Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 34 ตอนที่ 27-30
ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...
ตอนที่ 27 สถานการณ์
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่เคยสนใจบรรดาขั้นอลวนเหล่านี้มาก่อนเลย ต่อให้ไม่มีสมบัติลับล้ำค่า เขาก็สามารถผลาญทำลายขั้นอลวนชั้นที่สิบได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามี ‘อาภรณ์ราชันย์มาร’ ‘ลูกแก้วห้าภาพ’ และ ‘หอกเทพเมฆาแดง’ สามสมบัติลับล้ำค่าอยู่กับตัวด้วย พลังรบของเขาก็แข็งแกร่งกว่าตอนอยู่ที่โลกกำเนิดเป็นอย่างมากแล้ว นี่ก็คือหลักประกันที่ทำให้เขากล้ามาล่าสังหารมารที่รัฐเหินประจิม
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน เพียงพริบตาก็เป็นห้าหมื่นปีเศษหลังมาถึงยังรัฐเหินประจิมแล้ว
ภารกิจสังหารล่าค่าหัวก็ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง
จ้าวมารจันทราวายุคือเป้าหมายที่เขามีความมั่นใจมากที่สุด น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหลบซ่อนตัวอย่างระมัดระวังยิ่งนัก
“ข้าไม่เชี่ยวชาญการสะกดรอย แต่ผู้แกร่งกล้าแห่งรัฐโบราณคนอื่นๆ ก็มีผู้ที่เชี่ยวชาญอยู่ ก็ผ่านมาห้าหมื่นกว่าปีแล้ว เหตุใดตลอดมาจึงได้ไม่ลงมือเสียทีเล่า หรือว่าไม่มีใครที่มีรัฐเหินประจิมเป็นเป้าหมายเลย ข้าไม่เชื่อหรอก!” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ ในภารกิจล่าค่าหัว รัฐเหินประจิมก็นับได้ว่าเป็นลูกพลับนิ่มแล้ว! เช่น ‘ทะเลสาบมารทมิฬ’ นั้นถึงแม้ว่ายอดฝีมือจะเทียบเคียงได้กับรัฐเหินประจิม แต่สภาพแวดล้อมของทะเลสาบมารทมิฬนั้นเลวร้าย คาดว่ายอดฝีมือที่อยากจะไปนั้นคงมีอยู่เพียงน้อยนิด
ยังมีมารที่อยู่ที่รัฐโบราณจันทร์โรจน์ด้วย!
ใช่แล้ว
รัฐโบราณจันทร์โรจน์และรัฐโบราณเสียดฟ้า สองรัฐโบราณระดับล่างสุดในหกรัฐโบราณ ภายในก็มีมารแฝงตัวอยู่ทั้งสิ้น! ไปไล่ล่าสังหารมารในรัฐโบราณก็ยิ่งยากเย็นมากขึ้นไปอีก ถึงอย่างไรมารจำนวนหนึ่ง…ต่างก็มีบุคคลผู้ไร้เทียมทานคอยคุ้มครองอยู่แล้ว! เพียงแต่มิได้เปิดเผยเพื่อรักษาหน้าตาเท่านั้นเอง
“รัฐเหินประจิมก็นับได้ว่าจัดการได้ง่ายทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงรอคอย
“ปัง!”
ระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นขุมหนึ่งระเบิดอยู่ไกลๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับสัมผัสอยู่ห่างๆ ผ่านแก่นห้วงอากาศ เขาหันหน้ามองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือในทันที เขารู้สึกได้ว่าที่นั่นมีระลอกคลื่นระเบิดอยู่
“อยู่ที่นั่นเอง!”
ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาสอดแนมในทันที!
สอดแนมอยู่ห่างๆ…
ภายใต้รัตติกาลอันมืดมิด นั่นคือคูหาอันเรียบง่ายสามัญอย่างยิ่งที่อยู่นอกปราการเมืองแห่งหนึ่ง การที่ผู้แกร่งกล้าจำนวนหนึ่งสร้างคูหาที่พำนักยังสถานที่อันรกร้างนอกเมืองนั้นเป็นสิ่งที่พบเห็นได้อยู่บ่อยๆ ภายในส่วนลึกของคูหาแห่งนี้ เงาร่างสองสายก่อให้เกิดการห้ำหั่นอันน่าหวาดหวั่น
“จ้าวมารจันทราวายุ ตายให้ข้าเสียเถิด!”
นั่นคือบุรุษร่างกำยำที่มีผิวขาวราวน้ำแข็งคนหนึ่ง ในมือของเขาถิอค้อนใหญ่อันหนึ่งเอาไว้ ค้อนใหญ่ทำให้อากาศสั่นสะเทือนไปหมด นั่นคือสมบัติลับล้ำค่าที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า ‘ค้อนเมฆเวหา’ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยเห็นในตอนนั้นเสียอีก บนร่างของบุรุษร่างกำยำผู้นี้แผ่กลิ่นอายหนาวเหน็บออกมา เขาโบกมือคราหนึ่ง พลังล้นฟ้าก็ไหลรวมเข้าสู่ค้อนใหญ่ในมือ แล้วทุบลงไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการคราหนึ่ง
“ฟึ่บๆๆ” ตรงข้ามเขาก็คือบุรุษผมม่วงทรงเสน่ห์คนหนึ่ง ส่วนด้านหลังก็แบกมีดเอาไว้สิบสามเล่ม แผ่ออกมาเป็นรูปพัด
เห็นเพียงว่ามีดสิบสามเล่มนี้ลอยออกมาเล่มแล้วเล่มเล่าจนหมด
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…
ประกายมีดชั้นแล้วชั้นเล่าโอบล้อมบุรุษร่างกำยำเอาไว้อย่างต่อเนื่อง
“ปัง!”
ค้อนทุบลงมาคราหนึ่ง
ประกายมีดจำนวนนับไม่ถ้วนสาดกระจาย
ปัง! ปัง! ปัง!
พลังคุกคามของค้อนใหญ่ไล่บดขยี้เข้ามา แผ่กวาดบดขยี้ เพียงพริบตาก็ปกคลุมมาจนถึงเบื้องหน้าจ้าวมารจันทราวายุ
‘จ้าวมารจันทราวายุ’ บุรุษผมม่วงทรงเสน่ห์หน้าถอดสีแล้วร่นถอยหลังไปในทันที
พรึ่บ
อัตราเร็วในการหลบหนีของเขารวดเร็วเป็นที่สุด ประกายมีดสายแล้วสายเล่านั้นกลับมาอยู่ในปลอกด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว
……
“จ้าวมารจันทราวายุ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกดความยินดีแทบคลั่งในใจเอาไว้
บากบั่นค้นหาแทบตายก็ไม่พบ ตอนนี้กลับโผล่ออกมาเสียอย่างนั้น
“พี่ซวงกู่ ต้องขอบคุณท่านจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบยินดี
จักรพรรดิซวงกู่
เป็นยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองแห่งรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง อย่างเช่นที่รัฐโบราณคิมหันตวายุ โดยเฉพาะศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของสกุลเซี่ย สกุลชาง และสกุลฝาน ขอเพียงแค่เป็นเทพจักรวาลขั้นที่สองและสั่งสมพื้นฐานมาแน่นพอ เช่นนั้นพวกจักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน และจักรพรรดิชางก็สามารถคิดหาวิธีช่วยเสาะหาสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าสักชิ้นหนึ่งมามอบให้! หากหาไม่พบก็สามารถช่วยหลอมขึ้นมาให้ได้ ดังนั้นรัฐโบราณคิมหันตวายุจึงได้มีบุคคลระดับจอมเคารพมากมายถึงเพียงนั้น
แต่รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งนั้นช่างน่าอนาถนัก
ถึงแม้ว่ารัฐโบราณหิมะน้ำแข็งจะมีบุคคลผู้ไร้เทียมทานอยู่สามท่านเช่นเดียวกัน ทว่าแต่ละคนต่างก็เป็นสายฝึกกายด้วยกันทั้งสิ้น! ผู้ที่ชี้แนะเคล็ดวิชาระดับสุดยอดของรัฐโบราณนี้ให้กับพวกเขานี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสายฝึกกายกันหมด อยากจะฝึกสายอื่นอย่างนั้นหรือ ก็จำเป็นต้องจ่ายเป็นมูลค่ามหาศาลเพื่อแลกเปลี่ยนกับรัฐโบราณอื่นๆ! อาศัยการแลกเปลี่ยนทั้งหมดอย่างนั้นหรือ จะแลกเปลี่ยนได้มากมายสักเท่าใดกันเชียว
สำหรับการหลอมอาวุธ บรรพชนสามท่านของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งนั้นล้วนหลอมอาวุธไม่เป็นกันทั้งสิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหลอมสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าเลย ดังนั้นหากต้องการสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าน่ะหรือ พวกเขาก็ได้แต่ไปเสี่ยง ไปช่วงชิงมาเท่านั้น!
ทว่ามีผู้ครองสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าคนใดที่จะไปช่วงชิงมาได้ง่ายๆ บ้างเล่า
โดยทั่วไปต่างก็มีผู้หนุนหลังของตัวเองกันทั้งสิ้น!
ดังนั้นรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งจึงน่าสงสานอย่างยิ่ง ยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองภายในรัฐโบราณของพวกเขาก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ระดับจอมเคารพกลับมีอยู่น้อยเสียจนน่าสงสาร มีทั้งหมดเพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้นเอง!
จักรพรรดิซวงกู่…พูดถึงการสั่งสมพลังยุทธ์ก็ย่อมนับได้ว่าแข็งแกร่งเป็นที่สุดแล้ว เป็นระดับชั้นที่สองขั้นสุดยอดอย่างไร้ข้อกังขา หากอยู่ที่รัฐโบราณคิมหันตวายุก็ต้องได้รับมอบสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าแล้ว แต่เป็นถึงสมาชิกคนหนึ่งของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง เขาก็ไม่มีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าอยู่เลยจริงๆ ดังนั้นผู้แกร่งกล้าที่น่าหวั่นเกรงทางสายฝึกกายกลุ่มหนึ่งภายในรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งอย่างพวกเขาแต่ละคนจึงอยากจะเข้าไปที่วังเทพจิตโลกาทั้งสิ้น
“สัตว์ประหลาดฝูงหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบบ่นพึมพำ
สามบรรพชนรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งต่างก็สำเร็จทางสายฝึกกายไปถึงขั้นสุดยอด พวกเขารับรองซึ่งกันและกันว่าผู้แกร่งกล้ารัฐโบราณหิมะน้ำแข็งที่บ่มเพาขึ้นจะเป็นสายฝึกกายเป็นส่วนใหญ่
******
ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนที่ในพริบตามาเป็นระยะทางไกลมากแล้ว ก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่งก็ห่างไกลจากลานเล็กแห่งนั้นของตนแล้ว หลังจากนั้นก็มาถึงกลางความรกร้าง มองเห็นจ้าวมารจันทราวายุที่หลบหนีออกมา
จ้าวมารจันทราวายุและจักรพรรดิซวงกู่ คนหนึ่งหลบหนี คนหนึ่งไล่ตาม ทั้งสองต่างก็ทำให้ห้วงอากาศโดยรอบเยือกแข็ง ไม่ให้อีกฝ่ายหลบหนีได้
“จักรพรรดิซวงกู่ ท่านเชื่องช้าเกินไปแล้ว ท่านไล่ตามเช่นนี้ก็ไล่ไม่ทันหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองออกได้อย่างกระจ่างชัดว่าอัตราเร็วของจ้าวมารจันทราวายุเร็วกว่าจักรพรรดิซวงกู่อยู่มากอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าระยะเวลาจิบชาถ้วยหนึ่ง อาณาบริเวณที่จักรพรรดิซวงกู่แช่แข็งห้วงอากาศก็จะต้านจ้าวมารจันทราวายุเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
สวบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงมือหนึ่งกุมหอกเทพเมฆาแดง รักษาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ เช่นนั้นทั้งสองฝ่ายก็จะมิอาจพบตัวเขาได้
ในขณะนี้เขาดูอยู่ห่างๆ อีกทั้งยังไม่รีบร้อนที่จะเข้าใกล้ ถึงแม้ว่าห้วงอากาศจะเยือกแข็งจนไม่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถอาศัยหอกเทพเมฆาแดงสำแดง ‘เขตพลังเมฆาแดง’ ออกมาได้ นี่แข็งแกร่งกว่าที่โลกกำเนิดมากมายนัก ไปถึงระดับที่สูงกว่าแล้ว! ถ้าหากสามารถนำหอกเทพเมฆาแดงเข้าไปยังบ้านเกิดได้ ต่อให้เป็นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาศัยโลกทิพย์โบราณทำการกดดัน เขาก็ยังคงสามารถบิดหมุนห้วงอากาศหลบหนีอย่างรวดเร็วได้อยู่ดี
“จ้าวมารจันทราวายุ ท่านก็นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือเทพจักรวาลขั้นที่สองผู้ยิ่งใหญ่ น่าเสียดายนัก” มุมปากของตงป๋อเสวี่ยอิงยกยิ้มน้อยๆ แล้วอาศัยอาภรณ์ราชันย์มารเริ่มต้นสำแดงเคล็ดวิชาลับในทันที
พรึ่บ…
โลกลวงอันไร้รูปร่างพลันแผ่ปกคลุมไปในทันที ความกว้างของอาณาเขตโลกลวงแห่งนี้แผ่ปกคลุมจ้าวมารจันทราวายุที่กำลังหลบหนีเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
นี่ก็เป็นสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงหวาดกลัว
ด้านวิญญาณนั้นไม่เหมือนกับวิถีอื่นๆ อย่างเช่นพลังยุทธ์แข็งแกร่งสักหน่อย อย่างมากที่สุดก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ด้วยความสามารถในการรักษาชีวิตของผู้บำเพ็ญที่กล้าแกร่ง นึกจะทำให้บาดเจ็บสาหัสหรือแม้กระทั่งโจมตีนั้นก็เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง แต่ทางด้านวิญญาณ… ต้านไม่อยู่ เช่นนั้นก็จบสิ้นในพริบตาแล้ว!
อาศัย ‘อาภรณ์ราชันย์มาร’ เคล็ดวิชาวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไปถึงพลังคุกคามระดับเทพจักรวาลขั้นที่สอง แม้กระทั่งพวกประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ยังต้องแบ่งพลังจิตไปต้านทาน! ส่วนจ้าวมารจันทราวายุที่จิตวิญญาณมีข้อบกพร่อง เป็นผู้ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมั่นใจว่าสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายในบรรดาสี่วายร้ายเหินประจิม และยอดฝีมือวิถีวิญญาณอย่างเขาจึงสามารถจัดการได้อย่างสบายๆ
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่เดิมทีมุมปากเผยรอยยิ้มอยู่สีหน้าแข็งค้างไปในทันใด นัยน์ตาจ้องเขม็งมองดูจ้าวมารจันทราวายุที่อยู่ไกลออกไป
จ้าวมารจันทราวายุหยุดลงในทันใด
หันหน้ามองไปทางด้านหลัง
“ปัง!” “ปัง!” “ปัง!” “ปัง!”
ที่บริเวณไกลที่สุดของทุกทิศทุกทางมีเสาแปดต้นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันใด ด้านบนของทุกต้นต่างก็มีลวดลายลับสว่างขึ้นมา ค่ายกลอันกว้างใหญ่ไพศาลห่อหุ้มอาณาเขตกว้างใหญ่ของค่ายกลเอาไว้ภายใน ภายใต้ค่ายกลระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่น เงาร่างที่กลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถูกบีบให้ปรากฏกายขึ้น ส่วนจักรพรรดิซวงกู่ที่เดิมทีไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งก็หยุดยั้งลง มองดูจ้าวมารจันทราวายุที่อยู่ไกลๆ อย่างตกตะลึง แม้กระทั่งภายในบริเวณค่ายกลขนาดมหึมายังมีชายชราอาภรณ์สีเทาผู้หนึ่งถูกบีบบังคับให้ปรากฏกายขึ้นด้วยเช่นกัน
จ้าวมารจันทราวายุแปรเปลี่ยนไปเสียแล้ว รูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นกระแสน้ำ กระแสน้ำรวมตัวกันกลายเป็นชายชราอ้วนเตี้ยคนหนึ่ง
ชายชราอ้วนเตี้ยมองดูจักรพรรดิซวงกู่ ชายชราอาภรณ์สีเทาและหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นอยู่ไกลๆ
“จักรพรรดิซวงกู่แห่งรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง เจ้าเมืองอินทรีแห่งรัฐโบราณสหโลกา และจ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณา! น่าเสียดายที่เหวี่ยงแหมาได้แค่ปลาสามตัวอย่างพวกเจ้าเท่านั้น” ชายชราอ้วนเตี้ยน้ำเสียงยิ่งใหญ่กึกก้องไปทั่วห้วงอากาศล้านล้านลี้ “หากมิใช่เพราะเคล็ดวิชาทางด้านวิญญาณของจ้าวหิมะเหิน บางทีข้าอาจจะจับปลาได้อีกจำนวนหนึ่งก็เป็นได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิง จักรพรรดิซวงกู่ และชายชราอาภรณ์สีเทาสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเสียแล้ว
ชายชราอ้วนเตี้ย…
ก็คือ ‘บรรพชนเหินประจิม’ ชื่อเสียงเลื่องลือว่าเป็นทรราชย์แห่งดินแดนจิตโลกา!
เคล็ดวิชาโลกเทียมที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงเมื่อครู่ เมื่อค้นพบว่าไม่มีประโยชน์ก็รู้ว่าไม่ถูกต้องเสียแล้ว! จ้าวมารจันทราวายุไม่สามารถต้านทานเคล็ดวิชาทางด้านวิญญาณของตนได้อย่างสบายๆ เช่นนี้
“เขาปลอมตัวเป็นจ้าวมารจันทราวายุ แต่เมื่อครู่ก็เห็นว่าสำแดงมีดจันทราวายุอยู่ชัดๆ หรือว่าบรรพชนเหินประจิมบำเพ็ญทางสายวายุไปถึงระดับเทพจักรวาลแล้วเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงนึกขึ้นมาได้ในทันใด
“ไปเร็ว!”
จักรพรรดิซวงกู่ที่อยู่ห่างออกไปทะยานหนีออกไปข้างนอกโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ‘เจ้าเมืองอินทรี’ ชายชราอาภรณ์สีเทาร่างก็กะพริบวาบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
“หนี” ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหอกเทพเมฆาแดงเอาไว้ในมือแล้วสำแดงเขตพลังเมฆาแดงออกมาในทันใด พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ ฝืนหมุนบิด เคลื่อนย้ายแต่ละครั้งก็เป็นระยะทางกว่าร้อยล้านลี้ ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว หลบหนีไปเร็วกว่าจักรพรรดิซวงกู่และเจ้าเมืองอินทรีมากมายนัก
“อิงซานเสวี่ยอิงหนีไปอย่างรวดเร็วน่าดูทีเดียว” จักรพรรดิซวงกู่ได้เห็นเหตุการณ์แล้วทั้งอิจฉาทั้งจนใจ ได้แต่เหินทะยานไปอย่างช้าๆ
“อิงซานเสวี่ยอิงแห่งรัฐเมฆทักษิณาหรือ” เจ้าเมืองอินทรีก็เหลือบมองหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่ทะยานหนีไปอย่างรวดเร็วอยู่ห่างๆ
“หนีหรือ”
บรรพชนเหินประจิมได้เห็นเหตุการณ์แล้วประกายหนาวเหน็บก็ฉายวาบในดวงตา “ แต่ละคนจะมาล่าสังหารผู้แกร่งกล้ารัฐเหินประจิมของข้าอย่างนั้นหรือ มาฆ่าคนของข้าที่นี่ก็ต้องตระหนักดีอยู่แล้วว่ามีความตายรออยู่! ตายให้ข้าเสียให้หมด!”
ปัง…
ทั้งค่ายกลขนาดยักษ์พุ่งพล่านขึ้นมาในทันใดราวกับเกลียวคลื่น บริเวณไกลออกไปก็มีเงาร่างอีกสายหนึ่งปรากฏขึ้น นั่นก็คือยักษ์ที่มือหนึ่งถือภูเขาขนาดใหญ่เอาไว้… นั่นคือ ‘จอมเคารพสะบั้นฟ้า’ ยอดฝีมือระดับจอมเคารพอีกคนหนึ่งของรัฐเหินประจิม จอมเคารพสะบั้นฟ้าก็มีไอสังหารล้นฟ้า
ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...
ตอนที่ 28 เจ้าเมืองอนันต์
“เป็นกับดัก!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหอกเทพเมฆาแดงเอาไว้ในมือ พลางหมุนบิดควบคุมอากาศ ในการเคลื่อนย้ายหลบหนีครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจของเขาก็มีความหวาดหวั่น “ติดตั้งค่ายกลแล้ว! ยังมีจอมเคารพสะบั้นฟ้าช่วยเหลืออีกด้วยหรือ”
“จะหนีหรือ” บรรพชนเหินประจิมที่อยู่ไกลออกไปมองปราดหนึ่งก็สังเกตเห็นอิงซานเสวี่ยอิงที่หลบหนีอย่างรวดเร็วที่สุด “อิงซานเสวี่ยอิงหรือ ก็สังหารเจ้าปลาตัวเล็กเช่นเจ้านี้ก่อนก็แล้วกัน”
ในใจบรรพชนเหินประจิมก็เข้าใจกระจ่างดียิ่ง
จักรพรรดิซวงกู่แห่งรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง เบื้องหลังก็มีบุคคลผู้ไร้เทียมทานอยู่ เบื้องหลังของเจ้าเมืองอินทรีแห่งรัฐโบราณสหโลกาก็มีบุคคลผู้ไร้เทียมทานอยู่เช่นเดียวกัน! ในช่วงเวลาวิกฤติ บุคคลผู้ไร้เทียมทานก็สามารถสอดมือเข้ามาคุ้มครองลูกน้องของพวกเขาได้
ดังนั้นหากคิดอยากจะสังหารผู้แกร่งกล้าของรัฐโบราณก็เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง นอกเสียจากว่าจะฉับพลันและรวดเร็วเพียงพอ! หรือว่าเป็นสถานที่พิเศษที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานจำนวนหนึ่งก็ไม่สามารถเข้าไปได้ อย่างเช่น ‘วังเทพจิตโลกา’ หรืออาณาบริเวณในส่วนลึกบางส่วนของ ‘หุบเขาเขี้ยวหัก’
“น้องรอง จัดการจ้าวหิมะเหินของรัฐเมฆทักษิณาผู้นี้ก่อนเถิด” ในขณะเดียวกันกับที่บรรพชนเหินประจิมถ่ายเสียงอยู่นั้นเอง เงาร่างก็หายตัวไปกลางอากาศ รอให้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็มาถึงยังข้างกายจอมเคารพสะบั้นฟ้าแล้ว
“อืม จ้าวหิมะเหินเพิ่งสำเร็จเป็นเทพจักรวาล สังหารเขาก็ค่อนข้างง่ายกว่า นอกจากนี้เบื้องหลังเขาก็มีเพียงแค่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคนเดียวเท่านั้นอีกด้วย!” จอมเคารพสะบั้นฟ้าก็พยักหน้า
ประมุขรัฐเหินประจิมพาตัวจอมเคารพสะบั้นฟ้าไป
พรึ่บ
หายตัวไปพร้อมกัน
ยามที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็อยู่ตรงเบื้องหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กำลังหลบหนีอยู่อย่างกระวนกระวายยิ่ง ภายใต้การกดดันของกฎเกณฑ์ของดินแดนจิตโลกา ตนเองอาศัยหอกเทพเมฆาแดงสำแดง ‘เขตพลังเมฆาแดง’ ถึงแม้ว่าการเคลื่อนที่ครั้งหนึ่งจะทำได้ไกลถึงร้อยล้านลี้ แต่ค่ายกลขนาดมหึมานี้มีระยะทางยาวไกลถึงแสนล้านลี้ คิดอยากจะหนีออกไปก็ยังต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ”แย่แล้ว” ม่านตาของเขาหดเล็กลงในทันใด เมื่อได้เห็นบรรพชนเหินประจิมและจอมเคารพสะบั้นฟ้าที่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศตรงหน้า
พูดถึงพลังยุทธ์
พลังการต่อสู้ของจอมเคารพสะบั้นฟ้านั้นแข็งแกร่งกว่า! อาศัยสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าก็ต้องเป็นพลังรบระดับเทพจักรวาลชั้นที่สามอย่างไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังอหังการเอาแต่ใจ
ส่วน ‘บรรพชนเหินประจิม’ นั้น พลังรบซึ่งหน้าก็ไปถึงเทพจักรวาลชั้นที่สามอย่างพอถูไถเท่านั้น แต่เขากลับสามารถเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายได้ ถึงขนาดที่สามารถปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศยังสถานที่แห่งหนใดในรัฐเหินประจิมก็ได้! นี่คือวิธีการที่ล้ำเลิศยิ่งกว่า ‘การเคลื่อนที่ในพริบตา’ เป็นอย่างมาก มีจุดที่คล้ายวิธีการของเจ้าศิลา รวมตัวปรากฏขึ้นแล้วหายตัวไปได้โดยตรง การแช่แข็งห้วงมิติไม่มีประโยชน์กับเขาเลยสักนิด
นอกจากนี้ร่างกายนี้ของบรรพชนเหินประจิมก็เคยถูกบุคคลผู้ไร้เทียมทานผลาญสังหารในพริบตา แต่เพียงไม่นานบรรพชนเหินประจิมก็มีร่างกายใหม่ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
ฆ่าไม่ตาย!
ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ!
พลังยุทธ์ระดับเทพจักรวาลขั้นที่สามอย่างพอกล้อมแกล้ม วิธีการเช่นนี้ย่อมมิใช่สิ่งที่ผู้แกร่งกล้าระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองจะสามารถมีได้ ดินแดนจิตโลกาก็ยอมรับว่าบรรพชนเหินประจิมต้องได้รับสุดยอดสมบัติลับล้ำค่ารักษาชีวิตที่แสนพิเศษอะไรสักอย่างหนึ่งมาแล้วอย่างแน่นอน
“อิงซานเสวี่ยอิง ตายเสียเถิด” ประมุขรัฐเหินประจิมยิ้มเย็นพลางซัดฝ่ามือหนึ่งเข้ามา ทันใดนั้นก็มีกระแสน้ำปั่นป่วนหมุนวนพลุ่งพล่าน มือใหญ่ที่เป็นกระแสน้ำปกคลุมท้องฟ้าพลันปรากฏขึ้นที่เบื้องบนของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วเอ่อท่วมเข้ามา
พรึ่บ
ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงบิดหมุนห้วงอากาศอยู่เช่นเดิม เคลื่อนย้ายไปถึงร้อยล้านลี้ไกลออกไป
“หนีได้อย่างรวดเร็วจริงๆ” ประมุขรัฐเหินประจิมขมวดคิ้ว
“นี่คือยุทธวิธีเมฆาแดง!” จอมเคารพสะบั้นฟ้าพูดขึ้น ประมุขรัฐเหินประจิมคว้าตัวจอมเคารพสะบั้นฟ้าเอาไว้แล้วหายตัวไปอีกครั้ง หลังจากปรากฏตัวขึ้นก็ขวางอยู่ตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงอีกครั้ง
คราวนี้จอมเคารพสะบั้นฟ้าขว้างภูเขาขนาดยักษ์ในมือตรงเข้าใส่
ภูเขากว้างใหญ่กระแทกลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน
“แย่แล้ว”
ถึงแม้ว่าภูเขาแห่งนี้จะยังมิได้เข้าใกล้ตัว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกว่ากาลมิติบริเวณรอบๆ ต่างก็คล้ายกับถูกภูเขาลูกนี้กดดันเอาไว้เสียแล้ว พลังกดดันอันไร้รูปร่างทำให้ร่างกายของตนหนักเป็นอย่างยิ่ง ตนพยายามจะเคลื่อนย้ายห้วงมิติ แต่ตอนนี้ห้วงมิติก็หนักอึ้งหาใดเปรียบ ต้องฝืนบังคับจึงจะเคลื่อนย้ายได้เป็นระยะหนึ่งลี้กว่าๆ เท่านั้น ทว่าภูเขาอันใหญ่มหึมานั้นกลับมีขนาดใหญ่กว่าร้อยล้านลี้ ปกคลุมและกระแทกลงมา
ไม่มีที่ให้หลบซ่อน ไม่มีทางหลบซ่อนตัวได้เลย
“พรึ่บ”
ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงแยกออกเป็นสองร่างในทันใด
ตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสองคนยืนเคียงไหล่กัน พวกเขาคนหนึ่งถือลูกแก้วห้าภาพเอาไว้ในมือ ส่วนอีกคนก็กุมหอกเทพเมฆาแดงเอาไว้ในมือ
“เปิด!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่มือเปล่าไร้อาวุธยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นไปด้านบนในทันที นิ้วมือทั้งสิบต่างก็ขยายขนาดจนใหญ่โตกว้างขวาง ทันใดนั้นก็เกิดเสียงปัง ปัง ปัง บนนิ้วมือทุกนิ้วต่างก็พันเกี่ยวกับประกายอันมโหฬารห้าสายแล้วแปรเปลี่ยนเป็นห้วงมิติผนึกห้าภาพอันใหญ่มหึมา เดิมทีเคล็ดผนึกห้าภาพของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แล้ว อาศัย ‘ลูกแก้วห้าภาพ’ ก็ยิ่งสำแดงพลังคุกคามระดับสมบูรณ์แบบที่แท้จริงออกมา เป็นระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองขั้นสุดยอดอย่างไร้ข้อกังขา
ฝ่ามือทั้งสองปะทะขึ้นไปด้านบน
แต่ภูเขาขนาดยักษ์นั้นก็ยังคงกดดันลงมาเช่นเดิมอยู่ดี! รอยแตกสีดำขลับสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นใต้ฐานภูเขาที่กดดันลงมา จากนั้นก็ปะทะลงบนห้วงมิติผนึกห้าภาพ ห้วงมิติก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ตงป๋อเสวี่ยอิงอีกคนหนึ่งที่กุมหอกเทพเมฆาแดงเงื้อหอกยาวขึ้นในทันที พรึ่บ… ห้วงมิติหมุนวนล้อมรอบหอกยาวเอาไว้ หอกยาวพุ่งทะยานขึ้นไปหมื่นลี้ ฝีหอกหนึ่งก็พุ่งไปยังฐานของภูเขาขนาดยักษ์ลูกนั้น ถึงแม้ว่าจะอ่อนแออยู่สักหน่อย แต่ก็เป็นฝีหอกของเทพจักรวาลขั้นที่สองระดับสุดยอด ในขณะเดียวกันกับที่ภูเขาเพิ่งกดดันบดขยี้ห้วงมิติผนึกห้าภาพจนอ่อนแอนั้นเอง หอกยาวที่พุ่งมานี้ก็ถ่ายพละกำลังจำนวนมหาศาลออกไป อาศัยร่างคละถิ่นที่กลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดก็ต้านทานพลังโจมตีที่เหลืออยู่นั้นเอาไว้ได้อย่างง่ายดายแล้ว
“อะไรกัน”
จอมเคารพสะบั้นฟ้าเดือดดาลแล้วควบคุมภูเขาขนาดยักษ์ในทันที กระแทกลงมาอย่างหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า
ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงสองคนก็ต้านทานไปพลาง ร่นถอยไปพลาง แต่กลับไม่มีอาการบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“ที่อากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิด ดีร้ายอย่างไรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นระดับเทพจักรวาลที่แท้จริง อาศัยอิทธิพลของโลกทิพย์โบราณก็เพียงแค่ทำให้ร่างคละถิ่นของข้าบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเอง ตอนนี้ร่างแยกทั้งสองของข้าต่างก็สามารถระเบิดพลังรบชั้นที่สองขั้นสุดยอดออกมาได้แล้วทั้งสิ้น ผลกระทบจากการต่อสู้นั้น ร่างกายของข้าก็สามารถต้านรับได้อย่างสบายยิ่งขึ้นแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอาการบาดเจ็บเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
เคล็ดผนึกห้าภาพอหังการ การต่อสู้ซึ่งหน้าก็มีอิทธิพลแข็งแกร่ง
อิทธิพลของยุทธวิธีเมฆาแดงอ่อนแอกว่าอยู่พอสมควร อีกทั้งตนเองยังเป็นเพียงแค่เทพจักรวาลชั้นที่หนึ่งเป็นเหตุ ทำให้พลังคุกคามของหอกเทพเมฆาแดงสำแดงไปได้ไม่ถึงขีดสุด! ทว่าแม้กระทั่งสำแดงพลังยุทธ์ชั้นที่สองขั้นสุดยอดออกมา แต่ยุทธวิธีเมฆาแดง…เคล็ดคุ้มร่าง เคล็ดถอนพลัง เขตพลังบิดหมุนห้วงอากาศ และทะลุอากาศ วิธีการมากมายผสานรวมกัน กลับแข็งแกร่งเป็นที่สุดในด้านการรักษาชีวิต
“อยากจะฆ่าข้าหรือ ฝันไปเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงมีประกายหนาวเหน็บสายหนึ่งกะพริบวาบในดวงตา อาศัยอาภรณ์ราชันย์มาร สำแดงโลกเทียมออกมาในทันที
โลกลวงตรงเข้ามาห่อหุ้มจอมเคารพสะบั้นฟ้าและบรรพชนเหินประจิมในทันที
สีหน้าของจอมเคารพสะบั้นฟ้าและบรรพชนเหินประจิมต่างก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาประสานสายตากันคราหนึ่ง
“จ้าวหิมะเหินตัวดี” บรรพชนเหินประจิมส่งเสียงเฮอะเยียบเย็น “ฝากไว้ก่อนเถอะ”
พรึ่บ พรึ่บ
พวกเขาสองคนต่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เห็นเหตุการณ์แล้วมุมปากก็ยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหลบหนีไปในทันที
……
บรรพชนเหินประจิมและจอมเคารพสะบั้นฟ้าเคลื่อนที่ในพริบตามาถึงยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
“อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เพิ่งสำเร็จเป็นเทพจักรวาล พลังยุทธ์แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ก็แล้วไปเถิด คิดไม่ถึงว่าดูเหมือนวิชาฝึกกายก็จะแข็งแกร่งเป็นที่สุดด้วยเช่นกัน ข้าอาศัยค่ายกล…ก็ยังถึงกับทำร้ายเขามิได้เลย” จอมเคารพสะบั้นฟ้าถ่ายเสียงพูดพลางมองดูหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่สำแดงการเคลื่อนย้ายจากไปอย่างรวดเร็วอยู่ห่างๆ เขามิได้อาศัยค่ายกลก็สามารถสำแดงพลังรบเทพจักรวาลขั้นที่สามได้ มีค่ายกลคุ้มครอง พลังคุกคามก็น่าหวาดหวั่นเสียแล้ว สามารถคุกคามไปถึงยอดฝีมือที่มีพลังยุทธ์ระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองเหล่านี้ได้เลยทีเดียว
แต่ว่า
อิงซานเสวี่ยอิงที่เพิ่งจะบรรลุได้ไม่นานสักเท่าใดอยู่ชัดๆ ต้านรับซึ่งๆ หน้า แต่กลับมิได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“พวกเราสังหารเขามิได้จริงๆ นอกจากจะใช้ทรงกลมกาลมิติคุมขังเขาเอาไว้” บรรพชนเหินประจิมพูด “แต่ว่าท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาของเขาสามารถสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้ ก็สามารถฝืนเข้าไปในทรงกลมกาลมิติช่วยเหลือลูกศิษย์ของเขาได้แน่นอน เจ้าเด็กผู้นี้ยังเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาทางด้านวิญญาณด้วย ทำให้พวกข้าได้รับผลกระทบจากเขตลวงโลกเทียมอยู่ตลอดเวลา พลังยุทธ์ก็ไม่มีทางสำแดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์”
“อืม” จอมเคารพสะบั้นฟ้าก็เห็นด้วย
ความรู้สึกที่ถูกเขตลวงโลกเทียมบุกรุกตลอดเวลานั้นยากจะรับไหวจริงๆ จอมเคารพสะบั้นฟ้าก็ยังต้องแบ่งพลังจิตเป็นสามส่วนต้านทานเอาไว้ตลอดเวลา! ทำให้เขาควบคุมสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าก็กินแรงเป็นอย่างมากแล้ว
“จักรพรรดิซวงกู่แห่งรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งก็แล้วไปเถิด เขาฝึกกายไปถึงชั้นที่สองขั้นสุดยอด มิอาจสังหารได้ในระยะเวลาอันสั้น เวลาเนิ่นนานออกไป ผู้เฒ่าสามคนของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งก็สามารถลงมือได้ แต่ ‘เจ้าเมืองอินทรี’ ถ้าหากพวกเรารวดเร็วพอก็ยังมีหวังที่จะสังหารได้ในระยะเวลาอันสั้น” จอมเคารพสะบั้นฟ้าและบรรพชนเหินประจิมปรึกษากัน
******
ช่วยไม่ได้
มาถึงระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเบื้องหลังมีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่อยู่ อยากจะสังหารเดิมทีก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว! สามารถฆ่าตายได้คนหนึ่ง สำหรับรัฐเหินประจิมแล้วก็นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่!
ต่อให้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีร่างคละถิ่น จึงกล้ามาพัวพัน แต่เขาก็ไม่กล้าบุกมาถึงสถานที่รวมตัวของเหล่ามารเพื่อมาทำการล่าสังหาร
“พรึ่บๆๆ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังเคลื่อนย้ายเขตพลังอย่างไม่หยุดหย่อน
จะหนีออกมาจากอาณาเขตค่ายกลโดยเร็วที่สุด ภายในค่ายกล เขาก็ถูกกดดันให้ปรากฏตัว ขอเพียงแค่หลบหนีออกไป เขาก็สามารถอาศัยการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดซ่อนเร้นร่องรอยได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถสังหารเขาได้!
แต่เรื่องหนึ่งที่ผู้ที่ความสามารถในการรักษาชีวิตแข็งแกร่งเช่นตงป๋อเสวี่ยอิงนี้กลัวที่สุดก็คือการถูกผนึกกักขังเอาไว้! พอถึงเวลาก็ได้แต่ขอร้องให้ท่านอาจารย์ช่วยเหลือแล้ว
“หืม”
ในขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังหลบหนี ก็สังเกตความเคลื่อนไหวของการต่อสู้ตรงที่ไกลๆ ไปพร้อมกันด้วย
จักรพรรดิซวงกู่ก็กำลังหนี
ทว่า ‘เจ้าเมืองอินทรี’ กลับเผชิญกับอันตรายเสียแล้ว
“ถึงแม้ว่าเจ้าเมืองอินทรีจะมีวิธีการอันร้ายกาจ แต่การรักษาชีวิตกลับยังอ่อนแออยู่สักหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองออกว่าเจ้าเมืองอินทรีผู้นั้นตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว
เจ้าเมืองอินทรี เป็นคนของสำนัก ‘จักรพรรดิเทพผลาญโลกา’ หนึ่งในบรรดาห้าบรรพชนรัฐโบราณสหโลกา
“ฟึ่บ”
ทันใดนั้นฟ้าดินก็สงบเงียบลง
แขนอันเจิดจรัสขนาดใหญ่ข้างหนึ่งคล้ายกับปรากฏขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่งของฟ้าดินแล้วยื่นตรงเข้ามา มาถึงตรงเจ้าเมืองอินทรีนี้แล้ว ฝ่ามือขนาดใหญ่ควานเบาๆ แล้วจับตัวเจ้าเมืองอินทรีเอาไว้ ‘เจ้าเมืองอินทรี’ชายชราอาภรณ์สีเทาก็ผ่อมลมหายใจ
“เจ้าเมืองอนันต์” บรรพชนเหินประจิมสะดุ้งคราหนึ่งแล้วก็พาตัวจอมเคารพสะบั้นฟ้าเคลื่อนที่ในพริบตาร่นถอยมากว่าแสนล้านลี้
“เป็นเจ้าเมืองอนันต์” จอมเคารพสะบั้นฟ้ามองดูแขนอันเจิดจรัสขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่กลางท้องฟ้า
“เจ้าเมืองอินทรีเป็นลูกน้องของจักรพรรดิเทพผลาญโลกา เจ้าเมืองอนันต์ถึงกับลงมือช่วยคนเชียวหรือ”
รัฐโบราณสหโลกามีห้าบรรพชน
‘จักรพรรดิเทพผลาญโลกา’ ผู้อหังการขวางโลก อ๋องสัตว์โลกาผู้ดุร้ายล้นฟ้า และ ‘ผู้พเนจร’…
แต่ในบรรดาห้าบรรพชนรัฐโบราณสหโลกา ผู้ที่ทำให้ผู้แกร่งกล้าจากโลกภายนอกหวาดกลัวเป็นที่สุดกลับเป็นเจ้าเมืองอนันต์ผู้ที่คิดค้นวิชาสิบม้วนทิพย์ผู้นั้น! เจ้าเมืองอนันต์นั้นสงบเป็นที่สุด เขาก็นับได้ว่าเอาใจใส่สิ่งมีชีวิตระดับล่างมากที่สุด แต่เจ้าเมืองอนันต์ที่อยู่อย่างสงบและมีนิสัยดีที่สุดนั้นกลับมีวิธีการที่แปลกประหลาดยากคาดเดาที่สุด พูดถึงพลังคุกคาม เขาก็จัดเป็นอันดับหนึ่งในห้าบรรพชนรัฐโบราณสหโลกา
ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...
ตอนที่ 29 ตั๊กแตนจับจักจั่น มิได้ระวั...
เจ้าเมืองอนันต์ เขามีผิวหนังสีเขียว บนศีรษะยังมีเขาโค้งสีแดงโลหิตอยู่สองอันด้วย เพียงแต่นัยน์ตาของเขากลับเต็มไปด้วยความสงบ แม้กระทั่งสัตว์ที่อ่อนแอไร้ซึ่งสติปัญญาเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าเมืองอนันต์ ก็ยังมิอาจรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามเลยแม้แต่น้อย เจ้าเมืองอนันต์ก็คล้ายกับเป็นส่วนหนึ่งของฟ้าดินอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ ไม่มีกลิ่นอายใดๆ ทั้งยังไม่มีความกดดันคุกคามใดๆ เลยด้วย สามัญธรรมดาอย่างที่สุด
“ท่านเจ้าเมือง รบกวนท่านแล้ว” จักรพรรดิเทพผลาญโลกาถ่ายเสียงพูด มาถึงสถานะเช่นเขา ย่อมไม่ขอความช่วยเหลือผู้ใดโดยง่าย แต่ในบรรดายอดฝีมือใต้บังคับบัญชาของเขา ‘เจ้าเมืองอินทรี’ ก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญ เขาก็ยังต้องคุ้มครองอยู่
“เรื่องเล็กเท่านั้นน่า” เจ้าเมืองอนันต์ถ่ายเสียงตอบกลับมา
เพียงแต่สายตาของเขาก็ยังคงมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อยู่ห่างๆ เช่นเดิม
ที่ทิศทางอันไกลโพ้นนั้น…
เขาสัมผัสได้ถึงสหายเก่าที่คุ้นเคยคนหนึ่ง
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะกลับมาแล้ว” เสียงของเจ้าเมืองอนันต์สื่อสารกับบุคคลผู้น่าหวาดหวั่นอีกคนหนึ่งผ่านทางความคิด
“ฮ่าฮ่า ข้าก็รู้อยู่ว่าข้าเปิดเผยกลิ่นอายเพียงเล็กน้อย ก็จะต้องถูกเจ้าค้นพบได้อย่างแน่นอน! ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา คนอื่นข้าล้วนปกปิดได้ทั้งสิ้น ก็มีแต่เจ้าที่ข้าปกปิดมิได้” ความคิดของบุคคลผู้น่าหวาดหวั่นผู้นั้นแฝงเอาไว้ด้วยความตายและการผลาญทำลาย รับสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็ทำให้วิญญาณคล้ายกับติดเข้าไปในห้วงความฝันอันไร้ที่สิ้นสุดที่มิอาจตื่นขึ้นได้
เจ้าเมืองอนันต์พูดว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ยังไม่ก้าวออกมาจากจุดนั้นอีกหรือ ตอนนั้นเจ้าก็เย่อหยิ่งลำพองเป็นอย่างยิ่ง ไปจากดินแดนจิตโลกาเพื่อเบิกทางของเจ้าเองเสียแล้ว ยังคิดว่าผ่านไปเป็นเวลาเนิ่นนานเช่นนี้ เจ้าจะได้ควบคุมกฎเกณฑ์สูงสุดแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังเหมือนกับข้าอยู่เลย”
“การก้าวออกมาจากจุดนั้นมันง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” ความคิดอันน่าหวาดหวั่นสายนั้นเงียบงันไปครู่หนึ่งจึงค่อยตอบกลับมา
“เจ้าดันไม่ยอมคว้าโอกาสอันดีที่สุดเอาไว้! นับจากนี้ไปเจ้าก็เหลือเพียงแค่การใช้พลังทำลายกฎเพียงทางเดียวเท่านั้นแล้วล่ะ” เจ้าเมืองอนันต์ถ่ายเสียงพูด “แต่เจ้าเมืองหลัวแห่งแผ่นดินต้นกำเนิดในตำนานผู้นั้นก็เดินบนเส้นทางการใช้พลังทำลายกฎ บางทีเจ้าอาจจะสำเร็จก็ได้!”
“อย่ามีความสุขบนเคราะห์ร้ายของผู้อื่นเลย”
ความคิดอันน่าหวาดหวั่นถูกเก็บกลับมาอย่างรวดเร็ว คร้านจะพูดอะไรมากอีก
ใช้พลังทำลายกฎ เส้นทางสายนี้ช่างยากเย็นยิ่งนัก
เจ้าเมืองอนันต์ก็เก็บความคิดกลับมาเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะสนทนากันอย่างง่ายๆ ไม่กี่ประโยค แต่เขาก็ยังพูดด้วยเสียงต่ำเบาๆ “แล้วก็พ่ายแพ้อีกครั้งหนึ่ง ฮึ มิได้สั่งสมอย่างเพียงพอก็ไปจากดินแดนจิตโลกาไปยังการต่อสู้สุดท้ายแล้วหรือ”
******
ณ รัฐเหินประจิม
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูแขนขนาดยักษ์ที่ขวางอยู่บนท้องฟ้าที่จับกุมตัวเจ้าเมืองอินทรีเอาไว้นั้น จากนั้นก็เก็บกลับมาและหายไปอย่างง่ายดาย อดที่จะตื่นตระหนกมิได้
“เจ้าเมืองอนันต์ เมื่อใดข้าจึงจะสามารถไปถึงระดับขั้นเช่นนี้ได้บ้างเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงริษยาเป็นอย่างยิ่ง ต้องไปถึงระดับสุดยอดอย่างแน่นอน แล้วก็สามารถพาญาติสนิทมิตรสหายไปยังโลกกำเนิดอื่นๆ ได้ ถึงอย่างไรอากาศอันสับสนอลหม่านก็อยู่ห่างไกลจากดินแดนจิตโลกามากเหลือเกิน ถ้าหากในอนาคตตนไม่สามารถพาคนไปได้ไกลผ่าน ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ก็ได้แต่เลือกโลกกำเนิดใกล้ๆ แทนแล้ว
“รีบออกไปให้เร็วที่สุด”
มือกุมหอกเทพเมฆาแดงแล้วมุ่งหน้าเข้าไปด้วยความเร็วสูง
ห้วงอากาศบิดเบี้ยว พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ! เพียงชั่วพริบตาก็เคลื่อนย้ายไปแปดครั้งสิบครั้ง เพียงไม่นานก็พุ่งผ่านระยะห่างช่วงสุดท้ายไปเสียแล้ว ถึงอย่างไรระยะทางแสนล้านลี้ทั้งค่ายกล ในตอนแรกตนก็อยู่ห่างจากชายขอบหลายหมื่นล้านลี้
“ออกมาแล้ว”
ถึงแม้ค่ายกลจะร้ายกาจ แต่การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดกลับสามารถผ่านออกมาได้อย่างง่ายดาย
“เฮ้อ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ผ่อนลมหายใจ หลังออกมาแล้วการเคลื่อนที่ในพริบตาครั้งเดียวก็มาถึงที่ไกลๆ แล้ว ใช้การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดปกปิดร่างกาย นี่จึงจะสามารถพินิจดูการห้ำหั่นของพวกจักรพรรดิซวงกู่กับบรรพชนเหินประจิมและจอมเคารพสะบั้นฟ้าได้อย่างสบายๆ
“ดูท่าทางคราวนี้พวกบรรพชนเหินประจิมคงจะฆ่าไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็ลอบพึมพำ
ก็ใช่
ระดับเทพจักรวาลขั้นที่สอง จะฆ่าแกงได้ง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไรกัน นอกเสียจากเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทานลงมือโดยตรง แต่บุคคลผู้ไร้เทียมทานแต่ละคนก็เป็นระดับสูงสุดของดินแดนจิตโลกา จึงได้รักษาหน้าตาเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ศัตรูจำนวนหนึ่งทั่วทั้งสี่ทิศ… พวกเขากลับยอมปล่อยเลยตามเลย สำหรับพวกเขาแล้วก็เป็นการเคี่ยวกรำอย่างหนึ่งสำหรับเทพจักรวาลใต้บังคับบัญชา
“ปัง” “ปัง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหันหน้าไปในทันที มองดูทิศใต้และทิศเหนือ การรับสัมผัสเข้าสู่ภายในแก่นห้วงอากาศของเขาเฉียบแหลมเพียงใด สามารถรับสัมผัสสถานที่สองแห่งอยู่ห่างๆ ได้ ว่ากำลังแยกกันเกิดมหาสงครามขึ้น
“สงครามหรือ”
“ก่อนหน้านี้ข้ารอคอยมาห้าหมื่นกว่าปีก็ไม่มีสงครามเกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว! ตอนนี้พวกบรรพชนเหินประจิมลงมือ เจ้าเมืองอนันต์ยื่นมือช่วยเหลือคน สถานที่อื่นๆ ก็เกิดสงครามขึ้นแล้วอย่างนั้นหรือ พวกเขาพบตัวสี่วายร้ายเหินประจิมคนอื่นๆ แล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงทำการสอดแนมในทันที
สอดแนมทางทิศใต้ก่อน
ณ สถานที่ห่างไกลทางทิศใต้ สงครามเป็นไปทั้งสองด้าน
คนหนึ่งคือผู้แกร่งกล้าที่สวมชุดเกราะดำ มือกุมดาบคู่ เงาร่างราวกับมายา ประกายดาบทุกสายลอยผ่านแต่กลับทำให้บริเวณโดยรอบถูกผลาญทำลายไปอย่างไร้สุ้มเสียง เปลี่ยนแปรกลายเป็นความไร้ซึ่งสรรพสิ่ง คู่ต่อสู้ของเขาก็คือ ‘จ้าวมารจิตทราม’ หนึ่งในสี่วายร้ายเหินประจิม ขณะนี้จ้าวมารจิตทรามต้านทานอย่างยากลำบาก ในขณะเดียวกันร่างกายที่ถูกปะทะครั้งแล้วครั้งเล่าก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นกระแสน้ำ
“เป็น ‘ผู้บัญชาการใหญ่ฮุ่ยเยว่’ แห่งรัฐโบราณบรรพชน ผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพ คาดว่าเขาน่าจะหาตัวจ้าวมารจิตทรามพบอย่างลับๆ นานแล้ว… รอให้พวกบรรพชนเหินประจิมและจอมเคารพสะบั้นฟ้าลงมือ เขาก็อาศัยโอกาสจัดการจ้าวมารจิตทรามในทันทีอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้ “ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์จะย่ำแย่กว่าอยู่พอสมควร แต่อยากจะสังหารจ้าวมารจิตทรามก็มิได้ง่ายดาย”
ผู้บัญชาการใหญ่ฮุ่ยเยว่
เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ ‘บรรพชนราตรีนิรันดร์’ แห่งรัฐโบราณบรรพชน ผู้ที่บรรพชนราตรีนิรันดร์เชื่อมั่นมากที่สุดก็ย่อมต้องเป็นเก้าผู้ท่องราตรีนิรันดร์ที่เขาสรรสร้างขึ้นมาอยู่แล้ว ส่วนผู้บัญชาการใหญ่ฮุ่ยเยว่นั้นมิใช่เก้าผู้ท่องราตรีนิรันดร์ แต่เพราะว่าพลังยุทธ์แข็งแกร่งเป็นที่สุดจึงได้มีสถานะอันสูงส่งเป็นที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของบรรพชนราตรีนิรันดร์
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงยังทลายโลกาสอดแนมการต่อสู้ทางทิศเหนือด้วย
ณ บริเวณที่ห่างไกลอย่างที่สุด
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตระหนก
ผู้ที่ถูกไล่ล่าสังหารอยู่ก็คือ ‘จ้าวมารเพลิงพิโรธ’ หนึ่งในสี่วายร้ายเหินประจิม มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งเป็นที่สุด มิอาจถูกยุแหย่ได้โดยง่าย แต่ในขณะนี้จ้าวมารเพลิงพิโรธกลับหลบหนีอย่างหัวซุกหัวซุน
“เป็นเขาหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เห็นว่าผู้ที่ไล่ล่าจ้าวมารเพลิงพิโรธอยู่ก็คือบุรุษที่มีขนคิ้วสีแดง ศีรษะล้านดูชั่วร้ายคนหนึ่ง บนใบหูของเขามีงูเล็กสีทองสองตัวแขวนอยู่ ในมือของเขากุมไม้เท้าเอาไว้พลางไล่ล่าสังหารด้วยสีหน้าเยียบเย็น
“เจ้าลัทธิเก้าพิษหรือ”
ในที่สุดก็ได้เห็นคนของรัฐโบราณคิมหันตวายุคนหนึ่งแล้ว
คราวนี้ผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพของรัฐโบราณคิมหันตวายุที่เข้าร่วมการต่อสู้ชิงตำแหน่งอย่างเปิดเผยก็มีอยู่สามคน ‘มหาเคารพฝูอี่’ ผู้มีสถานะสูงส่งเป็นที่สุดก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว คาดว่ามหาเคารพฝูอี่คงรังเกียจที่จะออกมาห้ำหั่นแย่งชิง ส่วนอีกสองคนก็คือ ‘จอมเคารพมารอัคคี’ และ ‘เจ้าลัทธิเก้าพิษ’ เจ้าลัทธิเก้าพิษนั้นมีชื่อเสียงในการใช้พิษทิพย์ ยากยิ่งที่จะไปยั่วยุ อาศัยไม้เท้าอันเป็นสมบัติลับล้ำค่า พิษทิพย์ของเขาก็ยิ่งน่าหวั่นกลัว
ก็ไม่น่าสงสัยเลยว่า ‘จ้าวมารเพลิงพิโรธ’ จะเสี่ยงชีวิตหลบหนี
“หืม ลองดูหน่อย!” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจสั่นไหวแล้วเคลื่อนที่ในพริบตาอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียงออกไปในทันที ตอนนี้เขาเคลื่อนที่ในพริบตาออกไปเป็นระยะทางห่างไกล การเคลื่อนที่ในพริบตาเพียงแค่ครั้งเดียวก็มาถึงบริเวณใกล้ๆ สนามรบนั้นแล้ว เพราะว่าสองฝ่ายกำลังไล่ล่าสังหาร ห้วงมิติจึงเยือกแข็ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้แต่ค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้โดยอาศัยการเคลื่อนย้ายห้วงอากาศ
******
จ้าวมารเพลิงพิโรธรู้สึกว่าร่างกายยากจะต้านรับ พิษทิพย์ก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย แม้กระทั่งอาศัยวิญญาณผู้แกร่งกล้าระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองของเขาก็ยังคงรู้สึกวิงเวียนอยู่ดี เขาได้แต่ฝืนกดดันเอาไว้ ตอนนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา แต่ถ้าหากห้ำหั่นต่อไปอีกก็อันตรายเสียแล้ว
ถ้าหากไม่มีคนไล่ล่าสังหาร เขาก็สามารถค่อยๆ ขจัดพิษทิพย์ออกไปได้อย่างวางใจ แต่ตอนนี้ ‘เจ้าลัทธิเก้าพิษ’ กำลังไล่ล่าสังหารอยู่ด้านหลัง
“สมควรตาย เจ้าลัทธิเก้าพิษก็มาร่วมวงด้วย”
จ้าวมารเพลิงพิโรธยอมเผชิญกับผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพคนอื่นๆ แต่ไม่อยากจะเผชิญกับเจ้าลัทธิเก้าพิษผู้นี้เลย
“ท่านบรรพชน ท่านบรรพชน เจ้าลัทธิเก้าพิษกำลังไล่ล่าสังหารข้าอยู่ ข้าใกล้จะต้านรับไม่ไหวแล้ว” จ้าวมารเพลิงพิโรธถึงกับถ่ายเสียงขอความช่วยเหลือ ถึงแม้ว่าจะยังสามารถต้านรับได้อีกชั่วระยะหนึ่ง แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยง
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” บรรพชนเหินประจิมไม่กล้าผัดผ่อน
“ตายเสียเถิด”
เจ้าลัทธิเก้าพิษก็ไล่ล่าสังหารอยู่อย่างสุดกำลัง เขาก็กลัวว่าบรรพชนเหินประจิมจะปรากฏตัวขึ้นแล้วมาพาตัวคนไป
ทันใดนั้นเอง…
พรึ่บ
ลำแสงห้าสายปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างไร้ซึ่งสัญญาณเตือนแล้วห่อหุ้มจ้าวมารเพลิงพิโรธเอาไว้
นอกจากนี้ยังมีเขตลวงโลกเทียมที่น่าหวาดหวั่นแทรกเข้าไปในวิญญาณของจ้าวมารเพลิงพิโรธด้วย
“แย่แล้ว” จ้าวมารเพลิงพิโรธถูกเขตลวงโลกเทียมบุกแทรกเข้าไป พลันรู้สึกว่ามีความรู้สึกจ่อมจมลงไป ในขณะนี้เขาก็เข้าใจว่าเมื่อใดที่จ่อมจมลงไปก็หมดสิ้นแล้ว ปณิธานที่จะต่อสู้สุดชีวิตของเขาดิ้นรนกระเสือกกระสน แต่ภายใต้อิทธิพลของพิษทิพย์ก็ทำได้เพียงแค่ฝืนรักษาสติเอาไว้เท่านั้น พยายามโบกสะบัดอาวุธในมือ แต่ก็ไม่สามารถสำแดงเคล็ดวิชาอันร้ายกาจใดๆ ออกมาได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสั่นคลอนห้วงมิติผนึกห้าภาพเลย
พรึ่บ
ห้วงมิติผนึกห้าภาพหดเล็กลงอย่างฉับพลัน
“หยุดมือนะ” บรรพชนเหินประจิมปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ เขาฟาดฝ่ามือหนึ่งมาอย่างโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง แต่หอกยาวเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาจากกลางอากาศแล้วต้านรับการโจมตีอันเดือดดาลของบรรพชนเหินประจิมเอาไว้
เนิ่นช้าไปเพียงชั่วพริบตา
ห้วงมิติผนึกห้าภาพที่หดเล็กลงก็ถูกเก็บเข้าไปในลูกแก้วห้าภาพบนข้อมือของตงป๋อเสวี่ยอิง
“สำเร็จแล้วหรือ” ตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ยังรู้สึกตื่นเต้นยินดี
เขารู้สึกเพียงว่าจ้าวมารเพลิงพิโรธถูกไล่ล่าสังหาร ดูเหมือนจะอยู่ในสถานะที่ไม่ถูกต้อง สูญเสียพลังยุทธ์ไปเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงมีบ้างที่มิได้จัดการได้ในรวดเดียว! ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันบ้างก็ได้กระมัง อาศัยการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด เขาก็มาถึงข้างกายจ้าวมารเพลิงพิโรธอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง เขตลวงโลกเทียมและเคล็ดผนึกห้าภาพก็ห่อหุ้มเข้าไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว คิดไม่ถึงว่าจะสำเร็จได้แล้วจริงๆ!
“อิงซานเสวี่ยอิง!” บรรพชนเหินประจิมเดือดดาลหาใดเปรียบ
คราวนี้เขายังคิดจะซุ่มโจมตีสักครา ทำให้เทพจักรวาลที่มาล่าสังหารเหล่านั้นประสบเคราะห์ร้าย ต่อให้ฆ่าไม่ตาย ก็สามารถทำให้พวกเขาได้รู้ว่ามิอาจมายั่วยุรัฐเหินประจิมได้โดยง่าย
ภายใต้สถานการณ์ปกติ
ตามปกติเทพจักรวาลที่พวกเขาสังหารไม่ได้ เทพจักรวาลเหล่านั้นโดยทั่วไปแล้วก็ยากนักที่จะฆ่ามารระดับสุดยอดของรัฐเหินประจิมให้ตายได้! ถึงอย่างไรก็มีบรรพชนเหินประจิมคุ้มครองอยู่!
แต่ว่า…
คราวนี้จ้าวหิมะเหินยังสามารถกัดเนื้อคำหนึ่งบนร่างของพวกเขาได้จริงๆ บรรพชนเหินประจิมก็ทั้งตกใจทั้งโมโห
“รีบไปเร็วเข้า”
ตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ตื่นเต้นยินดี เขารักษาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ในทันทีโดยไม่กล้าลังเล แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็วเสียงดังสวบ
ไม่ว่าจะเป็นบรรพชนเหินประจิม รวมถึงเจ้าลัทธิเก้าพิษด้วย ก็ย่อมไม่มีทางค้นพบตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ระหว่างการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดได้เลย
“ทำชุดแต่งงานให้เจ้าเด็กรัฐเมฆทักษิณานั่นอย่างนั้นหรือ” เจ้าลัทธิเก้าพิษก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ แต่ก็ยังอาศัยตอนที่เจ้าเมืองอนันต์ลงมือทดลองดู แต่คิดไม่ถึงว่าอิงซานเสวี่ยอิงชิงเด็ดผลไม้ไปเสียแล้ว
ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...
ตอนที่ 30 อาจารย์ของประมุขรัฐเมฆทักษิณา
“ข้าทำสำเร็จแล้วหรือนี่ จริงๆ เลย… จริงๆ เลย ช่างเป็นความยินดีที่อยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต้นยินดีในใจ หลบหนีด้วยอัตราเร็วของการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด ควบคุมห้วงอากาศบิดหมุน ห่างออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน รอหลังจากที่หลุดออกจากอาณาบริเวณห้วงอากาศบิดหมุนแล้ว เคลื่อนที่ในพริบตาครั้งหนึ่งก็ออกไปจากอาณาเขตของรัฐเหินประจิมแล้ว
จับเป็นจ้าวมารเพลิงพิโรธได้แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็คร้านที่จะรั้งอยู่ที่รัฐเหินประจิมอีก
“กลับไป”
สำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา
ตงป๋อเสวี่ยอิงเหยียบย่างเข้าสู่กระแสวนของห้วงอากาศอันบิดเบี้ยว รอจนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก้าวข้ามผ่านไปกว่าครึ่งของดินแดนจิตโลกา มาถึงยังเมืองหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาแล้ว
“กลับมาแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมายังจวนจ้าวในเมืองหิมะเหิน เดินเตร็ดเตร่อยู่ภายในจวนจ้าวแล้วก็เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
จวนจ้าวเพิ่งจะก่อสร้างเสร็จ ทั้งเมืองหิมะเหินก็แผ่ขยายออกไปอย่างใหญ่โต ปราการเมืองที่มีอยู่เดิมเป็นเมืองชั้นใน สร้างเมืองชั้นนอกขยายออกไปใหญ่โตกว่าสิบเท่า
“จ้าวท่าน”
“จ้าวท่าน”
กฎเกณฑ์ภายในจวนจ้าวก็เคร่งครัดยิ่ง เหล่าสาวใช้แต่ละคนต่างก็เอ่ยด้วยความเคารพนบนอบ
“ยากนักที่ลูกชายข้าจะออกมา” อิงซานเลี่ยฮู่รู้ว่าบุตรชายปรากฏตัวแม้จะออกมา สถานะที่จวนจ้าวของเขาในตอนนี้ก็สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสัจจาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทั้งตระกูลอิงซานก็เห็นเมืองหิมะเหินแห่งนี้เป็นผู้นำแล้ว!
“ท่านพ่อ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ฮ่าฮ่า อย่าเอาแต่ปลีกวิเวกบำเพ็ญตลอดเวลาเลย ข้าได้ยินว่าบรรดาบุคคลผู้ไร้เทียมทานบนดินแดนจิตโลกาเหล่านั้นต่างก็เดินเตร็ดเตร่ไปทั่วทิศกันอยู่เป็นประจำ” อิงซานเลี่ยฮู่เอ่ยโน้มน้าวอย่างระมัดระวัง เขาย่อมไม่รู้เรื่องการเปิดวังเทพจิตโลกาอยู่แล้ว “ใช่แล้ว ข้าเพิ่งรวบรวมสุราชั้นดีมาได้จำนวนหนึ่ง เสวี่ยอิง เจ้าก็มาลองชิมดูหน่อยดีไหมเล่า”
อิงซานเลี่ยฮู่ระมัดระวังอย่างยิ่ง
เขากับบุตรชายผู้นี้มิได้มีความสัมพันธ์อันสนิทสนมรักใคร่ต่อกันสักเท่าใดนัก ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับหรงซิงหลันมาก่อนเลย แต่ความจริงแล้วบุตรชายช่างล้ำเลิศจับตาเหลือเกิน! อิงซานเลี่ยฮู่ก็ย่อมต้องพยายามสนิทสนมด้วย แต่ช่วยไม่ได้ พลังยุทธ์ของบุตรชายแกร่งกล้าเหลือเกิน ตอนนั้นปลีกวิเวกออกมาได้ไม่นานเท่าใดก็จัดการกับภัยคุกคามของทั้งเมืองอัคคีโชติได้ด้วยกำลังของตนเพียงคนเดียว พลังยุทธ์ในปัจจุบันนี้ก็ยิ่งลึกล้ำจนมิอาจคาดเดาได้ ว่ากันว่า ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ หนึ่งในหกรัฐโบราณก็ยังยอมรับให้เป็นเค่อชิงระดับบน!
“ได้สิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าพูดยิ้มๆ “ลองชิมดูสักหน่อยว่าที่แท้แล้วเป็นสุราชั้นเลิศสักเพียงใดกัน”
“โอ้…” อิงซานเลี่ยฮู่ก็เพียงแค่ชักชวนอย่างง่ายๆ เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าบุตรชายจะรับปากเข้าจริงๆ เขาจึงเอ่ยอย่างยินดีว่า “ไปๆๆ ไปไหนดี หรือว่าไปที่สวนที่เพิ่งสร้างใหม่ของข้าแห่งนั้นดีไหมเล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ตอนนี้เขาอารมณ์ดีอย่างที่สุด
……
ในขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์ดีอย่างที่สุด แล้วกำลังดื่มสุรายามราตรีกับอิงซานเลี่ยฮู่ผู้เป็นบิดาอย่างหาได้ยากยิ่งอยู่นั้นเอง
ข่าวที่เขาจับเป็น ‘จ้าวมารเพลิงพิโรธ’ แห่งรัฐเหินประจิมกลับแพร่สะพัดออกมาอย่างรวดเร็วราวกับลมพายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่รัฐโบราณคิมหันตวายุและขุมอำนาจใต้อาณัติจำนวนมากที่อยู่รอบๆ ต่างก็ล่วงรู้เรื่องนี้กันอย่างรวดเร็ว
ที่นครหลวงคิมหันตวายุ ภายในเรือนไม้ที่ค่อนข้างเงียบสงบแห่งหนึ่ง
บุรุษในอาภรณ์ตัวกว้างนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะรองนั่ง บนศีรษะแขวนลูกปัดที่เปล่งประกายสว่างไสว บนลูกปัดมีลวดลายลับสีทองโคจรไม่หยุดหย่อน คล้ายกับแฝงความเร้นลับต่างๆ นานาของโลกกำเนิดที่โคจรอยู่เอาไว้ เขาก็คือ ‘มหาเคารพฝูอี่’ ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วดินแดนจิตโลกา ชื่อเสียงของเขาพิสูจน์ได้ด้วยมหาสงครามอันน่าหวาดหวั่นครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงแม้ว่าทั้งสกุลเซี่ยจะมีมหาเคารพอยู่เก้าคน แต่สถานะของมหาเคารพฝูอี่กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของสกุลเซี่ยที่ต่อสู้กับภายนอกก็คือมหาเคารพฝูอี่!
เช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณาและบรรพชนเหินประจิมเป็นต้น ถึงแม้ว่าจะเป็นทรราชย์ผู้ล้ำเลิศ แต่ที่สำคัญก็คือมีความร้ายกาจในการรักษาชีวิตมากพอดูเลยทีเดียว
ส่วนมหาเคารพฝูอี่นั้นไม่เพียงแต่มีความร้ายกาจในการรักษาชีวิตเท่านั้น แต่พลังรบซึ่งหน้าก็แข็งแกร่งจนน่ากลัว
มหาเคารพฝูอี่นั้นเพราะในอดีตลูกศิษย์เคยประสบเคราะห์หนัก ถึงขนาดที่สังหารรัฐโบราณเสียดฟ้าได้ด้วยตัวคนเดียว ร่างแยกเก้าร่างปรากฏตัวออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ รัฐโบราณเสียดฟ้าที่เป็นรัฐโบราณแห่งหนึ่ง มีผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆ แต่กลับไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้ สังหารเสียจนรัฐโบราณเสียดฟ้าย่อยยับไม่เป็นท่า แม้กระทั่งในท้ายที่สุด ‘ประมุขรัฐเสียดฟ้า’ บุคคลผู้ไร้เทียมทานแห่งรัฐโบราณเสียดฟ้าผู้นั้นลงมือด้วยตนเองก็ทำได้เพียงแค่ครองความได้เปรียบเท่านั้นเอง
ชื่อเสียงของเขานั้นโด่งดังในด้านการสังหารโดยไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย!
‘จักรพรรดิเซี่ย’ ก็ให้ความสำคัญกับแม่ทัพใหญ่ที่มีพลังรบแข็งแกร่งเป็นที่สุดที่อยู่ใต้บังคับบัญชาผู้นี้เป็นอย่างมาก ถึงกับมอบสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าสามชิ้นให้กับมหาเคารพฝูอี่ ก็มิได้รู้สึกว่ามากเลยสักนิด ถึงอย่างไรมหาเคารพฝูอี่ก็เป็นผู้ไม่ธรรมดาที่ ‘วิถีอากาศ’ และ ‘วิถีรัศมี’ ล้วนไปถึงระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองขั้นสุดยอด วิถีสองสายผสานรวมกันขึ้นมา ร่างแยกทุกร่างต่างก็อหังการเหนือธรรมดา จักรพรรดิเซี่ยก็มอบสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าสามชิ้นให้ มหาเคารพฝูอี่ห้ำหั่นอยู่ข้างนอก ว่ากันว่าเขาก็เคยได้รับอะไรมากมายที่ ‘วังเทพจิตโลกา’ ดังนั้นเก้าร่างแยกร่วมมือกัน เกรงว่าเทพจักรวาลขั้นที่สามขั้นสุดยอดธรรมดาทั่วไปล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ทั้งสิ้น ประมุขรัฐเสียดฟ้าก็ทำได้เพียงแค่ครองความได้เปรียบเท่านั้นเอง
ดังนั้นเขาเข้าร่วมการต่อสู้ชิงตำแหน่ง จึงสามารถทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงและประมุขรัฐเมฆทักษิณาตกตะลึงได้
“มหาเคารพ” ด้านนอกเรือนไม้มีหนุ่มน้อยเอ่ยปากอย่างเคารพว่า “ในตระกูลส่งข่าวมาบอกว่าจ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาผู้นั้นจับเป็นจ้าวมารเพลิงพิโรธแห่งรัฐเหินประจิมเอาไว้ได้แล้ว”
“หา จับเป็นหรือ” ดวงตาเรียวของมหาเคารพฝูอี่เบิกกว้าง
“ขอรับ บอกว่าจ้าวมารเพลิงพิโรธเผชิญกับการลอบโจมตีของเจ้าลัทธิเก้าพิษก่อน ต่อสู้กันยกหนึ่งแล้วจ้าวมารเพลิงพิโรธก็บาดเจ็บสาหัสหลบหนีไป ยามที่หลบหนี จ้าวหิมะเหินอาศัยการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดมาถึงบริเวณใกล้ๆ แล้วสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพ! ถึงกับคาดการณ์ว่าจ้าวหิมะเหินน่าจะยังสำแดงเคล็ดเขตลวงโลกเทียมอีกด้วย” ชายหนุ่มพูด “จ้าวมารเพลิงพิโรธบาดเจ็บสาหัส แต่กลับไม่สามารถทลายเปิดห้วงมิติผนึกห้าภาพได้ ถูกเก็บเข้าไปภายในลูกแก้วห้าภาพ”
“น่าสนใจทีเดียว” มหาเคารพฝูอี่พยักหน้าน้อยๆ “ดูท่าทางการต่อสู้ชิงตำแหน่งในคราวนี้จะยิ่งน่าสนุกเสียแล้วสิ”
เขามิได้เป็นกังวลในเรื่องตำแหน่งเลยแม้แต่น้อย
พูดถึงจำนวนสมบัติล้ำค่าที่มี
เขาก็สามารถเทียบได้กับบุคคลผู้ไร้เทียมทานจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว แค่หยิบเอาสมบัติล้ำค่าสักชิ้นหนึ่งออกมาก็สามารถทำ ‘ภารกิจสมบัติวิเศษ’ หนึ่งในภารกิจล่าค่าหัวได้สำเร็จ เพื่อรับความดีความชอบจากภารกิจมูลค่ามหาศาลแล้ว! อย่างเช่นพวกจอมเคารพมารอัคคีและเจ้าลัทธิเก้าพิษแต่ละคนนั้นถึงแม้ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เมื่อเทียบกับมหาเคารพฝูอี่แล้วก็น่าอนาถเกินไปจริงๆ ไม่มีทางเทียบกันได้เลย!
……
“อะไรนะ เจ้าเด็กรัฐเมฆทักษิณานั่นจับเป็นจ้าวมารเพลิงพิโรธได้แล้วอย่างนั้นหรือ เขาโชคดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เงาร่างใหญ่มหึมาของ ‘จอมเคารพมารอัคคี’ ที่อยู่ในทะเลสาบมารทมิฬกำลังนั่งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ความใหญ่โตของร่างนั้นยังใหญ่กว่ายอดเขาเล็กๆ แห่งนี้มากมายนัก สำหรับเขาแล้วก็อาละวาดแผลงฤทธิ์ไปได้ทั่วทั้งทะเลสาบมารทมิฬ! ไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำให้เขาหวั่นกลัวได้เลย
“จ้าวมารเพลิงพิโรธมีค่าหัวหนึ่งหมื่นสองพันมหาคุณูปการ เจ้าเฒ่าฝูอี่ผู้นั้นจะต้องได้ครองตำแหน่งในครั้งนี้เก้าอี้หนึ่งอย่างแน่นอน! เกรงว่าบรรดาเทพจักรวาลของสามตระกูลใหญ่เหล่านั้นก็คงไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้โดยง่าย คิดไม่ถึงว่าจะมีเจ้าเด็กรัฐเมฆทักษิณาโผล่ออกมาคนหนึ่ง” จอมเคารพมารอัคคีมีแววร้ายกาจปรากฏขึ้นในดวงตา
เข้าร่วมการต่อสู้
ก็มิได้หมายถึงว่า ‘มุ่งมั่นจะเอาชนะ’! อย่างเช่นเจ้าลัทธิเก้าพิษก็เพียงแค่อยากไปเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเข้าร่วมการต่อสู้ หากสามารถชิงตำแหน่งมาได้ก็ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากชิงตำแหน่งมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร รอคราวต่อไปก็ได้
แต่คราวนี้จอมเคารพมารอัคคีก็มุ่งมั่นจะเอาชนะจริงๆ ดังนั้นเขาก็จำเป็นต้องแน่ใจว่าจะต้องจัดอยู่ในสี่อันดับแรก แม้กระทั่งด้วยความหยิ่งยโสของเขาก็รู้สึกว่าอย่างน้อยต้องได้ที่สอง! เขาอนุญาตให้เพียงแค่มหาเคารพฝูอี่เท่านั้นที่จัดอยู่ในอันดับก่อนหน้าเขาได้
“เขาก็ได้รับไปหนึ่งหมื่นสองพันมหาคุณูปการแล้ว ส่วนข้าได้รับอยู่ที่สามหมื่นมหาคุณูปการ จึงจะมีความมั่นใจ” จอมเคารพมารอัคคีขมวดคิ้วมุ่น
ภารกิจความดีความชอบช่างยากเย็นเหลือเกิน
……
“อิงซานเสวี่ยอิงแห่งรัฐเมฆทักษิณาหรือ”
บุรุษผมยุ่งเหยิงที่กำลังปลีกวิเวกฝึกฝนอย่างเงียบๆ บนหน้าตักมีกระบี่เทพวางอยู่เล่มหนึ่ง เมื่อได้รับข่าวคราวแล้วก็อดที่จะยกมุมปากยิ้มน้อยๆ มิได้ “ร้ายกาจน่าดูเลยทีเดียว”
******
ข่าวคราวกำลังแพร่สะพัด ทำให้เหล่าเทพจักรวาลที่มาเข้าร่วมการต่อสู้จำนวนหนึ่งรู้สึกได้ถึงความกดดัน ทั้งยังทำให้เหล่าผู้แกร่งกล้ามากมายทั่วทั้งดินแดนจิตโลกามีความเข้าใจเกี่ยวกับจ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาอย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น! สามารถชิงเหยื่อจากปากเสือต่อหน้าเจ้าลัทธิเก้าพิษแห่ง ‘รัฐเหินประจิม’ แล้วจับเป็นจ้าวมารเพลิงพิโรธได้ พลังยุทธ์ของ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ผู้นี้ช่างน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง
ภายในพระราชวังแห่งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา
“เมฆทักษิณา ลูกศิษย์ผู้นี้ของเจ้าร้ายกาจน่าดูเลยจริงๆ นะ จับเป็นยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองได้ด้วย” ชายหนุ่มหล่อเหลางดงามผู้สวมอาภรณ์ทองหรูหรา และสวมมงกุฎไว้บนศีรษะคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน กลิ่นอายแห่งความตายและการล้างผลาญปลดปล่อยออกมาจากบนร่างเขา ถึงแม้ว่าจะเบาบางอย่างยิ่ง แต่ก็ยังทำให้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาที่นั่งรับใช้อยู่ข้างๆ รู้สึกได้ถึงพลังกดดันอันไร้รูปร่าง
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอ่ยว่า “ลูกศิษย์ผู้นี้ของข้าก็เพียงแค่กลับชาติมาเกิดเป็นเหตุ พลังยุทธ์ก็ยังห่างชั้นกับข้าอยู่ช่วงใหญ่ๆ ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลยขอรับ”
เขาก็มิได้คิดว่า ‘ท่านอาจารย์’ ของเขาผู้นี้จะให้ความสนใจกับอิงซานเสวี่ยอิงด้วย
กับท่านอาจารย์ท่านนี้ เขามิได้มีความรู้สึกอันใดด้วยเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่ความหวาดกลัวเท่านั้น!
“เจ้ากลัวข้ามากเลยหรือ” ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาในอาภรณ์ทองหรูหรา เส้นผมยาวสีดำทั้งศีรษะแผ่สยาย เขาอมยิ้มน้อยๆ มองดูประมุขรัฐเมฆทักษิณา
“ตอนนั้นที่ท่านอาจารย์คุกคามดินแดนจิตโลกา ข้าเพิ่งสำเร็จเป็นเทพจักรวาล ก็ย่อมต้องหวั่นกลัวอยู่แล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด
“ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เจ้ากับข้าพบหน้ากัน อีกหน่อยพอพบหน้ากันไปนานๆ แล้วเจ้าก็จะรู้จักนิสัยของข้าเองนั่นแหละ ข้าไปจากดินแดนจิตโลกาเนิ่นนานเกินไป ลูกน้องของข้าเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่คนแล้ว เจ้านับว่าเป็นผู้ที่มีประโยชน์ที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้แล้ว” ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาในอาภรณ์ทองหรูหราถอนหายใจเสียงเบา “กาลเวลาไม่ปรานีใครเลยจริงๆ สหายเก่าแก่ตั้งหลายคนก็ไม่อยู่แล้ว ใช่แล้ว ข้าต้องการให้เจ้าเตรียม ‘ผลคลายตะวัน’ ให้ข้าสักหลายสิบผล ข้าเตรียมตัวจะไปที่หุบเขาเขี้ยวหัก”
“ขอรับ ท่านอาจารย์ จะเตรียมให้เสร็จเรียบร้อยภายในสามวันขอรับ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด
“ไม่ต้องรีบร้อนๆ ตอนนี้ข้ามีเวลาเหลือเฟือเลยทีเดียว” ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาในอาภรณ์ทองหรูหราพูด “ใช่แล้ว จำเอาไว้ว่าเรื่องที่ข้ากลับมาจะต้องเป็นความลับ ตอนนี้ผู้ที่รู้ว่าข้ากลับมาก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นเอง”
“ขอรับ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณารับคำ
…………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น