Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 34 ตอนที่ 3-4
ตอนที่ 3 มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ไร้ศัตรู
Ink Stone_Fantasy
ภายในห้องเงียบของเรือนหิมะเหินแห่งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวและหนุ่มน้อยอาภรณ์ทองต่างก็นั่งขัดสมาธิพลางตั้งใจบำเพ็ญ นี่คือสามปีหลังเขากลับจากคีรีมารสกุลฝานแล้ว
แน่นอนว่า
ด้วยทรัพยากรของเขา เขาก็บรรลุ ‘ทางสายอากาศ’ และไปถึงระดับเทพจักรวาลตั้งแต่เก็บตัววันที่สองแล้ว เพียงแต่เนื่องจากสั่งสมมาหนาแน่นอย่างยิ่ง หลายทิศทางในทางสายอากาศของเขาก็สั่งสมได้ลึกล้ำยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังคิดค้น ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ ขึ้นมาแล้ว เส้นทางทั้งเก้าสายส่งเสริมเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรับรู้มากมายอย่างยิ่ง ยามนี้การรับรู้เหล่านี้ได้หลอมรวมเข้าสู่ร่างกาย จึงย่อมบรรลุไปอย่างไม่หยุดหย่อน
การบรรลุอย่างรวดเร็วพรรค์นี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงหยุดไม่ได้! แล้วก็ไม่อยากหยุดด้วย
“เกือบแล้ว ตอนนี้ความเร็วในการบำเพ็ญชะลอลงเล็กน้อยแล้ว หยุดชั่วคราวก่อนก็แล้วกัน ข้าจะไปจัดการเรื่องดินแดนจิตโลกาเสียก่อน ยังต้องกลับบ้านเกิดให้รวดเร็วที่สุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงหยุดการบำเพ็ญลง “แม้มิอาจยกระดับเคล็ดผนึกห้าภาพทั้งห้าสายให้ไปถึงขีดสุดได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่ต้องรีบร้อนไป รอให้ร่างแยกมาถึงบ้านเกิดก่อนแล้วค่อยฝึกฝนก็แล้วกัน”
ตามการชี้แนะของท่านอาจารย์ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’
‘ทางสายอากาศ’ ทั้งหมดแบ่งออกเป็นเก้าสายด้วยกัน!
เคล็ดผนึกห้าภาพเป็นห้าสายในจำนวนนั้น ซึ่ง ‘ภาพดิน’ และ ‘ภาพแก่น’ ล้วนยากยิ่งนัก ‘ภาพดิน’ นั้นสั่งสมจากการที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเฝ้ามองดูต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศให้กำเนิดฝูงมารผลาญทำลายออกมาในทางเดินโลกาพิศวงเป็นเวลานานแสนนานอย่างยิ่งในชาติก่อน ‘ภาพแก่น’ นั้นยากที่สุด ต้องรับรู้แก่นห้วงอากาศจึงสำเร็จได้ในท้ายที่สุด
ห้าสาย
ไม่ว่าสายใดก็ตามบรรลุถึงขั้นสุด ก็จะสำเร็จเป็นเทพจักรวาล!
คิดจะทำให้ทั้งห้าสายบรรลุถึงขั้นสุด เดิมทีก็ยากอย่างยิ่งอยู่แล้ว ทว่าเนื่องจากตงป๋อเสวี่ยอิมีการสั่งสมอันแน่นหนา ในเวลาสั้นๆ เพียงสามปี เขาก็ทำให้หกสายจาก ‘เก้าสาย’ บรรลุถึงขั้นสุดในรวดเดียว แล้วบรรลุถึงระดับขั้นเทพจักรวาล เมื่อข่าวแพร่ออกไปก็เพียงพอจะทำให้ผู้แกร่งกล้าจำนวนนับไม่ถ้วนตะลึงลานได้แล้ว
ที่เป็นเช่นนี้
ก็เพราะ ‘ทางสายอากาศ’ ทั้งหมดมีเพียงเก้าสายเท่านั้น! อย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ก้าวเข้าสู่เทพจักรวาลระดับชั้นที่สอง และได้รับสมบัติลับระดับยอดสุดอย่าง ‘ดาบจิตโลกา’ มา และหลังจากสำเร็จเป็นผู้ทรงอิทธิพลขั้นสุดในดินแดนจิตโลกาแล้ว จึงบรรลุทั้งเก้าสายได้ในที่สุด
เนื่องจากตงป๋อเสวี่ยอิงคิดค้น ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ ขึ้นมา ตั้งแต่ขั้นอลวนก็บรรลุทั้งเก้าสายแล้ว จรบรรลุถึงขีดจำกัดขั้นอลวน ที่สำคัญที่สุดก็คือ…เมื่อบรรลุทั้งเก้าสายและช่วยเหลือเกื้อกูลกันแล้วก็จะสามารถก่อให้เกิดภาพรวมอันสมบูรณ์แบบได้! ด้วยเหตุนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงสามารถไปถึงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดได้ตั้งแต่ยังเป็นขั้นอลวน ‘ภายใต้การเหนี่ยวนำของเกราะของแม่ทัพโม่กู่’
เนื่องจากการช่วยเหลือเกื้อกูลกันทำให้ขณะที่เส้นทางสายแล้วสายเล่าของตงป๋อเสวี่ยอิงบรรลุถึงเทพจักรวาลนั้น เกิดการรับรู้ต่างๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกัน
เขาเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา…
ขอเพียงมีเวลามากพอ จะยกระดับทั้งเก้าสายให้ไปถึงขั้นสุดได้ก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ช่วยไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ เดิมทีเส้นทางทั้งเก้าสายของเขาก็ถึงขีดจำกัดขั้นอลวนอยู่แล้ว ขาดอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น! ทั้งเก้าสายหมุนเวียนกัน จะบรรลุได้ก็รวดเร็วเป็นอย่างมาก
“แม้หกสายจะบรรลุถึงขีดสุดแล้ว น่าเสียดาย ที่ในบรรดาหกสายนี้ มีเพียงสามสายเท่านั้นที่อยู่ในเคล็ดผนึกห้าภาพ เห็นที่คงยังต้องรออีกระยะหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
……
การที่เขาบรรลุเส้นทางด้าน ‘ทางสายอากาศ’ สายแล้วสายเล่า และบรรลุถึงขีดจำกัดทั้งหมดดูเหมือนจะเก่งกาจมาก แต่เช่นนี้ก็ยังคงเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่หนึ่งเท่านั้น
จะต้องเป็นเส้นทาง ‘ทางสายอากาศ’ สองสายที่แตกต่างกัน หลอมรวมเข้าด้วยกันและเกิดการเปลี่ยนแปลงจากแก่นแท้ พลังโดยรวมจึงจะยกระดับขึ้นได้ จึงจะเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองได้!
ต่อจากนั้น
เส้นทางที่แตกต่างกันของ ‘ทางสายอากาศ’ จะหลอมรวมกันต่อไป ทว่าต่อจากนั้นพลังหลอมรวมกันแล้วก็จะยกระดับขึ้นอย่างไม่ชัดเจนนัก มีแต่ ‘เส้นทางเก้าสายรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์’ กลายเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้น! ผลสำเร็จ ทางสายอากาศจึงครบสมบูรณ์อย่างแท้จริง! นั่นจึงจะเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สาม!
อย่าง ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’
เขารับรู้ทั้งเก้าสายจนถึงขีดจำกัดแล้ว จวบจนบัดนี้ก็มีเพียงเจ็ดสายเท่านั้นที่รวมเข้าด้วยกันได้! ยังห่างจากเก้าสายรวมเข้าด้วยกันอยู่มากโข
“การรับรู้นั้นง่ายดาย แต่การหลอมรวมนั้นยาก”
“เก้าสายรวมเข้าด้วยกัน…ยากเสียยิ่งกว่ายาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
ดินแดนจิตโลกามีเทพจักรวาลมากมายยิ่งนัก
เทพจักรวาลระดับชั้นที่สองก็มีไม่น้อย ในจำนวนนั้นผู้ที่โชคดีได้รับ ‘สมบัติลับระดับยอดสุด’ มา และมีพลังข้ามขั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง
แต่ผู้ที่สามารถก้าวเข้าสู่เทพจักรวาลระดับชั้นที่สามได้น่ะหรือ กลับร้อยเสียยิ่งกว่าน้อย!
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สาม!
ส่วนเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูของดินแดนจิตโลกานั้นออกจะเก่งกาจกว่าบ้าง พวกเขาเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สาม ทั้งยังได้สมบัติลับที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ทำให้พวกเขามีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น! เมื่ออาศัยสมบัติลับที่แข็งแกร่งขึ้นก็ได้เห็น ‘เส้นทาง’ ในภายหน้า ทำให้ทางด้านการขุดค้นตนเองแข็งแกร่งขึ้น
“เส้นทางที่ไร้ศัตรู” ตงป๋อเสวี่ยอิงตั้งตารอคอย
สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู
ต่อจากนั้นน่ะหรือ
‘ทางสายอากาศ’ บรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์ในท้ายที่สุด จึงจะเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สาม ถัดจากนั้นอีกก็จะได้ปกครองกฎเกณฑ์อันสูงส่ง! ก้าวนี้ยากเกินไปแล้ว จวบจนบัดนี้ดินแดนจิตโลกามิมีผู้ใดสามารถทำได้ มีเพียง ‘หยวน’ ผู้เร้นลับเท่านั้นที่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับนี้
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทางสายอากาศของข้าก็มีรากฐานลึกล้ำอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “เชื่อว่าหากใช้เวลาเคี่ยวกรำให้มากอีกหน่อย ผสานกับการชี้แนะของบรรพชน จะก้าวเข้าสู่เทพจักรวาลระดับชั้นที่สองก็มิใช่เรื่องยาก! เมื่อรวมกับเคล็ดวิชาลับที่ข้าจะได้จากดินแดนจิตโลกาในภายภาคหน้า…เมื่อกลับไปถึงบ้านเกิด ก็เพียงพอจะมีคุณสมบัติประชันกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว”
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์
อย่างพวกบรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกาก็กล้าที่จะต่อสู้กันซึ่งหน้า
ถึงอย่างไรในบ้านเกิด ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’ แห่งโลกกำเนิด ในด้านการหลอมสมบัติลับนั้นหยาบเกินไป มิอาจต่อสู้ข้ามขั้นได้! ดังนั้นก็ยังต้งอาศัยพลังที่แท้จริงของแต่ละคนเป็นหลัก ต่อให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เผาผลาญพลังต้นกำเนิด แม้พลังจะเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ก็มิอาจต่อสู้ข้ามขั้นได้ หากสามารถเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูระดับ ‘บรรพชนฝาน’ หรือ‘จักรพรรดิเซี่ย’ ได้ ต่อให้มีพลังที่ไร้ศัตรู เกรงว่าในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถสังหารพวกบรรพชนทิพย์ได้อย่างง่ายดาย
“ไม่มีสมบัติลับ”
“ทว่าข้ากลับบ้านเกิดก็ไม่มีสมบัติลับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้ดี ทุกคนไม่สามารถมีสมบัติลับข้ามขั้นกันหมดได้ จะต้องอาศัยตนเองสำแดงพลังออกมา ดังนั้นจึงยังยากที่จะสั่นคลอนจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้
ยังต้องการเวลา
เชื่อว่าเมื่อมีดินแดนจิตโลกาเป็นหลักประกัน ความเร็วในการเติบโตของตนก็จะรวดเร็วเป็นอันมาก
“ใกล้แล้วๆ” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงสุขสราญ
จริงด้วย
เขาบำเพ็ญตลอดคืนวันอันยาวนาน ผ่านการกลับชาติมาจุติ หลังสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถรู้สึกได้ว่า ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ มิได้สูงส่งจนเอื้อมไม่ถึงอีกต่อไป
ตอนที่ท่านอาจารย์กู่ฉีสิ้นใจนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เพียงแค่มีเพลิงโทสะท่วมอก แต่ส่วนลึกในใจก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง เนื่องจากตอนนั้นรู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากจนเกินจริง ห่างไกลกันลิบลับ
“เริ่มต้นเถิด ยกระดับศาสตร์ร่างแยกขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
หลังจากเขาสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว บัดนี้ทางสายอากาศก็มีถึงหกสายที่บรรลุถึงขั้นสุด ในจำนวนนั้นรวมไปถึงเส้นทางของสองกระบวนท่าอย่างทลายเวหาและงามดั่งภาพวาด
ทลายเวหาแบ่งออกเป็นอนุสัมฤทธิ์ มหสัมฤทธิ์และครบสมบูรณ์ งามดั่งภาพวาดก็เป็นเช่นนี้
หากพูดอย่างเคร่งครัดแล้ว
ผลสำเร็จสูงสุดของประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็คือสามศาสตร์ลับ ได้แก่ศาสตร์ลับทลายเวหา งามดั่งภาพวาดและร่างเมฆทักษิณาทิพย์ สิ่งที่เรียกว่าวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าก็เป็นเพียงรากฐานของศาสตร์ลับทั้งสามชนิดนี้เท่านั้น
……
เขาอาศัยสมบัติล้ำค่าจำนวนมากที่ท่านอาจารย์เตรียมเอาไว้ให้ก่อน แล้วยกระดับร่างเมฆทักษิณาทิพย์ให้ไปถึงระดับชั้นที่สิบเอ็ด! มีแต่ทำเช่นนี้ อาศัยร่างเมฆทักษิณาทิพย์จึงจะสามารถสำแดงอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของทลายเวหาออกมาได้!
“แตก”
ภายในห้องเงียบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงต่อยหมัดหนึ่งออกไปเสียงดังตู้ม ร่างกายเพียงแค่ปลดปล่อยรัศมีออกมา อันที่จริงแล้วร่างเมฆทักษิณาทิพย์ก็เหมือนกับสมบัติลับ อาศัยกายทิพย์จึงจะสามารถสำแดงพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้
“ตู้ม!” มิติทั้งผืนถูกเหนี่ยวนำ ทันใดนั้นบริเวณกำปั้นก็มีหลุมขนาดราวนิ้วมือหนึ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปรากฏขึ้น อีกฝั่งหนึ่งของหลุมก็คือความมืดมิดอย่างแท้จริง ลำพังแค่มองด้วยตาเปล่าก็เกิดความหวาดหวั่นครั่นคร้ามจากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว! ตงป๋อเสวี่ยอิงลองส่งสติรับรู้สายหนึ่งแทรกซึมเข้าไป สิ่งที่มองเห็นกลับมิใช่ความดำมืด
หากแต่เป็น ‘มุมมอง’ พิเศษอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมองเห็นบริเวณจำนวนนับไม่ถ้วน มองเห็นสถานที่แห่งแล้วแห่งเล่าภายในดินแดนจิตโลกา ยิ่งไกลออกไปก็ยิ่งเลือนราง เขาถึงขั้น ‘มองเห็น’ บริเวณอันกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่านอกดินแดนจิตโลกา
มุมมองเช่นนี้ปกคลุมทุกหนแห่ง เป็นความรู้สึกอันพิเศษ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่แปลกใจ ที่เขาสำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ออกมาก็เพื่อกระบวนท่านี้นั่นเอง
“เป็นกลิ่นอายอันเร้นลับที่เข้มข้นยิ่งนัก” หลุมที่เกิดจากการต่อยในครั้งนี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันมีขนาดราวนิ้วมือหนึ่ง!
กลิ่นอายเร้นลับโหมซัด เข้มข้นกว่าตอนที่ตนกะเทาะออกมาในครั้งที่แล้วมากมายยิ่งนัก
เหมือนกลิ่นอายที่เข้มข้นและลึกล้ำกว่าจากโลกภายนอกกำลังเข้ามา
หลุมนั้นก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนวิชา ‘ศาสตร์ร่างแยก’ ขึ้นมาทันที ทันใดนั้นกลิ่นอายเร้นลับเหล่านั้นก็ถูกดึงดูด แล้วโหมซัดมาทางวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิง…
……
ณ วังหลวงแห่งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา
“เอ๊ะ” ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงชกแก่นห้วงอากาศของโลกกำเนิดจนเกิดหลุมขนาดราวนิ้วมือหนึ่งขึ้นมานั้น ประมุขรัฐเมฆทักษิณาซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ณ สถานที่บำเพ็ญภายในวังหลวงก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อมองออกไปไกล สายตาของเขาก็ทะลุผ่านอุปสรรคของวังหลวง มองเห็นเรือนหิมะเหินแล้วเผยรอยยิ้มสายหนึ่งออกมา “ทลายเวหาหรือ ศิษย์ของข้าคนนี้ บรรลุทางสายอากาศจนถึงระดับขั้นเทพจักรวาลแล้วหรือ ก็ไม่รู้ว่าชาติก่อนเขาเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่หนึ่งหรือสองกันแน่!”
ส่วนระดับชั้นที่สามน่ะหรือ
เขาไม่กล้าคิดเลย! ข้อแรก ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกามีคนระดับนี้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ข้อสอง หากเป็นระดับนี้จริง ด้วยความหยิ่งผยองในใจจะยอมคารวะประมุขรัฐเมฆทักษิณาเป็นอาจารย์ได้อย่างไรกัน
………………………….
ตอนที่ 4 ร่างแยกทั้งเก้า
Ink Stone_Fantasy
ภายในห้องเงียบ
“เอ๊ะ” หนุ่มน้อยเก้าคนสบตากัน ต่างก็เผยรอยยิ้มออกมา
ตามที่บรรยายเอาไว้ในศาสตร์ร่างแยก บัดนี้เขาสามารถฝึกร่างแยกออกมาได้เก้าร่างแล้ว หากบรรลุถึงเทพจักรวาลระดับชั้นที่สอง และฝึกฝนศาสตร์ร่างแยกจนถึงระดับครบสมบูรณ์ได้ ก็จะมีร่างแยกถึง 10081 ร่างแยก!
หากร่างแยกนับหมื่นอยู่ด้วยกัน ก็สามารถเรียกได้ว่าคนมากมายเป็นภูเขาเลากาแล้ว
ดังนั้นอย่างร่างแยกของ ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ ในบ้านเกิด ก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่า ‘ร่างแยกมีจำนวนนับไม่ถ้วน’ แล้ว ถึงจะสังหารไปร่างหนึ่ง ก็สามารถฝึกอีกร่างออกมาได้อย่างรวดเร็ว
ทว่ากลับมิใช่ทุกร่างแยกที่สามารถมีพลังแข็งแกร่งที่สุดได้
เมื่อมีเก้าร่างแยก อย่างมากที่สุดก็สามารถทำให้ร่างแยกสองร่างมีพลังสมบูรณ์ได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ร่างแยกอีกเจ็ดร่างถึงขั้นถูกบีบบังคับให้สลายไป มิอาจคงเอาไว้ได้! เนื่องจากการกดดันของกฎเกณฑ์อันไร้รูปร่าง การรักษาวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้สองร่างก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
ขณะที่มีร่างแยก 10081 ร่างนั้น การคงวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้เก้าร่างก็คือขีดจำกัด ซึ่งก็หมายความว่าสามารถทำให้ร่างแยกทั้งเก้าร่างมีพลังระดับยอดสุด ร่างแยกอื่นๆ ทั้งหมดล้วนต้องสลายไป! แต่หากมีร่างแยกเพียงแค่แปดร่างที่สามารถคงระดับยอดสุดเอาไว้ เช่นนั้นร่างแยกนับหมื่นที่หลงเหลืออยู่ก็ล้วนคงอยู่ได้ เพียงแต่พลังอ่อนแอมาก ดังนั้นแม้ ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ จะมีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ส่วนใหญ่ล้วนอ่อนแอเสียยิ่งกว่าอ่อนแอ
“อ่อนแอไปบ้างก็ไม่นับเป็นอะไรหรอ ที่สำคัญก็คือ ร่างแยกแต่ละร่างล้วนเป็นตัวแทนของชีวิต! ขอเพียงมีร่างแยกสักร่างหนึ่งมีชีวิตอยู่ ก็สามารถฝึกร่างแยกร่างอื่นๆ ออกมาได้อย่างรวดเร็ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
แม้จะมีร่างแยกเก้าร่าง
ทว่าจิตโลกาทำให้พลังงานยังคงอยู่ในวิญญาณของ ‘ตงตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทอง’ ถึงตอนนั้นร่างแยกนี้ก็จะสามารถกลับบ้านเกิดได้ตามแผนการที่วางเอาไว้! การกลับบ้านเกิด…นั้นเหมือนกับตอนที่มา มีเพียง ‘วิญญาณแท้’ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดเท่านั้นที่จะสามารถกลับบ้านเกิดอย่างอากาศอันสับสนอลหม่านได้ภายใต้การปกป้องของพลังงานของป้ายคำสั่งจิตโลกา ดังนั้นความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของวิญญาณจึงไม่มีความหมายอันใดเลย
……
ประตูห้องเงียบเปิดออกเสียงดังโครมคราม
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวเดินออกมา นี่ก็คือร่างแยกที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดซึ่งฝึกฝนร่างเมฆทักษิณาทิพย์และพกสมบัติลับต่างๆ เช่นลูกแก้วห้าภาพ อันที่จริงร่างแยกแต่ละร่างล้วนสามารถนับได้ว่าเป็นร่างจริงทั้งสิ้นโดยไม่มีความแตกต่างอันใดเลย เพียงแต่สมบัติลับมีจำกัด ทรัพยากรก็เช่นกัน จึงย่อมรวมเอาไว้ที่ร่างแยกร่างเดียวเป็นธรรมดา ร่างแยกอาภรณ์ขาวนี้ทำหน้าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอก
“ยังมีเรื่องสุดท้ายอีกเรื่องหนึ่ง หากจัดการเสร็จก็สามารถกลับไปได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา
“ท่านอ๋อง”
สาวใช้นอกห้องเงียบสองนางโค้งคำนับ
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า เดิมทีบ่าวรับใช้มังกรมารถูกเขาจัดให้ไปยัง ‘เมืองหิมะเหิน’ แล้ว เพราะถึงอย่างไรชาตินี้ท่านพ่อท่านแม่ก็ขาดผู้ช่วยที่แข็งแกร่งพอ
สวบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่งก่อนจะอันตรธานไป
เขาตรงมาถึงวังหลวง ใกล้กับสถานที่บำเพ็ญของอาจารย์ สถานที่บำเพ็ญของอาจารย์นั้นห้ามการเคลื่อนที่ในพริบตาอย่างเด็ดขาด
“ท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงร่อนลงบนผืนหญ้าสีดำ พลางทอดสายตามองออกไปยังประมุขรัฐเมฆทักษิณาที่นั่งขัดสมาธิอยู่แล้วโค้งคำนับ
“เพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวที่เจ้าสำแดงทลายเวหาออกมา เจ้าออกจากการเก็บตัวรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้ายังคิดว่าหลังจากเจ้าบรรลุแล้วจะบำเพ็ญต่ออีกระยะหนึ่งเสียอีก” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดยิ้มๆ
“ข้ามิได้กลับชาติมาจุติหรอกหรือขอรับ ไม่จำเป็นต้องทำให้แข็งแกร่งอีกแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงสัพยอก
ในเมื่อทุกคนต่างก็คิดว่าตนเป็นเทพจักรวาลกลับชาติมาจุติ ตนก็ย่อมถือโอกาสยอมรับเสียเลย
ซึ่งนี่ก็เป็นผลดีกับแผนการของเขา
“ฮ่าฮ่า…” ประมุขรัฐเมฆทักษิณายื่นมือออกไป อาภรณ์สีดำอันงดงามหรูหราชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาแล้วล่องลอยอยู่ จากนั้นเขาก็ทะยานตรงไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง
“นี่อะไรหรือขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือไปรับด้วยความงุนงง
“เข้าลองสัมผัสดูสิ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณายิ้มจนตาหยี เพื่อให้ได้อาภรณ์ราชันย์มารชุดนี้มา เขาก็ต้องทุ่มเทแรงไปอย่างมหาศาลโดยแท้ เขามีเครือข่ายข่าวสารที่แทรกซึมไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาจึงได้ล่วงรู้ถึงการตกทอดของ ‘อาภรณ์ราชันย์มาร’ ทั้งยังต้องนำสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งไปแลกกับประมุขเทพเทียนถงเพื่อให้ได้อาภรณ์ราชันย์มารชิ้นนี้มา
หลังตงป๋อเสวี่ยอิงรับไปแล้วก็หลอมแปรและสัมผัสรับรู้อย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่การหลอมแปรก็จะเห็นถึงความแตกต่างของโลกกำเนิดทั้งสองได้แก่ดินแดนจิตโลกาและอากาศอันสับสนอลหม่านแล้ว การหลอมสมบัติลับของอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นเป็นงานหยาบก็แล้วไปเถิด โดยทั่วไปการหลอมแปรล้วนต้องใช้เวลานานมาก ส่วนสมบัติลับของดินแดนจิตโลกา…หลอมได้ประณีตกว่า ถึงขั้นสามารถทำให้ผู้บำเพ็ญสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ นอกจากนี้การหลอมก็สามารถทำให้ควบคุมได้ในเวลาอันรวดเร็ว!
“นี่อะไรน่ะขอรับ”
ทันทีที่หลอมแปร มือของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ลูบคลำอาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงาม ทันใดนั้นอาภรณ์สีดำก็เริ่มเปล่งรัศมีออกมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเพียงว่า สติรับรู้ของตนเข้าไปในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลใบหนึ่งแล้ว
โลกกว้างใหญ่ มีไอหมอกจำนวนนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่
สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนดำรงชีวิตอยู่ในโลก ไอหมอกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ล่องลอยขึ้นมานั้นล้วนหมายจะแทรกตรงเข้าไปในวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิง
“โลก…วิญญาณ…” ตงป๋อเสวี่ยอิงกระจ่างแล้ว
“เป็นอย่างไรบ้าง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอ่ยปากพูดยิ้มๆ “ข้าเคยบอกไว้ว่าจะหาสมบัติลับเทพจักรวาลที่เหมาะสมกับเจ้าให้ มันมีชื่อว่าอาภรณ์ราชันย์มาร เจ้าของคนก่อนเรียกตนเองว่า ‘ราชันย์มาร’ หลังสร้างรัฐแห่งหนึ่งขึ้นมาแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากของเขาก็จงรักภักดีต่อเขาเป็นอันมาก ถึงขั้นหลังจากเขาสิ้นใจไปแล้ว แต่ละคนก็ยังต่อสู้ห้ำหั่นกับรัฐคู่อริอย่างไม่รักตัวกลัวตาย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดีออกมา “อาภรณ์ราชันย์มารนี้ เป็นการผสมผสานกันของ ‘โลกเขตลวง’ และ ‘วิญญาณ’ ของเส้นทางสายเขตลวงโลกเทียม”
เขตลวงโลกเทียม
ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นดูข้อมูลของสมบัติลับเป็นจำนวนมาก ก็รู้ว่า ‘วิถีโลกเทียม’ แบ่งออกเป็นห้าสายด้วยกัน ได้แก่ ‘โลกา’ ‘วิญญาณ’ ‘ภาพลวง’ ‘ปรารถนา’ และ ‘ล้างสังหาร’
‘โลกา’ ก็คือโลกเขตลวง เป็นเส้นทางที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จเป็นเทพจักรวาล
‘ภาพลวง’ อย่างเสียงของกระดิ่งจิตมารก็เป็นทางสายภาพลวง
‘วิญญาณ’ นั้นเป็นกระบวนท่าควบคุมวิญญาณโดยตรง สามารถทำให้ผู้ที่ถูกควบคุมภักดีต่อเจ้านายอย่างสิ้นเชิง
‘ปรารถนา’ ก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง ชอบ ความกังวลและความรู้สึกปรารถนาต่างๆ
‘ล้างสังหาร’ เป็นกระบวนท่าโจมตีเพียงเส้นทางเดียวของเขตลวงโลกเทียม ทั้งเขตลวงโลกเทียมบ่มเพาะเป็นท่าไม้ตายแล้วทะลวงตรงไปยังวิญญาณ โจมตีซึ่งหน้า! ผู้ที่ต้านทานไม่ไหว วิญญาณก็จะสลายไป! ตอนแรกตงป๋อเสวี่ยอิงคิดค้น ‘บุปผาผลาญทำลาย’ ขึ้นมาก็ยังต้องสำแดงท่าไม้ตายท่ามกลางความเป็นจริง แต่ทางสาย ‘ล้างสังหาร’ ของเขตลวงโลกเทียมที่แท้จริงนั้น กลับโจมตีสังหารวิญญาณโดยตรง
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาด้านข้างเห็นเข้าก็พูดยิ้มๆ ว่า “ฮ่าฮ่า เจ้าชอบก็ดีแล้ว”
“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับไปโดยมิได้พูดอะไรให้มากความอีก เขาจะจดจำบุญคุณเอาไว้ ในวันหน้าค่อยตอบแทนอาจารย์ก็แล้วกัน
ฟิ้ว
เพียงชั่วความคิดเดียว อาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงามก็หล่นลงบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงที่สวมอาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงามทั้งร่างแฝงไว้ด้วยแรงดึงดูดอันน่าหวาดหวั่น ราวกับทำให้ผู้คนลุ่มหลงในตัวเขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยอมอยู่และยอมตายเพื่อเขา! และนี่ก็ยังเป็นเมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงยังมิทันได้สำแดงสมบัติลับนี้ ลำพังแค่กลิ่นอายของสมบัติลับเองก็น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้แล้ว
หากสำแดงออกมา อาศัยสมบัติลับ เทพจักรวาลระดับชั้นที่หนึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนมิอาจต้านทานได้! ถึงจะมีสมบัติลับที่ต่อสู้ข้ามขั้นได้ก็ไร้ประโยชน์ เนื่องจากมันพุ่งเป้าไปที่วิญญาณสมบัติลับนั้นมิอาจป้องกันวิญญาณได้
และนี่ก็คือจุดที่น่ากลัวของผู้แกร่งกล้าที่เชี่ยวชาญกระบวนท่าทางด้านวิญญาณ!
บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงครอบครองอาภรณ์ราชันย์มาร ก็มีแรงคุกคามที่แข็งแกร่งกว่าผู้แกร่งกล้าเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองซึ่งไม่มีสมบัติลับระดับยอดสุดอย่างประมุขรัฐประกายเพลิงหรือประมุขรัฐวอเฟิงแล้ว!
“ฟิ้ว” เพียงชั่วความคิดเดียว อาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงามก็กลายเป็นอาภรณ์สีขาวไปในทันที นอกจากนี้กลิ่นอายยังถูกเก็บงำจนกลายเป็นธรรมดาสามัญ มีเพียงใต้อาภรณ์สีขาวเท่านั้นที่มีภาพอักขระหลากสีอันงดงามอยู่
“ดี!” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเห็นเข้าก็เอ่ยขึ้นด้วยความยินดี “มีอาภรณ์ราชันย์มารอยู่กับกาย อาศัย ‘ลูกแก้วห้าภาพ’ เจ้าก็สามารถสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพจนถึงขั้นครบสมบูรณ์ได้แล้ว! เมื่อมีสองท่าไม้ตายอยู่ในมือ ก็เพียงพอจะกำแหงทั่วดินแดนจิตโลกาได้แล้ว!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ท่านอาจารย์ ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ”
“ฮ่าฮ่า ระหว่างข้ากับเจ้า มีเรื่องอันใดก็พูดกันตรงๆ เถิด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่สุดของเขาไปแล้ว
“เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ เคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุซึ่งเป็นขั้นสุดของขั้นอลวนนั้น ข้าสามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “ข้าคิดว่าจะขายให้พวกตระกูลต่างๆ เช่นสกุลฝานและสกุลเซี่ย”
“สามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้หรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาตกใจ “เคล็ดวิชาเช่นนี้ เจ้ามั่นใจว่าสามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้แน่หรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
แน่นอนอยู่แล้ว! นี่คือสิ่งที่ตนคิดค้นขึ้น!
ตนจะอาศัยเคล็ดวิชานี้ แลกเอาเคล็ดวิชาล้ำค่าต่างๆ มา เมื่อกลับบ้านเกิดไม่มีสมบัติลับสำหรับต่อสู้ข้ามขั้น หากคิดจะสู้กับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แน่นอนว่าก็ต้องมีเคล็ดวิชาที่ร้ายกาจพอติดตัวเอาไว้! แม้เคล็ดวิชาอาจไม่ได้ทำให้ข้ามขั้นได้ แต่ก็สามารถเข้าใกล้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด อย่าง ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ต่อให้ไม่มีสมบัติลับ ขั้นอลวนสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพออกมาก็มีอานุภาพใกล้เคียงชั้นที่สิบแล้ว
แม้ท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาจะมั่งคั่ง แต่เคล็ดวิชาลับที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่กับขุมอำนาจระดับยอดสุดแทบจะทั้งหมด
“สามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้หรือ เรื่องนี้ต้องไตร่ตรองให้ดีๆ อย่าขายขาดทุนเสียล่ะ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาหรี่ตาลงพลางไตร่ตรองโดยละเอียด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น