Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 33 ตอนที่ 59-60
ตอนที่ 59 คลื่นใต้น้ำ
Ink Stone_Fantasy
ณ เคหาสน์แห่งหนึ่งภายในตำหนักลัทธิกระบี่สวรรค์
ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำกำลังนั่งขัดสมาธิ ภายใต้อาภรณ์ดำล้วนเต็มไปด้วยไอหมอก ภายในไอหมอกมีแมลงพิษบินอยู่
ทว่านัยน์ตาทั้งคู่ที่ประกอบขึ้นจากแมลงสีแดงมารวมตัวกันนั้นกลับสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง
“เผชิญหน้าครั้งเดียวก็ผลาญ ‘แมลงพิษโน้มวิญญาณ’ ตัวหนึ่งได้แล้วอย่างนั้นหรือ พลังคุกคามเช่นนี้ จะต้องบำเพ็ญวิชาทลายเวหาสำเร็จแล้วอย่างแน่นอน! เคล็ดสืบทอดลับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าก็ฝึกสำเร็จทั้งสองศาสตร์แล้ว ดูท่าทางเขาก็น่าจะบำเพ็ญเคล็ดร่างแยกสำเร็จแล้วเช่นกัน ยากจะไปยุ่มย่ามด้วย บำเพ็ญเคล็ดร่างแยกสำเร็จแล้ว ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่ฆ่าไม่ไหวโดยแท้”
อย่างเช่น ‘กงเหลียงอี้’ ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือแห่งสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ กระบี่เล่มเดียวสะท้านทั่วสี่ทิศ ฝากผลงานและแต้มความดีความชอบเอาไว้ในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ แต่ก็เคยตกต่ำมาก่อนถึงสองครั้ง สองครั้งนั้นล้วนเป็นเพราะประมุขรัฐเมฆทักษิณาไปช่วยเหลือได้ไม่ทันการณ์!
ทว่าถึงแม้จะตกต่ำ แต่ก็เป็นเพราะมีร่างแยก จึงสามารถพลิกหน้าดินกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
“แมลงมารพลังก็ตายแล้ว รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ยุทธวิธีเมฆาแดงก็บำเพ็ญไปได้ไม่น้อยแล้วอย่างนั้นหรือ” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำม่านตาหดเล็กลง แมลงมารพลังได้ชื่อมาจาก ‘พลังมาร’ เป็นแมลงอสูรที่กำเริบเสิบสานเป็นที่สุด ก็เป็นแมลงพิษที่เจ้านายเขาเพาะเลี้ยงเช่นกัน หนึ่งในสามส่วนของแมลงพิษชั้นยอดที่สุดต่างก็เป็นแมลงมารพลังทั้งสิ้น! แมลงอสูรพรรค์นี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบก็ยังยากที่จะสังหารผลาญพวกมันได้ นอกจากนี้การโจมตีก็ยังบ้าคลั่งเป็นที่สุดอีกด้วย
ทว่ายุทธวิธีเมฆาแดงก็ร้ายกาจเปี่ยมพิษสงเป็นอย่างยิ่ง ร่างกายแข็งแกร่ง หรือแม้กระทั่งสมบัติลับล้ำค่าแข็งแกร่ง โดยทั่วไปก็ยังยากจะต้านทานได้
“เขามิได้มีศาสตร์ลับยุทธวิธีเมฆาแดง มีเพียงหอกยาวเล่มเดียวเท่านั้น ก็ตระหนักรู้เสียแล้ว” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำส่ายศีรษะน้อยๆ
“แมลงห้วงอากาศก็ตายแล้ว เขตลวงเล่า”
สติรับรู้สายหนึ่งที่ยึดโยงกับแมลงสามตัวของผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำก็สูญสลายไปพร้อมกัน แต่เขาก็ย่อมมิได้สนใจความสูญเสียเล็กน้อยนี้อยู่แล้ว
“เคล็ดสืบทอดลับสองศาสตร์ก็บำเพ็ญสำเร็จหมดแล้ว ยุทธวิธีเมฆาแดงก็ดูเหมือนว่าจะตระหนักรู้จนหมดสิ้นแล้วเช่นกัน ยังมีเคล็ดเขตลวงที่อย่างน้อยก็เป็นขั้นอลวนชั้นที่แปดอีกด้วยอย่างนั้นหรือ” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำลอบคิดประเมิน กำจัดแมลงพิษตัวหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่จำเป็นต้องเทหมดหน้าตักอยู่แล้ว เพียงแค่สำแดงเขตลวงระดับชั้นที่แปดก็ผลาญทำลายสติรับรู้ของแมลงพิษได้แล้ว
“ที่ข้าทำไปก็พอใช้ได้แล้ว สูญเสียแมลงพิษที่ร้ายกาจไปสามตัว แล้วเกือบจะค้นพบวิธีการของอิงซานเสวี่ยอิง ในภายหน้าก็ควรจะให้พวกเขาลงมือแล้วกระมัง” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง ความสูญเสียเล็กน้อยนี้ ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดใจอยู่บ้าง แต่การใช้สมบัติล้ำค่าบางอย่างเพื่อฟูมฟักออกมาใหม่ก็มิใข่เรื่องยากแต่อย่างใด
ค้นพบรายละเอียดของศัตรู
ในภายหน้าก็จะมุ่งตรงไปยังจุดอ่อนของตงป๋อเสวี่ยอิง จัดการวางแผนลอบสังหาร
คู่ค่อสู้ที่น่าจัดการคนหนึ่ง เพียงแค่จัดการกับมันอย่างตรงไปตรงมา ก็ยังสามารถประกาศก้องนามของลัทธิกระบี่สวรรค์ได้
แต่อิงซานเสวี่ยอิงนี้ช่างยากจะไปยุ่มย่ามด้วย…ลอบจัดการอย่างลับๆ เสียจะดีกว่า! คราวนี้ลัทธิกระบี่สวรรค์ยกพลไปยังสี่รัฐมารทมิฬ เบื้องหลังยังมีสองรัฐโบราณคอยหนุนอยู่ ก็ย่อมเตรียมตัวมาอย่างเพียงพออยู่แล้ว
……
“ลอบจัดการเขาอย่างลับๆ”
“สิ่งเดียวที่ต้องระวังก็คือเคล็ดวิชาเขตลวงของเขา! แต่ระยะเวลาในการบำเพ็ญของเขาช่างแสนสั้น และศาสตร์ลับเขตลวงโลกเทียมที่มิได้ร้ายกาจของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ คาดว่าคงมิได้แข็งแกร่งสักเท่าใดนักหรอก และนับตั้งแต่อิงซานเสวี่ยอิงเกิดมาจนกระทั่งบัดนี้ สมบัติลับล้ำค่าระดับชั้นที่สิบของเขตลวงโลกเทียมที่ซื้อขายสู่ภายนอกของดินแดนจิตโลกา ก็มิได้มีการขายออกไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียว คาดว่าเขตลวงของเขายังไปไม่ถึงชั้นที่เก้าเลยเสียด้วยซ้ำ! ถ้าหากถึงแล้วตาเฒ่าประมุขรัฐเมฆทักษิณาผู้นั้นก็น่าจะให้ศิษย์ของเขาซื้อหาสมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมไปแล้วล่ะ”
“สามารถจัดการอ๋องชางซูได้ หากเขตลวงมิได้เป็นชั้นที่เก้าก็คงต้องเป็นชั้นที่แปดขั้นสุดยอด”
ยอดฝีมือทางฝั่งลัทธิกระบี่สวรรค์เริ่มต้นหารือวางแผนกัน
ถึงแม้ว่ายุทธวิธีเมฆาแดงและเคล็ดสืบทอดลับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าจะร้ายกาจ แต่พวกเขาก็มิได้หวั่นเกรง แม้กระทั่งนายท่านฉื้ออวิ๋นในตอนนั้นก็ยังถูกสังหารได้ ยอดฝีมือระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบคนหนึ่ง ลัทธิกระบี่สวรรค์ที่เป็นถึงหนึ่งในสิบสำนักใหญ่ตั้งใจมุ่งเป้าหมายจริงๆ ก็ย่อมสามารถจัดการได้อยู่แล้ว
สิ่งเดียวที่น่าปวดหัวก็คือเขตลวง
หากเป็นเขตลวงระดับชั้นที่สิบ…เช่นนั้นก็น่ากลัวอย่างแท้จริงแล้ว! ภายใต้การปกคลุมของเขตลวง หากต้านรับเอาไว้ได้ก็รอดชีวิต! ต้านรับไม่ไหวก็ตาย!
โชคดีที่ศาสตร์ลับเขตลวงชั้นที่สิบนั้นล้ำค่าเหลือเกิน ต่างก็ไม่มีทางเผยแพร่ออกสู่ภายนอก อิงซานเสวี่ยอิงย่อมมิอาจศึกษาได้อย่างแน่นอน มีเพียงการอาศัยสมบัติลับล้ำค่าเท่านั้นจึงจะมีหวังที่จะสำเร็จระดับชั้นที่สิบได้ สมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่สิบที่หลายพันล้านปีก็ยังมิได้ขายออกไปสู่ภายนอกเลย ดังนั้นทุกคนจึงได้วางใจ
ถ้าหากเคยมีการขายสมบัติลับล้ำค่าออกสู่ภายนอกมาก่อน
เกรงว่าพวกเขาก็คงต้องไปสืบหารายละเอียดกันอีกครั้งแล้ว ถ้าหากแน่ใจจริงๆ ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมีเคล็ดวิชาเขตลวงระดับชั้นที่สิบ เกรงว่าคงได้แต่ต้องละทิ้งแผนการยกทัพในคราวนี้ไปเสียแล้ว!
ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ทางด้านเขตลวงระดับชั้นที่สิบ หากกวาดขั้นอลวนชั้นที่สิบมาจนเกือบหมด ทุกคนต่างก็เป็นบุคคลที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องหน้าถอดสีด้วยกันทั้งสิ้น! เกรงว่าลัทธิกระบี่สวรรค์และสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์คงจะต้องเปิดการเจรจากันอีกครั้ง
“กำหนดแผนการเรียบร้อยแล้ว ยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบทั้งหมดห้าคนร่วมมือกัน”
“หลายท่านก็มาถึงกันแล้ว สามารถเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา”
“อิงซานเสวี่ยอิงปลีกวิเวกอยู่ภายในตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา รอก่อนเถิด รอให้เขาออกมาจากตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาก่อนแล้วค่อยลงมือ! ถึงอย่างไรภายในตำหนักทิพย์ก็มีค่ายกลแน่นหนา การลงมือที่นั่นไม่เป็นประโยชน์กับพวกเราเลย”
ทางฝั่งลัทธิกระบี่สวรรค์มีความอดทนเป็นอย่างยิ่ง
ยอดฝีมือห้าคน
คนหนึ่งมาจากรัฐโบราณสหโลกา สองคนมาจากสกุลฝาน ส่วนอีกสองคนมาจากลัทธิกระบี่สวรรค์ พวกเขาล้วนถูกส่งตัวมาเพื่อ ‘แผนลอบสังหาร’ นี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นสกุลฝาน หรือว่ารัฐโบราณสหโลกา ผู้ใต้บังคับบัญชาล้วนเป็นยอดฝีมือผู้ล้ำเลิศ สิ่งที่ยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบจำนวนมากบำเพ็ญล้วนเป็นเคล็ดสืบทอดลับที่น่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด
ช่วยไม่ได้ มีภูเขาใหญ่หนุนหลัง!
พลังยุทธ์ยิ่งยกระดับ อิทธิพลของรัฐโบราณก็ยิ่งทวีความยิ่งใหญ่ เพราะพวกเขามีเคล็ดสืบทอดลับที่ร้ายกาจเป็นจำนวนมาก เทพจักรวาลในระดับขั้นเดียวกันที่มาจากรัฐโบราณคนหนึ่งต่างก็สามารถจัดการกับผู้มาจากภายนอกได้หลายคน นี่ก็เป็นเหตุผลที่ในหกรัฐโบราณมีผู้แกร่งกล้ามากมายที่ต่างก็มิใคร่จะเห็นผู้มาจากภายนอกอยู่ในสายตากันสักเท่าใดนัก
……
ภายในห้องเงียบแห่งหนึ่งในตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังปลีกวิเวกบำเพ็ญอยู่ที่นี่
“อ้างอิงจากรายละเอียดที่บันทึกเอาไว้ แมลงอสูรชนิดนี้น่าจะเรียกว่าแมลงห้วงอากาศ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพินิจดูซากแมลงพิษสีเงินวับๆ แวมๆ ที่ล่องลอยอยู่ตรงหน้า เพื่อการค้นคว้า เขาก็รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแมลงอสูรผ่านทางระบบข้อมูลของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ศาสตร์การเพราะเลี้ยงแมลงพิษนั้นล้ำค่าหาตัวจับยาก แต่เพียงแค่บันทึกความรู้พื้นฐานจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับแมลงพิษนั้น ข้อมูลนี้กลับหามาได้อย่างง่ายดาย
แมลงอสูรประเภทห้วงอากาศ ในบันทึกมีอยู่ถึงสามสิบเก้าชนิด
‘แมลงห้วงอากาศ’ เป็นเพียงแค่ชนิดหนึ่งในนั้นเท่านั้น
“น่าสนใจ”
“มันถึงกับสามารถเคลื่อนไหวส่งผลกระทบต่ออนุภาคทรงกลมหมอกดำ ทำให้ความสามารถในการกลายเป็นอากาศธาตุไปถึงระดับขั้นเช่นนี้ได้ พูดถึงการกลายเป็นอากาศธาตุก็มิได้ด้อยไปกว่าข้าเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง การกลายเป็นอากาศธาตุของเขา เกรงว่ายังเหนือกว่าศิษย์พี่กงเหลียงอี้และท่านหญิงกุ่ยลี่ผู้เป็นศิษย์พี่เสียอีก
อีกด้านหนึ่งก็คือร่างเมฆทักษิณาทิพย์ระดับชั้นที่สิบอันสมบูรณ์
ส่วนอีกด้านหนึ่งตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้ค้นคว้าสั่งสมการกลายเป็นอากาศธาตุอย่างล้ำลึกเหลือเกิน วิชาลับผู้ท่องเชี่ยวชาญการกลายเป็นอากาศธาตุ สี่ภาพวาดของจักรพรรดิเก้าเมฆาก็มีแม้กระทั่งวิชาสืบทอดการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด แล้วเขายังหยั่งรู้ชุดเกราะของแม่ทัพโม่กู่ ก็เพื่อต้องการที่จะสำเร็จ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ ตั้งแต่เป็นขั้นอลวน ถึงแม้ว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังทำมิได้ แต่ระดับขั้นการกลายเป็นอากาศธาตุของเขาก็สูงส่งยิ่ง อาศัยร่างเมฆทักษิณาทิพย์มาสำแดงเคล็ดการกลายเป็นอากาศธาตุ… ก็มิได้ด้อยไปกว่าแมลงห้วงอากาศนี้เลยจริงๆ
“แต่ว่าทิศทางของข้าคือการแทรกซึมเข้าไปในแก่นห้วงอากาศ เป็นหนึ่งเดียวกันกับแก่นห้วงอากาศ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเคลื่อนแก่นห้วงอากาศมาก่อนเลย”
“เคลื่อนไหว? ควบคุม?”
ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดใคร่ครวญ นี่ก็คืออีกทิศทางหนึ่ง
เขาจะศึกษาทิศทางที่แตกต่างกันของห้วงอากาศทั้งหมด ถึงอย่างไรเส้นทางที่แตกต่างก็นำไปสู่เป้าหมายเดียว จุดประสงค์ของเขามิใช่เพียงแค่สำเร็จเป็นเทพจักรวาลเท่านั้น แต่ยังอยากจะสังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตด้วย ไม่ว่าจะเพื่อล้างแค้นให้กับปรมาจารย์ หรือเพื่อผู้บำเพ็ญในอากาศอันสับสนอลหม่านจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกทำร้าย แน่นอนว่าหากตนไม่มี ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ ก็คงตายภายใต้เงื้อมมือของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเช่นกัน จะต้องสังหารคนผู้นี้ให้ได้
สิ่งที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไล่ตามนั้นก็คือการควบคุมวิญญาณสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งมวล ผู้บำเพ็ญที่มุ่งไปสู่การหลุดพ้นอันยิ่งใหญ่ทุกคนต่างก็มิอาจทนรับได้
เป็นตายก็มิได้ขึ้นอยู่กับตนเอง จอมเทพศักดิ์สิทธิ์บัญชาคำหนึ่ง ตนก็สามารถสังหารแม้กระทั่งญาติสนิทมิตรสหายได้อย่างเย็นชา…ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าการมีชีวิตเช่นนี้ก็มิได้ดีไปกว่าตายสักเท่าใดนัก
ทำร้ายผู้บำเพ็ญทั้งหมดเพียงเพื่อตัวเอง
ผู้ที่นึกอยากจะสังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่มากมาย แต่น่าเสียดายที่เขาก็ยังคงเป็นผู้แกร่งกล้าที่สุดในอากาศอันสับสนอลหม่านอยู่ดี
“ข้ามาถึงดินแดนจิตโลกา นี่ก็คือโอกาส ต้องยืนหยัดปักหลักกับการยกระดับพลังยุทธ์อย่างต่อเนื่อง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ ทันใดนั้นก็ไม่คิดอะไรมากอีก พลังยุทธ์ของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวเหลือเกิน ตนเองยังห่างชั้นกับเขาอีกไกลโข
……
สำรวจซากของแมลงห้วงอากาศ สำรวจครั้งหนึ่งเวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว ทางฝั่งลัทธิกระบี่สวรรค์นั้นก็เงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง มีความอดทนเป็นอย่างมาก ความอดทนของเหล่าผู้บำเพ็ญช่างมากมายนัก พวกเขาส่งยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบห้าคนไปจัดการตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นพิเศษ ก็ย่อมมีความอดทนอยู่แล้ว! พวกเขาอยากจะสังหารอิงซานเสวี่ยอิงในคราวเดียว ให้สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ได้รู้สึกถึง ‘ความเจ็บปวด’
ถึงแม้ว่าจะสูญสลายไป อิงซานเสวี่ยอิงมีร่างแยกก็ยังสามารถบำเพ็ญกลับมาใหม่ได้ แต่ร่างเมฆทักษิณาทิพย์จะสำเร็จอย่างสมบูรณ์ได้นั้นก็จำเป็นต้องใช้สมบัติล้ำค่าจำนวนไม่น้อย! ยังมี ‘หอกเทพเมฆาแดง’ ที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง เมื่อใดที่สู้จนตายก็ต้องถูกช่วงชิงไป
สิ่งเหล่านี้ย่อมทำให้สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์และตงป๋อเสวี่ยอิง ‘เจ็บปวดใจ’
“หืม” สำรวจมาครึ่งเดือน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้รับประสบการณ์มากมาย
“ไม่พอ แมลงห้วงอากาศเพียงตัวเดียวยังไม่เพียงพอหรอก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ถึงการยกระดับความรู้เกี่ยวกับแก่นห้วงอากาศของตนแล้วมีคำสั่งลงไปในทันที สั่งตรงไปยังร้านรวงของ ‘สกุลฝาน’ ที่นครหลวงรัฐประกายเพลิงผ่านสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์
“ข้าต้องการแมลงอสูร ‘ทางสายห้วงอากาศ’ ต้องการซากแมลงอสูรอื่นๆ อีกสามสิบแปดชนิดนอกจาก ‘แมลงห้วงอากาศ’ ชนิดละหนึ่งตัว ต้องการซากแมลงอสูรขั้นอลวนระดับสุดยอดทั้งหมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่ง
สกุลฝาน…
เป็นถึงขุมอำนาจที่มีรากฐานอันแข็งแกร่งยิ่งกว่ารัฐโบราณจันทร์บุปผาและรัฐโบราณเสียดฟ้า ภายในนั้นยังแบ่งออกเป็นสำนักอีกมากมาย มีเขี้ยวเล็บจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเขาให้ความช่วยเหลือลัทธิกระบี่สวรรค์ เค้นเอาผลประโยชน์จำนวนนับไม่ถ้วนจากลัทธิกระบี่สวรรค์ ทั้งยังมีไมตรีอันดีกับประมุขรัฐเมฆทักษิณา ทั้งยังมี ‘มือสังหาร’ และมีพ่อค้าในมือกลุ่มใหญ่… ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีความแค้นกับยอดฝีมือสกุลฝานบางคน ก็ยังเป็นสหายที่ดีต่อยอดฝีมือสกุลฝานคนอื่นๆ ได้อยู่ดี
ถึงอย่างไรเมื่อต้นไม้เติบใหญ่แล้ว ‘นก’ ชนิดใดๆ ก็ล้วนมีทั้งสิ้น
ต้นไม้สกุลฝานต้นนี้ใหญ่โตยิ่งนัก! ยอดฝีมือก็มีอยู่มากมายเหลือคณา สำนักวิชาก็มีมากมายเหลือแสน มีมากกว่ายอดฝีมือของทั้งทะเลสาบมารทมิฬเสียอีก หากมิใช่เจ้าลัทธิทั้งสามแห่งทะเลสาบมารทมิฬอาศัยสิ่งแวดล้อมอันแสนพิเศษของทะเลสาบมารทมิฬ เกรงว่าคงถูกสกุลฝานล่าสังหารอย่างน่าอนาถนัก!
“พี่เสวี่ยอิง ข้าเพิ่งจะถามไปว่าร้านค้าสกุลฝานทางฝั่งนครหลวงรัฐประกายเพลิงนี้ไม่มีซากแมลงอสูรขั้นอลวนทางสายห้วงอากาศอยู่เลย เพราะว่าทางนี้มีความต้องการน้อย จำเป็นต้องขนย้ายมาจากรัฐโบราณคิมหันตวายุ ต้องใช้เวลาครึ่งวันในการขนส่ง ซากแมลงอสูรทางสายห้วงอากาศขั้นอลวนระดับสุดยอดสามสิบแปดชนิด แต่ละตัวนั้นต้องใช้ทั้งสิ้นหนึ่งร้อยสามสิบล้านแก้วผลึกจักรวาล” โหวชวีหมิงส่งสาร
“อืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
การซื้อขายซากแมลงอสูรนั้นพบเห็นได้บ่อยยิ่งนัก
เพราะการยกระดับแมลงอสูรเหล่านั้น รูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือการกลืนกินซากแมลงอสูรอื่นๆ! ดังนั้นจึงมีข้อตกลงซื้อขายซากแมลงอสูรกันอยู่บ่อยครั้ง
แมลงพิษขั้นอลวนระดับสุดยอดที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นราคาสูงลิบลิ่ว ส่วนที่ตายแล้วนั้นมีราคาถูกกว่ามาก ทว่าสามสิบแปดชนิด ชนิดละหนึ่งตัวล้วนต้องการหนึ่งร้อยสามสิบล้าน… แค่คิดดูก็รู้แล้วว่าวิถีแมลงอสูรจำเป็นจะต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล
เพียงแค่ครึ่งวันให้หลัง
“พี่เสวี่ยอิง”
โหวชวีหมิงพาตัวผู้จัดการคนหนึ่งของสกุลฝานที่นครหลวงรัฐประกายเพลิงมาเพื่อส่งสินค้าโดยเฉพาะ
“ใต้เท้าเสวี่ยอิง” ผู้จัดการคนนี้เสนอขวดสีเขียวอ่อนใบหนึ่งให้อย่างกระตือรือร้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับขวดมาแล้วดึงจุกขวดก่อนจะรับสัมผัสเล็กน้อย ภายในมีซากแมลงอสูรที่ต่างชนิดกันอยู่สามสิบแปดตัว แต่ละตัวต่างก็ไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดแล้ว สำหรับชื่อเสียงของร้านค้าสกุลฝานนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงไม่คลางแคลงใจเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่ 60 ปลีกวิเวก
Ink Stone_Fantasy
สกุลฝานจัดอยู่ในสามลำดับแรกของร้านค้าที่จำหน่ายสมบัติล้ำค่าทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา เป็นถึงร้านค้าของตระกูล ความน่าเชื่อถือก็เป็นสิ่งพื้นฐาน
“ใต้เท้าเสวี่ยอิง มีสิ่งใดได้โปรดบัญชามาให้หมด สิ่งล้ำค่าวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่บนดินแดนจิตโลกานานาชนิด สิ่งที่สกุลฝานของข้าไม่มีนั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อย” ผู้จัดการผู้นั้นเอ่ยอย่างกระตือรือร้น
“อืม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำเสียงหนึ่งแล้วโยนกำไลเก็บวัตถุธรรมดาๆ อันหนึ่งไป ภายในมีอยู่หนึ่งร้อยสามสิบล้านแก้วผลึกจักรวาล
“โหวชวีหมิง คราวนี้ขอบคุณมาก ข้าจะปลีกวิเวก หากไม่มีเรื่องสำคัญก็ห้ามรบกวนข้าล่ะ” หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่งเสียงหนึ่งแล้วก็รีบร้อนไปปลีกวิเวกในทันที
……
ปึง… ประตูตำหนักปิดผนึกลง
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นตามลำพังคนเดียวแล้วเปิดขวดสีเขียวอ่อนออก ซากแมลงอสูรทางสายห้วงอากาศซากแล้วซากเล่าบินลอยออกมา แต่ละตัวล้วนไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดแล้วทั้งสิ้น รูปลักษณ์ของพวกมันแตกต่างกันไป ขนาดก็แตกต่าง มีตัวที่รูปร่างมหึมาราวกับภูเขาใหญ่ ตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมอากาศ ถึงแม้ว่ามิติภายในโถงตำหนักจะไม่นับว่าใหญ่โตนัก แต่เขาก็ทำการควบคุมอากาศเปิดเป็นมิติอากาศเล็กๆ ขึ้นมา ให้ซากแมลงอสูรขนาดใหญ่อยู่ในนั้น
“สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่างก็น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ที่บ้านเกิดของข้า วิถีแมลงอสูรก็อ่อนแอกว่าอยู่มากเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
ที่อากาศอันสับสนอลหม่าน ไม่มีวิถีแมลงอสูรที่สำเร็จเป็นเทพจักรวาลเลย!
ส่วนดินแดนจิตโลกา…วิถีแมลงอสูรของจักรพรรดิกลืนโลกาผู้นั้นเรียกได้ว่าไปถึงระดับไร้เทียมทานของดินแดนจิตโลกาเลยทีเดียว เทียบเคียงได้กับพวกบรรพชนฝาน แต่ก็ตายตกไปเช่นเดียวกัน! จนกระทั่งบัดนี้บุคคลระดับไร้เทียมทานของดินแดนจิตโลกาที่ตายตกไปก็มีหลายคนแล้ว ระดับอย่างนายท่านฉื้ออวิ๋นที่ตายตกไปก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก ช่วยไม่ได้ ที่นี่มีผู้แกร่งกล้ามากมายเหลือเกิน วิธีการก็แตกต่างกัน ระดับสุดยอดอย่างแท้จริงต่อสู้กันอย่างดุเดือดขึ้นมา บุคคลผู้ไร้เทียมทานตายตกไปก็เป็นเรื่องธรรมดา
“หืม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสำรวจอย่างละเอียด
สามสิบเก้าชนิดนี้รวมทั้งแมลงห้วงอากาศด้วย ก็คือสายพันธุ์ขั้นอลวนระดับสุดยอดที่มีอยู่ทั้งหมดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของดินแดนจิตโลกาที่วิถีแมลงอสูรบ่มเพาะออกมาแล้ว ทุกชนิดต่างก็เคยผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วนจึงประสบความสำเร็จได้ในที่สุด แฝงไว้ด้วยภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อน
“น่าอัศจรรย์ แต่ละตัวล้วนน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งดูก็ยิ่งหลงใหล สามารถไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดได้ แมลงอสูรทุกตัวต่างก็มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่งอยู่
อนุภาคทรงกลมหมอกดำที่สามารถเคลื่อนย้ายแก่นห้วงอากาศได้ ก็มีอยู่ถึงยี่สิบห้าชนิด
ส่วนที่เชี่ยวชาญการกลายเป็นอากาศธาตุ กลับมีอยู่มากถึงสามสิบเจ็ดชนิด
ช่วยไม่ได้…เป็นถึงแมลงอสูรประเภทห้วงอากาศ ความเชี่ยวชาญการกลายเป็นอากาศธาตุนั้นดูเหมือนจะเป็นตามธรรมชาติอยู่แล้ว
“การกลายเป็นอากาศธาตุ ที่แท้แล้วมีวิธีการมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงนัยน์ตาเปล่งประกาย
ให้เขาก้มหน้าก้มตาบำเพ็ญไปร้อยล้านปีก็เกรงว่ายังคิดทิศทางมากมายเช่นนี้ไม่ออกเลย แต่ซากแมลงอสูรอยู่ตรงหน้า เมื่อมองแล้วเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ในทันใด ‘ไม่แตกหัก’ อยากจะตระหนักรู้ก็เป็นเรื่องยากเย็นนัก
ชั่วระยะเวลาหนึ่ง…
ตงป๋อเสวี่ยอิงติดเข้าไปในความบ้าคลั่ง
การบำเพ็ญเข้าสู่จุดคอขวดเป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง เพราะว่าขบคิดให้หนักหน่วงเพียงใดก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เกาจนหัวแตกก็ไม่ได้อะไร แต่ความรู้สึกที่แสงทิพย์วิญญาณ์ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ความรู้สึกที่ตระหนักรู้อย่างต่อเนื่องนั้นกลับงดงามเป็นอย่างยิ่ง สามารถสัมผัสรับรู้ได้ถึงความก้าวหน้าของตนเองอยู่ตลอดเวลา ความรู้เกี่ยวกับห้วงอากาศยกระดับขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ต่อให้บำเพ็ญไปนานยิ่งกว่านี้ก็ไม่เหน็ดเหนื่อยเลย
ซากแมลงอสูรห้วงอากาศทุกชนิดแสดงถึงความพิเศษของแต่ละตัว
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘ภาพแก่น’ ของเคล็ดผนึกห้าภาพก็ค่อยๆ ยกระดับขึ้น
ความเข้าใจเกี่ยวกับการกลายเป็นอากาศธาตุก็กำลังยกระดับขึ้นเช่นเดียวกัน
******
“ประหลาดนัก ปลีกวิเวกเนิ่นนานถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“เหตุใดจึงมิได้ออกมาเลยเล่า”
“บังคับให้เขาออกมาสิ!”
เหล่ายอดฝีมือของทางฝั่งลัทธิกระบี่สวรรค์ที่ถูกส่งตัวมาก็นับได้ว่ามีความอดทนเป็นอย่างมากแล้ว ถึงอย่างไรด้วยพลังยุทธ์ของพวกเขา ปลีกวิเวกครั้งหนึ่งก็ต้องใช้หน่วยนับเป็นร้อยล้านปี! แต่ตอนนี้ถึงอย่างไรก็เป็นช่วงเวลาวิกฤติของสงครามระหว่างลัทธิกระบี่สวรรค์และสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ในเวลานี้ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ผู้นั้นปลีกวิเวกครั้งหนึ่งก็ผ่านไปนานหลายแสนปีแล้ว…
ก็อาจหาญเกินไปหน่อยแล้วหรือไม่ คิดว่าลัทธิกระบี่สวรรค์จะอดทนไม่ลงมือไปได้ตลอดอย่างนั้นหรือ
ในปีที่เก้าหมื่นที่ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวก ท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำกลางราตรีอันมืดมิด กรงเล็บคู่หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาดแล้วตรงเข้าฉีกทึ้งทำลายค่ายกลป้องกันที่กำแพงด้านนอกของตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาแห่งนครหลวงรัฐประกายเพลิง แล้วชิงเอาภาพที่แขวนอยู่ที่นั่นมาโดยตลอดภาพนั้นไปเสียแล้ว! ตำหนักทิพย์แห่งนี้ใหญ่โตกว่าตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาแห่งเมืองอัคคีโชติมากมายนัก ค่ายกลก็ร้ายกาจกว่ามาก การจะทลายเปิดค่ายกลได้นั้นจำเป็นจะต้องให้เทพจักรวาลลงมือ
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ลอบลงมืออยู่นั้นก็คือเทพจักรวาลคนหนึ่ง
น่าเสียดายที่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงไม่ออกจากการปลีกวิเวกอยู่ดี
ลัทธิกระบี่สวรรค์ค่อยๆ เริ่มยั่วยุสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ การต่อสู้กับสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย
แต่เป็นเพราะหวาดกลัวตงป๋อเสวี่ยอิง การยั่วยุของลัทธิกระบี่สวรรค์จึงไม่นับว่าใหญ่โตมากนัก ยอดฝีมือที่ร้ายกาจอย่างแท้จริงต่างก็มิปรารถนาจะลงมือ เพราะว่าต่างก็มิได้มีความมั่นใจเพียงพอที่จะต่อกรตัวต่อตัวกับ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ พวกเขาต้องการเพียงแค่กระตุ้นให้ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ปรากฏตัวก็เพียงพอแล้ว พอถึงเวลาก็สามารถล้อมสังหารได้ในคราวเดียว!
โหวชวีหมิงก็ทำตามบัญชาของตงป๋อเสวี่ยอิง…หากไม่มีเรื่องสำคัญก็ห้ามรบกวน
ดังนั้นการปลีกวิเวกของเขาจึงสงบเงียบเป็นอย่างยิ่ง
“ปลีกวิเวกมาก็นานกว่าสามแสนปีแล้ว ยังไม่สำเร็จ ‘ภาพแก่น’ เลย ในทางกลับกันการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดกลับใกล้จะสมบูรณ์แบบเต็มทีแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงถือขวดหยกสีเขียวอ่อนเอาไว้ในมือ ซากแมลงอสูรห้วงอากาศซากแล้วซากเล่านั้นต่างก็ลอยเข้าไปในขวด จากนั้นก็ปิดจุกขวดแล้วเก็บมันลงไป ก่อนจะยืดกายเดินมุ่งออกไปด้านนอก
เอี๊ยด…
ประตูผลักเปิดออก
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินออกมาแล้วยืนอยู่ภายในลานบ้านพลางจ้องมองท้องฟ้า ขณะนี้เป็นยามดึกสงัด ดินแดนจิตโลกาแห่งนี้กับอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นไม่เหมือนกัน ที่นี่ไม่มีดวงอาทิตย์ ทั้งยังไม่มีดวงจันทร์ ในยามราตรี… ขณะนี้ก็มีเพียงแค่รัศมีของค่ายกลรักษาการณ์เหนือท้องฟ้าของนครหลวงรัฐประกายเพลิงเท่านั้นที่ส่องแสงให้กับนครหลวง
“การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจเป็นอย่างยิ่ง
แมลงอสูรห้วงอากาศเหล่านี้ให้วิญญาณสัมผัสทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุแก่เขาเป็นอย่างมาก เขามีความก้าวหน้าในด้านนี้เป็นอย่างยิ่ง ทางด้าน ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ นั้นไปถึงระดับที่เหนือกว่าจะจินตนาการได้แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงประมาณการณ์ว่า…เทียบระหว่างตนเองกับปรมาจารย์กู่ฉี ทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุน่าจะพอๆ กันแล้วกระมัง อยู่ห่างจากความสมบูรณ์สุดยอดที่แท้จริงอีกเพียงแค่ก้าวสุดท้ายก้าวเดียวเท่านั้น
สำหรับความสำเร็จทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุ ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าแมลงอสูรห้วงอากาศที่มีอยู่เกือบทั้งหมด
“ตอนนี้ต้องการเพียงแค่การหยั่งรู้อีกเล็กน้อยเท่านั้น บรรลุขีดจำกัดอันสุดท้ายอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น…” สิ่งที่ในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงคิดก็คือชุดเกราะของแม่ทัพโม่กู่ เพราะมีเพียงแค่ลวดลายบนชุดเกราะนั้นเท่านั้นที่เป็นระดับขั้นอลวน อีกทั้งยังสูงสุดสมบูรณ์อย่างแท้จริง! กระชับง่ายดายอีกทั้งยังเต็มไปด้วยความรู้สึกงดงามอันน่าอัศจรรย์ กระชับง่ายดายกว่าเคล็ดการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดของจักรพรรดิเก้าเมฆาและศาสตร์ของบรรพชนห้วงอากาศเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าแมลงอสูรห้วงอากาศแต่ละตัวจะมีเอกลักษณ์ ทว่าต่างก็มิได้ไปถึงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด เพียงแค่ให้ทิศทางแนวคิดอ้างอิงที่แตกต่างกับตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้น
“เหลือเพียงแค่การบรรลุสุดท้ายเท่านั้น”
ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดหนักอยู่ชั่วครู่ แล้วทิ้งไปจากสมองในทันที
“ภาพแก่นเล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็จนใจ
การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเป็นเรื่องยากโดยแท้! กระทั่งพวกประมุขรัฐเมฆทักษิณาและจักรพรรดิเก้าเมฆาต่างก็ไม่สามารถสำเร็จการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดตั้งแต่ยังเป็นขั้นอลวนได้ แน่นอนว่าพวกเขามิได้มีโชคเช่นป๋อเสวี่ยอิงนี้ สามารถสำรวจเกราะของแม่ทัพโม่กู่ได้ วันเวลาที่บรรพชนห้วงอากาศสำรวจยาวนานพอสมควร บางทีอาจสามารถสำรวจสำเร็จได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีทางกลับไปได้อีกแล้ว
แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ‘ภาพแก่น’ ก็ง่ายดายกว่า
ถึงอย่างไรก็ต้องการเพียงแค่ความสำเร็จเล็กๆ เท่านั้น! ไม่จำเป็นต้องเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แล้วยิ่งไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ!
“แมลงอสูรห้วงอากาศที่ข้าสำรวจมากมายเหลือเกิน ทิศทางการขัดเกลาก็มีมากมายเหลือเกิน ทั้งยังคอยกวนใจข้า ถึงอย่างไรข้าก็ต้องการเพียงแค่ความสำเร็จเล็กๆ เท่านั้นเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “สงบจิตสงบใจเสีย ตามทิศทางที่ข้ามีความมั่นใจมากที่สุดไปแล้วสำรวจศึกษาไปอีกก็น่าจะสามารถสำเร็จได้แล้ว”
“พี่เสวี่ยอิง”
โหวชวีหมิงเข้ามาหา เขารับสัมผัสได้ว่าประตูตำหนักที่ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวกเปิดออก
“โหวชวีหมิง ข้าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “สบายใจได้”
“ท่านต้องระวังตัวหน่อยนะ อยู่ภายในตำหนักทิพย์ก็ยังพอไหว แต่ข้างนอกนั้นไม่แน่ว่าลัทธิกระบี่สวรรค์อาจมีวิธีการลอบจัดการท่านอยู่ก็เป็นได้” โหวชวีหมิงเอ่ยเตือน
“วางใจเถิด”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขามิได้ใส่ใจกับสิ่งนี้เลย
ถึงขนาดที่ในใจของเขายังแอบรอคอยสงคราม การต่อสู้ที่ทำให้ตนมีแรงกดดันอย่างเพียงพอ บางทีอาจสามารถทำให้ตนเกิดการบรรลุขึ้นก็ได้!
……
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงไปจากตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง เดินตามลำพังภายใต้ราตรีอันมืดมิดบนท้องถนนของนครหลวงรัฐประกายเพลิง ถึงแม้ว่าจะเป็นราตรีกาล แต่ร้านรวงจำนวนมากมายบนท้องถนนก็ยังคงเปิดอยู่เช่นเดิม โรงสุราแต่ละแห่งก็ยังคงคึกคัก ถึงอย่างไรสำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว… กลางวันและกลางคืนก็มิได้แตกต่างกันมากนัก
และบริเวณรอบๆ ก็ย่อมมีสายสืบที่ลัทธิกระบี่สวรรค์จัดเตรียมเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว
“พบตัวอิงซานเสวี่ยอิงแล้ว”
“อิงซานเสวี่ยอิงปรากฏตัวแล้ว”
“เขาออกจากตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาตามลำพังคนเดียว”
ข่าวสารถูกรายงานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น