Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 34 ตอนที่ 17-18
ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...
ตอนที่ 17 วิธีการของตงป๋อเสวี่ยอิง
กลิ่นอายที่ม้วนตัวของทะเลทุกข์ทะลุผ่านเข้าไปในวิญญาณของอวี๋จิ้งชิว ทำให้นางต้องทนรับความทรมานของ ‘ทะเลทุกข์กลืนวิญญาณ’ อยู่ทุกวันคืน ไร้ที่สิ้นสุดชั่วนิรันดร์
“หืม”
ความเจ็บปวดขมขื่นในวิญญาณดั้งเดิมมลายหายไปในทันที อวี๋จิ้งชิวรับสัมผัสได้ถึงร่างกายของตนอย่างแจ่มชัด! ตั้งแต่ที่ถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์โยนเข้ามาที่ทะเลทุกข์ นางก็มิอาจสัมผัสได้ถึงร่างกายมาเนิ่นนานแล้ว
“นี่มันเรื่องอันใดกัน” อวี๋จิ้งชิวลืมตา
ด้านข้างก็คือต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง บนต้นไม้ใหญ่ กลีบดอกไม่สีแดงลอยละลิ่ว ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวตรงหน้าผู้หนึ่งกำลังมองดูนางอยู่ กลีบดอกไม้ร่วงลงบนร่างของชายหนุ่มอาภรณ์ขาว แล้วร่วงลงบนร่างของนางเช่นกัน
อวี๋จิ้งชิวมองดูอย่างตกตะลึง ไร้ซึ่งสุ้มเสียง หยาดน้ำตาก็หลั่งไหลลงมาเสียแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจสั่นสะท้าน และนัยน์ตาก็รื้นขึ้นมาแล้ว
“เสวี่ยอิง กลับมาแล้วหรือ” อวี๋จิ้งชิวอดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือมิได้
“จิ้งชิว ให้เจ้าต้องรอนานเสียแล้ว ทำให้เจ้าต้องลำบากเสียแล้ว เป็นความผิดของข้าเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูภรรยา รู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกผิดอยู่ในใจ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” อวี๋จิ้งชิวตอบสนองในทันที “ข้าถูกกักขังไว้ในโลกทิพย์โบราณ เจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไรกัน จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เล่า”
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์กำลังประมือกับข้าอยู่ วางใจเถิดนะ ต่อจากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว ข้าขอสาบาน!” ตงป๋อเสวี่ยอิงกอดภรรยาเอาไว้เบาๆ
ในอดีต
เมื่อเผชิญหน้ากับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ก็เกิดความรู้สึกสิ้นไร้เรี่ยวแรงชนิดหนึ่ง
ปรมาจารย์กู่ฉีตายไป ก่อนหน้านี้ตนก็เคยถูกกดดันจนวิญญาณกระจัดพลัดพรายไปจุติใหม่ยังดินแดนจิตโลกา ภรรยาก็ถูกจับตัวไป… แต่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอดีตไปเสียแล้ว!
******
โลกภายนอก
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยังรักษาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ เพียงชั่วพริบตาก็เก็บเอาเงาร่างหกสายที่ล่องลอยอยู่ในทะเลทุกข์ตรงหน้าเข้าไปไว้ในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์จนสิ้น หนึ่งในนั้นก็มีอวี๋จิ้งชิวผู้เป็นภรรยาของตนด้วย
ในขณะที่เก็บเข้าไปนั้นเอง
“ปัง!”
พลังคุกคามอันยิ่งใหญ่ชนิดหนึ่งพลันกวาดไปทั่วทั้งคุกเพลิง ในชั่วพริบตาทั่วทั้งคุกเพลิงก็นิ่งสงบไปเสียแล้ว ทะเลทุกข์ที่เดิมทีล่องลอยอยู่ก็นิ่งแข็งไปด้วย ยามรักษาการณ์และนักโทษเหล่านั้นล้วนตัวแข็งไม่ขยับเขยื้อนกันทุกคน ท่ามกลางพลังคุกคามอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ยังแฝงกลิ่นอายของกฎเกณฑ์สูงสุดบางส่วนเอาไว้ด้วย หลังจากที่คลื่นอันไร้รูปร่างนี้แผ่ปกคลุมกวาดไปแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงที่เดิมทีมองไม่เห็นก็ปรากฏรูปลักษณ์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้าขึ้นมอง
สายตาของเขาทะลุผ่านการขัดขวางของห้วงมิติและการขัดขวางของสรรพสิ่ง มองปราดหนึ่งก็เห็นเงาร่างสวมอาภรณ์ด้ายถักสีดำที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหินสีดำในห้องโถงพระราชวังทางด้านบนของคุกเพลิงแห่งนั้น ขณะนี้เองจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ลืมตาขึ้นแล้วมองต่ำลงไปยังเบื้องล่าง! เขตพลังของเขาบีบบังคับให้ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏตัว
‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ อาจจะทำให้เทพจักรวาลจำนวนมากจนใจ แต่ผู้ที่ไปถึงระดับจักรวาลขั้นสุดยอดโดยทั่วไปต่างก็มีวิธีจัดการด้วยกันทั้งสิ้น
“เจ้าเป็นใครกัน” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์มองลงไปยังชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้สวมหน้ากากสีเงินที่ส่วนลึกของคุกเพลิงเบื้องล่าง เสียงดังสนั่นก้องสะท้อนอยู่รอบกายตงป๋อเสวี่ยอิง
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลงจากเตียงศิลาดำ ร่างกายทะลุผ่านทุกสรรพสิ่งเดินตรงลงมายังเบื้องล่าง
และที่ส่วนลึกของคุกเพลิง
ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะถูกเขตพลังกฎเกณฑ์ของอีกฝ่ายขัดขวาง แต่ก็ควบคุมห้วงอากาศในชั่วพริบตา ทำให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้! เคล็ดวิชามีเอกลักษณ์เฉพาะ ลำพังแค่ห้วงอากาศ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังร้ายกาจกว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์
“พรึ่บ”
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้
แต่กลางอากาศตรงเบื้องหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้น นั่นคือร่างแปรร่างหนึ่งที่อาศัยพลังโลกทิพย์โบราณรวมตัวกันขึ้นมาตามธรรมชาติ ซึ่งก็คือจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ด้ายถักสีขาวร่างหนึ่ง จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ด้ายถักสีขาวนี้ยื่นมือออกมาก็มีสายฟ้าปรากฏขึ้นในมือของเขา
“ล้างผลาญ!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับลงมืออย่างอุกอาจ
ฝ่ามือของเขายื่นออกมาแล้วห่อหุ้มไปทางร่างแปรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ขาวราวกับชั้นเมฆ บนฝ่ามือมีลวดลายลับสายแล้วสายเล่าโคจร และที่เบื้องล่างของร่างแปรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ขาวก็มีฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้วย
ด้านบนคือฝ่ามือของตงป๋อเสวี่ยอิงฟาดลงมา ฝ่ามือใหญ่ด้านล่างปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
ฝ่ามือทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน!
“หืม” ร่างแปรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ขาวที่เดิมทีเฉยเมยมาโดยตลอดสีหน้าเปลี่ยนแปรเล็กน้อย สายฟ้าในมือแปรเปลี่ยนเป็นหอกยาวกวัดแกว่งออกมา แต่ห้วงมิติที่ฝ่ามือบนล่างทั้งสองโอบล้อมเอาไว้นั้นกลับถูกกดดันในทันที เมื่อบีบอัด ก็บีบจนบี้แบนเสียแล้ว! ร่างแปรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ขาวและหอกสายฟ้าที่เขารวมออกมาแปรเปลี่ยนเป็นภาพวาดภาพหนึ่งจนหมด ภาพวาดนี้… ภายใต้การกดดันของฝ่ามือใหญ่ทั้งสอง ในที่สุดก็สั่นสะท้านเล็กน้อยแล้วกลายเป็นผุยผงไปในที่สุด!
ยุทธวิธีคละถิ่น
เป็นยุทธวิธีที่ ‘จักรพรรดิเซี่ย’ แห่งดินแดนจิตโลกาคิดค้นขึ้น สามารถสำแดงพลังของร่างคละถิ่นออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระบวนท่าลึกลับ คล้ายกับความเร้นลับของวิถีอากาศจนหมดสิ้น ความยิ่งใหญ่ของพลังคุกคามก็ย่อมเหนือกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพอยู่แล้ว
“ดึงลาก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกไป
ลำแสงขมุกขมัวห้าสายแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกทิศทุกทางอย่างรวดเร็วแล้วแผ่ขยายออกไปอย่างบ้าคลั่ง
“เฮอะ”
ในขณะนี้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะเดินมุ่งลงไปข้างล่างอย่างมิได้ตั้งใจ แต่กลับเผยความเร็วอันน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุดออกมาเสียแล้ว จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงกับเคลื่อนที่ผ่านไปสามส่วนของระยะทางทั่วทั้งคุกเพลิงแล้ว
ถึงแม้ว่าลำแสงขมุกขมัวห้าสายที่แผ่มาจากรอบกายตงป๋อเสวี่ยอิงจะรวดเร็วเป็นที่สุด แต่สุดท้ายแล้วก็มาทันเพียงแค่ปกคลุมเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งคุกเพลิงเอาไว้เท่านั้น! พรึ่บ! เคล็ดผนึกห้าภาพ! คุกเพลิงสามพันเก้าร้อยชั้น แต่ในขณะนี้เบื้องล่างราวๆ หนึ่งพันเก้าร้อยชั้นถูกเคล็ดผนึกห้าภาพของตงป๋อเสวี่ยอิงปกคลุมเอาไว้จนหมดสิ้นเสียแล้ว
แยกออกจนหมด ผนึกเอาไว้!
“พรึ่บ”
หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนหนึ่งของคุกเพลิงอันใหญ่มหึมาก็หายสาบสูญไปอย่างฉับพลันเช่นนี้ ทั่วทั้งห้วงอากาศยังคงสมบูรณ์อยู่เช่นเดิม คล้ายกับว่าแต่ไหนแต่ไรคุกเพลิงก็มีเพียงแค่ราวๆ สองพันชั้นนี้อยู่แล้วเท่านั้น
“หืม” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไล่ล่ามาถึงบริเวณใกล้ๆ แล้ว แต่กลับพบว่าคุกเพลิงชั้นแล้วชั้นเล่าตรงหน้าหายลับไปอย่างฉับพลัน ห้วงมิติอันใหญ่มหึมาส่วนหนึ่งก็หายสาบสูญไปเช่นนี้แล้ว เบื้องล่างกลายเป็นกรวดหินดินทรายหลายชั้นไปเสียแล้ว แต่เขากลับแววตาสว่างวาบ “การตัดแยกห้วงมิติหรือ เป็นฝีมือของจักรพรรดิเก้าเมฆาอย่างนั้นหรือ คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเสียแล้ว”
******
ที่เมืองราชันย์มีดแห่งโลกทิพย์กิเลนบูรพา
ร่างแยกร่างหนึ่งของบรรพชนห้วงอากาศพำนักระยะยาวอยู่ที่นี่ สอดแนมดูความเคลื่อนไหวของโลกทิพย์โบราณอยู่ห่างๆ ถึงแม้ว่าจะสอดแนมดูอย่างต่อเนื่องมาหนึ่งร้อยแปดสิบล้านปีแล้ว แต่บรรพชนห้วงอากาศก็ยังคงมีความอดทนต่อไป
“จะเป็นเจ้าเด็กเสวี่ยอิงผู้นี้หรือไม่” บรรพชนห้วงอากาศรอคอยอย่างเงียบๆ
เขาสอดแนม
วัตถุประสงค์ก็คือเพื่อสอดแนมจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่บำเพ็ญอยู่ที่นั่น และอวี๋จิ้งชิวที่ล่องลอยอยู่กลางทะเลทุกข์ในส่วนลึกของคุกเพลิง
“ถ้าหากเป็นเสวี่ยอิง ถ้าหากต้องการจะช่วยคน ก็จะต้องช่วยอวี๋จิ้งชิวอย่างแน่นอน! แต่โลกทิพย์โบราณจะขัดขวางเสวี่ยอิง คาดว่าคงจะมีแต่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ลงมือ” บรรพชนห้วงอากาศแน่ใจว่าเพียงแค่สอดแนมคนทั้งสองนี้ตลอดเวลา เมื่อใดที่ตงป๋อเสวี่ยอิงช่วยคน ก็จะต้องค้นพบอย่างแน่นอน
ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ…
บุคคลลึกลับผู้นั้นคือตงป๋อเสวี่ยอิงจริงๆ ใช่หรือไม่
“หืม” บรรพชนห้วงอากาศร่างกายสั่นสะท้านในทันใด ดวงตาเบิกกว้าง ในระหว่างการสอดแนมของเขา เงาร่างหกสายและอวี๋จิ้งชิวที่อยู่กลางทะเลทุกข์ชั้นนั้นหายสาบสูญไปกับความว่างเปล่า ทว่ามองไม่เห็นยอดฝีมือคนใดที่ลงมือในบริเวณรอบๆ เลย
“มาเร็วเข้า! ลงมือแล้ว!” บรรพชนห้วงอากาศถ่ายเสียงพูด
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
เงาร่างห้าสายปรากฏตัวขึ้นแทบจะพร้อมเพรียงกัน ซึ่งก็คือราชันย์มีด จอมกระบี่ บรรพชนเทียนอวี๋ บรรพชนทิพย์ และบรรพชนโลกา! นอกจากราชันย์มีด คนอื่นๆ ล้วนเป็นเพียงแค่ร่างแปรเท่านั้น ถึงอย่างไรทุกคนก็จำเป็นต้องนั่งประจำการอยู่ทุกที่ ในขณะนี้ร่างจริงของจอมกระบี่ บรรพชนทิพย์ และบรรพชนโลกาต่างก็กำลังเร่งเดินทางมาด้วยความเร็วสูงสุดอยู่
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“ใช่เสวี่ยอิงหรือไม่”
“ลงมือช่วยคนเสียแล้วจริงๆ หรือ”
แต่ละคนให้ความสนใจอย่างกระวนกระวาย
บรรพชนห้วงอากาศก็โบกมือคราหนึ่ง ด้านข้างมีภาพวาดปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือภาพวาดที่เขาได้เห็น! ที่กลางภาพวาด จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนเตียงศิลาดำยืดกายลุกขึ้นแล้ว อีกทั้งเขตพลังอันน่าหวาดหวั่นยังแผ่ปกคลุมลงไปอีกด้วย จนกระทั่งบีบให้ตงป๋อเสวี่ยอิงต้องเผยร่างออกมา
ชายหนุ่มอาภรณ์ขาว หน้ากากสีเงิน
“เขาหรือ”
บรรพชนเทียนอวี๋ จอมกระบี่ ราชันย์มีด บรรพชนทิพย์ และบรรพชนโลกา พวกเขาห้าคนต่างก็เพ่งมองรูปลักษณ์ของชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นั้นโดยละเอียด คล้ายกับจะมองหาร่องรอยบางอย่างให้ออก
สวมหน้ากากหรือ
เป็นใครกัน
“เขาลงมือช่วยเหลืออวี๋จิ้งชิว มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นเสวี่ยอิง” บรรพชนห้วงอากาศพูด
“อย่าได้รีบร้อนนักเลย ไม่แน่ว่าอาจเป็นกลเม็ดตบตาก็ได้” บรรพชนทิพย์พินิจดูอย่างละเอียด ยังเอ่ยวาจาไม่ทันจบก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
เพราะในการสังเกตของพวกเขา
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์รวบรวมร่างแปรร่างหนึ่งในทันที ถึงกับถูกชายหนุ่มอาภรณ์ขาวสวมหน้ากากสีเงินผู้นั้นกดดันผลาญทำลายด้วยฝ่ามือเดียว อีกทั้งสิ่งที่สำแดงก็คือเคล็ดวิชาวิถีอากาศ!
“วิถีอากาศ ห้วงอากาศ ‘ฟ้า’ และ ‘ดิน’ เชื่อมต่อกัน โลกดุจภาพวาด กดดันผลาญทำลาย” บรรพชนห้วงอากาศตื่นตระหนก เขาก็คือผู้ที่วิถีอากาศแข็งแกร่งที่สุดในทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านในตอนนี้ แต่เขามองปราดเดียวก็มองความเร้นลับนานาชนิดจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงนั้นออกมาได้แล้ว อย่างเช่นการผสานกันของ ‘ภาพฟ้า’ และ ‘ภาพดิน’ ของวิถีอากาศ อย่างเช่นโลกดุจภาพวาด กดดันผลาญทำลาย เป็นต้น ผสานรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
เคล็ดวิชาเช่นนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่บรรพชนห้วงอากาศก็ยังทำมิได้
“ด้านวิถีอากาศของเขายังแข็งแกร่งกว่าข้าเสียอีก!” บรรพชนห้วงอากาศพูด
บรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกา ราชันย์มีด จอมกระบี่ และบรรพชนเทียนอวี๋ก็มองออกก่อนแล้วเช่นกัน
ถึงแม้ว่าความเข้าใจในวิถีอากาศของพวกเขาจะมิได้ลึกซึ้ง แต่ก็เข้าใจว่าร่างแปรของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์… ก็คงจะมีพลังยุทธ์ระดับเทพจักรวาล! ถึงแม้ว่าร่างแปรจะไม่มีวัตถุล้ำค่า มิได้มีร่างกายอันแข็งแกร่ง ระดับขั้นก็อ่อนแอ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นพลังยุทธ์ระดับเทพจักรวาล จะกดดันผลาญสังหารร่างแปรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์พลังยุทธ์ของชายหน้ากากสีเงินผู้นี้ เกรงว่าคงต้องเป็นเทพจักรวาลระดับขั้นที่สอง!
เทพจักรวาลระดับขั้นที่สองหรือ
กลเม็ดตบตาหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไปเสาะหายอดฝีมือที่วิถีอากาศน่าหวาดหวั่นเช่นนี้มาจากไหนกัน
“พื้นฐานทางด้านวิถีอากาศของเสวี่ยอิงก็ล้ำลึกมากเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ก็เป็นสายเดียวกันกับข้า” บรรพชนห้วงอากาศพึมพำ “แต่นี่เพิ่งจะนานเท่าไหร่เอง เขาสำเร็จเป็นเทพจักรวาลก็แล้วไปเถิด แต่ไปถึงเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองเลยหรือ”
“หายไปแล้ว!”
“หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว”
ทั่วทั้งคุกเพลิง เกือบครึ่งหนึ่งของคุกเพลิงอันใหญ่โตหายไปอย่างไร้ร่องรอยไปกับความว่างเปล่า
ในภาพของการสอดแนมของบรรพชนห้วงอากาศ ก็เหลือคุกเพลิงอยู่ราวๆ สองพันชั้น
“สามารถหายไปกับความว่างเปล่าได้ อีกทั้งยังไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเลย เป็นการตัดแยกห้วงมิติอย่างนั้นหรือ นี่เป็นสิ่งที่มีแต่จักรพรรดิเก้าเมฆาเท่านั้นที่ทำได้!” บรรพชนห้วงอากาศเอ่ยอย่างพรั่นพรึง เขาก็ทุ่มเทจิตใจศึกษาการตัดแยกห้วงมิติอย่างไร้ที่สิ้นสุด แต่จนบัดนี้ก็ยังมิอาจตระหนักรู้ได้เลย
ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...
ตอนที่ 18 ร่างจริงของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์
พื้นที่ขนาดใหญ่ชิ้นส่วนหนึ่งหายไป มิใช่สิ่งที่จะปิดบังได้โดยง่าย ในขณะเดียวกันกับที่มันหายสาบสูญไปนั้นเอง พื้นที่อื่นๆ ก็ย่อมต้องประสานเข้าด้วยกัน คล้ายกับว่าแต่ไหนแต่ไรมันก็ไม่เคยมีอยู่มาก่อนเลย จะหาก็ไม่รู้จะไปหาที่ใด เห็นได้ชัดว่าพื้นที่ส่วนนั้นได้แยกจากห้วงมิติปกติธรรมดาไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ขุมทรัพย์ของจักรพรรดิเก้าเมฆาก็เป็นเช่นนี้
ซ่อนเร้นความเป็นมา…
ก็หาไม่พบอีกแล้ว!
“เป็นเสวี่ยอิง ต้องเป็นเสวี่ยอิงอย่างแน่นอน” บรรพชนห้วงอากาศเอ่ยต่อไปอย่างตื่นเต้น “ก่อนหน้านี้เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย สามารถแทรกซึมเข้าสู่ส่วนลึกของคุกเพลิงได้ แม้กระทั่งค่ายกลอันแน่นหนาแต่ละแห่งที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์วางเอาไว้ก็หาตัวเขาไม่พบ! เกรงว่าคงจะเป็นการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด เคล็ดฝ่ามือที่สำแดงเมื่อครู่ ทั้งยังมีการตัดแยกห้วงอากาศอีก… ความสำเร็จทาวด้านวิถีอากาศของเขายังเหนือกว่าข้าเสียอีก! เกรงว่าคงจะเทียบเคียงได้กับจักรพรรดิเก้าเมฆาแล้ว นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญทางด้านเขตลวงเป็นที่สุด ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ก็จะจ่อมจมลงไปได้อย่างง่ายดาย มิอาจต้านทานได้เลย”
“เชี่ยวชาญทางด้านห้วงอากาศ อีกทั้งยังเชี่ยวชาญเขตลวงโลกเทียม อีกทั้งยังไปถึงความสำเร็จขั้นสูงสุดอีกด้วย…ยอดฝีมือเช่นนี้ อยากจะถือกำเนิดขึ้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องประสบกับความยากลำบากมากมายเพียงใด อยู่ๆ จะปรากฏตัวขึ้นมาเฉยๆ ได้อย่างไรกัน! จะต้องเป็นเสวี่ยอิงอย่างแน่นอน เสวี่ยอิงก็เชี่ยวชาญด้านเขตลวงและห้วงอากาศ อีกทั้งยังเคยได้รับเคล็ดสืบทอดของจักรพรรดิเก้าเมฆาอีกด้วย!”
“ยังมีอีก รู้จักป้ายคำสั่งจิตโลกาด้วย!”
“เสี่ยงอันตรายบุกเข้าไปในโลกทิพย์โบราณเพื่อช่วยเหลืออวี๋จิ้งชิว…นอกจากเขาแล้ว ข้าก็คิดถึงใครไม่ได้อีกเลย! สำหรับแผนลวงนั้นข้าไม่เชื่อว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะสามารถหายอดฝีมือเช่นนี้พบได้” ร่างกายอันตื่นเต้นของบรรพชนห้วงอากาศสั่นสะท้านไปหมด
ความตายของกู่ฉีผู้เป็นศิษย์นั้น เขาเสียใจอย่างที่สุด
‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของกู่ฉี อีกทั้งยังเป็นศิษย์ที่ล้ำเลิศที่สุดตายไป ก็ยิ่งทำให้บรรพชนห้วงอากาศรู้สึกผิด ตอนนี้ยอดฝีมือหน้ากากสีเงินผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น บรรพชนห้วงอากาศเชื่อว่า…นี่ก็คือหลานศิษย์ของตน ตงป๋อเสวี่ยอิง!
“อืม มีความเป็นไปได้เกินเก้าส่วนว่าจะเป็นเสวี่ยอิง” บรรพชนเทียนอวี๋สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดีแล้วเอ่ยว่า “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรพวกเราก็ต้องช่วยเหลือเขา รอหลังจากพบหน้ากันแล้วค่อยพิสูจน์กันสักรอบหนึ่งก็จะมั่นใจได้อย่างเต็มที่แล้ว”
“เขาเพิ่งจะหายสาบสูญไปนานเท่าใดเอง ก็ไปถึงเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองแล้วหรือ” บรรพชนทิพย์ความรู้สึกอ่อนไหว “ป้ายคำสั่งจิตโลกามหัศจรรย์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“ดูกันไปก่อนเถิด”
บรรพชนโลกาอมยิ้มเอ่ยว่า “พลังยุทธ์ของเขาสูงส่ง จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากจะสังหารเขาก็มิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้นหรอก หากเห็นท่าไม่ดีจริงๆ พวกเราค่อยเข้าไปก็ยังทัน อีกทั้งตอนนี้เขาก็หายตัวไปแล้วด้วย จะหาก็คงหาไม่เจอหรอก”
“อืม”
“ช้าก่อน”
แต่ละคนต่างก็มิได้เร่งรีบแล้ว
สำหรับพวกเขาแล้วยอดฝีมือเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองที่สำเร็จ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ คนหนึ่ง ความสามารถในการเอาชีวิตรอดก็ต้องล้ำเลิศเป็นอย่างยิ่ง จักรพรรดิเก้าเมฆาในตอนนั้นก็ยังไปถึงตอนที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลายในคราวนั้นจึงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วตกต่ำไป
“เสวี่ยอิงหรือ” ถึงแม้ว่าบรรพชนห้วงอากาศจะมีความเชื่อมั่นอยู๋ในใจ แต่หากมิได้เห็นกันซึ่งๆ หน้าจริงๆ ก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดี
******
ภายในมิติปิดผนึก
คุกเพลิงราวๆ หนึ่งพันเก้าร้อยชั้นอยู่ข้างใน เหล่ายามรักษาการณ์จำนวนมากในคุกเพลิงต่างก็มีความตื่นตระหนกตกใจกันอยู่บ้าง บรรดานักโทษก็งุนงงสงสัย ในใจถึงกับมีความคาดหวังอยู่บ้าง! พวกเขาอยู่ภายในคุกเพลิงอันมืดมิดไร้ซึ่งแสงตะวัน เมื่อเผชิญกับ ‘อุบัติเหตุ’ พวกเขากลับเบิกบานใจ เพราะไม่แน่ว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะหลบหนีไปได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศ
“เคล็ดผนึกห้าภาพ เกรงว่าก็ยังหนีไม่พ้น ถ้าหากอาศัยเคล็ดวิชานี้แล้วสามารถหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย ตอนนั้นจักรพรรดิเก้าเมฆาก็คงไม่ตายหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้
“เก็บเข้าไป”
ความนึกคิดวูบไหว
ควบคุมห้วงอากาศทำให้คุกเพลิงราวๆ หนึ่งพันเก้าร้อยชั้นนี้ถูกเขาเคลื่อนย้ายเข้าไปไว้ในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์จนหมด แม้กระทั่งเหล่ายามรักษาการณ์ก็ถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปหมดด้วยเช่นกัน รอหลังจากเสร็จเรื่องแล้วค่อยจัดการ! บรรดานักโทษแต่ละคนก็หลุดพ้นจากความทรมานชั่วคราว
“ปัง~~~”
ทั่วทั้งมิติปิดผนึกพลันสั่นสะท้าน
ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้าขึ้นในทีันใด มองดูห้วงมิติที่สั่นสะท้าน “ไม่ได้การแล้ว ห้วงมิตินี้เป็นเอกเทศ ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาก็ไม่มีทางเข้าไปได้ แม้กระทั่งตัวข้าเองก็ไม่ได้เช่นกัน”
ห้วงมิตินี้เป็นเอกเทศจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
จะต้องเป็น ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ จึงจะสามารถเข้าออกได้ มิฉะนั้นก็มีแต่ทำลายห้วงมิตินี้เท่านั้น
ถ้าหากอยู่ภายในมิติปิดผนึก เช่นนั้นก็ง่ายดายแล้ว อาศัยกำลังทำลายโดยตรง เมื่ออานุภาพของการโจมตีเหนือกว่าขีดจำกัดที่มิติปิดผนึกนี้จะทานทนได้ ก็ย่อมสามารถทำให้มิติปิดผนึกพังทลายได้
แต่ที่โลกภายนอกน่ะหรือ
มิติปิดผนึกนี้ตัดขาดอย่างสิ้นเชิง เล็กจ้อยจนยากที่จะหาระดับสุดยอดพบด้วยตาเปล่าได้ โดยทั่วไปต่างก็หาไม่พบ
“ปัง ปัง ปัง~~~” มิติปิดผนึกพังทลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันใด
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะสามารถสำแดงการตัดแยกห้วงมิติได้ เจ้าเป็นใครกัน อากาศอันสับสนอลหม่านมียอดฝีมือเช่นเจ้าโผล่มาตั้งแต่เมื่อใดกัน” น้ำเสียงของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แฝงเอาไว้ด้วยความพึงใจขณะบุกเข้ามา การสำแดงเคล็ดการตัดแยกห้วงมิตินี้ภายในเขตพลังของเขา เขาก็ย่อมสามารถค้นพบ ‘จุดเล็กๆ’ ที่หายไปจากห้วงมิตินั้นได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว ด้วยประสบการณ์ที่เขาประมือกับจักรพรรดิเก้าเมฆา ก็รู้กระจ่างดียิ่งว่าหลังจากการตัดแยกห้วงมิติ ห้วงมิตินี้จะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้
เพียงแค่ระดมโจมตี ‘จุดเล็กๆ’ นั้นก็ใช้ได้แล้ว!
การสำแดงการตัดแยกห้วงมิติที่เขตพลังของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้กระทั่งภายในโลกทิพย์โบราณล้วนเป็นเรื่องน่าขันทั้งสิ้น! เพราะว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์สามารถควบคุมได้ทั่วทั้งโลกทิพย์โบราณ
แต่ถ้าหากอยู่ข้างนอกเล่า
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากจะหาก็เป็นเรื่องยากเสียแล้ว!
อย่างเช่นจักรพรรดิเก้าเมฆาหนีไปยังที่ห่างไกล สำแดงการตัดแยกห้วงมิติ หดเล็กลงจนถึงขีดสุด ถ้ำขุมทรัพย์ก็ซ่อนเร้นอยู่ภายในนั้น
ดินแดนเก้าเมฆากว้างใหญ่ไพศาลไร้ซึ่งขอบเขต จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะไปหาที่ไหนกันเล่า ยังยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก!
……
พรึ่บ
ในขณะที่มิติปิดผนึกแตกสลายนั้นเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าในทันทีด้วยความเร็วสูงสุด แต่ภายใต้เขตพลังอันน่าหวาดหวั่นของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงปรากฏตัวอยู่เช่นเดิม
“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สวมอาภรณ์ด้ายถักสีดำ ถือหอกยาวโบราณกระดำกระด่างเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ
ในขณะนี้เจดีย์ทิพย์โบราณที่แผ่รัศมีสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมทั่วทั้งโลกทิพย์โบราณ พลังคุกคามอันปั่นป่วนมารวมตัวกันอยู่บนหอกยาวจนหมดสิ้น ทำให้พลานุภาพของหอกยาวพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน จนทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้อยู่ไกลออกไปที่พุ่งออกจากพื้นดินไปแล้วหน้าถอดสี “ท่าไม่ดีแล้วสิ”
เหตุใดบรรดาผู้แข็งแกร่งของแต่ละที่จึงไม่อยากจะบุกเข้ามาที่โลกทิพย์โบราณ
ก็เพราะพวกเขารู้ว่าทุ่มเทสุดกำลังไปก็เปลืองแรงเปล่า
‘ร่างแปรทิพย์โบราณ’ ของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์กับโลกทิพย์โบราณดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายในโลกทิพย์โบราณ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์สามารถทำให้พลังทั่วทั้งโลกทิพย์โบราณมาคุ้มครองตัวเองได้ พลังยุทธ์ก็ย่อมเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก! ที่โลกภายนอก จอมเทพศักดิ์สิทธิ์น้้นไร้เทียมทาน ที่โลกทิพย์โบราณ พวกราชันย์มีดและบรรพชนโลกาหลายคนร่วมมือกันก็กล้าพูดได้เพียงว่าร่นถอยได้อย่างครบสมบูรณ์ทั้งตัวเท่านั้น อย่างเช่นเจ้าศิลาที่กล้าบุกเข้ามาอย่างอุกอาจ ในท้ายที่สุดก็แค่สู้กันจนบาดเจ็บยับเยินทั้งสองฝ่าย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องกลับไปเข้าสู่ห้วงนิทรา
“ฟิ้ว” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ขว้างหอกยาวโบราณกระดำกระด่างในมือออกไปในทันใด เมื่อขว้างออกไปแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย รวดเร็วจนถึงขีดสุด
“นี่มัน…”
ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว
แต่ก็ยังรวดเร็วเกินไปอยู่ดี
หอกยาวทิ่มแทงตรงไปบนทรวงอก บริเวณปลายหอกยาวถึงกับมีรอยแยกสีดำปรากฏขึ้น นั่นก็คือรอยแยกที่ทลายเปิดกรงขังโลกกำเนิด! ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด แต่ในขณะนี้ก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี
“ฉึก…” หอกยาวทิ่มแทงอยู่บนทรวงอก ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกหอกยาวลากตรงไปด้านหลังลอยพุ่งกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง ลอยไปไกลหลายแสนลี้ในทันใด
“อะไรกัน!” ลอยออกจากพื้นดินแล้ว ในที่สุดจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่นิ่งเฉยมั่นใจในตนเองมาโดยตลอดก็สีหน้าแปรเปลี่ยนเสียแล้ว
เขามองเห็นอย่างชัดเจน
หอกยาวเล่มนั้นทิ่มแทงอยู่บนทรวงอกของชายหนุ่มอาภรณ์ขาวสวมหน้ากากสีเงินผู้นั้น แทงเข้าไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ผิวหนังปริออกเท่านั้นเอง แม้กระทั่งโลหิตหยดเดียวก็ยังไม่ไหลออกมาเลย! ภายใต้การควบคุมของตงป๋อเสวี่ยอิง โลหิตย่อมไม่ไหลออกมาอยู่แล้ว
“ถูกเขาทำร้ายเข้าจนได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงก้มหน้าลงมองดูทรวงอก ทรวงอกถูกหอกยาวโบราณกระดำกระด่างทิ่มแทงเสียจนผิวหนังเปิดแยกออก แต่ก็มิอาจเข้าไปลึกกว่านั้นได้อีก ถูกผิวหนังบีบขัดขวางเอาไว้อย่างสิ้นเชิง!
“ร่างคละถิ่นของข้าก็คือเคล็ดวิชาฝึกกายระดับเดียวกันกับที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนจิตโลกา อีกทั้งยังดูดซับพลังคละถิ่นเอาไว้แล้ว สามารถเทียบเคียงได้กับเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองที่บำเพ็ญร่างกายโดยทั่วไป! บวกกับมีการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดคุ้มครองร่างกาย… เดิมทีข้าคิดว่าความสามารถในการรักษาชีวิตของข้าคงจะเทียบเคียงได้กับบรรพชนโลกาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะยังอ่อนแอกว่าอยู่สักหน่อยกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบครุ่นคิด
คราวก่อนเขาเคยสอดแนมดูการต่อสู้มาก่อน
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้กับบรรพชนโลกาก็มิอาจทำร้ายบรรพชนโลกาได้เลยแม้แต่ปลายขน!
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงประเมินบรรพชนโลกาสูงเกินไปเสียแล้ว ยามที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้ปกติ ก็ไม่สามารถทลายเปิดโลกกำเนิดได้ เขาอยู่ที่โลกทิพย์โบราณ มีพลังโลกทิพย์โบราณคุ้มครองกายตน พลังคุกคามยิ่งแกร่งขึ้น ฝีหอกนั้นจึงสามารถทลายเปิดโลกกำเนิดได้… เช่นตงป๋อเสวี่ยอิงก็อาศัยความเร้นลับของวิถีอากาศจึงสามารถทลายเปิดได้ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาศัยพลังคุกคามอันน่าหวาดหวั่นอย่างที่สุดเพียงอย่างเดียว ทลายเปิดส่วนเล็กๆ ของโลกกำเนิด
ต่อให้เป็นบรรพชนโลกาเผชิญกับเคล็ดวิชานี้ เกรงว่าก็คงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นเดียวกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านี้ก็น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่งแล้ว
“ช่างเป็นร่างกายที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก”
“ร่างกายนี้น่ะหรือ”
“เกรงว่าในบรรดาพวกเราคงมีเพียงแค่บรรพชนโลกาและบรรพชนคีรีมารเท่านั้นที่สามารถร้ายกาจกว่าเขาได้อยู่เล็กน้อยกระมัง” บรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกา ราชันย์มีด จอมกระบี่ บรรพชนเทียนอวี๋ และบรรพชนห้วงอากาศที่สอดแนมดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ ทั้งยังเตรียมตัวช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ ต่างก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว
ร่างกายนี้ช่างน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน
บรรพชนคีรีมารและบรรพชนโลกาล้วนเป็นสายฝึกกาย แน่นอนว่าบรรพชนโลกาประสบความสำเร็จสูงกว่า มีเจ้าศิลาชี้แนะ เคล็ดวิชาจึงได้ร้ายกาจ ไปถึงขั้นสุดยอดของเทพจักรวาลระดับขั้นที่สอง
บรรพชนโลกาก็ยังอดพูดมิได้ว่า “ร่างกายของเขามิอาจนับได้ว่าแข็งแกร่งสักเท่าใดนัก คาดว่าคงจะใกล้เคียงกันกับบรรพชนคีรีมาร แต่เขามีการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดคุ้มกาย คาดว่าความสามารถในการรักษาชีวิตนี้คงจะใกล้เคียงกับข้าแล้วล่ะ‘ เดิมทีการรักษาชีวิตของยอดฝีมือด้านวิถีอากาศ’ ก็ร้ายกาจอยู่แล้ว ร่างกายก็น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ด้วยตั้งแต่เมื่อใดกัน หรือว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็ประสบความสำเร็จทางด้านการฝึกกายด้วยเช่นกัน”
เจ้าศิลา อาจารย์ของเขา ให้ความสำคัญกับตงป๋อเสวี่ยอิงก็เพราะว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมีความร้ายกาจทางด้าน ‘เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาด’ แต่นั่นก็เป็นทางด้านวิญญาณ มิใช่ร่างกาย
บรรพชนโลกาจะล่วงรู้เสียที่ไหนกันว่า…
นี่คือเคล็ดวิชาฝึกกายอันน่าหวาดหวั่นทางด้านวิถีอากาศที่ ‘จักรพรรดิเซี่ย’ ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาอาศัยพลังคละถิ่นคิดค้นออกมา ซึ่งตงป๋อเสวี่ยอิงจ่ายไปหนึ่งแสนมหาคุณูปการเพื่อแลกมา
พรึ่บ!
“บอกข้ามา เผยตัวตนของเจ้าเสีย” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์โบกมือคราหนึ่ง หอกยาวที่อยู่ไกลออกไปก็หายวับไปแล้วมาปรากฏอยู่ในอุ้งมือเขา เขาไล่ล่าไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความเร็วสูงสุด
ทั้งสองคนล้วนมิอาจเคลื่อนย้ายที่ได้ ทำได้เพียงแค่เหาะเหินเท่านั้น ภายในอาณาเขตของโลกทิพย์โบราณ ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมไม่สามารถสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้ เกรงว่าอสนีบาตเพียงสายเดียวก็สามารถทำลายทางเชื่อมทลายโลกาของเขาได้แล้ว
หากพูดถึงความเร็วในการเหาะเหิน…ต่อให้เป็นยอดฝีมือวิถีอากาศ เมื่อเทียบกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วความเร็วก็ยังห่างชั้นกับเขาอยู่มากโขทีเดียว
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายหดสั้นลงอย่างรวดเร็ว
“เคล็ดวิชาวิถีอากาศอันร้ายกาจเช่นนี้ ร่างกายอันร้ายกาจเช่นนี้ แล้วข้ายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมิติระดับที่สูงกว่าบนร่างเจ้าอีกด้วย เจ้าไม่สามารถหนีพ้นได้หรอก” แววตาของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ร้อนระอุ กลิ่นอายทั่วทั้งร่างเขาเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น กลิ่นอายที่เดิมทีอ่อนโยนจนทำให้คนยอมสวามิภักดิ์
ในขณะนี้กลิ่นอายกลับเริ่มเปลี่ยนเป็นอำมหิต อำมหิตจนทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไปตื่นตระหนก
ปัง~~~~
คลื่นความร้อนสีดำหมุนวนอยู่บนผิวกายของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ผิวหนังของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ มีเกล็ดปรากฏขึ้น บนใบหน้าก็มีเกล็ดปรากฏขึ้นเช่นกัน
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไปที่ถูกไล่ล่าอย่างไม่หยุดหย่อนนั้นเผยสีหน้าตื่นตระหนก “ฝูงมารผลาญทำลาย!”
อยู่ที่ทางเดินโลกาพิศวงนับล้านล้านปี เขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของอากาศอันสับสนอลหม่าน…ที่แท้แล้วคือฝูงมารผลาญทำลายตนหนึ่ง!
………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น