Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 34 ตอนที่ 12-14
ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...
ตอนที่ 12 ตรวจสอบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศอันสับสนอลหม่านอันเวิ้งว้าง ในใจเย็นวาบ สีหน้าซีดขาวขึ้นมา
ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมา
กังวล จิตใจไม่สงบ หวาดกลัว…
“ไม่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปรอบด้าน “เหตุใดโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราหนึ่งในโลกทิพย์ทั้งห้าจึงหายไปเช่นนี้ได้เล่า หรือว่าข้าเคลื่อนที่ในพริบตาคลาดเคลื่อนมากเกินไปแล้ว”
ตู้มมม…
สติรับรู้แผ่ออกไปทั่วทุกทิศทุกทางโดยอาศัยอากาศ มันกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา จักรวาลและดินแดนต่างๆ รอบด้านล้วนถูกสติรับรู้ของเขาปกคลุมเอาไว้ ตงป๋อเสวี่ยอิงไล่ล่าฝูงมารผลาญทำลายนานถึงล้านล้านปี จึงรู้จักบริเวณต่างๆ ของอากาศอันสับสนอลหม่านดียิ่งนัก เหมือนกับที่เขากลับชาติไปจุติในโลกดาราระยับ เมื่อใช้สติรับรู้ปกคลุมไปทั่วโลกดาราระยับเพื่อตรวจสอบดู ก็รู้ว่าตนอยู่ใน ‘โลกดาราระยับ’
เนื่องจากที่ผ่านมาเขาเคยสำรวจมาก่อน!
ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน เขาจึงคุ้นเคยกับรอบโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราเป็นอย่างมาก
“มิผิด จักรวาลต่างๆ รอบด้าน ที่นี่ควรจะเป็นโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราสิ แต่มันไม่มีแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ” ต่อให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นเทพจักรวาล ก็ยากที่จะปิดบังความร้อนรนเอาไว้ได้ เนื่องจากโลกทิพย์ทะเลสัตตดารานั้นเกี่ยวข้องกับคนที่เขาใส่ใจมากมายเกินไปแล้ว ทั้งภรรยาและบุตรชายบุตรสาวของเขา สหายมากมายตอนที่จากจักรวาลมา และคนร่วมสำนักในวังทวีสูญ…
“นี้เพิ่งจะผ่านไปแค่เกือบหมื่นล้านปีเท่านั้น ที่แท้แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงข่มความไม่สงบใจเอาไว้ สวบ แล้วเขาก็อันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย
******
ฟิ้ว
ขณะที่ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งนั้น ก็มาถึงบริเวณซึ่งเดิมทีเป็นอากาศนอก ‘โลกทิพย์กิเลนบูรพา’ หนึ่งในโลกทิพย์ทั้งห้า
“เป็นที่นี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูโลกทิพย์ขนาดมหึมาไกลออกไปแล้วลอบถอนหายใจคราหนึ่ง โลกทิพย์กิเลนบูรพายังคงอยู่ดีดังเดิม
ว่ากันตามหลักแล้ว
ตนใช้เวลาในดินแดนจิตโลกาไปเกือบหมื่นล้านปี เวลาเล็กน้อยเท่านี้ สำหรับผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งแล้วก็มิได้นับว่ายาวนานแต่อย่างใด! ตามหลักแล้วอากาศอันสับสนอลหม่านไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่ ‘โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา’ หายไปแล้ว จึงย่อมทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตระหนกตกใจขึ้นมา เขาถึงขั้นกลัวว่าโลกทิพย์กิเลนบูรพาจะไม่อยู่แล้วเช่นกัน
“โลกทิพย์กิเลนบูรพามีทรัพยากรลึกล้ำกว่า ที่นี่มีพวกราชันย์มีดและบรรพชนห้วงอากาศอยู่ ทั้งยังมีเจ้าเมืองหลัวผู้ลึกล้ำยากเกินคาดเดาผู้นั้นอยู่ด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
เห็นๆ กันอยู่ว่าเจ้าเมืองหลัวเป็นขั้นอลวนคนหนึ่ง
พลังที่สำแดงออกมา กลับสามารถกดดันคนระดับอย่างบรรพชนห้วงอากาศได้ ในสายตาของตงป๋อเสวี่ยอิง ต่อให้พวกบรรพชนฝานสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกามาถึงที่นี่ ก็ต้องถูกกดดันให้อยู่ในขั้นอลวน พลังมิอาจแข็งแกร่งไปถึงไหนได้ เจ้าเมืองหลัวแข็งแกร่งเช่นนี้ ช่างไม่สอดคล้องกับหลักทั่วไปเอาเสียเลย
“เจ้าเมืองหลัวเป็นผู้มาจากภายนอกอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงคิด “ที่มาที่นี่เป็นเพียงร่างแยกร่างหนึ่งของเขาอย่างนั้นหรือ ร่างแยกร่างหนึ่งเผชิญกับการผลักไสและกดดันของกฎเกณฑ์อันสูงส่งก็ยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เกรงว่าพลังของร่างจริงจะต้องน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า อาจจะเหนือกว่าพวกบรรพชนฝานเสียอีก! หากเขาสามารถสำแดงพลังออกมาได้อย่างสิ้นเชิง เกรงว่าคงจะสามารถจัดการกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว น่าเสียดายที่เป็นผู้มาจากภายนอก ด้วยขั้นอลวน เขาก็สำแดงออกมาได้เพียงพลังรบเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองเท่านั้น สู้พวกราชันย์มีดและบรรพชนทิพย์ไม่ได้เลย”
เมื่อสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ก้าวเข้าไปในโลกทิพย์กิเลนบูรพา แล้วเลือกเมืองใหญ่แห่งหนึ่งก่อนจะร่อนลงไปตามอำเภอใจ
กลางตัวเมืองยังคงคึกคัก มีผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วน
ภายในโลกทิพย์ทะเลสัตตดารามี ‘หอทะเลสัตตดารา’ ซึ่งมีไว้สำหรับทำการซื้อขายโดยเฉพาะ ในโลกทิพย์กิเลนบูรพาก็มี ‘ตำหนักกิเลนบูรพา’ ซึ่งมีไว้สำหรับทำการซื้อขายต่างๆ โดยเฉพาะเช่นกัน
“ตำหนักกิเลนบูรพา” ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงตำหนักย่อยของตำหนักกิเลนบูรพาในเมืองใหญ่แห่งนี้ พลางเงยหน้ามองดูสิ่งก่อสร้างสูงตระหง่านตรงหน้าแห่งนี้
“ใต้เท้าท่านนี้ ยินดีต้อนรับสู่ตำหนักกิเลนบูรพาเจ้าค่ะ ตำหนักกิเลนบูรพาของเรามีครบครันทุกสิ่งรวบรวมทุกอย่างเอาไว้” สาวใช้เทพแท้หน้าตาหมดจดงดงามคนหนึ่งกล่าวต้อนรับ
เนื่องจากตงป๋อเสวี่ยอิงใช้เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์เก็บงำกลิ่นอายเอาไว้โดยสิ้นเชิงได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังจงใจแสร้งทำเป็นปลดปล่อยไอร้ายกาจเยียบเย็นออกมา บนใบหน้าก็สวมหน้ากากสีเงินเอาไว้ กลิ่นอายที่เขาแสร้งปลดปล่อยออกมาเป็นเพียงขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้น หากมีเทพจักรวาลเร้นลับคนหนึ่งมาเยือนน่ะหรือ อย่าว่าแต่ประมุขตำหนักย่อยของตำหนักกิเลนบูรพาแห่งนี้เลย เกรงว่าคงจะต้องทำให้พวกราชันย์มีดแตกตื่นกันหมดเป็นแน่
ไม่นานนักเขาก็ถูกนำทางมาจนถึงโถงตำหนักอันวิจิตรแห่งหนึ่ง มีอาหารและสุรารสเลิศเรียงรายอยู่ สาวใช้ก็อยู่เป็นเพื่อนที่ด้านหนึ่ง
ขั้นรวมเป็นหนึ่ง…เมื่ออยู่ในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งก็นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือตัวฉกาจได้แล้ว
“ข้าเก็บตัวมาเป็นเสลาหลายหมื่นล้านปีแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก “ออกมาครั้งนี้ กลับได้ยินมาว่าโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราไม่อยู่แล้วอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ นั่นเป็นศึกใหญ่เลยทีเดียว” สาวใช้พูดยิ้มๆ
“ศึกใหญ่หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงงุนงง
“ว่ากันว่าเกี่ยวข้องกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ส่วนรายละเอียดข้าก็ไม่ค่อยรู้แล้เจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ย ถึงนางเข้าใจก็มิอาจพูดอะไรมากได้ ข่าวสารทั่วไปที่แพร่ไปจนรู้กันทั่วหล้านั้นนางสามารถพูดได้ ส่วนข่าวสารที่ ‘ล้ำค่า’ หน่อยนั้น หากอยากรู้ก็ต้องซื้อเอาแล้ว!
ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงคันยุบยิบไปหมด
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์หรือ
นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของตน ผู้ที่สามารถทำให้โลกทิพย์แห่งหนึ่งหายไปได้ พวกบรรพชนเทียนอวี๋คงไม่มีทางเบื่อหน่ายจนถึงขั้นไปทำลายโลกทิพย์ด้วยตนเอง เกรงว่าคงมีเพียง ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ เท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้
“ช้าอยากรู้ข้อมูลเรื่องที่โลกทิพย์ทะเลสัตตดาราหายไปโดยละเอียด รวมทั้งหลายหมื่นล้านปีที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นบ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“ต้องการละเอียดขนาดไหนเจ้าคะ” สาวใช้สอบถาม
“ยิ่งละเอียดเท่าไหร่ก็ยิ่งดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก
สาวใช้พยักหน้าน้อยๆ พลางครุ่นคิด จะต้องลอบติดต่อกับเบื้องบนให้ได้
“รายงานฉบับนี้เกี่ยวพันลึกซึ้งนัก ต้องใช้ศิลาปฐมโลกาหนึ่งก้อนเจ้าค่ะ!” สาวใช้กล่าว
“ข้ามี ‘ศิลาด้ายทองสามสี’ อยู่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง ศิลากึ่งโปร่งใสซึ่งเปล่งแสงสามสีก้อนแล้วก้อนเล่าปรากฏขึ้นมา ภายในนั้นมีด้ายมองเคลื่อนไหวอยู่ ศิลามีทั้งหมดสิบแปดก้อนด้วยกัน “สามารถใช้แทนศิลาปฐมโลกาก้อนหนึ่งได้กระมัง” นี่คือสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงบ่มเพาะขึ้นมาเองในจักรวาลโลกเทียมของตน เขาบ่มเพาะวัตถุเช่นนี้ขึ้นมา จะต้องเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจทะลุปรุโปร่งอย่างแท้จริง
สมบัติลับอันแข็งแกร่งอย่าง ‘ลูกแก้วห้าภาพ’ หรือวัสดุลับนั้น หากมิได้ค้นคว้าให้ทะลุปรุโปร่งทั้งนอกและใน เขาก็มิอาจสร้างขึ้นมาเปล่าๆ ได้
ด้วยระดับขั้นของเขา วัสดุที่เมื่อเทียบกันแล้วรองลงมาบ้าง…โดยทั่วไปก็ล้วนค้นคว้าจนทะลุปรุโปร่งได้ และสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ เพียงแต่ว่าต้องใช้พลังงานมากหน่อยเท่านั้นเอง ดังนั้นหากอยากทำ เทพจักรวาลในอากาศอันสับสนอลหม่านเพียงคนเดียวซึ่งเข้าถึง ‘จักรวาลโลกเทียม’ ในตอนนี้อย่างเขา หากพูดถึงระดับความมั่งคั่งแล้ว ย่อมสามารถจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ได้! เพียงแต่ว่าสมบัติลับพิสดารอันล้ำค่าจริงๆ นั้น ต่อให้มีวัสดุล้ำค่าระดับรองมากกว่านี้ก็มิอาจแลกมาได้
“ได้เจ้าค่ะ” สาวใช้พยักหน้ารัว
……
ไม่นานนัก
รายงานฉบับหนึ่งก็ถูกส่งมาตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับม้วนสาส์นสีม่วงเข้มฉบับหนึ่งที่สาวใช้ส่งมาให้ หลังคลี่ออกแล้วเขาก็สำรวจดูเล็กน้อย บนม้วนสาส์นสีม่วงเข้มมีรอยอักษรปรากฏขึ้นมา ทั้งยังมีข้อมูลจำนวนมากส่งถ่ายเข้าไปในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิง
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับกุม ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ เจ้าตำหนักแห่งวังทวีสูญในโลกเทียมไป ตงป๋อเสวี่ยอิงสิ้นชีพในโลกทิพย์โบราณ
หลังตงป๋อเสวี่ยอิงสิ้นชีพได้สามสิบล้านปี จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็แอบแทรกซึมเข้าไปภายในวังทวีสูญแล้วลอบสังหาร
สงครามใหญ่ครั้งหนึ่งปะทุขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน!
บรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกาต่างก็เข้าร่วมสงคราม
สงครามใหญ่ครั้งนี้ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์บ้าคลั่งเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดก็ทำให้ทั้งโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปจนสิ้น วังทวีสูญ เกาะปฐมบรรพชนและแดนทิพย์เหยากวงก็ทำทันเพียงให้ศิษย์ในเมืองใหญ่อพยพหนีไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น ส่วนผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วบริเวณอันกว้างใหญ่ไพศาลที่โลกทิพย์แตกสลายนั้นก็แทบจะหายไปหมด
……
สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงดูคล้ำเขียว สิ่งมีชีวิตภายในโลกทิพย์แห่งหนึ่งแทบจะดับสลายไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ
สิ่งที่บันทึกเอาไว้ในรายงานก็นับได้ว่าละเอียดมากแล้ว ถึงขั้นบันทึกเอาไว้ว่าขณะที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลอบโจมตีสังหารวังทวีสูญนั้น ยังจับตัวศิษย์วังทวีสูญบางส่วนไปด้วยความเร็วอันสูงยิ่งอีกด้วย
“น่าแปลก”
“เหตุใดจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จึงตั้งใจมุ่งหน้าไปลอบโจมตีวังทวีสูญเล่า ด้วยนิสัยของเขา จะไม่เข่นฆ่าโดยตรง แต่กลับจับศิษย์วังทวีสูญบางส่วนกลับไปทั้งเป็นอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบขมวดคิ้ว
เห็นได้ชัดว่า
ศึกใหญ่ซึ่งนำไปสู่การแตกสลายของโลกทิพย์ทะเลสัตตดารานั้น เกี่ยวข้องกับเกาะปฐมบรรพชนและแดนทิพย์เหยากวงไม่มากนัก เกาะปฐมบรรพชนและแดนทิพย์เหยากวงเป็นปลาที่ติดร่างแหมาด้วยเท่านั้นจริงๆ
“เรื่องลอบโจมตีวังทวีสูญ เกี่ยวข้องกับจอมกระบี่อย่างนั้นหรือ หรือว่าเกี่ยวข้องกับข้ากันแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
ตอนที่จอมกระบี่บรรลุนั้น ก็เคยยั่วให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์บุกเข้ามาเช่นกัน
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์บ้าคลั่งแล้วทำลายไปทั้งโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็เป็นเทพจักรวาล จึงเข้าใจดีมากว่า การจะทำให้โลกทิพย์ใบหนึ่งได้รับความเสียหายนั้นง่ายดายมาก หากจะทำลายโลกทิพย์ทั้งใบภายใต้การขัดขวางของบรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกาและคนอื่นๆ ก็ยากมาก แต่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ทำเช่นนี้ลงไปแล้ว คาดว่าคงจะโมโหจนคลั่งไปจริงๆ
“ยังมีจิ้งชิว อวี้เอ๋อร์ ชิงเหยาและคนร่วมสำนักวังทวีสูญทั้งหลาย…” ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงอยากจะรู้สภาพความเป็นไปของภรรยาและลูกๆ รวมทั้งคนทั้งหลายที่เขาห่วงใยเป็นอย่างมาก แต่เรื่องพวกนี้ก็ไม่เหมาะจะซื้อข้อมูลแล้ว
เขายังไม่อยากเปิดเผยสถานะของตนในตอนนี้!
เพราะถึงอย่างไร ที่เขากลับมาจากดินแดนจิตโลกาก็ได้ผ่านการกลับชาติมาจุติอีกครั้ง แม้ทุกครั้งล้วนแต่มีวิญญาณแท้เริ่มแรกสุดเป็นรากฐานเช่นเดียวกัน แต่กลิ่นอายวิญญาณก็ยังคงแตกต่างกันอยู่บ้าง! นอกจากนี้ เขาสำแดงเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ออกมาจึงสามารถเก็บงำกลิ่นอายทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ สามารถปลอมแปลงกลิ่นอายได้อย่างง่ายดาย! แม้แต่ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ ก็ยังเชื่อว่าเขา ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ตายไปตั้งนานแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่ายิ่งต้องปิดบังเข้าไปใหญ่
ศัตรูอยู่ในที่แจ้ง ส่วนเขาอยู่ในที่ลับ ผลลัพธ์เช่นนี้จึงจะดี!
แน่นอนว่า มีบางคนที่ควรค่าแก่การเชื่อใจ ดังเช่น ‘บรรพชนเทียนอวี๋’ และ ‘บรรพชนห้วงอากาศ’ เป็นต้น เพียงแต่ว่า ตอนนั้นตนได้วิญญาณกระจัดพลัดพรายไปจริงๆ วิญญาณแท้สายหนึ่งกลับชาติไปจุติ มุ่งหน้าไปยังดินแดนจิตโลกา ทั้งยังเชื่อมโยงไปถึงป้ายคำสั่งจิตโลกาแล้วก็กลับชาติไปจุติอีก คิดจะทำให้เหล่าเทพจักรวาลอย่างพวกบรรพชนห้วงอากาศเชื่อว่าตนคือตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิใช่เรื่องง่ายเลย
“ข้าอยู่ในความมืดไปก่อนชั่วคราวก็แล้วกัน ตอนนี้พลังของข้าก็ไม่แข็งแกร่งพอ แม้แต่ปุจฉวิถีคละถิ่นชั้นที่หนึ่งก็ยังฝึกไม่สำเร็จ เฮ้อ ตรวจสอบสถานการณ์ของพวกจิ้งชิวให้แน่ชัดเสียก่อน หวังว่าพวกเขาจะยังคงปลอดภัยดี” ตามข้อมูลที่ได้มา คนส่วนใหญ่ของวังทวีสูญล้วนถูกจอมกระบี่และชายชราเทียนอวี๋พาอพยพไปยังโลกทิพย์กิเลนบูรพา หวังว่าภรรยาและลูกๆ จะอยู่ในจำนวนนั้นด้วย
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็จากตำหนักย่อยขอตำหนักกิเลนบูรพาแห่งนี้ไปอย่างไร้สุ้มเสียง
ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...
ตอนที่ 13 ข้าคือตงป๋อเสวี่ยอิง
ภายในวังทวีสูญซึ่งเคลื่อนย้ายมายัง ‘โลกทิพย์กิเลนบูรพา’ ตำหนักทวีสูญยังคงโดดเด่นสะดุดตา รัศมีสาดส่องไปทั่วทุกอณูในมิติ
ภายในตำหนักวารีสวรรค์ บนผืนดินอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ล่องลอยอยู่
“น่าขันๆ”
“สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเกรียงไกร ผู้แกร่งกล้าบาดเจ็บล้มตายก็แล้วไปเถิด แม้แต่บุตรภรรยาของพี่ตงป๋อก็ยังมิอาจปกป้องได้ ช่างน่าอัปยศ น่าอัปยศจริงๆ” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มนั่งดื่มสุราอยู่ภายในลานเพียงลำพัง บนใบหน้าฉายแววขมขื่นและเดือดดาล
นอกประตูลานมีสาวใช้เมียงมองอยู่ แต่กลับมิกล้าเข้าใกล้เลย
นับตั้งแต่วังทวีสูญเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เป็นต้นมา ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ก็กลายเป็นคนที่ถดถอยลงไป แม้แต่ศิษย์ก็ยังมิกล้าเข้ามาปลอบใจเขาเลย
“ดิ้นรน จะดิ้นรนเช่นใดได้อีกเล่า” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์พูดเสียงต่ำ บรรดาศิษย์เหล่านั้นยังมีปณิธานอยู่ แต่ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยมาตั้งนานแล้ว “เมื่อเผชิญหน้ากับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เทพจักรวาลทั้งหมดทางฝ่ายพวกเราร่วมมือกันก็ทำได้เพียงรักษาการป้องกันเอาไว้เท่านั้น มิอาจคุกคามเขาได้เลย ภายในมีจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ภายนอกมีฝูงมารผลาญทำลาย…นอกจากนี้อากาศอันสับสนอลหม่านยังขยายตัวอย่างไม่หยุดหย่อน ถึงอย่างไรก็ต้องเกิดการแตกทำลายครั้งใหญ่ ฮ่าฮ่า ก็ดีๆ พี่ตงป๋อ พี่เชียนอี้ พวกท่านแต่ละคนล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง อีกไม่นานพวกเราก็จะตามไปแล้ว”
ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ปวดร้าวและรู้สึกผิดอยู่ในใจ
สำหรับ ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ในตอนนั้นประมุขตำหนักวารีสวรรค์ได้เห็นเขาเติบโตขึ้นมาทีละก้าวๆ เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงประจำการเมืองอลหม่าน เมืองที่ไปก็คือเมืองวารีสวรรค์
ผู้มีพรสวรรค์เกรียงไกรเช่นนั้น…
ไร้เทียมทาน โดดเด่นสะดุดตา!
เดิมทีระยะเวลาในการบำเพ็ญของตงป๋อเสวี่ยอิงก็สั้นอยู่แล้ว แต่กลับใช้เวลากว่าล้านล้านปีไล่ล่าฝูงมารผลาญทำลายมาโดยตลอด ทั้งยังตามหารังระดับเกราะทองของฝูงมารผลาญทำลายพบหลายรัง สร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงจนทำให้เหล่าเทพจักรวาลต้องอ้าปากค้าง! ท้ายที่สุด แม้จะถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับไปทั้งเป็น ก็ยังยอมเลือกที่จะตาย ก็ไม่เคยบอกสิ่งที่เรียกว่าศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ล่วงรู้
ผู้ที่มีคุณูปการอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ ต้องมาสิ้นลมไปตั้งแต่เนิ่นๆ แต่สุดท้าย แม้แต่ภรรยาของเขา วังทวีสูญก็ยังปกป้องเอาไว้มิได้
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เอ๋ย จอมเทพศักดิ์สิทธิ์” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์พึมพำเสียงเบา
ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อโต้แย้งของอากาศอันสับสนอลหม่านถึงกลับทำเรื่องอัปยศพรรค์นั้นได้โดยไม่รักษาหน้าตนเอง
“พลังแตกต่างกันมากเกินไปแล้ว ทางฝ่ายพวกเรามิอาจคุกคามเขาได้เลย” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ฟุบลงกับโต๊ะ สุรามิได้มอมเมาคน คนต่างหากที่เมาเอง
เขารู้สึกว่าสติรับรู้ค่อยๆ จมดิ่งลงไป
“ไม่ดีแล้ว…”
ประมุขตำหนักวารีสวรรค์พลันรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมา จากนั้นสติรับรู้ก็ดับวูบไปอย่างสิ้นเชิง เขาซบหน้าฟุบลงกับโต๊ะแล้วหลับสนิทไป
สาวใช้นอกลานเห็นเข้า ก็มิได้ตระหนักเลยว่าประมุขตำหนักวารีสวรรค์ถูกกระบวนท่าเข้าเสียแล้ว
******
โลกทิพย์กิเลนบูรพาก็มีสถานที่อันรกร้างห่างไกลอยู่มากมาย บัดนี้ก็ก็ได้แบ่งพื้นที่ต่างๆ ออกมาโดยมีวังทวีสูญปกครอง และยังได้สร้างเมืองอลหม่านขึ้นมาแปดแห่ง ในจำนวนนั้นก็มี ‘เมืองวารีสวรรค์’ อยู่ด้วย
ภายในจวนประมุขแห่งเมืองวารีสวรรค์
ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์หลับใหลอยู่ในห้องเงียบใต้ดิน ทันใดนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้นแล้วออกจากจวนประมุขไป เขาสาวเท้าก้าวหนึ่งแล้ว ‘เคลื่อนที่ในพริบตา’ มาถึงในหอสุราแห่งหนึ่ง
ภายในห้องส่วนตัวแห่งหนึ่งของหอสุรา
ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์ผลักประตูเข้าไป ภายในห้องส่วนตัวมีชายหนุ่มอาภรณ์ขาวสวมหน้ากากสีเงินผู้หนึ่งนั่งอยู่
“พี่วารีสวรรค์” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์แล้วโบกมือคราหนึ่ง
ฟิ้ว!
ผนึกห้าภาพ! ห้องส่วนตัวนี้ตัดขาดจาดโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง จากภายนอกก็มิอาจหาห้องส่วนตัวนี้พบได้แล้ว
ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์มีสายตาราบเรียบ อันที่จริงแล้ว เขาถูกตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมอย่างสิ้นเชิงแล้ว แม้แต่การ ‘เคลื่อนที่ในพริบตา’ ก็เป็นตงป๋อเสวี่ยอิงที่ควบคุมอากาศแล้วทำให้เขามาถึงที่นี่ได้
“ร่างจริงของเขาน่าจะหลับใหลด้วยเช่นกัน พวกบรรพชนเทียนอวี๋อาจจะสังเกตเห็นแล้วก็ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบคิด “ก็ไม่เป็นไร พวกเขาหาที่นี่ไม่พบ ก็ไม่มีทางรบกวนข้าได้ ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้น่ะหรือ ให้บรรพชนเทียนอวี๋รู้เข้าก็ไม่เป็นไร!”
เทพจักรวาลที่ทำให้เขาเชื่อใจได้มีไม่มากนัก และบรรพชนเทียนอวี๋ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“วิ้ง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์แล้วเอ่ยปากว่า “ครั้งนี้ต้องล่วงเกินแล้ว หวังว่าท่านจะให้อภัยด้วย”
ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์ก็นั่งลงอย่างเงียบเชียบ
“ท่านเกลียดจอมเทพศักดิ์สิทธิ์หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
บัดนี้ประมุขตำหนักวารีสวรรค์เป็นยอดฝีมือขั้นอลวนระดับชั้นที่แปด นอกจากนี้ยังเป็นทางสายของกฎเกณฑ์ ปณิธานวิญญาณจึงไม่ธรรมดา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่มีสมบัติลับอันใด เป็นเพราะเขตลวงโลกเทียมบรรลุระดับขั้นเทพจักรวาลล้วนๆ จึงสามารถควบคุมประมุขตำหนักวารีสวรรค์เอาไว้ได้ แต่กลับมิอาจทำได้ถึงขั้นพลิกดูความทรงจำของประมุขตำหนักวารีสวรรค์! ทำได้เพียงโน้มน้าวให้อีกฝ่ายพูดความลับต่างๆ ออกมาเท่านั้น
ถึงขั้นหลังจากตนหยุดเคล็ดลับและจากไปแล้ว ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ฟื้นคืนสติ ก็สามารถล่วงรู้ได้ว่าเมื่อครู่ตนถูกกระบวนท่าเข้าเสียแล้ว
“เกลียดสิ เกลียดจนอดใจรอให้เขาตายไปเร็วๆ ไม่ได้เลยล่ะ” สีหน้าของประมุขตำหนักวารีสวรรค์เหี้ยมเกรียม ราวกับเห็นภาพที่ทำให้โมโหอย่างไรอย่างนั้น เขาพูดพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
จากภาพที่ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เห็นในเขตลวงซึ่งสำแดงออกมาขณะนี้ เขาก็ตัดสินได้ว่าประมุขตำหนักวารีสวรรค์มิใช่คนทรยศ
“ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลอบโจมตีวังทวีสูญ วังทวีสูญเสียหายเพียงใดกัน” นี่เป็นเรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นห่วงอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มโน้มน้าวจิตใจของประมุขตำหนักวารีสวรรค์ซึ่งจมดิ่งอยู่ในเขตลวง ทำให้ทั้งเขตลวงโลกเทียมค่อยๆ มีภาพของสงครามในครั้งนั้นปรากฏขึ้นมา
“กะทันหันเกินไป ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับคนของวังทวีสูญกลุ่มหนึ่งไปทั้งเป็น ในจำนวนนั้นมีประมุขตำหนักถึงสี่คน!” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์กล่าว
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนแปรครั้งใหญ่
จับประมุขตำหนักสี่คนไปทั้งเป็นอย่างนั้นหรือ
หากไม่นับตนเอง ทั้งวังทวีสูญก็มีประมุขตำหนักเพียงสิบสองคนเท่านั้น!
“ประมุขตำหนักทั้งสี่คนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์บีบบังคับให้พวกท่านบรรพชนมอบสิ่งที่เรียกว่า ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ให้ ท่านบรรพชนและจอมกระบี่ต่างก็ไม่ยอมมอบให้” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์กล่าว “ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็สังหารคนที่เขาจับไปทั้งเป็นทีละคนๆ ‘ประมุขตำหนักเชียนอี้’ และ ‘จอมมาร’ สองในสี่ของประมุขตำหนักต่างก็ถูกปลิดชีพในตอนนั้น”
หัวใจของตงป๋อเสวี่ยอิงบีบตัวแน่น
พี่เชียนอี้และจอมมารหรือ
ตอนนั้นประมุขตำหนักอีกสิบสองคน นำโดยประมุขตำหนักอลวน ยังมีประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์เป็นต้น ตนล้วนแต่คุ้นเคยดีมาก เรียกกันเป็นพี่เป็นน้อง เนื่องจากจอมมารมาจากจักรวาลเดียวกับตน ความสัมพันธ์จึงค่อนข้างพิเศษ
สิ้นใจแล้วหรือ
สิ้นใจไปเช่นนี้เองน่ะหรือ
“แล้วอย่างไรอีก วังทวีสูญเสียหายอย่างไรบ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามต่อ
“ในสงครามนั้น นอกจากคนที่ถูกจับไปทั้งเป็นจะถูกสังหารเป็นจำนวนมากแล้ว ศิษย์คนสำคัญของทั้งวังทวีสูญก็ล้มตายไปมากถึงสามส่วน” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จงใจ จงใจทำให้ศิษย์วังทวีสูญของข้าถูกลูกหลง แม้ท่านบรรพชนและจอมกระบี่จะพยายามปกป้อง ก็ยังคงล้มตายกันไปมากมาย ที่ทำให้ข้าโกรธแค้นที่สุดก็คือ เพื่อสิ่งที่เรียกว่าศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกานั่น เขายังจับ ‘อวี๋จิ้งชิว’ ภรรยาของพี่ตงป๋อไปทั้งเป็นด้วย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าซีดขาว
สิ่งที่กลัวที่สุด กลัวที่สุด…
สิ่งที่กังวลที่สุดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว!
“ตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาเล่า แล้วศิษย์คนอื่นๆ ของตงป๋อเสวี่ยอิงเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามรัว
“พี่ตงป๋อสร้างคุณูปการใหญ่หลวงให้ฝ่ายเรา หลังเขาสิ้นใจ จอมกระบี่ก็ได้รับตงป๋อชิงเหยาเป็นศิษย์ บรรพชนทิพย์ก็รับตงป๋ออวี้เป็นศิษย์ ดังนั้นบุตรชายบุตรสาวของพี่ตงป๋อจึงยังดีอยู่ สิงหั่วสวินอีศิษย์เขาก็มิได้ตายไปในสงครามนั้น เดิมทีประมุขเหยากวงคิดจะรับอวี๋จิ้งชิวเป็นศิษย์ แต่อวี๋จิ้งชิวกลับไม่ยินยอม นางรั้งอยู่ในคูหาของพี่ตงป๋อในตอนนั้นมาโดยตลอด อยู่ที่นั่นมาตลอดโดยไม่ยอมไปที่อื่นเลย ตอนนั้นคนที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับไปทั้งเป็นคนแรกก็คืออวี๋จิ้งชิว!” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์เอ่ย
“ไม่ยอมไปที่อื่นเลย ไม่ยอมไปที่อื่นเลย…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงว้าวุ่นใจ
คนอื่นไม่รู้
แต่ตัวเขาเองรู้ ตนเคยให้สัญญาเอาไว้ว่า ในภายหน้าจะกลับมาให้จงได้! ตนมี ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ จะต้องกลับมาหาภรรยาอย่างแน่นอน! ดังนั้นจิ้งชิวจึงอยู่เฝ้าที่นั่นมาโดยตลอดเพื่อรอคอยตน
“ตอนนี้อวี๋จิ้งชิวยังดีอยู่หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จับศิษย์กลุ่มหนึ่งไปทั้งเป็น มีเพียงนางและประมุขตำหนักสองคนเช่นหมื่นรูปที่ยังคงมีชีวิตอยู่ชั่วคราว” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์กล่าว “จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ขังพวกเขาเอาไว้ในโลกทิพย์โบราณ และใช้การลงโทษทรมานพวกเขามาโดยตลอด บีบบังคับให้พวกเราชาววังทวีสูญมอบ ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ให้ จวบจนบัดนี้วังทวีสูญยังมิได้มอบให้ไป พวกเขาก็ยังคงทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น เคราะห์ดีที่ตอนนั้นพี่ตงป๋อมิได้บอกเรื่องศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาให้ภรรยารู้ มิเช่นนั้นแล้วภรรยาเขาและพวกพี่หมื่นรูปก็คงต้องตายอย่างแน่นอน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเจ็บปวดใจและโกรธแค้น
ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา…
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ นอกจากจะลงมือกับตนแล้ว ยังลงมือกับทั้งวังทวีสูญอีก!
“พวกจิ้งชิวยังคงทนทุกข์ทรมานอยู่” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจ พวกบรรพชนเทียนอวี๋ยอมตาย ก็ไม่ยอมเสียเปรียบจอมเทพศักดิ์สิทธิ์! เพราะถึงอย่างไรทุกฝ่ายก็กังวลอยู่เรื่องหนึ่งคือ หากจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาศัย ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ สำแดงศาสตร์ร่างแยกออกมา เช่นนั้นสถานการณ์คงจะเลวร้ายลงไปอีก
……
เขาสอบถามข้อข้องใจอีกหลายอย่างโดยละเอียด ทั้งยังสำแดงภาพอีกหลายภาพขึ้นมาโดยผ่านเขตลวงโลกเทียมเพื่อให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน
“พี่วารีสวรรค์ ครั้งนี้ล่วงเกินแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วค่อยๆ ถอดหน้ากากบนหน้าออก เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง “ข้าคือตงป๋อเสวี่ยอิง! อย่าเพิ่งเปิดเผยตัวตนของข้าในตอนนี้ ทว่าท่านสามารถบอกบรรพชนเทียนอวี๋ได้ หากท่านบอกเขา เขาก็จะเข้าใจเอง”
พูดจบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เก็บเคล็ดผนึกห้าภาพแล้วหายวับไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์สั่นสะท้านคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้สติกลับคืนมา
“ข้า ข้าถูกเขตลวงเข้าหรือ” ร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์หวาดผวาเสียจนหน้าซีดขาวไปหมด
แต่จากนั้น เมื่อย้อนคิดถึงทุกสิ่งที่ได้ประสบในเขตลวง ลักษณะของผู้ที่ถอดหน้ากากออกให้เขาได้เห็นด้วยตาเปล่าเมื่อครู่ ก็ทำให้ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ตะลึงงันไป
“พี่ตงป๋อรึ เขา เขายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์มึนงงไปหมด
ภาคที่ 34 เทพจักรวาล...
ตอนที่ 14 เสวี่ยอิงกลับมาแล้วหรือ
สวบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงออกจากโลกทิพย์กิเลนบูรพามาอยู่กลางอากาศอันสับสนอลหม่านที่เวิ้งว้างทันที ยามนี้ไอโหดร้ายบนร่างของเขายิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น ในใจมีเพลิงโทสะและความร้อนรนอัดแน่นไปหมด
เขาเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าระหว่างที่ทำสงครามกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องมีคนที่ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก! เพราะถึงอย่างไร ‘โลกทิพย์โบราณดั้งเดิม’ ในตอนนั้น และสงครามขนาดใหญ่หลายครั้งหลังจากนั้น ก็มีผู้บาดเจ็บล้มตายไปมากมาย และจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นผู้ที่ก่อสงครามขึ้นทุกครั้งโดยไม่เว้นแม้แต่ครั้งเดียว! ลัทธิทิพย์โบราณของเขาทำให้ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนภักดีต่อเขาอย่างสมบูรณ์จากวิญญาณ เมื่อเขาออกคำสั่ง ผู้ศรัทธาลัทธิทิพย์โบราณจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะไม่สนใจแม้แต่ชีวิต
“เพื่อตัวเขาเอง เขาสามารถทำให้โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมทั้งใบแตกสลายได้ สามารถกวาดล้างโลกทิพย์ทั้งใบได้…ต่อให้สิ่งมีชีวิตล้มตายไปมากกว่านี้เขาก็ไม่แยแส! ช่างเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจ เพื่อ ‘เส้นทาง’ ของตนเอง เกรงว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์คงจะยอมสละสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอากาศอันสับสนอลหม่านอย่างไม่ลังเล
“ตอนนี้เขาอยากได้ ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ เป็นอย่างมาก”
“ดังนั้นจึงยังมิได้สังหารพวกจิ้งชิว เห็นได้ชัดว่ายังคงมีความหวังอยู่ หากข้าจะไปช่วยเหลือ ก็มีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจดีว่าการจะช่วยเหลือคนนั้นยากเย็นเพียงใด
นั่นคือโลกทิพย์โบราณ!
มี ‘ร่างแปรทิพย์โบราณ’ ประจำการอยู่ จวบจนบัดนี้ก็มิมีผู้ใดกล้าเข้าไปต่อกรกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น (ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่รู้เรื่องที่เจ้าศิลาประมือกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์)
ร่างจริงของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ที่นั่น เมื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ยังไม่รู้วิธีการของตน ครั้งแรกก็ยังมีหวังจะทำสำเร็จได้ แต่เมื่อรู้วิธีการของตนแล้ว โอกาสสำเร็จก็ต่ำอย่างยิ่งแล้ว
“ต้องทำสำเร็จให้ได้”
“ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าเขาขังจิ้งชิวเอาไว้ที่ไหน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
……
พูดไปก็เหมือนจะช้า
แต่เมื่อถึงระดับอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว สมองก็ครุ่นคิดได้ฉับไวเพียงใด เพียงพริบตาเดียวก็มีแผนการโดยละเอียดแล้ว
เขาจากโลกทิพย์กิเลนบูรพาไปแล้วสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ก็มาถึง ‘ดินแดนเก้าเมฆา’ อันไกลโพ้นแล้ว
ดินแดนเก้าเมฆานั้น หลังจากที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแตกสลายไปแล้ว นอกจากเศษเสี้ยวที่ใหญ่ที่สุดอย่าง ‘โลกทิพย์โบราณ’ แล้ว สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปอยู่ที่นี่ ทั้งยังมีเทพจักรวาล ‘บรรพชนกฎฉุนอี’ พำนักอยู่ที่นี่ และเป็นสถานที่เผยแผ่ลัทธิของลัทธิทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดา…ลัทธิทิพย์โบราณก็จัดให้มีผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนคอยจัดการเรื่องต่างๆ อยู่ที่นี่
“ดินแดนเก้าเมฆา”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศอันสับสนอลหม่าน มองดูผืนดินอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเบื้องล่าง
ตอนนั้นเขาเคยมายังดินแดนเก้าเมฆา ก็พอจะเข้าใจผังอำนาจคร่าวๆ ของดินแดนเก้าเมฆา ทั้งยังล่วงรู้สถานที่ซ่อนตัวของ ‘บรรพชนกฎฉุนอี’ ด้วย
“วิ้ง”
ระลอกคลื่นมิติอันไร้รูปร่างพลันปกคลุมบริเวณในขอบเขตอำนาจของ ‘ลัทธิทิพย์โบราณ’
“อื้ม บรรพชนกฎฉุนอีไม่อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ เมื่ออาศัยแก่นห้วงอากาศตรวจตรา บรรพชนกฎฉุนอีก็ยากที่จะพบได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่กล้าสำแดงเขตลวงโลกเทียมออกไปปกคลุมโดยตรง หากไม่ระวังขึ้นมา แล้วไปถูก ‘บรรพชนกฎฉุนอี’ เข้า บัดนี้เขตลวงโลกเทียมของเขายังคงมิอาจทำให้บรรพชนกฎฉุนอีจมดิ่งลงไปได้
สามารถเปิดเผยการมีอยู่ของตนออกไปได้อย่างง่ายดาย!
บรรพชนกฎฉุนอีนั้นไม่เข้าร่วมสงคราม ไม่ช่วยเหลือทางสำนักของบรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกา ราชันย์มีดและจอมกระบี่ และไม่ช่วยเหลืออีกสองพรรคใหญ่ด้วย ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่เชื่อใจบรรพชนกฎฉุนอีเอาเสียเลย
“ลัทธิทิพย์โบราณแค่ส่งขั้นอลวนคนหนึ่งมาอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ ผู้วิเศษชางฟู่เชี่ยวชาญทางสายศาสตร์โบราณ และยังมีร่างแยกด้วยกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงจำอีกฝ่ายได้ในทันที
เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไปยังดินแดนจิตโลกาเพียงเกือบหมื่นล้านปีเท่านั้น
ผู้แกร่งกล้าทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากสักเท่าใดนัก พลังของ ‘ผู้วิเศษชางฟู่’ มิได้นับว่าแข็งแกร่งสักเท่าใดนัก ราวๆ ขั้นอลวนชั้นที่แปดเท่านั้นเอง! แต่พรสวรรค์ทางด้านศาสตร์โบราณของเขากลับมีศาสตร์ร่างแยกอยู่ด้วย เขามีร่างแยกเจ็ดร่างด้วยกัน! การมีศาสตร์ร่างแยกโดยอาศัยพรสวรรค์ศาสตร์โบราณเช่นนี้ จะอิจฉาไปก็ไร้ประโยชน์
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์โจมตีวังทวีสูญอย่างบ้าคลั่งเพื่อทำให้ทั้งโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราแตกทำลายไป! เชื่อว่าบัดนี้ทั้งสองฝ่ายคงจะต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในดินแดนเก้าเมฆามีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน จะมาเผยแพร่ลัทธิที่นี่ก็สำคัญอย่างยิ่ง จะละทิ้งไปไม่ได้ ดังนั้นจึงส่งผู้ที่มีร่างแยกออกไปอย่างนั้นหรือ ต่อให้ถูกลอบสังหาร ก็สามารถส่งร่างแยกร่างใหม่ออกมาได้หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มเย็น
เทพจักรวาลโดยทั่วไปก็จะปวดหัวกับขั้นอลวนที่มีร่างแยก
เนื่องจากสังหารแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ยังสามารถฝึกร่างแยกออกมาได้อีก สังหารไปก็ไม่จบไม่สิ้น! จ้าวภูเขาฉื้อเหมยในตอนนั้น แม้แต่จอมเทพศักดิ์สิทธิก็ยังมิอาจสังหารให้ตายได้
“น่าเสียดายที่พบข้าเข้า” นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงฉายแววเยียบเย็น
ก่อนที่จะไปยังดินแดนจิตโลกา เขาก็เป็นอันดับหนึ่งทางด้านเขตลวงโลกเทียมของทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน! ทว่าตอนนั้น ขั้นอลวนบางคนที่ปณิธานวิญญาณยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง เขาก็ทำอะไรไม่ได้
แต่ตอนนี้สำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว! อานุภาพของกระบวนท่าก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เกรงว่าในบรรดาผู้แกร่งกล้าระดับ ‘ขั้นอลวนชั้นที่เก้า’ มีเพียงจำนวนน้อยนิดจนนิ้วนับได้เท่านั้นที่จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้! คนอื่นๆ ล้วนต้องหมดกันทั้งสิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขั้นอลวนชั้นที่เจ็ดและชั้นที่แปดคนอื่นๆ แล้ว
……
ภายในดินแดนเก้าเมฆา
ริมทะเลสาบ
ชายชราศีรษะโล้นสวมอาภรณ์สีดำนั่งขัดสมาธิอยู่ กลิ่นอายดำมืดแผ่กำจายไปรอบด้าน เขาก็คือ ‘ผู้วิเศษชางฟู่’ ผู้จัดการเรื่องต่างๆ ของลัทธิทิพย์โบราณในดินแดนเก้าเมฆา
สวบ
เงาร่างสายหนึ่งทะยานเข้ามาจากที่อันไกลโพ้น เป็นคนอาภรณ์เทาผู้หนึ่ง เขาร่อนลงมาแล้วก็โค้งคำนับ “ผู้วิเศษ”
“เอ๊ะ” ผู้วิเศษชางฟู่เปิดเปลือกตาขึ้นมา “สำเร็จแล้วหรือ”
“เปล่า เปล่าขอรับ ข้าและคนอื่นๆ ทุ่มเทสุดกำลังแล้ว” เสียงของคนอาภรณ์เทาสั่นเครืออยู่บ้าง เขาเอ่ยต่อว่า “ผู้แกร่งกล้าของโลกทิพย์กิเลนบูรพาและโลกทิพย์นิจนิรันดร์ หลังจากโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราถูกทำลายแล้ว คนของดินแดนเก้าเมฆาก็ต่อสู้กับพวกเราอย่างบ้าคลั่งยิ่งขึ้น! วิธีการก็โหดร้ายมากขึ้น…”
“เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องอธิบายอีกแล้ว” ผู้วิเศษชางฟู่พูดเสียงเรียบ “ในเมื่อทำไม่สำเร็จ ก็เป็นการพิสูจน์ว่าเจ้าน่ะไร้ประโยชน์ เจ้ากลับโลกทิพย์โบราณไปเถอะ”
“ขอรับ” เสียงของคนอาภรณ์เทาสั่นเครือ
ภารกิจล้มเหลว กลับไปยังโลกทิพย์โบราณย่อมต้องมีการลงโทษ
รอจนคนอาภรณ์เทาจากไป
ผู้วิเศษชางฟู่ขมวดคิ้วน้อยๆ “โลกทิพย์กิเลนบูรพาและโลกทิพย์นิจนิรันดร์ถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์บีบบังคับจนสิ้นหวัง บ้าคลั่งมากขึ้นแล้วอย่างนั้นหรือ” ก่อนหน้านี้ผู้วิเศษชางฟู่ก็ถูกสังหารไปครั้งหนึ่ง ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็มีร่างแยกร่างใหม่รีบเข้ามาดำเนินการต่อ
“เฮอะ ต่อสู้กับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ไม่มีหวังหรอก” มุมปากของผู้วิเศษชางฟู่กระดกขึ้นเล็กน้อย เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์
ทันใดนั้น…
วิ้ง!
เขตลวงโลกเทียมร่อนลงมา
ร่างกายของผู้วิเศษชางฟู่สั่นสะท้านน้อยๆ สติรับรู้ก็จมดิ่งลงไป แต่ร่างกายของเขากลับยังคงยืนขึ้นมา แล้วบินข้ามขอบฟ้าไป ก่อนจะ ‘เคลื่อนที่ในพริบตา’ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
“ผู้วิเศษ” ข้างทะเลสาบมีบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติอยู่ พวกเขามองดูเจ้านายของตนจากไป พวกเขาสงสัยแต่ก็มิกล้าถามให้มากความ เพราะผู้วิเศษมีสถานะระดับใดกัน ผู้วิเศษจากไป ไยจึงต้องอธิบายกับผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นพวกเขาด้วยเล่า
……
กลางท้องฟ้านอกดินแดนเก้าเมฆา ผู้วิเศษชางฟู่ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่งเพื่อสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพออกไป จากนั้นเขากับผู้วิเศษชางฟู่ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
จะต้องเข้าใจข้อมูลโดยละเอียดของ ‘โลกทิพย์โบราณ’ ให้ได้เร็วที่สุด และยิ่งต้องตรวจสอบให้รู้แน่ชัดว่าที่แท้แล้วพวกภรรยาถูกจองจำอยู่ที่ใด
******
ณ อีกฝั่งหนึ่ง
ในลานของตำหนักวารีสวรรค์ของ ‘วังทวีสูญ’ แห่งโลกทิพย์กิเลนบูรพา
ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ซึ่งเดิมทีดื่มสุราจนเมามายแล้วฟุบลงกับโต๊ะนั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว
“พี่ตงป๋อหรือ เป็นเขาไปได้อย่างไรกัน”
“อยู่ต่อหน้าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาปลอมแปลงได้อย่างไรกัน นอกจากนี้ตอนนั้นร่างแปรของเขายังแตกสลายทันทีอีกด้วย” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ยังคงไม่อยากจะเชื่อ สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว การแปลงโฉมนั้นเป็นเรื่องง่ายดายมาก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ที่สำแดงเขตลวงออกมาแล้วทำให้เขาถูกกระบวนท่าเข้านั้นจะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิงไปได้ “แต่ทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน ผู้ที่มีวิธีการเขตลวงเช่นนี้ได้ก็คงมีไม่กี่คนเท่านั้นกระมัง หากจะแอบอ้างทั้งที ก็คงไม่โง่เง่าถึงขั้นแอบอ้างเป็นพี่ตงป๋อที่สิ้นใจไปแล้วกระมัง”
แม้ในใจจะงุนงงสงสัย
แต่ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ก็ยังคงจากไปทันที มุ่งหน้าไปคารวะบรรพชนเทียนอวี๋
ไม่นานนัก
“ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ เจ้ามาด้วยเรื่องอันใดกันหรือ” บรรพชนเทียนอวี๋ชายชราหลังค่อมมองดูประมุขตำหนักวารีสวรรค์แล้วไถ่ถาม
บรรพชนเทียนอวี๋ในตอนนี้เหน็ดเหนื่อยอย่างแท้จริงแล้ว ภายในใจก็เศร้าโศกอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรวังทวีสูญก็มีผู้บาดเจ็บล้มตายไปอย่างหนักหนาสาหัส เขาผู้เป็นประมุขวังจะไม่เจ็บปวดใจได้อย่างไรกัน
ประมุขตำหนักสองคนและอวี๋จิ้งชิวก็ยังถูกจับไปทรมาน แต่เขากลับไม่มีหนทางใดเลย
“ต่อให้ทั้งวังทวีสูญต้องดับสลายไป ก็ไม่มีทางมอบศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เด็ดขาด” บรรพชนเทียนอวี๋รู้สึกผิดต่อศิษย์ในสำนัก และรู้สึกผิดต่อตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งตายจากไปนานแล้ว “หากจะโทษใคร ก็โทษว่าข้าไร้ความสามารถก็แล้วกัน! เสวี่ยอิง เจ้าฝากฝังให้ข้าดูแลบุตรภรรยาให้ดี แต่ว่า เฮ้อ…”
ต่อให้รู้สึกผิดมากกว่านี้
ต่อให้เจ็บปวดใจมากกว่านี้ก็ต้องอดทนเอาไว้!
ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา จะมอบให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เด็ดขาด! นี่คือเส้นที่มิอาจก้าวล่วงไปได้!
“ท่านบรรพชน” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าประสบเรื่องหนึ่งเข้า ข้าเองก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง เมื่อครู่นี้เอง ข้าถูกเขตลวงเข้า แล้วจมดิ่งอยู่ในเขตลวง”
“เขตลวงหรือ” สีหน้าของบรรพชนเทียนอวี๋เปลี่ยนแปรไปในทันใด
“เขามิได้ทำร้ายข้า” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ออกจะงุนงงอยู่บ้าง “นอกจากนี้ยอดฝีมือที่สำแดงเขตลวงออกมาผู้นั้นได้ปลดหน้ากากออกต่อหน้าข้า รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นช่างเหมือนกับน้องตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีผิด เขายังบอกว่าตนก็คือตงป๋อเสวี่ยอิง ทั้งยังพูดว่าหากบอกท่านบรรพชน ท่านก็จะเข้าใจเองขอรับ”
บรรพชนเทียนอวี๋สะดุ้ง
ตอนแรกอวี๋จิ้งชิวบอกบรรพชนเทียนอวี๋เรื่องป้ายคำสั่งจิตโลกาก่อนแล้ว และบอกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะกลบมาในภายภาคหน้า
“เสวี่ยอิงกลับมาแล้วหรือ” บรรพชนเทียนอวี๋ทั้งยินดีและสงสัยอยู่ในใจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น