Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 33 ตอนที่ 51-53
ตอนที่ 51 วันเวลา
Ink Stone_Fantasy
“ขอบคุณท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังทำความเคารพ
แม่เฒ่าอิงซานที่อยู่ด้านข้างก็เผยรอยยิ้ม หากแต่นางเองกลับรู้สึกว่าปกติเป็นอย่างยิ่ง อิงซานเสวี่ยอิงเป็นผู้ที่เปล่งประกายจับตาที่สุดในประวัติศาสตร์รัฐเมฆทักษิณา กระทั่งบรรพชนฝานก็ยังอยากจะรับเป็นศิษย์ มอบมังกรมารตนหนึ่งให้จะนับเป็นอะไรได้เล่า
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้าแล้วมองไปทางศิษย์ห้าคนที่อยู่ด้านข้างพลางพูดยิ้มๆ อย่างเรียบเฉยว่า “นี่คือศิษย์พี่ชายหญิงทั้งห้าของเจ้า คิดว่าเจ้าน่าจะรู้จักหมดแล้วล่ะ”
ศิษย์ถ่ายทอดเองของประมุขรัฐเป็นบุคคลระดับบนของรัฐเมฆทักษิณา ผู้ที่อ่อนแอที่สุดต่างก็เป็นเฟิงอ๋อง ต่างก็มีชื่อเสียงร่ำลือไปไกล ก็ย่อมเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว
“คารวะศิษย์พี่ชายหญิงทุกท่าน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
บุคคลทั้งห้าตรงหน้านี้
ศิษย์พี่ใหญ่คือจ้าวทานเผิง ซึ่งก็คือหนึ่งในจ้าวทั้งสามแห่งรัฐเมฆทักษิณา! จ้าวทานเผิงติดตามประมุขรัฐเมฆทักษิณามาตั้งแต่ก่อนที่ประมุขรัฐจะสร้างรัฐขึ้นมาเสียอีก มีความจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง ตอนนั้นประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็มีวันเวลาที่แร้นแค้นเศร้าโศกอยู่บ้างเช่นกัน ก็ย่อมมีใจอาลัยอาวรณ์เป็นธรรมดา มีความตั้งใจในการชี้แนะจ้าวทานเผิงเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่ทุ่มเทสมบัติล้ำค่านานาชนิดให้กับจ้าวทานเผิง จ้าวทานเผิงจึงเหยียบย่างจากขั้นอลวนเข้าสู่ขั้นเทพจักรวาลในที่สุด
ศิษย์พี่รอง ‘กงเหลียงอี้’ ขั้นอลวนชั้นที่สิบ เป็นผู้มีพรสวรรค์ขั้นรวมเป็นหนึ่งชั้นที่แปดที่หาได้ยากคนหนึ่งในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ทั้งยังเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งรัฐที่กราบคารวะเข้าสู่สำนักของประมุขรัฐเมฆทักษิณา
ศิษย์พี่หญิง ‘ท่านหญิงกุ่ยลี่’ จัดเป็นลำดับที่สาม ก็เป็นขั้นอลวนชั้นที่สิบเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับศิษย์พี่รองแล้วก็อ่อนด้อยกว่าอยู่พอสมควร
ฟู่หลิงอวิ๋นและฟู่หลิงเซียว
พี่น้องคู่นี้…จัดเป็นลำดับที่สี่และห้า ตอนนั้นที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาอยู่ในสภาพน่าเวทนา คนรอบกายที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดมิใช่จ้าวทานเผิง หากแต่เป็น ‘ฟู่เฉิน’ ยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบที่ล้ำเลิศอีกคนหนึ่ง ฟู่เฉินทุ่มเทติดตาม ความสัมพันธ์กับประมุขรัฐเมฆทักษิณานั้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ก็คล้ายกับพี่น้อง หลังจากฟู่เฉินตายไปแล้ว ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ตั้งใจเลี้ยงดูบุตรทั้งสองที่ฟู่เฉินทิ้งเอาไว้ รอให้เด็กสองคนนี้กลายเป็นขั้นอลวน อีกทั้งยังรับเป็นศิษย์ถ่ายทอดเอง แล้วยังทุ่มเทสมบัติล้ำค่ามากมายมหาศาลให้กับพวกเขาสองคนอย่างไม่เสียดาย
แต่พี่น้องคู่นี้ เดิมทีพรสวรรค์ก็สามัญธรรมดา ถึงแม้ว่าจะทุ่มสมบัติล้ำค่าให้มากกว่านี้ ตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่ขั้นอลวนชั้นที่เก้าเท่านั้นเอง
ดูจากตรงจุดนี้ ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ยังมีใจอาวรณ์อยู่
“ศิษย์น้อง” ศิษย์พี่ชายหญิงทั้งห้าต่างก็พูดพลางยิ้มน้อยๆ อยู่ต่อหน้าท่านอาจารย์ แต่ละคนต่างก็มีมิตรไมตรีเป็นอย่างดี
******
วันที่สอง
ก็คือวันพิธีแต่งตั้ง สมญานามนั้นก็เป็นตนเองที่ได้ตัดสินเอาไว้ก่อนแล้ว พอถึงเวลานั้นก็แค่เดินผ่านก็ใช้ได้แล้ว
ผู้คนจำนวนมากต่างก็ชอบใช้ชื่อของตนเองมาเป็นสมญานาม! แม้กระทั่งการก่อตั้งตระกูลแห่งหนึ่ง ชื่อของตนก็จะกลายเป็นชื่อสกุลของทั้งตระกูล
สมญานาม พอถึงเวลาก็อาจกลายเป็นชื่อของเมือง หรือชื่อของคฤหาสน์ ดังนั้นจึงมีผู้บำเพ็ญบางคนที่ไม่ชอบให้ชื่อของตนแพร่หลายไปยังโลกภายนอก ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงได้ตั้งสมญานามอย่างง่ายๆ ให้ตนเองว่า ‘หิมะเหิน’ นี่ก็คือชื่อปลอมที่เขาเคยใช้มาก่อน ทั้งยังเป็นชื่อของหอกยาวที่เขาเคยใช้ตอนที่ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาอีกด้วย
ทั่วทั้งรัฐเมฆทักษิณาคึกคักเป็นอย่างยิ่ง ภายในพระราชวัง อ๋องโหวราวกับม่านเมฆ แม้กระทั่งรัฐประเทศบริเวณรอบๆ จำนวนหนึ่งต่างก็มีผู้แกร่งกล้ามาร่วมแสดงความยินดี งานเลี้ยงแสดงความยินดีที่ตามมานั้นก็ยิ่งคึกคัก ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะไม่ชมชอบความคึกคักมีชีวิตชีวา แต่ก็ยังจัดการไปพบจ้าวและอ๋องโหวแต่ละท่าน! คราวนี้เทพจักรวาลที่มาจากภายนอกก็มีอยู่หลายท่าน ส่วนผู้รับผิดชอบของขุมอำนาจใหญ่จำนวนหนึ่งที่อยู่ที่นี่ก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก
หกรัฐโบราณต่างก็มีสาขาย่อยจำนวนหนึ่งอยู่ที่นี่ จะว่าไปแล้วก็แทบทุกตระกูล ล้วนมีความเป็นมาอันใหญ่โตอย่างยิ่ง
แต่เหล่าผู้บำเพ็ญก็ยังดูจากพลังยุทธ์อยู่ดี ถ้าหากพลังยุทธ์ไม่ได้เรื่อง สถานะในตระกูลใหญ่ก็ต่ำต้อย นอกจากผู้ที่เป็นเช่น ‘องค์ชายใหญ่’ ผู้เป็นบุตรคนแรกของประมุขรัฐเมฆทักษิณา ที่เป็นที่รักใคร่เอ็นดู
……
หลังพิธีแต่งตั้งผ่านพ้นไป
ภายในรัฐเมฆทักษิณาเริ่มทำการสร้างปราการ ‘เมืองหิมะเหิน’ เป็นถึงเมืองของตงป๋อเสวี่ยอิง ถึงอย่างไรเฟิงอ๋องทุกคนต่างก็มีเมืองอยู่แห่งหนึ่ง! และความที่เป็นถึงยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบคนที่หกของรัฐเมฆทักษิณา ปราการเมืองของเขาจึงใหญ่โตเป็นพิเศษ… อยู่ในระดับเดียวกันกับเมืองอิงซานเลยทีเดียว การจะก่อสร้างสถานที่แห่งนี้ หรือแม้กระทั่งการส่งตัวผู้บำเพ็ญจำนวนมากไป ก็จำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าร้อยล้านปี
ถึงอย่างไรเมืองใหญ่ระดับนี้ สิ่งที่ยากที่สุดคือค่ายกลต่างๆ ที่ผนึกสลักลงไป พูดถึงระดับความแกร่งกล้าของค่ายกล เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งประจำการ ค่ายกลหลอมรวมเข้ากับร่างกาย เทพจักรวาลธรรมดาทั่วไปที่มาที่นี่ล้วนถูกตงป๋อเสวี่ยอิงกำราบ!
ก่อนที่จะสร้างเมืองเสร็จ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พำนักอยู่ในนครหลวงเป็นการชั่วคราว
……
วันเวลาเคลื่อนผ่านไป
เพียงพริบตาก็เป็นเวลาสามร้อยล้านปีเศษหลังจากเป็นเฟิงอ๋องแล้ว
ณ เมืองหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณา
เมืองหิมะเหินสร้างเสร็จเรียบร้อยนานแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พาผู้คนจำนวนหนึ่งจากจวนท่านโหวหั่วเลี่ยมาที่นี่ โดยเฉพาะผู้ล้ำเลิศทางสายของอิงซานเลี่ยฮู่ผู้เป็นบิดาจำนวนหนึ่ง มายังเมืองหิมะเหินเพื่อช่วยจัดการธุระต่างๆ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้จัดการเมืองแห่งนี้อย่างผ่อนคลายสบายใจ เพราะนอกจาก ‘เมืองหิมะเหิน’ แล้วก็ยังสร้างเมืองอีกเก้าแห่ง ซึ่งล้วนเป็นเมืองที่ร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิงรับผิดชอบนิทราประจำการ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” วันคืนของอิงซานเลี่ยฮู่สดใสนัก เมืองใหญ่ระดับเมืองหิมะเหินนี้มีดอกผลเป็นกอบเป็นกำ ส่วนภาระงานของตงป๋อเสวี่ยอิงผู้เป็นเจ้าเมืองผู้นี้ โดยทั่วไปแล้วล้วนให้หรงซิงหลันและอิงซานเลี่ยฮู่สองคนช่วยกันรับผิดชอบ อิงซานเลี่ยฮู่ก็ย่อมสุขใจนัก
ภายในเจดีย์เทพอากาศขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญอยู่ภายในนั้น นั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินใหญ่ที่แขวนลอยอยู่กลางอากาศภายในเจดีย์เทพ
ร่างกายของเขาสามัญธรรมดายิ่ง มิได้มีกลิ่นอายของผู้แกร่งกล้าแต่อย่างใดเลย นี่ก็เป็นธรรมดาของร่างเมฆทักษิณาทิพย์ระดับชั้นที่สิบอันสมบูรณ์ ต้องรู้ไว้ว่าถึงแม้จะเป็นระดับชั้นที่สิบอันสมบูรณ์… ทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุก็มิได้ไปถึงขั้นสูงสุดเช่นกัน การกลายเป็นอากาศธาตุที่ไปถึงขั้นสูงสุดอย่างแท้จริงนั้น นั่นจะต้องสามารถรวมเป็นร่างเดียวกันกับแก่นห้วงอากาศได้อย่างแท้จริง คือสามารถหายตัวได้อย่างสมบูรณ์ จนเทพจักรวาลที่แกร่งกล้ายังสังเกตไม่พบกลิ่นอายเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่ากลิ่นอายในตอนนี้จะรวมตัวกันอย่างธรรมดาๆ แต่พูดถึงการกลายเป็นอากาศธาตุ ก็ยังห่างจากการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดอยู่ไม่น้อย
ถึงอย่างไรเคล็ดการกลายเป็นอากาศธาตุไร้สลายของท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณา ก็จำเป็นต้องสำเร็จเป็นเทพจักรวาลก่อนจึงจะมีหวังที่จะสำเร็จเคล็ดวิชาได้! ส่วนขั้นอลวนนั้นย่อมไม่มีความหวังเลยแม้แต่นิดเดียว
“ก็ยังต้องให้ข้าคิดค้นเองอยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมมิได้ตายใจ เขาเคยเห็นเกราะเกล็ดของ ‘แม่ทัพโม่กู่’ ฝูงมารผลาญทำลายผู้มีพรสวรรค์ไร้เงา ลวดลายบนเกราะเกล็ดนั้นย่อมบ่มเพาะทั้งความกระชับและความลึกลับ ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกมีความหวังว่าจะบำเพ็ญระดับขั้นอลวนได้สำเร็จอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่การจะคิดค้นให้สำเร็จออกมาได้นั้นช่างยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าความคิดจิตใจของเขาในตอนนี้มิได้อยู่ทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุ
หากแต่เป็นวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า
“ปัง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงความคิดวูบไหว ร่างกายมีรัศมีจางๆ อักขระเทพภายในกายจำนวนนับไม่ถ้วนสว่างวาบขึ้นมา ร่างกายนี้เป็นที่ชื่นชอบของห้วงอากาศอย่างแท้จริง ลึกล้ำยิ่งกว่าร่างผู้ท่องอากาศและการแทรกซึมของห้วงอากาศในชาติก่อนเสียอีก อาศัยการกระตุ้นร่างเมฆทักษิณาทิพย์ ในที่สุดตงป๋อเสวี่ยอิงก็สำแดงหมัดนี้ออกมาได้สำเร็จ
ปัง
หมัดอันดุดันไร้คลื่น หมัดอันหนักหน่วงหาใดเปรียบ ราวกับแฝงด้วยพละกำลังของทั้งห้วงอากาศ ถูกปล่อยออกมาในทันใด
“พลั่ก”
ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียง นั่นคือเสียงที่ได้ยินจากการอาศัยการรับสัมผัสอากาศเพียงอย่างเดียวล้วนๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งรู้สึกได้ว่าอนุภาคทรงกลมหมอกดำที่เล็กที่สุดที่ประกอบเป็นแก่นห้วงอากาศนั้น กลับมีอนุภาคทรงกลมหมอกดำสามอนุภาคแตกกระจายออกมาในขณะนี้ บริเวณที่หมัดปะทะนั้นมีความน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง! ราวกับเชื่อมต่อกับโลกที่น่าหวาดหวั่นอีกใบ เพราะรอยแยกเล็กเกินไปจึงมิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายอันลึกลับสายหนึ่งส่งจากกลางรอยแยกนั้นเข้ามา แต่ทันใดนั้นรอยแยกขนาดเล็กเป็นที่สุดอันเกิดจากอนุภาคทั้งสามที่แตกกระจายก็สมานเข้าด้วยกันเอง
“โลกใบนั้น…” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นแล้ว
นี่เป็นครั้งที่เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด
ทลายเวหา ระเบิดทำลายกรงของโลกกำเนิดแห่งนี้ ถึงแม้ว่ารอยแยกจะเล็กจนมิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่อาศัยรอยแยกขนาดเล็กเป็นที่สุดนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ ‘มองเห็น’ แล้วจริงๆ
“อาศัยกลิ่นอายลึกลับที่แพร่ซึมมาจากรอยแยกนั้นบำเพ็ญเคล็ดร่างแยก” ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงค่อยมีปฏิกริยาตอบสนองขึ้นมา แต่เขาตกตะลึงมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ กลิ่นอายลึกลับสายนั้นก็ได้กระจายไปจนหมดสิ้นเสียแล้ว
ตอนที่ 52 วิถีเขตลวงโลกเทียม
Ink Stone_Fantasy
ยืนอยู่บนก้อนหินใหญ่ที่แขวนลอย ผิวกายเปล่งรัศมีจางๆ มือกุมหอกเทพเมฆาแดงแล้วแทงออกไปอีกครั้ง ฝีหอกนี้ดูคล้ายจะธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับแฝงไว้ด้วยพละกำลังของทั้งห้วงอากาศ ในท้ายที่สุดก็ยังเหนี่ยวนำให้แก่นห้วงอากาศอันดั้งเดิมนั้นแตกสลาย บริเวณที่ปลายหอกแทงไปมีรอยแยกขนาดเล็กเป็นที่สุดปรากฏขึ้น สมกับที่เป็นอาวุธของนายท่านฉื้ออวิ๋นในตอนนั้น ภายใต้ฝีหอกนี้ รอยแยกก็ใหญ่กว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า
การจะตีแก่นห้วงอากาศให้แตกและทลายกรงให้เปิดออกนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน
อย่าง ‘บรรพชนห้วงอากาศ’ แห่งอากาศอันสับสนอลหม่านก็ยังทำมิได้ เทพจักรวาลจำนวนมากมายก็ยังทำมิได้เช่นกัน
มิใช่ว่ามีพลานุภาพมากแล้วจะทำได้ การหา ‘ทิศทาง’ ที่ถูกต้องนั้นจำเป็นมากยิ่งกว่า
ก็เหมือนกับเคล็ดร่างแยก เสาะหาทิศทางที่ถูกต้อง ขั้นอลวนก็ยังสามารถศึกษาสำเร็จได้! เช่นจ้าวภูเขาฉื้อเหมยก็เป็นเช่นนี้ แต่ถ้าหากสับสนไร้ซึ่งแนวทาง แม้กระทั่งระดับอย่างจอมเทพศักดิ์สิทธิ์และเจ้าศิลา ก็ยังมิอาจคิดค้นเคล็ดร่างแยกออกมาได้
‘ทลายเวหา’ ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน!
นี่คือการใช้งานอย่างประณีตที่สุดทางด้านห้วงอากาศ เป็นการใช้กาลมิติบริเวณรอบๆ การโจมตีของตนมาทำการปะทะ ในขณะเดียวกันกับที่กาลมิตินั้นทนรับไม่ไหว ในท้ายที่สุดก็จะเหนี่ยวนำให้เกิดการถล่มทลายของแก่นขึ้นบางส่วน!
‘ทลายเวหา’ ก็คือเคล็ดวิชาระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบ! อันที่จริงแล้วเคล็ดวิชาที่ดัดแปลงให้ง่ายลงวิถีเดียวกันกับมันก็คือ ‘บดขยี้อากาศ’ เคล็ดวิชาระดับขั้นอลวนชั้นที่เก้า ที่ดัดแปลงให้อ่อนลงอีก ก็คือเคล็ดวิชาระดับขั้นอลวนชั้นที่แปด ‘ธุลีสลาย’…
เหตุผลเดียวกัน
‘งดงามดุจภาพวาด’ ก็คือเคล็ดสืบทอดลับสองกระบวนท่า เป็นเคล็ดวิชาระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบ ภายใต้การดัดแปลงให้ง่ายลงของมัน ก็คือ ‘ดาบจิตโลกา’ ระดับขั้นอลวนชั้นที่เก้า
วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า…
ในความเป็นจริงแล้วหลักๆ ก็ตามวิถีอยู่สองสาย ลึกล้ำเข้าไปอย่างไม่สิ้นสุด ‘งดงามดุจภาพวาด’ และ ‘ทลายเวหา’ เดิมทีเป็นเคล็ดวิชาระดับเทพจักรวาล ในด้านระดับความลึกลับนั้นเหนือกว่าเคล็ดวิชาใดๆ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดค้นขึ้นเอง อาศัยร่างเมฆทักษิณาทิพย์ระดับชั้นที่สิบอันสมบูรณ์จึงสามารถสำแดงได้อย่างพอถูไถ และสองกระบวนท่านี้ยังสามารถลึกล้ำเข้าไปได้อย่างต่อเนื่องแล้วแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ แต่นั่นจำเป็นจะต้องเป็นทพจักรวาลจึงจะสามารถศึกษาได้
“ทิศทางถูกต้องแล้ว เคล็ดวิชาระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบ ล้วนสามารถทลายกรงให้แตกได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยรอยแยกขนาดเล็กจิ๋วที่ก่อตัวขึ้นจากการแตกกระจายตัวของทรงกลมหมอกดำมากมาย แล้ว ‘มองดู’ โลกภายนอกอีกครั้ง การ ‘มองดู’ เช่นนี้ของเขา ก็เป็นสติรับรู้แพร่ผ่านทำการรับสัมผัสชนิดหนึ่งเช่นกัน
ดินแดนจิตโลกากว้างใหญ่ไพศาลเป็นอย่างยิ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นดินแดนอันใหญ่โตมหึมาหาใดเปรียบผืนหนึ่ง ทั้งยังได้เห็นดวงดาวที่รายล้อมอยู่รอบๆ ดินแดนทั้งหมดด้วย
นอกจากจะมองเห็น ‘ดินแดนจิตโลกา’ โลกกำเนิดแห่งนี้อย่างรางเลือนแล้ว ที่บริเวณอันไกลโพ้นเหลือคณาก็ยังมีโลกกำเนิดอันใหญ่โตมหึมาอีกแห่งหนึ่งอยู่รำไรด้วย
“โลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “อากาศอันสับสนอลหม่านและดินแดนจิตโลกา นอกจากโลกกำเนิดสองแห่งนี้แล้วยังมีโลกกำเนิดแห่งอื่นอยู่อีกด้วย”
“แต่หยวนทำให้ผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศในอากาศอันสับสนอลหม่านมีโอกาสกลับชาติมาเกิดยังดินแดนจิตโลกา ดูท่าทางดินแดนจิตโลกาก็คงจะนับได้ว่ามีพื้นฐานอันล้ำลึกเป็นที่สุดในบรรดาโลกกำเนิดจำนวนมากมายแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงครุ่นคิดเงียบๆ
การสำแดงวิชา ‘ทลายเวหา’ ครั้งแล้วครั้งเล่า การพินิจดูครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงแม้ว่าการพินิจดูทุกครั้งจะน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกที่คล้ายกับการเหยียบย่างเข้าสู่ชีวิตอีกระดับขั้นหนึ่งนั้นทำให้เขาหมกมุ่น แต่เขาเข้าใจดีว่าตอนนี้เขายังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในกรงขังเช่นเดิม เพียงแต่สามารถเปิดรอยแยกขนาดเล็กมากๆ เส้นหนึ่งได้อย่างทุลักทุเลเท่านั้น
“ฟิ้ว…”
กลิ่นอายลึกลับสายแล้วสายเล่าแทรกผ่านจากโลกระดับที่สูงขึ้นเข้ามายังโลกกำเนิด
ตงป๋อเสวี่ยอิงทำการโคจร ‘เคล็ดร่างแยก’ ในทันที เคล็ดวิชานี้อันที่จริงแล้วเป็นเคล็ดลับวิญญาณ เริ่มต้นเหนี่ยวนำกลิ่นอายลึกลับสายแล้วสายเล่านั้นให้พุ่งมาทางดวงวิญญาณของตนเองในทันใด แล้วถูกวิญญาณดูดซับเข้าไป ภายใต้การเหนี่ยวนำของเคล็ดลับ ก็ค่อยๆ แทรกเข้าไปภายในดวงวิญญาณ ในขณะนี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเกิดความรู้สึกดวงวิญญาณสั่นสะท้านชนิดหนึ่ง ดวงวิญญาณกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง แต่เขาก็เข้าใจได้อย่างรางๆ ว่านี่คือความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีชนิดหนึ่ง
ดูเหมือนว่าตัวตนจะเข้ากันได้ดีกับห้วงอากาศมากยิ่งขึ้น ช่างแสนสบายคล้ายกับว่าตนเองเกิดมาก็ควรจะเป็นส่วนหนึ่งของห้วงอากาศแล้ว
……
เพราะรอยแยกระเบิดเปิดทางเล็กเกินไป กลิ่นอายลึกลับที่แทรกตัวเข้ามาก็อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญเพียงแค่สิบกว่าวันก็รู้สึกว่าวิญญาณมิอาจยกระดับขึ้นไปได้อีกแล้ว
“พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินใหญ่ ทันใดนั้นเงาร่างอันรางเลือนสายหนึ่งก็บินออกมาจากผิวกายแล้วร่อนลงนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกาย เงาร่างนั้นดูดกลืนพลังฟ้าดินอย่างบ้าคลั่งแล้วแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทองคนหนึ่ง
“สำเร็จแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสองคนประสานสายตากัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นสองร่างกาย หากแต่ความทรงจำกลับเหมือนกันทุกประการ
แต่ร่างกายที่รวมร่างได้สำเร็จขึ้นมาใหม่นั้นเป็นเพียงแค่กายเนื้ออันสามัญธรรมดาเท่านั้น ไม่มีร่างเมฆทักษิณาทิพย์ อีกทั้งยังไม่มีหอกเทพเมฆาแดง ก็ย่อมไม่มีทางสำแดงเคล็ดวิชาระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบออกมาได้
“กลิ่นอายลึกลับที่วิญญาณของข้าดูดซับนั้นน้อยเกินไป ความเปลี่ยนแปลงก็ไม่มากนัก ภายใต้ความกดดันของกฎเกณฑ์สูงสุดก็เพียงแค่สามารถแบ่งร่างแยกออกมาได้ร่างหนึ่งเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ เขาได้รับเคล็ดร่างแยกอันสมบูรณ์แล้วก็เข้าใจดีว่าที่ไม่มีทางสำแดงเคล็ดร่างแยกได้นั้นก็เพราะกฎเกณฑ์สูงสุดเป็นเหตุเพียงอย่างเดียว แต่ว่ากลิ่นอายลึกลับที่ดูดซับมาจากภายนอกกรงนั้นสามารถทำให้วิญญาณเกิดการวิวัฒน์ได้
การวิวัฒน์เช่นนี้มีความแตกต่างกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ภายในโลกกำเนิด ถ้าหากไม่ดูดซับกลิ่นอายลึกลับ ต่อให้เป็นเทพจักรวาลก็ไม่มีทางแยกร่างได้
และตามการยกระดับของการเปลี่ยนแปลงพรรค์นี้ จำนวนของร่างแยกก็สามารถเพิ่มขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
ร่างแยกทั้งสองประสานสายตากัน
ร่างแยกอาภรณ์ทองมีพลังยุทธ์อ่อนแอกว่าอยู่พอสมควร ตามแผนของตงป๋อเสวี่ยอิงก็คือจะไม่ออกไปทำการต่อสู้หรือสังหาร ดังนั้นความสามารถในการดำรงชีวิตของเขาที่ ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ ก็ทิ้งไว้ในวิญญาณของร่างแยกอาภรณ์ทอง ถึงอย่างไร ‘วิญญาณแบ่งเป็นสอง’ พลังของป้ายคำสั่งจิตโลกาก็สามารถเลือกได้เพียงแค่ร่างแยกเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าร่างแยกอาภรณ์ขาวจะมีพลังรบที่แข็งแกร่งกว่า แต่สุดท้ายแล้วเมื่อออกไปเสี่ยงอันตรายภายนอก ผู้ใดจะล่วงรู้ได้ว่าจะตายตกไปในวันใด
******
บำเพ็ญอย่างไม่รู้วันคืน
ในทางหนึ่งตงป๋อเสวี่ยอิงก็มุ่งมั่นกับวิถีอากาศ เคล็ดสืบทอดลับทั้งสองกระบวนก็ฝึกสำเร็จไปก่อนแล้ว เขาก็ย่อมกำลังหยั่งรู้ความลึกลับที่แฝงอยู่ภายใน ‘หอกเทพเมฆาแดง’ และกำลังวิวัฒน์ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ อยู่ เขาอยากจะสำเร็จการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดตั้งแต่ยังเป็นขั้นอลวนมาโดยตลอด! ศึกษาทิศทางห้วงอากาศที่แตกต่างกันไปพร้อมๆ กัน ในท้ายที่สุดแล้วก็ย่อมมีประโยชน์กับการเหยียบย่างเข้าสู่เทพจักรวาล
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้เขาใช้เวลากว่าครึ่งไปกับการบำเพ็ญ ‘เขตลวงโลกเทียม’
เขตลวงโลกเทียมก็ไปถึงขั้นอลวนก่อนแล้ว ตอนนี้ก็ยังคงปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง! ชาติก่อนระดับขั้นสูงพอ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่พบกับจุดคอขวด การบำเพ็ญอย่างไม่หยุดหย่อน กระทั่งในท้ายที่สุดก็คิดค้นเคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่เก้าออกมาได้อีกครั้ง
วิถีห้วงอากาศ เขายังก็มีความติดขัดอยู่พอสมควร ถึงอย่างไรชาติก่อนถึงแม้ว่าเขาจะสั่งสมอย่างหนักแต่กลับมิอาจคิดค้นเคล็ดวิชาระดับชั้นที่เก้าออกมาได้เลย
เขตลวงโลกเทียม ถึงแม้ว่าจะเริ่มช้า แต่ยิ่งถอยหลังกลับยิ่งรวดเร็วขึ้น ถึงขนาดที่คิดค้นโลกเขตลวงระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดออกมาได้ในคราวเดียว ตำราเขตลวงโลกเทียมสิบแปดเล่มที่เขาได้รับนั้นล้วนเคยศึกษามาแล้วทั้งสิ้น ถึงขนาดทำให้ระดับความแข็งแกร่งของวิญญาณตนเองนั้นแกร่งกว่ายอดฝีมือขั้นอลวนระดับสุดยอดถึงสามสี่เท่า นี่ก็คือประโยชน์ที่เพียงแค่วิถีทางด้านวิญญาณเท่านั้นจึงจะมี
และ ‘เขตลวงโลกเทียม’ ก็เป็นวิชาทางด้านวิญญาณ
“ที่ขั้นอลวน ภายใต้สถานการณ์ปกติ นี่ก็คือระดับสุดยอดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
“นอกเสียจากว่าจะมีเคล็ดลับระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบ หรือสมบัติลับล้ำค่าอันกล้าแกร่งของเขตลวงโลกเทียม” ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดใคร่ครวญ
แตกต่างกันกับวิถีอื่นๆ
วิถีวิญญาณนั้นพบเห็นได้ยากที่สุด เหมือนกับที่อากาศอันสับสนอลหม่าน ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นคนแรกที่ทำให้ ‘เขตลวงโลกเทียม’ ในระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ไปถึงขั้นอลวน! ต่อให้นับรวมศาสตร์โบราณด้วย ก็ไม่มียอดฝีมือด้านเขตลวงโลกเทียมระดับเทพจักรวาลเลยแม้แต่คนเดียว
วิถีทางนี้… เห็นได้ชัดว่ายากแก่การบำเพ็ญยิ่งกว่าน้ำ ไฟ สายฟ้า อนุภาค กาลมิติ และสิ่งอื่นๆ ที่สามารถสัมผัสได้ เขตลวงโลกเทียมเป็นการสร้างโลกใหม่ใบหนึ่งขึ้นมาเพียงอย่างเดียวล้วนๆ ยากเย็นเป็นที่สุดราวกับการสร้างโลกขึ้นมาใหม่
แม้กระทั่งดินแดนจิตโลกาที่มีพื้นฐานอันลึกล้ำเป็นที่สุดก็ตาม
เคล็ดลับเขตลวงโลกเทียมระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบใดๆ ก็ตาม ต่างก็เป็นเคล็ดสืบทอดลับที่ไม่เผยแพร่ออกสู่ภายนอกทั้งสิ้น! ความล้ำค่านั้นไม่ด้อยไปกว่าเคล็ดสืบทอดลับอื่นๆ ที่มุ่งตรงไปสู่จุดสูงสุดเลย
ตอนที่ 53 คำสั่งให้มุ่งหน้าไป
Ink Stone_Fantasy
เหตุผลที่ล้ำค่ามากถึงเพียงนี้ หนึ่งก็คือเทพจักรวาลทางด้าน ‘เขตลวงโลกเทียม’ นั้นมีน้อยนิดเป็นที่สุด ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นก็คือเคล็ดลับวิถีวิญญาณนั้นน่ากลัวเกินไป!
อย่างเช่น ‘เขตลวงโลกเทียม’
เขตลวงระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบหมายความถึงสิ่งใด
ต้องรู้ไว้ว่ายอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบกลุ่มใหญ่รวมทั้งตงป๋อเสวี่ยอิงและแม่เฒ่าอิงซานต่างก็ต้องอาศัยพลังภายนอกด้วยกันทั้งสิ้น เช่นการอาศัยร่างเมฆทักษิณาทิพย์ การอาศัยหอกเทพเมฆาแดง เป็นต้น… หากอาศัยเพียงแค่ระดับขั้นอลวนของตนเอง อย่างมากก็เพียงแค่ระดับชั้นที่เก้าเท่านั้น จำเป็นจะต้องอาศัยวัตถุภายนอกจึงจะสำแแดงชั้นที่สิบออกมาได้ ระดับความแข็งแกร่งของวิญญาณของพวกเขาก็พอๆ กันกับยอดฝีมือระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดในอากาศอันสับสนอลหม่าน
มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น…
ผู้ที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางด้านวิถีวิญญาณจำนวนหนึ่งอย่างเช่นตงป๋อเสวี่ยอิง วิญญาณจีงจะสามารถไปไกลกว่าระดับขั้นเดียวกันได้ มิฉะนั้นแล้วระดับความแกร่งของวิญญาณก็จะค่อนข้างมีขีดจำกัด แม้กระทั่งกลืนกิน ‘แก่นแท้อลวน’ หรือ ‘แก่นวิญญาณโลหิต’ ก็มิอาจมีส่วนช่วยเหลือดวงวิญญาณได้มากเท่ากับการที่ตงป๋อเสวี่ยอิงทำให้วิถีวิญญาณไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดเช่นนี้ได้เลย
แก่นแท้อลวนเป็นการดำรงอยู่อันกล้าแกร่งเป็นที่สุด สามารถรวมเอาพลังจากแก่นแท้ในโลกกำเนิดเข้าด้วยกันได้ เช่นเดียวกันกับ ‘ศิลาปฐมโลกา’
แก่นวิญญาณโลหิตนั้น เช่นการบูชาโลหิตของทะเลสาบมารทมิฬก็เพื่อสิ่งนี้ เป็นการสังหารสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน รวบรวมเอาพลังอันเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของวิญญาณของสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ผ่านการวิวัฒน์จนในที่สุดก็รวมตัวกันออกมาเป็น ‘แก่นวิญญาณโลหิต’ เมื่อนำมาใช้แล้วก็มีประโยชน์ต่อวิญญาณเป็นอย่างมหาศาล แต่มูลค่าก็สูงลิบลิ่ว
แต่ว่า…
โลกเขตลวงระดับชั้นที่เก้า ก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่ายอดฝีมือขั้นอลวนระดับสุดยอดได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากแล้ว ผู้มีพลังยุทธ์ส่วนใหญ่ต่างก็สามารถสำแดงออกมาได้เพียงแค่สี่ห้าส่วนเท่านั้น ผู้ที่จิตใจอ่อนแอหน่อย เกรงว่าคงจะจ่อมจมอยู่ภายในเขตลวง
ส่วนเขตลวงชั้นที่สิบนั้นก็น่ากลัวเสียแล้ว! ต่อให้เป็นำวกยอดฝีมือที่จิตใจแข็งแกร่งเป็นที่สุ
อย่างเช่นแม่เฒ่าอิงซาน เมื่อเผชิญกับเขตลวงที่เดิมทีมีเพียงเทพจักรวาลที่จะสำแดงออกมาได้นี้ โดยทั่วไปต่างก็ต้านทานไม่อยู่ เพราะพวกเขาสมบัติล้ำค่าจึงสามารถมาถึงชั้นที่สิบได้ มิได้หมายความว่าวิญญาณของพวกเขาก็จะสามารถต้านทานเขตลวงเช่นนี้ได้ด้วย พูดได้ว่ายอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบส่วนใหญ่ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขตลวงชั้นที่สิบก็ยังต้องจนตรอก ถ้าไม่จ่อมจม ก็ต้องดิ้นรนเพื่อจะรักษาสติเอาไว้ให้ได้ แต่กลับมิได้มีพลังจะมาต้านทานได้แต่อย่างใดเลย
นี่คือเคล็ดวิชาที่ล้ำเลิศเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อสำแดงเขตลวงออกมา
ถ้าวิญญาณมิได้แกร่งกล้าจนสามารถต้านทานเอาไว้ได้
เช่นนั้นหากมิอาจต้านทานได้ ก็ต้องหมดสิ้น จบชีวิต ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น
‘ยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบ’ ที่ดินแดนจิตโลกานั้นก็สามารถเดินอวดเบ่งได้ แม้กระทั่งเผชิญหน้ากับเทพจักรวาลก็ยังสู้มิได้ โดยทั่วไปแล้วพวกเขาก็สามารถหนีเอาชีวิตรอดได้อย่างง่ายดาย แต่เผชิญกับเคล็ดวิชาอันน่าหวาดหวั่นของวิถีวิญญาณ บทจะสะดุดก็สะดุดเสียอย่างนั้น
ดังนั้นเคล็ดลับ ‘เขตลวงโลกเทียม’ นี้ก็คือเคล็ดสืบทอดลับที่เป็นแก่นสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
โชคดี
หนึ่ง สามารถบำเพ็ญเขตลวงโลกเทียมมาถึงระดับสุดยอดได้ ขั้นอลวนผู้มีหวังที่จะสำเร็จเขตลวงชั้นที่สิบได้นั้นมีน้อยนัก ตอนนี้ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาก็มีอยู่น้อยจนสามารถนับนิ้วได้
สอง เคล็ดสืบทอดลับระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบก็มีเพียงแค่สามขุมอำนาจใหญ่เท่านั้นที่มี ซึ่งได้แก่ ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ ‘รัฐโบราณบรรพชน’ และ ‘รัฐโบราณเสียดฟ้า’
ต้องรู้ไว้ว่าหกรัฐโบราณ อย่างเช่นรัฐโบราณสหโลกานั้นมีพลังยุทธ์แข็งแกร่งเป็นที่สุด แต่ก็ยังไม่มีเคล็ดสืบทอดลับ ‘เขตลวงโลกเทียม’ เคล็ดวิชาระดับชั้นที่สิบเลย! ความยากในการครอบครองได้นั้นเพียงแค่คิดก็รู้ได้แล้ว
สาม สมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียม!
นี่คือวิธีการเพียงหนึ่งเดียวที่นอกจากสามรัฐโบราณแล้วอยากให้ขั้นอลวนสามารถทำให้ ‘เขตลวง’ สำแดงเคล็ดวิชาระดับชั้นที่สิบออกมาได้ นี่ก็ทำให้สมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมมีราคาแพงลิบลิ่วเป็นที่สุด!ชิ้นหนึ่ง… พลังคุกคามที่แกร่งกล้าที่สุดก็เป็นเพียงแค่เคล็ดวิชาระดับชั้นที่สิบเท่านั้น สมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับเทพจักรวาลเลยนั้น มูลค่าก็ยังต้องถึงหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาล สามารถเทียบเคียงได้กับอาวุธลับล้ำค่าของยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่อย่างนายท่านฉื้ออวิ๋นพรรค์นี้เลยทีเดียว
ถ้าหากเป็นสมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมที่มีประโยชน์ต่อเทพจักรวาลเป็นอย่างมาก เช่นนั้นราคาก็ยิ่งต้องสูงจนเหลือเชื่อ!
สมบัติลับล้ำค่าราคาสูงลิ่ว นอกจากนี้การหยั่งรู้สมบัติลับล้ำค่าศึกษาศาสตร์ลับก็ยังยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง ต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ล้นฟ้าอย่างเช่นตงป๋อเสวี่ยอิงนี้เท่านั้นจึงจะมีความหวัง มนุษย์น้ำแข็ง ราคาก็ยังสูงลิบลิ่วเช่นนี้
“ระดับขั้นของข้าเพียงพอแล้ว ขาดก็แต่สมบัติลับล้ำค่าเท่านั้นเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
เคล็ดสืบทอดลับอันสุดยอดที่สุดของเขตลวงโลกเทียมอย่างนั้นหรือ
ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
นครหลวงโบราณเฉกเช่นรัฐโบราณสหโลกานี้ยังมิอาจครอบครอง อีกสามนครหลวงโบราณก็มิอาจเผยแพร่ออกสู่ภายนอก นอกเสียจากว่าเขา ตงป๋อเสวี่ยอิง จะไปสวามิภักดิ์ต่อสามขุมอำนาจใหญ่นี้ ก็ไม่มีทางศึกษาสำเร็จได้เลย
……
เป็นถึงหนึ่งในหกศิษย์ถ่ายทอดเองที่มีเฉพาะในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เท่านั้น สถานะของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมสูงส่ง เขารวบรวมเพียงเล็กน้อยผ่านทางเครือข่ายข้อมูลของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ก็รวบรวมข้อมูลข่าวสารของสมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมที่ซื้อขายกันอย่างเปิดเผยอยู่ข้างนอกได้ในทันที
สมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมที่มีประโยชน์แม้กระทั่งกับเทพจักรวาลมีอยู่เพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น มีชื่อว่า ‘คทามารจิต’ เป็นสิ่งที่ ‘เจ้าลัทธิมารจิต’ เทพจักรวาลด้านเขตลวงโลกเทียมที่ตายตกไปทิ้งเอาไว้หลังสิ้นชีพ มิอาจทราบมูลค่าได้! จะต้องเจรจาต่อรองเอากับผู้ขาย
ถัดมา
ก็เป็นสมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบแล้ว มีด้วยกันทั้งสิ้นแปดชิ้น ราคาตั้งแต่หนึ่งหมื่นสองพันล้านแก้วผลึกจักรวาลสองหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาล
“สมบัติลับล้ำค่าประเภทเขตลวงโลกเทียม ช่างมีจำนวนน้อยนิดเสียจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง นี่ก็คือทั้งหมดที่มีขายกันอยู่ในหกรัฐโบราณและนครรัฐหนึ่งร้อยกว่าแห่งแล้ว แต่เป็นเพราะว่าผู้ที่ต้องการสมบัติลับล้ำค่าของเคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่สิบนั้นก็มีอยู่น้อยนิดเหลือเกิน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่กังวลใจเลยว่าจะไม่มีสมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมให้ซื้อหา
ปัญหาเดียวก็คือ ซื้อไหวหรือไม่
ขอยืมแก้วผลึกจักรวาลจากท่านอาจารย์หรือ ประมุขรัฐเมฆทักษิณามั่งมีเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังใจกว้างกับลูกศิษย์ยิ่งนัก แต่หมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาลน่ะหรือ ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ยังมิกล้าเอ่ยปากขอเลยด้วยซ้ำ!
******
ระหว่างระยะเวลาที่บำเพ็ญ ถึงแม้ว่าเขตลวงโลกเทียมและวิถีอากาศจะล่วงรู้ถึง ‘ระดับขั้นเทพจักรวาล’ อยู่บ้างรางๆ แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าการก้าวออกจากจุดนี้ก็ยังยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง
“เสวี่ยอิง มาพบข้าเร็วเข้า” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเรียกตัว
ทันใดนั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็นำมังกรมารไปจากเมืองหิมะเหินแล้วมุ่งหน้าไปยังนครหลวง
ณ สถานที่บำเพ็ญของประมุขรัฐเมฆทักษิณา ภายในพระราชวัง เขายังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้าสีดำเช่นเดิม สระลึกด้านหลังมีหมอกขาวทึบทึม ขณะนี้ด้านข้างมีชายวัยกลางคนร่างผอมสูงคนหนึ่งยืนอยู่
“ท่านอาจารย์”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงแล้วก็เอ่ยทักทายอย่างเคารพ
“บำเพ็ญเคล็ดสืบทอดลับทั้งสองศาสตร์สำเร็จแล้วหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอ่ยปากพูด
“บำเพ็ญสำเร็จแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เคล็ดร่างแยกเล่า”
“บำเพ็ญสำเร็จแล้วเช่นกันขอรับ”
“ดี”
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้าเบาๆ “ข้ามีภารกิจหนึ่งจะมอบให้เจ้า หากสำเร็จแล้วก็จะคิดให้เจ้าสองหมื่นแต้มความดีความชอบ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตั้งใจฟังต่อไป
สองหมื่นแต้มความดีความชอบอย่างนั้นหรือ
สูงเกินไปแล้ว ภายในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ตำราศาสตร์ลับทางด้านห้วงอากาศ ศิษย์ถ่ายทอดเองก็ไม่จำเป็นต้องใช้แต้มความดีความชอบในการแลกเปลี่ยน เพียงแค่บำเพ็ญตำราศาสตร์ลับศาสตร์หนึ่งไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอด จึงจะสามารถเลือกศาสตร์ต่อไปได้ หากมิได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ก็มิอาจละโมบได้
หากมิใช่ตำราศาสตร์ลับทางด้านห้วงอากาศก็ต้องไปแลกเปลี่ยนแล้ว ต้องการเพียงแค่แต้มความดีความชอบหนึ่งในสิบส่วนสำหรับแลกเปลี่ยน อย่างเช่นเคล็ดวิชาสามชาติภพ สำหรับศิษย์ภายใต้สำนักต้องใช้ห้าแสนแต้มความดีความชอบ ส่วนศิษย์ถ่ายทอดเองใช้เพียงห้าหมื่นแต้มความดีความชอบเท่านั้น อันที่จริงแล้วเช่นการบำเพ็ญวิถีอากาศเป็นหลัก ที่ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนตำราศาสตร์ลับอื่นๆ เลย ‘แต้มความดีความชอบ’ ก็ยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติล้ำค่าวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่นานาชนิด เมื่อแลกเปลี่ยนกับท่านอาจารย์ ศิษย์ถ่ายทอดเองก็ได้ราคาเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นเช่นเดียวกัน
สองหมื่นแต้มความดีความชอบก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่มูลค่าสองพันล้านแก้วผลึกจักรวาลแล้ว
พอๆ กันกับที่สามารถทำให้ร่างแยกอาภรณ์ทองที่ตนบำเพ็ญสำเร็จขึ้นมาใหม่บำเพ็ญร่างเมฆทักษิณาทิพย์ไปถึงระดับชั้นที่สิบอันสมบูรณ์แบบได้พอดี
“ที่รัฐประกายเพลิง ตอนนี้ ‘ลัทธิกระบี่สวรรค์’ แพร่กระจายอย่างกำเริบเสิบสาน กดดันสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของข้า” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด “สี่รัฐมารทมิฬล้วนเป็นพื้นที่หลักในการแพร่หลายของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของข้ามาโดยตลอด ความแพร่หลายของลัทธิกระบี่สวรรค์ที่นี่นั้นอ่อนแอมาตลอด แต่ตอนนี้กลับมากันอย่างอุกอาจ รัฐประกายเพลิงเป็นรัฐที่ชุลมุนที่สุดของสี่รัฐมารทมิฬ เกรงว่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ลัทธิกระบี่สวรรค์เลือกเปิดฉากที่รัฐประกายเพลิงก่อน ที่นั่นขาดยอดฝีมือไปนั่งประจำการ ในอดีตช่วยเหลือ ‘โหวชวีหมิง’ หวังว่าจะกดดันลัทธิกระบี่สวรรค์ลงไปได้โดยเร็วที่สุด ที่สี่รัฐมารทมิฬ มิอาจปล่อยให้พวกเขาทำตามอำเภอใจได้”
สิบสำนักใหญ่
อีกแปดแห่งล้วนมาจากหกรัฐโบราณ แพร่หลายในรัฐโบราณก็ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่งแล้ว สำหรับรัฐเล็กๆ จำนวนหนึ่ง กลับมิได้ให้ความสำคัญสักเท่าใดนัก
เช่นกัน ‘ลัทธิกระบี่สวรรค์’และ ‘สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์’ เพื่อการเผยแพร่ก็ขับเคี่ยวกันอย่างหนักหน่วงยิ่ง
ถึงแม้ว่าในภาพรวม สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์จะค่อนข้างเสียเปรียบ! เพราะเบื้องหลังของลัทธิกระบี่สวรรค์นั้นมี ‘รัฐโบราณสหโลกา’ และ ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ คอยหนุนอยู่
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้
ที่สี่รัฐมารทมิฬ… กลับเป็นพื้นที่หลักในการเผยแพร่ของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ลัทธิกระบี่สวรรค์กล้ามาเผยแพร่ ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ย่อมมิอาจทานทนได้เป็นธรรมดา
“ให้มุ่งหน้าไปยังรัฐประกายเพลิงหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกระจ่างแจ้ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น