Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 33 ตอนที่ 24-26
ตอนที่ 24 ยอดฝีมือลับ
Ink Stone_Fantasy
มารรับใช้เฉาชิ่งร่วมมือกับมารเฒ่าเหนียนจิ่วพุ่งตรงเข้ามาสังหาร พยายามสุดกำลัง ก็เพราะขณะลอบจัดเตรียมยอดฝีมืออย่างลับๆ พวกเขาก็ได้เห็นภาพของน้ำยาพิษที่ถูกผลักให้ห่างออกไปเมื่อครู่กันถ้วนหน้า
“หลบๆ ซ่อนๆ ก็แข็งแกร่งมิได้สักเท่าไหร่หรอก” พวกเขาทั้งสองก็ไม่หวั่นเกรง คนหนึ่งเป็นมารรับใช้ ส่วนอีกคนมีร่างแยกหกร่าง กลัวอะไรเล่า ขอเพียงสามารถสังหารคุณชายเสวี่ยอิงได้สำเร็จ ร่างแยกจะตายไปสักหลายร่างก็เป็นเรื่องเล็ก
“ตู้มมม…”
อากาศทั่วบริเวณล้านลี้โดยรอบล้วนบิดเบี้ยวไป มารรับใช้เฉาชิ่งและมารเฒ่าเหนียนจิ่วต่างก็สัมผัสรับรู้รอบด้านด้วยความตกตะลึง อากาศรอบด้านวุ่นวายไปหมด ก่อนหน้านี้ขังพอจะเห็นคุณชายเสวี่ยอิงผู้นั้นได้อย่างเลือนราง แต่ตอนนี้ หลังจากอากาศสับสนวุ่นวายแล้ว ร่างกายของพวกเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายไป จนมองไม่เห็นคุณชายเสวี่ยอิงอีกต่อไปแล้ว
ตำแหน่งของร่างแยกทั้งหกของมารเฒ่าเหนียนจิ่วล้วนสับเปลี่ยนไปมา เคล็ดการร่วมโจมตีระหว่างกันและกันย่อมทลายลงเป็นธรรมดา
“ฟึ่บๆๆ…” รอยแยกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเหนือร่างทั้งหกของมารเฒ่าเหนียนจิ่ว เขาเบิกตาโพลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ข้า ข้าตายไปเช่นนี้เองน่ะหรือ ศัตรูเล่า ศัตรูเล่า”
ฟิ้ว
ร่างทั้งหกแตกสลายเป็นผุยผงไปอย่างสิ้นเชิง จนสิ้นใจ มารเฒ่าเหนียนจิ่วก็หาศัตรูไม่พบ
หากกล่าวว่ากระบวนท่าด้านบริเวณของตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมการเหนี่ยวนำน้ำยาพิษอย่างละเอียด เช่นนั้นตอนนี้ก็เป็นการปะทุอานุภาพด้านบริเวณออกมาอย่างสิ้นเชิง! ตามปกติแล้วล้วนแต่ฝึกฝนอยู่ภายในเจดีย์เทพอากาศ นี่เป็นครั้งแรกที่ปะทุออกมาอย่างสิ้นเชิงเพื่อสังหารศัตรู
มิติทั้งสองแห่งสับสนอลหม่านไปหมด ขณะเดียวกันก็ส่งผลกับร่างกายร่างหนึ่ง มิติแห่งหนึ่งก็หมายจะเคลื่อนย้ายร่างกายครึ่งบนไปทางเหนือ ส่วนมิติอีกแห่งหนึ่งก็หมายจะเคลื่อนย้ายร่างกายครึ่งล่างไปทางใต้ ผลของการสำแดงออกมาพร้อมกันก็คือ…ฟึ่บ ร่างกายถูกอากาศอันบิดเบี้ยวเชือดเฉือน เมื่อครู่เพียงพริบตาเดียว ร่างแยกทั้งหกของมารเฒ่าเหนียนจิ่วแต่ละร่างก็ล้วนประสบกับการเชือดเฉือนนับพันครั้งแล้วสลายหายไปทันที!
ณ ที่อีกแห่งหนึ่ง
ร่างกายของมารรับใช้เฉาชิ่งก็ประสบกับการเชือดเฉือนนับพันครั้ง ทว่าในฐานะที่เป็นระดับขั้นอลวน หุ่นเชิดเลือดเนื้อ ระดับขั้นของเขาต่ำมาก กายหยาบกลับแข็งแกร่งนัก พละกำลังก็เหิมเกริม แม้นี่จะเป็นกระบวนท่าระดับชั้นที่แปดของตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นลูกไม้ด้านบริเวณ อากาศบิดเบี้ยวก็ยังมิอาจทำร้ายร่างกายของมารรับใช้เฉาชิ่งได้
“ออกไป!” มารรับใช้เฉาชิ่งเปล่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวออกมา เขามองไม่เห็นศัตรูเลย
“ร่างกายแข็งแกร่งยิ่งนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งอยู่บนรถวางหอกยาวไว้บนตัก นิ้วมือของมือขวากลับชี้ออกไปเล็กน้อย
เห็นๆ กันอยู่ว่านั่งอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนจะห่างไกลจากมารรับใช้เฉาชิ่งมาก
แต่ปลายนิ้วนี้…
กลับปรากฏขึ้นตรงหว่างคิ้วกลางหน้าผากของมารรับใช้เฉาชิ่งทันควัน เห็นได้ชัดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงบิดเบือนอากาศ ทำให้บริเวณที่นิ้วโจมตีเชื่อมต่อกับบริเวณศีรษะของมารรับใช้เฉาชิ่ง
“ฟึ่บ!”
ปลายนิ้วจิ้มลงกลางหว่างคิ้วของมารรับใช้
มารรับใช้เฉาชิ่งรับพลังดัชนีอันน่าหวาดหวั่นนี้เข้าไปจังๆ ไร้ซึ่งการป้องกันใดๆ เขาเบิกตาโพลง จากนั้นร่างกายก็แหลกสลายไปอย่างสิ้นเชิงอย่างไร้สุ้มเสียง แตกสลายตั้งแต่ระดับอณูกลายเป็นความว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
เมื่อชี้ออกไป มารรับใช้เฉาชิ่งก็แยกออกและแตกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับมิได้ขยับเลยแม้แต่น้อย
กระบวนท่าที่สิบของวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า ‘ธุลีสลาย’
อย่างด้ามหอกของสมบัติลับนั้น ตนต้องไปรับรู้ก่อน ตงป๋อเสวี่ยอิงรับรู้กระบวนท่าด้านบริเวณของวังปฐมเทพชั้นที่เจ็ดได้อย่างยากลำบาก ต้องใช้ด้ามหอกสำแดงออกมาอานุภาพจึงสามารถบรรลุถึงชั้นที่แปดได้ ส่วนวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่านั้นไม่เหมือนกัน นี่คือศาสตร์ลับที่ละเอียดมาก ตนถึงขั้นสามารถรับรู้สายเลือดอากาศภายในกายได้ ดังนั้นจึงฝึกกระบวนท่าที่มีพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่แปด…กระบวนท่าที่เก้าและสิบได้สำเร็จ
กระบวนท่าที่สิบ ‘ธุลีสลาย’ มีชื่อเสียงด้านความน่าหวาดหวั่น ทว่ากระบวนท่าเรียบง่ายเกินไปจนสามารถถูกแก้ไขได้ง่ายๆ เมื่อเทียบกันแล้วกระบวนท่าที่เก้าพิสดารยากทำลายกว่ามาก ทว่าอานุภาพอ่อนแอเกินไป
ถึงกระนั้น
อาศัยบริเวณทำให้ศัตรูทำไม่ได้แม้แต่จะต้านทาน จนต้องรับอานุภาพของธุลีสลายเข้าไปเต็มๆ บริเวณกับ ‘ธุลีสลาย’ ทั้งสองอย่างประสานเข้าด้วยกันจึงเรียกได้ว่าเหมาะสม กระบวนท่าที่ประสานกันนี้เพียงพอจะเรียกได้ว่าชั้นที่แปดระดับยอดแล้ว! เพียงโจมตีครั้งเดียว มารรับใช้เฉาชิ่งก็ร่างกายสลายไปเสียแล้ว
……
“อะไรนะ”
อากาศรอบด้านสับสนวุ่นวาย เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง เหล่าผู้คุ้มกันลับในที่นั้นต่างก็รู้สึกว่ารอบด้านวุ่นวายยิ่งนัก พวกเขาถึงขั้นมองเห็นตึกรามบ้านช่องทั้งหลายถูกเคลื่อนย้ายไปหมด แล้วล่องลอยอยู่กลางอากาศไกลออกไป
ฟิ้ว
ละอองธุลีทั้งหมดร่วงลงมา
ตึกรามบ้านช่องในบริเวณล้านลี้ซึ่งเดิมทีถูกเคลื่อนย้ายไปล่องลอยอยู่กลางอากาศ แล้วกลับสู่ตำแหน่งเดิมของพวกมัน
ภายในบริเวณล้านลี้ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งถูกอากาศอันบิดเบี้ยวปกคลุมเอาไว้ล้วนกลับสู่ตำแหน่งเดิมของตน แต่ละคนพากันมองดูรอบกายด้วยความตกใจ
“เป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจนัก” พวกเถียนอี้จือมองรอบด้านด้วยความตื่นเต้น เขาพูดเสียงสูงว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือคุณชายบ้านข้าขอรับ”
“ขอบคุณผู้อาวุโส” ยามนี้สาวใช้เหยียนอวี๋ก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน
ส่วนอิงซานเลี่ยฮู่ก็นั่งลงบนรถเกี้ยวเต็มก้น เขาลูบศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เขาผวาจนแข้งขาอ่อนไปหมด เขามองตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ข้างกาย “บุตรข้าวางใจเถิด ตระกูลอิงซานของเรามีทรัพยากรมากมายนัก จะต้องจัดหายอดฝีมือที่ร้ายกาจมาคุ้มครองเจ้าได้อย่างแน่นอน มือสังหารเหล่านั้นไหนเลยจะมาลอบทำร้ายได้” อิงซานเลี่ยฮู่มีพลังอ่อนแอ สายตาก็ย่ำแย่ เขาไม่รู้ถึงความหวาดหวั่นของศัตรูในครั้งนี้เอาเสียเลย
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิต” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พูดเสียงสูงเช่นกัน
แม้เมื่อครู่นิ้วของเขาจะลงแรงจิ้มออกไปเล็กน้อย แต่ในเวลานั้น เขาก็บิดเบือนอากาศรอบด้าน ต่อให้จ้องเขาเขม็ง อย่างมากก็คงจะเห็นว่าร่างของเขานั่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีทางมองเห็นตำแหน่งนิ้วมือของเขาได้เลย เพราะอากาศตรงนั้นบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว
ในเมื่อลงมือ ก็ย่อมต้องไม่ทิ้งพิรุธเอาไว้แม้แต่น้อย
******
นายท่านมารร้ายชุดดำที่มองดูอยู่ห่างๆ มองเห็นอากาศอันบิดเบี้ยวอยู่ไกลออกไป รอจนอากาศกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว มารเฒ่าเหนียนจิ่วและมารรับใช้เฉาชิ่งก็สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
ทำให้ยอดฝีมือที่ปะทุพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่เจ็ดออกมาหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตาถึงสองคนเช่นนี้ได้ จะต้องมีพลังระดับใดกัน
“ต่อให้ท่านโหวหั่วเลี่ยลงมือ ก็ไม่มีทางรวดเร็วถึงเพียงนี้” สีหน้าของนายท่านมารร้ายชุดดำเย็นเยียบ เพราะถึงอย่างไรอากาศก็ถูกกดดันเสียจนมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ จะสังหารศัตรูก็ต้องทะยานเข้าไปสังหาร มารเฒ่าเหนียนจิ่วนั้นมีถึงหกร่างแยก ร่างกายของมารรับใช้เฉาชิ่งก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพียงพริบตาเดียวก็สังหารพวกเขาจนสิ้นได้แล้วหรือนี่
“อากาศรอบด้านถูกกดดัน กาลมิติถูกทำให้สับสน ผู้ใดสามารถสังหารเหนียนจิ่วและมารรับใช้ได้ในพริบตากันหนอ”
“ตระกูลอิงซานมียอดฝีมือเช่นนี้หรือไม่”
นายท่านมารร้ายชุดดำครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ตระกูลอิงซานก็มีเพียง ‘แม่เฒ่าอิงซาน’ ซึ่งมีพลังลึกล้ำเกินหยั่งผู้นั้นเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่แม่เฒ่าอิงซานมีสถานะระดับใดกัน จะต้องประจำการอยู่ที่เมืองอิงซานอย่างแน่นอน เมืองอิงซาน…ใหญ่โตกว่าเมืองอัคคีโชติมากนัก และยังสำคัญกว่ามากด้วย ระยะทางห่างไกลถึงเพียงนี้ ทั้งยังไม่มีกลวิธีส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น จึงไม่มีทางเร่งมามาปกป้องอิงซานเสวี่ยอิงได้ทันเวลา
“ผู้ใดกัน”
“หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือที่เร้นกายอยู่ในเมืองอัคคีโชติ เห็นว่าเจ้าหนูเสวี่ยอิงผู้นั้นมีพรสวรรค์สูงส่ง ดังนั้นจึงได้ออกอหน้าคุ้มกันอย่างนั้นหรือ” นายท่านมารร้ายชุดดำได้แต่นึกถึงข้อนี้เท่านั้น
“นับว่าเขาเคราะห์ดี” นายท่านมารร้ายชุดดำหมุนกายจากไป
……
รถเกี้ยวยังคงอยู่กลางอากาศ มังกรแปดตัวก็ออกจะไม่สงบอยู่บ้าง
เหล่าผู้คุ้มกันลับกว่าร้อยนาย เถียนอี้จือและองครักษ์เก้านาย สาวใช้เหยียนอวี๋ รวมทั้งบรรดาบ่าวรับใช้และองครักษ์ข้างกายอิงซานเลี่ยฮู่ แต่ละคนล้วนรู้สึกตกตะลึง เพียงพริบตาก็มิอาจกลับคืนสู่ความสงบได้
“คุณชาย เมื่อครู่ข้ามองเห็นตึกรามบ้านช่องทั้งหลายที่อยู่ไกลออกไปล่องลอยอยู่กลางอากาศน่ะเจ้าค่ะ” สาวใช้เหยียนอวี๋ตื่นเต้นอยู่บ้าง “แค่กะพริบตา ทั้งหมดก็กลับมาแล้ว”
“ไม่รู้ว่าเป็นผู้อาวุโสท่านใด” ตงป๋อเสวี่ยอิงรำพึง “ช่างร้ายกาจจริงๆ”
“ผู้อาวุโสท่านนี้สามารถช่วยเหลือคุณชายได้ บางทีอาจจะมีความหลังกับตระกูลอิงซานก็เป็นได้ ทว่าคุณชายก็ต้องจำบุญคุณครั้งนี้เอาไว้ด้วยนะขอรับ” เถียนอี้จือพุดยิ้มๆ เขาอิจฉาคุณชายของตนขึ้นมาแล้ว ที่อาศัยเรื่องนี้เขาก็สามารถผูกสัมพันธ์กับยอดฝีมือท่านนั้นได้
ฟิ้ว
กลางอากาศ ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยรวมตัวกันแล้วปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ท่านโหวหั่วเลี่ยมองเห็นว่าทุกสิ่งดีหมดแล้ว และเห็นว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เขาก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง จากนั้นก็สอบถามเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ในชั่วขณะที่พวกเขาพูดคุยกันนั้น
“ฟิ้ว”
เงาร่างสองสายปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
คนหนึ่งก็คือตาเฒ่านัยน์ตาเขียว ส่วนอีกคนก็คือแม่เฒ่าอิงซาน
“บรรพชนดั้งเดิม โหวฝูเฉิน” ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยเร่งขึ้นไปข้างหน้า
“มาช้าเกินไปแล้ว” แม่เฒ่าอิงซานมองเห็นสถานการณ์รอบด้านก็พูดยิ้มๆ “ทว่ายังดีที่ไม่เกิดเรื่องขึ้น พวกเจ้าต้านทานมารรับใช้เฉาชิ่งผู้นั้นได้อย่างไรกัน”
ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน คงจะเป็นยอดฝีมือบางคนที่เดินทางผ่านเมืองอัคคีโชติมาพอดีกระมัง”
แม่เฒ่าอิงซานมองออกไปกลางอากาศ
อากาศค่อยๆ บิดเบี้ยวแล้วมีภาพเหตุการณก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้น เพียงแต่ไม่นานก็ถูกรบกวนเข้าเสียแล้ว
“มือสังหารยังทำให้กาลมิติสับสนอีก” แม่เฒ่าอิงซานมองไปทางตาเฒ่านัยน์ตาเขียวด้านข้าง “ฝูเฉิน ต้องขอให้ท่านช่วยตรวจสอบดูแล้วล่ะ”
“ได้สิ”
ตาเฒ่านัยน์ตาเขียวพยักหน้า นัยน์ตาทั้งสองของเขามีประกายสีเขียวพลุ่งพล่านออกมา ทันใดนั้นกลางอากาศไกลออกไปก็มีภาพก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้น ทำให้ภาพการต่อสู้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบปรากฏขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง เพียงแต่ขณะที่อากาศบิดเบี้ยวและสับสนวุ่นวายนั้น พวกเขาก็เพียงแค่มองเห็นบริเวณที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้จงใจปกปิดเท่านั้น
“เป็นกระบวนท่าด้านบริเวณที่ร้ายกาจนัก” ตาเฒ่านัยน์ตาเขียวอุทาน “มารร้ายเหนียนจิ่วผู้นั้นและมารรับใช้เฉาชิ่งล้วนแต่แหลกสลายไปในพริบตา หากมารรับใช้เฉาชิ่งปะทุพลังออกมาทั้งหมดก็มีพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่เจ็ด นอกจากนี้ร่างกายก็แข็งแกร่ง จะแหลกสลายไปในพริบตาได้…เรื่องนี้ยากมากทีเดียว”
“ข้าทำไม่ได้หรอก” ท่านโหวหั่วเลี่ยกล่าว
วิธีการต่อสู้ของเขาเหิมเกริมกว่า แต่มารรับใช้ก็มิได้โง่งม ย่อมสกัดกั้นและหนีเอาชีวิตรอด
“ผู้ที่ลงมือน่าจะมีพลังระดับชั้นที่เก้า” แม่เฒ่าอิงซานพุดยิ้มๆ “ที่น่าแปลกก็คือ ลงมือช่วยเหลือเจ้าหนุ่มเสวี่ยอิง แต่กลับมิได้บอกกล่าวยายเฒ่าอย่างข้าสักคำเลย หรือว่ามิได้เห็นแก่หน้าข้าเลย”
หากเห็นแก่หน้านาง ก็ควรจะบอกนางสักคำ
“บางทีอาจซ่อนตัวอยู่ในเมืองอัคคีโชติก็เป็นได้ หรืออาจจะผ่านมาพอดีก็ได้” แม่เฒ่าอิงซาส่ายศีรษะพูดยิ้มๆ “ไม่ว่าอย่างไร ยอดฝีมือผู้นี้ก็มิได้มีจิตคิดร้าย พวกเรายังต้องขอบคุณเขาเสียอีก”
“ใช่” ท่านโหวหั่วเลี่ยพยักหน้า
เพียงชั่วครู่ แม่เฒ่าอิงซานและท่านโหวหั่วเลี่ยล้วนคิดไม่ออกว่าเป็นผู้ใด อย่างน้อยในรัฐเมฆทักษิณาก็เหมือนจะไม่มีผู้ที่สอดคล้องกัน ถึงอย่างไรดินแดนจิตโลกาก็กว้างใหญ่ไพศาล มีรัฐต่างๆ มากมาย และยังมีรัฐทั้งหกซึ่งมีผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆอีกด้วย! ยอดฝีมือลับที่ร่อนเร่พเนจรไปทั่วดินแดนจิตโลกาก็ยิ่งมากมายเข้าไปใหญ่ คนที่แม่เฒ่าอิงซานไม่คุ้นเคยก็มีถมไป
“เจ้าหนูน้อยเสวี่ยอิง” แม่เฒ่าอิงซามองดูตงป๋อเสวี่ยอิง “เขาสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ อย่างน้อยก็ยังมีใจรักผู้มีพรสวรรค์ ในภายหน้าเจ้าอาจจะพบเขาเข้าก็ได้ ต้องผูกสัมพันธ์เอาไว้ให้ดีล่ะ”
เพราะถึงอย่างไรตามที่พวกเขาคาดการณ์ อย่างน้อยก็ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง
ทั้งรัฐเมฆทักษิณา จวบจนบัดนี้มีผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องเพียงยี่สิบเอ็ดคนเท่านั้น! ซึ่งไม่มีผู้ใดมีกระบวนท่าบิดเบือนอากาศที่น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้
“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“มิได้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ระดับจิตของเจ้านับว่าไม่เลว” ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยชมเชยตงป๋อเสวี่ยอิง
แม่เฒ่าอิงซานพูดพลางครุ่นคิดว่าที่แท้แล้วผู้แกร่งกล้าเร้นลับผู้นี้คือใครกัน ก่อนอื่นภายในรัฐเมฆทักษิณาก็ถูกนางกำจัดทิ้งไปก่อนแล้ว น่าจะเป็นยอดฝีมือนอกรัฐเมฆทักษิณา นับได้ว่านางพอจะคุ้นเคยกับทั้งสี่รัฐมารทมิฬอยู่บ้าง มารร้ายในทะเลสาบมารทมิฬนางก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง ในบรรดาขั้นอลวน ผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ก็มีอยู่สองคน ส่วน ส่วนภายในโลกอันกว้างใหญ่นอกสี่รัฐมารทมิฬ ก็มียอดฝีมือมากมายก่ายกองแล้ว
“นับว่าเป็นโอกาส เสวี่ยอิงมีพรสวรรค์ด้านอากาศ ยอดฝีมือท่านนี้ก็เชี่ยวชาญทางด้านอากาศเช่นเดียวกัน ในเมื่อลงมือผูกวาสนาต่อกันแล้ว ไม่แน่ว่าในภายหน้าอาจจะมีวาสนาได้พบกันอีกก็เป็นได้” แม่เฒ่าอิงซานยิ้ม จากนั้นสีหน้าของนางก็เยือกเย็นลง นางกำลังครุ่นคิดว่าที่แท้แล้วมือสังหารในครั้งนี้เป็นผู้ใดที่จัดเตรียมมากันแน่
ผู้ใดกันที่คิดหมายเอาชีวิต ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ลูกหลานที่มีพรสวรรค์สูงส่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลอิงซานของนาง!
ตอนที่ 25 เพลิงโทสะของตระกูลอิงซาน
Ink Stone_Fantasy
“หั่วเลี่ย”
เสียงของแม่เฒ่าอิงซานยังคงราบเรียบ “เจ้าปกครองเมืองอัคคีโชติของเจ้าได้หละหลวมเกินไปแล้ว ทำให้ยอดฝีมือผู้นี้แทรกซึมเข้ามาได้”
“เป็นข้าที่ไร้ความสามารถเองขอรับ” ท่านโหวหั่วเลี่ยพูดพลางก้มศีรษะ
“ยังมีมารรับใช้เฉาชิ่งอีกตนหนึ่งด้วย!” แม่เฒ่าอิงซานพูดเสียงเรียบ “สามารถส่งมารร้ายเหนียนจิ่วมาได้ ทำใจส่งมารรับใช้ตนหนึ่งมาเป็นมือสังหารได้…เกรงว่าผู้บงการอยู่เบื้องหลังในครั้งนี้ คงจะมีสถานะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”
ท่านโหวหั่วเลี่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ดีร้ายอย่างไรเขาก็เป็นท่านโหวคนหนึ่ง ก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะซื้อมารรับใช้สักตนหนึ่งมา แน่นอนว่าเขามีปัญญาซื้อ ‘เฉาชิ่ง’ ซึ่งเป็นมารรับใช้ระดับต่ำสุดในบรรดาขั้นอลวนได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ประจำการอยู่ในเมืองอัคคีโชติมานมนาน จึงย่อมรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องซื้อ! ฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว
“ตรวจสอบ” แม่เฒ่าอิงซานพูดเสียงเย็นชา “ตรวจสอบให้ถึงที่สุด ฝูเฉิน เจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนข้าที่เมืองอัคคีโชติสักสามวันเพื่อช่วยตรวจสอบเสียหน่อย เกรงว่าลูกน้องของหั่วเลี่ยคงจะอ่อนแอด้านการตรวจสอบไปบ้าง”
“ได้สิ” ตาเฒ่านัยน์ตาเขียวพูดยิ้มๆ
แม่เฒ่าอิงซานเป็นหนึ่งในอ๋องที่เก่าแก่อย่างยิ่งแห่งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา พลังก็จัดอยู่ในอันดับแรกสุด ตอนที่ยังอ่อนแอ โหวฝูเฉินก็เคยได้รับน้ำใจจากแม่เฒ่าอิงซาน จากนั้นทั้งสองก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงและอิงซานเลี่ยฮู่ที่อยู่บนรถเกี้ยวยืนขึ้นมาก่อนแล้ว
“เจ้าหนูเสวี่ยอิง” แม่เฒ่าอิงซานมองตงป๋อเสวี่ยอิงพลางหัวเราะฮิฮิ “เจ้าหยิบหอกยาวเล่มหนึ่งออกมา ทำไมรึ คิดจะต่อสู้กับศัตรูด้วยตนเองหรือ”
“ท่านบรรพชนดั้งเดิมขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันแผ่กลิ่นอายจากร่างออกสู่ภายนอกพลางพูดด้วยความมั่นใจในตนเองว่า “บัดนี้ข้ามีพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่ห้าแล้ว เชื่อว่าเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูก็พอจะสามารถสู้ได้บ้าง ไม่มีทางยอมจำนน ยอมศิโรราบง่ายๆ แน่นอน”
แม่เฒ่าอิงซานฟังแล้วก็นัยน์ตาเป็นประกาย
“ร่างเมฆทักษิณาทิพย์บรรลุถึงระดับชั้นที่ห้าแล้วหรือ” ร่างแปรของท่านโหวหั่วเลี่ยที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจ
“หาได้ยากๆ นี่เพิ่งจะห้าล้านปีเท่านั้นเองกระมัง คุณชายน้อยเสวี่ยอิงก็สามารถบรรลุถึงพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่ห้าได้แล้ว” โหวฝูเฉินรำพึง “สำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งนั้นสามารถอาศัยสายเลือดได้ แต่จะฝึกฝนวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่ากลับต้องอาศัยการรับรู้ ห้าล้านปีบรรลุถึงระดับขั้นเช่นนี้ได้ พรสวรรค์ระดับนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
แม้แม่เฒ่าอิงซานจะเบิกบานใจแต่ก็ยังคงพูดขึ้นว่า “อย่าเอาแต่ชมเจ้าหนุ่มคนนี้อีกเลย เขามีสายโลหิตไม่ธรรมดา ทั้งยังมี ‘สายเลือดห้วงอากาศ’ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากท่านประมุขรัฐพอดิบพอดี เมื่อได้รับรู้การเปลี่ยนแปลงของสายโลหิต จึงบำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าได้สบายมาก ห้าล้านปีสามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้ ก็พอจะนับได้ว่าไม่เลวเท่านั้น”
นางเกรงว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะหยิ่งผยองเกินไป
เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้มีพรสวรรค์สูงส่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลอิงซาน หากหยิ่งผยองเกินไป จนกลายเป็นเย่อหยิ่งทระนงขึ้นมา แล้วจริงจังในการบำเพ็ญไม่พอขึ้นมา เช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่ออนาคตอย่างรุนแรงแล้ว
“เจ้าหนูเสวี่ยอิง” แม่เฒ่าอิงซานพูดยิ้มๆ “แม้เจ้าจะมีพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่ห้า แต่ทั้งมารรับใช้และมารเฒ่าเหนียนจิ่วผู้นั้นก็ล้วนแต่มีพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่เจ็ดทั้งสิ้น หากพวกเขาจะสังหารเจ้า แค่พลิกฝ่ามือก็สามารถสังหารได้แล้วจริงๆ”
“ข้าทราบดีขอรับ แต่ก็มิอาจปล่อยให้พวกเขาสังหารโดยไม่ป้องกันอะไรเลยอยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “บรรพชนดั้งเดิม ข้าก็บรรลุจนมีพลังระดับนี้แล้ว น่าจะสามารถไปยังนครหลวงได้แล้วกระมัง ไปยังสำนักใหญ่ของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เพื่อศึกษาวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าอันสมบูรณ์”
“อื้ม”
แม่เฒ่าอิงซานและท่านโหวหั่วเลี่ยต่างก็พยักหน้าอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“เจ้าต้องไป ทั้งยังต้องรีบไปโดยเร็วที่สุดด้วย” ท่านโหวหั่วเลี่ยกล่าว
“สำนักใหญ่ของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มียอดฝีมือมากมาย ไปบำเพ็ญที่นั่นจะมีประโยชน์ต่อเจ้าเป็นอันมาก” แม่เฒ่าอิงซานกล่าว “จะให้ดีที่สุด เจ้าก็บำเพ็ญอยู่ที่นั่นให้นานหน่อย ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ข้าจะหาสหายของข้าให้ เพื่อให้เจ้าได้เป็นศิษย์แรกเข้าแห่งสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์”
“ขอบคุณท่านบรรพชนดั้งเดิมขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ผ่านไปสักหลายวันข้าจะจัดแจงให้เจ้าออกเดินทางเอง” แม่เฒ่าอิงซานกล่าว เมื่อโบกมือคราหนึ่ง ก็ปกคลุมตงป๋อเสวี่ยอิง อิงซานเลี่ยฮู่ เถียนอี้จือและบ่าวรับใช้รวมทั้งองครักษ์ทั้งหลาย ตู้มมม…มันนำพาพวกตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนย้ายมายังจวนท่านโหวหั่วเลี่ย เห็นได้ชัดว่าด้วยพลังของแม่เฒ่าอิงซาน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีอากาศกดดัน การเคลื่อนย้ายมิติในระยะใกล้ก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
แน่นอนว่านางมิอาจทำการ ‘ส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น
“เฮอะ” สีหน้าของแม่เฒ่าอิงซานเคร่งขรึมลง “ข้าจะหาดูว่าที่แท้แล้วเบื้องหลังคือผู้ใดกันแน่”
นัยน์ตาของท่านโหวหั่วเลี่ยก็มีประกายหนาวเหน็บวาบผ่านแน่นอนว่าครั้งนี้ก็แค่ร้อนใจอย่างยิ่งเท่านั้น
……
ทั้งเมืองอัคคีโชติ มีเเสียงลมพัดอึงอลไปหมด
“ฟิ้วๆๆ”
กองทัพหั่วเลี่ยแทบจะเคลื่อนไหวยกกอง กองกำลังต่างๆ ของกองทัพหั่วเลี่ยบินเหินอยู่เหนือท้องฟ้าของเมืองอัคคีโชติเพื่อตรวจสอบตามที่ต่างๆ
แม่เฒ่าอิงซานทิ้งร่างแยกเอาไว้ที่นี่เพียงร่างเดียวเท่านั้น แต่นางให้โหวฝูเฉินประจำการที่นี่ เมื่อพบข้อสงสัยเล็กน้อย ก็จะไปตรวจสอบกับโหวฝูเฉินด้วยตนเอง
มีนางอยู่…
ในเมื่อเป็นยักษ์ใหญ่อีกคนของเมืองอัคคีโชติมาเอง ฉุนอวี้เว่ยอีที่ปกครองตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาก็ได้ออกคำสั่งให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายกลับที่พำนักของแต่ละคนไปก่อน โดยห้ามออกมาเพ่นพ่านภายนอกเด็ดขาด
“ว่ามา”
ฉุนอวี้เฟิงร่างอ้วนท้วนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
ท่านโหวหั่วเลี่ยนั่งอยู่ตรงนั้น รอบด้านมีนายทหารมากมาน ท่านโหวหั่วเลี่ยมองฉุนอวี้เฟิงด้วยสายตาเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง
“ขอรับๆ ข้าจะพูดให้หมดเปลือกเลย แต่ว่าท่านโหว เรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้องกับข้าเลยนะขอรับ” เจ้าของหอ ฉุนอวี้เฟิงร้องตะโกน เขาได้ร้องขอความช่วยเหลือจากทางตระกูล แต่ทางตระกูลกลับบอกเขาว่า…ร่วมมือกับตระกูลอิงซานอย่างเต็มที่!
แม่เฒ่าอิงซานขุ่นเคือง!
แม้ตระกูลฉุนอวี้จะเป็นหนึ่งในสามตระกูลระดับกษัตริย์ แต่กลับมิอาจยั่วให้แม่เฒ่าอิงซานโกรธเคืองเพียงเพราะเจ้าหนุ่มด้านล่างคนนี้ได้!
ในฐานะที่แม่เฒ่าอิงซานได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง หากพลั้งมือทำลายฉุนอวี้เฟิงไป ก็จะไม่มีบทลงโทษเลยแม้แต่น้อย
……
ห่วงโซ่ของธุรกิจสีเทาในอดีตถูกรื้อออกมาเส้นแล้วเส้นเล่า คนตระกูลอ๋องโหวถูกจับมาไต่สวนเป็นจำนวนมาก บรรดาคนตระกูลอ๋องโหวเหล่านี้ล้วนไม่มีอนาคตด้านพลังแล้ว จึงย่อมคิดจะหากำไรเพื่อแลกเปลี่ยนเป็น ‘ทรัพยากร’ ให้ได้มากขึ้น แน่นอนว่ามีบางคนที่สอดมือเข้าไปในธุรกิจสีเทาแล้ว บัดนี้ต่างก็ถูกกานก้านเสวียผู้นั้นแทรกแซงจนถูกทำลายเหมือนปลาที่ตายยกบ่อ
“กานก้านเสวีย เคราะห์ดีที่เจ้าตายเร็ว มิเช่นนั้นแล้วข้าจะต้องไม่ละเว้นเจ้าแน่” ฉุนอวี้เฟิงถุกจองจำอยู่ในกรงขังพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองวัน เขาต้องเผชิญกับการไต่สวนมากมายไปจนถึงการลงทัณฑ์ ถึงขั้นเคยถูกส่งไปยังเรือนประจำตระกูลอิงซานเพื่อไต่สวนภายในเขตลวง แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ท่านโหวหั่วเลี่ยก็ยังคงจองจำเขาเอาไว้ดังเดิม
เขา ฉุนอวี้เฟิง ดีร้ายอย่างไรก็เป็นคนตระกูลฉุนอวี้ สถานะก็นับว่าสูงส่งนัก ก็ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้อย่างพอถูไถเท่านั้น
ภายใต้การตรวจสอบทั่วเมืองอัคคีโชติของตระกูลอิงซานในครั้งนี้ มีคนตระกูลอ๋องโหวที่เคยช่วยติดต่อมารเฒ่าเหนียนจิ่วมาก่อนล้วนถูกสังหารจนสิ้น! ผู้ที่มีสถานะไม่สูงส่งแล้วทำธุรกิจสีเทานั้น ขอเพียงสงสัยว่าเคยเป็นลูกน้องของกานก้านเสวียก็ล้วนต้องถูกกักขัง หรืออาจมีโทษถึงตาย
*******
ในเวลาสามวัน คนตระกูลอ๋องโหวทั่วทั้งเมืองอัคคีโชติต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวเพิ่มขึ้นมาก
เมื่อเผชิญหน้ากับคนธรรมดาสามัญ พวกเขาสามารถอวดเบ่งได้ตามอำเภอใจ แต่หากสังหารคนธรรมดาทั่วไป พวกเขาก็จะต้องเสียค่าปรับ แต่แม่เฒ่าอิงซานสังหารพวกเขากลับไม่มีการลงทัณฑ์เลยแม้แต่น้อย! แน่นอนว่าแม่เฒ่าอิงซานก็คงไม่สังหารคนมั่วซั่ว ในบรรดาอ๋องโหวของรัฐเมฆทักษิณาก็มีกฎเกณฑ์บางอย่างแฝงอยู่เช่นกัน
“เฮอะๆ”
ณ ห้องเงียบใต้ดินของจวนที่ธรรมดาสามัญมากแห่งหนึ่งภายในเมืองอัคคีโชติ
นายท่านมารร้ายชุดดำกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนี้ ด้วยความกว้างใหญ่ของเมืองอัคคีโชติ ผู้บำเพ็ญมากมายนับไม่ถ้วนจึงไม่มีทางตรวจสอบครบทุกบ้านได้ ส่วนร่างแปรของนายท่านมารร้ายได้กบดานอยู่ภายในเมืองอัคคีโชติ โดยมิได้ติดต่อกับผู้ใต้บังคับบัญชาแต่อย่างใดเลย
“ร้อนใจแล้ว คลั่งแล้วอย่างนั้นรึ”
“แค่ลอบสังหารเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ยังมิทันได้สำเร็จก็โมโหถึงเพียงนี้เสียแล้วหรือนี่” มุมปากของนายท่านมารร้ายชุดดำกระดกขึ้นเล็กน้อย “โหวหั่วเลี่ย เจ้านี่ข่มอารมณ์มิได้เลยจริงๆ”
เขาปิดเปลือกตาลงแล้วนั่งขัดสมาธิก่อนจะดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา
สำหรับเขาแล้ว…นี่เป็นแค่การทักทายโหวหั่วเลี่ยเท่านั้นเอง
ตอนที่ 26 นครหลวงรัฐเมฆทักษิณา
Ink Stone_Fantasy
สามวันให้หลัง
ไอหมอกแผ่กำจาย ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ในศาลาริมทะเลสาบ หอกยาวเล่มหนึ่งวางอยู่บนเข่าทั้งสอง เนื่องจากร่างแปรของแม่เฒ่าอิงซานอยู่ที่เมืองอัคคีโชติ ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงเพียงแค่ใช้ความคิดแทรกซึมเข้าไปในด้ามหอกเพื่อรับรู้ มิได้สำแดงออกมาเพื่อฝึกฝนแต่อย่างใด
เขาดื่มสุราไปพลาง สาวใช้เหยียนอวี๋ที่อยู่ด้านข้างก็รินสุราให้เป็นครั้งคราว
“เสวี่ยอิง” เสียงหนึ่งดังก้องขึ้น
ท่านโหวหั่วเลี่ยบุรุษผมแดงและชายหนุ่มชุดดำรูปงามแปลกตาก็บินเข้ามาพร้อมกัน
ตงป๋อเสวี่ยอิงเก็บหอกยาว จากนั้นก็ยืดกายขึ้น
“ท่านโหว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว สายตากลับหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มชุดดำรูปงามแปลกตาอย่างอดมิได้ ชายหนุ่มรูปงามแปลกตาถือพัดจีบเอาไว้ในมือข้างหนึ่งพลางโบกสะบัด กลิ่นอายชั่วร้ายพิกล
“ข้าน้อยมารรับใช้พิรุณโลหิต” ชายหนุ่มชุดดำรูปงามแปลกตารวบพัดเข้าหากันแล้วคารวะพลางกล่าวว่า “แม่เฒ่าประทานชื่อให้ข้าว่า ‘อิงซานจื่อไป๋’ จากนี้ไปจะเป็นองครักษ์ของคุณชาย รอให้ถึงวันที่คุณชายสำเร็จเป็นขั้นอลวน ก็จะเป็นคราวที่ข้าได้กลับไปยังเรือนประจำตระกูล”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้ง
มารรับใช้ ‘พิรุณโลหิต’ หรือ
ในบรรดาหุ่นเชิดเลือดเนื้อ ผู้ที่มีพลังระดับขั้นอลวนนั้นหาได้ยากนัก ที่สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากๆ ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก มารรับใช้ ‘เฉาชิ่ง’ นับว่าเป็นระดับฐานต่ำสุด ราคาถูกที่สุด แต่ก็ยังต้องใช้แก้วผลึกจักรวาลห้าสิบล้านก้อน เทพจักรวาลที่สามารถหลอมแปรขึ้นมาได้ก็พอมีอยู่บ้าง แต่มารรับใช้พิรุณโลหิตนั้นแตกต่างกัน มีเพียง ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ หนึ่งในรัฐโบราณทั้งหกเท่านั้นที่สามารถหลอมแปรขึ้นมาได้ ตามปกติแล้วสามารถคงพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่เจ็ดเอาไว้ได้ตลอดกาล แต่ในคราวคับขันก็สามารถแผดเผาตนเองเพื่อปะทุพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่แปดออกมาได้ หลังการต่อสู้ เนื่องจากทำให้ตนเองบาดเจ็บ ก็ต้องดูดซับวัตถุภายนอกจำนวนมากเข้าไปเพื่อชดเชย
มารรับใช้ซึ่งสามารถปะทุพลังรบระดับวังปฐมเทพชั้นที่แปดออกมาได้นั้น…ราคาก็น่าหวาดหวั่นมากทีเดียว ราคาสามารถเทียบได้กับเฉาชิ่งหกตนเลยทีเดียว ต่อให้ท่านโหวหั่วเลี่ยทุ่มเทสมบัติทั้งหมดของตนก็ไม่แน่ว่าจะซื้อได้ มีเพียงแม่เฒ่าอิงซานเท่านั้นที่สามารถซื้อได้สบาย แล้วตั้งชื่อให้ว่าอิงซานจื่อไป๋
“จากนี้ไปต้องรบกวนจื่อไป๋แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยขึ้นทันที
“ได้เป็นองครักษ์ให้คุณชายก็ถือเป็นเกียรติของข้าแล้วขอรับ” จื่อไป๋ถือพัดจีบเอาไว้ในมือแล้วโค้งคารวะเล็กน้อย
“เสวี่ยอิง บรรพชนดั้งเดิมเกรงว่าผู้บงการการลอบสังหารในครั้งนี้จะไม่ยอมรามือ จึงได้ส่งจื่อไป๋มา” ท่านโหวหั่วเลี่ยกล่าว
“ตรวจสอบไม่พบตัวผู้บงการหรือขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ทำได้เพียงคาดเดาว่าน่าจะเป็นมารตนหนึ่งในทะเลสาบมารทมิฬเท่านั้น” ท่านโหวหั่วเลี่ยส่ายหน้า
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจบีบรัดแน่น
ทะเลสาบมารทมิฬหรือ
รัฐทั้งสี่รอบด้านซึ่งรวมถึงรัฐเมฆทักษิณาด้วยนั้น ถูกเรียกรวมกันว่าสี่รัฐมารทมิฬ เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะ ‘ทะเลสาบมารทมิฬ’ ซึ่งอยู่ข้างเคียงกับพวกเขามีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วดินแดนจิตโลกาว่าเป็นสถานที่ที่มารร้ายรวมตัวกัน อย่างมารร้ายอันน่าหวาดหวั่นซึ่งถูกหกรัฐโบราณหมายหัวและไล่ล่านั้นต่างก็ซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบมารทมิฬ
อย่างหกรัฐโบราณยังสามารถปล่อยให้พวกเขาหลบหนีไปได้
ส่วนรัฐเมฆทักษิณาและรัฐชั้นรองอื่นๆ เมื่อเผชิญหน้ากับทะเลสาบมารทมิฬก็ล้วนแต่ปวดหัวมาก เพราะถึงอย่างไรเท่าที่พอจะคาดคะเนได้ ในทะเลสาบมารทมิฬก็มีเทพจักรวาลมากถึงเกือบสิบท่าน และยังมีมารร้ายอันน่าหวาดหวั่นที่เคยเป็นภัยต่อหกรัฐโบราณอีกด้วย
“มารร้ายในทะเลสาบมารทมิฬส่งคนมาลอบสังหารข้าหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงงุนงง
“น่าจะเป็นศัตรูที่ตระกูลอิงซานสร้างขึ้นมาน่ะ” ท่านโหวหั่วเลี่ยกล่าว “ตระกูลอิงซานคงอยู่มาตลอดคืนวันอันยาวนาน จึงย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะผูกสัมพันธ์กับเหล่ามารร้ายกับมารร้ายในทะเลสาบมารทมิฬ ตระกูลอิงซานไม่ยอมถูกรังแกหรอก ย่อมเปิดฉากการเข่นฆ่าบ้างเป็นบางครั้ง!”
“ผูกสัมพันธ์กับมารร้ายอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอึดอัดใจ
ตระกูลอ๋องที่ได้รับการแต่งตั้งในรัฐเมฆทักษิณา จะผูกสัมพันธ์อันใดกับมารร้ายกัน
“รอเจ้าสำเร็จเป็นขั้นอลวนแล้ว ก็จะรู้เรื่องพวกนี้เอง” ท่านโหวหั่วเลี่ยเอ่ย “เรื่องจะรอช้ามิได้แล้ว เจ้ารีบมุ่งหน้าไปยังนครหลวงเถิด”
“ขอรับ ข้าเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว สามารถออกเดินทางได้ตลอดเวลา” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มกว้าง
ทันใดนั้นจื่อไป๋ก็สะบัดพัดจีบให้คลี่ออกแล้วพัดไปมาพลางพูดยิ้มๆ ว่า “ข้ามิได้ไปยังนครหลวงมาตั้งนานแล้ว ครั้งนี้สามารถตามคุณชายไปชมนครหลวงได้ด้วย”
******
วันนั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงพามารรับใช้จื่อไป๋ เถียนอี้จือ สิงห์เมฆาทะมึนสองตนและองครักษ์เก้านายและสาวใช้เหยียนอวี๋อีกคนหนึ่งไป แม้หรงซิงหลันผู้เป็นมารดาจะให้พาสาวใช้ไปหลายคนหน่อย แต่ชาติก่อนตงป๋อเสวี่ยอิงเคยชินกับความลำบากอยู่แล้ว พาสาวใช้ไปนางหนึ่งก็เพื่อตอบสนองหรงซิงหลันผู้เป็นมารดาแล้ว
“ฟิ้ว”
ในเมืองอัคคีโชติ อาศัยค่ายกลส่งถ่าย พวกเขาก็ไปถึง‘เมืองฉุนอวี้’ หนึ่งในตัวเมืองระดับสามกษัตริย์
จากเมืองฉุนอวี้ พวกเขาค่อยอาศัยค่ายกลส่งถ่ายมุ่งหน้าไปยังนครหลวง!
“ฟิ้ววว…”
มิติกลับคืนสู่ความสงบ
ข้างกายหนุ่มน้อยรูปงามในอาภรณ์สีขาวทั้งร่างมีสาวใช้ ชายชราอาภรณ์สีเทาและชายหนุ่มรูปงามแปลกตาซึ่งโบกพัดจีบไปมาอีกคนหนึ่ง สิงห์เมฆาทะมึนสองตนก็มองไปรอบด้านพลางเปล่งเสียงคำรามต่ำออกมา องครักษ์เก้านายก็ยิ่งเคร่งขรึมกว่า
“นครหลวงรัฐเมฆทักษิณา” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดู
กลางอากาศ รังสีระลอกแล้วระลอกเล่าม้วนตัวอยู่ กำแพงเมืองกว้างใหญ่เสียจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ในฐานะตัวเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐเมฆทักษิณา และเป็นตัวเมืองที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาประจำการด้วยตนเอง ทั้งยังเป็นสถานที่ซึ่ง ‘สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์’ หนึ่งในสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกาตั้งอยู่ นครหลวงรัฐเมฆทักษิณาจึงเป็นตัวเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากไปทั่วดินแดนจิตโลกา ณ ที่นี้ ผู้แกร่งกล้าจากรัฐภายนอกพบเห็นได้ทั่วไปมาก ขุมอำนาจใหญ่ทั้งหลายของหกรัฐโบราณล้วนมีหน่วยย่อยอยู่ที่นี่
ผู้บำเพ็ญที่มายังสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เพื่อหมายจะเข้าสำนักมาบำเพ็ญก็มากมายเสียจนน่าตกใจ
“นครหลวงรัฐเมฆทักษิณานี้ รู้สึกว่าแข็งแกร่งกว่า ‘เมืองราชันย์มีด’ หนึ่งในหกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งอากาศอันสับสนอลหม่านเป็นสิบเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ
ช่วยไม่ได้ เทพจักรวาลในดินแดนจิตโลกามีจำนวนมากมายเกินไปแล้ว การค้นคว้าค่ายกลก็ย่อมสูงยิ่งกว่า เกรงว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จทางด้านค่ายกลเหนือกว่าบรรพชนทิพย์ก็คงมีมากมายนัก นอกจากนี้ ในฐานะที่ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ เป็นประมุขของหนึ่งในสิบสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในบรรดาเทพจักรวาลก็นับได้ว่ามั่งคั่งอย่างยิ่ง แน่นอนว่าสามารถซื้อค่ายกลที่แข็งแกร่งจนน่าหวาดหวั่นทั้งหลายได้
พลังของตัวประมุขรัฐเมฆทักษิณาเองก็น่าหวาดหวั่นมากพออยู่แล้ว ภายในนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา พลังของเขาแทบจะเรียกได้ว่าไร้ศัตรู
“คุณชาย พวกเราตระกูลอิงซานก็มีเรือนส่วนตัวอยู่ที่นี่เช่นกัน” มารรับใช้จื่อไป๋พูดยิ้มๆ “ไปพักผ่อนที่เรือนส่วนตัวก่อนเถิด แม่เฒ่าได้ให้คนจัดเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว รอให้ทางสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เตรียมการเรียบร้อยแล้ว คุณชายค่อยไปนะขอรับ”
“ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
……
ณ เรือนอิงซาน นครหลวงรัฐเมฆทักษิณา
ที่นี่ก็มีคนตระกูลอิงซานอยู่มากมาย บ้างก็บำเพ็ญอยู่ที่นี่ บ้างก็รับผิดชอบการค้าต่างๆ ทว่าเมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงนั้น เขากลับกลายเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่งที่สุดในเรือนส่วนตัวอิงซานทันที
“เป็นคุณชายเสวี่ยอิงผู้นั้น”
“เขามายังนครหลวงแล้วหรือ”
แม้ที่นี่จะมีผู้อาวุโสประจำตระกูลสามท่านคอยปกครองด้วยเช่นกัน แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีมารรับใช้จื่อไป๋เป็นองครักษ์แล้ว ผู้อาวุโสประจำตระกูลสามท่านก็ย่อมค้อมศีรษะให้เล็กน้อยแล้ว พวกเขาไม่สนใจ เพราะถึงอย่างไรคุณชายเสวี่ยอิงผู้นี้จะต้องได้กลายเป็นขั้นอลวนและได้รับแต่งตั้งเป็นโหวแทบจะแน่นอน
พวกเขาวางท่าทีลงไป แล้วต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
“คุณชายเสวี่ยอิง ที่นี่มิใช่เมืองอิงซาน และยิ่งมิใช่เมืองอัคคีโชติ ที่นี่มียอดฝีมือมากมายดุจเมฆ ผู้ที่มีสถานะสูงส่งก็มีมากมายก่ายกอง อย่างผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลระดับกษัตริย์ก็แล้วไปเถิด บางคนเป็นคนของตระกูลใหญ่แห่งหกรัฐโบราณ หรือถึงขั้นเป็นตระกูลกษัตริย์แห่งหกรัฐโบราณ แม้แต่องค์ชายใหญ่แห่งรัฐเมฆทักษิณาของเราซึ่งเหิมเกริมเป็นที่สุดก็ยังมิกล้าล่วงเกินโดยง่าย”
“ใช่แล้ว คุณชายเสวี่ยอิง อยู่ที่นี่ต้องถ่อมเนื้อถ่อมตนหน่อย”
เหล่าผู้อาวุโสประจำตระกูลและลูกหลานของตระกูลบางคนกล่าว
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็ลอบทอดถอนใจ
มารรับใช้จื่อไป๋ที่อยู่ด้านข้างโบกพัดจีบพลางพูดเสียงเรียบ “คุณชาย อย่ากังวลไปเลย แม่เฒ่าให้ข้านำบัญชาทิพย์เมฆทักษิณาก้อนหนึ่งมาด้วย! ขอเพียงท่านมิได้เป็นฝ่ายล่วงเกินก่อน ก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจคนของหกรัฐโบราณเลย อันที่จริงคนของหกรัฐโบราณก็มีสถานะสูงต่ำเช่นกัน ผู้ที่สามารถทำให้ข้าถอยห่างได้ก็มีอยู่ไม่มากนัก”
“บัญชาทิพย์เมฆทักษิณาหรือ” ผู้อาวุโสประจำตระกูลทั้งสามตกตะลึง
บัญชาทิพย์เมฆทักษิณา
เป็นสิ่งที่ประมุขรัฐมอบให้ ตัวแม่เฒ่าอิงซานเองก็มีบัญชาทิพย์เช่นนี้อยู่เพียงก้อนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าพลังระดับแม่เฒ่าแล้ว บัญชาทิพย์ก็เป็นเพียงสิ่งที่วางประดับเท่านั้น เมื่ออยู่กับตงป๋อเสวี่ยอิง บัญชาทิพย์จึงจะมีผลในการคุ้มกันจริงๆ
“แม่เฒ่าช่างโปรดปรานคุณชายเสวี่ยอิงจริงๆ” ผู้อาวุโสประจำตระกูลทั้งสามและคนอื่นๆ ของตระกูลในที่นั้นล้วนอดอิจฉาเป็นอันมากมิได้
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิใช่ผู้ที่คลั่งไคล้ในการบำเพ็ญจนไม่สนใจอะไรเลยทั้งสิ้น แน่นอนว่าคงจะไม่ไปหาเรื่องศัตรูตัวฉกาจอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ วันที่สองหลังจากเขามาถึงนครหลวง ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยัง ‘ชุมชนของล้ำค่า’
ไม่ว่าตัวเมืองใดก็ล้วนแต่มีชุมชนของล้ำค่าด้วยกันทั้งสิ้น
นครหลวงรัฐเมฆทักษิณานับได้ว่าเป็นเมืองใหญ่ที่มีชื่อเสียงในดินแดนจิตโลกา ชุมชนของล้ำค่าจึงรุ่งเรืองกว่าทางเมืองอัคคีโชติตั้งไม่รู้มากมายเท่าไหร่ แม้จะอยู่ไกลโพ้น ก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีของสมบัติล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วนที่แผ่กำจายออกมา ที่นี่มีร้านค้าซึ่งตระกูลกษัตริย์เป็นผู้เปิด และมีร้านค้าที่ตระกูลใหญ่ของหกรัฐโบราณเปิดเอาไว้ที่นี่
สมบัติล้ำค่าต่างๆ มากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว
“ร้ายกาจ”
“ช่างเก่งกาจโดยแท้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูทั่วบริเวณ เปิดหูเปิดตา เปิดหูเปิดตาเป็นอันมาก
“เอ๊ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินอยู่บนถนนชุมชนของล้ำค่าแล้วก็คิ้วขมวด เขาพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีหอกยาวปรากฏขึ้นมา ด้ามหอกยาวราวกับมีความรู้สึกหลุดพ้นอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา ไกลออกไปมีแรงดึงดูดที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง “อะไรดึงดูดมันอยู่น่ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำหนดจิตคราหนึ่ง
เขารีบสาวเท้าไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว แม้มารรับใช้จื่อไป๋และพวกเถียนอี้จือที่อยู่ด้านหลังจะงุนงงกันไปหมด ทว่าก็ยังคงตามไปอย่างรวดเร็ว
“อยู่ตรงนั้นนั่นเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นร้านค้ายอดกลมแห่งหนึ่ง สายตาของตงป๋อเสวี่ยอิงมองทะลุผ่านอุปสรรคในอากาศไป ก็เห็นทันทีว่า ในบรรดาสมบัติล้ำค่าถึงสิบสองชิ้นที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศที่ชั้นสามของร้านค้าทรงกลมแห่งนั้นมีหัวหอกอยู่อันหนึ่งด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น