Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 33 ตอนที่ 27-30
ตอนที่ 27 ความเป็นมาของหอกยาว
Ink Stone_Fantasy
หัวหอกล่องลอยอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนจะธรรมดาสามัญ แต่ปลายหอกกลับแผ่ระลอกคลื่นมิติอันบิดเบี้ยวสายแล้วสายเล่าออกมา ขณะเดียวกันยังมีค่ายกลชั้นแล้วชั้นเล่าปกคลุมและสกัดหัวหอกนี้เอาไว้ พันธนาการราวกับเปลือกไข่ชั้นแล้วชั้นเล่า นี่ก็คือการป้องกันมิให้แขกเหรื่อเกิดความคิดที่จะแย่งชิงเอาไป แม้จะกล่าวว่าทั้ง ‘ชุมชนของล้ำค่า’ มีค่ายกลแน่นหนา ทั้งยังเป็นนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาด้วย การแย่งชิงก็เป็นเรื่องที่โง่งมมาก
แต่บางคนที่มุทะลุ และคิดเอาเองว่าตนมีความสามารถในการหนีเอาชีวิตรอดที่แข็งแกร่ง ก็ยังคงมีบ้างเป็นครั้งคราว ดังนั้นจึงย่อมมีการสกัดกั้นเอาไว้เพื่อมิให้ปะทะถูกสมบัติลับระดับนี้ได้
“ไปดูที่ร้านนั้นกันเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายตามตงป๋อเสวี่ยอิงมาจนถึงหน้าประตูร้านค้า ร้านค้าแห่งนั้นกินพื้นที่กว้างขวางยิ่งนัก เหนือร้านค้ามีอักขระพิเศษอันเก่าแก่เขียนเอาไว้ว่า ‘ฝาน’
“สกุลฝานหรือ” มารรับใช้จื่อไป๋ที่อยู่ด้านข้างโบกพัดจีบไปมาเบาๆ “สกุลฝานเป็นถึงหนึ่งในสามสกุลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรัฐโบราณคิมหันตวายุ เป็นตระกูลที่มีคนจำนวนมากอยู่ทั่วดินแดนจิตโลกา”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็พยักหน้า
‘ครอบครัวสกุลฝาน’ เป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วดินแดนจิตโลกา เป็นหนึ่งในสามสกุลใหญ่แห่งนครหลวงโบราณคิมหันตวายุ เทพจักรวาลในครอบครัวสกุลฝานมีมากถึงหลายสิบท่าน ลำพังแค่ครอบครัวสกุลฝานเพียงครอบครัวเดียว…หากพูดถึงพลังแล้วก็เพียงพอจะกดดัน ‘รัฐโบราณเสียดฟ้า’ หนึ่งในหกรัฐโบราณได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าแม้ทั้งหกรัฐโบราณจะมีสถานะสูงส่งมาก แต่ก็ยังคงมีการแบ่งความแข็งแกร่งและอ่อนแออยู่ดี
รัฐโบราณเสียดฟ้านั้นต่ำต้อยที่สุด
“ครอบครัวสกุลฝานแข็งแกร่งหาใดเปรียบเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง ครอบครัวหนึ่งสามารถกดดันรัฐโบราณเสียดฟ้าได้…
“คุณชายท่านนี้ รีบเข้ามาโดยเร็วเถิดเจ้าค่ะ” ทันใดนั้นก็มีสาวใช้รูปงามนางหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับ
ตงป๋อเสวี่ยอิงพาผู้ใต้บังคับบัญชาเดินเข้าไป
แม้ชั้นที่หนึ่งของร้านค้าจะกว้างขวางเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน ภายในก็มีระเบียงอันคดเคี้ยว แต่สายตาของตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถมองทะลุอุปสรรคในอากาศต่างๆ และมองเห็นสมบัติล้ำค่าทั้งหลายซึ่งอยู่ตามที่ต่างๆ ในชั้นที่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
“ไม่มีสมบัติลับเลยสักชิ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายหน้า
“ขึ้นไปชั้นสองกันเถอะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตรงขึ้นไปยังชั้นสอง ภายในชั้นสองพอจะมีสมบัติลับอยู่บ้าง ทว่าด้วยสายตาของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วก็ตัดสินว่าเป็นสมบัติลับที่ค่อนข้างอ่อนแอทั้งสิ้น เกรงว่าคงจะมีไว้ให้เหล่าขั้นอลวนใช้งาน
……
ไม่นานนักตงป๋อเสวี่ยอิงก็มุ่งหน้าไปยังชั้นสาม
“คุณชายท่านนี้ ชั้นสามอนุญาตให้พาผู้ใต้บังคับบัญชาขึ้นไปได้เพียงแค่สองคนเท่านั้นนะขอรับ” ขณะมุ่งหน้าไปยังปากบันไดขึ้นชั้นสามก็มีบ่าวรับใช้มาสกัดกั้น เห็นได้ชัดว่าชั้นสามของร้านค้าแห่งนี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก หากพาผู้ใต้บังคับบัญชากลุ่มหนึ่งขึ้นไปก็คงจะเอิกเกริกวุ่นวายจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว
“จื่อไป๋ ผู้อาวุโสเถียน ขึ้นไปข้างบนกับข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำชับ
“ขอรับ”
มารรับใช้จื่อไป๋และเถียนอี้จือติดตามอยู่ด้านหลัง
ทั้งสามคนมาถึงชั้นสามของร้านค้าสกุลฝาน ชั้นสามมีขนาดใหญ่พอๆ กับชั้นหนึ่งและชั้นสอง อันที่จริงแล้วสมบัติลับที่ล่องลอยอยู่กลับมีเพียงสิบสองชิ้นเท่านั้น ด้านข้างของแต่ละชิ้นล้วนมีสาวใช้นางหนึ่งยืนอยู่
“คุณชายท่านนี้ จะชมดูสมบัติลับหรือขอรับ ส่วนของสกุลฝานเราในนครหลวงรัฐเมฆทักษิณานี้ จัดอยู่ในร้อยอันดับแรกของส่วนต่างๆ ของสกุลฝานที่แผ่คลุมไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา” ชายชราร่างอ้วนท้วนผู้หนึ่งเดินเข้ามา เขาพูดพลางหัวเราะคิกคัก กลิ่นอายจางๆ บนร่างเขากลับเป็นกลิ่นอายของขั้นอลวน
มารรับใช้จื่อไป๋สะบัดพัดจีบไปมาแต่กลับถ่ายเสียงพูดว่า “คุณชายขอรับ ตาเฒ่าคนนี้น่าจะเป็นมารรับใช้ ทว่าข้ามองไม่ออกว่าเขาเป็นมารรับใช้ประเภทใด”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ
มารรับใช้ขั้นอลวน…
ตระกูลระดับยอดอย่างสกุลฝาน ยินดีให้มารรับใช้ควบคุมธุรกิจบางอย่างให้มากกว่า! เนื่องจากมารรับใช้จงรักภักดีอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางคดโกงเอาเงินเข้ากระเป๋าตนเองเด็ดขาด
“คุณชายลองดูสมบัติลับ ‘ค้อนเมฆเวหา’ ชิ้นนี้ดูสิขอรับ” ชายชราร่างอ้วนท้วนชี้ไปทางค้อนสีดำอันใหญ่ที่ลอยอยู่ด้านข้าง มันสูงกว่าคนเสียอีก “นี่คืออาวุธสมบัติลับที่ ‘ผู้เคารพผอหนู’ ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วรัฐโบราณเสียดฟ้าในขณะนี้เคยใช้งานในสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่ง ต่อมาผู้เคารพผอหนูตั้งใจหลอมสมบัติลับที่เหมาะสมกับตนเองมากกว่าขึ้นมา จึงมิได้ใช้ค้อนเมฆเวหาเล่มนี้อีกต่อไป ภายหลังมันได้ผ่านการเจรจาการค้ามามากมาย ท้ายที่สุดจึงได้ตกมาอยู่ในมือของสกุลฝานเรา และถูกจัดวางไว้ที่นี่ชั่วคราว นับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าประจำร้านของเราในนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาเลยทีเดียว อ้อ ใช่แล้ว ภายในสมบัติลับชิ้นนี้ยังมีศาสตร์ลับวิถีค้อนเมฆเวหาของผู้เคารพผอหนูชุดหนึ่งบรรจุอยู่ด้วยนะขอรับ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูค้อนใหญ่สีดำราวกับภูเขาย่อมๆ ซึ่งล่องลอยอยู่กลางอากาศอันนั้นกำลังแผ่อานุภาพอันน่าหวาดหวั่นออกมา มันน่าหวาดหวั่นกว่าสร้อยข้อมือไข่มุกสิบสองเม็ดของตนในตอนนั้นมากทีเดียว
“ราคาเป็นเช่นไร” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
ชายชราร่างอ้วนท้วนยิ้มกว้าง “แปดพันล้านแก้วผลึกจักรวาลขอรับ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วหนังตาก็กระตุกรัว
แปดพันล้าน…
แม่เฒ่าอิงซานซื้อไหวหรือ ก็ไม่แน่หรอกกระมัง
“ถึงอย่างไรก็เป็นอาวุธที่ผู้เคารพผอหนูเคยใช้ในสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่ง เทพจักรวาลที่สิ้นใจไปด้วยอาวุธชิ้นนี้ก็มีมากต่อมาก” ชายชราร่างอ้วนท้วนกล่าว “ควรค่าแก่การให้เทพจักรวาลทุ่มเทสมบัติล้ำค่าเพื่อซื้อมันนะขอรับ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ฟังจนเข้าใจแล้วว่านี่เป็นสมบัติล้ำค่าประจำร้าน ครอบครัวสกุลฝานจงใจโอ้อวดทรัพยากรที่ตนสั่งสมเอาไว้! สมบัติล้ำค่าระดับนี้ไหนเลยจะสามารถขายทิ้งได้ง่ายๆ เล่า
สมบัติลับที่ร้ายกาจทั้งหลาย…โดยทั่วไปก็ต้องพบผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งซึ่งบังเอิญชอบเข้าพอดี จึงยินดีที่จะซื้อไว้ด้วยราคาสูงลิ่ว
“ร้ายกาจ ร้ายกาจ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงชมเชยคำสองคำ แล้วก็ชมสมบัติลับชิ้นอื่นต่อไป
เขาเดินแล้วก็หยุด เดินแล้วก็หยุด ไม่นานนักก็มาถึงหัวหอกที่ตงป๋อเสวี่ยอิงปรารถนาเป็นอย่างมากอันนั้น
“หัวหอกนี้ก็มีประวัติศาสตร์อยู่บ้าง” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดยิ้มๆ “จะว่าไปแล้วเจ้าของมันก็พอจะมีความสัมพันธ์กับครอบครัวสกุลฝานเราอยู่บ้าง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจกระตุก
เจ้าของมันหรือ
ครอบครัวสกุลฝานรู้ความเป็นมาโดยละเอียดของหัวหอกอันนี้หรอกหรือนี่
“นานแสนนานมาแล้ว ก่อนหน้าสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งเสียอีก ตอนนั้นดินแดนจิตโลกาวุ่นวายกว่านี้มาก ไม่เหมือนตอนนี้ที่ค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตอนนั้นนครหลวงโบราณคิมหันตวายุยังมิได้ถูกสถาปนาขึ้นมา” ชายชราร่างอ้วนท้วนกล่าว “‘มหาเคารพลู่เทียน’ ของครอบครัวสกุลฝานเราท่องไปทั่วดินแดนจิตโลกาและเคยผูกมิตรกับสหายนาม ‘นายท่านฉื้ออวิ๋น’ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตอันน่าหวาดหวั่นที่มีพลังไม่แพ้มหาเคารพลู่เทียนเลย แต่จนใจที่นายท่านฉื้ออวิ๋นกำแหงและเอาแต่ใจเกินไป ทั้งยังทะเยอทะยานไม่ยอมอ่อนน้อม ไม่ยอมสวามิภักดิ์ ท้ายที่สุดจึงต้องเอาชีวิตไปทิ้ง แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องก่อนสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งเสียอีก ข้าจึงทราบเพียงครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น”
“ทว่าหัวหอกอันนี้เขาเคยให้มหาเคารพลู่เทียนดูมาก่อน เป็นหัวหอกของ ‘หอกมารเมฆาแดง’ อาวุธของนายท่านฉื้ออวิ๋นจริงๆ”
“น่าเสียดายที่เวลาผันผ่านไปอย่างไม่หยุดหย่อน บัดนี้จึงเหลือเพียงหัวหอกแล้ว” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดพลางส่ายศีรษะ
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ
เรื่องก่อนสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งหรือ เช่นนั้นก็จะต้องล่องลอยเหลือเกิน แม้แต่ประวัติศาสตร์ที่จารึกเอาไว้ก็ต้องเลือนรางเป้นอันมาก เพราะถึงอย่างไรนครหลวงโบราณทั้งหลายก็ยังมิได้ก่อตั้งขึ้น
นายท่านฉื้ออวิ๋นหรือ
“ไม่ทราบว่าราคาเท่าไหร่หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“เนื่องจากบกพร่องไป เหลือเพียงหัวหอกจึงค่อนข้างถูกขอรับ” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดยิ้มๆ “ห้าร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลขอรับ”
“ห้าร้อยล้านหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจ
ยังนับว่าถูกอีกหรือ
เนื่องจากการฝึกฝนร่างเมฆทักษิณาทิพย์จำเป็นต้องใช้วัสดุล้ำค่า บัดนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของตนจึงมีอยู่เพียงห้าสิบกว่าล้านแก้วผลึกจักรวาลเท่านั้น และนี่ก็ยังเป็นเพราะแม่เฒ่าอิงซานได้มอบแก้วผลึกจักรวาลให้ตนถึงห้าสิบล้านก้อนขณะสำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งอีกต่างหาก
ห้าร้อยล้าน ราคานี้น่าหวาดหวั่นมากทีเดียว ยังแพงกว่ามารรับใช้จื่อไป๋เสียอีก!
“ไม่แพงจริงๆ นะขอรับ หากขั้นอลวนที่ร้ายกาจทุ่มเทสมบัติล้ำค่าจนสิ้นก็สามารถซื้อได้แล้ว” ชายชราร่างอ้วนท้วนกล่าว “เพราะเป็นอาวุธของนายท่านฉื้ออวิ๋น หากเป็นอาวุธที่สมบูรณ์ เกรงว่าราคาก็คงจะไม่แพ้ ‘ค้อนเมฆเวหา’ อันนั้นเลย! ตอนนี้แค่ห้าร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาล แค่เศษนิดหน่อยเท่านั้น”
ซื้อไม่ไหวจริงๆ
แม้พลังของตนที่เปิดเผยออกไปจะสำเร็จเป็นขั้นอลวนผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ต้องใช้เวลาสั่งสมสมบัติล้ำค่าอยู่ดี การสั่งสมสมบัติล้ำค่าน่ะหรือ โดยทั่วไปก็ต้องออกไปเสี่ยงอันตรายหรือไม่ก็ต้องออกศึกไปเข่นฆ่า
“ห้าร้อยล้าน” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกใจสะท้าน
ช่วยไม่ได้
ในสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองอัคคีโชติ ด้ามหอกมิได้ถูกยืนยันความเป็นมา เพราะแม้แต่อักขระลับบนด้ามหอกก็ยังขาดหาย ทำให้ตนสามารถซื้อมาได้ในราคาถูก
แต่หัวหอกนี้นั้นไม่เหมือนกัน หัวหอกนั้นเป็นส่วนของหอกยาวที่ใช้บุกโจมตีและสังหารศัตรู ในยามปกติหัวหอกจะทำให้อากาศรอบด้านสั่นสะท้านและเกิดระลอกคลื่นมากมาย เมื่อเห็นก็รู้แล้วว่ามิใช่วัตถุธรรมดา มหาเคารพลู่เทียนก็ยังยืนยันความเป็นมาของมันอีก ราคาจึงย่อมเพิ่มสูงขึ้นไปเป็นธรรมดา
“ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงหัวหอกอันหนึ่งเท่านั้น” ชายชราร่างอ้วนท้วนดูท่าทีของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็รู้สึกว่าหนุ่มน้อยตรงหน้าคนนี้คงอยากจะซื้อจริงๆ จึงกล่าวขึ้นว่า “หากอยากได้จริงๆ ยังถูกลงได้อีกหน่อยนะขอรับ”
สามารถถูกลงได้อีกหน่อยจริงๆ
มีที่มายิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วบกพร่อง ราคาที่ครอบครัวสกุลฝานตั้งกันเอาไว้ภายใน ต่ำที่สุดก็แค่สามร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลเท่านั้น
“ถูกลงสักเท่าไหร่หรือ ต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้านสามารถซื้อได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
ชายชราร่างอ้วนท้วนส่ายหน้ารัว “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ก็แค่ถูกลงนิดหน่อยเท่านั้น”
“อ้อ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงออกจะผิดหวังอยู่บ้าง
ช่วยไม่ได้ ก็ซื้อไม่ไหวนี่นา!
ทว่าต่อให้ซื้อไม่ไหว หากตนได้หัวหอกนี้มาแล้วชมดูด้วยตนเอง เพื่อตรวจดูอักขระลับที่หมุนเวียนอยู่ภายในก็ยังดี! แม้ชมดูเพียงครั้งเดียว และจำได้เพียงบางส่วน…แต่หากรวมกับความพิสดารที่ปลายหอก ก็จะมีส่วนช่วยตนอย่างมหาศาล เกรงว่าตนคงจะรับรู้ความพิสดารที่แฝงเอาไว้ในหอกยาวได้ง่ายขึ้นสามเท่าห้าเท่าเลยทีเดียว
“ข้าขอดูหน่อยจะได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางชายชราร่างอ้วนท้วนตรงหน้า หัวหอกนี้ถูกค่ายกลหลายชั้นสกัดกั้นเอาไว้ ราวกับเปลือกไข่ที่ห่อหุ้มเอาไว้ชั้นแล้วชั้นเล่า เห็นได้ชัดว่ามิให้ลูกค้าชมดูได้ง่ายๆ
ตอนที่ 28 แค่เจ้าหนุ่มเท่านั้น
Ink Stone_Fantasy
“ขอดูหรือ” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดยิ้มๆ “ท่านมิได้กำลังดูอยู่หรือขอรับ”
“ขอหยิบมาถือดูในมือได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงไล่ถาม “มีค่ายกลขวางกั้นเอาไว้ มองเห็นไม่ชัดเอาเสียเลย ทำได้เพียงมองดูลักษณะภายนอกเท่านั้น ผู้ใดจะไปรู้เล่าว่าหัวหอกนี้ร้ายกาจสักเพียงใดกัน และเหมาะสมกับตนเองหรือไม่”
ในระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ วิถีอากาศของตนสำเร็จเป็นขั้นอลวนแล้ว ขณะรับรู้ด้ามหอกก็มีข้อกังขามากมาย ขอเพียงสำรวจดูความพิสดารภายในหัวหอก ก็นับได้ว่าเป็นหารยลโฉมหอกยาวทั้งเล่มอย่างแท้จริงแล้ว เกรงว่าความกังขาที่แล้วมาคงจะกระจ่างแจ้งขึ้นมากทีเดียว
“ต้องสัมผัสรับรู้โดยละเอียดจึงจะรู้ได้ว่าเหมาะสมหรือเปล่าใช่ไหมเล่า” มารรับใช้จื่อไป๋สะบัดพัดจีบไปมาอยู่ด้านข้างพลางเอ่ยขึ้น
“นำออกมาดูหรือ” ชายชราร่างอ้วนท้วนยิ้มน้อยๆ พลางชี้ไปทางหัวหอกที่ถูกห่อหุ้มสกัดกั้นเอาไว้หลายชั้นซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ “ค่ายกลทั้งหลายคุ้มกันเอาไว้ หากผู้ใดก็ชมดูได้ ไยต้องมีค่ายกลตั้งหลายชั้นสกัดกั้นเพื่อคอยคุ้มกันด้วยเล่า”
เขาพูดกับตงป๋อเสวี่ยอิงไปพลาง
ชายชราร่างอ้วนท้วนกลับลอบออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบข้อมูลของแขกไปด้วย
“พ่อบ้านใหญ่ คุณชายหนุ่มน้อยนามอิงซานเสวี่ยอิง ผู้มีพรสวรรค์แห่งตระกูลอิงซาน ถือกำเนิดมาก็เป็นเทพอากาศ แปดพันปีสำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง มารรับใช้ด้านข้างคือมารรับใช้พิรุณโลหิตที่แม่เฒ่าอิงซานซื้อไปในตอนนั้น เนื่องจากหลายวันก่อนหน้านี้คุณชายน้อยเสวี่ยอิงผู้นี้เพิ่งประสบกับการลอบสังหาร” เดิมทีข่าวสารของสกุลฝานก็ร้ายกาจมากอยู่แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็นับว่ามีชื่อเสียงในรัฐเมฆทักษิณาเป็นอย่างมาก
“อ้อ ตระกูลอิงซาน ตระกูลเล็กๆ เช่นนั้นน่ะหรือ” ชายชราร่างอ้วนท้วนกระจ่างแจ้งในทันที
ทั้งตระกูลอิงซาน ในใจเขาก็เป็นแค่ตระกูลเล็กๆ เท่านั้นจริงๆ
ก็มีเพียงแม่เฒ่าอิงซานคนเดียวเท่านั้นที่ควรค่าแก่การให้ความสำคัญบ้าง! ส่วนคนอื่นๆ ล้วนสามารถมองข้ามไปได้
อันที่จริงสำหรับ ‘ครอบครัวสกุลฝาน’ แล้ว ทั้งรัฐเมฆทักษิณาก็มีเพียงตระกูลกษัตริย์เท่านั้นที่พวกเขาจะเห็นความสำคัญ ถึงอย่างไรตระกูลกษัตริย์เมฆทักษิณาก็มีประมุขรัฐที่เยี่ยมยอดอย่างยิ่งท่านหนึ่ง ด้วยความหยิ่งผยองของหกรัฐโบราณ ก็ล้วนเทิดทูนประมุขรัฐท่านนี้มาก นอกนั้น ต่อให้เป็นสามตระกูลระดับกษัตริย์ สำหรับพวกเขาแล้วก็ล้วนแต่เป็นตระกูลเล็กๆ เท่านั้น!
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงตั้งตารอคอยอยู่ในใจ เขามองไปยังชายชราร่างอ้วนท้วนตรงหน้า โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเห็นตนเป็นเพียงคนของตระกูลเล็กๆ เท่านั้น
“มีแต่ต้องตรวจดูโดยละเอียดเท่านั้นจึงจะรู้ว่าเหมาะสมกับตนหรือไม่จริงๆ นั่นแหละ” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดยิ้มๆ “ทว่ามีค่ายกลหลายชั้นคุ้มกันอยู่ มิใช่ว่าผู้ใดก็สามารถดูได้”
“ถูกต้อง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“ครอบครัวสกุลฝานเราทั้งหมดล้วนมีกฎเกณฑ์อยู่” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดต่อไป “หากจะดู พลังและสถานะก็ต้องได้รับการยอมรับจากพวกเราเสียก่อน หรือไม่ก็ต้องนำสมบัติล้ำค่าออกมาให้เห็นมากพอเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่ามีกำลังซื้อเพียงพอ”
“พลังและสถานะหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงงุนงง
กำลังซื้อ ย่อมไม่มีอยู่แล้ว
“พลัง อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้แกร่งกล้าระดับที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องของรัฐเมฆทักษิณา” ชายชราร่างอ้วนท้วนกล่าว “ขั้นอลวนทั่วไปไม่มีคุณสมบัติพอจะขอดูได้ สถานะ ต้องเป็นองค์หญิงองค์ชายของรัฐเมฆทักษิณา หรืออย่างเช่นผู้ที่มีสถานะสูงส่งยิ่งในตระกูลใหญ่ของหกรัฐโบราณ หรือเป็นศิษย์ถ่ายทอดเองของสิ่งมีชีวิตซึ่งมีชื่อเสียงดังก้องไปทั่วดินแดนจิตโลกาเป็นต้น”
“กำลังซื้อก็ง่ายกว่ามาก แค่นำสมบัติล้ำค่าที่มีมูลค่าห้าร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลออกมาพิสูจน์ว่าซื้อไหวก็ใช้ได้แล้ว” ชายชราร่างอ้วนท้วนมองตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งเล็กน้อย
สมบัติล้ำค่า ไม่มี!
พลัง หากเขาปะทุออกมาสุดกำลัง บัดนี้ก็คือชั้นที่แปดระดับยอด แน่นอนว่าตนที่เพิ่งจะบำเพ็ญมาได้ห้าร้อยล้านปี ย่อมมิกล้าปะทุพลังเช่นนั้นออกมา
สถานะหรือ ไม่ได้ยินหรือไร ต่อให้เป็นตระกูลกษัตริย์ ก็มีเพียงองค์หญิงองค์ชายไม่กี่ท่านเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอ!
“รบกวนแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “พวกเราไปกันเถิด”
“ค่อยๆ เดินนะขอรับ” ชายชราร่างอ้วนท้วนยังคงยิ้มแย้ม แม้เขาจะดูแคลนตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลอิงซาน แต่มารยาทพื้นฐานก็คือกฎของผู้ทำการค้า!
******
เมื่อออกจากร้าน
“จะดูก็ยังไม่ให้ดูเสียด้วยซ้ำ” เถียนอี้จือส่ายศีรษะ
“ผู้อื่นมิได้บอกแล้วหรือว่า ต้องมีสถานะเพียงพอ หรือไม่ก็ต้องซื้อไหวน่ะ” มารรับใช้จื่อไป๋สะบัดพัดจีบพลางเบ้ปาก “เห็นได้ชัดว่าในสายตาของผู้อื่น ตระกูลอิงซานนั้นไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย”
“กลับไป”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเสียงเรียบ
เขากลับไม่โกรธแต่อย่างใด เพราะในหมู่ผู้บำเพ็ญ ผู้ที่อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว กฎเกณฑ์ก็ย่อมเคร่งครัดเป็นธรรมดา ไม่มีทั้งพลัง ไม่มีทั้งสถานะ ซื้อก็ซื้อไม่ไหว ผู้อื่นไม่ให้ดูก็เป็นเรื่องธรรมดานัก
“รอก่อนเถิด รอให้ข้าพลังแข็งแกร่งและหาแก้วผลึกจักรวาลมาได้มากพอแล้วค่อยมาซื้อ สมบัติลับระดับนี้ คิดจะขายก็คงมิใช่เรื่องง่าย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ อย่าง ‘ค้อนเมฆเวหา’ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าประจำร้าน คงวางอยู่ที่นี่มานานไม่รู้เท่าไหร่แล้ว หัวหอกนั่นถึงอย่างไรก็บกพร่อง จะขายก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
“นับว่าครั้งนี้มีโชคไม่เลวแล้วที่สามารถพบหัวหอกได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
จะพบ ก็เป็นเรื่องปกตินัก
เพราะนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาจึงจะเป็นตัวเมืองที่ใหญ่ที่สุดในนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา และเป็นตัวเมืองที่ปลอดภัยที่สุดด้วย อย่างครอบครัวสกุลฝานหรือขุมอำนาจใหญ่ระดับยอดสุดอื่นๆ ในดินแดนจิตโลกา ในทั้งรัฐเมฆทักษิณาก็มีแต่นครหลวงเท่านั้นจึงจะมีส่วนย่อยของพวกเขาอยู่! ต่อให้เป็นขุมอำนาจย่อยๆ ภายในรัฐเมฆทักษิณา สมบัติล้ำค่าที่สำคัญบางอย่างก็คงจะต้องนำมาซื้อขายในนครหลวงเช่นกัน
เนื่องจากในนครหลวงมีผู้แกร่งกล้าจากภายนอกมากกว่า! ที่นี่มี ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ ประทับอยู่ จึงย่อมปลอดภัยกว่า
สมบัติล้ำค่าที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง หากวางไว้ในสถานที่เล็กๆ…หากถูกเทพจักรวาลแย่งชิงเอาไปเสียเล่า
ดังนั้นสมบัติล้ำค่ากว่าเก้าส่วนในรัฐเมฆทักษิณาจึงรวมกันอยู่ในนครหลวง ส่วนสมบัติลับระดับยอดสุด เก้าจุดเก้าส่วนล้วนอยู่ในนครหลวง ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงนครหลวง และอาศัยการสัมผัสรับรู้จนพบหัวหอก…อันที่จริงก็เป็นเรื่องธรรมดามากเรื่องหนึ่ง
……
วันคืนต่อจากนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ท่องไปตามที่ต่างๆ ในนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา เวลากว่าครึ่งล้วนถูกใช้ไปกับชุมชนของล้ำค่า ส่วนเวลาอื่นๆ ก็คือการชมดูสถานที่ต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ในประวัติศาสตร์และ ‘อาหารรสเลิศ’ ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งชมชอบอาหารรสเลิศ เมื่ออยู่ในนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาก็ได้พบอาหารรสเลิศและสุราชั้นยอดสุดมากมาย
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งค่อนเดือนแล้ว
“เสวี่ยอิง ทางบรรพชนดั้งเดิมได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เจ้ากับมารรับใช้จื่อไป๋มุ่งหน้าไปยังสถานที่ตั้งศูนย์ใหญ่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ได้แล้ว” ท่านโหวหั่วเลี่ยส่งสารแจ้งตงป๋อเสวี่ยอิง
“ขอรับ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงดีใจใหญ่
ศูนย์ใหญ่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์…ตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นตั้งตารอคอยเป็นอันมาก เพราะในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบสำนักใหญ่ของดินแดนจิตโลกา คาดว่าคงจะมีศาสตร์ลับและคัมภีร์ต่างๆ เก็บเอาไว้มากมาย
ต้องรู้ไว้ว่า ตามแผนแล้ว ชาตินี้ตนจะบำเพ็ญทางสองสายเป็นหลัก ทางสายหนึ่งก็คือวิถีอากาศ ส่วนอีกสายหนึ่งก็คือเขตลวงโลกเทียม! เขตลวงโลกเทียมนั้น…ตนอยากจะได้คัมภีร์ศาสตร์ลับระดับยอดสุดมา ซึ่งสถานที่ที่ง่ายดายและเหมาะสมที่สุดก็คือสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นั่นเอง!
หากพูดถึงคัมภีร์ศาสตร์ลับแล้ว…
ตระกูลอื่นๆ ในรัฐเมฆทักษิณารวมกันทั้งหมดแล้วก็ยังสู้เศษเสี้ยวหนึ่งของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มิได้เลย สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สั่งสมสิ่งต่างๆ เอาไว้มากเสียจนน่าหวาดหวั่นเลยทีเดียว
“คุณชาย ศูนย์ใหญ่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มีกฎเกณฑ์มากมายนัก ไม่มีทางยอมให้ท่านนำผู้ใต้บังคับบัญชาโขยงหนึ่งเข้าไปด้วยเป็นแน่ วันนี้ข้ากับท่านเข้าไปกันเพียงสองคนเถิดขอรับ” มารรับใช้จื่อไป๋กล่าว “รอท่านสำเร็จเป็นศิษย์แรกเข้าแล้ว ทางสำนักคงจะจัดที่พักให้ท่าน ถึงตอนนั้นท่านก็สามารถนำผู้ใต้บังคับบัญชาและบ่าวรับใช้ทั้งหมดเข้าไปได้แล้ว”
“ไปเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย
พวกเขาทั้งสองก้าวไปในอากาศและทะลุผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ทั้งนครหลวงใหญ่โตหาได้เปรียบแม้จะเคลื่อนที่ในพริบตาครั้งแล้วครั้งเล่าก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม ตงป๋อเสวี่ยอิงและมารรับใช้จื่อไป๋จึงมาถึงสถานที่ตั้งของศูนย์ใหญ่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์
“สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองออกไปไกล
ไกลออกไปมีเทือกเขาทอดยาวต่อเนื่องกัน กลางเทือกเขาสามารถมองเห็นสิ่งก่อสร้างต่างๆได้อย่างเลือนราง ทั้งเทือกเขาที่ทอดยาวต่อเนื่องกันล้วนแต่มีค่ายกลปกคลุมเอาไว้ ที่นี่ก็คือสถานที่ตั้งของศูนย์ใหญ่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นั่นเอง มีผู้บำเพ็ญจำนวนมากบินมุ่งหน้าไปทางประตูภูเขาแล้วเข้าไป
จากประตูภูเขา หลังจากเดินเลียบตามเส้นทางที่บุกเบิกขึ้นมาในหุบเขาใหญ่หลายหมื่นลี้จึงไปถึง แผ่นผาข้างประตูภูเขาเขียนไว้ว่า…เมฆทักษิณา
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นคำนั้น จะมองอย่างไรก็ธรรมดาสามัญ เพียงแต่ดูเหิมเกริมกว่าอยู่บ้าง
หากสัมผัสรับรู้โดยละเอียด ก็จะพบว่ามีกลิ่นอายอากาศอันไร้ที่สิ้นสุดแผ่ออกมาจากคำนั้น กลิ่นอายอันยิ่งใหญ่เหนือกว่าจินตภาพของวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าเสียอีก ราวกับมองเห็นอากาศอันสูงตระหง่านไร้ที่สิ้นสุด ได้แต่เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาเท่านั้น
“อิงซานเสวี่ยอิงหรือ” ณ ประตูภูเขา มีบุรุษอาภรณ์สีทองอยู่ผู้หนึ่ง เขามองเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดินเข้ามาทันทีพลางยิ้มกว้าง
“คุณชาย ท่านนี้คือท่านโหวเฉิงหมิง” มารรับใช้จื่อไป๋แนะนำ
“คารวะท่านโหวเฉิงหมิง” ตงป๋อเสวี่ยอิงคำนับทันที “ครั้งนี้ต้องรบกวนท่านโหวเฉิงหมิงแล้ว”
“แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ภายในมีกลไกมากมาย แม่เฒ่าจัดการเอาไว้หมดแล้ว วันนี้เพียงแค่เดิมตามขั้นตอนง่ายๆ เท่านั้น หลังทำตามขั้นตอนหมดแล้ว เจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์ภายใต้สำนักแล้วล่ะ” ท่านโหวเฉิงหมิงพูดยิ้มๆ “ไปๆๆ ตามข้าเข้าไปเถิด”
ตอนที่ 29 ศิษย์ภายใต้สำนัก
Ink Stone_Fantasy
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกา การจะเป็นศิษย์ภายใต้สำนักได้นั้นช่างยากเย็นเป็นที่สุด!
แต่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ค่อนข้างชอบพอกับประชากรของรัฐเมฆทักษิณา ถึงอย่างไรการต่อสู้อย่างลับๆ ในรัฐประเทศจำนวนมากมาย หรือแม้กระทั่งการเกิดสงครามก็มีอยู่บ่อยๆ ประชากรของตนก็ย่อมควรค่าแก่การเชื่อมั่นอย่างแน่นอนอยู่แล้ว!
“อิงซานเสวี่ยอิง ศิษย์ตระกูลอิงซาน เกิดมาก็เป็นสมาชิกตระกูลอ๋องโหวของพวกเรารัฐเมฆทักษิณาแล้ว” ผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนสิบห้าคนรวมตัวกันอยู่ภายในโถงตำหนักแห่งหนึ่ง ตรงจุดศูนย์กลางของกลุ่มพวกเขามีภาพปรากฏอยู่ภาพหนึ่ง นั่นก็คือภาพเหตุการณ์ที่หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้หล่อเหลางดงามคนหนึ่งเข้าสู่วังปฐมเทพ
“ถือกำเนิดมาก็มีพรสวรรค์ร้ายกาจ ดูกลิ่นอายของวิญญาณ ก็ไม่เคยเร่งเวลามาก่อน บำเพ็ญมาจนถึงตอนนี้ก็เพียงแค่ห้าล้านปีเท่านั้นเอง”
“ฮ่าฮ่า เขาบุกผ่านชั้นที่ห้าของวังปฐมเทพแล้วล่ะ”
“ทุกท่าน… การรับเขาเข้าสู่สำนัก ไม่มีความเห็นต่างกระมัง”
“ไม่มีความเห็นต่าง”
“ผ่านแล้ว”
“เด็กน้อยจากบ้านแม่เฒ่าอิงซาน ผ่านแล้ว ผ่านแล้ว”
ผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนสิบห้าคนในที่นั้นพูดไปพลาง หัวเราะไปพลาง บรรยากาศผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าอิงซานก็เบิกทางเอาไว้ให้หมดแล้ว ทุกคนในที่นั้นต่างก็เห็นด้วยกันหมด
การพิจารณาตัดสินให้ผ่านนั้นก็ผ่อนปรนให้กับประชากรของตนเองมากกว่า ถ้าหากเป็นผู้บำเพ็ญของรัฐประเทศอื่นๆ นึกอยากจะเป็นศิษย์ภายใต้สำนัก การพิจารณาก็จะเข้มงวดกว่าเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าพรสวรรค์จะไม่ด้อยไปกว่าตงป๋อเสวี่ยอิง เงื่อนไขพลังยุทธ์ก็จะสูงกว่า หรือแม้กระทั่งอาจมี ‘ภารกิจเข้าสู่สำนัก’ ให้ไปทำ เพื่อทดสอบระดับความจงรักภักดีของศิษย์
เพราะว่าศิษย์นอกสำนัก ไม่สนใจความจงรักภักดี สามารถไปคารวะเข้าสำนักอื่นได้โดยสมบูรณ์
แต่เมื่อใดที่ถูกรับเข้ามาภายในสำนักแล้ว กลายเป็นศิษย์ภายใต้สำนัก หากไม่มีการยินยอมจากตัวประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอง ก็ห้ามฝ่าฝืนเข้าสู่สำนักอื่นๆ อีกเป็นอันขาด เมื่อใดที่กล้าทำเช่นนั้น นั่นก็คือโทษกบฏอันยิ่งใหญ่! จะต้องเผชิญกับการไล่ล่าสังหาร!
แน่นอนว่า…
มีเงื่อนไขอันเข้มงวดมากมาย แต่การเป็นศิษย์ภายใต้สำนักนั้นก็มีประโยชน์มากมายเหลือคณา
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินผ่านประตูทางเข้าของวังปฐมเทพออกมา
“ที่อากาศอันสับสนอลหม่าน คู่ต่อสู้ภายในเจดีย์ดาวล้วนเป็นฝูงมารผลาญทำลาย ทว่าการทดสอบภายในวังปฐมเทพนั้นกลับมีคู่ต่อสู้ที่แตกต่างกันมากมายหลายแบบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง ถึงแม้ว่าวังปฐมเทพจะมีลูกไม้มากกว่า แต่ว่าระดับพลังยุทธ์ก็เหมือนกันกับเจดีย์ดาวอย่างแท้จริง แน่นอนว่ามีชั้นที่สิบเพิ่มขึ้นมาจากเจดีย์ดาว
“อิงซานเสวี่ยอิง ยินดีด้วย ยินดีด้วย” ท่านโหวเฉิงหมิงยืนคอยท่าอยู่ที่ด้านนอกวังปฐมเทพพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าได้ข่าวมาแล้ว การพิจารณาของเจ้าผ่านฉลุยทั้งหมด ตอนนี้เจ้าก็เป็นศิษย์ภายใต้สำนักของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของข้าแล้ว อ้อ อีกประเดี๋ยวพวกเราก็ไปรับป้ายประจำตัวศิษย์ภายใต้สำนัก เสื้อผ้าอาภรณ์ และของอื่นๆ ของเจ้ากันเถิด ส่วนคูหาที่พักของเจ้า เจ้าก็ไปเลือกเอาเองได้เลยนะ”
“ขอบคุณท่านโหวเฉิงหมิงด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เรื่องเล็กเท่านั้นน่า ไปๆๆ ไปรับป้ายประจำตัวเสีย”
ท่านโหวเฉิงหมิงกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง
ณ ตำหนักผู้อาวุโสแห่งสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์
“อิงซานเสวี่ยอิง นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือศิษย์คนที่สามพันสามร้อยเก้าสิบสองของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของพวกเราแล้ว” ชายชราผมเทาผู้หนึ่งที่มีกลิ่นอายอันใหญ่โตถืออาภรณ์อย่างนับถือแล้วส่งให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง บนอาภรณ์ยังมีป้ายประจำตัวชิ้นหนึ่งวางอยู่ด้วย “ในภายหน้าเจ้าก็จะมิได้เป็นเพียงแค่ศิษย์ตระกูลอิงซานเท่านั้นอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นศิษย์ของ ‘สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์’ หนึ่งในสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกา จงทุ่มเทจิตใจให้กับการบำเพ็ญ เป็นขั้นอลวนในเร็ววัน ศิษย์สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของข้า หากมิได้เป็นขั้นอลวน นั่นก็นับเป็นเรื่องน่าละอายแล้ว”
“ศิษย์เข้าใจขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับมาอย่างนอบน้อม
เขาย่อมต้องเข้าใจดีอยู่แล้ว
การจะคารวะเข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นั้นเดิมทีก็มีเงื่อนไขอันเข้มงวดมากอยู่แล้ว ประชากรของรัฐเมฆทักษิณานั้นตามปกติแล้วต่างก็ต้องมีพลังยุทธ์ระดับชั้นที่เจ็ดของขั้นรวมเป็นหนึ่งจึงจะสามารถเป็นศิษย์ภายใต้สำนักได้! ดังนั้นคำพูดที่ว่า ‘มิได้เป็นขั้นอลวนก็เป็นเรื่องน่าละอาย’ ก็มิใช่คำพูดที่ผิดเลย
ศิษย์สามพันกว่าคนนี้เป็นจำนวนคนทั้งหมดนับตั้งแต่เปิดสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มาจนกระทั่งถึงบัดนี้
เวลาผ่านมาเนิ่นนาน ที่ตายตกไปก็มีเป็นจำนวนมาก ศิษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้เกรงว่าคงมีอยู่เพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น! แต่ศิษย์ภายใต้สำนักไม่กี่ร้อยคนนี้ก็ทำให้สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ยังคงมีชื่อเสียงเลื่องลือเช่นเดิม ในบรรดาศิษย์ภายใต้สำนักไม่กี่ร้อยคนนี้ มีเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่เป็นประชากรของรัฐเมฆทักษิณา ส่วนใหญ่จำนวนมากต่างก็มาจากรัฐประเทศอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะมีเงื่อนไขอันเข้มงวดกับคนจากรัฐประเทศอื่นๆคารวะเข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ แต่ก็มิอาจต้านทาน…จำนวนที่มากมายเหลือเกิน ในท้ายที่สุดก็มีผู้มีพรสวรรค์จำนวนมากที่คารวะเข้าสู่สำนัก เห็นได้ชัดว่าสถานะสิบสำนักใหญ่นี้ช่างมีแรงดึงดูดอย่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ตงป๋อเสวี่ยอิงดูเหมือนว่าจะเป็นศิษย์ภายใต้สำนักได้อย่างค่อนข้างง่ายดาย
อันที่จริงพรสวรรค์ที่เขามีมาแต่กำเนิดนั้นจัดได้ว่าเป็นสิบอันดับแรกในประวัติศาสตร์ของรัฐเมฆทักษิณาเลยทีเดียว
ในด้านการหยั่งรู้ก็ไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับชั้นที่ห้าได้ภายในห้าล้านปี
พรสวรรค์และการหยั่งรู้ล้วนสูงส่ง อีกทั้งยังเป็นคนกันเอง นี่จึงทำให้เข้ามาได้อย่างง่ายดาย
******
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ถึงแม้ว่าจะมีผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนมุ่งหน้ามา
แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นศิษย์นอกสำนักกันทั้งสิ้น ศิษย์นอกสำนักมาถึงที่นี่ก็ได้รับการชี้แนะที่ดียิ่งขึ้น!
“ศิษย์ภายใต้สำนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ด้านหลังก็คือคูหาแห่งหนึ่ง มารรับใช้จื่อไป๋ เถียนอี้จือ สาวใช้เหยียนอวี๋ สิงห์เมฆาทะมึนสองตน และองครักษ์ติดตามคนอื่นๆ ต่างก็เตรียมพร้อมกันอยู่ก่อนแล้ว
“ในภายหน้าก็นับว่าข้าเกี่ยวโยงกับสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ
“สวบ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนผ่านเวหา ทะยานไปยังที่ไกลออกไป
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มีกฎเกณฑ์เคร่งครัด ขอบเขตการเคลื่อนไหวของบรรดาศิษย์นอกสำนักเหล่านั้นต่างก็อยู่ในอาณาบริเวณรอบนอก อาณาเขตสำคัญภายในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นั้นถึงแม้ว่าจะเป็นเหล่าผู้ติดตามของศิษย์ภายใต้สำนักก็มีขอบเขตการเคลื่อนไหวอันจำกัด
ดังนั้นอาณาเขตสำคัญภายในนี้ก็ร้างกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“โลกหนังสือสะสม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนผ่านเวหามาถึงยังยอดเขาที่แขวนลอยอยู่กลางเมฆหมอกแห่งหนึ่ง บนยอดเขามีถ้ำสูงหลายสิบจั้งอยู่แห่งหนึ่ง บนถ้ำมีตัวอักษรเขียนว่า ‘หนังสือสะสม’ ซึ่งก็คือสถานที่เก็บตำราศาสตร์ลับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นความสำคัญมากที่สุดในการคารวะเข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์
เมื่อย่างเท้าเข้าสู่ถ้ำ ห้วงมิติโดยรอบก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปรอบๆ ตนเองเข้ามาในมิติอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
ภายในมิตินี้มีตำราจำนวนนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่
มีบางส่วนของตำราเหล่านี้ที่เป็นหนังสือเบ็ดเตล็ด แน่นอนว่าที่มีมากกว่าก็คือตำราศาสตร์ลับนานาชนิด ทั้งยังมีประสบการณ์การบำเพ็ญที่ผู้อาวุโสมากมายยทิ้งเอาไว้ให้ อย่างเช่นประสบการณ์การบำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า ในบรรดาตำราจำนวนนับไม่ถ้วนก็มีวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าฉบับสมบูรณ์อยู่ด้วย
มองไปปราดหนึ่ง ภายในห้วงมิติอันกว้างใหญ่แห่งนี้ก็มีเงาร่างสิบกว่าสายกำลังพลิกอ่านตำราอยู่อย่างเงียบๆ หรือไม่ก็กำลังบำเพ็ญหยั่งรู้อยู่ อย่างน้อยผู้ที่สามารถเข้ามาได้ก็ต้องเป็นศิษย์ภายใต้สำนัก
“ดูตำราในตำนานพวกนั้นสิ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจอยู่บ้าง เขาเหินมาถึงตรงศูนย์กลางของห้วงมิติอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ที่นั่นมีเสาหินค้ำฟ้าอยู่ต้นหนึ่ง บนเสาหินค้ำฟ้านั้นมีตัวอักษรอยู่หลายแถว
“เคล็ดวิชาสามชาติภพ ต้องแลกเปลี่ยนด้วยแต้มความดีความชอบห้าแสนแต้ม”
“เคล็ดร่างแยก ต้องแลกเปลี่ยนด้วยแต้มความดีความชอบสามแสนแต้ม”
“ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา ต้องแลกเปลี่ยนด้วยแต้มความดีความชอบสามแสนแต้ม”
“เคล็ดผนึกห้าภาพ ต้องแลกเปลี่ยนด้วยแต้มความดีความชอบสองแสนแต้ม”
“ร่างเทพดารา ต้องแลกเปลี่ยนด้วยแต้มความดีความชอบสองแสนแต้ม”
“เคล็ดร่างแปรนอกกาย ต้องแลกเปลี่ยนด้วยแต้มความดีความชอบหนึ่งแสนแต้ม”
“เคล็ดกลายเป็นอากาศธาตุไร้สลาย ต้องแลกเปลี่ยนด้วยแต้มความดีความชอบหนึ่งแสนแต้ม”
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ได้เห็นตัวอักษรหลายแถวนั้นดวงตาเป็นประกาย
ข้างบนนี้มีมหาศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา อีกทั้งยังมีศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาแบบธรรมดาอีกด้วย ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา… คงจะเป็นศาสตร์การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นของตน ต้องการเพียงแค่ห้าหมื่นแต้มความดีความชอบมาแลกเปลี่ยนเท่านั้น
“ตำราศาสตร์ลับในตำนาน” ตงป๋อเสวี่ยอิงอุทาน เขาได้ล่วงรู้สิ่งเหล่านี้จากหนังสือเบ็ดเตล็ดมาก่อนแล้ว
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เป็นถึงสิบสำนักใหญ่ ก็ย่อมต้องสะสมตำราเอาไว้มากพอสมควร มีบางส่วนที่มีมาตั้งแต่ก่อนสงครามประเทศโบราณครั้งแรก มีบางส่วนที่มีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสองในดินแดนจิตโลกา แม้กระทั่งหกรัฐโบราณก็ยังต้องมาหยิบยืมเอาจากที่นี่ แน่นอนว่าย่อมต้องจ่ายเป็นมูลค่ามหาศาล แน่นอนว่า…พื้นฐานของหกรัฐโบราณนั้นแข็งแกร่งกว่าสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เป็นอันมากอยู่แล้ว พวกเขาก็มีตำราศาสตร์ลับอันแข็งแกร่งเป็นหนึ่งไม่มีสองอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ตนเองผู้มาจากรัฐประเทศภายนอกคนหนึ่ง นึกอยากจะคารวะเข้าสู่สำนักชั้นยอดบางแห่งในหกรัฐโบราณน่ะหรือ ก็ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง ผู้มาจากรัฐประเทศภายนอกโดยทั่วไปก็มีบ้างที่เผชิญกับการเลือกปฏิบัติ
ดีร้ายอย่างไรสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็เป็นรัฐประเทศของตน ทั้งยังเป็นสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกาอีกด้วย ก็เพียงพอแล้ว
“น่าเสียดายที่ตำราบนเสาค้ำฟ้าอันมีชื่อเสียง ทั้งหมดล้วนต้องใช้แต้มความดีความชอบมาแลกเปลี่ยน แต่ก็ไม่เลวนักหรอก นี่คือราคาที่ให้ศิษย์ภายใต้สำนักมาแลกเปลี่ยน ถ้าหากเป็นผู้มาจากภายนอก อยากจะเรียนก็ยังไม่มีที่ให้เรียนเลยเสียด้วยซ้ำ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรำพึง สายตากวาดมองตำราจำนวนนับไม่ถ้วนภายในห้วงมิติอันกว้างใหญ่นี้ปราดหนึ่ง ส่วนตำราจำนวนนับไม่ถ้วนของห้วงมิติอันกว้างใหญ่นี้นั้นดูได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ตอนที่ 30 ความประหลาดใจ
Ink Stone_Fantasy
“มีตำราเหล่านี้ ข้าก็มีความมั่นใจในการเป็นเทพจักรวาลเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูตำราจำนวนนับไม่ถ้วนที่ล่องลอยอยู่ภายในห้วงมิติอันกว้างใหญ่แล้วดวงตาก็เปล่งประกาย
ตำราที่เขียนเรียงรายอยู่บนเสาค้ำฟ้า
ตนเองไม่จำเป็นต้องไปคิดถึงมันเป็นการชั่วคราว เพราะว่าตำราเหล่านั้นจำเป็นต้องใช้แต้มความดีความชอบจำนวนมหาศาลจึงจะแลกเปลี่ยนมาได้ ตอนนี้ตนเองก็สามารถรับได้เพียงแค่ภารกิจระดับขั้นรวมเป็นหนึ่งของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เท่านั้น เมื่อสำเร็จแล้วจึงจะได้รับแต้มความดีความชอบเป็นสิบเป็นร้อยแต้มได้ นอกจากนี้ภารกิจเหล่านี้ยังซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง พวกที่ง่ายดายหน่อยก็ล้วนถูกศิษย์ภายใต้สำนักคนอื่นๆ ช่วงชิงเอาไปหมดแล้ว!
ศิษย์ภายใต้สำนัก ดูเหมือนว่าจะเป็นขั้นอลวนกันหมด ต่างก็สามารถส่งร่างแปรผ่านระยะทางไกลมาได้ จึงสามารถทำภารกิจสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
“นึกอยากจะได้แต้มความดีความชอบมาก็ยังต้องรอให้ถึงเวลาที่สามารถเปิดเผยพลังยุทธ์ของข้าสู่สาธารณะได้ ยามที่สำแดงพลังยุทธ์ชั้นที่เก้าหรือแม้กระทั่งชั้นที่สิบ เมื่อถึงเวลานั้นความเร็วในการสะสมแต้มความดีความชอบก็จะรวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ
“สำหรับตอนนี้น่ะหรือ”
“ก็วางพื้นฐานให้ดีๆ ไปก่อนเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มต้นพลิกอ่านตำราจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างรวดเร็ว
……
คลังตำราของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นี้เกินจริงเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายแล้ว ‘เสาค้ำฟ้า’ อันโด่งดังก็มีเพียงน้อยนิดไม่ถึงหนึ่งร้อยชนิด ทั้งหมดที่เหลือล้วนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย! มีบางส่วนที่เป็นตำราศาสตร์ลับระดับเทพจักรวาลเลยทีเดียว
“ซึมซับการตกผลึกทางปัญญาของผู้อื่น ก็สามารถทำให้เส้นทางการบำเพ็ญของข้ากว้างขวางขึ้นมาได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อยที่จะศึกษาผู้อื่น เพราะการศึกษาผู้อื่นนั้นสามารถทำให้วิสัยทัศน์ของเขากว้างไกลขึ้นได้ ก็เหมือนกับพรสวรรค์แต่เดิมทางวิถีอากาศของเขาที่มิอาจเทียบได้กับ ‘เขตลวงโลกเทียม’ แต่เพราะว่าได้รับวิชาสืบทอดของบรรพชนห้วงอากาศและจักรพรรดิเก้าเมฆาอย่างต่อเนื่องกัน อีกทั้งงยังเคยหยั่งรู้ชุดเกราะของแม่ทัพโม่กู่ที่มีพรสวรรค์ ‘ไร้เงา’ มาก่อนด้วย ทั้งยังเคยพินิจดูทางเดินโลกาพิศวงมานับล้านล้านปี… การสั่งสมในหลายๆ ด้านทำให้ความสำเร็จบนเส้นทางวิถีอากาศของเขายกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงขนาดที่แซงหน้าวิถีเข่นฆ่าและวิถีระลอกคลื่น ใกล้เคียงกับเขตลวงโลกเทียมได้
แต่ในชาติภพนี้
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ที่เขาคารวะเข้าสังกัด มีความเชี่ยวชาญทางด้านห้วงอากาศเป็นที่สุด กระทั่ง ‘เคล็ดร่างแยก’ ‘มหาศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ‘เคล็ดกลายเป็นอากาศธาตุไร้สลาย’ และอื่นๆ ก็ล้วนมีด้วยกันทั้งสิ้น
บางทีชาตินี้ความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศอาจสูงส่งกว่าเขตลวงโลกเทียม นี่ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
ผู้ที่มีประสบการณ์ของผู้อาวุโสมากมายคนหนึ่ง…
กับคนที่ค่อยๆ เสาะแสวงหาด้วยตนเองคนหนึ่งก็ย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
“ตำรามากมายดีจริง”
ตอนแรกตงป๋อเสวี่ยอิงใช้เวลาไปสองวันกับการกวาดตามองตำราที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง
ความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศของเขาในตอนนี้ก็สูงส่งเป็นอย่างยิ่งแล้ว ที่สามารถเข้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่มากนัก ตำราทางด้านห้วงอากาศที่เขาต้องตาก็มีอยู่เพียงแค่หนึ่งร้อยเก้าสิบห้าเล่มเท่านั้นเอง! สำหรับเคล็ดลับที่บรรดาผู้อาวุโสชี้แนะการบำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าเหล่านั้นก็มิได้อยู่ในสายตาของเขาเลย เพราะบรรดาผู้อาวุโสเหล่านั้นมีอยู่เพียงไม่กี่คนที่สามารถไปถึงพลังรบชั้นที่สิบตอนยังเป็นขั้นอลวนได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงคร้านที่จะไปเสียเวลาด้วย
“หนึ่งร้อยเก้าสิบห้าเล่ม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ ตำราหนึ่งร้อยเก้าสิบห้าเล่มนี้ กว่าสามสิบเล่มล้วนเป็นสิ่งที่ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ เป็นผู้เขียนขึ้น! ส่วนเล่มอื่นๆ นั้นหากมิใช่ตำราที่มุ่งสู่การเป็นเทพจักรวาล ก็เป็นตำราที่ค่อนข้างแปลกประหลาด
“มีตำราเกี่ยวกับเขตลวงโลกเทียมอยู่มากพอสมควรทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์ดีเป็นที่สุด
ตำราทางด้านเขตลวงโลกเทียมที่เขาเห็นความสำคัญนั้นมีอยู่เพียงน้อยนิด โดยเฉพาะเมื่อทั้งดินแดนจิตโลกา ตำราทางด้านเขตลวงโลกเทียมก็มิได้มีอยู่มากมายสักเท่าใดอยู่แล้ว ที่เก็บสะสมอยู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปอีก ที่เข้าตาตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีอยู่เพียงแค่สิบแปดเล่มเท่านั้น! ที่สามารถบำเพ็ญไปถึงระดับเทพจักรวาลได้ก็มีอยู่เพียงแค่สองเล่มเท่านั้น นอกจากนี้อยากจะหาตำราที่เป็นขั้นอลวนสำแดงพลังรบระดับชั้นที่สิบนั้นกลับไม่มีอยู่เลยแม้แต่เล่มเดียว!
นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ขั้นอลวนสำแดงพลังรบระดับชั้นที่สิบ นี่ก็เท่ากับว่าสามารถต่อกรกับเทพจักรวาลอย่างซึ่งหน้าได้แล้ว ก็ย่อมนับได้ว่าเป็นเคล็ดลับที่สำนักสักแห่งหนึ่งไม่มีทางเปิดเผยออกสู่โลกภายนอกได้โดยง่าย
เช่นสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็ต้องเป็นศิษย์ภายใต้สำนักจึงจะสามารถศึกษาได้ หากมิได้เป็นศิษย์ภายใต้สำนัก ตามปกติแล้วก็ต้องจ่ายเป็นมูลค่ามหาศาลจึงจะสามารถศึกษาได้
“พอแล้ว”
“เพียงพอแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงชอบใจนัก เพราะว่าตำราเขตลวงโลกเทียมสิบแปดเล่มก็ทำให้เขาเปิดวิสัยทัศน์ได้อย่างกว้างขวาง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นยอดฝีมือของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ที่สามารถคิดค้นเคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่เก้าออกมาได้
“ตำราเหล่านี้ก็เท่ากับเป็นทิศทางการบำเพ็ญที่แตกต่างกัน ทำให้ความมั่นใจในการเหยียบย่างเข้าสู่ระดับเทพจักรวาลของข้าเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว”
การคารวะเข้าสู่สำนักน่ะหรือ
เขามิได้สนใจสมบัติล้ำค่าเลย! ผู้หนุนหลัง เขาก็มิได้สนใจเช่นกัน!
สิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสนใจก็คือตำราศาสตร์ลับที่เหล่าผู้แกร่งกล้ารุ่นแล้วรุ่นเล่าในประวัติศาสตร์อันยาวนานของดินแดนจิตโลกาทิ้งเอาไว้ แต่ว่ากันว่า ‘วิถี ไม่ถ่ายทอดโดยง่าย’ สถานะดังเช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณานั้นสั่งสมตำรามากมายเช่นนี้เอาไว้ก็มิใช่เรื่องง่ายเลย ผู้ที่มิได้สวามิภักดิ์โดยสมบูรณ์อย่างแท้จริงก็ไม่สามารถพลิกอ่านตำราเหล่านี้ตามอำเภอใจได้ ต่อให้อยากจะสวามิภักดิ์ แต่ไม่มีพรสวรรค์และพลังยุทธ์ ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ไม่รับ
******
ได้รับตำราเหล่านี้มา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็จดจำเอาไว้จนหมดก่อน
หลังจากนั้นจึงค่อยเริ่มบำเพ็ญอย่างเจียมตนอยู่ภายในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ แล้วพลิกอ่านหนังสือเบ็ดเตล็ดต่างๆ เพื่อเปิดวิสัยทัศน์เป็นครั้งคราว กาลเวลาเคลื่อนผ่านไป พริบตาเดียวก็เป็นเวลาที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้ามายังสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นานกว่าสามหมื่นปีเศษแล้ว
กลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง
เงาร่างของหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวเคลื่อนผ่านเวหา บุกสังหารไปทางพลทหารชุดเกราะเก้านายที่อยู่ไกลออกไป พลทหารชุดเกราะเหล่านี้ถืออาวุธที่แตกต่างกัน มีบางคนถือมีดดาบ บางคนถือโล่ บางคนถือคันธนูและลูกดอก…
“พรึ่บ”
เงาร่างของหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวกะพริบวาบในทันใด เง่าร่างอันน่าอัศจรรย์สายแล้วสายเล่าปรากฎตัวไปทั่วทุกหนแห่ง ราวกับมีเงาร่างแปดเก้าสายปรากฎตัวขึ้นในเวลาเดียวกัน
ความรวดเร็วและความน่าอัศจรรย์นั้นทำให้จำแนกได้ยากว่าเป็นความเท็จหรือความจริง
“สวบ”
นิ้วมือของตงป๋อเสวี่ยอิงชี้ไปยังด้านหลังของพลทหารคนหนึ่ง ปึง ด้านหลังของนายทหารผู้นั้นลุกไหม้ขึ้นมาในทันที โพรงโลหิตขนาดใหญ่โพรงหนึ่งปรากฏขึ้น หยาดโลหิตสาดกระจาย พลทหารที่กลับหลังหันอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าผู้นั้นมีขวานเล่มหนึ่งอยู่ในมือ ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับหายตัวไปเสียแล้ว เงาร่างราวกับภูติผีปีศาจสิบกว่าสายบุกปะทะเข้าหาพลทหารถือขวานผู้นั้นจากทิศทางต่างๆ กัน
……
อาศัยเคล็ดร่างกายอันน่าหวาดหวั่นก็สามารถบดขยี้พลทหารเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ผ่านเวลาสังหารไปชั่วจิบชาถ้วยหนึ่ง พลทหารชุดเกราะเก้านายนี้ก็สูญสิ้นพลังไปจนหมด สูญสลายหายลับไปจากที่นั้น
“ผ่านแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มคราหนึ่ง ไกลออกไปมีบันไดทรงเจดีย์ปรากฏขึ้น เมื่อขึ้นไปตามบันไดก็สามารถเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดของวังปฐมเทพที่อยู่สูงขึ้นได้
ชั้นที่เจ็ดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อม ‘พ่ายแพ้ราบคาบ’ แล้ว
“อะไรนะ”
“อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เพิ่งจะเข้าสู่สำนักได้ไม่นานเท่าใดเท่านั้นเอง ก็บุกผ่านชั้นที่หกของวังปฐมเทพแล้วหรือ”
“รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
เมื่อบรรดาผู้อาวุโสแต่ละท่านของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ได้ทราบข่าวแล้วต่างก็ประหลาดใจกันเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่เข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์แล้วบรรลุอย่างรวดเร็วนี้เป็นเรื่องที่พบเห็นได้อยู่บ่อยๆ แต่ถ้าหากคิดถึงอายุของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ช่างเหนือจริงเป็นอย่างยิ่งแล้ว… ห้าล้านปีเท่านั้นเอง!
“เขาได้เข้าไปบำเพ็ญใน ‘โลกมิติเวลา’ หรือไม่ สามหมื่นกว่าปีนี้ หรือว่าเขาเร่งเวลาบำเพ็ญเป็นร้อยเท่าพันเท่าเล่า
“เปล่าเลย”
“เขามิได้เร่งเวลาเลย ดูจากกลิ่นอายของวิญญาณ ก็เพียงแค่ห้าล้านปีเศษๆ เท่านั้นดังเดิม”
“ข้าได้ไปสอบถามวิญญาณค่ายกลได้ความมาว่านอกจากอิงซานเสวี่ยอิงจะเก็บตัวเพื่อบำเพ็ญอยู่ภายในคูหาของตนตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้แล้ว ดูเหมือนว่าก็จะพลิกอ่านตำราอยู่ในโลกหนังสือสะสมตลอด มิได้ทำการเร่งเวลาเพื่อบำเพ็ญแต่อย่างใดเลย
“พลิกอ่านตำราอย่างนั้นหรือ อ้อ ก็ใช่ ภายในโลกหนังสือสะสมมีตำราจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีประสบการณ์ของเหล่าผู้อาวุโสจำนวนมากมายเกี่ยวกับการบำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าอีกด้วย คาดว่าก่อนหน้านี้เจ้าเด็กอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้คงจะไม่มีอาจารย์ ก้มหน้าก้มตาบำเพ็ญอยู่ในสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองอัคคีโชตินั่นมาโดยตลอด ตอนนี้เพียงชั่วครู่ก็ได้รับการชี้แนะจากประสบการณ์ของผู้อาวุโสจำนวนมาก ก็พบทางสว่างในทันใด หยั่งรู้ไปถึงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่หกของวังปฐมเทพในทันที ก็เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง”
“อืม ก็คงจะเป็นเช่นนี้แหละ”
เหล่าผู้อาวุโสแต่ละคนวิพากษ์วิจารณ์กัน
ถึงแม้พวกเขาจะเข้าใจว่าผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่ได้รับการชี้แนะที่ดีในอดีตคนหนึ่ง ตอนนี้ภายใต้การชี้แนะประสบการณ์จากตำราของผู้อาวุโสจำนวนมากแล้วบรรลุก็เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เพียงแค่ห้าล้านปีเท่านั้น ก็ยังน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่งอยู่ดี
……
เมืองหลวงของรัฐเมฆทักษิณา
ภายในคูหาอันหรูหราเป็นที่สุดแห่งหนึ่ง ภายในเรือนไม้ไผ่ที่มีสายน้ำไหลล้อมรอบ หญิงสาวอาภรณ์ม่วงผู้งดงามคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ อาภรณ์ของนางยาวเป็นอย่างมาก จนแทบจะปกคลุมพื้นครึ่งหนึ่งของเรือนไม้ไผ่แล้ว
นางกำลังหยิบเข็มเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วปักภาพลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“เจ้านายขอรับ” บุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ด้านนอกเอ่ยอย่างเคารพอยู่ด้านนอกม่านไม้ไผ่ของเรือนไม้ไผ่ว่า “ทางสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ส่งข่าวมาขอรับ”
“มีเรื่องอันใดหรือ” หญิงสาวผู้นี้เอ่ยอย่างเรียบเฉย น้ำเสียงว่างเปล่า แทรกทะลุผ่านวิญญาณผู้คน
บุรุษที่อยู่ด้านนอกอดที่จะหัวใจบีบรัดมิได้ เขาเข้าใจกระจ่างดียิ่งว่าเจ้านายของตนนั้นน่ากลัวเกรงสักเพียงใด จึงเอ่ยอย่างเคารพนบนอบในทันที “ศิษย์ภายใต้สำนักคนล่าสุดของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ‘อิงซานเสวี่ยอิง บุกผ่านชั้นที่หกของวังปฐมเทพในวันนี้ จนกระทั่งบัดนี้เขาก็เพิ่งจะบำเพ็ญมาทั้งสิ้นเพียงห้าล้านห้าหมื่นปีเศษเท่านั้นเองขอรับ”
“อ้อหรือ ส่งเทียบเชิญของข้าไป เชิญเขามาเข้าร่วมงานเลี้ยง” เสียงของหญิงสาวแฝงเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น