก็ยิ่งสูงขึ้นอย่างที่สุด เหนือกว่าเทพจักรวาลธรรมดาทั่วไปมากมายนัก ถึงแม้จะเป็นเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทาน ก็มิใช่ว่าจะสามารถตรวจหาร่องรอยของตงป๋อเสวี่ยอิงได้กันหมดทุกคน
นี่ก็คือเหตุผลที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมิอาจหาร่างแยกของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยได้พบ!
“ข้ารู้สึกว่าก็อยู่ภายในนครหลวงคิมหันตวายุ…เด็กคนหนึ่งที่พัวพันกับเหตุปัจจัยของข้า ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องยุ่งยากใหญ่โตอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเพ่งสมาธิรับสัมผัสแล้วหันหน้ามองไกลๆไปยังทิศทางหนึ่ง
สวบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่ง ก็หายลับไปอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียงแล้ว
……
ณ ‘คุกหุบเขาเร้นวายุ’ ที่บริเวณชายขอบของคีรีมารสกุลฝาน ในนครหลวงคิมหันตวายุ
“ฟิ้ว ฟิ้ว”
สายลมหนาวเหน็บเสียดกระดูก โหยหวนอยู่กลางหุบเขา บนหน้าผาของหุบเขามีคุกถ้ำอยู่หลายแห่ง ด้านในคุมขังนักโทษเอาไว้หลายคน
ภายในคุกถ้ำแห่งหนึ่งในนั้น
ปาถัวเฉินกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านในสุดของถ้ำ เส้นผมแผ่สยาย สกปรกมอมแมมไปทั้งตัว เขาอยู่ที่นี่อย่างเงียบงัน
“เคร้ง” ยามรักษาการณ์คนหนึ่งเดินมายังด้านนอกประตูคุกแล้วโยนโลหะแปลกประหลาดกองหนึ่งเข้ามา มันมีจำนวนมากมายเสียจนกองเป็นภูเขาขนาดย่อมลูกหนึ่งเลยทีเดียว
“หลอมพวกมันให้หมดภายในหนึ่งเดือน” ยามรักษาการณ์ตะโกนอย่างโมโหอยู่ข้างนอก
ปาถัวเฉินเงยหน้าขึ้นมองด้วยนัยน์ตาอึมครึมปราดหนึ่ง
ประตูคุก มิได้เป็นประตูที่จับต้องได้จริงๆ หากแต่เป็นค่ายกลสิ่งกีดขวางอันไร้รูปร่าง
“เจ้าเด็กนี่ ใครใช้ให้เจ้าล่วงเกินคุณชายไห่กันเล่า ก็ก้มหน้าก้มตารับกรรมไปเสียเถิด” ยามรักษาการณ์หัวเราะเยาะเสียงหนึ่งแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ปาถัวเฉินมองดูโลหะแปลกประหลาดที่กองกันเป็นภูเขาขนาดย่อมตรงหน้านี้แล้วเพลิงโทสะในใจก็ลุกโชนนัยน์ตามีแววอาฆาตกะพริบวาบ
ในตอนนั้น
สกุลปาถัวถูกผลาญล้างตระกูล ภรรยาถึงกับเจตนาแฝงตัวเข้าสู่ตระกูลของพวกเขา ปาถัวเฉินก็มีความผิดเพี้ยนภายในใจอยู่บ้างแล้ว แต่เพราะได้รับความช่วยเหลือจากตงป๋อเสวี่ยอิง แล้วส่งมายังรัฐโบราณคิมหันตวายุ ทำให้เขามองเห็นความหวัง! จิตใจของเขายังนับได้ว่าฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง แต่ว่า…ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปี เขาก็ได้เห็นด้านมืดที่อยู่เบื้องหลังของ ‘นครหลวงคิมหันตวายุ’ เมืองใหญ่ที่สุดในดินแดนจิตโลกาแล้ว
“ยังไม่ถึงเวลา!”
“รอให้ข้าออกไปก่อนเถิด จะต้องมีสักวันที่ทุกคนจะต้องตาย!” ปาถัวเฉินคำรามอยู่ภายในใจ เขาทิ้งเปลือกตาลง โบกมือคราหนึ่งโลหะแปลกประหลาดเหล่านั้นก็ลอยมาตรงหน้าเขาจนหมดสิ้น เขาเริ่มต้นหลอมโลหะแปลกประหลาดเหล่านี้อย่างซื่อสัตย์และอดทน
พรึ่บ
ปาถัวเฉินเงยหน้าขึ้นมองอย่างรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในทันใด
ด้านนอกค่ายกลสิ่งกีดขวางอันไร้รูปร่างของถ้ำมีชายหนุ่มอาภรณ์ขาวปลิวสะบัดอยู่คนหนึ่งกำลังเหยียบย่างผ่านเวหาเข้ามา เพียงแค่สองสามก้าวก็เดินมาถึงด้านนอกประตูคุกแห่งนี้แล้ว เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มร่า
“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กปาถัว เหตุใดจึงดูน่าอนาถเช่นนี้เล่า”
ปาถัวเฉินมองหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่อยู่ด้านนอกอย่างตกตะลึงแล้วเอ่ยพึมพำว่า “ผู้อาวุโสอิงซานเสวี่ยอิง”
“พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง สำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา เปิดทางเส้นหนึ่งเชื่อมต่อเข้าสู่ด้านในคุกถ้ำโดยตรง พร้อมกันนั้นก็เอ่ยสั่งว่า “ยังไม่ออกมาอีกหรือ”
ปาถัวเฉินมองดูทางเชื่อมมิติอันบิดเบี้ยวที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่กลับมิได้เข้าไป หากแต่เอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ข้าไปล่วงเกิน ‘คุณชายไห่’ แห่งตระกูลฝู่หยาเข้า คุณชายไห่ผู้นั้นคารวะเข้าสู่สำนักของ ‘จ้าวอสรพิษเขียวหยก’ เทพจักรวาลคนหนึ่งแห่งสกุลฝาน ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องช่วยข้าหรอก” ตอนนี้เขาได้ฟังอย่างชัดเจนแล้วว่าผู้อาวุโสอิงซานเสวี่ยอิงคือยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบคนหนึ่งของรัฐเมฆทักษิณา พรสวรรค์ร้ายกาจหาใดเปรียบ น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าขั้นอลวนชั้นที่สิบส่วนใหญ่เสียอีก
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้
นั่นก็เป็นรัฐประเทศภายนอก! ภายในรัฐโบราณคิมหันตวายุนั้นเลือกปฏิบัติ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ‘คุณชายไห่’ยังเป็นศิษย์สำนักจ้าวอสรพิษเขียวหยกแห่งสกุลฝานด้วย
ถึงแม้ว่าปาถัวเฉินจะจิตใจบิดเบี้ยวจากการอยู่ภายใต้ความทรมานมาหนึ่งปี แต่เขากลับมีความซาบซึ่งต่อ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ อย่างแท้จริง เพราะว่าเขาคือผู้ที่ช่วยเหลือตนอยู่ในความมืดโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนอย่างแท้จริง
“บอกให้เจ้าออกมาก็ออกมาเสียเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงตะโกนเสียงเบา
ส่งเสียงออกไป
ปาถัวเฉินก็ลุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัวแล้วเดินออกมาตามทางเดิน รอหลังจากที่ออกมาแล้วเขาจึงได้สติกลับมาด้วยความพรั่นพรึง ในใจของปาถัวเฉินพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง เขาหันศีรษะกลับมามองดูคุก ตนเองถึงกับออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยหรือ ถูกควบคุมหรืออย่างไรกัน
“เจ้านาย อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ช่างน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด เกรงว่าเมื่อเทพจักรวาลอยู่ต่อหน้าเขาก็คงถูกควบคุมเช่นกัน! ตอนนี้ข้ายังอ่อนแอเกินไป รู้สึกได้ถึงการคุกคามอย่างมหาศาล ดังนั้นข้าจึงได้แต่เก็บงำกลิ่นอายอย่างสิ้นเชิงอยู่ภายในวิญญาณของท่าน” เสียงหนึ่งดังขึ้นภายในวิญญาณของปาถัวเฉิน
“ผู้อาวุโสอิงซานเสวี่ยอิงมิได้มีเจตนาร้ายต่อข้าเสียหน่อย” ปาถัวเฉินสื่อสารด้วยวิญญาณ
“ช่างบังอาจนัก! ถึงกับกล้าบุกเข้ามาในคุกหุบเขาเร้นวายุของสกุลฝานเรา! ” ไกลออกไปมีเสียงตะโกนดังลั่นเสียงหนึ่งดังขึ้น บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำคนหนึ่งทะยานมาจากที่ไกลๆ ด้านหลังก็มียามรักษาการณ์คนอื่นๆ ตามมาด้วย
บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำผู้นั้นมองไปทางปาถัวเฉินที่หนีออกมาอย่างเดือดดาลหาใดเปรียบแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเย็นว่า “ปาถัวเฉิน เจ้าสามารถผ่านการ ‘หลอมวิญญาณ’ มาได้ ไม่ตายก็นับว่าบุญโขแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะพยายามหลบหนีอีก คุกของสกุลฝานเรา เจ้าจะหนีไปได้พ้นอย่างนั้นหรือ ยังมีอีก ผู้ช่วยของเจ้านี่มีฝีมือพอใช้ได้เลยทีเดียว สามารถเล็ดรอดเข้าไปในคุกสกุลฝานของเราได้ด้วย เข้าไปจัดการให้ข้า ฆ่าพวกมันเสียให้หมด”
บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำโบกสะบัดแส้อันหนึ่งนำเข้ามาก่อน
ขวับ
แส้เหนี่ยวนำสายฟ้าเคลื่อนข้ามผ่านท้องฟ้า เคลื่อนผ่านส่วนโค้งขนาดมหึมา ในท้ายที่สุดก็ฟาดลงบนร่างกายของบุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำเองอย่างหนักหน่วง ฟาดเสียจนเนื้อหนังถลอกปอกเปิก หยาดโลหิตสาดกระเซ็น
บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำส่งเสียงคร่ำครวญเสียงหนึ่ง แต่บนใบหน้ากลับเผยสีหน้าตื่นเต้น “รู้ถึงความร้ายกาจแล้วหรือไม่ ฮ่าฮ่า”
ปากตะโกนไปพลาง แล้วก็โบกสะบัดแส้ต่อไปอีก
เปรี๊ยะๆๆๆ…
ตวัดแส้คราแล้วคราเล่า ต่างก็ฟาดลงบนร่างกายของเขาเองทั้งสิ้น เขาฟาดจนร้องคร่ำครวญไม่หยุด แต่กลับมีสีหน้าตื่นเต้น
เหล่ายามรักษาการณ์คนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างต่างก็ปากอ้าตาค้าง แต่ละคนถึงกับถ่ายเสียงพูดให้แก่เพื่อนร่วมงานผู้นี้ แต่ก็ไร้ประโยชน์
“นี่…” ปาถัวเฉินที่อยู่ด้านข้างปากอ้าตาค้างมองดูฉากนี้ บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำผู้นี้คือผู้ที่จัดมาเพื่อเพ่งเล็งเขาโดยเฉพาะในคุกหุบเขาเร้นวายุ เพราะก็เป็นคำสั่งของคุณชายไห่ แต่ตอนนี้บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำผู้นี้กำลังฟาดตนเองอย่างนั้นหรือ ดีร้ายอย่างไรก็เป็นผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนเชียวนะ
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนดูอยู่ที่กลางท้องฟ้าด้านนอกถ้ำอย่างเงียบๆ
เขาเองก็ไม่นึกอยากเปิดฉากสังหาร เพราะยังต้องไว้หน้าสกุลฝานอยู่
และยิ่งคร้านจะไปเปิดเผยตัวตนกับยามรักษาการณ์เหล่านี้ เหตุผลที่สั่งสอนบุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำผู้นี้สักยกหนึ่งก็เป็นเพราะตงป๋อเสวี่ยอิงมองออกว่าเหตุปัจจัยของบุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำกับปาถัวเฉินค่อนข้างแน่นหนา เห็นได้ชัดว่ามีความแค้นต่อกัน
“มาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้าขึ้นมอง
ไกลออกไปมีบุรุษอาภรณ์สีดำปรากฏตัวขึ้น ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้าประหลาดใจ “มหาเคารพซือเทียน”
เขามาศึกษาโลกจิต ก็ต้องแจ้งมหาเคารพซือเทียนแล้ว มาช่วยเหลือคนที่คุกหุบเขาเร้นวายุ ก็ได้บอกมหาเคารพซือเทียนเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกัน! ผู้ที่ช่วยก็เป็นเพียงแค่เด็กขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งเท่านั้น…มหาเคารพซือเทียนก็ตอบตกลงในทันที นี่ย่อมเป็นเรื่องเล็กๆ ที่มิได้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว!
“พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ…”
เงาร่างสายแล้วสายเล่าปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ระดับสูงที่แท้จริงของคุกหุบเขาเร้นวายุ รวมถึงเทพจักรวาลคนหนึ่งกับขั้นอลวนคนอื่นๆ จำนวนหนึ่ง แต่ละคนปรากฏตัวขึ้นอย่างประหม่า! เหล่ายามรักษาการณ์จำนวนมาก รวมทั้งบุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำที่ฟาดตนเองต่างก็ฟื้นฟูสติกลับมา พวกเขาต่างก็เห็น ‘มหาเคารพซือเทียน’ ที่อยู่ไกลออกไปแล้ว
“คารวะท่านมหาเคารพ”
ทุกคนต่างพากันทักทายด้วยความเคารพโดยพร้อมเพรียง
มหาเคารพซือเทียนสถานะสูงส่งเหลือเกิน! เขายังเป็นผู้ดำเนินการของทั้งสกุลฝาน สถานะยังพิเศษกว่ามหาเคารพท่านอื่นๆ อีกห้าคนอยู่พอสมควร เขาถึงกับมาที่คุกหุบเขาเร้นวายุเลยหรือ นี่คือคุกที่อยู่ชายขอบที่สุดของคีรีมาร เป็นคุกที่มีสถานะต่ำต้อยอย่างที่สุดแล้ว คุกที่มีความสำคัญสำหรับคุมขังนักโทษฉกรรจ์อย่างแท้จริง เช่นนั้นการคุมขังก็จะเข้มงวดกว่าเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“เค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ย” มหาเคารพซือเทียนอมยิ้มมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ก้าวยาวๆ เข้ามา เขาก็ทำการควบคุมอากาศอันไร้รูปร่างพาตัวปาถัวเฉินที่อยู่ด้านหลังมาด้วยเช่นกัน
“ก็แค่ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งที่มีโชคชะตาก็เท่านั้นเอง คิดไม่ถึงว่ามหาเคารพจะมาที่นี่ด้วยคนเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอื้อนเอ่ย
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ในเมื่ออยู่ที่คีรีมารสกุลฝานกันหมดแล้ว ข้าก็ย่อมต้องมาพบสักหน่อยอยู่แล้วสิ” มหาเคารพซือเทียนพูดยิ้มๆ พลางมองไปทางปาถัวเฉินที่อยู่ด้านข้าง “นี่ก็คือเด็กที่เจ้าช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ”
ปาถัวเฉินประหม่าอย่างที่สุด
สิ่งมีชีวิตอีกคนหนึ่งภายในดวงวิญญาณของเขาก็ยิ่งกลั้นหายใจอย่างสุดชีวิต
มหาเคารพซือเทียน!
บุคคลอันดับสองของสกุลฝาน! บุคคลที่น่าหวาดหวั่นเป็นรองเพียงแค่บรรพชนสกุลฝานเท่านั้น ลำพังแค่มหาเคารพซือเทียนก็ยืนอยู่เหนือกว่าระดับสุดยอดของทั้งดินแดนจิตโลกาแล้ว
“เข้าไปในคีรีมารตอนนี้เลยหรือไม่” มหาเคารพซือเทียนถาม
“ได้สิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าแล้วหันหน้ามองไปทางปาถัวเฉิน “ปาถัวเฉิน เจ้าวางแผนจะไปไหนหรือ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น