Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 34 ตอนที่ 15-16

 ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...

 

ตอนที่ 15 ฝึกกายคละถิ่น

 

บรรพชนเทียนอวี๋เคยถามราชันย์มีดเกี่ยวกับป้ายคำสั่งจิตโลกามาแล้ว จึงทราบว่า ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ นั้นลึกลับผิดธรรมดา ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงขั้นกล่าวว่าอาศัย ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ ในภายหน้าก็จะกลับมา ก็ย่อมต้องมีหลักประกันอย่างแน่นอน


 


“จะเป็นเสวี่ยอิงไปได้หรือ” ยามนี้หัวใจของบรรพชนเทียนอวี๋มีความคิดนับพันนับหมื่นผุดขึ้นมา


 


“ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ เหตุใดเขาจึงสำแดงเขตลวงกับเจ้าเล่า” บรรพชนเทียนอวี๋ถามอย่างจริงจัง


 


ประมุขตำหนักวารีสวรรค์กล่าวว่า “เขาสอบถามข้อมูลโดยละเอียดของตอนที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์โจมตีวังทวีสูญของเรา ทั้งยังเจาะจงถามถึงข้อมูลของอวี๋จิ้งชิว ตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาด้วย”


 


บรรพชนเทียนอวี๋สีหน้าเปลี่ยนแปรไป “เขารู้ว่าอวี๋จิ้งชิวถูกจองจำอยู่ในโลกทิพย์โบราณอย่างนั้นหรือ”


 


“รู้ขอรับ” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์จนใจ “ข้าจมดิ่งเข้าไปในเขตลวงแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องเล่าจนละเอียดแจ่มแจ้งแต่โดยดี”


 


“ไม่ดีแล้ว” บรรพชนเทียนอวี๋ร้อนใจขึ้นมา


 


“ทำไมหรือขอรับ” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ถาม “ท่านบรรพชน คนผู้นี้ใช่พี่ตงป๋อจริงๆ หรือไม่ขอรับ เขามิได้วิญญาณกระจัดพลัดพรายไปแล้วหรือ นอกจากนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่มีทางแกล้งตายได้หรอกกระมัง”


 


บรรพชนเทียนอวี๋สีหน้าไม่น่ามองขึ้นมา เขาเอ่ยถามว่า“เขาบอกเจ้าไว้หรือไม่ว่าจะติดต่อเขาได้อย่างไร”


 


ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ส่ายหน้า “มิได้บอกขอรับ”


 


“เจ้าถอยออกไปก่อนเถิด จำเอาไว้ เรื่องนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไปภายนอกเป็นอันขาด” บรรพชนเทียนอวี๋กล่าว


 


“ขอรับ คนผู้นั้นก็บอกให้ข้าอย่าเปิดเผยต่อภายนอกเช่นกัน” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นอย่างทนไม่ได้ว่า “เป็นพี่ตงป๋อจริงๆ หรือขอรับ เขายังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรือ”


 


บรรพชนเทียนอวี๋ส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่มั่นใจเอาเสียเลย เอาล่ะ เรื่องที่เจ้าจะเผยออกไปภายนอกไม่ได้เด็ดขาด”


 


ประมุขตำหนักวารีสวรรค์พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะจากไปด้วยความเคารพนบนอบ


 


บรรพชนเทียนอวียืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเคร่งขรึม


 


ผู้ที่รู้ว่า ‘ตงป๋อเสวี่ยอิงมีป้ายคำสั่งจิตโลกา และจะกลับมาในภายภาคหน้า’ เดิมทีก็มีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้อยู่แล้ว! เขตลวงที่คนผู้นั้นสำแดงออกมาสามารถทำให้ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ถูกกระบวนท่าเข้าได้อย่างง่ายดาย! นอกจากนี้ข้อมูลที่สอบถามก็เป็นข้อมูลของตอนที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์โจมตีวังทวีสูญในตอนนั้น…คนลึกลับผู้นี้ มีโอกาสที่จะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิงสูงอย่างยิ่งจริงๆ


 


“อย่างน้อยก็มีความเป็นไปได้เจ็ดส่วนว่าจะเป็นเสวี่ยอิง!” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ลอบถาม


 


“หากเป็นเสวี่ยอิงจริงๆ…ด้วยนิสัยของเสวี่ยอิงแล้ว เกรงว่าเขาคงจะทนไม่ไหว ต้องไปช่วยภรรยาเขาอย่างแน่นอน” บรรพชนเทียนอวี๋ร้อนใจขึ้นมา “เขาก็มุทะลุไปหน่อยแล้ว จอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นบรรลุถึงขั้นสุด พลังของเขาเหนือกว่าเทพจักรวาลหน้าไหนๆ ทั้งสิ้น ใน ‘โลกทิพย์โบราณ’ วิธีการของเขาก็ยิ่งลึกล้ำเกินหยั่งขึ้นไปอีก ทะเล่อทะล่าเข้าไปเช่นนี้ แล้วจะช่วยคนได้อย่างไรกัน เกรงว่าแม้แต่ตนเองก็คงต้องส่งเข้าไปด้วย! ทำอย่างไรดี ตอนนี้ติดต่อพวกเขาไม่ได้เลย”


 


มีความเป็นไปได้อย่างน้อยเจ็ดส่วนว่าจะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิง บรรพชนเทียนอวี๋ย่อมไม่มีทางเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงส่งตัวเองไปตายต่อหน้าต่อตาอย่างแน่นอน!


 


สู้กับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์มาตลอดคืนวันอันยาวนาน ก็ยิ่งเข้าใจว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นลึกล้ำเกินหยั่ง


 


เนื่องจากแต่ไหนแต่ไรพวกเขาก็ไม่เคยบีบบังคับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ให้จนมุมมาก่อน!


 


เรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้ แม้แต่ ‘เจ้าศิลา’ ที่บ้าคลั่ง ก็เพียงแค่ทำให้ ‘ร่างแปรทิพย์โบราณ’ ของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่สั่งสมเอาไว้เผาผลาญจนสิ้นไปเท่านั้น ส่วนด้านอื่นๆ ของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์กลับมิได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย


 


……


 


เพียงชั่วขณะให้หลัง


 


ภายในวังทวีสูญ บรรพชนเทียนอวี๋ จอมกระบี่ ราชันย์มีดและบรรพชนห้วงอากาศรวมตัวกันอยู่ที่นี่


 


“เทียนอวี๋ มีเรื่องอันใดจึงรีบร้อนเรียกหาพวกเราเช่นนี้” ราชันย์มีดไต่ถาม เขาและบรรพชนห้วงอากาศต่างก็ส่งร่างแปรมาที่นี่


 


“ใช่แล้ว ท่านบรรพชน มีเรื่องอันใดหรือ” จอมกระบี่ก็ถามขึ้นบ้าง


 


บรรพชนห้วงอากาศก็มองไปทางบรรพชนเทียนอวี๋


 


บรรพชนเทียนอวี๋จึงอธิบายอย่างละเอียด “ก่อนหน้านี้…”


 


ฟังแล้วเทพจักรวาลทั้งสามก็สีหน้าเปลี่ยนแปลงไป ส่วนเรื่องป้ายคำสั่งจิตโลกา พวกเขาทั้งสามล้วนล่วงรู้ทั้งสิ้น พวกเขาทั้งสามล้วนแต่เป็นผู้ที่บรรพชนเทียนอวี๋เชื่อใจอย่างเต็มที่ อันที่จริงภายในหกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นสามัคคีกันเป็นอันมาก


 


“ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมาแล้วหรือ” ราชันย์มีดขมวดคิ้ว


 


“กลับมาแล้วหรือ ประเสริฐ ประเสริฐ” บรรพชนห้วงอากาศกลับเผยสีหน้ายินดีออกมา กู่ชี่และตงป๋อเสวี่ยอิงสิ้นใจไปตามๆ กัน สำหรับบรรพชนห้วงอากาศก็เป็นการทิ่มแทงใจอย่างใหญ่หลวงโดยแท้จริง บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยป้ายคำสั่งจิตโลกาหวนกลับมาแล้ว ทำให้พวกเขาอดตื่นเต้นขึ้นมามิได้ “เทียนอวี๋ เจ้าติดต่อเขามิได้หรือ สามารถสะกดรอยแล้วตรวจสอบได้หรือไม่”


 


“เคยลองแล้ว แต่ว่าตรวจไม่พบเลย” บรรพชนเทียนอวี๋เอ่ย


 


“ไหนข้าขอลองดูหน่อยสิ”


 


“ข้าก็ขอลองบ้าง”


 


จอมกระบี่และราชันย์มีดตรวจสอบดูอย่างอดไม่ได้


 


พวกเขาทั้งสองล้วนแต่มั่นใจในตนเองเป็นอันมากแล้วเริ่มตรวจสอบตามรอยเขา ทว่าตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเองเป็นถึงเทพจักรวาล และวิญญาณยังดูดซับ ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ด้วย ต่อให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์มาเองก็มิอาจสะกดรอยตามเขาได้ แต่ละคนในที่นั้นล้วนเคยลองแล้ว แต่ทุกคนกลับหาเขาไม่พบ


 


“วิธีการช่างร้ายกาจนัก” ราชันย์มีดทอดถอนใจ “ก่อนหน้านี้ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ถูกควบคุมอย่างแท้จริง แต่คนเร้นลับผู้นั้นกลับมิอาจตามรอยได้ แม้แต่ข้าและคนอื่นๆ ก็สืบเสาะร่องรอยไม่พบเลยแม้แต่น้อย…ลำพังแค่วิธีการตัดขาดการสะกดรอยนี่ก็เหนือกว่าเทพจักรวาลส่วนใหญ่แล้ว เทียนอวี๋ ในสายตาข้า เจ้าก็อย่าได้กังวลไปเลย ตงป๋อเสวี่ยอิงมีวิธีการตัดขาดการสะกดรอยที่ร้ายกาจเช่นนี้ บัดนี้พลังของเขาก็แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว”


 


“พลังของเสวี่ยอิงจะต้องก้าวหน้าเป็นอย่างมากแน่นอน! นอกจากนี้ บำเพ็ญมาถึงระดับขั้นเช่นทุกวันนี้ และมิใช่ผู้ที่มุทะลุจนโง่งม ไม่มีทางส่งตัวเองไปตายหรอก” จอมกระบี่กล่าว


 


“นิสัยของเขา…” บรรพชนเทียนอวี๋ส่ายศีรษะ


 


“พูดยาก” บรรพชนห้วงอากาศก็กังวลใจ “วิธีการของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำเกินหยั่ง ต่อให้เป็นครั้งที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแตกสลายนั้น จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เคยอเนจอนาถอย่างแท้จริงมาก่อน หากเสวี่ยอิงไปยังโลกทิพย์โบราณของเขาเพื่อช่วยคนจริงๆ แล้ว ก็คงอันตรายโดยแท้”


 


“สามารถทำอย่างไรได้บ้าง”


 


“ช่วยไม่ได้!”


 


“วางใจเถิด เขาสามารถตัดขาดการตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย ก็คงจะสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้วล่ะ อย่างน้อยก็คงจะมั่นใจอยู่บ้างจึงกล้าบุกไปยังโลกทิพย์โบราณ” จอมกระบี่กล่าว “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน บรรพชนห้วงอากาศสอดส่องโลกทิพย์โบราณไปก่อน ทันทีที่พบความเคลื่อนไหว หากตงป๋อเสวี่ยอิงไปช่วยคนจริงๆ แล้วประสบกับอันตรายใหญ่หลวงเข้าแล้วล่ะก็…ข้าและคนอื่นๆ ก็จะร่วมมือกันบุกสังหารเข้าไปในโลกทิพย์โบราณ”


 


“ได้” บรรพชนห้วงอากาศพยักหน้า


 


“อื้ม ข้าจะติดต่อบรรพชนโลกาและบรรพชนทิพย์” ราชันย์มีดก็พยักหน้าเช่นกัน


 


หากพวกเขาทั้งกลุ่มร่วมมือกันก็ยังพอกล้าที่จะบุกเข้าไปในโลกทิพย์โบราณ เพราะถึงอย่างไรบรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกา ราชันย์มีดและจอมกระบี่ทั้งสี่คนล้วนใกล้เคียงกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น


 


“แล้วก็ต้องระวังด้วย อาจจะมิใช่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นได้” จอมกระบี่เตือน


 


……


 


ไม่นานนัก


 


หกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และโลกทิพย์นิจนิรันดร์ก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว บรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกา ราชันย์มีดและจอมกระบี่ทั้งสี่คนพร้อมบุกเข้าไปในโลกทิพย์โบราณตลอดเวลา ส่วนบรรพชนห้วงอากาศก็สำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ คอยสอดส่องความเคลื่อนไหวของสถานที่สำคัญในโลกทิพย์โบราณอยู่ตลอด


 


“เขายังมีชีวิตอยู่หรือ” บรรพชนโลกาก็ยิ่งลอบตกใจ


 


 ตอนนั้นเนื่องจากการตายของตงป๋อเสวี่ยอิง เจ้าศิลา ท่านอาจารย์ของเขาก็โกรธแค้นสุดขีด ทั้งยังห้ำหั่นกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ยกใหญ่ ทั้งสองฝ่ายต่างก็บาดเจ็บสาหัส! สิ่งที่ร่างแปรทิพย์โบราณของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์สั่งสมมาได้สูญสลายไปจนสิ้น ส่วนเจ้าศิลานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเข้าสู่ห้วงนิทรา ไปแล้ว


 


“ตอนนี้ยังไม่มั่นใจว่าจะใช่ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือไม่ หากใช่เขาจริงๆ ค่อยแจ้งให้ท่านอาจารย์ทราบ” บรรพชนโลกาลอบพึมพำ แม้เมื่อพวกเขาร่วมมือกันแล้วจะไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำลายโลกทิพย์โบราณได้ แต่ก็มั่นใจว่าจะสามารถ ‘ถอยจนสุดตัว’ ได้! ยิ่งไปกว่านั้นบรรพชนโลกายังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม…เบื้องหลังเขายังมี ‘เจ้าศิลา’ อยู่ เมื่อถึงคราวคับขันก็สามารถให้เจ้าศิลาผู้เป็นอาจารย์ลงมือได้


 


******


 


 


เวลาเคลื่อนคล้อยไป


 


‘บรรพชนห้วงอากาศ’ อาจารย์ทวดของตงป๋อเสวี่ยอิงคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก พวกเขาต่างตั้งตารอคอย ถึงขั้นอยากรู้ว่า…ที่แท้แล้วบุคคลเร้นลับผู้นั้นใช่ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือไม่!


 


“ฟิ้วๆๆ”


 


ในอากาศอันสับสนอลหม่านบนศิลาก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งซึ่งมีอาณาบริเวณหลายสิบลี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวทั้งร่างยืนอยู่ที่นี่ แม้อากาศระลอกแล้วระลอกเล่าจะแผ่มาถึงที่นี่ แต่เพิ่งจะกดดันมาถึงตรงตงป๋อเสวี่ยอิงก็เปลี่ยนทิศจากไปหมด


 


“ฝึกกายคละถิ่น”


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดอยากช่วยภรรยา ภายในใจก็ยิ่งร้อนรน


 


แต่ต่อให้ร้อนรนกว่านี้ เขาก็ไม่มีทางส่งตัวเองไปตายอย่างโง่งมแน่


 


ลำพังแค่อาศัยการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุด ก็คิดว่าจะสามารถช่วยคนจากเงื้อมมือของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างนั้นหรือ ฝันไปเสียแล้ว! อย่างบรรพชนห้วงอากาศซึ่งสามารถกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดได้ หรืออย่าง ‘จักรพรรดิเก้าเมฆา’ ก็สามารถกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดได้ ทางด้านวิถีอากาศของจักรพรรดิเก้าเมฆานั้นประสบความสำเร็จสูงกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเสียอีก แต่ท้ายที่สุดก็ยังต้องสิ้นใจไปอยู่ดี! ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่ซึ่งตนจะบุกไปก็ยังเป็น ‘โลกทิพย์โบราณ’ ถิ่นของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย


 


“บุกไปโดยตรงเช่นนี้ ความหวังที่จะสำเร็จนั้นมีไม่ถึงส่วนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ แทบจะเป็นการเอาชีวิตไปทิ้ง หากฝึกฝน ‘ฝึกกายคละถิ่น’ สำเร็จกลับมีโอกาสสักแปดส่วน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ


 


มีโอกาสสักแปดส่วนก็เพียงพอแล้ว


 


ต้องรู้ไว้ว่า


 


เขายังมีร่างแยกอีกร่างหนึ่งอยู่ในโลกดาราระยับ ซึ่งปลอมตัวเป็นศิษย์คนหนึ่งของสำนักนภาทมิฬอยู่! เขาเก็บเนื้อเก็บตัวเป็นอันมาก หากร่างนี้สู้จนตัวตาย ร่างแยกก็สามารถฝึกร่างกายร่างใหม่ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว


 


สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่อันตรายที่สุดของการพ่ายแพ้มิใช่การสู้จนตัวตาย หากแต่เป็นการทำให้ภรรยาสิ้นใจไปด้วย!


 


“ปุจฉวิถีคละถิ่นแบ่งเป็นสองส่วน หนึ่งคือยุทธวิธีคละถิ่น สองคือฝึกกายคละถิ่น ในจำนวนนั้นฝึกกายคละถิ่นจึงจะเป็นรากฐาน!” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงมั่นใจเต็มเปี่ยม ที่เขาคิดว่ามั่นใจเพียงแปดส่วนเท่านั้น ก็เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าที่แท้แล้วจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะมีลูกไม้ที่คาดไม่ถึงอันใดอยู่อีก ลำพังแค่ลูกไม้ที่รู้จักอยู่แล้ว…ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าการจะฝึกกายคละถิ่นชั้นที่หนึ่งให้สำเร็จนั้น ยังคงมั่นใจเต็มร้อย


 


จะกลัวก็แต่ลูกไม้ที่คาดไม่ถึงเท่านั้น จึงคิดว่ามั่นใจสักแปดส่วน


 


“จิ้งชิว รออีกสักพักนะ”


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิลงไป


 


เขาชกออกไปหมัดหนึ่ง ทันใดนั้นมิติรอบด้านก็ราวกับชะงักค้างไปโดยพลัน ก่อนจะแยกออกเป็นมิติแปดส่วน ราวกับกระจกบานใหญ่บานหนึ่งซึ่งแยกออกเป็นแปดส่วน ณ ใจกลางของมิติแปดส่วนที่พันพาดกันไปมานั้นก็คือ ‘จุดสีดำ’ เล็กจิ๋วอย่างยิ่งซึ่งหมัดของตงป๋อเสวี่ยอิงชกออกมา นั่นคือหลุมสีดำขนาดเล็กราวเมล็ดข้าว มี ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ แผ่ซ่านออกมาจากในนั้น


 


“ฟิ้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงหมุนเวียนเคล็ดวิชา ‘ฝึกกายคละถิ่น’ ขึ้นมาทันใด ในขณะนี้ ร่างกายของเขาก็ได้คงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดเอาไว้ และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับแก่นห้วงอากาศอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเคล็ดผนึกห้าภาพเหล่านั้นก็ถูกดึงดูดให้พุ่งตรงไปทางร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงทันที ประหนึ่งแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

 

 

 


ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...

 

ตอนที่ 16 แทรกซึมเข้าสู่โลกทิพย์โบราณ

 

พลังคละถิ่นเป็นพลังของมิติระดับที่สูงกว่าภายนอกโลกกำเนิดที่แฝงอยู่ ที่ส่วนลึกของมิติระดับที่สูงกว่านั้น พลังคละถิ่นก็ยิ่งทวีความหนาแน่นกว้างใหญ่ไพศาล แม้กระทั่งเหล่าเทพจักรวาลก็ยังไม่กล้าเข้าไป เข้าไปสัมผัสกับพลังคละถิ่นก็คือความตาย!


 


เท่าที่รู้ก็มีเพียงแค่ ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ เท่านั้นที่สามารถเคลื่อนผ่านเข้าไปได้ ยามที่เคลื่อนผ่านเข้าไปก็ย่อมมิกล้าปนเปื้อนพลังคละถิ่นของมิติระดับที่สูงกว่า เพราะว่าเข้มข้นและยิ่งใหญ่เกินไป ต่อให้ร่างกายคงความเป็นมายาอย่างที่สุดเอาไว้ได้ ก็ยังอาจถูกกัดกร่อนผลาญจนตายได้


 


แต่เมื่อเข้าใกล้ กลิ่นอายลึกลับของโลกกำเนิดก็เบาบางเป็นอย่างยิ่ง


 


ส่วนเล็กๆ ที่แพร่ผ่านโพรงขนาดเล็กเข้ามาก็ยิ่งเบาบางเสียแล้ว แต่ก็มีส่วนที่น่าอัศจรรย์มากมาย อย่างเช่นหลังจากวิญญาณดูดซับพลังคละถิ่นจำนวนเล็กน้อยและแปรสภาพแล้ว ก็สามารถสำแดงศาสตร์ร่างแยกได้! เช่นถ้าหากร่างกายสามารถดูดซับได้สำเร็จก็จะเกิดการแปรสภาพอย่างสมบูรณ์ จักรพรรดิเซี่ยก็มีความมั่นใจที่จะเรียกว่าเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาในระดับเดียวกัน เหนือกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพเสียอีก


 


การฝึกกายคละถิ่นของปุจฉวิถีคละถิ่น ต่อให้เป็นที่ดินแดนจิตโลกา บุคคลผู้ไร้เทียมทานที่การหลอมกายไปถึงขั้นสุดยอดเหล่านั้น การฝึกกายคละถิ่นก็ไปถึงระดับสุดยอดเช่นเดียวกัน


 


ดังนั้นเพียงแค่สองขั้นก็ต้องจ่ายถึงหนึ่งแสนมหาคุณูปการ


 


“อาศัย ‘พลังคละถิ่น’ หล่อเลี้ยงกายตน ที่ดินแดนจิตโลกาก็ยังเป็นเคล็ดวิชาฝึกกายระดับสุดยอด เมื่อใดที่ฝึกขั้นแรกสำเร็จ ร่างกายก็จะมีความแข็งแกร่งเทียบเคียงได้กับเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองทั่วไป!” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ


 


ก็เหมือนกับเพลิงเจ็ดสี โลกราตรีนิรันดร์ และเคล็ดวิชาสามชาติภพ ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาระดับสุดยอดระดับเดียวกัน มีคุณสมบัติการต่อสู้ในขั้นที่เหนือกว่า


 


ปุจฉวิถีคละถิ่นก็เป็นเช่นนี้


 


เคล็ดวิชานี้…


 


ขอบกั้นสูงลิบอย่างที่สุด


 


จะต้องทำให้แปดสายในเก้าสายของวิถีอากาศไปถึงระดับขั้นเทพจักรวาล รวมทั้งการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด อีกทั้งทลายเปิดกรงขัง จึงจะบำเพ็ญได้สำเร็จ


 


……


 


กาลเวลาเคลื่อนผ่าน


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเจ็บปวดทิ่มแทงไปทั่วทุกบริเวณตลอดร่าง ถึงอย่างไร ‘พลังคละถิ่น’ ก็มีความกัดกร่อนทำลายต่อร่างกายและวิญญาณ ถึงแม้ว่าจะบางเบาเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด ก็อาศัยความเร้นลับในปุจฉวิถีคละถิ่น แปดสายผสานรวมกันควบคุมร่างกายที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแก่นห้วงอากาศ จึงทำให้พลังคละถิ่นสายแล้วสายเล่าค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย


 


“ชิ้งๆๆ”


 


ร่างกายก็เหมือนกับตัวอากาศเอง กำลังรับประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงของพลังคละถิ่น! ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถรู้สึกได้ว่าในร่างกายมีพลังอันมิอาจจินตนาการได้ พลังชนิดนี้ยังยกระดับขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนอีกด้วย


 


มิอาจรีบร้อนได้


 


ร่างกายมิใช่อาวุธ กระบวนการแปรสภาพนั้นจะต้องค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินอย่างต่อเนื่องมาถึงหนึ่งร้อยแปดสิบล้านปีเต็ม ทั้งหมดจึงค่อยหยุดยั้งลง


 


“สำเร็จแล้ว”


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินใหญ่ของอากาศอันสับสนอลหม่าน กลิ่นอายที่ร่างกายแผ่ออกมาอย่างไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อยทำให้ห้วงอากาศโดยรอบล้วนบิดเบี้ยวไปหมด เขาลืมตาขึ้น มือขวาลากดึงและฉีกทึ้ง จนกระทั่งเกิดเป็นรอยแตกของห้วงอากาศที่บางเฉียบรอยหนึ่ง อีกด้านหนึ่งของรอยแตกอันดำสนิทนี้ก็คือห้วงมิติระดับที่สูงขึ้น กลิ่นอายของพลังคละถิ่นแผ่กำจายเข้ามา


 


“ช่างเป็นพลังคุกคามที่แข็งแกร่งยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดีออกมา


 


ปุจฉวิถีคละถิ่นแข็งแกร่งก็ตรงที่ร่างกายนี่เอง


 


เพราะว่าร่างกายสามารถเทียบเคียงได้กับเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองทั่วไปทางสายฝึกกาย ดังนั้นถึงแม้ว่ายุทธวิธีคละถิ่นจะแข็งแกร่งกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพอยู่เล็กน้อย แต่การขับเคลื่อนด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ทำให้พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงยังสามารถไปถึงเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองได้ มิอาจนับได้ว่าสุดยอด แต่ก็คาดว่าเทียบเคียงได้กับ ‘เจ้าเมืองหลัว’ แล้ว


 


“ตอนนี้ทลายเปิดกรงขัง ดูเหมือนว่าบริเวณที่ทลายเปิดจะใหญ่ขึ้นแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงระเบิดหมัดออกไปอีกครั้ง บริเวณกำปั้นมีห้วงมิติแปดอันเชื่อมโยงกันในทันใด บริเวณศูนย์กลางการเชื่อมโยงมีโพรงสีดำขนาดใหญ่ประมาณปลายนิ้วมือปรากฏขึ้น ขนาดของโพรงนี้เท่าๆ กันกับ ‘ทลายเวหา’ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยร่างเมฆทักษิณาทิพย์สำแดงที่ดินแดนจิตโลกาเลยทีเดียว


 


“เคล็ดวิชานี้คุ้มค่าแล้วจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดี


 


สามารถทลายเปิดหลุมขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ก็หมายความว่าความเข้มข้นของ ‘พลังคละถิ่น’ ที่เล็ดรอดเข้ามาก็เพิ่มพูนขึ้นด้วย ก็สามารถบำเพ็ญศาสตร์ร่างแยกขั้นที่สองที่ท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคิดค้นขึ้นมาได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว


 


การบำเพ็ญร่างแยกก็จะรวดเร็ว


 


รวดเร็วอย่างยิ่ง


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงแปดคนต่างก็ปรากฏตัวขึ้นบนก้อนหินใหญ่ก้อนนี้


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา “มีร่างแยกแปดร่าง ก็ยิ่งมีความมั่นใจในการมุ่งหน้าไปยังโลกทิพย์โบราณในคราวนี้เพิ่มมากขึ้นแล้ว”


 


ยังมีร่างแยกอีกร่างหนึ่งอยู่ที่โลกดาราระยับเช่นเดิม


 


……


 


ฝึกร่างคละถิ่นสำเร็จ โพรงที่ทลายเปิดกรงขังก็ยิ่งใหญ่ ทำให้ศาสตร์ร่างแยกของตนก้าวหน้าไปอีกขั้น เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นยินดีอย่างแท้จริง


 


“ชิงเหยา” “อวี้เอ๋อร์”


 


ขณะนี้ชิงเหยากำลังบำเพ็ญอยู่ภายใต้สำนักของจอมกระบี่แห่งวังทวีสูญ ลำบากลำบนเป็นอย่างยิ่ง


 


ตงป๋ออวี้ก็บำเพ็ญอย่างถ่อมตนอยู่ภายใต้สำนักของบรรพชนทิพย์อย่างแน่วแน่ พวกเขาสองคนต่างก็ไม่ทราบเรื่องการกลับมาของตงป๋อเสวี่ยอิง ตอนนั้นอวี๋จิ้งชิวเป็นกังวลว่าบุตรชายบุตรสาวของตนจะรักษาความลับเอาไว้ไม่ได้ เรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมีป้ายคำสั่งจิตโลกาแล้วสามารถกลับมาได้นั้น นางย่อมไม่เร่งร้อนที่จะบอกบุตรชายบุตรสาวอยู่แล้ว! ในใจของตงป๋อชิงเหยาและตงป๋ออวี้ในตอนนี้ย่อมเศร้าโศกและโมโห บิดาตายไปแล้วมารดายังถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับไปคุมขังที่โลกทิพย์โบราณอีกด้วย


 


พวกเขาเต็มไปด้วยความแค้นต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ความกระหายในการบำเพ็ญก็ย่อมแรงกล้าเป็นอย่างยิ่ง


 


“อีกไม่นานข้าจะพาท่านแม่ของพวกเจ้าไปหาพวกเจ้าเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงสังเกตการณ์บุตรชายบุตรสาวอยู่ห่างๆ ผ่านศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา


 


“ออกเดินทาง!”


 


ทันใดนั้นก็มิได้คิดอะไรมากอีกแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังโลกทิพย์โบราณ


 


******


 


ณ โลกทิพย์โบราณ


 


ที่ชิ้นส่วนใหญ่ที่สุดหลังจากที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลายในตอนนั้น มีขนาดประมาณหนึ่งในร้อยส่วนของโลกทิพย์โบราณดั้งเดิม มีขนาดใหญ่กว่าโลกทิพย์อื่นๆ อีกสามแห่งอยู่มาก มีวิญญาณเทพจำนวนนับไม่ถ้วน ขั้นอลวนก็มีอยู่มากมายนัก


 


“พรึ่บ…”


 


ณ ศูนย์กลางของโลกทิพย์โบราณมีเจดีย์สูงอยู่แห่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดรัศมีสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน รัศมีสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนนี้ห่อหุ้มโลกทิพย์โบราณทั้งโลกเอาไว้ ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ต่างก็อาบไล้อยู่ภายใต้รัศมีสีดำนี้ พวกเขาทุกคนต่างก็จงรักภักดีต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่จากจิตวิญญาณ เพื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วพวกเขาสามารถเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างได้ ราวกับว่าพวกเขาทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์


 


ภายในเจดีย์สูงก็มีร่างแปรทิพย์โบราณเก็บตัวบำเพ็ญอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าคราวก่อนจะต่อสู้ใหญ่โตกับเจ้าศิลา สิ่งที่ร่างแปรทิพย์โบราณสั่งสมมาก็ร่อยหรอจนสิ้น แต่ตอนนี้ก็ย่อมเริ่มต้นสะสมพลังต้นกำเนิดอย่างต่อเนื่องตามธรรมชาติ


 


“นั่นคือเจดีย์ทิพย์โบราณ”


 


ในขณะนี้


 


ก็มีเทพจักรวาลคนหนึ่งลอบแทรกซึมเข้าสู่โลกทิพย์โบราณอย่างเงียบเชียบ ตงป๋อเสวี่ยอิงยังรักษาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแก่นห้วงอากาศอย่างสมบูรณ์ กลิ่นอายก็เลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง เขาก็คือส่วนหนึ่งของแก่นห้วงอากาศ! แทรกซึมเข้าสู่โลกทิพย์โบราณ ถึงแม้ว่ารัศมีสีดำของโลกทิพย์โบราณจะเจิดจรัส แต่กลับมิอาจพบตัวตงป๋อเสวี่ยอิงได้เลย


 


“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่น”


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงมุ่งหน้าเข้าไปอย่างเงียบเชียบ บริเวณไกลออกไปก็คือพระราชวังแห่งหนึ่ง อาณาบริเวณโดยรอบพระราชวังมีการรักษาการณ์แน่นหนา ที่เห็นซึ่งๆ หน้าก็มียามรักษาการณ์กลุ่มใหญ่คอยเฝ้ายามอยู่ และยังมีสิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดจำนวนหนึ่งเฝ้ายามอยู่ด้วย ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ซ่อนตัวอยู่คาดการณ์ว่าการรักษาการณ์คงยิ่งแน่นหนากว่า


 


แต่เขาจำเป็นต้องผ่านไป เพราะว่าสถานที่ที่คุมขังอวี๋จิ้งชิวผู้เป็นภรรยาเอาไว้ก็อยู่ที่ด้านล่างของจัตุรัสด้านหน้าพระราชวังแห่งนั้น


 


“สวบ”


 


เขาเหินบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว


 


รักษาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ ค่ายกลใดๆ ต่างก็ไม่สามารถค้นพบตงป๋อเสวี่ยอิงได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เคลื่อนผ่านด้านในร่างกายของบรรดายามรักษาการณ์โดยที่ผู้อื่นมิได้สังเกตพบเลยแม้แต่น้อย พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ภายในโลกกำเนิด ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นถึงส่วนประกอบที่เป็นแก่นสำคัญที่สุดของแก่นห้วงอากาศของโลกกำเนิด ก็ย่อมไม่มีผู้ใดล่วงรู้อยู่แล้ว


 


“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์” ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงบนจัตุรัส มองแวบหนึ่งก็เห็นประตูตำหนักของพระราชวังที่อยู่ตรงหน้าเปิดกว้างอยู่ บนเตียงศิลาดำที่อยู่ด้านในมีมีเงาร่างเท้าเปล่าที่สวมอาภรณ์ด้ายถักสีดำกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ รูปลักษณ์ของเขาดูกลางๆ ยากจะแยกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง รูปโฉมดูศักดิ์สิทธิ์ นั่งอยู่ที่นั่น อาณาบริเวณตรงนั้นก็มีกลิ่นอายของกฎเกณฑ์สูงสุดบางส่วนอยู่ด้วย


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบริษยา


 


เขาได้สัมผัสกับความลับจำนวนมากมายที่ดินแดนจิตโลกา มีความเข้าใจเกี่ยวกับเทพจักรวาลระดับขั้นที่สามมากยิ่งขึ้น เข้าใจว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไปถึงระดับสุดยอดของเทพจักรวาลก่อนนานแล้ว


 


ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปสู่ก้าวสุดท้ายของการ ‘ไขว่คว้ากฎเกณฑ์สูงสุด’ เห็นได้ชัดว่ามีการหยั่งรู้กฎเกณฑ์สูงสุดเพียงน้อยนิดเท่านั้น


 


“ตอนนี้เขามิอาจพบตัวข้าได้ แต่เมื่อใดที่ข้าพาตัวจิ้งชิวไป ก็จะกระตุ้นเตือนเขาในทันที” ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้คิดมากต่อไปอีกแล้วแทรกตัวลงไปอย่างเงียบๆ ในทันใด


 


ก้อนหินหนาหนักของจัตุรัสด้านหน้าพระราชวัง ค่ายกลมากมาย ต่างก็มิได้ขัดขวางใดๆ เลย


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงแทรกตัวลงไปไม่หยุดหย่อน


 


พื้นที่เบื้องล่างกว้างใหญ่ มีคุกชั้นแล้วชั้นเล่า ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้รับรายละเอียดข้อมูลจาก ‘ผู้วิเศษชางฟู่’ มาก่อนแล้ว รู้ว่าภรรยาและประมุขตำหนักสองท่านต่างก็ถูกคุมขังเอาไว้ที่ ‘ทะเลทุกข์’ ใน ‘คุกเพลิง’ จึงได้ตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียดโดยอาศัยศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา แล้วจึงหาสถานที่กักขังภรรยาและประมุขตำหนักสองท่านพบได้


 


มิฉะนั้นคนก็คงอาศัยศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาค้นหาไปทั่วทุกหนแห่งอย่างโง่งม ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเมื่อใดจึงจะหาพบ


 


ผู้วิเศษชางฟู่ถูกสังหารเมื่อหนึ่งร้อยแปดสิบล้านปีก่อน ก็เคยรายงานข่าวขึ้นไปถึงจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั่นด้วย! จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มิได้ใส่ใจกับสิ่งนี้ เพียงแต่ประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น… ประหลาดใจที่ทางโลกทิพย์กิเลนบูรพาและโลกทิพย์นิจนิรันดร์นี้ถึงกับสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นอลวนระดับชั้นที่แปดได้ด้วยทางด้านวิญญาณ


 


“ทะเลทุกข์แห่งคุกเพลิง”


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นหาต่อไปไม่หยุดหย่อน


 


คุกเพลิง มีทั้งสิ้นสามพันเก้าร้อยชั้น ภายในนั้นมีแปดสิบชั้นที่ต่างก็เป็นอาณาบริเวณของทะเลทุกข์


 


ทะเลทุกข์คือสิ่งใดกันหรือ


 


ทะเลทุกข์ให้ความสำคัญกับการทรมานจิตวิญญาณ โดยเฉพาะอวี๋จิ้งชิวผู้มีพลังยุทธ์อ่อนแอ ทนรับการทรมานที่น่าหวาดหวั่นเกินไปไม่ไหว ดังนั้นจึงถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์โยนเอาไว้ที่ทะเลทุกข์แห่งคุกเพลิง “ไม่เห็นจะต้องมาทรมานข้าทุกวันเลยนี่ การทรมานของเจ้า สำหรับข้าก็เป็นเพียงแค่การบำเพ็ญจิตใจเท่านั้นเอง จะให้ข้าสวามิภักดิ์ต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอิสรภาพแล้ว ก็คือความหลงผิดแล้วล่ะ” ที่ชั้นที่สามพันสามร้อย สายโซ่เส้นแล้วเส้นเล่าพันธนาการชายชรากระเซอะกระเซิงคนหนึ่งเอาไว้ ชายชรานั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ไม่ว่าตัวจะได้รับการลงโทษนานาชนิดของยามรักษาการณ์ แต่ก็ยังคงรอคอยอย่างสงบ


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูอย่างเงียบๆ แล้วก็แทรกตัวลงไปต่อไป


 


……


 


เพื่อการเผยแพร่ลัทธิและทำให้ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากมาสวามิภักดิ์ต่อตน มีบางส่วนที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ควบคุมวิญญาณโดยตรง แต่บางส่วนที่จิตวิญญาณแข็งแกร่งเกินไปแล้วไม่ปรารถนาที่จะสวามิภักดิ์ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ตัดใจสังหารไม่ลงก็คุมขังพันธนาการเอาไว้ ใช้การทรมานต่างๆ นานา บีบบังคับให้ผู้แข็งแกร่งยอมศิโรราบ


 


“ถึงแล้ว”


 


ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นแล้ว


 


ที่ชั้นที่สามพันห้าร้อยสิบเอ็ด ที่ผิวหน้าของทะเลทุกข์มีเงาร่างสายแล้วสายเล่าล่องลอยอยู่ข้างบน บนทะเลทุกข์ยังมีกลิ่นอายชั้นแล้วชั้นเล่าม้วนตัว นี่คือชั้นที่อ่อนแอที่สุดในทะเลทุกข์แปดสิบชั้น อวี๋จิ้งชิวก็คือหนึ่งในเงาร่างหกสายที่ล่องลอยอยู่ในทะเลทุกข์อันกว้างใหญ่


 


ส่วนพวกประมุขตำหนักหมื่นรูปสองคนกลับถูกโยนเอาไว้ที่ชั้นล่างสุดของทะเลทุกข์ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นขั้นอลวนสองคน


 


“จิ้งชิว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงยังข้างกายของอวี๋จิ้งชิว อวี๋จิ้งชิวล่องลอยอยู่บนทะเลทุกข์ สีหน้าสงบราบเรียบราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้ว่าการทรมานของทะเลทุกข์นั้นมีเป้าหมายคือจิตวิญญาณ


 


“ตอนนั้นข้าไม่ยอมมอบศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาออกมา คิดไม่ถึงว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั่นจะน่าไม่อายได้ถึงเพียงนี้ มาลากเจ้าไปเกี่ยวด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งละอายทั้งจนใจ ต่อให้เอาใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาก็ยังคงไม่มีทางมอบออกมาให้อยู่ดี


 


“ลงมือเลย ต้องเร็วด้วย”


 


ห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงมีแผนการต่อสู้เคลื่อนผ่านรอบหนึ่ง คราวนี้จะต้องสำเร็จให้จงได้!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)