Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 34 ตอนที่ 23-26

ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...

 

ตอนที่ 23 วังเทพแห่งนั้น

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบตกใจ เขาอาศัยอากาศสัมผัสรับรู้ระลอกคลื่นที่กวาดล้างผ่านมานั้น


“บริเวณกว้างใหญ่นัก”


การรับรู้นี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจ


ด้วยขอบเขตของการสัมผัสรับรู้อากาศของตนก็รู้สึกว่าระลอกคลื่นนี้ไร้ที่สิ้นสุด หากสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอย่าง ‘จักรพรรดิเซี่ย’ หรือ ‘บรรพชนฝาน’ ส่งร่างจริงลงมา ภายใต้อานุภาพกดดันก็อาจจะสามารทำให้เขาเกิดความหวั่นเกรงขึ้นมาอย่างควบคุมมิได้ แต่บัดนี้ ลำพังแค่ระลอกคลื่นอันไร้ที่สิ้นสุดนี้กวาดล้างผ่านมา ก็ทำให้เทพจักรวาลผู้องอาจอย่างเขาหวั่นเกรงได้แล้วอย่างนั้นหรือ


“หรือว่าจะเป็น…” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงพอจะคาดเดาได้รางๆ นัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมาอย่างมิอาจควบคุม


ประตูห้องเงียบเปิดออกโดยไม่สนใจอะไรอื่นอีก


ตงป๋อเสวี่ยอิงรีบออกจากเมืองหิมะเหินมุ่งหน้าไปยังนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา เพื่อไปพบท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณา


……


ณ เมืองจักรพรรดิชางในรัฐโบราณคิมหันตวายุ


บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงซึ่งสะพายกระบี่เทพเอาไว้ผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง พลางทอดสายตามองไปทางบูรพาทิศ “นับตั้งแต่ข้าสำเร็จเป็นมหาเคารพ ในที่สุดมันก็เปิดออกแล้วรึ ข้ารอมานานแสนนานแล้ว”


……


ณ จวนอีกแห่งหนึ่งในเมืองจักรพรรดิชาง สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งซึ่งนอนหมอบหลับใหลอยู่บนหยกแก้วมรกตจำนวนมากพลันลืมตาตื่นขึ้น จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นสตรีอาภรณ์สีเขียวมรกตนางหนึ่ง นางหัวเราะร่าพลางทอดสายตามองออกไปไกล “ในที่สุดโอกาสก็มาถึงเสียที”


……


สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งของหกรัฐโบราณจำนวนมากทั้งของรัฐโบราณคิมหันตวายุ รัฐโบราณบรรพชน รัฐโบราณสหโลกา รัฐโบราณเสียดฟ้า รัฐโบราณจันทร์บุปผาและรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งต่างก็สัมผัสได้


ต่อให้เป็นรัฐชั้นรองหรือรัฐชั้นสามทั้งหลายก็มีผู้แกร่งกล้าจำนวนมากสัมผัสรับรู้ได้ถึงระลอกคลื่นนี้


“เอ๊ะ” ภายในตัวเมืองโบราณอันรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง บุรุษอาภรณ์สีขาวทั้งร่างคนหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์พลางเหลือบมองลงไปเบื้องล่าง นิ้วของเขาเคาะที่เท้าแขนเบาๆ เขาตวัดสายตามองออกไปไกลแวบหนึ่งก่อนจะพึมพำเสียงเบาว่า “แค่เปิดเมืองชั้นนอกออกมาอย่างนั้นหรือ ช่างไร้ความหมายจริงๆ ยังคิดว่าจะเปิดฉากสงครามรัฐโบราณขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเสียอีก ครั้งที่แล้วตาเฒ่าของรัฐโบราณบรรพชนสองคนนั้นทำให้ข้าขาดทุนย่อยยับ ข้ายังมิได้มีโอกาส ‘ตอบแทน’ พวกเขาอย่างสาสมเลย!”


บุรุษอาภรณ์ขาวผู้นี้หลับตาลง


เบื้องล่างรอบบัลลังก์ของเขามีสายน้ำอันไร้ที่สิ้นสุดไหลเวียนอยู่ ท่ามกลางสายน้ำอันไร้ที่สิ้นสุด มีตัวเมืองเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่หวาดไม่ไหวผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดำรงชีวิตอยู่ภายในนั้น


******


นครหลวงรัฐเมฆทักษิณา


“จ้าวท่าน”


“จ้าวท่าน”


ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงวังหลวง ทุกบริเวณที่ผ่านไป เหล่าทหารองครักษ์ในวังหลวงต่างก็เคารพเขาเป็นอย่างยิ่ง


บัดนี้ในรัฐเมฆทักษิณามีจ้าวผู้ยิ่งใหญ่อยู่สี่ท่าน ได้แก่จ้าวหิมะเหิน จ้าวฉุนอวี้ จ้าวทานเผิงและจ้าวเทียนยิน! ซึ่งในจำนวนนั้น ‘จ้าวหิมะเหิน’ อิงซานเสวี่ยอิงได้รับการยอมรับจากโลกภายนอกว่าเป็นผู้นำของจ้าวทั้งสี่แห่งรัฐเมฆทักษิณา! ถึงขั้นมีคำเล่าลือว่าพลังของ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ท่านนี้…แข็งแกร่งไม่แพ้ประมุขรัฐวอเฟิงและประมุขรัฐประกายเพลิงเลย


ไม่แพ้ประมุขรัฐชั้นรองคนหนึ่งเลย เช่นนี้ก็พอจะจินตนาการถึงสถานะของเขาในตอนนี้ได้ สถานะของตระกูลอิงซานก็สูงขึ้นตามประหนึ่งน้ำขึ้นเรือลอยสูง


ไม่นานนักตงป๋อเสวี่ยอิงก็มาถึงสถานที่บำเพ็ญของอาจารย์


ข้างทะเลสาบ


บนผืนหญ้าสีดำ ประมุขรัฐเมฆทักษิณาในอาภรณ์สีดำอันงดงามหรูหรานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนี้


“ท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก


“เจ้าสัมผัสได้แล้วใช่ไหม” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดพลางยิ้มน้อยๆ


“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “เป็นวังเทพในตำนานแห่งนั้นหรือขอรับ”


ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้าเบาๆ “ถูกต้อง เป็นวังเทพจิตโลกานั่นเอง”


ตงป๋อเสวี่ยอิงหรี่ตาลง


วังเทพจิตโลกา ใช้นามของดินแดนมาตั้งเป็นชื่อ เช่นนี้ก็จะเห็นได้ถึงความพิเศษของมันแล้ว


มันตั้งอยู่ ณ ส่วนลึกอย่างยิ่งใต้พสุธากลาง ‘ทะเลกาฬอเวจี’ ซึ่งเป็นห้วงสมุทรที่โอบล้อมทั้งดินแดนจิตโลกาเอาไว้ ตามตำนาน นับว่ามันอยู่ตรงตำแหน่งกลางสุดของทั้งดินแดนจิตโลกา! มันคือแหล่งกำเนิดของทั้ง ‘ความวุ่นวาย’ และ ‘ความพิสดาร’ ทั้งหมดทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา


“นับตั้งแต่ดินแดนจิตโลกาถือกำเนิดขึ้นมาจนถึงวันนี้ มีการช่วงชิงครั้งใหญ่ยกแล้วยกเล่า รวมทั้งสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งและสงครามรัฐโบราณครั้งที่สองด้วย ก็ล้วนเป็นเพราะมันทั้งสิ้น” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาทอดถอนใจ “มันทำให้ข้าและคนอื่นๆ หลงใหลและบ้าคลั่งไปหมด”


“ขอรับ” ยามนี้เลือดร้อนของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดือดพล่านขึ้นมาแล้ว


เคล็ดวิชาลับต่างๆ ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาล้วนแต่สมบูรณ์มาก แม้จะมีผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆ แต่สมบูรณ์ถึงขั้นนี้ก็เกินจริงไปแล้ว! อย่างสมบัติลับจำนวนมากที่หลอมขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้นสามารถทำให้ผู้บำเพ็ญต่อสู้ข้ามขั้นได้! ต่อให้มีคัมภีร์เหนี่ยวนำ แต่เมื่อเหล่าผู้แกร่งกล้าเทพจักรวาลขั้นสุดยอดได้สมบัติลับมา พลังก็เพิ่มทวีขึ้นเป็นอันมาก จนถูกเรียกว่าเป็นขั้นที่ไร้ศัตรู


สมบัติลับพรรค์นี้ เทพจักรวาลไหนเลยจะสามารถหลอมขึ้นมาได้เล่า


ใช่แล้ว


สมบัติลับที่ทำให้เทพจักรวาลชั้นที่สาม (ขั้นสุดยอด) ปรารถนาได้ และถูกเรียกว่าเป็นสมบัติลับอันสูงส่ง ว่ากันว่ามีการใช้งานกฎเกณฑ์อันสูงส่งบางส่วนบรรจุเอาไว้ มีเพียง ‘หยวน’ ซึ่งมีสถานะสูงส่งเหนือธรรมดาที่สุดในดินแดนจิตโลกาเทานั้นจึงจะสามารถหลอมขึ้นมาได้ เคล็ดวิชาหลอมอาวุธและเคล็ดการบำเพ็ญจำนวนมากที่สมบูรณ์จนถึงขั้นนี้ได้ก็เพราะเคล็ดวิชาต่างๆ ที่ ‘หยวน’ ทิ้งเอาไว้


……


สมบัติลับ เคล็ดการบำเพ็ญและวัสดุพิสดารต่างๆ ทั้งหมดล้วนถูกหยวนวางเอาไว้ใน ‘วังเทพจิตโลกา’


“วังเทพจิตโลกาแบ่งเป็นเมืองชั้นนอกและเมืองชั้นใน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณารำพึง “โดยทั่วไปตอนที่เปิดขึ้นมา ก็จะเปิดแค่เมืองชั้นนอกเท่านั้น! เช่นครั้งนี้ ก็เปิดออกมาเพียงเมืองชั้นนอกเท่านั้น แต่หากเปิดเมืองชั้นในขึ้นมา…ฮ่าฮ่า เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูทั้งหลาย สิ่งมีชีวิตเทพจักรวาลชั้นที่สามและผู้เฒ่าทั้งหลายที่ซ่อนตัวอยู่ ผู้แกร่งกล้าผู้น่าหวาดหวั่นที่กลับชาติมาจุติแต่ละคนต้องพากันโผล่ออกมาแล้วบุกเข้าไปเป็นแน่ เช่นนั้นจึงจะเรียกได้ว่าน่ากลัว”


“ถ้าเมืองชั้นในเปิดออก สมบัติล้ำค่าเผยออกมา หากสมบัติลับพิเศษบางชิ้นถูกนำออกมาแล้วล่ะก็ อาจก่อให้เกิดสงครามใหญ่ระหว่างเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “สงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งและสงครามรัฐโบราณครั้งที่สอง ก็เพราะสมบัติล้ำค่าที่นำออกมาจากวังเทพจิตโลกามีแรงดึงดูดใหญ่หลวงเกินไปนั่นเอง”


ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ


“เจ้าเข้าร่วมสงครามสามตระกูลครั้งที่แล้ว เดิมทีตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมนั่นก็เป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของวังเทพจิตโลกา ระหว่างสงครามรัฐโบราณครั้งที่สอง มันถูกบรรพชนทั้งสามแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุร่วมมือกันแย่งชิงมาไว้ในครอบครอง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “ระหว่างช่วงสงครามรัฐโบราณครั้งที่สอง สมบัติล้ำค่าที่ช่วงชิงห้ำหั่นกันในตอนนั้น ตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมยังจัดอยู่ในห้าอันดับแรกมิได้เลย”


ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้ว่าในประวัติศาสตร์ มีสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูล้มตายกันไปหลายท่าน


“ในประวัติศาสตร์ จำนวนครั้งที่เมืองชั้นในเปิดออกนั้น เกรงว่าคงไม่เกินสองมือนับได้” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว


“ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเมืองชั้นในหรือเมืองชั้นนอก ผู้ที่สามารถเข้าไปได้ก็มีจำนวนเพียงสามสิบเก้าคนเท่านั้น” ประมุขรัฐเมฆทักษิณารำพึง “หากเป็นเมืองชั้นในเปิดออก แต่ละคนก็จะแย่งชิงกันเพื่อบุกเข้าไป บ้าคลั่งยิ่งนัก! เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูต้องสามารถเข้าไปได้อย่างแน่นอน ส่วนเทพจักรวาลชั้นที่สามและมหาเคารพนั้นล้วนแต่ไม่มีหวัง จวบจนบัดนี้ข้า อาจารย์ของเจ้าก็เคยโชคดีได้เข้าไปยังเมืองชั้นในครั้งหนึ่ง และยังเป็นเพราะอาศัยที่มีร่างแยกมากมายและยังรวดเร็วพอ!”


“จำนวนของเมืองชั้นนอกล่ะขอรับ พอจะมีวิธีเข้าไปได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม


เมืองชั้นนอกก็เพียงพอแล้ว


เมืองชั้นในสามารถดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูได้มากกว่า


แม้ผลประโยชน์ต่างๆ ของเมืองชั้นนอกจะห่างกับเมืองชั้นในลิบลับ โดยทั่วไปก็พุ่งเป้าไปที่ขั้นสุดยอดเท่านั้น! เช่นสมบัติลับระดับยอดสุดและอื่นๆ บางครั้งถึงขั้นมีสมบัติล้ำค่าที่ทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูตาเป็นมันขึ้นมา


“เมืองชั้นนอกเปิดออก แม้สมบัติล้ำค่าจะน้อยกว่าอยู่บ้าง แต่เกรงว่าพวกสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูบางคนก็อยากเข้าไปอยู่ดี” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “หกรัฐโบราณร่วมแรงร่วมใจกันก็สามารถตัดโอกาสเข้าไปได้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นเพียงเมืองชั้นนอก พวกผู้เฒ่าที่น่าหวาดหวั่นของดินแดนจิตโลกาดังนั้นก็จะไม่ร่วมมือกันไปต่อสู้ ดังนั้นผู้ใดก็มิอาจต่อต้านการร่วมมือกันของหกรัฐโบราณได้”


“เจ้าจะเข้าไปรึ”


ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่ายศีรษะเบาๆ “ยากนัก สี่รัฐโบราณอื่นๆ ที่อ่อนแอกว่าอยู่บ้าง เดิมทีจำนวนที่ให้ก็น้อยอยู่แล้ว จึงไม่ให้ผู้แกร่งกล้าจากรัฐภายนอกเลย รัฐโบราณสหโลกาและรัฐโบราณคิมหันตวายุนั้นได้จำนวนมากกว่าอยู่บ้าง แต่คาดว่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็คงอยากจะเข้าไปหลายคนแล้ว! ‘จักรพรรดิเซี่ย’ มีร่างแยก เขาแทบจะต้องเข้าไปเสียทุกครั้ง! จำนวนที่ยอมปล่อยออกมาได้นั้นมีน้อยนัก”


“เท่าที่ข้ารู้ นอกจากสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ ยังมีตระกูลต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วจักรพรรดิเซี่ยจะนำออกมาประมาณสามสี่อันดับ เพื่อให้ผู้บำเพ็ญภายในรัฐช่วงชิงกัน เจ้าเป็นเค่อชิงระดับบนของสกุลฝาน ก็มีคุณสมบัติเข้าร่วม แต่แค่สามสี่อันดับ…เจ้าก็รู้ว่าผู้ที่ไปช่วงชิงเป็นพวกผู้แกร่งกล้าพรรค์ไหน หนีไม่พ้นมหาเคารพของสามตระกูลใหญ่หรอก! มหาเคารพที่มิอาจแย่งชิงอันดับภายในสามตระกูลใหญ่ได้ก็อาจจะเข้าร่วม นอกจากมหาเคารพแล้ว ยังมียอดฝีมือระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองคนอื่นๆ อีกด้วย”


“เสวี่ยอิง ข้าว่าเจ้าบำเพ็ญต่อไปให้ดีๆ เถิด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดยิ้มๆ “ตอนนี้ความหวังที่เจ้าจะแย่งชิงมาได้มีน้อยนัก รอให้เจ้าบรรลุถึงระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองเสียก่อน เมื่อมีสมบัติลับระดับยอดสุดอยู่ในมือ จะหลบซ่อนก็ไม่ยากแล้ว เจ้ายังบำเพ็ญมาเป็นเวลาสั้นมาก ไม่ต้องรีบร้อนๆ”


ไม่ต้องรีบร้อนหรือ


ตนร้อนใจเป็นอย่างมาก! หากพลาดครั้งนี้ไปแล้ว รอให้ถึงวันที่วังเทพจิตโลกาจะเปิดออกมาอีก ก็ไม่แน่ว่าบ้านเกิดอาจถูกทำลายไปแล้วก็เป็นได้


“มหาคุณูปการสามารถแลกเปลี่ยนมาได้หรือไม่ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม


“ไม่ได้ นี่มิได้อยู่ในขอบเขตการแลกเปลี่ยน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่ายหน้า


 

 

 


ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...

 

ตอนที่ 24 ช่วงชิง

 

“เจ้าอยากเข้าไปจริงๆ น่ะหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองดูศิษย์ของตน


“จะพยายามสุดกำลังขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว


ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้าน้อยๆ จากนั้นก็ส่งข้อมูลโดยละเอียดฉบับหนึ่งให้แก่ตงป๋อเสวี่ยอิง “นี่เป็นข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับ ‘วังเทพจิตโลกา’ เจ้าอ่านเอาเองเถิด นอกจากนี้ หากคิดจะเข้าไป ก็ต้องเร่งไปให้ถึงนครหลวงคิมหันตวายุภายในสามวัน”


“ขอบพระคุณขอรับท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับข้อมูลมาแล้วก็อ่านจนจบอย่างรวดเร็ว


……


นครหลวงคิมหันตวายุแข็งแกร่งและรุ่งเรืองนัก


ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงที่นี่แล้ว แม้จะกล่าวว่าต้องมาถึงนครหลวงคิมหันตวายุภายในสามวัน แต่อันที่จริงแล้ว แม้ ‘วังเทพจิตโลกา’ จะค่อยๆ เปิดออก แต่กระบวนการเปิดนั้นเชื่องช้ามาก จะต่อเนื่องกันไปถึงแสนปีเต็มๆ! คาดว่าผู้อาวุโส ‘หยวน’ ซึ่งเดินล่วงหน้าไปบนเส้นทางการบำเพ็ญท่านนั้น ต้องการให้เหล่าผู้แกร่งกล้าในดินแดนจิตโลกามีเวลาเพียงพอในการตัดสินอันดับออกมา


“หกรัฐโบราณแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ทั้งหมดสามสิบเก้าอันดับถูกพวกเขาครองไปทั้งหมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ


ตามข้อมูลที่ท่านอาจารย์ให้มา


รัฐโบราณคิมหันตวายุครองไปสิบสองอันดับด้วยกัน!


โดยทั่วไปแล้วสามตระกูลใหญ่ภายในรัฐโบราณคิมหันตวายุ แต่ละตระกูลจะมีสองอันดับด้วยกัน นี่ก็คิดเป็นหกอันดับแล้ว! จักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชางและบรรพชนฝาน ทั้งสามท่านนี้…โดยทั่วไปแล้วก็จะเข้าไปสองท่าน หรือบางครั้งก็จะเข้าไปทั้งสามท่าน! ดังนั้นจึงเหลืออยู่สามหรือสี่อันดับ แล้วจึงนำออกมาให้ช่วงชิงกันอย่างเท่าเทียม! ผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการช่วงชิง ก็ล้วนแต่ต้องสวามิภักดิ์ต่อสามตระกูลใหญ่ทั้งสิ้น


ส่วนตระกูลน้อยใหญ่ทั้งหลายภายในรัฐโบราณคิมหันตวายุก็ต้องพึ่งพิงสามตระกูลใหญ่เช่นกัน เช่นพวกเค่อชิงอย่างตงป๋อเสวี่ยอิง ก็พึ่งพิงสกุลฝาน


มิเช่นนั้นแล้วก็จะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการช่วงชิง


หากจะเข้าร่วมการช่วงชิง…ก็ต้องมุ่งหน้ามาถึงวังหลวงแห่งนครหลวงคิมหันตวายุให้ได้ภายในสามวันแล้วเข้าร่วมการช่วงชิงด้วยตนเอง หากเกินสามวันก็จะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการช่วงชิงแล้ว


“สวบ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงประตูใหญ่ของวังหลวง ก็ย่อมมีทหารองครักษ์เข้ามาต้อนรับเป็นธรรมดา


“จ้าวหิมะเหิน ที่มามีเรื่องอันใดหรือขอรับ”


“เรื่องของวังเทพจิตโลกาน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว


“จ้าวท่านจะร่วมช่วงชิงด้วยหรือขอรับ”


“ใช่”


“จ้าวท่านโปรดตามข้ามา”


ทหารองครักษ์คุ้นเคยดีอยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาได้รับการกำชับมาก่อนหน้านี้แล้ว อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้มิใช่คนแรกที่มาเข้าร่วมการช่วงชิง


เขาบินทะยานไปในวังหลวง


ชั่วขณะให้หลัง


ก็มาถึงโถงตำหนักอันหมองหม่นแห่งหนึ่ง ลึกเข้าไปในโถงตำหนักมีชายชราอาภรณ์สีเหลืองผู้หนึ่งนั่งอยู่ ตรงหน้าชายชราอาภรณ์สีเหลืองมีโต๊ะยาวตั้งเอาไว้ บนนั้นมีม้วนสาส์นมากมายเรียงรายอยู่


“ผู้อาวุโสเซี่ย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินเข้าไปแล้วเอ่ยขึ้น นับว่าเขาคุ้นเคยกับผู้อาวุโสเซี่ยผู้นี้อยู่บ้าง ครั้งก่อนที่เขาได้รับการถ่ายทอดปุจฉวิถีคละถิ่นก็เป็นผู้อาวุโสเซี่ยท่านนี้ที่มาต้อนรับ ผู้อาวุโสเซี่ยเป็นถึงวิญญาณค่ายกลแห่งวังหลวง พละกำลังที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ภายในวังหลวงนั้นเพียงพอจะเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูแล้ว จักรพรรดิเซี่ยมอบหมายให้ผู้อาวุโสเซี่ยจัดการธุระต่างๆ มากมาย ในฐานะวิญญาณค่ายกล เขาทั้งแกร่งกล้าและจงรักภักดี ทั้งยังไม่ย่อท้อต่อความลำบากด้วย


ทว่าระดับอย่างเขาแล้ว ก็มีชอบมีเกลียดได้เช่นกัน ดังนั้นบรรดาคนของสกุลเซี่ยก็มิกล้าล่วงเกิน ‘ผู้อาวุโสเซี่ย’ คนนี้เลย


“เป็นจ้าวหิมะเหิน จ้าวหิมะเหินก็อยากจะเข้าไปในวังเทพจิตโลกาด้วยหรือ” ชายชราอาภรณ์สีเหลืองเบิกตากว้างพลางมองตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ


“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า


“จ้าวท่านสามารถหยิบม้วนสาส์นม้วนหนึ่งไปได้ตามใจชอบ” ชายชราอาภรณ์สีเหลืองเอ่ย “บนม้วนสาส์นมีภารกิจต่างๆ อยู่ จำกัดเวลาภารกิจที่เก้าหมื่นปี เก้าหมื่นปี ให้หลัง…ผู้ที่คุณูปการจากภารกิจอยู่ในสี่อันดับแรกก็จะได้อันดับไป”


ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ยินเข้าก็ดีใจขึ้นมา


สี่อันดับหรือ


เห็นที่ครั้งนี้พวกจักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชางและบรรพชนฝานคงจะเข้าไปเพียงสองท่านเท่านั้น  จึงมีสี่อันดับปล่อยออกมาให้พวกเขาช่วงชิงกัน


“ขอบคุณขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปรับม้วนสาส์นมา จากนั้นก็โค้งคารวะแล้วจากไป


เมื่อหยิบม้วนสาส์นมา ก็แสดงว่าจะเข้าร่วมการช่วงชิงด้วย


“จ้าวหิมะเหินก็เข้าร่วมด้วยแล้ว”


“จ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณา”


ภายในวังหลวง ทหารองครักษ์และสาวใช้มีมากมายนัก พวกเขาเป็นประจักษ์พยานกับทุกสิ่ง แล้วข่าวก็เผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว


……


ณ รัฐโบราณคิมหันตวายุ


ภายในลานแห่งหนึ่งกลางทะเลสาบสีแดงสดซึ่งไหลเวียนอยู่ มีสิ่งมีชีวิตขนาดมโหฬารทอดกายอยู่กลางทะเลสาบ เขานั่งอยู่ตรงนั้น แผ่นอกก็อยู่เหนือทะเลสาบแล้ว แขนทั้งสองข้างก็ยาวถึงครึ่งทะเลสาบแล้ว  ศีรษะขนาดมหึมาที่มีเขาเดี่ยวอยู่ยังแผ่กลิ่นอายร้อนระอุอันน่าหวาดหวั่นออกมาด้วย


“จอมเคารพ” สตรีอาภรณ์สีแดงรูปร่างเย้ายวนนางหนึ่งโค้งคารวะด้วยความเคารพ นางก็เป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพจักรวาลเช่นกัน “ทางวังหลวงส่งข่าวมาว่า ‘จ้าวหิมะเหิน’ ผู้นำของจ้าวทั้งสี่แห่งรัฐเมฆทักษิณาก็เข้าร่วมการช่วงชิงอันดับแล้วเช่นกัน นี่คือผู้เข้าร่วมช่วงชิงอันดับคนที่สิบสองแล้ว”


“เจ้าเด็กอิงซานเสวี่ยอิงคนนั้นน่ะรึ” ส่ายศีรษะขนาดมหึมาที่มีเขาเดี่ยวอยู่เล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววดูแคลนสายหนึ่งออกมา “เขาน่ะไม่ควรค่าแก่การคำนึงถึงหรอก ต่อให้เขาบรรลุเป็นเทพจักรวาลชั้นที่สอง หากไม่มีสมบัติลับระดับยอดสุด อานุภาพก็ต่ำยิ่งนัก ผู้ที่มีภัยคุกคามต่อข้าอย่างใหญ่หลวงจริงๆ นั้น ก็ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตระดับจอมเคารพในรัฐโบราณคิมหันตวายุของพวกเราอยู่ดี หรืออาจจะเป็นยอดฝีมือภายในสามตระกูลใหญ่ก็เป็นได้ จับตามองต่อไป”


“เจ้าค่ะ จอมเคารพ” สตรีอาภรณ์สีแดงรูปร่างเย้ายวนเอ่ยด้วยความเคารพ จากนั้นก็ถอยออกไป


ผู้แกร่งกล้าซึ่งมีเขาเดี่ยวบนศีรษะผู้นี้หลับตาลง


เขาบำเพ็ญมาจนถึงขีดจำกัดสุดท้ายที่วิถีเปลวเพลิงสิบสายจะหลอมรวมกันแล้ว ในจำนวนสิบสายนั้น เขาได้หลอมรวมเก้าสายเข้าด้วยกันแล้ว! ขาดเพียงสายสุดท้ายเท่านั้นก็จะก้าวเข้าสู่เทพจักรวาลขั้นสุดยอดได้แล้ว


“ข้ามาถึงขีดจำกัดแล้ว ซึ่งขีดจำกัดสุดท้ายนี้ บรรลุได้ยากลำบากที่สุด จะต้องอาศัยพลังภายนอกบางอย่าง ครั้งนี้ข้าจะต้องช่วงชิงอันดับเพื่อจะเข้าไปในวังเทพจิตโลกาให้ได้ ภายในวังเทพจิตโลกามีโอกาสอยู่มากมายนัก ขอเพียงโชคดีหน่อย สู้สุดแรงสักตั้ง ก็อาจจะสามารถได้รับโอกาส ทำให้โอกาสการบรรลุของข้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก” ผู้แกร่งกล้าที่มีเขาเดียวอยู่บนศีรษะพึมพำเบาๆ หากเขาเป็นคนของสามตระกูลใหญ่ เมื่อบำเพ็ญมาถึงขีดจำกัดสำคัญเช่นนี้ ภายในสามตระกูลใหญ่จะต้องแบ่งสรรอันดับให้เขาอย่างแน่นอน


แต่เนื่องจากความหยิ่งผยองจนเข้ากระดูกของเขา ทำให้เขาเป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสเค่อชิงคนหนึ่งของสกุลชางเท่านั้น


เขาก็คือหนึ่งในสิ่งมีชีวิตระดับจอมเคารพและมหาเคารพซึ่งอยู่เพียงลำพังนอกสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ…‘จอมเคารพมารอัคคี’ นั่นเอง


……


ข่าวที่จ้าวหิมะเหิน ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ เช้าร่วมการช่วงชิงอันดับเข้าสู่วังเทพจิตโลกานั้นแพร่ออกไปเข้าหูของผู้ที่สนใจอย่างรวดเร็ว ในหมู่พวกเขา มีทั้งเหล่าเทพจักรวาลชองสามตระกูลใหญ่ที่มิได้อันดับมา และมีทั้งยอดฝีมือซึ่งมิใช่คนของสามตระกูลใหญ่เช่นเดียวกับจอมเคารพมารอัคคี


“ภัยคุกคามต่ำยิ่งนัก”


“ก็แค่เค่อชิงระดับบนคนหนึ่งเท่านั้น”


แต่ละคนที่ได้รับสารล้วนแต่ไม่นำมาใส่ใจทั้งสิ้น


ในบรรดายอดฝีมือที่เข้าช่วงชิงกันนั้น พลังของตงป๋อเสวี่ยอิงนับว่าธรรมดาสามัญมาก ทั้งยังเป็นรัฐภายนอกซึ่งมีเบื้องหลังไม่แข็งแกร่งพอ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ ซึ่งอยู่เบื้องหลังเขา ไหนเลยจะมีเบื้องหลังแข็งแกร่งสู้สามตระกูลใหญ่ได้ บรรดาจอมเคารพและมหาเคารพภายในสามตระกูลใหญ่มีตั้งมากมายก่ายกอง


******


ณ อีกฝั่งหนึ่งของดินแดนจิตโลกา


ณ บริเวณหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากรัฐโบราณคิมหันตวายุไปไกลลิบ ที่นี่อยู่ค่อนข้างใกล้กับรัฐโบราณสหโลกามากกว่า คือ ‘รัฐเหินประจิม’ ซึ่งเป็นรัฐชั้นรองที่วุ่นวายเสียจนน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง


ภายในห้องส่วนตัวของหอสุราแห่งหนึ่งในรัฐเหินประจิม


หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ พลางทานอาหารรสเลิศอันมีชื่อเสียงของหอสุราแห่งนี้


“อร่อย อร่อย”


“ใช่ๆ รสชาติไม่เหมือนกับทางรัฐเมฆทักษิณาและรัฐโบราณคิมหันตวายุเลยจริงๆ” เขาก้มหน้าก้มตากิน ด้วยความดื่มด่ำเป็นอันมาก อาหารรสเลิศนับได้ว่าเป็นหนึ่งในงานอดิเรกไม่กี่อย่างของเขา


“เสวี่ยอิง”


สารหนึ่งถูกส่งมา


“ท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงตอบกลับทันที


“ครบสามวันแล้ว ครั้งนี้รัฐโบราณคิมหันตวายุมีเทพจักรวาลทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคนที่เข้าร่วมการช่วงชิง ในจำนวนนั้นมีสิ่งมีชีวิตระดับจอมเคารพสามคนด้วยกัน ได้แก่ ‘เจ้าลัทธิเก้าพิษ’ ‘จอมเคารพมารอัคคี’ และ ‘มหาเคารพฝูอี่’ ซึ่งมาจากสกุลเซี่ย” ขณะเดียวกับที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่งสามาให้นั้น ก็ได้ส่งรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับทั้งยี่สิบคนนอกเหนือจากตงป๋อเสวี่ยอิงมาให้ด้วย


ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย


เจ้าลัทธิเก้าพิษและจอมเคารพมารอัคคีก็แล้วไปเถิด แม้พวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับจอมเคารพที่ครอบครองสมบัติลับระดับยอดสุดทั้งสิ้น แต่หากพูดถึงอานุภาพคุกคามและแรงกระทบแล้ว เมื่อเทียบกับ ‘มหาเคารพฝูอี่’ แห่งสกุลเซี่ยก็ยังห่างชั้นอยู่มากโข ชื่อเสียงอันเกรียงไกรของมหาเคารพฝูอี่นั้นไม่แพ้ท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาของตนเลย



 

 

 


ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...

 

ตอนที่ 25 เป้าหมายการสังหาร

 

ระดับจอมเคารพนั้น แม้พลังจะแตกต่างกันไม่มากนัก แต่กลับมีการแบ่งระดับสูงต่ำ


เมื่อสูงขึ้นระดับหนึ่ง สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็มิอาจสังหารได้ เช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณา มหาเคารพฝูอี่ มหาเคารพซือเทียนและ ‘เจ้าลัทธิเหยียนโม๋’ เจ้าลัทธิใหญ่ในทะเลสาบมารทมิฬล้วนแต่เป็นหนึ่งในนั้น เช่นนี้จึงมีคุณสมบัติพอจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ทรงอำนาจที่ไร้เทียมทานในดินแดนจิตโลกา! บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็มิกล้าดูแคลนพวกเขา พวกเขากล้าเรียกได้ว่าทรงอำนาจในฟากฝั่งหนึ่ง มารร้ายของทะเลสาบมารทมิฬบางตนถึงขั้นกล้าเข้าไปก่อความวุ่นวายในรัฐโบราณคิมหันตวายุ เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะมีเจ้าลัทธิเหยียนโม๋คอยหนุนหลังอยู่อย่างไรเล่า


มาถึงระดับนี้


สามารถฉีกหน้าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูได้! อย่างสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ในฐานะหนึ่งในสิบสำนักใหญ่ซึ่งหาแก้วผลึกจักรวาลได้จำนวนมหาศาล และทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอิจฉาตาร้อนขึ้นมาได้ และถึงขั้นเคยลงมือกับประมุขรัฐเมฆทักษิณา ประมุขรัฐเมฆทักษิณาจึงได้พิสูจน์ผ่านการห้ำหั่นซึ่งหน้าว่า…เขาสามารถยืนหยัดได้โดยไม่ล้มลงไป!


เมื่อเป็นรองกว่าระดับหนึ่ง แม้พลังจะแตกต่างกันไม่มากนัก แต่ก็ยังคงทำไม่ได้ถึงขั้นรักษาชีวิตเอาไว้เมื่ออยู่ตรงหน้าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู ซึ่งนี่ก็คือความลำบากของระดับผู้เคารพส่วนใหญ่


ช่วยไม่ได้


‘สมบัติลับระดับยอดสุด’ ยกระดับได้เพียงบางด้านเท่านั้น ดังเช่นสมบัติลับจำพวกบริเวณ ก็เพียงแค่ทำให้พลังด้านบริเวณยกระดับขึ้นไปจนถึงเทพจักรวาลชั้นที่สาม! เมื่อผู้แกร่งกล้าระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองซึ่งมีเพียงบริเวณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งคนหนึ่งเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็ยังคงต้องตายอยู่ดี!


หากพูดถึงจำนวนของระดับจอมเคารพแล้ว


สกุลฝานมีหกท่านด้วยกัน สกุลเซี่ยมีเก้าท่าน ส่วนสกุลชางบัดนี้มีผู้ที่บรรลุถึงเจ็ดคนแล้ว! แต่ผู้ที่กล้าพูดว่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูฆ่าไม่ตายนั้น ภายในเขตแดนของทั้งรัฐโบราณคิมหันตวายุก็มีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้


เมื่อทอดสายตามองไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ผู้ทรงอำนาจไร้เทียมทานระดับนี้ก็มีน้อยยิ่งนัก


“มหาเคารพฝูอี่จัดเป็นอันดับหนึ่งอันดับสองในบรรดามหาเคารพเก้าท่านแห่งสกุลเซี่ย” ตงป๋อเสวี่ยอิงอ้าปากค้าง “หากเขาเอ่ยปากต้องการสักอันดับหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย จะมาช่วงชิงด้วยหรือ ด้วยสถานะของเขา ต่อให้เพื่อหน้าตา สกุลเซี่ยก็ต้องช่วยเขาแย่งชิงมาให้ได้สักอันดับหนึ่งอยู่ดี”


“เสวี่ยอิง เจ้าเลือกภารกิจเสร็จแล้วหรือยัง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอ่ยถาม


“เสร็จแล้วขอรับ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง บนโต๊ะมีม้วนสาส์นม้วนหนึ่งปรากฏขึ้นมา ม้วนสาส์นพลิกม้วนแล้วคลี่ตัวออกอย่างสิ้นเชิง ด่านบนมีภารกิจข้อแล้วข้อเล่า แต่ละข้อล้วนเชื่อมโยงกับ ‘มหาคุณูปการ’


ภารกิจหลายร้อยข้อเรียงรายจนแน่นขนัดไปหมด


ในจำนวนนั้นมีภารกิจสังหารอยู่ห้าสิบข้อ


เป้าหมายการสังหารซึ่งเป็นระดับจอมเคารพมีสิบสองข้อด้วยกัน หากสังหารสำเร็จ คุณูปการก็จะมีตั้งแต่ ‘สามหมื่นมหาคุณูปการไปจนถึงแปดหมื่นมหาคุณูปการ’ เลยทีเดียว!


ส่วนอีกสามสิบแปดข้อ ผู้ที่จะต้องสังหารล้วนแต่มีพลังระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองทั้งสิ้น คุณูปการภารกิจนั้นมีตั้งแต่ ‘สามพันมหาคุณูปการไปจนถึงสามหมื่นมหาคุณูปการ’ เลยทีเดียว!


ต่อไปก็คือ ‘ภารกิจสมบัติวิเศษ’


สมบัติวิเศษนานาชนิด สามารถแลกเปลี่ยนเป็นคุณูปการภารกิจได้!


ดังเช่น ‘มณีอสรพิษเขี้ยวหัก’ ซึ่งมีอันดับสูงที่สุด มณีเม็ดหนึ่งสามารถแลกเปลี่ยนได้สองแสนมหาคุณูปการ!


“มณีอสรพิษเขี้ยวหักหรือ เกรงว่าหกรัฐโบราณคงจะต้องการกันหมดกระมัง หากนำมณีอสรพิษเขี้ยวหักออกมาสักก้อนหนึ่ง หกรัฐโบราณก็คงยินดีจะทุ่มเทมูลค่ามหาศาลแล้วมอบอันดับให้กระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง


มณีอสรพิษเขี้ยวหักนั้นมีต้นกำเนิดมาจาก ‘หุบเขาเขี้ยวหัก’


……


สถานที่ล้ำค่าที่สุดของดินแดนจิตโลกาก็คือวังเทพจิตโลกา


ส่วนสถานที่ที่อันตรายเป็นอันดับหนึ่งในดินแดนจิตโลกาก็คือหุบเขาเขี้ยวหัก! หากมองจากฟากฟ้าออกไปไกลลิบ ก็จะสามารถมองเห็นได้ว่ายอดเขาที่สูงที่สุดของหุบเขาเขี้ยวหักก็คือฟันหนึ่งซี่ที่หักไปครึ่งหนึ่ง! ฟันซี่นี้สูงตระหง่านหาใดเปรียบ…และทำให้ทั้งเทือกเขาถูกขนานนามว่า ‘หุบเขาเขี้ยวหัก’ หุบเขาเขี้ยวหักครองพื้นที่กว้างขวางอย่างยิ่งจนเรียกได้ว่าไร้ขอบเขต มันมีขนาดเท่ากับรัฐโบราณคิมหันตวายุสามแห่ง ภายในหุบเขาเขี้ยวหักเต็มไปด้วยอันตรายทุกหนแห่ง ว่ากันว่าภายในหุบเขาเขี้ยวหักเคยมีสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูสิ้นใจไปถึงสองท่านด้วยกัน


แต่ก็ยังมีเทพจักรวาลขั้นสุดยอดและบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปตรวจสอบ


ตามตำนาน สิ่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดภายในหุบเขาเขี้ยวหักก็คือ ‘มณีอสรพิษเขี้ยวหัก’ หากผู้ใดได้มณีอสรพิษเขี้ยวหักไปเม็ดหนึ่ง ก็จะกลายเป็นทหารระดับสูงของรัฐโบราณสักแห่งหนึ่งในหกรัฐโบราณทันที สามารถแลกเปลี่ยนเอาผลประโยชน์ต่างๆ มาได้


ดังนั้นจึงมีผู้บำเพ็ญจำนวนมากเสี่ยงอันตรายเข้าไปในหุบเขาเขี้ยวหัก! และยังมีผู้ที่ถูกหมายหัว ถูกไล่ล่าจนต้องหนีเข้าไปภายในหุบเขาเขี้ยวหัก


ส่วนใหญ่ล้วนสิ้นใจอยู่ในนั้น


จำนวนนั้นมีชีวิตรอดออกมาได้…และถึงขั้นมีบางคนโชคดีได้สิ่งล้ำค่ามา!


“เป้าหมายที่ข้าเลือกก็คือมารร้ายแห่งรัฐเหินประจิม” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด


“รัฐเหินประจิมรึ อื้ม ระวังหน่อยก็แล้วกัน”


“วางใจเถิดขอรับท่านอาจารย์”


ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางม้วนสาส์นที่คลี่ออกมา


ในบรรดาเป้าหมายทั้งห้าสิบของภารกิจสังหารบนม้วนสาส์น มีรัฐเหินประจิมอยู่ห้าคนด้วยกัน


แม้รัฐเหินประจิมจะเป็นรัฐแห่งหนึ่ง อันที่จริงแล้วกลับเป็นสถานที่รวมตัวกันของมารร้าย แม้สภาพแวดล้อมจะไม่เลวร้ายเท่าทะเลสาบมารทมิฬ แต่หากพูดถึงจำนวนมารร้ายแล้ว กลับมากมายไม่แพ้ทะเลสาบมารทมิฬเลย


ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดและมีสถานะสูงส่งที่สุดก็คือประมุขรัฐเหินประจิม ทว่าโดยทั่วไปเขาเรียกตนเองว่า ‘บรรพชนเหินประจิม’ บรรพชนเหินประจิมก็เป็นผู้ทรงอำนาจที่ไร้เทียมทานทางฟากฝั่งหนึ่งซึ่งมักจะต่อต้านรัฐโบราณสหโลกาซึ่งหน้าอยู่เป็นประจำ! เหิมเกริมเป็นอันมาก ถึงขั้นที่บางครั้งพวกเขาต่างก็ส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปสร้างหายนะแก่รัฐโบราณอีกห้ารัฐที่เหลือ บรรพชนเหินประจิม…หกรัฐโบราณล้วนต้องการสังหารเขาทั้งสิ้น น่าเสียดายที่ฆ่าไม่ตายเสียที!


เนื่องจากรัฐโบราณสหโลกานั้นอยู่ใกล้กับรัฐเหินประจิม และเคยส่งยอดฝีมือบุกเข้าไปสังหารหลายครั้ง สังหารเสียจนรัฐเหินประจิมบาดเจ็บล้มตายไปจำนวนนับไม่ถ้วน น่าเสียดายที่บรรพชนเหินประจิมไม่แยแส! เขาและประมุขรัฐเพรียกหิมะนั้นเหมือนกันมาก


ประมุขรัฐเพรียกหิมะก็ไม่ไว้หน้ารัฐโบราณคิมหันตวายุเลย


ทว่าตัวประมุขรัฐเพรียกหิมะเองมิใช่มารร้าย เพียงแค่นิสัยหยิ่งทระนงเกินไปเท่านั้น


ส่วน ‘รัฐเหินประจิม’ กลับมีมารร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว


รางวัลของภารกิจในครั้งนี้ ภารกิจสังหารของรัฐโบราณคิมหันตวายุได้กำหนดบุคคลระดับสูงของทางพวกเขาเอาไว้ห้าคนด้วยกัน แน่นอนว่าไม่มีทางตั้งรางวัลค่าหัวของบรรพชนเหินประจิมอย่างแน่นอน เพราะนั่น แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็ยังมิอาจสังหารได้


คนหนึ่งก็คือผู้แกร่งกล้าซึ่งจัดเป็นอันดับสองของทางรัฐเหินประจิม ซึ่งก็คือสิ่งมีชีวิตระดับจอมเคารพ ‘จอมเคารพสะบั้นฟ้า’ นั่นเอง!


ส่วนอีกสี่คนที่เหลือก็คือ ‘สี่วายร้ายเหินประจิม’


“ไหนเลยข้าจะกล้ามีความคิดโจมตีจอมเคารพสะบั้นฟ้าได้เล่า สี่วายร้ายเหินประจิม พลังแตกต่างกับข้าไม่มากนัก บัดนี้วังเทพจิตโลกาเปิดออกแล้ว คาดว่าเหล่ามารร้ายรัฐเหินประจิมคงพอเดาได้ว่าพวกเขาจะถูกตั้งค่าหัว จึงต้องระมัดระวังเป็นอันมาก นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นถิ่นของพวกเขา เมื่อพบอันตรายก็เกรงว่าคงจะให้บรรพชนเหินประจิมและจอมเคารพสะบั้นฟ้ามาช่วยเหลือแล้ว จะสังหารพวกเขานั้นยากเย็นเพียงใด” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจในจุดนี้ดี


“ด้วยพลังของข้า ก็มีเพียง ‘จ้าวมารจันทราวายุ’ เท่านั้นที่ข้าสามารถกำราบได้พอดี และสามารถจัดการทิ้งไปได้ในทันใด ทันทีที่กำจัดเขาได้แล้ว ข้าก็จะรีบหนีไปทันที” ตงป๋อเสวี่ยอิงมีวิธีการกลายเป็นอากาศธาตุ          ขั้นสุด จะหนีไปก็ยังคงพอจะมีหวังอยู่บ้าง


“จ้าวมารจันทราวายุ!”


ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูรายนามบนม้วนสาส์น และรางวัลถึง ‘หนึ่งหมื่นหนึ่งพันมหาคุณูปการ’ นัยน์ตาก็ฉายแววรอคอยออกมา


จากประสบการณ์ โดยทั่วไปแล้วหากมีมหาคุณูปการหมื่นแต้ม ก็จะมีโอกาสได้รับอันดับแล้ว เนื่องจากแต่ละคนที่ถูกตั้งค่าหัวนั้นล้วนแต่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น  คิดจะสังหารก็ยากยิ่งนัก


“ขอรับ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงเก็บม้วนสาส์นลงไป จากนั้นก็ยืดกายขึ้นทันที


……


เชาแปลงโฉมเอาไว้ก่อนแล้ว การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดก็สามารถปกปิดกลิ่นอายได้อย่างสมบูรณ์ เขาแสร้งทำเป็นกลิ่นอายขั้นรวมเป็นหนึ่ง หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่ง เมื่ออยู่ภายในรัฐเหินประจิมก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเอาเสียเลย ระดับพลังเช่นนี้ยังมิอาจนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่ใหญ่หลวง แต่ก็คงไม่ถูกเหยียดหยาม


“จ้าวมารจันทราวายุ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังตามหา


เมื่อมีบรรพชนเหินประจิมคอยช่วยปกปิด ศาสตร์การตามรอยก็หาไม่พบมาโดยตลอด เครือข่ายข่าวสารของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็มิอาจหาพบได้ คล้ายกับว่าหลังจากวังเทพจิตโลกาเปิดออกมานั้น จู่ๆ จ้าวมารจันทราวายุก็ถ่อมตนลงมาเสียอย่างนั้น


ราตรีมืดมิด


“เขาจะอยู่ที่ใดได้หนอ”


เขาสำแดงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุด ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งเดินเข้าๆ ออๆ ทั่วทั้งในและนอกจวนจ้าวมารพิรุณวายุงุนงงเป็นอย่างมาก


“จ้าวมารจันทราวายุชมชอบสตรีเป็นที่สุด สตรีแต่ละนางเมื่อถึงมือเขาแล้วก็ล้วนต้องถูกทรมานจนตาย …” ในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงมีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับจ้าวมารจันทราวายุจำนวนมากแวบขึ้นมา เขาคิดจะคาดเดาตำแหน่งที่จ้าวมารจันทราวายุซ่อนตัวอยู่จากข้อมูลที่ได้มา



 

 

 


ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...

 

ตอนที่ 26 เหยียบย่ำให้ตาย

ตงป๋อเสวี่ยอิงตรวจตราดูคูหาและลานบ้านของจ้าวมารจันทราวายุ ตลอดจนสถานที่ที่เขาไปเป็นประจำในบันทึกอย่างเงียบเชียบรอบหนึ่งราวกับพรานป่า


“ไม่มีเลย”


“ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏตัวขึ้นภายในหอสุราของเมืองเล็กอันห่างไกลแห่งหนึ่ง ดื่มสุราชั้นเลิศ กินอาหารเลิศรส “ดีร้ายอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลขั้นที่สอง พอวังเทพจิตโลกาเปิด ก็ตกใจกลัวขนาดนี้เลยหรือ คูหาและลานบ้านของตัวเองก็ยังไม่กล้าอยู่เลยด้วยซ้ำ”


รัฐเหินประจิมเป็นสถานที่รวมตัวของเหล่ามารที่มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา


นอกจากบรรพชนเหินประจิมและจอมเคารพสะบั้นฟ้าผู้สูงส่ง ระดับจอมเคารพสองคนนี้แล้ว…


ที่ตามมาก็คือสี่วายร้ายเหินประจิมซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองเช่นกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า แต่ก็สามารถบำเพ็ญมาถึงระดับขั้นเช่นนี้ได้ แต่ละคนก็มิใช่ผู้ที่จะสามารถยั่วยุได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นบุคคลระดับจอมเคารพ ก็แค่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาระดับหนึ่งเท่านั้น การจะสังหารพวกเขาก็เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง! พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมห่างชั้นกับจอมเคารพอยู่แล้ว แต่ก็มีความมั่นใจในการจัดการกับจ้าวมารจันทราวายุ


เป็นเพราะว่าอาศัย ‘อาภรณ์ราชันย์มาร’ ทำให้เคล็ดวิชาทางด้านวิญญาณของตนสามารถคุกคามผู้แกร่งกล้าระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองได้


“สี่วายร้ายเหินประจิม ระดับจิตใจของจ้าวมารจันทราวายุมีข้อบกพร่อง เป็นเพียงคนเดียวที่ข้ามีความมั่นใจที่จะใช้เคล็ดวิชาทางด้านวิญญาณจัดการ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ


คนอื่นๆ อีกสามคน


จิตวิญญาณไม่มีข้อบกพร่องเลย พูดถึงปณิธานดวงจิตก็มิได้แตกต่างจากระดับจอมเคารพมากสักเท่าใดนัก เพียงแค่ขาดสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าชิ้นหนึ่งเท่านั้น


“ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ทำได้เพียงสำรวจตรวจตราไปทุกหนแห่งเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงดื่มสุราไปพลาง สำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาทำการสำรวจตรวจตราทุกหนแห่งไปพลาง


……


การสำรวจตรวจตราทลายโลกาเป็นวิธีการที่โง่เง่าที่สุด อีกทั้งยังตรงไปตรงมาที่สุดด้วย! ตอนนั้นที่เสาะหารังระดับเกราะทองที่ทางเดินโลกาพิศวง ตงป๋อเสวี่ยอิงสิ้นเปลืองเวลานับล้านล้านปีก็ยังเสาะหาได้ไม่หมด เพราะว่า ‘สำรวจตรวจตราทลายโลกา’ สามารถปูพรมค้นหาได้แค่ทีละแห่งเท่านั้น อัตราเร็วเชื่องช้าอย่างยิ่ง และภารกิจในครั้งนี้มีระยะเวลาจำกัดอยู่เพียงแค่เก้าหมื่นปีเท่านั้น!


“น่าเสียดายที่ข้าไม่ถนัดทางด้านการสะกดรอย ถ้าหากข้าถนัดการสะกดรอย สามารถขจัดเคล็ดที่ปิดบังเอาไว้ได้ เช่นนั้นก็คงจะยอดเยี่ยมเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง


อย่างเช่นการสะกดรอยของเจ้าศิลานั้นร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง


ภายในโลกกำเนิดแห่งหนึ่ง ไม่มีที่ใดเลยที่เขาไม่ตรวจหา


ดินแดนจิตโลกาอันเวิ้งว้าง…ผู้ที่สะกดรอยได้ร้ายกาจกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นมีอยู่มากมายนัก! เบื้องหลังของเขาก็คือท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณา นอกจากนี้เขายังไม่อยากรบกวนท่านอาจารย์ในเรื่องนี้ด้วย


“ค่อยๆ หาไปก็แล้วกัน”


“นอกจากนี้ เชื่อว่านอกจากข้าแล้วคงจะมีผู้แกร่งกล้ารัฐโบราณคนอื่นๆ จับจ้องที่นี่อยู่เหมือนกันกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงมีความอดทนเป็นอย่างยิ่ง


*****


กาลเวลาเคลื่อนผ่าน ตงป๋อเสวี่ยอิงทลายโลกาสอดแนมสถานที่แต่ละแห่ง เพียงชั่วพริบตาก็ผ่านไปสามพันปีแล้ว


ยามราตรี


“หืม มารตนนี้หรือ” ภายในลานเล็กแห่งหนึ่ง ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวกำลังนั่งดื่มอยู่ตามลำพัง ประกายหนาวเหน็บสายหนึ่งวาบผ่านดวงตา เขาสอดแนมไปถึงยังคูหาแห่งหนึ่ง


ภายใน ‘จวนเฉียหย่ง’ ที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่เป็นที่สุด


ที่คุกใต้ดินภายในจวน


คุมขังนักโทษกลุ่มใหญ่เอาไว้เป็นจำนวนมาก บรรดานักโทษเหล่านี้กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าล้วนถูกทรมานจนมีบางส่วนวิปลาสไปเสียแล้ว


“อืม”


ชายหนุ่มอาภรณ์ทองหรูหรางดงามคนหนึ่งเดินทอดน่องอยู่ภายในคุกใต้ดิน หลังจากที่บรรดานักโทษภายในคุกเหล่านั้นได้เห็นเขาแล้ว พวกที่วิปลาสต่างก็ตาแดงก่ำแล้วคลุ้มคลั่งขึ้นมา พวกที่นั่งอยู่อย่างสงบต่างก็ขบกรามจ้องเขาเขม็งอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงขนาดที่มีจำนวนมากก่นด่าสาปแช่งเขาอย่างโกรธแค้น “บรรพชนราตรีนิรันดร์ผู้ยิ่งใหญ่ ข้าอยากจะใช้ชีวิตของข้าสาปแช่งเขา สาปแช่งพญามารเฉียหย่งผู้นี้ สาปแช่งให้มันตาย ให้มันตายไปเสีย!!”


“พญามารเฉียหย่ง…”


ความโกรธแค้นล้นฟ้า นักโทษจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองเขาอย่างเต็มไปด้วยความชิงชัง


ทว่าชายหนุ่มอาภรณ์ทองหรูหรางดงามกลับเผยรอยยิ้มออกมาแล้วเอ่ยปากพูดกับลูกน้องด้านหลังว่า “ดีมาก ทรมานพวกเขาต่อไป ให้ความแค้นนี่สาหัสขึ้นอีกก็ยิ่งดีเลย”


“ขอรับๆ” เหล่ายามรักษาการณ์ที่อยู่ด้านหลังรับคำอย่างเคารพ


ชายหนุ่มอาภรณ์ทองหรูหรางดงามยื่นมือออกมาแล้วสะบัดแขนขวายื่นตรงเข้าไปภายในคุกห้องหนึ่ง บรรดานักโทษแต่ละคนที่ถูกคุมขังอยู่ภายในคุกห้องนั้นดูดกลืนพลังเข้าไปอย่างหวาดหวั่น ร่างกายของเหล่านักโทษแต่ละคนสั่นสะท้าน หลังจากนั้นก็กลายเป็นผุยผงจนหมด พลังวิญญาณแค้นอันเข้มข้นขุมหนึ่งลอยเข้าสู่กลางอุ้งมือขวาของชายหนุ่มอาภรณ์ทองหรูหรางดงาม กลางฝ่ามือของเขามีหุบเหวลึกไร้ก้นอยู่แห่งหนึ่ง กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างลงไป


เขาเดินทอดน่องอยู่ภายในคุก แล้วกลืนกินนักโทษผู้อยู่ในคุกที่มีความแค้นหนาแน่นเหล่านี้ลงไป


“เจ้านาย” เงาร่างอันรางเลือนจากที่ไกลๆ ด้านหลังสายหนึ่งเคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว รอจนเข้ามาใกล้แล้วก็แปลงกายเป็นชายชราผมสีเงินคนหนึ่ง


ชายหนุ่มอาภรณ์ทองหรูหรางดงามกลืนกินอย่างต่อเนื่องไปพลาง เผยสีหน้ารอคอยไปพลางแล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”


“เจ้านาย ประชากรนับล้านล้านคนของเมืองเล็กแห่งนั้นถูกจับเป็นมาจนหมดสิ้นแล้วขอรับ” ชายชราผมสีเงินยื่นมือออกมา กลางอุ้งมือก็คือแหวนสีทองวงหนึ่ง “ถูกขังอยู่ในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์นี้หมดเลยขอรับ”


“ดี ดีมาก เจ้าทำได้ดีมากทีเดียว” ชายหนุ่มอาภรณ์ทองหรูหรางดงามได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็เผยสีหน้ายินดี “ต่อไปเจ้าก็ทรมานพวกเขาให้ข้าหนักๆ ล่ะ ยิ่งแค้นเคืองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”


“ขอรับ” นัยน์ตาของชายชราผมสีเงินเต็มไปด้วยความคาดหวังและความกระหายสังหาร


ชายหนุ่มอาภรณ์ทองหรูหรางดงามยิ้มตาหยีพร้อมทั้งยื่นมือเข้าไปภายในคุกอีกห้องหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง


ภายในคุกห้องนั้นก็มีนักโทษอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง


“มาร มาร” สาวน้อยผู้หนึ่งดวงตาแดงก่ำไปหมด ทั้งสำนักของนางล้วนถูกจับกุมตัวมาจนสิ้น แต่ละคนเผชิญกับโทษทัณฑ์ทรมานนานาชนิด อีกทั้งยังถูกพญามารผู้นี้กลืนกินอีกด้วย


“ในที่สุดก็ถึงตาข้าแล้วหรือ” สาวน้อยเอ่ยพึมพำ “ข้าเกลียดนัก บรรพชนราตรีนิรันดร์ บรรพชนนิจรัตติกาล จักรพรรดิเทพผลาญโลกา จักรพรรดิเซี่ย…บุคคลผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งเหนือผู้ใดเอ๋ย ข้าขอร้องพวกท่านล่ะ ข้าเต็มใจจะพลีชีวิตและวิญญาณของข้าให้ ขอเพียงแค่เขาตายเท่านั้น”


ตอนที่มือข้างนั้นยื่นเข้ามาใกล้คุกนั่นเอง ทันใดนั้น…


ขณะที่เหล่ายามรักษาการณ์และพวกชายชราผมสีเงินที่อยู่ข้างๆ แต่ละคนต่างก็มองดูอยู่อย่างตื่นเต้นนั้นเอง ทันใดนั้นชายหนุ่มอาภรณ์ทองหรูหรางดงามก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างไร้ซึ่งร่องรอย จากนั้นชายชราผมสีเงินและยามรักษาการณ์บางส่วนก็ร่วงหล่นลงมาจนหมดเสียงดังฟึ่บๆๆ แต่ละคนต่างก็มิได้ส่งเสียงเลย


“ปัง”


บรรดานักโทษที่มีอยู่ทั้งหมดในคุกใต้ดินรวมถึงแหวนวงนั้นต่างก็ถูกฝืนเคลื่อนย้ายจากไปในชั่วพริบตา


ท่ามกลางความเวิ้งว้างที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่เป็นที่สุดแห่งหนึ่ง


เหล่านักโทษจำนวนมากและบรรดาประชากรจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในแหวนสีทองต่างก็ปรากฏตัวขึ้น ผนึกของนักโทษเหล่านั้นก็ถูกคลายออกจนหมดด้วย


“นี่ นี่มัน…”


เหล่านักโทษที่เดิมทีเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเกลียดชังต่างพากันมองไปทั่วทุกทิศอย่างตื่นตะลึง บริเวณโดยรอบอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ปกคลุมด้วยราตรีกาล


“พวกเราออกมาแล้วหรือ”


“พวกเรา…”


เหล่านักโทษและบรรดาประชากรจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกปล่อยตัวออกมาจากภายในแหวนต่างก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว


จากนั้นผู้คนจำนวนมากต่างก็พากันคุกเข่าลง “ขอบคุณผู้อาวุโสที่มีบุญคุณช่วยชีวิต! ขอบคุณผู้อาวุโสที่มีบุญคุณช่วยชีวิต!” น้ำเสียงสายแล้วสายเล่าดังกึกก้องฟ้าดิน


พวกเขาต่างก็เข้าใจว่าเป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่มีฝีมือลึกล้ำยากหยั่งถึงคนหนึ่งช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ แต่ละคนเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เพราะเรื่องด้านมืดในโลกก็มีมากมายนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่กล้าเป็นอริกับมารจำนวนนับไม่ถ้วนของรัฐเหินประจิมก็มีอยู่เพียงน้อยนิดอย่างที่สุด ผู้ที่เต็มใจจะลงมือช่วยเหลือผู้อ่อนแออย่างพวกเขาก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่! ถึงอย่างไรในสายตาของผู้แกร่งกล้าจำนวนมาก ผู้อ่อนแอล้วนราวกับมดปลวกทั้งสิ้น


สามารถไม่รังแกผู้อ่อนแอได้ก็นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว ผู้ที่ช่วยเหลือพวกเขาโดยไร้ซึ่งเหตุผลก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่! ถึงอย่างไรดินแดนจิตโลกาก็กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ก็มีเรื่องพรรค์นี้มากมายเหลือเกิน


……


นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งจิบสุราอยู่ภายในลานบ้านมีแววร้ายกาจสายหนึ่งพาดผ่าน “เฮอะ ความหนักหนาของสายเหตุปัจจัยความแค้นของมารตนนี้มิอาจจินตนาการได้เลย สมควรตายนัก!”


เขาทลายโลกาสอดแนมรัฐเหินประจิม เดิมทีรัฐเหินประจิมก็เป็นสถานที่รวมตัวของมารอยู่แล้ว มีมารมากมายเหลือเกิน ถ้าหากสังหารแต่ละตนจนหมด! เขา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็จะเปิดศึกกับรัฐเหินประจิมอย่างสมบูรณ์แล้ว แม้กระทั่งรัฐโบราณสหโลกาก็ยังจัดการ ‘บรรพชนเหินประจิม’ มิได้ เขา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังมิได้แข็งกร้าวเช่นนั้นในตอนนี้… เขาก็คร้านจะไปใส่ใจมารจำนวนมากมายให้มากเกินไปนัก


มีเพียงมารที่ร้ายกาจอย่างที่สุดเท่านั้น อย่างเช่นมารที่มีนามว่า ‘เฉียหย่ง’ เมื่อครู่ เขาก็ไม่มีทางทนรับได้เลยจริงๆ!


มารธรรมดาทั่วไปก็เพียงแค่มีฝีมือร้ายกาจสักหน่อยเท่านั้น! หากแต่การบำเพ็ญครั้งหนึ่งของ ‘เฉียหย่ง’ ก็ต้องแลกด้วยชีวิตนับล้านล้านชีวิต ความร้ายกาจของมารพรรค์นี้น่ากลัวกว่ามารธรรมดาทั่วไปไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า


“สมควรตายนัก”


ตงป๋อเสวี่ยอิงสลัดออกจากหัวสมองไปในทันที แล้วสอดแนมสถานที่อื่นๆ ของรัฐเหินประจิมต่อไป


******


ณ จวนเฉียหย่ง


มารขั้นอลวน ‘เจ้าเมืองเฉียหย่ง’ ตายไป นักโทษที่ขังไว้ในคุกใต้ดินก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยจนหมดสิ้น ก็ไปกระตุ้นเตือนระดับสูงของรัฐเหินประจิมในทันที


“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว”


มีผู้แกร่งกล้าเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ต่างก็เป็นสำนักวิชาเดียวกันกับเจ้าเมืองเฉียหย่งทั้งสิ้น


ภายในรัฐเหินประจิมก็แบ่งออกเป็นหลายสำนักวิชา


“ตายแล้วหรือ” เงาร่างสามสายที่อยู่ภายในคุกใต้ดินมองดูเจ้าเมืองเฉียหย่งที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น ที่ตายไปด้วยกันในบริเวณรอบๆ ยังมีชายชราผมสีเงินและยามรักษาการณ์จำนวนหนึ่งด้วย ต่างก็เป็นสายเหตุปัจจัยความแค้นอันหนาหนักที่ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นพบตอนที่จงใจสังเกตเหตุปัจจัย ‘ลบเลือน’ ไปอย่างง่ายดายเสียแล้ว


“สมบัติล้ำค่าในตัวศิษย์น้องเฉียหย่งยังคงอยู่เช่นเดิม อีกทั้งยังไม่ได้รับบาดเจ็บที่อื่นๆ เลยด้วย ถูกผลาญวิญญาณอย่างนั้นหรือ”


“อืม เป็นวิญญาณนั่นแหละ คนอื่นๆ ทุกคนต่างก็ถูกผลาญวิญญาณกันหมด”


“ทางด้านวิญญาณหรือ”


ยอดฝีมือขั้นอลวนสามคนที่อยู่ที่นั่นประสานสายตากัน แต่ละคนหน้าถอดสี เดิมทียอดฝีมือที่เชี่ยวชาญทางด้านวิญญาณก็น่ากลัวอยู่แล้ว สามารถสังหาร ‘เจ้าเมืองเฉียหย่ง’ อย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียงได้ ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถผลาญสังหารพวกเขาได้ภายในชั่วพริบตาเช่นเดียวกัน


“เป็นใครกันที่บังอาจถึงเพียงนี้ กล้าลงมือกับศิษย์น้องเฉียหย่งได้ ไปรายงานท่านอาจารย์เร็วเข้า! จะปล่อยไปเช่นนี้ไม่ได้แน่!”


“หาตัวฆาตกรให้เจอแล้วฆ่ามันเสีย”


พวกเขาแต่ละคนถ่ายเสียงวิพากษ์วิจารณ์กัน เหล่ามารแห่งรัฐเหินประจิมต่างก็โอหังกันเป็นอย่างยิ่ง เพียงคำสั่งเดียวของประมุขรัฐเหินประจิม พวกเขาก็กล้าไปก่อความวุ่นวายที่หกรัฐโบราณแล้ว จะเห็นได้ถึงความมุทะลุทำตามอำเภอใจ


พรึ่บ


เงาร่างสองสายหนึ่งชายหนึ่งหญิงลอยเข้ามา บุรุษชุดเขียวที่นำหน้ามามีสีหน้าอึมครึม


“ศิษย์พี่ใหญ่”


สามคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นคารวะอย่างเคารพนบนอบ พลังยุทธ์ของศิษย์พี่ใหญ่แข็งแกร่งกว่ามากนัก ซึ่งก็คือยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในสำนักที่มีพลังรบระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบ


“พวกเจ้าตรวจสอบกันมาแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้างเล่า” บุรุษชุดเขียวเอ่ยอย่างเรียบเรื่อย


“เรียนศิษย์พี่ใหญ่ ฆาตกรเป็นยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญทางด้านวิญญาณขอรับ” หนึ่งในคนเหล่านั้นเอ่ยขึ้น “สังหารศิษย์น้องเฉียหย่งและลูกน้องที่อยู่รอบๆ บางส่วนอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียงในชั่วพริบตา อีกทั้งนักโทษที่ขังเอาไว้ทั้งหมดก็ถูกเคลื่อนย้ายหนีไปด้วยขอรับ!”


“ในชั่วพริบตาอย่างนั้นหรือ” บุรุษชุดเขียวถามย้ำ


“ขอรับ มียามรักษาการณ์บางส่วนโชคดีรอดมาได้ พวกเขาบอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเท่านั้นขอรับ”


“ศิษย์พี่ใหญ่ มันบังอาจสังหารศิษย์น้องของพวกเรา เรื่องนี้จะปล่อยไปเช่นนี้มิได้แล้วนะขอรับ! จะต้องหาตัวฆาตกรให้พบแล้วฆ่ามันให้ได้”


คนอื่นๆ ต่างก็พากันพูดขึ้น


พวกเขารู้ว่าฆาตกรผู้นี้ร้ายกาจนัก แต่พวกเขาก็ยังมีท่านอาจารย์อยู่ เหนือท่านอาจารย์ขึ้นไปก็ยังมีระดับที่สูงกว่าอยู่อีก! รัฐเหินประจิม จะมีก็แต่พวกเขารังแกคนอื่นเท่านั้น มีคนอื่นมารังแกพวกเขาตั้งแต่เมื่อใดกันเล่า


“เฮอะ”


บุรุษชุดเขียวส่งเสียงเฮอะเยียบเย็นคราหนึ่งพลางกวาดตามองอย่างเยียบเย็น “โง่เง่านัก”


ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกตะลึง แม้กระทั่งหญิงสาวข้างกายเขาก็ยังเอ่ยอย่างสงสัยว่า “ศิษย์พี่ใหญ่”


บุรุษชุดเขียวเอ่ยอย่างเรียบเฉย “บอกพวกเจ้าตามความจริงก็แล้วกัน เมื่อหลายพันปีก่อน วังเทพจิตโลกาก็ค่อยๆ เริ่มเปิดทีละน้อย”


“วังเทพจิตโลกาหรือ”


“วังเทพจิตโลกาหรือ”


แต่ละคนพากันตื่นตระหนก


พวกเขาสามารถเป็นขั้นอลวนได้ อีกทั้งยังล่วงรู้เรื่องที่เล่าขานกันทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาด้วย วังเทพจิตโลกานั้นก็คือสถานที่ในตำนานเล่าขาน! เหล่าเทพจักรวาลต่างก็เสี่ยงชีวิตหมายจะเข้าไป แต่ผู้ที่สามารถเข้าไปได้นั้นมีน้อยจนน่าอนาถ อย่างเช่นพวกบรรพชนเหินประจิมและจอมเคารพสะบั้นฟ้านั้นก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย


“วังเทพจิตโลกาค่อยๆ เปิดออก ภายในหกรัฐโบราณก็มีการต่อสู้ชิงตำแหน่ง พวกเขาในเวลานี้สามารถทำการล่าค่าหัวพญามารจำนวนหนึ่งของทั้งดินแดนจิตโลกาได้” บุรุษชุดเขียวพูด “รัฐเหินประจิมของพวกเราก็อาจมีระดับสุดยอดอยู่หลายคนที่สามารถถูกจัดชื่อไว้ในทำเนียบรายนามล่าค่าหัวได้ พวกเขาไล่ล่าสังหารพวกเราเพื่อให้ได้รับความดีความชอบ เพื่อตัดสินตำแหน่งในท้ายที่สุด”


“ดังนั้น ตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อนก็มีผู้แกร่งกล้าของหกรัฐโบราณลอบเข้ามายังรัฐเหินประจิมของพวกเราแล้วล่ะ”


“พวกเขาแต่ละคนต่างก็เป็นนักล่า…ต่างก็กำลังเสาะหาเหยื่อกันอยู่”


บุรุษชุดเขียวน้ำเสียงเยียบเย็น


“แต่ว่า ศิษย์พี่ใหญ่ เทพจักรวาลที่น่าหวาดหวั่นเหล่านั้น เหยื่อก็สามารถตกรางวัลได้กระมัง พวกเขาก็ลงมือกับคนตัวเล็กๆ อย่างพวกเรานี้ด้วยหรือ” ขั้นอลวนคนอื่นๆ อีกสี่คนก็มีความอกสั่นขวัญแขวนเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างก็รู้ว่าทุกครั้งที่เปิดวังเทพจิตโลกาล้วนก่อให้เกิดคลื่นลมอันยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น


เพราะในเวลาปกติ


เทพจักรวาลที่น่าหวั่นเกรงเหล่านั้นก็ไม่มีทางมาล่าสังหารอย่างง่ายดายอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่ง! มีเพียงยามที่มีการต่อสู้ชิงตำแหน่งเท่านั้นที่มีแรงดึงดูดมากพอ พวกเขาจึงจะมา ตามปกติแล้วในเวลานี้ อย่างเช่น ‘สี่วายร้ายเหินประจิม’ พวกเขาแต่ละคนต่างก็หวาดกลัวเสียจนต้องคอยหลบซ่อนตัว


“ใช่แล้ว เหยื่อของพวกเขาก็คือระดับสูงสุดของรัฐเหินประจิมเรา” บุรุษชุดเขียวยิ้มเย็น “แต่ทว่าสำหรับเทพจักรวาลที่น่าหวาดหวั่นอย่างพวกเขา สังหารคนอย่างพวกข้าก็คือการเหยียบย่ำมดปลวกให้ตาย อีกประเดี๋ยวศิษย์น้องเฉียหย่งเขาก็จะถูกบุคคลที่น่าหวาดหวั่นคนหนึ่ง ‘เหยียบย่ำให้ตาย’ แล้ว ดังนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไปก็เจียมเนื้อเจียมตัวกันสักหน่อย ทำตัวดีๆ หน่อย อย่าก่อเรื่องวุ่นวาย ถึงแม้ว่าข้าจะสงสัยว่าเทพจักรวาลที่น่าหวั่นเกรงผู้นั้นลอบสังเกตพวกเราอยู่อย่างลับๆ พวกเราก็คงจะมิอาจค้นพบได้หรอก”


ทั้งสี่คนในที่นั้นหัวใจสั่นสะท้านพลางอดที่จะมองดูบริเวณรอบๆ มิได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)