Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 33 ตอนที่ 72-77

 ตอนที่ 72 ได้มาไว้ในมือ

Ink Stone_Fantasy

ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบแล้วรับกระดิ่งจิตมารมา เขาส่งสติรับรู้แทรกผ่านเข้าไปในทันใด


“กริ๊งๆ~~~”


เสียงกระดิ่งอันเสนาะหูดังขึ้นภายในห้วงสมองในทันใด ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกวิญญาณสั่นสะท้านคราหนึ่ง วิญญาณรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอม  แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ด้านเขตลวงโลกเทียมที่บำเพ็ญไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดก็ตาม


ทั้งยังจิตใจผ่อนคลายลงเป็นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว


จากนั้นสติรับรู้ก็รับสัมผัสได้ถึงส่วนที่ลึกยิ่งขึ้นของกระดิ่ง…


ภายในกระดิ่งก็คือโลกอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ที่พื้นผิวของโลกมีหมอกขาวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งพรวดขึ้น ภาพเหตุการณ์จำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นและสลายไปท่ามกลางหมอกขาว ทำให้คนอยากจะเข้าไปตรวจดูอย่างมิอาจต้านทานอารมณ์ได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงยังได้เห็น ‘อวี๋จิ้งชิว’ ผู้เป็นภรรยาของตน ได้เห็นบุตรชายบุตรสาว และได้เห็นท่านอาจารย์กู่ฉีที่สิ้นชีพไปแล้วท่ามกลางภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสลายไปเหล่านั้นด้วย…


พร้อมกันกับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกหมอกขาวจำนวนหนึ่งในนั้นดึงดูด โลกอันกว้างใหญ่ที่ส่วนลึกของกระดิ่งจิตมารก็วิวัฒน์ไปด้วยเช่นกัน วิวัฒน์เอาอวี๋จิ้งชิว ตงป๋ออวี้ ตงป๋อชิงเหยา ฉือชิวไป๋ ท่านอาจารย์จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต และกู่ฉี เป็นต้น ออกมา


“ร้ายกาจยิ่งนัก” ถึงแม้ว่าในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงปรารถนาจะลงลึกต่อไปอีก แต่ถึงอย่างไรระดับขั้นของเขาก็ไม่ธรรมดา กระดิ่งจิตมารนี้ไม่มีเจ้านายควบคุม ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังสามารถควบคุมตนเองเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย


“ก็เป็นเส้นทางวิถีสองสายเช่นเดียวกัน”


“สายหนึ่งคือ ‘หลงใหล’ ส่วนอีกสายหนึ่งคือ ‘โลกา’”


ตงป๋อเสวี่ยอิงปิติยินดีในใจ


เขตลวงโลกเทียมแบ่งออกเป็นวิถีหลายสาย ตนเองได้เห็นสมบัติลับล้ำค่าแปดชิ้นตามลำดับ มีครึ่งหนึ่งที่มี ‘วิถีโลกา’ นี้ทั้งสิ้น เพราะว่าเขตลวงหนึ่งๆ จะร้ายกาจพอได้ ในที่สุดแล้วก็ต้องรังสรรค์โลกที่เหมือนกับความเป็นจริงใบหนึ่งออกมาให้ได้! หากไม่ ‘เป็นความจริง’ มากพอ ก็ไม่มีทางทำให้ผู้แกร่งกล้าระดับสุดยอดติดกับได้เลย


แม้กระทั่งวิถีอื่นๆ อย่างเช่น ‘หลงใหล’ ‘กิเลส’ ‘เข่นฆ่า’ และ ‘มายา’ เป็นต้น ต่างก็เป็นตัวแทนของทิศทางที่แตกต่างกันของเขตลวงโลกเทียม


มี ‘โลกา’ ควบคู่ไปกับที่มีวิถีอื่นด้วย มีอยู่ทั้งสิ้นสองอัน อันหนึ่งคือกระดิ่งจิตมาร ส่วงอีกอันหนึ่งก็คือดวงจิตเปี่ยมกิเลส


“กระดิ่งจิตมารและดวงจิตเปี่ยมกิเลสต่างก็เหมาะสมกับข้าเป็นอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงทำการตัดสินใจ


ในบรรดาสมบัติลับล้ำค่าแปดชิ้น กระดิ่งจิตมารและดวงจิตเปี่ยมกิเลสต่างก็จัดอยู่ในลำดับแรก


“ใต้เท้าเสวี่ยอิง เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ผู้ดูแลผู้นั้นเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงวางกระดิ่งจิตมารลงแล้วก็เอ่ยปากถามด้วยรอยยิ้ม


“สมบัติลับล้ำค่าไม่เลวเลย แล้วราคาเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม


“หนึ่งหมื่นหกพันล้านแก้วผลึกจักรวาล!” ผู้ดูแลพูด


ตงป๋อเสวี่ยอิงตัดสินใจแน่วแน่


ดูเหมือนว่าเพียงชั่วครู่เดียวเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าสมบัติล้ำค่าที่ตนเลือกคงจะเป็นกระดิ่งจิตมาร!


เพราะว่าดวงจิตเปี่ยมกิเลสชิ้นนั้นผ่านการต่อรองราคามาหลายครั้งจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคงต้องการหนึ่งหมื่นห้าพันล้านแก้วผลึกจักรวาลอยู่ดี ราคาสูงเกินไปแล้วจริงๆ


“แพงเกินไปแล้วกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ “ถึงแม้ว่าจะมีวิถีสองสาย แต่ก็ยังมีหลายชิ้นที่สามารถสำแดงวิถีสองสายพร้อมกันได้อีกนี่”


“ถึงอย่างไรก็ต้องมี” ผู้ดูแลเอ่ยพลางยิ้มตาหยี


“ถ้าหากเป็นราคานี้ เช่นนั้นก็ให้เจ้าของสมบัติลับล้ำค่าผู้นั้นรอสักหน่อย รอลูกค้าที่เหมาะสมก็แล้วกัน”


ตงป๋อเสวี่ยอิงยืดกายลุกขึ้น


ผู้ดูแลได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็พูดยิ้มๆ “ใต้เท้าเสวี่ยอิงไม่จำเป็นต้องกระวนกระวายเลย ราคาต่ำสุดของข้าทางนี้ก็คือหนึ่งหมื่นห้าพันล้านแก้วผลึกจักรวาล หากใต้เท้าเสวี่ยอิงยังต้องการต่อรองราคา ก็ต้องขึ้นกับเจ้าของสมบัติลับล้ำค่าผู้นั้นแล้วล่ะ”


“ราคาก็ยังแพงไปหน่อย แล้วข้าก็ยังจะไปลองดูสมบัติลับล้ำค่าที่อื่นๆ ด้วย ถึงอย่างไรก็มีอยู่ทั้งหมดถึงแปดชิ้นเลยทีเดียวนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “ถึงแม้ว่าจะต้องการสมบัติล้ำค่า ราคาก็สำคัญมากเช่นกัน”


“วางใจเถิด วางใจเถิด ข้าจะต้องช่วยเหลือใต้เท้าเสวี่ยอิงอย่างแน่นอน กดราคาให้ต่ำที่สุดให้ได้” ผู้ดูแลได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็เอ่ยขึ้น


สามารถขายทิ้งไปได้ชิ้นหนึ่ง สำหรับเขาแล้วก็เป็นความดีความชอบอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว


ถึงอย่างไรหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาล ต่อให้เป็นร้านค้าเช่นนี้ของนครหลวงรัฐถูฮวา ก็ยังต้องเป็นระยะเวลายาวนานจึงจะสามารถขายได้มากมายเช่นนี้ เพราะว่าราคาสูงลิบเช่นนี้ เกรงว่าทั่วทั้งรัฐถูฮวาคงจะมีเพียงแค่ ‘ประมุขรัฐถูฮวา’ เท่านั้นที่จะจ่ายราคาสูงเช่นนี้ได้ไหว


นอกจากนี้ผู้ดูแลก็มิได้เข้าใจถึงระดับความชมชอบที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมีต่อสมบัติลับล้ำค่าชิ้นนี้


……


ดูสมบัติลับล้ำค่าแปดชิ้นจนหมดแล้ว จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็เตร็ดเตร่อยู่ที่ดินแดนจิตโลกาต่อไป เดินไปทั่วทุกสารทิศ กินอาหารเลิศรส ดื่มสุราชั้นเลิศมากมาย อีกทั้งยังต่อรองราคากับเจ้าของสมบัติลับล้ำค่าเหล่านั้นคนแล้วคนเล่าอีกด้วย


“ข้าก็ต้องใจสมบัติลับล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่งพอๆ กัน แต่ข้าว่าจะไปซื้อของอีกที่หนึ่งดีกว่า”


“สามวัน! อีกสามวันข้าจะตัดสินใจซื้ออีกชิ้นหนึ่ง”


“ช่วยไม่ได้ ดูท่าทางข้ากับสมบัติลับล้ำค่าชิ้นนี้จะไม่มีวาสนาต่อกันเสียแล้วล่ะ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงมองผู้ดูแลทั้งแปดร้านทะลุปรุโปร่ง ว่าถ่ายทอดวาจาของเจ้าของสมบัติลับล้ำค่าที่อยู่เบื้องหลังมา


จึงได้เสริมแรงกดดันให้กับพวกเขาอย่างต่อเนื่อง


สามเดือนหลังจากที่เขาดูสมบัติลับล้ำค่าจนครบ ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงตัดสินใจได้ในที่สุด ถึงขนาดที่กลับไปยังรัฐเมฆทักษิณารอบหนึ่ง แล้วแลกเปลี่ยนหนึ่งหมื่นแต้มความดีความชอบกับพันล้านแก้วผลึกจักรวาล


“พรึ่บ”


ณ นครหลวงรัฐถูฮวา


หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวคนหนึ่งเดินเตร่อยู่ภายในนครหลวงรัฐถูฮวาแห่งนี้ด้วยจิตใจผ่อนคลาย


“ข้ากับรัฐถูฮวาแห่งนี้ยังมีวาสนาต่อกันจริงๆ จึงได้มาที่รัฐถูฮวาอีกครั้ง ตอนนั้นตัดสินใจเอาไว้ว่าจะดูกระดิ่งจิตมารเป็นชิ้นที่สาม แต่เป็นเพราะลงมือเปิดเผยตัวตน ถึงกับผัดผ่อนมาดูมันเป็นชิ้นสุดท้าย ตอนนี้ในท้ายที่สุดก็ยังตัดสินใจเลือกมันอยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้ม เงาร่างพลันแปรเปลี่ยนเป็นเงามายาแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นก็มาถึงยังด้านในร้านค้าสกุลฝานแห่งนครหลวงรัฐถูฮวา


“หนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาล อยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ที่นั่นพลางมองดูผู้ดูแลที่อยู่ตรงหน้า


“เรียบร้อยแล้ว เรียบร้อยแล้ว” ผู้ดูแลยิ้มตาหยีด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง พลางส่งกระดิ่งจิตมารให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง “ตอนนี้สมบัติลับล้ำค่าชิ้นนี้ก็เป็นของใต้เท้าเสวี่ยอิงแล้วนะขอรับ”


“อืม”


ตงป๋อเสวี่ยอิงระงับความตื่นเต้นเอาไว้แล้วรับเอาสมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมชิ้นนี้มา


เพื่อหนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยล้านนี้…


ก็นับได้ว่าเขาแล่เนื้อเถือหนังเลยทีเดียว


ลัทธิกระบี่สวรรค์ไถ่ตัอ๋องอสนีบาตโม่เฉากับสมบัติลับล้ำค่าสองชิ้นของเขาด้วยราคาแปดพันล้านแก้วผลึกจักรวาล ตนเองแลกเปลี่ยนสี่หมื่นแต้มความดีความชอบได้มาสี่พันล้านแก้วผลึกจักรวาล ส่วนสมบัติล้ำค่าที่อ๋องอสนีบาตโม่เฉาสะสมเอาไว้ก็มีอยู่มากมาย…มูลค่าอยู่ที่ราวๆ พันล้าน ส่วนขั้นอลวนหลายคนที่อ๋องชางซูและเมืองอัคคีโชติในตอนนั้นสังหารก็ได้ทิ้งสมบัติล้ำค่าต่างๆ จำนวนหนึ่งเอาไว้ให้ตงป๋อเสวี่ยอิง ทั้งหมดรวมกันขึ้นมาก็ใกล้ๆ พันล้านแล้ว


คราวนี้รวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก็รวมได้หนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยล้านแล้ว แม้กระทั่งแมลงอสูรทางสายห้วงอากาศเหล่านั้นก็ยังนำมาต่อรองด้วย น่าเสียดายที่ได้ราคาเพียงแค่ห้าในแปดส่วนของราคาที่ซื้อมาในตอนนั้นเท่านั้นเอง!


ตอนนี้แก้วผลึกจักรวาลที่เหลืออยู่ในมือตงป๋อเสวี่ยอิง ก็เพียงแค่ราวๆ สามร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลเท่านั้น


“เกือบจะหมดสิ้นสิ่งที่สั่งสมมาเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง


แต่เขาก็ยังเต็มอกเต็มใจกับสิ่งนี้อยู่ดี


ถึงอย่างไรสมบัติล้ำค่าและแก้วผลึกจักรวาลเหล่านั้นเมื่ออยู่กับตัวก็มิได้ก่อให้เกิดพลังยุทธ์แต่อย่างใด! สมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมชิ้นนี้เพียงพอที่จะทำให้พลังยุทธ์ของตนเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก! เรียกได้ว่ากวาดระดับอลหม่านชั้นที่สิบจนเรียบได้ แม้กระทั่งเผชิญกับเทพจักรวาล เคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่สิบ… ต่อให้เหล่าเทพจักรวาลสามารถต้านทานได้ เกรงว่าพลังยุทธ์ก็จะสูญเสียไปเป็นอย่างมาก! แม้เผชิญกับ ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ อันน่าหวาดหวั่น ก็ยังมีความหวังที่จะกดดันได้โดยสิ้นเชิง


เคล็ดวิชาอันยิ่งใหญ่ทั้งสองรวมเข้าด้วยกัน พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง


นอกจากนี้ยังเหลืออีกสองหมื่นแต้มความดีความชอบ สามารถทำให้ร่างแยกอีกร่างหนึ่งของตนบำเพ็ญร่างเมฆทักษิณาทิพย์ได้สำเร็จพอดี ผนวกกับพลังยุทธ์รักษาชีวิตอีกเล็กน้อย ในแผนการของตงป๋อเสวี่ยอิง ร่างแยกอีกร่างหนึ่งก็จะสามารถยกรระดับพลังยุทธ์รักษาชีวิตขึ้นมาได้


ร่างเมฆทักษิณาทิพย์… ภายใต้เทพจักรวาล ก็คือชั้นที่สิบอันสมบูรณ์


ถ้าหากสำเร็จเป็นเทพจักรวาล แต่ยังมีชั้นที่สิบเอ็ดและชั้นที่สิบสอง! นี่ก็คือเคล็ดวิชาหลอมกายที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เมฆทักษิณาคิดค้นขึ้น ที่รัฐประเทศชั้นรอง รัฐประเทศชั้นสาม ก็นับว่าเป็นเคล็ดวิชารักษาชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด หากเทียบกับหกรัฐโบราณก็ด้อยกว่าอยู่พอสมควร


“ฟิ้ว”


ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกอิ่มเอม กลับไปยังรัฐเมฆทักษิณาอย่างผ่อนคลายสบายใจ แต่เพิ่งกลับมา ยังมิทันได้เข้าไปในเมืองหิมะเหินของตน ก็ได้รับการส่งสารจากท่านอาจารย์เสียก่อนแล้ว


“เสวี่ยอิง” เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหูตงป๋อเสวี่ยอิง “จำเอาไว้ให้มั่น ถ้าหากสกุลฝานมาหาเจ้าให้ช่วยเหลือ ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าได้รับปากเป็นอันขาดล่ะ”


ตอนที่ 73 เค่อชิงระดับบน

Ink Stone_Fantasy

ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงเล็กน้อย เขาเดินในอากาศพลางมองดูเมืองหิมะเหินเบื้องล่างแล้วถามว่า “ท่านอาจารย์ เพราะเหตุใดจึงไม่รับปากเล่าขอรับ”


อย่างตอนนั้นที่ตนอยากดูส่วนหัวของหอกเทพเมฆาแดง ประโยคเดียวของฝานเทียนฉ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้ดูแล้ว ถึงแม้ว่าตัวหัวหอกนั้นจะมีราคาไม่กี่ร้อยล้าน น้ำใจที่ให้ ‘ชมดู’ ครั้งหนึ่งก็ยิ่งต่ำลงไปอีก! แต่ต่อให้เป็นอย่างไร สองฝ่ายก็นับได้ว่ามีมิตรไมตรีต่อกัน ถ้าหากขอความช่วยเหลือจริงๆ ขอเพียงแค่มีข้อดีมากพอ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธเลย


“สี่รัฐมารทมิฬ นอกจากประมุขรัฐเพรียกหิมะผู้นั้นแล้ว คนอื่นส่วนใหญ่ต่างก็ไว้หน้าสกุลฝานเป็นอย่างมากเลยมิใช่หรือขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด


ทะเลสาบมารทมิฬอาศัยการสังหารป้องปรามทั้งสี่รัฐมารทมิฬ


ทว่าสกุลฝาน…กลับอาศัยพลังยุทธือันน่าหวาดหวั่นทำให้ทั้งสี่รัฐมารทมิฬต่างก็มิกล้าล้ำเส้น


แม้กระทั่งรัฐเพรียกหิมะ ก็มีเพียงแค่ประมุขรัฐเพรียกหิมะที่ยโสเป็นอย่างยิ่ง ส่วนลูกน้องของเขาโดยทั่วไปแล้วต่างก็ยังไว้หน้าสกุลฝานกันอยู่


สกุลฝานก็คือราชาที่มิได้ครองมงกุฎในอาณาบริเวณของสี่รัฐมารทมิฬ!


ความจริงแล้วมิใช่เพียงแค่สี่รัฐมารทมิฬเท่านั้น อย่างเช่นเก้ารัฐทางตอนเหนือของรัฐโบราณคิมหันตวายุ รวมถึงรัฐประเทศชั้นสองชั้นสามอื่นๆ ในบริเวณรอบๆ ต่างก็เป็นเขตอำนาจของสกุลฝานทั้งสิ้น! โดยเฉพาะ ‘สกุลชาง’ และ ‘สกุลเซี่ย’ อีกสองในสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ ล้วนมิได้แยเสต่อรัฐประเทศภายนอกกันเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงแค่สกุลฝานเท่านั้นที่ค้นหายอดฝีมือจากทั่วทุกหนแห่งแล้วดึงมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตนเอง


ถึงแม้ว่ารัฐโบราณจันทร์บุปผาและรัฐโบราณเสียดฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ ก็อยากจะแทรกซึมเข้าไปในรัฐประเทศจำนวนหนึ่งที่อยู่รอบๆ เช่นเดียวกัน แต่อิทธิพลนั้นก็ยังมิอาจเทียบเคียงกับสกุลฝานได้เลย


“ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด ผ่านวันเวลาไปสักระยะหนึ่ง ฝานเทียนฉ่งก็อาจจะมาหาเจ้าก็เป็นได้” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด “แต่เขาไม่สามารถหาเงื่อนไขให้เจ้าได้มากพอ เขาทำไม่ได้แน่! ถ้าหากเขาเป็นตัวแทนสกุลฝานมาเชิญเจ้าให้ช่วยเหลือ เจ้าก็บอกไปว่า… จะต้องเป็นสถานะ ‘เค่อชิงระดับบน’ และต้องการหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการหลังจากเสร็จธุระแล้ว!”


“สถานะเค่อชิงระดับบน กับหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลั้นหายใจ


ดีร้ายอย่างไรเขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญระดับสูงสุดของรัฐเมฆทักษิณา ก็ล่วงรู้ข้อมูลมากมาย


ผู้แกร่งกล้าของสกุลฝานจากรัฐประเทศภายนอกบริเวณรอบๆ โดยทั่วไปถ้าไม่ถูกดึงดูดตรงเข้าไปสู่แก่นกลาง ก็ต้องเป็นสถานะแขกผู้มาเยือน เค่อชิง และผู้อาวุโสเค่อชิง


แขกผู้มาเยือนคือระดับขั้นต่ำสุด เป็นแขกผู้มาเยือนของสกุลฝาน ก็ต้องทำตามบัญชาของสกุลฝานทั้งหมด


เค่อชิงก็ดีกว่ามาก แต่ข้อผูกมัดก็ยิ่งใหญ่นัก


เค่อชิงระดับบน! เมื่อเทียบกันแล้วก็เป็นอิสระกว่ามากนัก


ผู้แกร่งกล้าที่อยู่ภายนอก สถานะที่สูงส่งที่สุดในสกุลฝานก็คือ ‘ผู้อาวุโสเค่อชิง’ สถานะนี้นี่เอง! พูดถึงระดับของผู้อาวุโสเค่อชิงก็เทียบเท่ากันกับผู้อาวุโสสกุลฝาน เพียงแค่ไม่มีอำนาจอย่างแท้จริงเท่านั้น ดังเช่น ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ ท่านอาจารย์ของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็เป็นผู้อาวุโสเค่อชิงคนหนึ่งของสกุลฝาน! ผู้อาวุโสเค่อชิงก็ยิ่งมีอิสระมากกว่า โดยทั่วไปแล้วก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุระของสกุลฝาน


มีเพียงสกุลฝานมีธุระที่สำคัญอย่างที่สุดจริงๆ เท่านั้น ล้วนต้องเป็น ‘บรรพชนฝาน’ มีคำสั่งลงมาเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ส่งผู้อาวุโสเค่อชิงเข้าร่วมการเคลื่อนไหวได้! ผู้อื่นล้วนไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งโดยตรง


“ท่านอาจารย์ ก่อนหน้านี้สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ส่งมอบบันทึกในฐานข้อมูลให้กับข้า ประมุขรัฐประกายเพลิงและประมุขรัฐวอเฟิงที่เป็นเค่อชิงในสกุลฝาน… ก็เป็นเพียงแค่เค่อชิงระดับบนเท่านั้นกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงประหลาดใจเป็นอย่างมากจึงถ่ายเสียงถามว่า “ขั้นอลวนคนหนึ่งอย่างข้า ถามหาสถานะเค่อชิงระดับบนอย่างนั้นหรือ”


“ฮ่าฮ่า อย่าได้ดูถูกตัวเองเลย! ด้วยพลังยุทธ์ของเจ้า การสำเร็จเป็นเทพจักรวาลนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว! เมื่อใดที่สำเร็จเป็นเทพจักรวาล ทำให้เคล็ดผนึกห้าภาพก้าวหน้าไปอีกขั้น ถึงเวลานั้นพลังยุทธ์ของเจ้าก็จะไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาสองคนเลยแม้แต่น้อย!” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด


ในบรรดาประมุขรัฐของสี่รัฐมารทมิฬ


ประมุขรัฐเมฆทักษิณาและประมุขรัฐเพรียกหิมะเป็นวีรบุรุษเลิศล้ำผู้มีชื่อเสียงสะท้านสะเทือนดินแดนจิตโลกา ต่างก็สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้เป็นอย่างดีเช่นเดิมภายใต้การไล่ล่าสังหารของบุคคลผู้ไร้เทียมทาน


เมื่อเทียบกันแล้วประมุขรัฐประกายเพลิงและประมุขรัฐวอเฟิงก็อ่อนแอกว่าอยู่พอสมควร แต่ก็ยังเหนือชั้นกว่าเทพจักรวาลธรรมดามากมายนัก เพราะว่ารัฐประกายเพลิงอยู่ใกล้ทะเลสาบมารทมิฬเหลือเกิน จึงได้กลายเป็นสวนหลังบ้านของทะเลสาบมารทมิฬไปเสียแล้ว ถูกรุกรานอยู่เป็นประจำ ส่วนรัฐวอเฟิง…ก็ลอบสวามิภักดิ์ต่อรัฐโบราณคิมหันตวายุอย่างลับๆ เหตุผลที่รัฐประเทศชั้นรองสองแห่งนี้เป็นเช่นนี้ก็ยังเป็นเพราะพลังยุทธ์ของประมุขรัฐไม่เพียงพอ


“ข้าสำเร็จเป็นเทพจักรวาล เชื่อว่าคงจะสามารถขอสถานะเค่อชิงระดับบน แต่ตอนนี้ยังมิได้บรรลุเลย แล้วยังมีหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการอีกหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงอับจนคำพูด


หนึ่งหมื่นมหาคุณูปการอย่างนั้นหรือ


ในระบบเค่อชิงของสกุลฝาน หนึ่งหมื่นมหาคุณูปการ สามารถแลกเปลี่ยนเป็นหนึ่งหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาลได้! สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเหล่าผู้แกร่งกล้าล้วนรังเกียจที่จะแลกเปลี่ยนเป็นแก้วผลึกจักรวาล เพื่อแก้วผลึกจักรวาลพวกเขาก็มิอาจสวามิภักดิ์ต่อสกุลฝานได้! บรรดาเค่อชิงเหล่านั้น อาศัย ‘มหาคุณูปการ’ นี้ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นศาสตร์ลับและเคล็ดสืบทอดลับจำนวนหนึ่งในระบบเค่อชิงของสกุลฝานได้ สกุลฝานก็จะหยิบตำราศาสตร์ลับบางส่วนมาดึงดูดบรรดาเค่อชิงเหล่านี้


ถึงแม้ว่าจะไม่เผยแพร่แก่นสำคัญที่สุดออกสู่ภายนอก แต่ส่วนที่เอาออกมาเพียงเล็กน้อยนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าผู้แกร่งกล้าจากรัฐประเทศภายนอกร้องโอดครวญแล้ว! สกุลฝานมีพื้นฐานเช่นไร ส่วนที่หยิบยกออกมาก็เหนือชั้นกว่ารัฐเมฆทักษิณามากมายแล้ว


“โดยทั่วไปย่อมมิได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้พวกเขาจะต้องรับปากแน่” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด “นี่เกี่ยวโยงกับข้อพิพาทภายในสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ รอพวกเขามาเชิญแล้วเจ้ารับปากเสียแล้ว เงื่อนไขของเจ้า เดี๋ยวเจ้าก็จะได้ล่วงรู้ทั้ืงหมดเองแหละ”


“เข้าใจแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด


“เจ้าเพียงแค่จัดแจงเสนอเงื่อนไข พอถึงเวลาก็บอกกล่าวข้าสักคำหนึ่ง ข้าก็จะสรุปเรื่องนี้เอง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด “โอกาสที่จะได้หนึ่งหมื่นมหาคุณูปการมานั้น ต่อให้เจ้าสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้วก็ยากที่จะพบพานอยู่ดี”


ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเห็นด้วย


ต่อให้เป็นเทพจักรวาลคนหนึ่ง จะเก็บรวบรวมสมบัติล้ำค่าได้สักกี่มากน้อยกันเล่า รางวัลที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวครั้งหนึ่งจะสูงได้สักเพียงใดกัน


สกุลฝานให้เทพจักรวาลเคลื่อนไหว โดยทั่วไปก็เพียงแค่ไม่กี่ร้อยมหาคุณูปการเท่านั้น เช่นระดับอย่างประมุขรัฐประกายเพลิงและประมุขรัฐวอเฟิงนี้เข้าร่วมการเคลื่อนไหว โดยทั่วไปก็เพียงแค่ไม่กี่พันมหาคุณูปการเท่านั้นเอง นอกจากนี้โอกาสเช่นนี้ก็มิได้มีบ่อยๆ เรื่องราวโดยทั่วไปก็สามารถจัดการกันได้เองภายในสกุลฝาน ต้องการให้เค่อชิงเหล่านี้ออกหน้า โดยทั่วไปแล้วก็มีอันตรายอยู่บ้าง ยอดฝีมือของตัวเองไม่พอให้ใช้การ


คราวนี้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาให้ตงป๋อเสวี่ยอิงขอสถานะเค่อชิงระดับบน และขอหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการ…ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว


……


ตงป๋อเสวี่ยอิงร่อนลงจากท้องฟ้าเบื้องบน เหยียบย่างกลางอากาศเพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็มาถึงยังจวนของตนภายในเมืองหิมะเหินแล้ว จวนของตนก็อยู่ในระดับเดียวกันกับจวนอ๋อง สมญาของตนในตอนนี้ก็คือ ‘อ๋องหิมะเหิน’


“ท่านอ๋อง”


“ท่านอ๋อง”


เด็กรับใช้และยามรักษาการณ์แต่ละคนเมื่อเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วต่างก็เคารพนบนอบกันเป็นอย่างยิ่ง ในแววตาของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ ถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นบุคคลผู้เป็นตำนานในประวัติศาสตร์รัฐเมฆทักษิณา


“ลูกพ่อ” อิงซานเลี่ยฮู่มาต้อนรับอย่างตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ด้านข้างก็คือหรงซิงหลัน หรงซิงหลันเองก็มองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยรอยยิ้มร่า “เสวี่ยอิง มิได้กลับมาเสียนาน ข้ากับท่านพ่อเจ้าต่างก็ได้ยินได้ฟังเรื่องของเจ้าที่รัฐประกายเพลิงกันมาหมดแล้ว”


“ใช่แล้ว เคล็ดวิชาอันใดกันหรือ ว่ากันว่ากระบวนท่าเดียวของเจ้าก็สามารถจับตัวอ๋องอสนีบาตอะไรนั่นของรัฐกระบี่สวรรค์เอาไว้ได้แล้วอย่างนั้นหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่ถามอย่างตื่นเต้น


ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า


บอกว่ากระบวนท่าเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วเคล็ดผนึกห้าภาพคือเคล็ดวิชาระดับชั้นที่สิบทางสายห้วงอากาศห้าชนิดที่สำแดงการหลอมรวมอันสมบูรณ์แบบออกมาพร้อมกัน ยังสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าค่ายกลรบรวมกันเสียอีก แม้กระทั่งระดับความเร้นลับต่างก็มีผลปิดผนึกตัดขาดห้วงมิติ ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาก็หนีไม่พ้น! อีกทั้งภายใต้การปิดผนึกอันสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งแรงกดดันของห้วงมิติอันเป็นเอกเทศแห่งหนึ่ง พลังคุกคามกดดันนั้น ยอดฝีมือระดับที่สิบโดยทั่วไปต่างก็สามารถถูกบีบให้ตายทั้งเป็นได้เลยทีเดียว


หากกดดันไม่ตาย ก็ต้องถูกคุมขังเอาไว้ภายในลูกแก้วห้าภาพ!


ดังนั้นเมื่อสำเร็จเคล็ดวิชานี้…ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมมีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วดินแดนจิตโลกา นี่ก็คือเหตุผลที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาแน่ใจว่าสกุลฝานน่าจะมาเชื้อเชิญตงป๋อเสวี่ยอิง


“พี่สาว ลองชิมดูสิ นี่คือสุราชั้นเลิศที่ข้านำมาจากรัฐโบราณบรรพชนเลยทีเดียวนะ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงดื่มกินกับบรรดาคนในครอบครัวก่อนเป็นลำดับแรก แล้วก็สนทนาอยู่ครี่งวัน ถึงอย่างไรความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกภายนอกของพวกเขานั้นก็ยังน้อยนิดเหลือเกิน


หลังจากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ประกาศการปลีกวิเวก


“ยามที่ข้าปลีกวิเวก หากไม่มีเรื่องสำคัญก็อย่าได้มารบกวนเป็นอันขาด ถ้าหากสกุลฝานมา เจ้าก็ส่งข่าวบอกข้าแล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่ง


“ขอรับ เจ้านาย” มังกรมารรับคำอย่างเชื่อฟัง ร่างกายใหญ่มหึมาของมัน ขดเลื้อยอยู่ที่ด้านนอกประตูเจดีย์ของเจดีย์เทพอากาศ


ตงป๋อเสวี่ยอิงย่างเท้าเข้าสู่เจดีย์เทพอากาศแล้วเริ่มต้นศึกษา ‘กระดิ่งจิตมาร’


……


กาลเวลาเคลื่อนผ่าน ประมุขรัฐเมฆทักษิณาบอกว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง ในความจริงแล้วฝานเทียนฉ่งมายังเมืองหิมะเหิน ก็หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวกไปสามหมื่นกว่าปีแล้ว


ภายในเจดีย์เทพอากาศ หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวนั่งขัดสมาธิบนก้อนศิลาใหญ่ที่ล่องลอยอยู่  เบื้องหน้ามีกระดิ่งสีทองอันหนึ่งลอยอยู่


“กริ๊งๆ กริ๊งๆ ติ๊ง~~~”


เสียงไพเราะเสนาะหูสะท้อนก้องอยู่ภายในเจดีย์เทพ แฝงไว้ด้วยผลที่ทำให้หลงใหลอย่างน่าหวาดกลัว


“เจ้านาย ฝานเทียนฉ่งมาแล้ว เขาต้องการพบเจ้านายขอรับ”


“ในที่สุดก็มาเสียที”


ตงป๋อเสวี่ยอิงลืมตาแล้วยืดกายลุกขึ้น กระดิ่งสีทองที่ลอยอยู่ตรงหน้าลอยมายังช่วงเอวในทันใด จากนั้นก็เก็บซ่อนตัวหายลับไป


ไม่ว่าจะเป็นกระดิ่งจิตมาร หรือว่าลูกแก้วห้าภาพ ยามปกติที่มิได้ใช้งานก็ย่อมสามารถเก็บซ่อนเอาไว้ในร่างกายได้


“ปึง…”


ประตูเจดีย์เทพเปิดออก


ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินออกจากประตูเจดีย์ไป


ตอนที่ 74 มหาเคารพซือเทียน

Ink Stone_Fantasy

 


ภายในสวนดอกไม้ของจวนอ๋องแห่งหนึ่ง ณ เมืองหิมะเหิน อาหารและสุราชั้นเลิศถูกยกมา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สนทนากับฝานเทียนฉ่งอย่างออกรสออกชาติ


“ที่ข้ามาที่นี่ยังมีเรื่องดีอีกเรื่องหนึ่งจะบอกน้อง” ฝานเทียนฉ่งพูดยิ้มๆ ขณะเดียวกันเขาก็ปรายตามองสาวใช้โฉมงามทั้งกลุ่มซึ่งคอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง


“พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด” จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็กำชับกับคนรอบกาย


“เจ้าค่ะท่านอ๋อง”


สาวใช้โฉมงามกลุ่มนั้นต่างก็รับคำอย่างเชื่อฟัง แล้วก็จากไปจนหมด ภายในสวนดอกไม้เหลือเพียงตงป๋อเสวี่ยอิงและฝานเทียนฉ่งสองคนเท่านั้น


ร่างอ้วนสูงของฝานเทียนฉ่งนั่งยืดตัวตรงขึ้นมาจากนั้นก็ลดเสียงลงแล้วพูดว่า “น้องเสวี่ยอิง สกุลฝานเรามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้น้องเข้าร่วม วางใจเถิด เจ้าเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้การกระทำนี้ก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิต ภารกิจนี้ พวกเราสามารถตอบแทนเจ้าด้วยผลประโยชน์พันล้านแก้วผลึกจักรวาล ฮ่าฮ่าฮ่า…ไม่ใช่แค่ไม่มีอันตราย แต่ยังใช้เวลาไม่มากสักเท่าใดนัก เพียงไม่เกินพันปีเท่านั้น สำหรับน้องแล้ว น่าจะไม่มีปัญหากระมัง”


“อ้อ” ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้ว


หากไม่มีท่านอาจารย์ตักเตือน


เรื่องที่ไม่มีอันตรายต่อชีวิต และใช้เวลาสั้นๆ ทั้งยังให้ผลประโยชน์ถึงพันล้านแก้วผลึกจักรวาล บวกกับที่สกุลฝานให้ตนช่วยเหลือ ตนและฝานเทียนฉ่งจึงมีมิตรภาพมาแต่เดิมแล้ว ตนย่อมมิอาจปฏิเสธได้อย่างแน่นอน


“สามารถบอกข้าให้ละเอียดหน่อยได้หรือไม่ ว่าที่แท้แล้วจะให้ทำวิ่งใดกันแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม


“หากเจ้าไม่เข้าร่วมด้วย ข้าก็ไม่สะดวกพูดหรอก” ฝานเทียนฉ่งหัวเราะฮิฮิ “สำหรับน้องแล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็นับเป็นการขัดเกลาอย่างหนึ่ง ฮ่าฮ่า อันที่จริงข้าก็อยากเข้าร่วมมาก น่าเสียดายที่ในเผ่าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา เจ้าฝึกเคล็ดผนึกห้าภาพได้สำเร็จจึงถูกตระกูลข้าเลือก และเชิญเจ้าให้เข้าร่วม รอเจ้ารับปากแล้ว หลังจากไปถึงรัฐโบราณคิมหันตวายุแล้ว ก็จะได้รู้สถานการณ์โดยละเอียดอย่างรวดเร็ว เจ้าวางใจให้เต็มที่เถิด ข้าไม่มีทางให้เจ้าลงมือกับรัฐเมฆทักษิณา ไม่มีทางให้เจ้าลำบากใจอย่างแน่นอน”


พูดได้งดงามมาก


น่าเสียดายที่ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงต้องปฏิเสธ


“ข้าจะรับปากก็ได้ แต่ข้าต้องขอตั้งเงื่อนไขเสียหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย


“พูดมาเถิด” ฝานเทียนฉ่งหัวเราะฮิฮิ เรื่องนี้เกี่ยวพันใหญ่หลวงนัก เดิมพันที่ทางตระกูลให้เขามาเจรจาก็สูงนัก


“ข้าต้องการกลายเป็น ‘เค่อชิงระดับบน’ ของสกุลฝาน รวมทั้งต้องการหนึ่งหมื่นมหามหาคุณูปการหลังจากเสร็จธุระด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว


ฝานเทียนฉ่งตะลึงงันไป แล้วเบิกตากว้างมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง


อ้าปากกว้างราวกับราชสีห์เลยทีเดียว!


ทำเอาฝานเทียนฉ่งตะลึงงันไปแล้ว


“น้องเสวี่ยอิง เจ้ารู้ว่าสิ่งใดคือเค่อชิงระดับบนกระมัง รู้ว่าหนึ่งหมื่นมหามหาคุณูปการหมายความว่าอะไรกระมัง” ฝานเทียนฉ่งพูดขึ้นอย่างอดมิได้ “ประมุขรัฐประกายเพลิงและประมุขรัฐวอเฟิงก็เป็นเพียงเค่อชิงระดับบนของสกุลฝานเราเท่านั้น! อย่างศิษย์พี่จ้าวทานเผิงของเจ้า ก็เป็นเพียงเค่อชิงเท่านั้น เจ้าพูดว่า ‘เค่อชิงระดับบน’ ใช่หรือไม่ มิได้พูดผิดแน่หรือ”


ระบบเค่อชิงของสกุลฝาน ระดับที่แตกต่างกันก็หมายถึงผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน


เค่อชิงระดับบน มิใช่ว่าใครๆ ก็มีสิทธิ์เป็นได้


“ถูกต้อง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ข้ารู้”


“เป็นไปไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน” ฝานเทียนฉ่งส่ายศีรษะ “ข้าสามารยืนยันกับเจ้าได้เลยว่า ภายในตระกูลของข้าไม่มีทางตกลงข้อเสนอที่เกินเหตุเช่นนี้แน่นอน ข้าเป็นผู้ดูแลเรื่องต่างๆ ของทางรัฐเมฆทักษิณา ในภายหน้าจะต้องมีผู้มาผูกสัมพันธ์มากมาย ข้าจะไม่หลอกเจ้า ข้าสามารถรับปากให้สถานะเค่อชิงและสองพันมหามหาคุณูปการแก่เจ้าได้! นี่คือขีดจำกัดแล้ว”


“เค่อชิงระดับบน หนึ่งหมื่นมหามหาคุณูปการ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย


“เฮ้อ เจ้านี่มันช่าง…” ฝานเทียนฉ่งจนใจ


“พี่เทียนฉ่ง ข้าตั้งเงื่อนไขไปแล้ว ท่านก็ติดต่อกับทางตระกูลเถิด พวกเขาอาจจะรับปากก็เป็นได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ


“ก็ได้ๆๆ” ฝานเทียนฉ่งเห็นเข้าก็ส่ายหน้า “เช่นนั้นข้าก็จะรายงานขึ้นไปแล้วนะ ว่าเจ้าตั้งเงื่อนไขสูงเสียจนเกินเหตุ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเริ่มติดต่อกับประมุขรัฐเมฆทักษิณาอย่างลับๆ


อาจารย์บอกไว้ว่า


หากฝานเทียนฉ่งพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อใด ก็ต้องแจ้งอาจารย์ทันที อาจารย์ก็จะช่วยสานต่อเรื่องนี้เอง


“ท่านอาจารย์ขอรับ ข้าพูดกับฝานเทียนฉ่งไปแล้ว เขาบอกว่าภายในตระกูลไม่มีทางตกลงเด็ดขาด” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งสาร


“ดี ในเมื่อยื่นเงื่อนไขนี้แล้ว ต่อไปก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า เจ้าเข้าถึงสมบัติลับเขตลวงโลกเทียมแล้วสามารถสำแดงอานุภาพระดับชั้นที่สิบออกมาได้หรือยังเล่า” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาไต่ถาม


“เข้าถึงแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด


สิ่งที่เขาคิดค้นมาแต่เดิมก็คือโลกเขตลวง


ดังนั้นกระบวนท่าทั้งสองภายในกระดิ่งจิตมาร เขาย่อมผลักดันกระบวนท่าโลกาจนไปถึงระดับชั้นที่สิบแล้ว ส่วนทางสาย ‘หลงใหล’ นั้น แม้เขาจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานทางด้านเขตลวงโลกเทียม ที่ผ่านมาระหว่างบำเพ็ญก็ได้รับรู้อะไรบ้าง บัดนี้ค้นคว้ามาชั่วระยะหนึ่ง ก็ได้รับรู้กระบวนท่าระดับชั้นที่แปด เมื่อสำแดงผ่านกระดิ่งจิตมาร ก็ถึงเพียงแค่ระดับชั้นที่เก้าเท่านั้น


“ดี ข้าถึงก็ดีแล้ว หากเจ้ามิได้เข้าถึง ข้าก็ต้องปรับเอาสมบัติล้ำค่าด้านกาลเวลามาใช้ ให้เจ้าเข้าถึงได้เร็วที่สุดน่ะ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณารู้สึกยินดี “เจ้าวางใจเถิด เจ้าเข้าถึงกระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่สิบ สกุลฝานของเขาจะต้องรับปากอย่างแน่นอน”


……


ฝานเทียนฉ่งกำลังรายงานขึ้นไปยัง ‘มหาเคารพซือเทียน’ อาจารย์ของเขา


มหาเคารพซือเทียนมีสถานะสูงส่งอย่างยิ่งภายในสกุลฝาน เป็นผู้เคารพไม่กี่ท่านที่เป็นรองเพียงบรรพชนฝานเท่านั้น อย่างในตอนนั้นเขาก็ได้แปลงยอดฝีมือใต้บังคับบัญชาเก้าสิบเก้าคนให้กลายเป็นเทพมารร้อยสงคราม! ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังของตนเอง ด้านการหลอมแปรบ่าวมาร หรือว่าด้านการอบรมผู้ใต้บังคับบัญชาเขาก็ล้วนแต่เชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง เช่นขั้นอลวนธรรมดาสามัญคนหนึ่งจะยกระดับขึ้นไปจนถึงชั้นที่สิบ เทพจักรวาลที่แข็งแกร่งคนอื่นๆ ทำมิได้ แต่เขาทำได้! เทพมารร้อยสงครามก็เป็นตัวอย่าง!


ดังนั้นภายในสกุลฝาน เขาจึงมีอำนาจและอิทธิพลเป็นอย่างมาก


“มหาเคารพซือเทียน”


“ฮ่าฮ่า พี่เมฆทักษิณา”


ความคิดสองสายปะทะกันอยู่ห่างๆ ผ่านระยะทางไกลลิบอันไร้ที่สิ้นสุด


ต่อให้อยู่ภายใต้แรงกดดันของผู้แกร่งกล้าที่ไร้ศัตรู พวกเขาทั้งสองก็ยังคงเป็นระดับผู้ทรงอิทธิพลที่ไร้เทียมทานของดินแดนจิตโลกาอยู่นั่นเอง เนื่องจากประมุขรัฐเมฆทักษิณาเป็นผู้แกร่งกล้าระดับสุดยอดที่อยู่ทางสายอากาศ พลังแข็งแกร่งก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่ง ก็คือเขามีร่างแยกมากมายน การรักษาชีวิตเลิศล้ำ ร่างแยกบางร่างของเขายังสำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ออกมาเพื่อไปยังโลกกำเนิดแห่งอื่น! ดังนั้นจึงมิอาจสังหารเขาให้ถึงตายได้ และนี่ก็คือสาเหตุที่เขาสามารถนำผลประโยชน์ของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มาอยู่ในมือได้แทบจะทั้งหมด ส่วนประมุขรัฐกระบี่สวรรค์นั้นถูกรัฐโบราณคิมหันตวายุและรัฐโบราณสหโลกากดดัน


“พวกเจ้าสกุลฝานจะทำศึกกับสกุลเซี่ยและสกุลชางสักตั้งหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด “เท่าที่ข้ารู้ พวกเจ้าแพ้มาห้าครั้งรวดแล้วมิใช่หรือไร หากพ่ายแพ้อีกก็จะเป็นครั้งที่หกแล้ว! ในประวัติศาสตร์ของพวกท่านสกุลฝานคงไม่เคยแพ้รวดเดียวมากถึงเพียงนี้”


“ทำไมรึ เพราะเรื่องนี้ เจ้าคิดว่าศิษย์ของเจ้าก็จะสามารถร้องขอผลประโยชน์สูงลิ่วเช่นนี้ได้อย่างนั้นหรืออ” เสียงของมหาเคารพซือเทียนส่งทะลุผ่านห้วงความคิด “ข้าเข้าใจความคิดของเจ้าดีมาก คิดจะพยายามสั่งสมมหามหาคุณูปการให้ได้มากๆ ให้ในภายหน้าศิษย์ของเจ้าสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเคล็ดสืบทอดลับและสมบัติล้ำค่าอันแข็งแกร่งภายในสกุลฝานของเราให้ได้มากๆ ที่ข้าพูดน่ะถูกหรือไม่”


“ถูกต้องๆๆ”


ประมุขรัฐเมฆทักษิณาหัวเราะฮิฮิ “ข้าเชื่อว่าพวกท่านจะยอมรับปาก”


“ผิดแล้วล่ะ เฮอะ ยอดฝีมือขั้นอลวนระดับชั้นที่สิบภายในสกุลฝานนั้นมีมากมายนัก ในจำนวนนั้นก็มีหลายคนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ดังเช่นบางคนที่เชี่ยวชาญในเส้นทางอื่นๆ ข้าก็สามารช่วยพวกเขาให้สร้าง ‘ร่างมารประหัตศึก’ ขึ้นมา ทำให้พลังของพวกเขาเพิ่มทวีขึ้นได้  นอกจากนี้ที่รัฐภายนอกทั้งหลาย ก็มีอยู่หลายคนที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก หากอบรมให้เข้มข้นหน่อยก็คงจะมิได้ด้อยกว่ามากสักเท่าใดนัก” มหาเคารพซือเทียนกล่าว


“ฮ่าฮ่า ข้าลืมบอกท่านไปว่า เสวี่ยอิงเขาได้สมบัติลับเขตลวงโลกเทียมมา บัดนี้สามารถสำแดงกระบวนท่าเขตลวงระดับชั้นที่สิบออกมาได้แล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด


มหาเคารพซือเทียนสะดุ้งเฮือก


ความคิดของเขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง


กระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมหรือ ระดับชั้นที่สิบหรือ นั่นเป็นการพุ่งเป้าไปที่วิญญาณ ไม่ต้องสนใจว่าสมบัติลับจะสำแดงพลังออกมาได้แข็งแกร่งสักเท่าใด ถึงอย่างไรผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนก็เป็นแค่ขั้นอลวนอยู่วันยังค่ำ หากไร้ซึ่งสมบัติลับ พวกเขาก็สำแดงพลังออกมาได้เพียงระดับชั้นที่เก้าเท่านั้น เมื่อเผชิญกับสมบัติลับเขตลวงซึ่งมีกระบวนท่าระดับชั้นที่สิบอันพุ่งเป้าไปที่วิญญาณโดยตรง…ก็แทบจะเป็นการกวาดล้างแล้ว! นอกเสียจากบางคนที่ตนเองมีผลสำเร็จทางด้านวิญญาณแข็งแกร่งอย่างยิ่งอยู่แล้ว จึงมีหวังจะต้านทานได้


แต่ทว่า!


หากแค่กระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมชั้นที่สิบเพียงอย่างเดียว ก็พูดได้เพียงว่าตงป๋อเสวี่ยอิงแทบจะไร้ศัตรูในขั้นอลวนแล้ว!


เช่นนั้น เมื่อรวมเข้าด้วยกันกับ ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ซึ่งแข็งแกร่งทางด้านการต่อสู้ซึ่งหน้าชนิดหาใดเทียบได้แล้ว ก็จะไร้ศัตรูอย่างแท้จริง!


บางทีในประวัติศาสตร์ อาจจะมีขั้นอลวนที่ร้ายกาจอย่างยิ่งสามารถเทียบกับตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ได้ แต่ผู้ที่เก่งกาจไร้เทียมทานเช่นนี้ ก็สำเร็จเป็นเทพจักรวาลไปนานแล้ว! ต่อให้เป็นตงป๋อเสวี่ยอิง วันคืนที่จะสำเร็จเป็นเทพจักรวาลก็มิได้ไกลออกไปสักเท่าใดแล้ว…และในตอนนี้ ขั้นอลวนที่มิได้สำเร็จเป็นเทพจักรวาล ในสายตาของมหาเคารพซือเทียน เกรงว่าก็คงยากที่จะหาคู่ต่อสู้ได้แล้ว


“เพียงคนเดียวก็สามารถเอาชนะได้แน่” มหาเคารพซือเทียนหัวใจหวั่นไหวขึ้นมาแล้วจริงๆ “อิงซานเสวี่ยอิงตัวดี ฝึกฝน ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ซึ่งแทบจะไร้ศัตรูในขั้นอลวนก็แล้วไปเถิด ทั้งยังเข้าถึงกระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่สิบซึ่งแทบจะไร้ศัตรูเช่นเดียวกัน พรสวรรค์การรับรู้เช่นนี้ จะต้องสำเร็จเป็นเทพจักรวาลในภายภาคหน้าได้อย่างแน่นอน เมื่อสำเร็จและสั่งสมทรัพยากร พลังก็จะไม่แพ้พวกประมุขรัฐประกายเพลิงเลย อื้ม จะมอบสถานะเค่อชิงระดับบนให้ก่อนล่วงหน้าก็ไม่เป็นไรหรอก! ในเมื่อสามารถเอาชนะได้แน่นอน จะทุ่มเทหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการให้เขา ก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน”


หนึ่งหมื่นมหาคุณูปการ สำหรับสกุลฝานนั้นก็มิได้ใส่ใจเลยจริงๆ


แม้ตระกูลจะใหญ่ การค้าจะใหญ่โตเพียงใดก็มิอาจสิ้นเปลืองได้ ภายในหมู่พวกเขาก็ต้องผ่านการตัดสินมามากมาย ว่าจะ ‘คุ้มค่าหรือไม่’


เห็นได้ชัดว่าอิงซานเสวี่ยอิงที่เข้าถึงเพียงแค่เคล็ดผนึกห้าภาพนั้นไม่คุ้มค่า แต่ตอนนี้คุ้มแล้ว!


“พี่เมฆทักษิณา ที่แท้แล้วท่านยังเก็บความลับนี้เอาไว้ เอาล่ะ เรื่องนี้ข้าอนุญาตแล้ว” มหาเคารพซือเทียนกล่าว บัดนี้ภายในสกุลฝานมีมหาเคารพซือเทียนเป็นผู้ดูแลจัดการหลักชั่วคราว เพราะพลังแข็งแกร่งก็มิได้แปลว่าการดูแลตระกูลจะทำได้ดีด้วย ในบรรดามหาเคารพ มหาเคารพซือเทียนเชี่ยวชาญในด้านการบัญชาการผู้ใต้บังคับบัญชาและจัดการเรื่องต่างๆ อย่างแท้จริง


……


ในสวนดอกไม้ของจวนอ๋องแห่งเมืองหิมะเหิน


ฝานเทียนฉ่งกินไปพลาง พูดคุยกับตงป๋อเสวี่ยอิงไปพลาง


“น้องเสวี่ยอิง พวกเราก็เป็นพี่น้องกัน ข้าขอเตือนเจ้า ว่าประมาณนี้ก็พอแล้ว ด้วยนิสัยของสกุลฝาน หากเจ้าร้องขอมากเข้า หากโมโหขึ้นมาก็จะพาลทำลายข้อตกลงที่ให้ข้าก่อนหน้านี้ไปด้วย แล้วก็หันไปเชิญยอดฝีมือคนอื่นแทน ยอดฝีมือที่เหมาะสมในดินแดนจิตโลกาแห่งนี้ก็พอจะมีอยู่บ้าง”ฝานเทียนฉ่งเกลี้ยกล่อม ทันใดนั้นสีหน้าก็ตะลึงลานขึ้นมา


เขาได้รับสารที่ส่งมาจากอาจารย์ “ตอบตกลงเขาได้เลย แล้วพาเขาไปยังนครหลวงเถิด”


ฝานเทียนฉ่งมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงตรงหน้าด้วยความตกตะลึง


“เป็นอะไรไปน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด


“ตอบตกลงแล้วหรือนี่” ฝานเทียนฉ่งมองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความตกตะลึงเหลือแสน “ตกลงได้อย่างไรกัน”


ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มออกมา


“เจ้ากล้าเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ เบื้องหลังคงจะมีประมุขรัฐเมฆทักษิณาช่วยวางแผนใช่หรือไม่” ฝานเทียนฉ่งยืดกายขึ้น “ข้าไม่สนใจหรอกว่าประมุขรัฐเมฆทักษิณากับท่านอาจารย์ของข้าตกลงอะไรกันไว้ ในเมื่อพวกเขารับปากแล้ว ข้าก็จะพาเจ้าไปยังนครหลวงคิมหันตวายุของข้า หากไม่มีเรื่องอันใดแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเลยดีหรือไม่”


“ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ออกเดินทางกันเถิด”


ตอนที่ 75 นครหลวงคิมหันตวายุ

Ink Stone_Fantasy

 


ณ ประตูเมืองอันสูงตระหง่านของนครหลวงคิมหันตวายุ


เกี้ยวอันหรูหราคันหนึ่งบินตรงเข้าไปยังประตูเมือง สัญลักษณ์ ‘ฝาน’ บนเกี้ยวแสดงให้เห็นถึงสถานะของเจ้าของเกี้ยวอย่างชัดเจน ในนครหลวงคิมหันตวายุ ยังไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินสกุลฝาน ทหารองครักษ์ที่หน้าประตูเมืองก็มิกล้าขัดขวาง ปล่อยให้เกี้ยวอันหรูหราทะยานเข้าไปอย่างองอาจ


บนเกี้ยวมีสาวใช้และองครักษ์กลุ่มหนึ่งห้อมล้อมอยู่ทุกทิศทุกทาง ตงป๋อเสวี่ยอิงและฝานเทียนฉ่งนั่งอยู่บนนั้น


“แม้ดินแดนจิตโลกาจะมีเมืองจำนวนน้อยนิดที่สามารถเทียบเคียงกับนครหลวงคิมหันตวายุของเราได้ แต่หากพูดถึงความใหญ่โตของตัวเมืองแล้ว นครหลวงคิมหันตวายุกลับนับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของดินแดนจิตโลกาแล้ว!” เห็นได้ชัดว่าฝานเทียนฉ่งพรรณนาเช่นนั้นด้วยความภาคภูมิใจในรัฐโบราณคิมหันตวายุเป็นอันมาก ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตั้งใจฟัง


หากพูดถึงความใหญ่โตของตัวเมืองแล้ว นครหลวงคิมหันตวายุก็เป็นอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง


จากข้อมูลที่ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้ในตอนนี้ เนื่องจากห้าบรรพชนแห่งรัฐโบราณสหโลกาที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าอยู่ขุมหนึ่งได้กลับชาติมาจุติ ณ ดินแดนจิตโลกา มิใช่สิ่งมีชีวิตของดินแดนจิตโลกามาแต่เดิม เพราะมาจากคนละโลกกำเนิด แม้จะรวมกลุ่มและสร้างเป็นรัฐโบราณสหโลกาขึ้นมา แต่ความสัมพันธ์ภายในของพวกเขาก็มิได้แน่นแฟ้นสักเท่าใดนัก


แม้แต่ตัวเมืองก็มีเมืองบรรพชนถึงห้าแห่งด้วยกัน


“ดูถนนที่รุ่งเรืองแห่งนั้นสิ เต็มไปด้วยสถานที่เสพสุข” ฝานเทียนฉ่งชี้ไปยังบริเวณหนึ่งไกลออกไป สิ่งก่อสร้างบริเวณนั้นล้วนดูแปลกใหม่ มีแสงสีสวยงามโดดเด่นสะดุดตาเป็นอย่างมาก แม้จะมองดูอยู่ไกลๆ ก็ยังถูกทำให้ลุ่มหลงไปได้


เกี้ยววทะยานไปเหนือฟากฟ้าของนครหลวงคิมหันตวายุ ดูเหมือนจะเชื่องข้า แต่อันที่จริงหลังจากแนะนำที่แห่งหนึ่งแล้ว ไม่นานนักก็เคลื่อนที่ในพริบตามุ่งหน้าต่อไป


เมื่อแนะนำไปทีละแห่งๆ…


ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกชื่นชม ไม่เสียทีที่เป็นนครหลวงคิมหันตวายุ ช่างเต็มไปด้วยความน่าแปลกใจจริงๆ! แม้แต่การซื้อขายทาสของที่นี่ยังตั้งเป็นชุมชนใหญ่ขึ้นมา


“รัฐโบราณคิมหันตวายุของเรามีกฎหมายเข้มงวด โดยทั่วไปนั้นห้ามการเข่นฆ่าอย่างเด็ดขาด อ๋องและโหวของรัฐภายนอกเมื่อมาถึงที่นี่ก็ล้วนแต่ต้องทำตามกฎระเบียบ ต่อให้เป็นเทพจักรวาล…ก็ไม่กล้าเหิมเกริม แน่นอนว่าด้วยสถานะของเจ้าและข้าก็จะแตกต่างออกไปแล้ว เจ้าเป็นเค่อชิงระดับบนของสกุลฝานเรา! สูงศักดิ์กว่าเทพจักรวาลของรัฐภายนอกเสียอีก อย่างน้อยในรัฐโบราณคิมหันตวายุ สถานะเค่อชิงระดับบนของสกุลฝานนั้นไม่ธรรมดาเลย ตั้งแต่ขั้นอลวนลงมา จะสังหารสักหลายคนก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าจะให้ดีที่สุดก็ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวเสียหน่อย อย่าได้สังหารพวกคนที่มีเบื้องหลังและความเป็นมาใหญ่โต มิเช่นนั้นสุดท้ายแล้วก็จะต้องยุ่งยากอยู่บ้างเล็กน้อย” ฝานเทียนฉ่งกล่าว


“อื้ม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ผู้มาจากรัฐภายนอกเช่นเขา เมื่ออยู่ในนครหลวงคิมหันตวายุก็ถ่อมเนื้อถ่อมตัวหน่อยจะดีกว่า แน่นอนว่าด้วยนิสัยของเขา เมื่ออยู่ในรัฐเมฆทักษิณาก็ไม่ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่นอยู่แล้ว จะมีก็แต่ถ้าใครยั่วยุเขา หรือเห็นพวกมารร้าน เขาจึงจะอดลงมือมิได้


ด้วยอำนาจของสกุลฝาน เรื่องโดยทั่วไปล้วนช่วยเขาจัดการได้


“แม้จะห้ามการเข่นฆ่า แต่หากซื้อทาสมาแล้วสังหารเขาก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดแต่อย่างใด” ฝานเทียนฉ่งเอ่ย “บางคนอยากจะวิเคราะห์ร่างกาย ไปจนถึงแก้ไขกายหยาบก็จะซื้อทาสมาชุดใหญ่ โดยทั่วไปทาสก็เป็นพวกมารร้ายที่จับมา หรือทำความผิดมหันต์ หรือเป็นผู้บำเพ็ญจากรัฐภายนอกซึ่งทำสงครามแล้วถูกจับมาเป็นจำนวนมาก”


……


บนถนนสายหนึ่งในนครหลวงคิมหันตวายุ


ผู้บำเพ็ญสองคนเดินเคียงข้างกันพลางสนทนากัน ในจำนวนนั้น คนหนึ่งก็คือปาถัวเฉินที่ตงป๋อเสวี่ยอิงช่วยเหลือมาจากรัฐถูฮวา


“ศิษย์พี่ใหญ่นั้นดีที่สุดเลย ขอเพียงเจ้าเอาใจศิษย์พี่ใหญ่จนเบิกบานใจแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ย่อมชี้แนะสุราชั้นเลิศ ‘บ้านหกวายุ’ ให้เจ้าอย่างดีแน่นอน” ชายหนุ่มร่างผอมเล็กด้านข้างกลั้วหัวเราะ


ปาถัวเฉินพยักหน้า “อื้ม”


บัดนี้เขาคารวะเข้าอยู่ในสำนักแห่งหนึ่งภายในนครหลวงคิมหันตวายุ ซึ่งเป็นสำนักเล็กๆ ของนครหลวงคิมหันตวายุ ทว่าสามารถตั้งสำนักขึ้นมาในนครหลวงได้ เจ้าสำนักก็เป็นยอดฝีมือระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบคนหนึ่ง ว่ากันว่ายังเป็นคนของ ‘สกุลชาง’ อีกด้วย! ใต้บังคับบัญชาของเจ้าสำนักมีศิษย์อยู่กลุ่มหนึ่ง ในบรรดาศิษย์ถ่ายทอดเองมีเพียงศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้นที่บรรลุถึงขั้นอลวนชั้นที่เก้า โดยทั่วไปศิษย์พี่ใหญ่ล้วนเป็นผู้ชี้แนะศิษย์แทนทั้งสิ้น


“ตอนนี้ข้าเป็นเพียงศิษย์นอกสำนักคนหนึ่งเท่านั้น เอาใจศิษย์พี่ใหญ่และบำเพ็ญให้ดีๆ รอให้พลังแข็งแกร่งแล้ว สะสมสมบัติล้ำค่าได้มากหน่อยแล้ว ก็สามารถคารวะเข้าอยู่ในสำนักที่เก่งกาจกว่าได้” ปาถัวเฉินลอบวางแผน “ต้องมีสักวันที่ข้าจะได้หวนคืนสู่รัฐถูฮวาอีกครั้งและแก้แค้นให้ตระกูลปาถัวของข้า!”


ส่วนตอนนี้น่ะหรือ


ขยันหมั่นเพียร ถ่อมเนื้อถ่อมตัวบำเพ็ญไปก่อนก็แล้วกัน ในนครหลวงคิมหันตวายุ พลังระดับเขานั้นไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย


“เอ๊ะ” ทันใดนั้นปาถัวเฉินก็เงยหน้ามองกลางฟากฟ้าด้วยความตกตะลึง เขามองเห็นเกี้ยวอันหรูหรากลางฟากฟ้าซึ่งมีสัตว์เพลิงโลกันตร์กรงเล็บทองถึงแปดตัวคอยลากอยู่ เกี้ยวนั้นดูโอ่อ่าเหิมเกริมยิ่งนัก เปลวเพลิงที่แผ่ออกมาก็ปกคลุมบริเวณนับพันลี้ และทิ้งเงารางเอาไว้กลางอากาศ และบนเกี้ยวนั้นมีคนนั่งอยู่สองคน คนหนึ่งคือบุรุษร่างสูงอ้วนท้วน กลิ่นอายองอาจ เหิมเกริมกว่า ‘บรรพชนสกุลหยาง’ ศัตรูของตนเสียอีก ส่วนอีกคนหนึ่งคือชายหนุ่มอาภรณ์ขาวคนหนึ่ง


“ผู้มีพระคุณนี่” ปาถัวเฉินมองอย่างตกตะลึง เขาจำได้แล้ว ชายหนุ่มอาภรณ์ผู้นั้นก็คือ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเขานั่นเอง


ชายหนุ่มร่างผอมเล็กด้านข้างก็เงยหน้ามองตามเขาไปด้วย ทันทีที่เห็นเกี้ยวนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นอักษร ‘ฝาน’ เขาก็หวาดผวาเสียจนต้องรีบก้มหน้าลง แล้วก็ลากปาถัวเฉินไปด้วย จากนั้นก็ถ่ายเสียงตะคอกว่า “เจ้ากำลังรนหาที่ตายรึ นั่นมันเกี้ยวที่มีแต่ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของสกุลฝานเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์โดยสารได้ เจ้าจ้องมองเช่นนั้น หากไม่ระวังขึ้นมาไปยั่วโมโหเข้าแล้ว ก็จะฆ่าเจ้าได้ง่ายๆ ราวกับบี้แมลงเลยทีเดียว”


“อ้อ” ปาถัวเฉินก็รีบก้มหน้าทันที


เขาก็รู้ว่าการจ้องมองผู้แกร่งกล้าระดับยอดโดยตรงนั้นเสียมารยาทเป็นอย่างมาก หากพบมารร้ายซึ่งเน้นการเข่นฆ่าแล้ว เกรงว่าคงจะลงมือสังหารทันที


สังหารผู้ที่อ่อนแอกว่า เพียงชั่วความคิดเดียวก็ใช้ได้แล้ว


“นั่นคือฝานเทียนฉ่ง เป็นผู้มีพรสวรรค์ของสกุลฝาน สกุลฝานให้ความสำคัญกับเขาเป็นอย่างมาก” ชายหนุ่มร่างผอมเล็กอยู่ในนครหลวงคิมหันตวายุมานานแสนนานจึงย่อมจำได้ และก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองมากนัก เขาถ่ายเสียงพูดว่า “พรสวรรค์ของเขาสูงส่งยิ่งนัก ได้ยินว่าถูกส่งไปสนับสนุนทางประมุขรัฐเมฆทักษิณานั่นแล้ว ได้รับความสำคัญมากกว่าเจ้าสำนักที่อยู่ในสกุลชางเสียอีก ส่วนชายหนุ่มอาภรณ์ขาวด้านข้าง แม้แต่ฝานเทียนฉ่งก็ยังกระตือรือร้นถึงเพียงนั้น สถานะและพลังคงไม่แพ้ฝานเทียนฉ่งเลย ยอดฝีมือระดับนี้ของสกุลฝาน สามารถเหิมเกริมไปทั่วนครหลวงคิมหันตวายุได้เลยทีเดียว! ต่อให้เป็นเทพจักรวาลของรัฐอื่นๆ เมื่ออยู่ในรัฐโบราณคิมหันตวายุก็ไม่กล้าหาเรื่องตระกูลใหญ่ทั้งสามเลย”


ปาถัวเฉินพยักหน้า


“รีบไปเถิด ตรงนี้ห่างจากที่ของเรามากเกินไปแล้ว” ชายหนุ่มร่างผอมเล็กเร่งเร้า


……


ณ นครหลวงคิมหันตวายุ


มีคีรีมารซึ่งกินพื้นที่กว้างขวางอย่างยิ่งอยู่แห่งหนึ่ง เทือกเขาทอดยาวต่อเนื่องกัน ขอบเขตนั้นกว้างใหญ่จนเทียบได้กับทั้งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา ทว่าในนครหลวงคิมหันตวายุ…ก็เป็นเพียงแค่มุมเล็กๆ มุมหนึ่งเท่านั้น


ที่นี่ก็คือสถานที่ตั้งของสกุลฝานในนครหลวง


“ฟิ้ว” “ฟิ้ว”


กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากคีรีมารสกุลฝานกลับเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง


ตงป๋อเสวี่ยอิงและฝานเทียนฉ่งลงจากเกี้ยวมาก่อนแล้ว ทั้งสองคนทะยานเข้าไปเคียงข้างกัน หลังร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงมีบ่าวรับใช้มังกรมารติดตามอยู่


“ยอดฝีมือมากมายดุจเมฆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสรับรู้ได้รางๆ หลายบริเวณท่ามกลางเทือกเขาที่ทอดยาวต่อเนื่องกันแห่งแล้วแห่งเล่ามีกลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นแผ่กำจายออกมา หลายบริเวณมีเปลวเพลิงอันน่าหวาดหวั่นม้วนตัวอยู่ หลายบริเวณมีทะเลสาบอันล้ำลึกม้วนตัวอยู่


“ข้าจะพาเจ้าไปยังที่พำนักก่อน อย่าเพิ่งเดินสะเปะสะปะไปไหนล่ะ มีบางบริเวณเป็นสถานที่ต้องห้าม ในฐานะที่เจ้าเป็นเค่อชิงระดับบน อีกไม่นานก็จะมีสิ่งของจำนวนหนึ่งมาส่งให้ เจ้าก็รู้กฎของคีรีมารสกุลฝานแห่งนี้แล้วนะ” ฝานเทียนฉ่งเอ่ย “สถานที่พำนักของเจ้าในครั้งนี้ จะอยู่กับอีกสี่ท่านไปชั่วคราวก่อน พวกเขาก็เข้าร่วมการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน”


พูดยังไม่ทันขาดคำ


ฝานเทียนฉ่งก็พาตงป๋อเสวี่ยอิงร่อนลงไปยังเทือกเขาแห่งหนึ่ง บ่าวรับใช้มังกรมารก็ติดตามไปแต่โดยดี บนภูเขามีเรือนอันวิจิตรจำนวนหนึ่งเรียงรายกันอยู่


“เทียนฉ่ง นี่คือคนที่ชื่ออิงซานเสวี่ยอิงนั่นหรือ” บุรุษสามคนยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก กลิ่นอายของแต่ละคนแตกต่างกันไป บ้างก็คมกริบดุจมีด บ้างก็หนักแน่นเก็บงำไว้ภายใน และก็มีที่พิสดารยากเกินคาดเดา บุรุษเกราะขาวราวหิมะผู้มีกลิ่นอายคมกริบดุจมีดผู้นั้น นัยน์ตาทั้งคู่ฉายแววอาฆาตอันคมกริบ เขามองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง ก็ราวกับมีทะเลโลหิตสูงเทียมฟ้าปกคลุมมาทางตงป๋อเสวี่ยอิง


ในฐานะยอดฝีมือตัวฉกาจด้านเขตลวงโลกเทียม ตงป๋อเสวี่ยอิงจะไปสนใจแรงกระทบเพียงเท่านี้ได้อย่างไรกัน


ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับล่วงรู้สถานะของผู้ท้าทายคนนี้แล้ว


‘ฝานเทียนอวิ๋น’ แห่งสกุลฝาน มีสถานะเป็นพี่น้องแท้ๆ กับฝานเทียนฉ่ง ทว่าพรสวรรค์สูงกว่ามากทีเดียว เขาเคยเข้าร่วมการเข่นฆ่าของทะเลสาบมารทมิฬเขาเคยต่อสู้กับเทพจักรวาลสองคนเพียงลำพัง จากนั้นก็จากไปอย่างสง่างาม


“เฮอะๆ ห้าคนที่สกุลฝานของเราเลือกมาในครั้งนี้ มีถึงสองคนที่เป็นผู้มาจากภายนอก! และกีดกันข้าเอาไว้ภายนอกเสียนี่” บุรุษเกราะขาวราวหิมะผู้นั้น ริมฝีปากภายใต้จมูกงุ้มดุจอินทรีกระดกขึ้นมาเล็กน้อย เขาพูดเย้ยหยันว่า “ดูท่าแล้ว คงจะธรรมดาๆ กระมัง”


“พี่ใหญ่ นี่ท่านอาจารย์เป็นผู้เลือกมานะ” ฝานเทียนฉ่งพูดพลางยิ้มขมขื่น


“เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าและคนของเผ่าทุ่งน้ำแข็งนั่น พวกเจ้าแค่สองคนคิดอยากจะเป็นตัวแทนของสกุลฝานเราอย่างนั้นหรือ เฮอะๆ ไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้นหรอก” บุรุษเกราะขาวราวหิมะ ‘ฝานเทียนอวิ๋น’ พูดพลางยิ้มเย็นชา เขาไม่ยอมหรอก หากเอาชนะอิงซานเสวี่ยอิงหรือผู้มาจากภายนอกอีกคนหนึ่งได้แค่คนเดียว เขาก็กล้าที่จะไปโวยวายกับทางตระกูลสักตั้ง เพื่อขอไปร่วมศึก


หากไม่เอาชนะ เขาก็ไม่กล้าไปโวยวาย


“วางใจเถิด ข้าจะไม่ทำลายกฎแน่” บุรุษเกราะขาวราวหิมะฝานเทียนอวิ๋นพูดพลางหัวเราะฮิฮิ “พวกเราไปกันเถิด”


“อาศัยแค่เจ้าก็จะมาเป็นตัวแทนสกุลฝานอย่างนั้นรึ” ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนสกุลฝานอีกสองคนที่อยู่ข้างกายฝานเทียนอวิ๋นก็หัวเราะเยาะเช่นกัน พวกเขาได้รับการอบรมอย่างดีที่สุด ล้วนแต่เป็นศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของสกุลฝาน จึงออกจะดูแคลนรัฐภายนอกอยู่บ้าง แม้จะล่วงรู้ ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ จนพวกเขาทั้งสองไม่กล้าเป็นอริด้วย แต่สำหรับฝานเทียนอวิ๋นแล้วก็ยังมั่นใจอยู่บ้าง


เคล็ดผนึกห้าภาพมีชื่อเสียงโด่งดัง! แต่ในประวัติศาสตร์ ผู้ที่สามารถฝึกสำเร็จได้ตั้งแต่ยังเป็นขั้นอลวน ก็มีเพียงคนของรัฐโบราณเสียดฟ้าผู้นั้นเพียงคนเดียวเท่านั้น


ที่แท้แล้วแข็งแกร่งเพียงใด ต้องสู้กันเสียก่อนจึงจะรู้ได้!


“พี่ใหญ่ของข้า จัดเป็นห้าอันดับแรกของศิษย์หัวแก้วหัวแหวนแห่งสกุลฝาน แต่ครั้งนี้ผู้ที่ถูกสกุลฝานเลือกทั้งห้าคน มีสองคนที่มาจากภายนอก พี่ใหญ่ข้าถูกเขี่ยทิ้งไปแล้ว สำหรับเจ้าและผู้มาจากภายนอกอีกคนหนึ่ง ภายในสกุลฝานคงมีผู้ที่ไม่ยินยอมจำนวนไม่น้อย” ฝานเทียนฉ่งถ่ายเสียงพูด


ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เอ่ยอะไร


ไม่ยินยอมหรือ


เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงต้องยอม โลกของผู้บำเพ็ญ ทุกสิ่งล้วนพูดกันด้วยพลังทั้งนั้น!


ตอนที่ 76 การล่อลวงของสกุลฝาน

Ink Stone_Fantasy

“น้องเสวี่ยอิง เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ไปชั่วคราวก่อน อย่าได้เดินสะเปะสะปะไปไหนเป็นอันขาด หลายบริเวณของคีรีมารสกุลฝานแห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้าม! แม้แต่สกุลเซี่ยและสกุลชางก็มีผู้แกร่งกล้าอันน่าหวาดหวั่นมาบำเพ็ญที่คีรีมารสกุลฝานนี่… หากเจ้าบุกรุกสถานที่ต้องห้ามตามอำเภอใจก็อาจจะถูกลูกหลงค่ายกลของสถานที่ต้องห้ามสั่งหารเอาได้” ฝานเทียนฉ่งเตือน “อีกประเดี๋ยวจะมีป้ายสถานะของเค่อชิงระดับบนมาส่งให้ เจ้าก็รู้ว่าสถานที่แห่งใดในคีรีมารสกุลฝานสามารถไปได้ บริเวณใดไม่สามารถไปได้แล้ว”


“พี่เทียนฉ่ง วางใจเถิด ข้าจะไม่เดินสะเปะสะปะไปไหนแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า


ไม่นานนักฝานเทียนฉ่งก็จากไป


ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ในลานพลางทอดสายตามองไปยังเทือกเขาที่ทอดยาวต่อเนื่องกันไกลออกไป ต่อให้ห่างกันไกลโพ้นก็ยังคงสามารถสัมผัสรับรู้ได้ถึงบริเวณต่างๆที่มีกลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นปกคลุมอยู่


“ผู้แกร่งกล้าที่สามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ บ่มเพาะออกมานั้นก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมรู้ข้อมูลเป็นธรรมดา


สกุลเซี่ย…


ซึ่งเป็นตระกูลที่ปกครองทั้งรัฐโบราณคิมหันตวายุ มีทรัพยากรมากมายเกินคาดเดา เป็นตระกูลอันดับหนึ่งของทั้งดินแดนจิตโลกา ชื่อของรัฐโบราณแห่งนี้ถูกตั้งว่า ‘เซี่ยเฟิง (คิมหันตวายุ)’ ก็พอจะเห็นได้แล้วว่า จำนวนผู้แกร่งกล้าที่พวกเขาบ่มเพาะขึ้นมานั้นมากที่สุด หากพูดถึงจำนวนของผู้แกร่งกล้า ก็มากกว่าสกุลชางและสกุลฝานอยู่บ้างเล็กน้อย


ส่วนสกุลชาง การบ่มเพาะผู้แกร่งกล้าของสกุลชางจัดเป็น ‘การบ่มเพาะแบบปล่อยปละละเลย’ ดังนั้นบรรดาผู้แกร่งกล้าสกุลชางจึงรักอิสรเสรี บางคนก็เหิมเกริมไม่สนใจเหตุผล ‘ถือตัวเองเป็นใหญ่’ กันทั้งนั้น


ส่วนสกุลฝาน การบ่มเพาะผู้แกร่งกล้าเหมือนกับทางทะเลสาบมารทมิฬมากกว่า หากพูดอย่างเคร่งครัดแล้ว วิธีคัดเลือกผู้แกร่งกล้าของทางทะเลสาบมารทมิฬนั้นเรียนรู้จากสกุลฝาน! การแก่งแย่งชิงดีภายในสกุลฝานนั้นดุเดือด ผู้แกร่งกล้าก็ขึ้นมา ส่วนผู้อ่อนแอก็ตกอับ! กฎเกณฑ์ภายในก็เคร่งครัดเป็นอย่างมาก จัดเป็นสกุลที่สามัคคีที่สุดภายในสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ทำตัวเป็น รวมเอาผู้แกร่งกล้าจากรัฐภายนอกเข้ามา ประหนึ่งทะเลที่รวมเอาสายน้ำเล็กๆ เข้าด้วยกัน


สกุลชางและสกุลฝานมีพลังใกล้เคียงกัน ทว่าหากสู้กันขึ้นมาจริงๆ แล้ว โดยทั่วไปก็เป็นสกุลชางที่เสียเปรียบ! เพราะสกุลฝานสามัคคีกันมากกว่า แน่นอนว่ากฎเกณฑ์ก็เข้มงวดกว่าด้วยเช่นกัน!


“กฎของสกุลฝานมิอาจแตะต้องได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งดื่มสุราอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เกล็ดหิมะเล็กละเอียดล่องลอยอยู่กลางท้องฟ้า


“ปังๆๆ!”


เสียงเคาะประตูอันหนักหน่วงดังขึ้นด้านนอก


“เปิดประตู” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำชับ


“ขอรับ” บ่าวรับใช้มังกรมารเดินไปเปิดประตูเรือนทันที


หน้าประตูคือทหารสวมเกราะสีดำตลอดร่างผู้หนึ่ง นัยน์ตาเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง กลิ่นอายที่แผ่กำจายออกมาเป็นระดับขั้นอลวน ทหารสวมเกราะสีดำผู้นี้มองตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งอยู่ในจวนแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เค่อชิงระดับบนหิมะเหิน ข้ารับคำสั่งให้ส่งสิ่งของต่างๆ มาให้ เก็บไว้ให้ดีด้วย” เขาพูดพลางโยนกำไลสีทองวงหนึ่งออกมา ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกไปรับไว้ ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร อีกฝ่ายก็หมุนกายจากไปแล้ว ก่อนจะแปรเป็นลำแสงหายวับไปอย่างรวดเร็ว


“ขั้นอลวนอย่างข้าคนหนึ่งได้เป็นเค่อชิงระดับบน เหมือนกับจะทำให้ทหารคนนี้ไม่ยินยอมเป็นอย่างมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะยิ้มๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ปิดประตูเสีย”


“ขอรับ เจ้านาย” มังกรมารปิดประตู


ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงนำวัตถุภายในกำไลสีทองออกมาตรวจดูทีละชิ้นๆ


ป้ายบอกสถานะ ม้วนสาส์นและอื่นๆ…


ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับแผนที่โดยละเอียดของทั้งคีรีมารสกุลฝานมาด้วย บนแผนที่ระบุระดับพื้นที่ที่แตกต่างกันเอาไว้ ในฐานะเค่อชิงระดับบน ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถไปยังพื้นที่กว่าครึ่งของคีรีมารสกุลฝานได้


“พรึ่บ” เขาคลี่ม้วนสาส์นไม้เขียวในมือออก บนม้วนสาส์นมีอักษรบรรทัดแล้วบรรทัดเล่าปรากฏขึ้นมา


เคล็ดวิเศษไร้ภาพ:แลกได้ด้วยสามแสนมหาคุณูปการ (ผู้อาวุโสเค่อชิง)


ไม้บรรทัดค้ำฟ้า:สมบัติลับระดับยอด แลกได้ด้วยสองแสนคุณูปการ (เค่อชิงระดับบน)


จานเวทย์จักรวาลคูหา:สมบัติลับระดับยอด แลกได้ด้วยสองแสนคุณูปการ (เค่อชิงระดับบน)


……


คละธาตุถามวิถี:แลกได้ด้วยหนึ่งแสนมหาคุณูปการ (เค่อชิงระดับบน)


ดาบจันทราสามม้วน:แลกได้ด้วยหนึ่งแสนมหาคุณูปการ (เค่อชิงระดับบน)


กายเวทย์ไร้ภาพ:บรรพชนฝานลงมือ ร่างกายแปรเป็นกายเวทย์ไร้ภาพ ต้องการหนึ่งแสนมหาคุณูปการ (เค่อชิงระดับบน)


โลหิตปฐมบรรพชน:โลหิตกำเนิดของโลหิตนิจรัตติกาลบรรพชน ต้องการหนึ่งแสนมหาคุณูปการ (เค่อชิงระดับบน)


……


บนม้วนสาส์นมีสมบัติล้ำค่าจำนวนมากที่สามารถแลกได้จารึกเอาไว้แน่นขนัด ที่ราคาสูงที่สุดคือมหาคุณูปการ ที่ราคาถูกที่สุดก็เพียงหนึ่งพันมหาคุณูปการเท่านั้น! ในจำนวนนั้น อย่างเช่น ‘โลหิตดั้งเดิม’ ของโลหิตนิจรัตติกาลบรรพชน ต้องรู้ไว้ว่าโลหิตนิจรัตติกาลบรรพชนมอบโลหิตให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมากที่สุดก็แค่โลหิตหยดเดียวเท่านั้น แค่ฝึกฝนไปเรื่อยๆ ก็ฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว! แต่ ‘โลหิตดั้งเดิม’ กลับเป็นรากฐานของมัน จะฟื้นฟูได้ก็ต้องกลืนกินวัตถุล้ำค่าจำนวนมากลงไปจึงจะมีหวัง ไม่มีทางขายได้เป็นอันขาด


สมบัติล้ำค่าด้านบนทุกชิ้นล้วนแต่มีบันทึกไว้โดยละเอียด


เช่น ‘ไม้บรรทัดค้ำฟ้า’ นั้นเป็นสมบัติล้ำค่าทางด้านกาลมิติ ต้องบรรลุเทพจักรวาลชั้นที่สองทางด้าน ‘กาลมิติ’ จึงจะมีหวังเข้าถึงได้


หรืออย่างเช่นคละธาตุถามวิถี ต้องบรรลุขั้นสุดของการกลายเป็นอากาศธาตุ จึงจะมีหวังฝึกให้เข้าที่ได้


เคล็ดวิชาที่ต้องใช้แสนมหาคุณูปการมาแลกล้วนแต่ล้ำค่ากว่าเคล็ดผนึกห้าภาพทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่าเป็นระดับยอดสุด! อย่าง ‘กายเวทย์ไร้ภาพ’ ที่บรรพชนฝานช่วยแก้ไขร่างกายนั้น เป็นระดับเทพจักรวาล เมื่อแก้ไขได้สำเร็จแล้ว ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งก็จะกลายเป็นเทพจักรวาลทันที ไร้เทียมทานเพียงใดกัน


ทว่าหนึ่งแสนมหาคุณูปการ


ลำพังแค่แลกเปลี่ยนแก้วผลึกจักรวาล ก็สามารถแลกได้เป็นแสนล้านก้อนแล้ว! อีกทั้งคุณูปการเหล่านี้ ก็ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทำภารกิจให้สกุลฝานครั้งแล้วครั้งเล่าจึงจะได้มา ต่อให้เป็นระดับอย่างประมุขรัฐประกายเพลิงหรือประมุขรัฐวอเฟิง โดยทั่วไปทำภารกิจครั้งหนึ่งก็ได้มาเพียงไม่กี่พันมหาคุณูปการเท่านั้น นอกจากนี้หากสกุลฝานมิได้มอบหมายภารกิจให้ พวกเขาก็ไม่มีภารกิจให้รับ!


จะรวบรวมให้ครบหนึ่งแสนมหาคุณูปการนั้นยากเกินไปแล้ว รวบรวมให้ครบสองแสนมหาคุณูปการนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้! ต่อให้เป็นประมุขรัฐเมฆทักษิณา จวบจนบัดนี้ก็ยังรวบรวมได้ไม่ถึงสองแสนคุณูปการเลย


“สมบัติลับระดับยอดสุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงจ้องจะแลกเปลี่ยนสมบัติลับระดับยอดสุดเหล่านั้น


สมบัติลับระดับยอดสุดเพียงพอจะทำให้เทพจักรวาลไม่ว่าหน้าไหนบ้าคลั่งได้เลยทีเดียว!


อย่างตอนนั้นประมุขรัฐเมฆทักษิณาถูกไล่ล่าจนต้องกระเสือกกระสนหนีไปอย่างน่าอนาถ ต่อมาจึงโชคดีเป็นอย่างมากได้เข้าไปในโบราณสถานเก่าแก่แห่งหนึ่ง และได้สมบัติลับระดับยอดสุดคือ ‘ดาบทวิภพ’ มา! หลังจากเข้าถึงสมบัติลับระดับยอดสุด ‘ดาบทวิภพ’ อย่างสิ้นเชิงแล้ว จึงมีสถานะเช่นทุกวันนี้ได้ เหมือนกับตงป๋อเสวี่ยอิงที่เมื่อไม่มีสมบัติลับก็มีพลังเพียงขั้นอลวนระดับชั้นที่เก้าเท่านั้น หากมีสมบัติลับก็จะทะยานขึ้นไปถึงระดับชั้นที่สิบ


ราคาของสมบัติลับระดับยอดสุดนั้นสูงเสียจนเกินจริง


สมบัติลับระดับยอดสุดทั้งหกชิ้นที่จัดอยู่ในม้วนสาส์นของสกุลฝานล้วนแต่ทำให้ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากบุกน้ำลุยไฟเพื่อพวกเขาได้!


“โลหิตบรรพชนหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอ่านบันทึกเรื่องโลหิตดั้งเดิมโลหิตดั้งเดิมของโลหิตบรรพชนโดยละเอียด


ในสงครามรัฐโบราณครั้งที่สอง


โลหิตนิจรัตติกาลบรรพชนและโลหิตบรรพชนเคยร่วมมือกันทำศึกครั้งใหญ่กับสามบรรพชนแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ ได้แก่ ‘จักรพรรดิเซี่ย’ ‘จักรพรรดิชาง’ และ ‘บรรพชนฝาน’ ศึกครั้งนั้นทำเอาโลหิตนิจรัตติกาลของบรรพชนและบรรพชนราตรีนิรันดร์บาดเจ็บสาหัส ทั้งยังแย่งชิงโลหิตดั้งเดิมบางส่วนของ ‘โลหิตนิจรัตติกาลบรรพชน’ มาด้วย! บัดนี้นำโลหิตดั้งเดิมออกมาหยดหนึ่งแลกกับหนึ่งแสนมหาคุณูปการเพื่อล่อลวงบรรดาเค่อชิงทั้งหลาย


โลหิตดั้งเดิมของโลหิตนิจรัตติกาลบรรพชนช่างเป็นตำนานจริงๆ


“ที่แท้แล้วครั้งนี้มีความเคลื่อนไหวอันใดกันแน่ จึงสามารถทำให้สกุลฝานยอมมอบหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการให้ข้าได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบตกตะลึง “พวกประมุขรัฐประกายเพลิงสู้สุดชีวิตก็เพิ่งได้มาแค่ไม่กี่พันมหาคุณูปการเท่านั้น ครั้งนี้ข้าก็ไม่มีอันตรายต่อชีวิตแต่อย่างใด ที่แท้แล้วอาจารย์เกลี้ยกล่อมสกุลฝานอย่างไร จึงยอมมอบหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการให้ข้าได้”


ถึงตอนนี้เขาก็ยังคงไม่รู้ว่าความเคลื่อนไหวในครั้งนี้พิเศษอย่างไร


นั่นคือความลับของสามตระกูลใหญ่ภายในรัฐโบราณคิมหันตวายุ…เขามีทั้งเคล็ดผนึกห้าภาพและกระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมชั้นที่สิบอยู่กับตัว มีโอกาสที่จะชนะได้อย่างแน่นอน สกุลฝานจึงตอบตกลง


……


ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในเรือนหลังนี้สามวันด้วยกัน


ระหว่างสามวันนี้แม้เขาจะไม่ได้ออกไปไหน แต่กลับได้เห็นยอดฝีมือทั้งสี่ที่จะเข้าร่วมความเคลื่อนไหวในครั้งนี้แทน


“คนของเผ่าทุ่งน้ำแข็งรึ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสังเกตเห็นยอดฝีมือผู้เร้นลับซึ่งมาจากรัฐภายนอกเช่นเดียวกับเขา นั่นคือบุรุษร่างผอมเล็กซึ่งสวมเสื้อคุมกันลมหนาเตอะผู้หนึ่ง ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางเขานั้น ยอดฝีมือเผ่าทุ่งน้ำแข็งก็มองมาทางตงป๋อเสวี่ยอิงเช่นกัน ทั้งสองประสานสายตากัน อีกฝ่ายพยักหน้าน้อยๆ มุมปากกระดกขึ้นเป็นรอยยิ้ม


“เป็นเขา อ๋องส้าหลงแห่งเผ่าทุ่งน้ำแข็ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงจำอีกฝ่ายได้


อ๋องส้าหลงดูเหมือนจะเก็บงำเอาไว้ภายใน แต่อันที่จริงแล้วกลับเหิมเกริมหาใดเปรียบ เขาเคยสังหารหัวหน้าเผ่าคนหนึ่งของเผ่าทุ่งน้ำแข็งด้วยตัวคนเดียว หัวหน้าคนนั้นเป็นถึงเทพจักรวาล! แม้จะกล่าวว่าเป็นเผ่า…แต่อันที่จริงกลับเทียบได้กับรัฐชั้นสามแล้ว เนื่องจากหัวหน้าถูกล้างสังหารไป ทำให้เผ่านั้นถูกเผ่ารอบด้านกลืนไป


เมื่ออยู่ในเรือนได้สามวัน


ตู้ม!


กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งก็แผ่คลุมลงมาทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญในเรืองทั้งห้าแห่งโดยรอบสังเกตเห็นได้ นั่นคือบุรุษซึ่งมีรูปร่างกำยำใหญ่โตคนหนึ่ง ผิวกายขอขงเขามีเปลวเพลิงสีแดงโลหิตชั้นหนึ่งลอยอยู่ ความแข็งแกร่งของกลิ่นอายทำให้พวกตงป๋อเสวี่ยอิงแต่ละคนสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากความตาย


“ออกมาให้หมดเถอะ” บุรุษร่างกำยำผู้นี้เอ่ยปาก เสียงดังกังวานไปหมด


เอี๊ยดดด…


ประตูบานแล้วบานเล่าเปิดออก ผู้บำเพ็ญออกมาจากภายในเรือนทั้งห้ากันหมดแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน


ตอนที่ 77 เค่อชิงระดับบนหิมะเหิน

Ink Stone_Fantasy

บุรุษผู้องอาจมีเปลวเพลิงสีแดงโลหิตแผ่ออกจากผิวกาย ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงจำได้ทันทีที่มองแวบแรกเป็นธรรมดา เขาก็คือ ‘จ้าวขุยเฉิน’ เทพจักรวาลคนหนึ่งของสกุลฝาน ซึ่งเป็นแขนซ้ายแขนขวาของมหาเคารพซือเทียน ผู้มีพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง สามารถเทียบเคียงได้กับประมุขรัฐประกายเพลิงและประมุขรัฐวอเฟิงได้เลยทีเดียว


“ฟึ่บๆๆ…” แม้เขาจะยืนอยู่ตรงนั้นแต่กลับยืนอยู่กลางอากาศ เปลวเพลิงสีแดงโลหิตใต้เท้าทำเอาหินต่างๆ รอบด้านกลายเป็นความว่างเปล่าไปหมดแล้ว เหนือผิวของก้อนหินโดยรอบกลายเป้นความว่างเปล่าไปหมด


นัยน์ตาเยียบเย็นดุจน้ำแข็งของเขากวาดผ่านคนทั้งห้าตรงหน้า แม้แต่ยอดฝีมือขั้นอลวนทั้งสามของสกุลฝาน ยามนี้ก็ยังเชื่อฟังเป็นอันมาก


“เค่อชิงระดับบนหิมะเหิน เค่อชิงส้าหลง” จ้าวขุยเฉินกล่าว “แม้พวกเจ้าทั้งสองจะถูกเลือกมา แต่ภายในสกุลฝานตระกูลของพวกเราก็มีหลายคนที่ไม่ยินยอม ดังนั้นจึงต้องทดสอบทั้งสองคนอย่างง่ายๆ เสียหน่อย…หากผ่านไปได้ ก็ย่อมเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ต่อไปได้ ถ้าแม้แต่ศิษย์ที่ถูกขับออกไปก็ยังสู้ไม่ได้แล้ว ก็ย่อมต้องเสียโอกาสเข้าร่วมไป พวกเจ้าสองคนไม่มีความเห็นใช่หรือไม่”


“ไม่มี” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก


ส้าหลงกลับสะดุ้งคราหนึ่ง เขาอดมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้ จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “ไม่มีขอรับ”


ยามนี้


ขั้นอลวนผู้ไร้เทียมทานทั้งสามรวมทั้งอ๋องส้าหลง และยอดฝีมือคนอื่นๆ ของสกุลฝานอดมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้ นัยน์ตาฉายแววแตกตื่นและไม่อยากจะเชื่อ และถึงขั้นไม่ยินยอมอยู่บ้าง!


เค่อชิงระดับบนหิมะเหินหรือ


“เขากลายเป็นเค่อชิงระดับบนแล้วหรือนี่”


“ขั้นอลวนเช่นเขาคนหนึ่งก็สามารถเป็นเค่อชิงระดับบนได้อย่างนั้นหรือ”


ก่อนหน้านี้ก็มีผู้ทราบเรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เป็นเค่อชิงระดับบนอยู่หลายคน แต่พวกฝานเทียนฉ่งก็มิกล้าปากเปราะแพร่งพรายไปทั่ว เพราะถึงอย่างไรการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ก็สำคัญเป็นอย่างมาก กฎของสกุลฝานนั้นเข้มงวดมาก ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของสกุลฝานทั้งสามคนนี้เพิ่งจะได้รู้เป็นครั้งแรกว่า อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เป็นถึงเค่อชิงระดับบน


“ข้าเป็นเพียงเค่อชิงเท่านั้น แต่เขาเป็นเค่อชิงระดับบนเชียวหรือ” ขณะนี้ผู้ที่หยิ่งผยองอย่างอ๋องส้าหลงก็อดไม่ยินยอมในใจมิได้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เกรียงไกรในเผ่าต่างๆ ของทุ่งน้ำแข็ง ในบรรดาขั้นอลวนนั้นไร้ศัตรูอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังเอาชนะเทพจักรวาลได้หลายคน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของเขาได้


“ในเมื่อไม่มีความเห็น ก็ตามข้ามาเถิด” จ้าวขุยเฉินพูดเสียงเรียบ


ฟิ้ว


เปลวเพลิงลุกโชนระลอกหนึ่งเข้าห่อหุ้มพวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งห้าคนเอาไว้ จ้าวขุยเฉินพาพวกเขาข้ามท้องฟ้าไป เพียงเคลื่อนที่ในพริบตาครั้งเดียว ก็มาถึงสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่งของคีรีมารสกุลฝาน


“เอ๊ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเปลี่ยนแปรไป ก็มาถึงสถานที่อีกแห่งของคีรีมารสกุลฝานแล้ว ด้านหน้าคือทะเลสาบขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง รอบทะเลสาบมีทุ่งหญ้าสีแดงโลหิตผืนใหญ่ ยามนี้บนผืนหญ้าสีแดงโลหิตมียอดฝีมือขั้นอลวนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งคือบุรุษเกราะขาวราวหิมะ ‘ฝานเทียนอวิ๋น’ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยพบมาก่อนแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งคือบุรุษผู้เงียบงันที่สวมเสื้อกันลมสีดำ เขาเงียบงัน แต่กลับประหนึ่งภูเขาไฟแห่งหนึ่งซึ่งจวนจะปะทุออกมาอย่างไรอย่างนั้น ให้ความรู้สึกกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดแก่ผู้อื่น


สวบๆๆๆๆ!!!!!


พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งห้าคนร่อนลงไป ฝานเทียนอวิ๋และชายในชุดคลุมกันลมสีดำพากันมองไปทางคนทั้งห้า


“กึ้กๆๆๆ…”


ในทะเลสาบอันกว้างใหญ่เบื้องหน้า มีดวงตามหึมาคู่หนึ่งมองผ่านน้ำในทะเลสาบมาสู่โลกภายนอก


พวกตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็สั่นสะท้านทั้งที่ไม่ได้หนาวเหน็บ


อันตราย!


อันตราย!


ดวงตามหึมาใต้ทะเลสาบแห่งนี้นำมาซึ่งแรงคุกคาม รู้สึกว่าคงจะบีบคั้น ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยพบได้โดยตรง ต่อให้สู้ไม่ได้ ก็คงไม่แตกต่างกันมากสักเท่าใดนัก


“เป็นสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกับท่านอาจารย์ของข้าหรือ” ตงป๋อเสวี่ยงพึมพำ


“ท่านมหาเคารพ”


จ้าวขุยเฉินทำความเคารพ “ครั้งนี้ต้องรบกวนท่านมหาเคารพแล้ว ลองดูความแข็งแกร่งของพลังของคนเหล่านี้หน่อยเถิด”


“ฟิ้ว”


ทันใดนั้นเหนือผิวทะเลสาบก็มีบุรุษชุดดำผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น เขาเอ่ยปากเสียงเรียบว่า “สกุลฝานเราพ่ายแพ้ห้าครั้งต่อเนื่องกันแล้ว สกุลเซี่ยชนะสามครั้งก็แล้วไปเถิด แม้แต่สกุลชางก็ยังชนะถึงสองครั้ง สู้ไม่ได้แม้แต่สกุลชาง คนรุ่นพวกเจ้านี่ช่างน่าขายหน้าเสียจริง”


ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของสกุลฝานในที่นั้นต่างก็เผยสีหน้าละอายใจออกมา


“ในประวัติศาสตร์ สกุลฝานเราไม่เคยพ่ายแพ้เกินหกครั้งต่อเนื่องกัน หากแพ้อีกก็ขายหน้าเกินไปแล้ว นอกจากนี้พวกเราสกุลฝานก็มิได้เข้าไปใน ‘ตำหนักเทพโลกาดั้งเดิม’ ที่หยวนทิ้งเอาไว้ถึงห้าครั้งจนนายท่านโมโหแล้ว” บุรุษชุดดำมองคนรุ่นเยาว์ด้วยสายตาเย็นเยียบ “ครั้งนี้ต้องชนะให้จงได้! เอาล่ะ นี่คือร่างแปรของข้า พวกเจ้าลงมือโจมตีเพื่อทำลายร่างแปรของข้าเสีย ร่างแปรร่างใหม่ของข้าจะมีพลังเพิ่มพูนขึ้น จนกระทั่งพวกเจ้ามิอาจทำลายข้าได้อีก ยิ่งจำนวนครั้งที่พวกเจ้าทำลายข้าได้มีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพิสูจน์ว่าพลังของพวกเจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น”


“ฝานเทียนอวิ๋น ฝานเลี่ยหั่ว ในเมื่อพวกเจ้าสองคนไม่ยินยอม ก็มาก่อนเสียเถอะ”


บุรุษชุดดำพูดเสียงเรียบ


บุรุษเกราะขาวราวหิมะฝานเทียนอวิ๋นและบุรุษชุดคลุมกันลมสีดำสบตากันแวบหนึ่ง


“ข้าก่อน” ฝานเทียนอวิ๋นกล่าว


ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองดูอยู่ข้างๆ ในใจกลับมีคลื่นมหึมาเทียมฟ้าก่อนตัวขึ้นมา “หยวนหรือ ตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมหรือ”


เขาพอจะฟังออกแล้วว่า


ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ของสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ ผู้แกร่งกล้าจึงจะสามารถเข้าไปใน ‘ตำหนักเทพโลกาดั้งเดิม’ ที่หยวนทิ้งเอาไว้ได้ ด้วยสถานะของตงป๋อเสวี่ยอิง จึงไม่เคยได้ยินเรื่องตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมมาก่อน


“ที่แท้แล้วก็เกี่ยวข้องกับหยวนนี่เอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ


ตนกลับชาติมาจุติโดยอาศัย ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ ที่หยวนทิ้งเอาไว้


อย่างวังปฐมเทพแห่งต่างๆ ในดินแดนจิตโลกาซึ่งสามารถตัดสินพลังของผู้บำเพ็ญได้ ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่าสถานะของ ‘หยวน’ ดินแดนจิตโลกานั้นเหนือธรรมดา นี่คือสิ่งมีชีวิตที่เร้นลับและน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างมากคนหนึ่ง


……


“ตู้ม ตู้ม ตู้ม”


ฝานเทียนอวิ๋นและบุรุษชุดดำผู้นั้นประมือกัน


บุรุษชุดดำเป็นเพียงร่างแปรของมหาเคารพผู้เร้นลับที่ก้นทะเลสาบเท่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ยินอีกฝ่ายพูดว่า ‘นายท่านโมโหแล้ว’ ก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็น ‘สัตว์กลืนเมฆา’ พาหนะที่บรรพชนฝานนำติดตัวไปด้วยขณะท่องไปในดินแดนจิตโลกาเพื่อรับรู้และบำเพ็ญขณะที่พลังยังค่อนข้างอ่อนแออยู่ จวบจนบัดนี้ บรรพชนฝานออกไปเคลื่อนไหว ก็มิได้นำพาหนะไปด้วยอีกต่อไปแล้ว


สัตว์กลืนเมฆาในตอนนั้น ก็ได้กลายเป็นมหาเคารพท่านหนึ่งของสกุลฝานไปแล้ว


“ฟิ้ว” ร่างกายของบุรุษชุดดำถูกขวานเล่มใหญ่ฟันเสียจนสลายไป จากนั้นเหนือผิวทะเลสาบก็รวมตัวกันขึ้นอีกครั้งเป็นร่างแปรร่างใหม่


หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…


พลังที่ฝานเทียนอวิ๋นเผยออกมาทำเอาตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงไป อีกฝ่ายใช้ขวานคู่หนึ่ง ขณะต่อสู้นั้นร้ายกาจและเหิมเกริมกว่ายุทธวิธีเมฆาแดงเสียอีก นอกจากนี้ร่างกายของฝานเทียนอวิ๋นยังน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งด้วย ขณะต่อสู้ เหนือผิวกายมีกลิ่นอายสีดำพวยพุ่ง เมื่อร่างแปรแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พลังที่ฝานเทียนอวิ๋นเผยออกมาก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจออกมา อานุภาพระดับนี้นับว่าเป็นชั้นที่สิบระดับยอดสุดอย่างแท้จริง


“ก็ไม่รู้ว่าเขาฝึกฝนศาสตร์ลับอันใด จึงแข็งแกร่งกว่ายุทธวิธีเมฆาแดง การต่อสู้ประชิดตัวของข้าเสียอีก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบร่ำร้อง ช่วยไม่ได้ เคล็ดสืบทอดลับที่ใช้ขวานซึ่งร้ายกาจของสกุลฝานนั้นมีอยู่หลายวิชาด้วยกัน แม้แต่ ‘สกุลเซี่ย’ และ ‘สกุลชาง’ ก็ยังมีเคล็ดสืบทอดลับที่ใช้ขวานเช่นเดียวกัน แม้สามตระกูลใหญ่จะต่อสู้กัน แต่หากทุ่มเททรัพย์สินมากพอ ก็สามารถศึกษาเคล็ดสืบทอดลับต่างๆ ของตระกูลอื่นได้


“ปัง”


ฝานเทียนอวิ๋นถูกโจมตีเสียจนกระเด็นลอยไป เขาหยุดลงแล้วพูดด้วยความเคารพว่า “ท่านมหาเคารพ ข้าพยายามสุดกำลังแล้วขอรับ”


“อื้ม หกครั้ง” บุรุษชุดดำพยักหน้าพลางมองไปทางบุรุษชุดคลุมกันลมสีดำ “ตาเจ้าแล้ว”


“ขอรับ”


ฝานเลี่ยหั่วสาวเท้าเข้าไป ชุดคลุมกันลมสีดำปลิวไสว สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งดังเดิม


ฟิ้ว


ประกายดาบอันลึกล้ำซึ่งแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอันไร้ที่สิ้นสุดพลันฟันลงบนร่างของบุรุษชุดดำ เพียงดาบเดียวก็ทำเอาร่างนั้นสลายไป บุรุษชุดดำรวมตัวกันเป็นร่างแปรร่างใหม่อีกครา


หนึ่งดาบ! สลาย!


หนึ่งดาบ! สลาย!


ดาบของฝานเลี่ยหั่วแฝงเอาไว้ด้วยความตายและความโหดเหี้ยม แค่ได้เห็นก็ทำให้ม่านตาของตงป๋อเสวี่ยอิงหรี่ลงเล็กน้อย แม้สกุลฝานจะมีเคล็ดสืบทอดลับอันแข็งแกร่ง แต่ยิ่งเป็นเคล็ดสืบทอดลับที่ร้ายกาจเท่าใด ความยากในการฝึกฝนก็ยิ่งสูงส่งขึ้นเท่านั้น! ข้อดีเพียงข้อเดียวของขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้…ก็คือสามารถมอบเคล็ดสืบทอดลับที่เหมาะสมที่สุดให้ตามความเชี่ยวชาญของผู้บำเพ็ญแต่ละคนได้ และพยายามทำให้ความสามารถที่ซ่อนอยู่ของพวกเขารุ่งโรจน์ขึ้นมาได้มากที่สุด


กล่าวได้ว่า ‘ฝานเทียนอวิ๋น’ มีเคล็ดลับการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง อย่างยุทธวิธีเมฆาแดงนั้นเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ประชิดตัว วิถีขวานของฝานเทียนอวิ๋นกลับสูงส่งกว่าในด้านการต่อสู้ประชิดตัว


ส่วนฝานเลี่ยหั่วกลับใช้กระบวนท่าเดียวสยบฟ้า เพียงดาบเดียวเท่านั้น!


หลังจากเอาชนะได้ห้าครั้งต่อเนื่องกัน ครั้งที่หกฝานเลี่ยหั่วก็ต้องใช้สองดาบต่อเนื่องกันจึงทำสำเร็จ ครั้งที่เจ็ดฝานเลี่ยหั่วได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องใช้สิบสามดาบต่อเนื่องกันจึงสำเร็จ


“ฟึ่บ” ร่างของฝานเลี่ยหั่วได้รับบาดเจ็บสาหัสจนล้มลงกับพื้น เขาตะเกียกตะกายขึ้นมา อาการบาดเจ็บฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขาพูดเสียงต่ำว่า “ท่านมหาเคารพ ข้าทำเต็มที่แล้วขอรับ”


ฝานเทียนอวิ๋นเห็นเข้าสีหน้าก็ไม่น่ามองขึ้นมา


ฝานเลี่ยหั่ว…ทำได้มากกว่าเขาครั้งหนึ่ง


“ต่อไปก็เป็นพวกเจ้าสองคนแล้ว” บุรุษชุดดำมองไปทางผู้มาจากภายนอกสองคนที่ถูกเลือกมาในครั้งนี้


“เค่อชิงระดับบนไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไป ข้าก่อนก็แล้วกัน” อ๋องส้าหลงยิ้มน้อยๆ ให้ตงป๋อเสวี่ยอิง สายตาของเหล่าศิษย์หัวแก้วหัวแหวนในที่นั้นที่มองมายังตงป๋อเสวี่ยอิงออกจะพิเศษอยู่บ้าง เค่อชิงระดับบนเชียวนะ! ที่แท้แล้วขั้นอลวนผู้นี้อาศัยอะไรกันแน่จึงได้เป็นเค่อชิงระดับบน


อ๋องส้าหลงมิได้ใช้อาวุธอะไรเลย หากแต่ต่อสู่ประชิดตัวด้วยมือเปล่า


เผ่าทุ่งน้ำแข็ง…


อยู่ในขอบเขตอำนาจของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง บรรพชนทั้งสามของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งแต่ละท่านล้วนฝึกกายจนบรรลุถึงขั้นไร้ศัตรู ดังนั้นหากพูดถึงเรื่องการ ‘ฝึกกาย’ รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งนั้นน่าหวาดหวั่นและเย้ยฟ้าที่สุด ส่วน ‘เผ่าทุ่งน้ำแข็ง’ ในฐานะที่ขอบเขตอำนาจของรัฐนี้ปกคลุมอยู่ เคล็ดวิชาฝึกกายที่นั่นจึงเยี่ยมยอดอย่างยิ่ง อ๋องส้าหลงก็ได้พบโอกาสพิเศษ การฝึกกายของเขาจึงน่าหวาดหวั่นผิดธรรมดา


แน่นอนว่าแม้เผ่าทุ่งน้ำแข็งจะอยู่ในขอบเขตอำนาจของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง แต่สกุลฝานก็ยังคงสามารถแทรกซึมเข้าไปได้ เห็นได้ชัดว่าอ๋องส้าหลงเลือกสวามิภักดิ์ต่อสกุลฝานและกลายเป็นเค่อชิง ก็เพราะเคล็ดวิชาของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งนั้นจำเจเกินไปแล้ว เคล็ดวิชาฝึกกายจำนวนนับไม่ถ้วนแข็งแกร่งเย้ยฟ้า แต่ทางสายอื่นๆ ก็อ่อนแอ อย่าง ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ นั้นรอบด้านกว่า มีสิ่งที่เขาต้องการ


“ตู้ม ตู้ม ตู้มมม…”


เขาใช้การต่อสู้ประชิดตัวทำลายร่างแปรอาภรณ์ดำหกครั้งต่อเนื่องกัน มาถึงครั้งที่เจ็ดก็ยากลำบากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ครั้งนี้เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนั้นดังกังวานไปทั่ว คลื่นเสียงจากเสียงหัวเราะนั้นโจมตีร่างแปรอาภรณ์ดำอย่างน่าประหลาด ทำเอาพลังของร่างแปรอาภรณ์ดำได้รับผลกระทบ และโจมตีจนร่างแปรสลายไปเป็นครั้งที่เจ็ดทันที สุดท้ายจึงเอาชนะร่างแปรได้อีกเป็นครั้งที่แปด


อ๋องส้าหลงจึงหยุดมือลง


ฝานเทียนอวิ๋นและฝานเลี่ยหั่วต่างก็เงียบงันราวกับเป็นใบ้ แปดครั้ง! มิน่าเล่าสกุลฝานจึงเชื้อเชิญผู้มาจากภายนอกมา


“ตาเจ้าแล้ว” สายตาของบุรุษชุดดำตกต้องลงบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู๋ไกลออกไป ทันใดนั้นอ๋องส้าหลง ฝานเลี่ยหั่วและฝานเทียนอวิ๋นรวมทั้งศิษย์หัวแก้วหัวแหวนอีกสามคนต่างก็มองไปยังตงป๋อเสวี่ยอิง แม้แต่จ้าวขุยเฉินก็มองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยเช่นกัน


เป็นขั้นอลวนที่จัดเป็นเค่อชิงระดับบน…


ที่แท้แล้วอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้มีพลังเช่นไรหนอ


ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวขึ้นไปข้างหน้า เดินไปถึงริมทะเลสาบ มองดูบุรุษชุดดำผู้ยืนอยู่เหนือผิวทะเลสาบ จากนั้นก็คารวะ “ท่านมหาเคารพ ข้าต้องล่วงเกินแล้ว”


…………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)