Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 33 ตอนที่ 92-93
ตอนที่ 92 ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา
Ink Stone_Fantasy
ขณะเดียวกันที่รัฐเมฆทักษิณา
ภายในพระราชวัง
“ลูกศิษย์ของข้าผู้นี้ ช่างทำให้ข้าตกตะลึงเสียจริงเชียว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณานั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้าสีดำ บ่อลึกด้านหลังเอ่อท่วมไปด้วยไอหนาวสีขาว ภายใต้การพรั่งพรูของไอหนาวสีขาว ใบหน้าของประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็เปลี่ยนเป็นเลือนราง นัยน์ตาทั้งสองของเขาลึกล้ำยากคาดคะเน “ขั้นอลวนสำแดงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดออกมาได้ ช่างมีพื้นฐานและการสั่งสมอันลึกซึ้งนัก”
ด้วยพลังยุทธ์ของเขา ประมุขรัฐเมฆทักษิณา จะให้เขาไม่ใช้ความเร้นลับระดับเทพจักรวาล แล้วใช้เพียงแค่ความเร้นลับของกฎเกณฑ์ขั้นอลวนไปถึง ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ ถึงแม้ว่าจะมีเคล็ดวิชาเช่นนี้ให้เขาไปศึกษา ประมุขนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาก็ยังไม่กล้าพูดว่ามีความมั่นใจเต็มร้อย!
“ชาติก่อนเขาจะต้องเป็นเทพจักรวาลอย่างแน่นอน! แล้วก็ไม่รู้เลยว่าเป็นผู้ใดกันที่คิดค้นเคล็ดวิชาขั้นอลวนกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดนี้ขึ้นมา เป็นบุคคลผู้ไร้เทียมทานสักคนหนึ่งในโลกกำเนิดเมื่อชาติก่อนของเขาอย่างนั้นหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคิดใคร่ครวญ “พรสวรรค์และพลังยุทธ์เช่นนี้ของเขา ตอนนั้นไม่คารวะบรรพชนฝานเป็นอาจารย์ แต่กลับคารวะข้าเป็นอาจารย์แทน เป็นเพราะเหตุใดกัน”
ความเป็นมาของลูกศิษย์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ พลังยุทธ์ก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ต้องคิดไตร่ตรองอย่างต่อเนื่องแล้ว!
“เขาไม่มีทางคุกคามข้าได้” ประมุขรัฐเมฆทักษิณามีความมั่นใจในตนเอง ด้วยพื้นฐานของเขา บุคคลผู้ไร้เทียมทานล้วนมิอาจสังหารเขาได้ทั้งสิ้น เขาก็ย่อมมีความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับศิษย์ผู้นี้อยู่แล้ว
“เช่นนั้นที่เขาคารวะข้าเป็นอาจารย์ก็เพราะสมบัติล้ำค่าอย่างนั้นหรือ ก็เพื่ออิสรภาพอย่างนั้นหรือ หรือจะบอกว่า…มิปรารถนาจะข้องเกี่ยวกับสงครามประเทศโบราณ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาครุ่นคิด หกรัฐโบราณแกร่งกล้า แต่ก็ต่อสู้กันอย่างร้ายกาจ ถ้าหากเป็นสมาชิกคนสำคัญของสกุลฝานก็ล้วนมิอาจหลีกเลี่ยงสงครามได้ แต่ถ้าหากเป็นเค่อชิงก็ไม่เหมือนกันเสียแล้ว สิทธิประโยชน์ของเค่อชิงเล็กน้อยกว่ามาก แต่เผชิญหน้ากับภารกิจ…ก็ยังสามารถเลือกได้ว่าจะรับหรือจะไม่รับ
“ฮ่าฮ่า ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อเขาคารวะข้าเป็นอาจารย์ ในชาตินี้ก็เป็นลูกศิษย์ของข้าแล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาอมยิ้ม “มีผู้ช่วยที่ดีคนหนึ่ง ในภายภาคหน้าสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของข้าก็จะมีคืนวันที่ดีขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว”
สิบสำนักวิชาใหญ่
นอกจากแปดสำนักวิชาใหญ่ที่เป็นของหกรัฐโบราณแล้ว ‘ลัทธิกระบี่สวรรค์’ ที่เหลืออยู่ ต่างก็กดดันรังแกสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ก่อนหน้านี้ยังกล้ายกพลไปถึงสี่รัฐมารทมิฬด้วย
ช่วยไม่ได้
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาไม่เกรงกลัวผู้อื่น แต่บรรดาขุมอำนาจใหญ่ที่มีความเป็นมาอันใหญ่โตเหล่านั้นก็มิได้กลัวเกรงประมุขรัฐเมฆทักษิณาเช่นกัน!
“เสวี่ยอิง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่งสารเรียกตัวในทันใด แต่ร่างแยกอีกร่างหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงก็อยู่ที่นครหลวงรัฐเมฆทักษิณามาโดยตลอด
เพียงไม่นาน
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทองก็เคลื่อนที่เป็นลำแสงไปยังสถานที่บำเพ็ญแห่งนี้ของท่านอาจารย์
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาอมยิ้มมองดูหนุ่มน้อยอาภรณ์ทองผู้เดินเข้ามาจากที่ไกลๆ สายตาที่เขามองดูลูกศิษย์ในยามนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเสียแล้ว
“เสวี่ยอิง เจ้าซ่อนเร้นได้อย่างลึกล้ำน่าดูทีเดียว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดยิ้มๆ
“ท่านอาจารย์ทราบแล้วหรือขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“มิตรสหายกลุ่มหนึ่งที่รัฐโบราณคิมหันตวายุบอกข้าหมดแล้วล่ะ ฮ่าฮ่า การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด! นอกจากรัฐโบราณสหโลกาและรัฐโบราณคิมหันตวายุแล้วยังมีเคล็ดวิชาขั้นอลวนกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดอื่นอยู่ด้วย” ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองตงป๋อเสวี่ยอิง “ใช่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่ใครคิดค้นขึ้นกันหรือ เป็นท่านอาจารย์ของเจ้าในชาติก่อน หรือว่าผู้แกร่งกล้าคนใดของโลกกำเนิดในชาติก่อนกันเล่า”
“เป็นเทพจักรวาลท่านหนึ่งในสำนักวิชาของข้าเมื่อชาติก่อนขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงปิดบังเป็นการชั่วคราว
“ดูท่าทางสำนักในชาติก่อนของเจ้าก็ต้องแข็งแกร่งมากทีเดียว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้า
เขาย่อมไม่กล้าคิดอยู่แล้วว่าอาจเป็นขั้นอลวนคนหนึ่งคิดค้นขึ้น!
เพราะเคล็ดวิชาขั้นอลวนกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดสองศาสตร์ที่ดินแดนจิตโลกามีอยู่นั้นล้วนเป็นสิ่งที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานคิดค้นขึ้นทั้งสิ้น! ขั้นอลวนคิดค้นออกมาอย่างนั้นหรือ นั่นเป็นเรื่องล้อเล่นแล้ว! ถ้าหากรู้เข้า เกรงว่าคงจะก่อกวนผู้แกร่งกล้าจำนวนมากทีเดียว ถึงอย่างไรการหยั่งรู้ระดับนี้ก็ยังร้ายกาจอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะมีการอ้างอิงเกราะของ ‘แม่ทัพโม่กู่’ มาก่อน มีการสั่งสมของโลกกำเนิดสองแห่งมาก่อน คิดค้นเคล็ดวิชาเช่นนี้ออกมา ก็ยังคงน่าหวั่นเกรงเหลือเกิน
“ใช่แล้ว เจ้าวางแผนว่าจะกลายเป็นเทพจักรวาลเมื่อใดหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอ่ยถามอย่างผ่อนคลายสบายใจ “เกรงว่าตอนนี้ผู้ที่คาดเดาว่าเจ้าเป็นผู้กลับชาติมาเกิดก็มีอยู่ไม่น้อย ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนเร้นอีกต่อไปแล้วล่ะ”
“ในเร็ววันนี้แหละ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“วิถีอากาศหรือ เขตลวงโลกเทียมหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาซักไซ้
“วิถีอากาศ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“เฮ้อ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาผ่อนลมหายใจแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ข้ายังคิดว่าเจ้าจะทำให้วิถีอากาศและเขตลวงโลกเทียมกลายเป็นเทพจักรวาลอย่างต่อเนื่องกันทั้งสองวิถีเสียอีก”
“ไม่รีบร้อนหรอก ยังคงสั่งสมไปเรื่อยๆ ก่อนดีกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างถ่อมตน
ถึงแม้ทุกคนจะคิดว่าตนเป็นเทพจักรวาลกลับชาติมาเกิดกันหมด เป็นเช่นนี้ชั่วคราวก็ดีแล้ว! ไม่ว่าอย่างไรตนเองก็จะกลายเป็นเทพจักรวาลอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว
“ในเมื่อตอนนั้นเจ้ามิได้คารวะบรรพชนฝานเป็นอาจารย์ แต่กลับคารวะข้าเป็นอาจารย์ จากนี้ไปเจ้าก็สามารถอ่านตำราทั้งหลายที่มีอยู่ในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของข้าได้ทั้งหมด ถ้าหากมีสิ่งใดที่ข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ เจ้าก็พูดมาได้ทั้งสิ้น ข้ามีแก้วผลึกจักรวาลมากมายก่ายกอง แต่สิ่งที่ล้ำค่าจริงๆ นั้นก็มิอาจซื้อมาได้หรอก! อย่างเช่นสมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอด และเคล็ดสืบทอดลับมากมาย ต่างก็ไม่ขายกันทั้งสิ้น! สิ่งใดที่สามารถใช้แก้วผลึกจักรวาลตัดสินได้ ข้าล้วนช่วยเหลือเจ้าได้ทั้งสิ้น เจ้าแกร่งกล้า ก็สามารถช่วยเหลือสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของข้าได้! ยิ่งสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของข้าแพร่หลายไปกว้างไกลเท่าใด ก็ยิ่งหาแก้วผลึกจักรวาลมาได้มากมายเท่านั้นแหละ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดยิ้มๆ เขามิได้เห็นลูกศิษย์ตรงหน้าผู้นี้เป็นเด็กน้อยรุ่นหลังอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นบุคคลผู้กล้าแกร่งที่ใกล้เคียงกับตนในด้านการบำเพ็ญแล้ว
“ท่านอาจารย์โปรดวางใจ ถ้าหากต้องการ ศิษย์ก็จะไม่เกรงใจแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้ม พูดถึงขนาดนี้แล้ว แต่หากต้องการจริงๆ เขาจึงจะสามารถเอ่ยปากได้
“อืม” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาอมยิ้มพยักหน้า เขามีความรู้สึกผ่อนคลายชนิดหนึ่ง
ช่วยไม่ได้
ตลอดมา ก็มีเขาเพียงคนเดียวที่ต่อสู้เพื่อสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์! ผู้ช่วยคนอื่นๆ นั้นมีพลังยุทธ์อ่อนแอเกินไป
******
ณ นครหลวงรัฐเมฆทักษิณา ภายในลานหิมะเหิน
ร่างแยกอีกร่างหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว ภายในห้องเงียบแห่งหนึ่งที่ลานหิมะเหิน ไอหอมแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องเงียบ ทำให้คนจิตใจปลอดโปร่ง
“ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา” ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทองนั่งอยู่บนเบาะรองนั่ง แต่ในสมองกลับระลึกถึงเนื้อหาของศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา
แน่นอนว่าเขามิได้บำเพ็ญ
พลังยุทธ์ในตอนนี้ยังมิอาจบำเพ็ญศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกานี้ได้ เงื่อนไขของเคล็ดวิชาลับนี้ช่างเกินจริงเป็นอย่างยิ่ง
เหตุผลที่เขาศึกษาเคล็ดวิชาลับนี้ก็เพื่อให้เข้าใจว่าร่างแยกสองร่างซึ่งอยู่ที่โลกกำเนิดที่แตกต่างกัน สามารถเกิดการรับสัมผัสได้หรือไม่
“จริงๆ เลย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้วน้อยๆ “ถึงแม้ว่าการรับสัมผัสวิญญาณจะลึกลับ แต่ว่าโลกกำเนิดสองแห่งต่างก็มีกฎเกณฑ์สูงสุดที่แตกต่างกัน! แต่มีระยะทางห่างไกลกันเป็นอย่างยิ่ง ร่างแยกสองร่างอยู่ที่โลกกำเนิดคนละแห่ง…การรับสัมผัสระหว่างกันเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่ง”
อ้างอิงจากที่ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาว่าเอาไว้
ร่างแยกร่างหนึ่งมุ่งหน้าไปยังโลกกำเนิดอีกแห่งที่อยู่ห่างไกล เพราะเป็นผู้มาจากภายนอก ก็อาจถูกกฎเกณฑ์สูงสุดของโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่งขัดขวางได้! พลังที่สูงที่สุดก็ได้แค่สำเร็จระดับขั้นอลวนเท่านั้น อ้างอิงจากประสบการณ์ที่ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ สำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา ร่างแยกที่เขาส่งมุ่งหน้าไปยังโลกกำเนิดแห่งอื่นก็มีทั้งที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ ร่างแยกที่อ่อนแอหน่อย วิญญาณก็อ่อนแอ การรับสัมผัสต่อร่างจริงที่ดินแดนจิตโลกาก็อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงการรับสัมผัสอย่างสุดกำลังเท่านั้น จึงจะสามารถส่งถ่ายความทรงจำได้อย่างทุลักทุเล
ส่วนร่างแยกที่แข็งแกร่ง การรับสัมผัสต่อร่างจริงที่ดินแดนจิตโลกาก็แข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมาก รวบรวมจิตใจเพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งถ่ายเชื่อมต่อความทรงจำระหว่างกันได้แล้ว
“ท่านอาจารย์เขาเป็นเทพจักรวาลระดับขั้นที่สอง หลังจากที่ข้าบรรลุแล้วก็เป็นเพียงแค่ระดับขั้นที่หนึ่งเท่านั้นเอง! ไม่รู้ว่าที่โลกกำเนิดที่แตกต่างกัน ร่างแยกทั้งสองจะสามารถรับสัมผัสได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “คาดว่าความหวังในการสื่อสารแลกเปลี่ยนอย่างทุลักทุเลนั้นคงจะยิ่งใหญ่นัก!”
ก็กลัวว่าจะไม่สามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนกันได้!
เขาทิ้งร่างแยกอื่นเอาไว้ที่ดินแดนจิตโลกา เพื่ออะไรน่ะหรือ ก็เพื่อให้มีทรัพยากรมากขึ้น ทำให้ตนเองเดินบนเส้นทางการบำเพ็ญได้ไกลยิ่งขึ้น! ถ้าหากไม่สามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนความทรงจำได้ นี่ก็จะมีอันตรายชนิดหนึ่งคงอยู่…
ร่างแยกสองร่างอาจค่อยๆ สร้างความคิดความปรารถนาที่แตกต่างกันขึ้นมา เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็ยังดี ด้วยระดับขั้นการบำเพ็ญจิตใจของตงป๋อเสวี่ยอิง ความเร็วในการสื่อสารแลกเปลี่ยนความทรงจำทั้งสองสามารถเป็นไปได้อย่างกลมกลืน แต่ถ้าหากเวลายาวนานมากอย่างเช่นหลายหมื่นล้านปีหรือว่ายาวนานกว่านั้น วิญญาณจึงจะแข็งแกร่งพอ สามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนระหว่างกันได้ เช่นนั้นก็สามารถเกิดปัญหาขึ้นได้แล้ว!
สติรับรู้แตกกระจาย นี่เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก!
“คงจะไม่มีปัญหา รอหลังจากที่ข้ากลับไปยังบ้านเกิดที่กลับชาติมาเกิดแล้ว ถ้าหากสองฝั่งมิอาจรับสัมผัสกันได้ ไม่มีทางสื่อสารแลกเปลี่ยนความทรงจำกันได้ ก็ทำให้ร่างแยกของทางฝั่งดินแดนจิตโลกานี้พยายามแข็งแกร่งขึ้นอย่างสุดกำลัง ซื้อหาแก่นแท้อลวนมากลืนกินตามอำเภอใจ! ถ้าหากยังไม่ได้การ ก็ได้แต่บำเพ็ญในระยะเวลาอันสั้น เวลาเนิ่นนาน ก็ต้องให้นิทราไปก่อนแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ
สามารถทำการส่งถ่ายมหาทลายโลกาได้ ร่างแยกทั้งสองที่โลกกำเนิดสองแห่ง โดยทั่วไปแล้วพลังยุทธ์ต่างก็แข็งแกร่งเป็นที่สุด
โดยปกติทั่วไปแล้ว อย่างน้อยต่างก็เป็นเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองกันทั้งสิ้น! เพราะว่ามาถึงระดับขั้นนี้แล้ว จึงจะมีความเป็นไปได้ในการบำเพ็ญศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาให้สำเร็จ
สิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยก็คือ ‘พลังของป้ายคำสั่งจิตโลกา’ จึงจะสามารถกลับไปยังบ้านเกิดได้
ป้ายคำสั่งจิตโลกานั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
อย่างเช่นศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา ถึงแม้ว่าจะสามารถส่งร่างแยกมุ่งหน้าไปยังโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่งได้ แต่ก็ต้องเผชิญกับการขับไล่ของโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่ง ก็ยิ่งไม่มีทางกลับชาติมาเกิดได้!
‘การกลับชาติมาเกิด’ นั้น ผู้มาจากภายนอกจะต้องสามารถได้รับการอนุญาตของกฎเกณฑ์สูงสุดจึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้
ไม่กลับชาติมาเกิด…ขีดจำกัดของพลังยุทธ์ก็คือขั้นอลวน การหยั่งรู้ของโลกกำเนิดแห่งหนึ่งนั้นก็มีขีดจำกัด สิ่งที่สามารถศึกษาเรียนรู้ได้ก็มีขีดจำกัดเช่นเดียวกัน! มีเพียงการกลับชาติมาเกิดเท่านั้น การยกระดับพลังยุทธ์จึงจะไม่มีขีดจำกัด จึงสามารถสอดแทรกเข้าสู่โลกกำเนิดแห่งหนึ่งได้อย่างแท้จริง ได้รับคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของโลกกำเนิดแห่งนั้น
“พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหลับตาลงแล้วเริ่มต้นสงบจิตใจบำเพ็ญ
ตอนที่ 93 การตระหนักรู้ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิต
Ink Stone_Fantasy
กลางคีรีมารสกุลฝาน ในนครหลวงรัฐโบราณคิมหันตวายุ
ตงป๋อเสวี่ยอิงและมหาเคารพซือเทียนรู้สึกสุขสบายใจกันทั้งสองฝ่าย มหาเคารพซือเทียนยืดกายขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ฮ่าฮ่า น้องเฟยเสวี่ย เจ้าก็บำเพ็ญที่ต้นไม้เทพผลาญจิตนี้ให้ดีๆ เถิดนะ รับสัมผัสถึงความน่าอัศจรรย์ของต้นไม้เทพผลาญจิตต้นนี้ให้ดีๆ ล่ะ”
“ขอบคุณท่านมหาเคารพแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ฮ่าฮ่า เรื่องเล็กน่า” มหาเคารพซือเทียนจากไปพร้อมรอยยิ้ม แม้กระทั่งเหล่าสาวใช้ก็จากไปพร้อมกันด้วยมหาเคารพซือเทียนกลับไปถึงยังวังของตนแล้วนั่งสูงส่งลงบนบัลลังก์พลางมองลงมายังเบื้องล่าง
“ท่านมหาเคารพขอรับ” จ้าวขุยเฉินเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ “ข้าได้จัดการส่งตัวอ๋องส้าหลงกลับไปเรียบร้อยแล้ว ต้องการให้ข้าจัดการส่งเค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ยกลับไปยังรัฐเมฆทักษิณาด้วยหรือไม่ขอรับ”
“เขาบำเพ็ญอยู่ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิต น่าจะบำเพ็ญเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม” มหาเคารพซือเทียนแย้มยิ้มอย่างลึกลับ เขาบอกว่าเป็นเวลาปีครึ่ง สำหรับเขาแล้ว เพียงแค่รับสัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของต้นไม้เทพผลาญจิต ก็จะต้องยืดยาวออกไปอีกเป็นเวลาหนึ่งปีอย่างแน่นอน! ไม่แน่ว่ายังอาจจะจงใจนึกอยากผัดเวลาออกไปให้มากขึ้นอีกด้วยซ้ำ แต่ว่าพอถึงเวลาเขาก็จะต้องปรากฏตัวขึ้น แล้วส่งอีกฝ่ายให้จากไปด้วยตนเองอยู่แล้ว
“ต้นไม้เทพผลาญจิตหรือขอรับ” จ้าวขุยเฉินตกตะลึง “นี่ นี่…ให้เขาใช้งาน นี่…”
“ความเป็นมาของเขาไม่ธรรมดา ตอนนั้นท่านอาจารย์รับศิษย์ด้วยตนเองเขาก็ปฏิเสธ ตอนนั้นยังคิดว่าช่างเยาว์วัยไม่รู้ความเหลือเกิน พอมาดูตอนนี้ก็คิดว่าไม่เลวเลยทีเดียว สามารถมีเคล็ดวิชาขั้นอลวนกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดได้ เกรงว่าก็คงมีเคล็ดสืบทอดลับอันแกร่งกล้าเป็นที่สุดอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ถ้าหากสถานะของเขาในชาติก่อนสูงส่งพอ มีเคล็ดวิชาบางอย่างที่น่าจะสามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้!”
มหาเคารพซือเทียนพูดยิ้มๆ “เคยสัมผัสรสชาติของต้นไม้เทพผลาญจิตมาก่อน แล้วเขายังเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้าน ‘เขตลวงโลกเทียม’ จะต้องนึกอยากบำเพ็ญอยู่ที่นี่ในระยะยาวอย่างแน่นอน หึๆ เค่อชิงแลกเปลี่ยนแต้มความดีความชอบได้ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์แลกเปลี่ยนกับการบำเพ็ญภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตได้! หากเขาอยากจะครอบครอง ก็จำเป็นต้องหยิบเอาสิ่งที่ทำให้สกุลฝานของข้าจิตใจหวั่นไหวออกมา! ต่อให้เอาออกมามิได้ก็ไม่เป็นไร ก็แค่เสียเวลาไปเป็นเวลาปีครึ่งเท่านั้นเอง”
จ้าวขุยเฉินกระจ่างแจ้ง
มหาเคารพซือเทียนกลับมั่นใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง เขาแน่ใจแล้วว่าอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้จะต้องริษยาต้นไม้เทพผลาญจิตอย่างแน่นอน!
“การเข้าสู่ตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมในครั้งนี้ ข้าคิดจะเข้าไป เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีๆ ให้ศิษย์พี่ลู่เทียนสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีของข้า” มหาเคารพซือเทียนพูด
“ขอรับ” จ้าวขุยเฉินพยักหน้าอย่างเคารพ
……
ต้นไม้เทพผลาญจิตต้นเตี้ยแข็งแกร่ง ตลอดลำต้นราวกับสลักเสลาขึ้นจากหินหยกสีม่วงเข้ม ยอดไม้อันใหญ่โตมหึมาปกคลุมเบื้องล่าง
ใต้ต้นไม้
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวนั่งขัดสมาธิอยู่
แน่นอนว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจความคิดของมหาเคารพซือเทียน ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ ก็คือวัตถุเทพที่มีส่วนช่วยเหลือในการบำเพ็ญของบรรพชนฝานในตอนนั้นเป็นอย่างมาก ตามปกติแล้วล้วนเป็นมหาเคารพหกท่านของสกุลฝานผลัดเปลี่ยนกันมาใช้งาน! ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยแม้แต่จะได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ คาดว่าท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็คงจะไม่รู้จักสิ่งนี้เช่นกัน แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ว่าเพราะท่านอาจารย์มิได้บำเพ็ญวิถีวิญญาณ ดังนั้นจึงมิได้ ‘หลงใหล’ ในต้นไม้เทพผลาญจิตนี้
อีกฝ่ายให้ตนบำเพ็ญอยู่ที่นี่ ‘เป็นเวลาปีครึ่ง’ คาดว่าคงจะมีความมั่นใจในต้นไม้เทพผลาญจิตนี้เป็นอย่างมาก
“ข้าก็อยากจะดูสักหน่อยว่าที่แท้แล้วต้นไม้เทพผลาญจิตนี้มีความมหัศจรรย์มากสักเพียงใดกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงสงบจิตใจบำเพ็ญ ดูดซับกลิ่นอายที่ต้นไม้เทพผลาญจิตแผ่ออกมาหล่อเลี้ยงวิญญาณไปพลาง บำเพ็ญหยั่งรู้ ‘เขตลวงโลกเทียม’ ไปพลาง แม้กระทั่งร่างแยกอาภรณ์ทองที่อยู่ไกลถึงนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาก็เป็นเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะสำเร็จเป็นเทพจักรวาล
แต่ก็ไม่รีบร้อนในเวลาปีครึ่งนี้! ระยะเวลาเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ สำหรับผู้บำเพ็ญที่กล้าแกร่งแล้วช่างแสนสั้นนักจะต้องคว้าโอกาสเอาไว้ บำเพ็ญอย่างสุดกำลัง รับสัมผัสอย่างต่อเนื่อง
“สบายเหลือเกิน”
วิญญาณผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังทวีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยความเร็วที่สามารถรู้สึกได้ ถึงแม้ว่าจะเนิ่นช้า แต่ถ้าหากการยกระดับเช่นนี้สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาปีครึ่ง เช่นนั้นอัตราการยกระดับก็สามารถชวนให้คนตื่นตะลึงได้เป็นอย่างยิ่งแล้ว!
อย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยจิตใจสงบนิ่ง
ความเร้นลับของเขตลวงโลกเทียมต่างๆ นานาเอ่อท้นหัวใจ เริ่มต้นครุ่นคิดหยั่งรู้อย่างต่อเนื่อง
“หืม”
เพียงแค่หยั่งรู้ไปเป็นเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกได้ถึงความพิเศษแล้ว ภายใต้การหยั่งรู้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งวิญญาณยังอยู่ภายใต้การหล่อเลี้ยงของกลิ่นอายของต้นไม้เทพผลาญจิต ถึงขนาดที่มีความรู้สึก ‘วิญญาณถูกแผดเผา’ ชนิดหนึ่งขึ้นมา และเมื่อยิ่งวิวัฒน์หยั่งรู้อย่างสุดกำลัง ความรู้สึกวิญญาณถูกแผดเผาก็ยิ่งแกร่งขึ้นอีก! และยิ่งแผดเผา ดวงวิญญาณก็ยิ่งผ่อนคลาย การตระหนักรู้ของเขตลวงโลกเทียมก็ยิ่งมีแสงทิพย์วิญญาณ์พรั่งพรู
“การยกระดับของดวงวิญญาณหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าตนเองในขณะนี้ราวกับมีอำนาจบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามปรารถนา มีความรับรู้นานาชนิดต่อดวงวิญญาณ
เป็นเพราะว่าจิตวิญญาณของตนสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
มีความเข้าใจต่อด้านต่างๆ ของจิตวิญญาณอย่างบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นอย่างสอดคล้องกัน เดิมที ‘เขตลวงโลกเทียม’ ก็มุ่งหมายไปที่ดวงวิญญาณ มุ่งหมายไปที่จิตวิญญาณอยู่แล้ว! ถ้าหากมีความรู้กระจ่างเกี่ยวกับจิตวิญญาณมากยิ่งขึ้น ‘เขตลวงโลกเทียม’ ก็ย่อมสามารถทวีความสมบูรณ์แบบขึ้นอย่างสอดคล้องกันอยู่แล้ว
“ช่างน่าอัศจรรย์โดยแท้”
“เหนือจินตนาการ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพรั่นพรึงเสียแล้ว
ความรู้สึกชนิดนี้ทำให้คนหลงใหลยิ่งนัก
เดิมทีเขารู้สึกว่าระดับจิตใจไปถึงระดับที่สาม ‘จิตข้าคือจิตฟ้า’ ก็เป็นระดับขั้นที่สูงที่สุดแล้ว นี่เป็นระดับขั้นที่สูงที่สุดของระดับจิตใจในการบำเพ็ญปกติ รวมถึงในดินแดนจิตโลกาแล้ว แต่ภายใต้ความช่วยเหลือของ ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ ดูคล้ายว่าระดับจิตใจจะไปถึงอีกระดับขั้นที่สูงขึ้นอีกเสียแล้ว วิชชาและความไร้สุขไร้เศร้า เมื่อมองลงมาจากระดับขั้นที่สูงขึ้นอีก ชำแหละจิตวิญญาณ มาวิวัฒน์บำเพ็ญวิถีเขตลวงโลกเทียม
แน่นอนว่าการบำเพ็ญชนิดนี้ก็จำเป็นต้องใช้การสั่งสมในอดีต
นอกจากนี้ก็เป็นทางด้านวิญญาณที่มีส่วนช่วยเหลือมากที่สุด! สถานะจิตวิญญาณชนิดนี้ ถึงแม้ว่าการหยั่งรู้ทางด้านอื่นๆ จะมีส่วนช่วย แต่ก็มิได้ช่วยเหลือมากมายสักเท่าใดนัก มีเพียงแค่ ‘ทางด้านวิญญาณ’ เท่านั้นจึงจะมีส่วนช่วยเหลือมากที่สุด
“ที่แท้แล้วเขตลวงโลกเทียมของข้ามีส่วนที่ขาดแคลนมากมายถึงเพียงนี้เชียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมกระดิ่งจิตมาร ทั้งที่รู้ว่าโลกเขตลวงไปถึงระดับขั้นที่สิบแล้ว รู้ทิศทางของตัวเอง ทว่าก็ยังคงรู้สึกว่าการบรรลุนั้นยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง แต่ในขณะนี้แสงทิพย์วิญญาณ์สายแล้วสายเล่าก็พรั่งพรูออกมา เขาค้นพบทิศทางที่สามารถยกระดับอย่างฉับพลันได้มากมาย
……
“ศิษย์น้องผู้นี้ของข้า เป็นผู้ที่ชวนให้คนตื่นตะลึงในชั่วข้ามคืนโดยแท้! ร้ายกาจๆ” จ้าวทานเผิงเดินเคียงบ่ากับจ้าวฉุนอวี้ แต่เพียงแค่เคลื่อนที่ในพริบตาไม่กี่ครั้งเท่านั้น ก็มายืนอยู่นอกประตูของลานหิมะเหินแล้ว
เมื่อผู้ดูแลประตูลานได้เห็นผู้มาก็รีบทักทายอย่างเคารพและตื่นเต้นในทันที “คารวะจ้าวทั้งสองท่านขอรับ”
ลานหิมะเหินแห่งนี้ก็มีแขกมาเยือนเป็นครั้งคราว พวกจ้าวทานเผิงก็เคยมาเยือนแล้วในอดีต ผู้อารักขาเหล่านี้ต่างก็รู้จัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาแต่ละคนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบรรดาผู้แกร่งกล้าจำนวนหนึ่ง จึงรู้จักผู้แกร่งกล้ามากมาย
“ศิษย์น้องของข้าเล่า” จ้าวทานเผิงเอ่ยถาม
“ท่านอ๋องกำลังปลีกวิเวกอยู่ขอรับ มีคำสั่งเอาไว้ว่าหากไม่มีเรื่องสำคัญก็จะไม่รับแขกเป็นอันขาดขอรับ” ทหารผู้ดูแลคนหนึ่งเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ “จ้าวทั้งสองท่านต้องการให้ข้าไปถ่ายทอดคำพูดหรือไม่ขอรับ”
สำหรับผู้ดูแลแล้ว
ถึงแม้ว่าอ๋องหิมะเหิน ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ จะมีสถานะสูงส่ง ทว่าผู้ที่มาคารวะคือเทพจักรวาลสองท่าน ถึงจะปลีกวิเวกอยู่ก็ควรจะออกมากระมัง
“ไม่ต้องรบกวนหรอก” จ้าวทานเผิงพูดขึ้นทันควัน
“ขอรับ” ทหารผู้ดูแลผู้นี้ตกใจจนสะดุ้ง
“ไปกันเถิด” จ้าวทานเผิงมองจ้าวฉุนอวี้ที่อยู่ข้างๆ อย่างยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ดูท่าทาง รอให้ศิษย์น้องของข้าออกจากการปลีกวิเวก ก็คงมิใช่ท่านอ๋องอีกแล้ว หากแต่คงเป็นจ้าวแล้วล่ะ”
จ้าวฉุนอวี้ก็อมยิ้มพยักหน้า บทสนทนาระหว่างพวกเขาสองคนย่อมตัดขาดจากการได้ยินของคนนอกโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว
……
คีรีมารสกุลฝาน ภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตสีม่วงเข้มต้นหนาเตี้ย
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวนั่งขัดสมาธิอยู่เช่นเดิม เพียงพริบตาเขาก็บำเพ็ญอยู่ที่นี่มาเก้าเดือนแล้ว! การยกระดับการหล่อเลี้ยงวิญญาณหยุดลงไปนานแล้ว การยกระดับดำเนินไปทั้งสิ้นราวๆ เจ็ดเดือน ก็ทำให้วิญญาณยกระดับขึ้นราวๆ สองส่วน ถ้าหากใช้แก่นแท้อลวน เกรงว่าก็ต้องใช้หลายพันล้านแก้วผลึกจักรวาลเลยทีเดียว
ฟิ้ว ฟิ้ว…
มีสายลมพัดเป็นระยะๆ ใบไม้สีม่วงเข้มปลิวหล่น
ทันใดนั้นเอง…
“ปัง”
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวลืมตาขึ้น นัยน์ตาทั้งสองมีการวิวัฒน์ของสรรพสิ่งในโลกปรากฏรางๆ ทั้งยังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนถือกำเนิด นัยน์ตาราวกับเป็นจักรวาลที่กำลังวิวัฒน์
อีกชั่วพริบตาก็กลับเป็นปกติ
“เดิมทีข้าวางแผนให้วิถีอากาศบรรลุไปถึงเทพจักรวาล โอกาสในการบำเพ็ญภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตนั้นยากที่จะได้มา จึงทุ่มเทให้กับการบำเพ็ญเขตลวงโลกเทียมอย่างสุดกำลังเป็นการชั่วคราว ใครจะไปคิดว่าเขตลวงโลกเทียมจะถึงกับบรรลุเช่นนี้เสียแล้ว” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งประหลาดใจทั้งยินดี แน่นอนว่าถึงแม้ว่าในที่สุดเขตลวงโลกเทียมจะเหยียบย่างไปถึงระดับนั้น การตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ก็ไปถึงระดับนั้นแล้วเช่นกัน แต่เขาก็มิได้บรรลุในทันที
การบรรลุเป็นเทพจักรวาลนั้นจำเป็นต้องใช้พลังฟ้าดินอย่างมหาศาล ความเคลื่อนไหวก็ใหญ่โต การบรรลุภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตนั้นย่อมไม่เหมาะสม
“พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงลุกขึ้นแล้วเดินมุ่งออกไปด้านนอก
“เค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ย นี่จะไปแล้วหรือขอรรับ” ณ บริเวณไม่ไกลจากต้นไม้เทพผลาญจิต มีผู้ดูแลลุกขึ้นแล้วเอ่ยถามอย่างเคารพ ตอนที่มหาเคารพซือเทียนสั่งนั้นมิได้บอกว่าต้องเป็นเวลาหนึ่งปีหรือ นี่เพิ่งจะเก้าเดือนเท่านั้นเอง!
“ข้าจะกลับที่พัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม เป็นถึงเค่อชิงระดับบน ก็ย่อมมีที่พักในคีรีมารสกุลฝาน กลับไปถึงที่พักก่อนแล้วค่อยบรรลุเป็นเทพจักรวาล!
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดจบแล้วก็เคลื่อนที่ผ่านเวหาแล้วเหินจากไปไกลในทันที
เขารอคอยวันที่จะสำเร็จเป็นเทพจักรวาลนี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว!
………………………………………..
(ตอนสุดท้ายของบท)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น