Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 34 ตอนที่ 1-2
ภาคที่ 34 เทพจักรวาล ตอนที่ 1 หนึ่งความคิดกำเนิดจักรวาล
Ink Stone_Fantasy
“คารวะใต้เท้าเค่อชิง” ณ คีรีมารสกุลฝาน หน้าคูหาอันหรูหรามีทหารรักษาการณ์ยืนอยู่ พวกเขามองเห็นว่าไกลออกไปมีหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวทะยานลงมา ทหารรักษาการณ์ทั้งสองก็เรียกขานด้วยความเคารพโดยพร้อมเพรียงกัน
“อืม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำเสียงหนึ่งแล้วเดินเข้าไปด้านใน
เขาสำเร็จเป็นเค่อชิงระดับบนแล้ว เป็นครั้งแรกที่เข้ามาพำนักในคูหาที่สกุลฝานจัดเตรียมเอาไว้ให้ตน ภายในคูหาสับสนอลหม่านไปหมด บรรดาสาวใช้ซึ่งคอยปรนนิบัติอยู่ที่นี่มาเนิ่นนานแล้วก็รีบพากันเข้ามาแสดงความเคารพทันที “ใต้เท้าเค่อชิง”
“ข้าจะเก็บตัวสักระยะหนึ่ง อย่ามารบกวนเป็นอันขาด” ตงป๋อเสวี่ยอิงมีป้ายอักขระคูหาอยู่แล้ว สามารถควบคุมค่ายกลทุกแห่งทั้งคูหาได้อย่างง่ายดาย เพียงชั่วความคิดเดียวเข้าปกคลุมก็พบแผนผังของทั้งคูหาแล้ว และรู้ตำแหน่งที่ตั้งของห้องเงียบ
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งหลายรับคำโดยพร้อมเพรียง
ไม่นานนัก
เมื่อประตูห้องเงียบเปิดออกเสียงดังโครมคราม ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ก้าวเข้าไปในนั้น แล้วประตูก็ปิดลงอีกครั้ง ทั้งหมดกลับคืนสู่ความสงบ
“ใต้เท้าเค่อชิงระดับบนของพวกเราท่านนี้…” สาวใช้เหล่านี้มองสบตากัน บางคนตะลึงงันไปบ้าง มาถึงก็เก็บตัวแล้วหรือนี่ สกุลฝานจัดเตรียมที่พำนักเอาไว้ให้เหล่าเค่อชิง โดยทั่วไปก็เป็นที่พำนักชั่วคราว ส่วนผู้ที่จะบำเพ็ญ โดยทั่วไปแล้วก็มักจะกลับไปยังถิ่นของตนเองกันทั้งนั้น
******
ภายในห้องเงียบ
ธูปถูกจุดขึ้นมาแล้ว กลิ่นหอมฟุ้งขจรไปทั่ว
บนเบาะรองนั่งสีดำ ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวนั่งขัดสมาธิอย่างสงบหาใดเปรียบ
“ตู้ม”
วิญญาณเริ่มวิวัฒน์ไปอย่างไร้ร่องรอย โดยมีกฎเกณฑ์ของ ‘โลกเขตลวง’ ที่ตนรับรู้เป็นรากฐาน! สร้างวิญญาณของตนขึ้นมาใหม่จากแก่นแท้ แล้วก้าวข้ามจากระดับขั้นของชีวิตหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง! การก้าวข้ามของวิญญาณจึงจะเป็นการก้าวข้ามของแก่นแท้ของชีวิต แต่บัดนี้ที่ก้าวข้ามก็คือระดับขั้นสุดของการบำเพ็ญ…เทพจักรวาลนั่นเอง!
แม้ในบรรดาเทพจักรวาลจะมีผู้ที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ
ก็เหมือนกับขั้นอลวนที่สามารถแบ่งได้เป็นหลายระดับขั้น แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นขั้นอลวนทั้งหมด ในด้านแก่นแท้ของชีวิตนั้นเท่าเทียมกัน
เทพจักรวาลก็เป็นเช่นนี้ ผู้ที่อ่อนแอเช่นเทพจักรวาลทั้งหลายใน ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’ ของโลกกำเนิด อย่างบรรพชนเทียนอวี๋ บรรพชนห้วงอากาศหรือคนอื่นๆ ล้วนเป็นเพียงเทพจักรวาลระดับหนึ่งเท่านั้น ส่วน ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ จัดเป็นเทพจักรวาลระดับที่สาม! แต่พวกเขาก็เพียงแค่แตกต่างกันในด้าน ‘วิถี’ เท่านั้น แก่นแท้ของชีวิตมิได้แตกต่างกันแต่อย่างใด
สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอย่างบรรพชนฝานและจักรพรรดิเซี่ย อันที่จริงพวกเขาก็เป็นเพียงเทพจักรวาลระดับสามเท่านั้น! ทว่าเนื่องจากอยู่ในดินแดนจิตโลกาซึ่งมีทรัพยากรสั่งสมเอาไว้มากกว่า ด้วยความช่วยเหลือของเคล็ดวิชาจำนวนมาก ตามปกติแล้วก็สามารถสำแดงพลังของตนออกมาได้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีสมบัติลับที่น่าหวาดหวั่นจำนวนหนึ่ง ทำให้สามารถสำแดงพลังของตนออกมาได้สูงขึ้นไปอีกระดับ!
เช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณา เป็นเทพจักรวาลระดับที่สอง แม้เขาจะฝึกฝนเคล็ดวิชามามากมาย เช่นเคล็ดผนึกห้าภาพก็ฝึกฝนจนถึงระดับครบสมบูรณ์ บรรลุถึงขีดจำกัดระดับชั้นที่สามแล้ว หากพูดถึงการขุดค้นความสามารถของตนเอง ก็ยังเหนือกว่า ‘บรรพชนทิพย์’ และ ‘บรรพชนโลกา’ แห่งอากาศอันสับสนอลหม่านเสียอีก แต่ที่ทำให้พลังของเขาพุ่งทะยานขึ้นไปได้จริงๆ นั้น ก็ยังคงเป็นการอาศัยสมบัติลับระดับยอดสุดอย่าง ‘ดาบทวิภพ’ ทำให้พลังของเขาสำแดงออกมาได้สูงขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
การต่อสู้ข้ามขั้น
นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นได้แค่ในดินแดนจิตโลกาเท่านั้น! ขั้นอลวนสามารถสำแดงกระบวนท่าสิบชั้นออกมาได้ เทพจักรวาลทั่วไปก็สามารถสำแดงพลังรบเทพจักรวาลชั้นที่สองออกมาได้ แน่นอนว่าก่อนอื่นก็ต้องมีสมบัติลับที่เหมาะสมเสียก่อน
อย่าง ‘ประมุขรัฐประกายเพลิง’ แม้จะเป็นเทพจักรวาลระดับที่สอง แต่หากมิได้สมบัติลับมา พลังก็ย่อมไม่มีทางเทียบกับประมุขรัฐเมฆทักษิณาได้เลย! ในหมู่เทพจักรวาล ผู้ที่ไม่มีสมบัติลับที่เหมาะสมเช่นนี้ มีมากมายนัก ดังนั้นเทพจักรวาลจำนวนไม่น้อยจึงยินดีที่จะมาสวามิภักดิ์ต่อขุมอำนาจระดับยอดสุดอย่างสกุลฝาน แต่ต่อให้ ‘ขายตัวเอง’ สมบัติลับทั่วไปก็ร้องขอได้ง่าย ทว่าสมบัติลับระดับยอดก็ยังคงได้มาอย่างยากเย็นอยู่ดี
เพราะอย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณา อาศัยสมบัติลับระดับยอดสุดก็มีพลังรบเทพจักรวาลระดับชั้นที่สาม! หากเผชิญหน้ากับพวกบรรพชนฝานก็มีหวังจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้
……
“ความรู้สึกเช่นนี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลืมตาขึ้นมา วิญญาณวิวัฒน์ไปแล้ว นอกจากนี้เนื่องจาก ‘กฎเกณฑ์ของโลกเขตลวง’ ทางด้านวิญญาณ ทำให้วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงแข็งแกร่งกว่าเทพจักรวาลทั่วไปหลายเท่า
“โลกภายในกาย”
ชั่วความคิดหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิง
ตู้ม!
แม้เขาจะบรรลุถึงขั้นอลวนด้วยความเร็วสูงสุดโดยอาศัยเคล็ดการบำเพ็ญสายโลหิต แต่ขณะที่บำเพ็ญ ‘เขตลวงโลกเทียม’ ไปควบคู่กันนั้น ก็ยังคงใช้ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์
“ตู้มมม…” จักรวาลขนาดย่อส่วนภายในกายเต็มไปด้วยความอลหม่าน บัดนี้กลับมีเสียงระเบิดดังกึกก้อง
ภายใต้กฎเกณฑ์ ‘โลกเขตลวง’ อันสมบูรณ์ของเขา จักรวาลขนาดย่อส่วนก็ไปอย่างรวดเร็ว ดินน้ำลมไฟ พลังงานชนิดต่างๆโหมซัดสาด ผืนดินก่อกำเนิดขึ้น หมื่นสรรพสิ่งเติบโต…รวดเร็วเกินไปแล้ว การวิวัฒน์ของโลกภายในกายของตงป๋อเสวี่ยอิงรวดเร็วกว่าที่บันทึกเอาไว้ในคัมภีร์ตั้งมากมาย เขาวิวัฒน์ไปด้วยความเร็วอันน่าหวาดหวั่นไม่นานนักก็มีดวงจิตถือกำเนิดขึ้น
สัตว์ปีก สัตว์บก แมลง มด… ถือกำเนิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การเหนี่ยวนำของตงป๋อเสวี่ยอิง
ขณะเดียวกับที่วิวัฒน์นั้น จักรวาลขนาดย่อส่วนก็ยังขยายตัวออกไปด้วย! ความเร็วในการขยายตัวนั้นสูงยิ่งนัก
ทว่ามีสิ่งที่แปลกประหลาดอยู่เล็กน้อยก็คือ จักรวาลภายในกายประเดี๋ยวก็ปรากฏ ประเดี๋ยวก็หายไป คล้ายว่าจะไม่ค่อยจริงจังสักเท่าใดนัก
“‘จักรวาลโลกเทียม’ ภายในกายหรือ” ตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเองกลับเข้าใจเป็นอย่างมาก
เส้นทางที่แตกต่างกันได้กำหนดการก่อตัวของ ‘จักรวาล’ ของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ในท้ายที่สุดเอาไว้แล้ว
บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้แจ้งในแขนง ‘โลกเขตลวง’ ของเส้นทาง ‘เขตลวงโลกเทียม’! ดังนั้นจักรวาลที่ถือกำเนิดขึ้นมาจึงมิใช่จักรวาลแท้จริงอย่างสิ้นเชิง โดยทั่วไปแล้วเทพจักรวาลล้วนแต่บุกเบิกจักรวาลที่แท้จริงขึ้นมาทั้งสิ้น ทว่าของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเป็น ‘จักรวาลโลกเทียม’ แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตภายในจักรวาลโลกเทียมก็มีวิญญาณ มีความรู้สึก มีการเกิด เติบโต และประสบกับสิ่งต่างๆ มากมายเช่นเดียวกัน
ความรัก การบำเพ็ญ ให้กำเนิดบุตร…
สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนดำรงชีวิตอยู่ในจักรวาลโลกเทียม พวกเขาต่างก็มีความรู้สึกของตนเองและเชื่อว่าตนเองมีอยู่จริง พวกเขาก็มีเกิดแก่เจ็บตาย ผู้ที่แข็งแกร่งก็จะก้าวเข้าไปในเส้นทางการบำเพ็ญเช่นเดียวกัน
ความพิเศษของ ‘จักรวาลโลกเทียม’ ได้แก่
หนึ่ง การเคลื่อนของเวลาภายในนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิง สามารถเร่งความเร็วหมื่นเท่าได้อย่างง่ายดาย! สำหรับตนเองนั้นไม่มีภาระอันใด ถึงขั้นสามารถเพิ่มความเร็วของเวลาขึ้นไปได้อีก เช่นนั้นก็จะค่อยๆ เกิดภาระขึ้น
สอง จักรวาลโลกเทียมนั้นใหญ่โตกว่าจักรวาลแท้จริงของเทพจักรวาลทั่วไปเป็นหมื่นเท่า! เพราะถึงอย่างไรอันหนึ่งจริง อันหนึ่งลวง ความยากในการดำรงไว้ก็แตกต่างกันอยู่แล้ว
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้
บรรดาเทพจักรวาลก็ปรารถนาว่าจะได้ครอบครอง ‘จักรวาลโลกเทียม’ มากกว่า มิใช่จักรวาลแท้จริงของตน
นอกจากเทพจักรวาลของเขตลวงโลกเทียมจะมีพลังน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่งแล้ว
ตัว ‘จักรวาลโลกเทียม’ เอง ก็มีความพิเศษอยู่หลายอย่าง เนื่องจากใหญ่กว่าหมื่นเท่า ความเร็วของเวลาก็มากกว่าหมื่นเท่าเช่นกัน ความเร็วของสิ่งมีชีวิตและผู้แกร่งกล้าที่วิวัฒน์อยู่ภายในนั้น ก็สูงกว่าเทพจักรวาลปกติตั้งไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ นอกจากนี้ขอเพียงตงป๋อเสวี่ยอิงยอมทุ่มเท เขาก็สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตหรือวัตถุภายในจักรวาลโลกเทียม ‘ร่อนลงสู่ความเป็นจริง’ ได้
ให้พวกเขาร่อนลงจากจักรวาลโลกเทียมเข้าสู่ความเป็นจริง
ภาพลวงนั้น…
ก็เป็นความจริงเช่นเดียวกัน!
และนี่ก็คือความน่าหวาดหวั่นของทางเส้นนี้ หลังจากบรรลุเทพจักรวาลแล้ว ก็สามารถทำให้เป็นจริงได้!
“ศิษย์เอ๋ย สิ่งที่เจ้าใฝ่หานั้นเป็นความจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา
ในบ้านเกิด
เขามีศิษย์คนหนึ่งคือ ‘สิงหั่วสวินอี’ เพื่อบำเพ็ญเขตลวง สิงหั่วสวินอีก็ได้ตรงเข้าไปภายในโลกเขตลวง…แต่กระนั้น ท้ายที่สุดสิงหั่วสวินอีก็ได้ดำดิ่งลงไปจริงๆ และใช้ชีวิตร่วมกับสตรีภายในโลกเขตลวง ท้ายที่สุดยังได้ผูกสัมพันธ์เป็นสหายร่วมวิถีกัน เขาคิดหาวิธีทำให้ภรรยาใช้ชีวิตได้นานขึ้น เขาถือเอาโลกเขตลวงเป็นความจริงอย่างสิ้นเชิงโดยไม่เสียใจอะไรทั้งสิ้น
แต่ท้ายที่สุดโลกเขตลวงก็พังทลายลง เขาทำได้เพียงมองภรรยาสลายหายไปพร้อมกับโลก ขณะที่โลกสลายหายไปนั้น ภรรยาก็มองดูเขา
ภรรยาก็รู้ว่าตนเป็นสิ่งมีชีวิตในโลกเขตลวง
ครั้งนั้น…
สิงหั่วสวินอีบ้าคลั่งไปแล้วจริงๆ แล้วยังคิดร้ายอีกด้วย
เนื่องจากการเบิกทางของตงป๋อเสวี่ยอิง สิงหั่วสวินอีจึงเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วทางสาย ‘เขตลวง’ นี้สามารถทำให้ทุกสิ่งในเขตลวงกลายเป็นความจริงได้จริงๆ แต่ในบ้านเกิด ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’ แห่งโลกกำเนิดนั้น แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีผู้ที่สำเร็จเป็นเทพจักรวาลทางด้านเขตลวงโลกเทียมเลย ก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดแล้ว และบัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สำเร็จเป็นเทพจักรวาลได้ในที่สุด
เขารู้ว่าการคาดการณ์ในตอนแรกนั้นเป็นความจริง!
……
ระหว่างที่จักรวาลภายในกายวิวัฒน์ไปนั้น ทั้งห้องเงียบก็ดูดกลืนพลังฟ้าดินอย่างบ้าคลั่งแล้วโหมซัดเข้าไปในกายเพื่อเสริมพลังที่สูญเสียไปจากการวิวัฒน์ของจักรวาล
แม้จะอยู่ภายในห้องเงียบซึ่งตามปกติแล้วระลอกคลื่นล้วนถูกตัดขาด แต่ครั้งนี้เป็นการวิวัฒน์ของทั้งจักรวาล พลังฟ้าดินถูกดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง พละกำลังถึงขั้นทำให้ทั้งคีรีมารสกุลฝานเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมา
“เอ๊ะ”
มหาเคารพซือเทียนในอาภรณ์สีดำทั้งร่างย่ำอากาศมาถึงหน้าคูหาของอิงซานเสวี่ยอิง
เขาเหลือบมองลงไปยังคูหาเบื้องล่างแห่งนั้น “ต่อให้ฝึกสำแดงกระบวนท่าก็คงไม่เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ เค่อชิงหิมะเหินบรรลุเป็นเทพจักรวาลแล้วอย่างนั้นหรือ”
ตอนที่ 2 ประมุขเทพเทียนถง
Ink Stone_Fantasy
ภายในห้องเงียบ ในที่สุดน้ำวนพลังฟ้าดินซึ่งโหมซัดนั้นก็มลายหายไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาขึ้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา
“มหาเคารพซือเทียน” ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงผู้มาเยือนภายนอกในทันที เขายืดกายขึ้น แม้เขาจะต้องการทำให้พลังแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน ทว่าทำให้แข็งแกร่งภายใต้ ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ นั้นย่อมมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
ตู้มมมมม…
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินออกไป ก่อนจะแหงนหน้ามองมหาเคารพซือเทียนกลางฟากฟ้าห่างออกไป
“คารวะท่านมหาเคารพ” ตงป๋อเสวี่ยอิงทำความเคารพ
“เอ๊ะ” นัยน์ตาของมหาเคารพซือเทียนมีแววตกใจสายหนึ่งวาบผ่าน ตงป๋อเสวี่ยอิงที่เพิ่งจะบรรลุก็มิได้จงใจเก็บงำกลิ่นอายทั้งหมดแต่อย่างใด หากจะเก็บงำกลิ่นอายทั้งหมดก็ต้องสำแดงเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์จึงจะทำได้! เมื่ออยู่ในคีรีมารสกุลฝานก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
“น้องหิมะเหิน…” มหาเคารพซือเทียนสามารถสัมผัสได้ว่าอิงซานเสวี่ยอิงตรงหน้าผู้นี้มีกลิ่นอายเบาบาง คล้ายลวงแต่ก็คล้ายจริง “เจ้าบรรลุเป็นเทพจักรวาลแล้ว มิใช่ทางสายอากาศ หากแต่เป็นเขตลวงโลกเทียมอย่างนั้นหรือ”
“ติดค้างต้นไม้เทพผลาญจิตแล้ว แม้ชาติก่อนและชาตินี้ข้าพอจะมีการสั่งสมมาบ้าง แต่ก็ยังห่างจากคำว่าบรรลุอยู่เล็กน้อย เมื่ออยู่ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตกลับบรรลุก้าวสุดท้ายได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงรำพึง “ต้นไม้เทพผลาญจิตช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน”
มหาเคารพซือเทียนเผยรอยยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “ยินดีด้วยๆ”
ในใจกลับลอบคิดว่า “อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้สามารถสำแดงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดออกมาได้ ชาติก่อนคงจะเชี่ยวชาญทางสายอากาศเป็นที่สุดกระมัง! บัดนี้เขตลวงโลกเทียมก็สำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว พลังกลับยากเกินคาดเดาเสียแล้ว”
“ท่านมหาเคารพ ข้าขอตัวไปยังต้นไม้เทพผลาญจิตก่อนนะขอรับ เพราะมีเวลาจำกัดเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ไปเถิดๆ” มหาเคารพซือเทียนหัวเราะ เขายังปากไม่พูดอะไรอีก ให้ตงป๋อเสวี่ยอิงได้บำเพ็ญมากอีกหน่อย
หนึ่งปี
มีแค่หนึ่งปีเท่านั้น
เมื่อครบเวลา มหาเคารพซือเทียนต้องให้ตงป๋อเสวี่ยอิงจากไปอย่างแน่นอน คิดจะมาบำเพ็ญอีกน่ะหรือ ก็ต้องแลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรมแล้ว!
……
ในวันที่เวลาครบหนึ่งปีพอดีนั้น
ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิต ใบไม้ปลิวร่วง
เมื่อมหาเคารพซือเทียนมาส่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมมีท่าทางตัดใจไม่ได้อย่างมากเป็นธรรมดา ก่อนจะจากไปในท้ายที่สุด
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่อยากบำเพ็ญใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตต่อไป” มหาเคารพซือเทียนมองเงาร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงที่จากไปพลางพึมพำว่า “เพิ่งจะบรรลุ ตอนนี้ยังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม รอให้เจ้าพบกับอุปสรรคเข้าจนมิอาจก้าวต่อไปได้อีกก่อนเถิด จะต้องคิดอยากจะมาใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตอีกแน่นอน”
สิ่งมีชีวิตระดับมหาเคารพ
บางคนก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียงอย่างเดียว ใฝ่หาแต่ความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้น นี่คือสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด
ทว่าก็มีอยู่เล็กน้อยที่ให้ความสำคัญกับพละกำลังภายนอก อย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณาที่ตั้งใจเผยแพร่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์อย่างสุดกำลัง และถึงขั้นคิดค้นวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าอย่างง่ายขึ้นมาและทำกำไรผ่านสำนักจนได้แก้วผลึกจักรวาลเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ได้ทรัพยากรมา
มหาเคารพซือเทียน ยังให้ความสำคัญกับผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ช่วย รวมทั้งพละกำลังจากภายนอกต่างๆเป็นอันมาก! ในบรรดามหาเคารพทั้งหกแห่งสกุลฝาน มหาเคารพซือเทียนควบคุมพละกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากอยู่ฝั่งเดียวกับเขา แม้แต่ ‘บรรพชนฝาน’ ยังถึงขั้นให้เขาควบคุมความเคลื่อนไหวของทั้งสกุลฝานอีกด้วย
******
ณ เรือนหิมะเหิน
สวบ
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวย่องเข้าไปในห้องเงียบแล้วนั่งขัดสมาธิลงข้างตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทอง
“บำเพ็ญให้ดีๆ”
“พยายามทำให้ทางสายอากาศบรรลุด้วย และสามารถผลักดันศาสตร์ร่างแยกไปถึงระดับขั้นที่สูงขึ้นได้ด้วยเช่นกัน” ร่างแยกทั้งสองต่างก็นั่งขัดสมาธิลง พยายามรับรู้ทางด้านอากาศอย่างเต็มกำลัง
ตู้มมม…
ทางสายอากาศสั่งสมเอาไว้แน่นหนายิ่งนัก
วิชาลับเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าถึงสองกระบวน ยุทธวิธีเมฆาแดง เคล็ดผนึกห้าภาพเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์…
ยามนี้รับรู้เพียงเล็กน้อย แสงแห่งความรู้แจ้งก็ปรากฏขึ้นมากมาย
ก่อนหน้านี้ตนไม่กล้าฝึกฝน เพราะเขาสัมผัสได้แล้วว่าหากฝึกฝนขึ้นมาเมื่อไหร่ เกรงว่าก็คงจะเป็นเวลาที่บรรลุเสียแล้ว
“เห็นทีการบรรลุทางสายอากาศของข้าในครั้งนี้คงจะมิได้บรรลุทางสายเดียวเท่านั้น” ในชั่วขณะที่รับรู้นั่นเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจในข้อนี้
……
ณ บริเวณทะเลแห่งหนึ่งของดินแดนจิตโลกาซึ่งอยู่ใกล้กับรัฐโบราณสหโลกาที่ถูกขนานนามว่า ‘ทะเลละอองน้ำแข็ง’ ทะเลละอองน้ำแข็งนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ที่นี่มีเกาะอันใหญ่โตอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งกว้างใหญ่พอๆ กับรัฐชั้นรองอย่าง ‘รัฐเมฆาปรก’ เกือบเทียบได้กับรัฐโบราณคิมหันตวายุเลยทีเดียว! ทว่าอาณาเขตเก้าในเก้าส่วนของมันกลับไม่เหมาะจะให้สิ่งมีชีวิตดำรงชีวิตอยู่ มีเพียงรัฐชั้นรองแห่งหนึ่งเท่านั้นที่ครอบครอง
“สวบ”
บุรุษร่างผอมเล็กอาภรณ์สีม่วงทั้งร่างพลันปรากฏกายขึ้นกลางอากาศราวกับจักรพรรดิ เขาเหลือบมองลงไปยังทุ่งร้างอันกว้างใหญ่เบื้องล่าง
“พี่เทียนถง” บุรุษร่างผอมเล็กพูดเสียงดังกังวาน เสียงนั้นดังก้องขึ้นกลางท้องทุ่ง
ทุ่งร้างรอบด้านค่อยๆ ขยับไหว
โครมมม…
ผืนดินอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดรอบด้านพลัน ‘ตั้งตรง’ ขึ้นมา หากห่างกันไกลพอจึงจะสามารถมองเห็นได้ ผืนดินมหึมาที่ตั้งตรงขึ้นมานี้…อันที่จริงแล้วคือร่างของยักษ์ตนหนึ่งที่ลุกขึ้นนั่ง ร่างท่อนบนอันใหญ่มหึมาของเขาพุ่งตรงเข้าไปในชั้นเมฆ
ยักษ์ตนนี้ลืมตาขึ้น นัยน์ตาทั้งคู่มองดูบุรุษร่างผอมเล็กอาภรณ์สีม่วงผู้นั้น
“เมฆทักษิณาหรือ” เสียงของยักษ์ดังก้องขึ้น “มายังรัฐเมฆาปรกของข้าด้วยเรื่องอันใดกัน”
บุรุษร่างผอมเล็กอาภรณ์สีม่วงก็คือร่างแยกร่างหนึ่งของประมุขรัฐเมฆทักษิณานั่นเอง
“พี่เทียนถง ขายสมบัติลับ ‘อาภรณ์ราชันย์มาร’ ให้ข้าเถิด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว สิ่งมีชีวิตตรงหน้าผู้นี้เร้นลับยิ่งนัก ในดินแดนจิตโลกามีผู้รู้จักไม่มากนัก
ประมุขเทพเทียนถง
มีชื่อเสียงเกรียงไกรในสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่ง ในครั้งนั้น เขาถูก ‘บรรพชนฝาน’ แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุทำเอาบาดเจ็บสาหัส! นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็ซ่อนตัวและซ่อนร่องรอย มีน้อยคนนักที่จะหาร่องรอยของเขาพบ
ต้องรู้ไว้ว่าประมุขเทพเทียนถงนั้นเป็นเทพจักรวาลระดับสาม! แต่จนใจที่เขาขาดแคลนสมบัติลับที่เหมาะสม ถึงระดับอย่างเขาแล้ว คิดจะต่อสู้ข้ามขั้นนั้นก็ต้องใช้สมบัติลับที่แข็งแกร่งกว่าสมบัติลับระดับยอดสุดเสียอีก ทั้งยังหาได้ยากกว่า! แม้สงครามรัฐโบราณครั้งที่สองและเหตุการณ์ใหญ่ที่สำคัญอย่างยิ่งต่างๆ ล้วนแต่มีเงาร่างของประมุขเทพเทียนถงอยู่ แต่จนบัดนี้ประมุขเทพเทียนถงก็ยังมิได้สมบัติลับมา
ระดับอย่างประมุขเทพเทียนถงแล้ว
เรื่องที่สามารถดึงดูดเขาได้ก็มีไม่มากนัก เรื่องหนึ่งก็คือสมบัติลับที่สามารถทำให้พลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก อีกเรื่องหนึ่งก็คือก้าวข้ามขั้นสุดท้าย บรรลุถึงระดับ ‘หยวน’ ในตำนาน!
“อาภรณ์ราชันย์มารหรือ” เสียงของประมุขเทพเทียนถงดังกึกก้อง “ตอนนั้นเจ้างั่งนั่นหาเรื่องข้า ก็ถูกข้ากินลงไปในคำเดียว สมบัติล้ำค่าของเขายังคงอยู่กับข้า แต่ทว่าสมบัติล้ำค่าทั่วไปก็อย่าได้คิดจะแลกเปลี่ยนเอาอาภรณ์ราชันย์มารของข้าไปเลย”
“บอกราคามาเถิด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว
“สองแสนล้านแก้วผลึกจักรวาลหรือไม่ก็สิ่งที่ทำให้ข้าใจสั่นได้” ร่างกายใหญ่โตของประมุขเทพเทียนถงนั่งอยู่ตรงนั้นพลางเหลือบมองลงไปยังประมุขรัฐเมฆทักษิณา
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาขมวดคิ้ว
สองแสนล้านหรือ
ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทองบรรลุเป็นเทพจักรวาล ความเคลื่อนไหวของการดูดวับพลังฟ้าดินยิ่งใหญ่นัก ประมุขรัฐเมฆทักษิณาจึงย่อมล่วงรู้และไปพบตงป๋อเสวี่ยอิงมาครั้งหนึ่ง แล้วทราบว่าเขาบรรลุเป็นเทพจักรวาลด้วย ‘โลกเขตลวง’! แม้บัดนี้ในบรรดาสมบัติลับเขตลวงโลกเทียมที่ซื้อขายกันอย่างเปิดเผย มีระดับเทพจักรวาลชิ้นหนึ่งก็คือ ‘คทาอาญาสิทธิ์จิตมาร’ น่าเสียดายที่เป็นทางสาย ‘ปรารถนา’ ของเขตลวงโลกเทียม
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นเป็นทางสาย ‘โลกเขตลวง’ หากเขาได้คทาอาญาสิทธิ์จิตมารมา ก็มิอาจสำแดงพลังระดับที่สูงขึ้นมาได้
ตอนนั้นประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ได้บอกกับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วว่า “ข้าจะไปตามหาสมบัติลับให้เจ้า”
แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะรู้สึกว่าราคาสูงเกินไป แต่ประมุขรัฐเมฆทักษิณากลับกล่าวว่า “เช่นนั้นภายหน้าเจ้าค่อยช่วยชดเชยให้ข้าก็ใช้ได้แล้ว”
“สูงเกินไปแล้วกระมัง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดพลางขมวดคิ้ว
แม้เขาจะมั่งคั่งอย่างยิ่ง
แต่สองแสนล้านแก้วผลึกจักรวาลก็เพียงพอจะทำให้เขาเจ็บปวดรวดร้าวได้แล้ว
ประมุขรัฐเทียนถงผู้นี้ออกจะละโมบเกินไปแล้ว! แปดหมื่นถึงหนึ่งหนึ่งแสนล้านจึงจะเป็นราคาปกติ
“ข้าจะขาดแคลนแก้วผลึกจักรวาลแค่เท่านี้หรือไร” ประมุขเทพเทียนถงพูดเสียงเรียบ “หากมิใช่สมบัติล้ำค่าที่ทำให้ข้าใจสั่นได้ ก็ต้องเป็นสองแสนล้านแก้วผลึกจักรวาล”
……
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเผยแพร่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ นอกจากเพื่อหาแก้วผลึกจักรวาลแล้ว ก็เพื่อแทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายข่าวสารทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา เขาก็รู้ว่าสมบัติลับเทพจักรวาลทางสาย ‘โลกเขตลวง’ ของเขตลวงโลกเทียม ที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ก็มีเพียงสามชิ้นเท่านั้น เนื่องจากการบำเพ็ญยากเย็นเกินไป สมบัติลับก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่ ในจำนวนนั้น อาภรณ์ราชันย์มารก็มีหวังจะได้มามากที่สุด
อีกสองชิ้นที่เหลือนั้นยากยิ่งกว่า
“จริงๆ เลย” ท้ายที่สุดประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ทำใจเสียแก้วผลึกจักรวาลไปไม่ได้ เขาหยิบเศษเสี้ยวแผนที่อันล้ำค่าชิ้นหนึ่งขึ้นมาเพื่อแลกกับอาภรณ์ราชันย์มารของประมุขรัฐเทียนถง
“เมื่อมีอาภรณ์ราชันย์มารแล้ว เขายังมีลูกแก้วห้าภาพอยู่กับตัวด้วย ข้าก็นับว่ามีผู้ช่วยที่แท้จริงคนหนึ่งแล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณายังคงดีใจเป็นอันมาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น