Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 33 ตอนที่ 2-6
ตอนที่ 2 ทารกในครรภ์
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ยุ่งยากเสียแล้วสิ”
“หยวนว่าไว้ไม่ผิดเลย กฎเกณฑ์สูงสุดของดินแดนจิตโลกาแตกต่างกันกับที่ที่ข้าจากมาอย่างสิ้นเชิง! ความเร้นลับของกฎเกณฑ์จำนวนมากภายใต้กฎเกณฑ์สูงสุดก็แปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง”
ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะรู้สึกได้ถึงความยุ่งยากแต่ก็มิได้กังวลใจเลย เพราะต่างเส้นทางแต่มีจุดหมายเดียวกัน ถึงแม้ว่าความเร้นลับจะแตกต่างกัน แต่โครงสร้างล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น ที่นี่ก็มีกฎเกณฑ์สูงสุด กฎเกณฑ์จักรวาล และกฎเกณฑ์ระดับขั้นอลวนเช่นเดียวกัน…
การสั่งสมของตนยังอยู่ อยากจะบำเพ็ญขึ้นไปนั้นก็ยังมีความมั่นใจ
“นอกจากนี้นี่ยังเป็นการขัดเกลาอย่างหนึ่งอีกด้วย การบำเพ็ญภายใต้กฎเกณฑ์สูงสุดที่แตกต่างกันก็เป็นการขัดเกลาสำหรับตัวข้าเอง เช่นนี้ความหวังในการบรรลุเป็นเทพจักรวาลก็ยิ่งมากขึ้นแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ ในข้อมูลที่ใส่ไว้ใน ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ หยวนก็ได้บอกเอาไว้แล้วว่ามาถึงดินแดนจิตโลกา พื้นฐานของที่นี่ล้ำลึกยิ่งกว่า อีกทั้งยังบำเพ็ญภายใต้กฎเกณฑ์สูงสุดที่แตกต่างกัน ก็มีส่วนช่วยในการบรรลุเป็นเทพจักรวาลด้วยเช่นกัน
“สิ่งที่ข้าเชี่ยวชาญก็คือวิถีสี่สาย โลกเทียม ค่ายสังหาร และระลอกคลื่น วิถีสามสายนี้มีความเปลี่ยนแปลงในวิถีอย่างมหาศาล มีเพียงแค่ ‘ห้วงอากาศ’ เท่านั้นที่มีความละม้ายคล้ายกันอยู่หลายอย่าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจคราหนึ่ง เชื่อว่าตนจะยกระดับวิถีห้วงอากาศขึ้นมาได้รวดเร็วที่สุด “ไม่ว่าจะเป็นอากาศอันสับสนอลหม่านหรือว่าดินแดนจิตโลกา สำหรับโลกกำเนิดทั้งสองแห่งนี้ ‘ห้วงอากาศ’ ต่างก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของโลกกำเนิด ห้วงอากาศค่อนข้างคล้ายกันก็ดูสมเหตุสมผลอยู่”
รับสัมผัสมาครึ่งเดือนกว่าๆ แล้ว
เขายกระดับทางด้านห้วงอากาศมาได้ถึงระดับเทพเท่านั้น นี่ยังเป็นเพราะวิญญาณอ่อนแอเกินไป การหยั่งรู้ช่างเชื่องช้าเหลือเกิน
“รับสัมผัสโลกภายนอกสักคราหนึ่งแล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่กล้าแผ่ระลอกคลื่นวิญญาณออกไปตรวจตรา ถึงอย่างไรดูจากสายโลหิตของร่างกายนี้ แน่นอนว่ามีความเป็นมาไม่ธรรมดาเลย
เขาเพิ่งจะรวบรวมสมาธิรับสัมผัส รับฟังเสียงโลกภายนอกอย่างละเอียด
“ท่านแม่ ท่านใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าคะ”
“สาวใช้ผู้นี้มารับใช้ข้าเสียที่ไหนกัน นางมายั่วโมโหข้าชัดๆ เลย”
ณ โลกภายนอก ภายในเรือน
สตรีที่สวมอาภรณ์เนื้อหนากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่นั่น ก็ยังอดพูดมิได้ว่า “ตอนนั้นข้าก็ปฏิเสธไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ต้องการสาวใช้! จวนโหวก็ยังฝืนจัดแจงสาวใช้ผู้นี้มาอีก”
“นี่เป็นกฎของจวนโหวนะเจ้าคะ ท่านแม่กำลังตั้งครรภ์ ก็ย่อมต้องจัดหาสาวใช้มาให้อยู่แล้ว เดิมทีท่านกับข้ามีสถานะอันต่ำต้อยภายในจวน ขอเพียงแค่สาวใช้ผู้นี้ไม่โง่งมก็ย่อมต้องฟังวาจาของฮูหยินใหญ่มากกว่าอยู่แล้ว พวกเราก็ทนๆ ไปให้มากหน่อย อย่าก่อเรื่องก่อราวยั่วโมโหฮูหยินใหญ่ กลัวว่าจะยิ่งทุกข์ทรมานกันเข้าไปใหญ่ ก็ได้แต่โทษที่ข้าไร้ประโยชน์ จนบัดนี้ก็เพิ่งจะเป็นเทพแท้ได้อย่างทุลักทุเล สถานะก็เพียงแค่ดีกว่าสาวใช้อยู่หน่อยหนึ่งเท่านั้นเอง” สตรีอาภรณ์เขียวที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงต่ำ
“ไม่ตำหนิเจ้าหรอก อยากจะตำหนิก็ตำหนิที่ข้าพลังยุทธ์อ่อนแอ แล้วก็โทษที่ท่านพ่อของพวกเจ้าใจคอโหดร้าย” หญิงสาวทอดถอนใจ
“ท่านพ่อเขา…” สตรีอาภรณ์เขียวก็ส่ายศีรษะเช่นกัน
พวกเขาบุตรชายบุตรสาวเหล่านี้สิ้นหวังกับท่านพ่อมานานแล้ว บางทีอาจมองเห็นได้จากไกลๆ ว่า ไม่แน่ว่าท่านพ่อจะรู้จักพวกเขา ถึงอย่างไรก็มีบุตรชายบุตรสาวบางคนที่หลังจากถือกำเนิดแล้วก็ไม่เคยได้พบหน้าท่านพ่ออีกเลย
“เอี๊ยด”
ประตูลานด้านนอกพลันผลักเปิดออก
นี่ทำให้คู่แม่ลูกภายในเรือนมองออกไปข้างนอก ที่นอกลานบ้านสาวใช้ยกจานไม้เข้ามาแล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ฮูหยิน นี่คือ ‘ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ด’ ที่ภายในจวนส่งมาให้”
แม่ลูกที่อยู่ภายในเรือนถึงกับยืนขึ้นมา เพราะว่าพวกนางทั้งสองมองปราดเดียวก็เห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ยืนอยู่นอกลานบ้าน ผู้เฒ่ามองมาภายในลานบ้านอย่างเย็นชา
หญิงสาวเดินเข้ามาแล้วรับชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดถ้วยนี้มาอย่างว่าง่ายก่อนจะเงยหน้าดื่มลงไปจนหมด ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดถ้วยนี้…เป็นสิ่งที่เกรงว่านางสะสมไปทั้งชีวิตก็ยังไม่มีปัญญาซื้อได้ เป็นสิ่งที่จวนท่านโหวหั่วเลี่ยสืบทอดกันมา เตรียมไว้ให้สำหรับผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ทุกคน ช่วยให้ยามที่เป็นตัวอ่อนสามารถเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“อืม” ผู้เฒ่าเห็นหญิงสาวดื่มลงไปจนหมดแล้วจึงค่อยเดินจากไป
คู่แม่ลูกจึงค่อยกลับไปยังเรือนของตน เสียงหัวเราะเยาะของสาวใช้ด้านนอก ทั้งยังเดินออกไปข้างนอกด้วยความคร้านจะรับใช้ เดิมทีนางก็ไม่เห็นฮูหยินผู้นี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว ถึงอย่างไรถ้าหากมิใช่ว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ในขณะนี้ ฮูหยินผู้นี้ก็จัดว่ามีสถานะอันต่ำต้อยที่สุดภายใต้ชายคาจวนท่านโหวหั่วเลี่ย ไม่ได้ดีไปกว่าสาวใช้สักเท่าใดนัก ย่อมไม่มีสิทธิ์มีข้ารับใช้มาคอยดูแลอยู่แล้ว ถึงอย่างไร ‘ฮูหยิน’ พรรค์นี้ ภายในจวนท่านโหวหั่วเลี่ยอันใหญ่โตก็มีอยู่นับแสน
บุตรทั้งหมดของท่านโหวหั่วเลี่ย ก็มีอยู่หลายสิบ หรือแม้กระทั่งหญิงหลายร้อยคนเลยทีเดียว
ตัวท่านโหวหั่วเลี่ยเองก็มีบุตรชายบุตรสาวสามสิบหกคน ลูกหลานชั้นถัดมาก็ยิ่งมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว… ดังนั้นสถานะผู้สืบทอดสายโลหิตโดยตรงของท่านโหวหั่วเลี่ยจึงมิใคร่จะสูงส่งนัก สามารถเป็นเทพอากาศได้จึงค่อยนับว่าสถานะสำคัญขึ้นมาเล็กน้อย สำหรับเหล่า ‘ฮูหยิน’ จำนวนมากมายมหาศาลนั้นก็ย่อมมีสถานะต่ำต้อยกว่า นอกเสียจากว่าพวกนางจะให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง มารดาจึงจะสูงส่งได้เพราะบุตร!
“เยว่เอ๋อร์ ข้ารู้สึกว่าฤทธิ์ยาของ ‘ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ด’ นั้นอ่อนกว่าที่เล่าขานกันมานัก” ภายในเรือน หญิงสาวถ่ายเสียงพูด “อ้อ น้องชายของเจ้าอยู่ในท้องของข้า อ่อนแอโดยกำเนิดอยู่แล้ว ถ้าหากชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดช่วยเหลือได้ไม่มากพอแล้วล่ะก็ เกรงว่าหลังจากคลอดออกมาแล้วจะเป็นเทพแท้มิได้เลยด้วยซ้ำ! สายโลหิตอ่อนแอ การบำเพ็ญในภายหน้าก็จะยากเย็นยิ่ง”
“ท่านแม่ ฮูหยินใหญ่ไม่กล้าไม่ให้ท่านดื่มชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดหรอกเจ้าค่ะ แต่การลงไม้ลงมือทำอะไรบางอย่างนั้นก็ยังง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง” สตรีอาภรณ์เขียวเอื้อนเอ่ย
วาจานี้พวกนางก็มิกล้าพูดเสียงดัง
“น้องชายเจ้าคงจะนับได้ว่าเป็นลูกคนที่สามร้อยสี่สิบของท่านพ่อเจ้าแล้วกระมัง อ่อนแอโดยกำเนิด ในภายหน้าเกรงว่าคงจะมีอนาคตพร่าเลือน เกรงว่าท่านพ่อเจ้าคงไม่คิดจะมาดูสักแวบหนึ่งเลยกระมัง”
หญิงสาวส่ายศีรษะ ก่อนหน้านี้นางก็เป็นหญิงสาวธรรมดาๆ ในเมืองอัคคีโชติ เพียงเพราะว่าต้องตาต้องใจในรูปโฉมจึงถูกบังคับจับตัวเข้ามาที่จวน เมื่อสามีผู้นั้นของนางนึกขึ้นมาได้จึงค่อยมีคำสั่งลงมาส่งคนให้มาเรียกตัวนางไปครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ลืมเลือนไป
……
อีกทางหนึ่ง
“นางหญิงชั้นต่ำผู้นั้นดื่มชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดลงไปแล้วขอรับ” ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างเคารพ
สตรีอาภรณ์สีแดงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่น กลิ่นอายยิ่งใหญ่ แต่กลับเป็นระดับเทพอากาศขั้นรวมเป็นหนึ่ง
“อ้อ หญิงชั้นต่ำผู้นี้ช่างเจริญพันธุ์ดีเหลือเกิน คราวก่อนนางก็ให้กำเนิดบุตรสาวคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเจ้าสวะผู้นั้นจะอุปถัมภ์นางอีกครั้งหนึ่ง เพียงแค่ครั้งเดียวนางก็ตั้งท้องเด็กผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมาอีกแล้ว” สตรีอาภรณ์สีแดงยิ้มหยัน “ไร้ประโยชน์ ถึงหญิงชั้นต่ำพวกนี้จะให้กำเนิดมากกว่านี้อีกก็ล้วนไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น”
“ฮูหยิน ฮูหยิน”
ด้านนอกมีเสียงตะโกนดังขึ้น
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าแย้มยิ้มแล้วโค้งกายเอ่ยว่า “ฮูหยิน ตอนนี้ข้าไม่มีแก้วผลึกจักรวาลอีกแม้แต่ก้อนเดียวแล้ว”
“อิงซานเลี่ยฮู่ เจ้ารู้จักแต่ดื่มกินเล่นสนุก ที่ท่านโหวให้เจ้าไปไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกเจ้าถลุงเสียจนเกลี้ยง นี่คือครั้งสุดท้ายของปีนี้แล้วนะ ปีนี้เจ้าไม่ต้องมาหาข้าอีกแล้ว ถึงอยากได้ก็ไม่มีให้แล้วนะ” สตรีอาภรณ์สีแดงโบกมืออย่างเดือดดาลคราหนึ่งแล้วโยนกำไลเก็บวัตถุไป หลังจากที่ชายวัยกลางคนรับมาแล้วก็หลอมรวมตรวจตราดูแล้วค่อยระบายยิ้มเต็มหน้าหมุนกายจากไป “ขอบใจนะ ฮูหยิน”
“เจ้าขยะผู้นี้”
สตรีอาภรณ์สีแดงมองดูสามีตนแล้วก็โมโห
สามีของนางเป็นเพียงแค่ผู้ปกครองเทพแท้คนหนึ่งเท่านั้น! กระทั่งเทพอากาศก็ยังมิใช่ โชคดีที่ตัวเป็นหนึ่งในบุตรชายในไส้ของท่านโหวหั่วเลี่ย อีกทั้งยังจัดเป็นบุตรชายคนที่สอง ตอนที่ท่านโหวหั่วเลี่ยอ่อนแอก็มีบุตรชายเช่นนี้อยู่คนหนึ่งจึงยังมีความรู้สึกให้อยู่บ้าง ดังนั้นจึงได้จัดให้สมบัติพัสถานจำนวนมหาศาลส่วนหนึ่งภายในจวนท่านโหวหั่วเลี่ยอยู่ภายใต้ชื่อของบุตรชายคนรองผู้นี้
ท่านโหวหั่วเลี่ยเขาเป็นถึงเจ้าเมือง ที่ดิน ที่พักอาศัย และร้านรวงจำนวนมากมายในเมืองอัคคีโชติจึงกลับคืนสู่ท่านโหวหั่วเลี่ย
นอกจากนี้ท่านโหวหั่วเลี่ยยังได้สร้างเมืองใหญ่เอาไว้เก้าแห่ง ซึ่งท่านโหวหั่วเลี่ยต่างก็จัดให้ร่างแปรร่างหนึ่งของตนไปนิทรารักษาการณ์อยู่ที่เมืองใหญ่ทุกแห่ง! แน่นอนว่าทรัพยากรมากมายของเมืองใหญ่ต่างก็กลับคืนสู่ท่านโหวหั่วเลี่ย ท่านโหวหั่วเลี่ยก็ได้แบ่งทรัพยากรกองโตนั้นออกเป็นส่วนๆ
“ตระกูลก็ช่างให้ข้าแต่งงานกับเจ้าขยะเช่นนี้คนหนึ่งเสียได้” สตรีอาภรณ์สีแดงก็เดือดดาล นางเองก็มาจากตระกูลอ๋องโหวเช่นกัน สถานะสูงส่ง ทั้งยังเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งอีกด้วย! สายโลหิตก็ย่อมบริสุทธิ์เป็นธรรมดา ท่านโหวหั่วเลี่ยมีความผูกพันกับบุตรชายคนรองของเขาเป็นอย่างมากอย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่ง ร้องขอการแต่งงานนี้ขึ้นมา หวังว่าบรรดาบุตรชายหญิงของบุตรชายคนรองจะมีผู้ที่ร้ายกาจปรากฏขึ้นมา
“แต่ดันไม่ได้เรื่องได้ราวเช่นนี้” สตรีอาภรณ์สีแดงลอบยิ้มเย็นขึ้นมาในทันใด
วันเวลาที่แต่งงานมานี้ ที่ดินร้านรวงมากมายและทรัพย์สมบัติมหาศาลภายใต้ชื่อของสามี ก็ตกมาให้นางเป็นผู้ดูแลโดยธรรมชาติ ถึงแม้ว่ามีจำนวนมากที่นางใช้ชื่ออื่น อย่างเช่นในนามท่านพ่อมอบให้บุตรชาย ส่งต่อให้กับบุตรชายของตน
กลัวก็แต่ความรู้สึกที่ท่านโหวหั่วเลี่ยมีต่อสามี ฉากหน้านางก็ยังตามใจสามีอยู่บ้าง
……
ภายในครรภ์มารดา
ตงป๋อเสวี่ยอิงรวบรวมสมาธิรับฟังเสียงของโลกภายนอก ได้ยินคำพร่ำบ่นบางอย่างของมารดาและพี่สาว ก็นับได้ว่ารู้อะไรมาบ้าง “อะไรนะ ข้าเป็นลูกคนที่สามร้อยสี่สิบของท่านพ่ออย่างนั้นหรือ ผู้บำเพ็ญมีลูกได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่” ทางฝั่งบ้านเกิดของตน ยิ่งเป็นผู้แกร่งกล้า หากคิดจะมีบุตรก็ยิ่งเป็นเรื่องยาก อย่างเช่นตนเองและจิ้งชิว ก็มีเพียงแค่อวี้เอ๋อร์และชิงเหยาในตอนที่ยังอ่อนแออยู่ในโลกวัตถุเท่านั้น ในภายหลังก็มิได้มีลูกอีก
สามร้อยสี่สิบคนอย่างนั้นหรือ
บ้าบอเกินไปแล้วกระมัง
“ดูเหมือนว่าสถานะของท่านแม่ภายในจวนโหวแห่งนี้จะต้อยต่ำเป็นอย่างยิ่งทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ เขาก็มิได้ใส่ใจอยู่แล้ว ควบคุมร่างกายอย่างสุดกำลังให้ซึมซับสารอาหารนานาชนิดที่ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดนั้นส่งมาให้ ถึงแม้ว่าจะขยับแขนขาได้บ้าง ฤทธิ์ยาอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง สามารถดูดซึมได้ส่วนหนึ่งก็คือส่วนหนึ่ง สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วต่อให้ไม่มีพลังจากภายนอก การยกระดับพลังยุทธ์ก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดเลย
“ค่อยๆ สั่งสมช้าๆ ไปก่อนเถิด ยังไม่รู้เลยว่าข้าจะอยู่ในครรภ์ไปอีกนานเท่าใด” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้รางๆ ว่าตนยังอยู่ห่างไกลจากการถือกำเนิดอีกนานนัก
ตอนที่ 3 กระตุ้นสายโลหิต
โดย
Ink Stone_Fantasy
เป็นถึงยอดฝีมือขั้นสุดยอดผู้ที่เคยคิดค้นเคล็ดวิชาระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดด้วยตนเองถึงสองศาสตร์ ทั้งยังสามารถต่อกรกับเทพจักรวาลรอบหนึ่งได้อย่างตงป๋อเสวี่ยอิง หลังจากที่ได้รวบรวมสมาธิรับสัมผัสความเร้นลับของกฎเกณฑ์ของดินแดนจิตโลกาแล้ว ก็ได้ตัดสินใจกับเส้นทางการบำเพ็ญของตน
“ฟังจากที่มารดาของข้าผู้นี้พูด บอกว่าตัวอ่อนในท้องผู้นี้ค่อนข้างอ่อนแอโดยกำเนิดอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่า ตอนที่ข้าถือกำเนิด พลังชีวิตเทียบเคียงกับเทพโลกา จะยังอ่อนแออีกหรือ นอกจากนี้ มารดาผู้นี้ของข้ามีสถานะต่ำต้อยอย่างยิ่งในจวนแห่งนี้ พลังยุทธ์ของตัวนางเองก็อ่อนแอ โลกทัศน์ของนางก็คงจะไม่สูงส่งมากนัก นางยังบอกว่าทารกในครรภ์อ่อนแอ เช่นนั้นก็คงจะอ่อนแอจริงๆ เสียแล้ว”
“อืม”
“จวนโหวแห่งนี้ถึงกับเตรียมโอสถวิญญาณให้กับเด็กในครรภ์ทุกคน เห็นได้ชัดว่าให้ความสำคัญกับสายโลหิตที่ถือกำเนิดขึ้นเป็นอย่างมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยามที่ข้าถือกำเนิดก็ต้องล้ำเลิศเป็นแน่! เกิดมาก็เป็น ‘บุตรผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์’ กระตุ้นให้ทั้งจวนโหวบ่มเพาะกันอย่างสุดกำลัง หลังจากนั้นข้าก็นับได้ว่าร้ายกาจอยู่บ้าง ก็เข้าใจได้กระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบประมาณการ
ต้องทำให้ตนเองกลายเป็น ‘บุตรผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์’
“ในวิถีทั้งสี่ที่ข้าคุ้นเคยที่สุด สิ่งที่คล้ายคลึงกันที่สุดของอากาศอันสับสนอลหม่านและดินแดนจิตโลกาก็คือ ‘ห้วงอากาศ’ บำเพ็ญวิถีห้วงอากาศก็จะสบายกว่าเป็นสิบเท่าร้อยเท่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเบาๆ “ก็เลือกมันแล้วกัน”
นอกจากนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงยังค้นพบในจุดที่ว่าภายในร่างกายของตนมีสายโลหิตแฝงเร้นอยู่มากมาย แต่ละสายก็มีความเชี่ยวชาญของใครของมัน เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นบุญคุณจากชนรุ่นก่อน สายโลหิตในประเภทห้วงอากาศก็มีอยู่ถึงสิบเอ็ดประเภทแล้ว แต่ดูเหมือนว่าต่างก็ค่อนข้างอ่อนแอ ในบรรดาสายโลหิตห้วงอากาศสิบเอ็ดประเภทนี้…ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือสายโลหิตระดับเทพจักรวาล
ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอเป็นที่สุด แต่สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วก็มิใช่ปัญหาเลย!
“ดูสายโลหิตในกายข้า ดูท่าทางบรรพชนทางสายนี้ของข้าคงจะโน้มเอียงไปทางเปลวเพลิง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “น่าเสียดายที่ข้าไม่เชี่ยวชาญทางด้านเปลวเพลิง ก็เอาเป็นสายโลหิตห้วงอากาศระดับเทพจักรวาลนั่นก็แล้วกัน!”
“เลือกมันก็แล้วกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตัดสินใจแล้ว วิถีการบำเพ็ญสายโลหิตของตนก็กระตุ้นสายโลหิตอันอ่อนแอในร่างกายตนที่สิ่งมีชีวิตเทพจักรวาลผู้นี้แบ่งเอาไว้ไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นให้หลัง
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า
ตัวอ่อนภายในครรภ์ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น ก็ย่อมเหยียบย่างเข้าสู่ระดับเทพโลกาเป็นธรรมดา วิญญาณก็ยิ่งแกร่งขึ้น บำเพ็ญได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เจาะลึกสายโลหิตห้วงอากาศได้อย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น ระดับขั้นของตงป๋อเสวี่ยอิงสูงส่งเหลือเกิน พอบำเพ็ญขึ้นมาก็ย่อมยกระดับทะยานขึ้นอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังดูดซับพลังฟ้าดินของโลกภายนอกอย่างอ่อนโยนยิ่ง ถึงแม้จะอ่อนโยนแต่ก็ดูดซับอยู่ตลอดเวลา พลังฟ้าดินทุกส่วนที่ดูดซับต่างก็แทรกซึมเข้าไปในร่างตัวอ่อนอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ข้าอยู่ในครรภ์มารดามาสามปีแล้ว เหตุใดจึงรู้สึกว่ายังอยู่ห่างจากการถือกำเนิดอีกมากนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงแปลกใจอยู่บ้าง “ที่แท้แล้วต้องคอยอยู่ในครรภ์มารดาอีกเนิ่นนานเท่าใดกันนี่”
……
ณ จวนท่านโหวหั่วเลี่ย ภายในลานเล็กอันห่างไกล
มีเพียงสาวใช้ที่ไม่ฟังคำสั่งคนหนึ่งรับใช้อยู่ ทว่าในใจของหรงซิงหลันในระยะนี้กลับเต็มไปด้วยความปิติยินดี เพราะว่านางมองเห็นความหวังแล้ว
“ลูกของข้าเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเหลือเกิน” หรงซิงหลันลูบไล้ครรภ์ของตนเอง นางสามารถรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายของตัวอ่อนในท้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน “ตอนนี้เกรงว่าคงต้องเป็นเทพโลกาสวรรค์สามชั้นแล้วกระมัง”
“ท่านแม่ ตอนนั้นข้ารออยู่ในครรภ์ท่านสิบห้าปีกว่าจะถือกำเนิด พรสวรรค์ของน้องชายสูงส่งกว่าข้ามากนัก กลัวว่าจะต้องคอยนานกว่าอีกเป็นแน่” สตรีอาภรณ์เขียวที่อยู่ด้านข้างก็เต็มไปด้วยความคาดหวังเช่นกัน เพราะว่าสมาชิกที่มีสถานะสูงส่งทุกคนของจวนท่านโหวหั่วเลี่ยต่างก็มีฮูหยินกลุ่มใหญ่ ดังนั้นบุตรชายหญิงจำนวนมากถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องกัน เกรงว่าแม้จะพบหน้าก็ไม่รู้จักกัน ความผูกพันที่มีต่อกันช่างผิวเผินยิ่ง
ในทางกลับกัน โดยทั่วไปแล้วผู้ที่ร่วมมารดาเดียวกันก็มีความสัมพันธ์อันดียิ่งต่อกัน เพราะว่าเคล็ดวิชาลับเป็นเหตุ สตรีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์บุตรที่กล้าแกร่งออกมาได้ ให้กำเนิดแล้วสามารถให้กำเนิดออกมาได้สองสามคนก็นับว่าไม่เลวแล้ว
“อืม ในความคิดของข้า น้องชายเจ้าสามารถอยู่ในครรภ์ได้นานกว่าห้าสิบปี หรือแม้กระทั่งแปดสิบปี” หรงซิงหลันดวงตาเป็นประกายกล้า นางมองเห็นความหวังของตนหลังผ่านครึ่งชีวิตอันแสนธรรมดามาแล้ว “เขาจะต้องถูกบ่มเพาะอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น แม้กระทั่งชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดก็ต้องได้ดื่มมากอีกหน่อย”
ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดนั้นจะถูกจัดส่งมาทุกปี ปีละหนึ่งถ้วย
ยิ่งอยู่ในครรภ์นานก็ยิ่งได้ดื่มมาก ในทางกลับกันจวนโหวกลับยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่ายิ่งอยู่ในครรภ์นานก็ยิ่งหมายความถึงศักยภาพ หมายถึงความแกร่งกล้าของสายโลหิต อย่างเช่นในประวัติศาสตร์จวนท่านโหวหั่วเลี่ยก็มีพวกที่ดีหน่อยที่ถือกำเนิดมาแล้วเป็นเทพแท้ มีแม้กระทั่งผู้ที่ฟูมฟักอยู่ในครรภ์นานถถึงร้อยสองร้อยปี พอเกิดมาก็เป็นผู้ปกครองเทพแท้แล้ว
ที่รัฐเมฆทักษิณา ภายในตระกูลอ๋องโหวอื่นๆ มีผู้ที่อยู่ในครรภ์นานหลายร้อยปี พอถือกำเนิดออกมาแล้วก็เป็นเทพอากาศ! ที่อากาศอันสับสนอลหม่านที่ตงป๋อเสวี่ยอิงจากมา สิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศชั้นกลาง พอผู้มีพรสวรรค์ถือกำเนิดมาแล้วก็เป็นเทพอากาศ
“น้องชายเจ้าถือกำเนิดออกมา เกรงว่าก็คงเป็นเทพแท้ ในอนาคตก็จะยิ่งบำเพ็ญได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น” หญิงสาว ‘หรงซิงหลัน’ ลูบไล้ครรภ์ของตน บนใบหน้าเต็มไปด้วยประกาย
……
ปีที่เก้าของการตั้งครรภ์
หรงซิงหลันค้นพบด้วยความตกตะลึงว่ากลิ่นอายของเด็กน้อยในครรภ์ยกระดับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ไปถึงระดับเทพแท้แล้ว!
“เป็นเทพแท้แล้วหรือ” หรงซิงหลันตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด “ดูท่าทางสายโลหิตของบุตรชายข้าจะร้ายกาจเป็นที่สุดเลยทีเดียว”
ถึงแม้ว่าอิงซานเลี่ยฮู่ผู้เป็นบิดาจะค่อนข้างไม่ได้ความ เป็นถึงบุตรชายของท่านโหวหั่วเลี่ย ตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่ผู้ปกครองเทพแท้คนหนึ่งเท่านั้น หรงซิงหลันผู้เป็นมารดาก็ยิ่งอ่อนแอ เป็นเพียงแค่เทพโลกาเท่านั้น
แต่ลูกของพวกเขา หากว่าตามเหตุผลแล้วก็ต้องอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีบางทีที่อาจมีผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศออกมา ถึงอย่างไรก็อาจมีการแหวกพันธุกรรมของสายโลหิตได้บ้างเป็นบางครั้ง
สำหรับหรงซิงหลัน เห็นได้ชัดว่าบุตรชายของนางจะต้องมีสายโลหิตที่ไม่ธรรมดาแน่
“ฮูหยิน ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดที่ภายในจวนส่งมาให้” ก็คือชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดที่ส่งมาให้ปีละครั้งนั่นเอง สาวใช้ผลักประตูลานบ้านเปิดออกแล้วเดินยกถาดไม้เข้ามา ที่นอกลานบ้านมีผู้เฒ่าที่แสนเย็นชาคนหนึ่งยืนอยู่
“ท่านแม่ของข้าอ่อนเพลียเล็กน้อย ส่งมาเถิด” สตรีอาภรณ์เขียวออกมานอกเรือนแล้วตะโกนขึ้น
“ดื่มในลานบ้านสิ!” ผู้เฒ่าที่แสนเย็นชาที่อยู่นอกลานบ้านเอ่ยอย่างเย็นชา ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดนี้จะต้องให้หญิงตั้งครรภ์ดื่มจนหมด นี่คือกฎของจวนโหว! เพราะว่าสตรีกลุ่มใหญ่ของจวนโหวมีสถานะอันต่ำต้อย เก็บหอมรอมริบชั่วชีวิตก็ยังไม่มีปัญญาซื้อชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดสักถ้วยหนึ่งได้เลย กลัวหญิงตั้งครรภ์ของจวนโหวเหล่านี้จะไม่ดื่มแล้วเก็บเอาไปขายทิ้งข้างนอกแทน
ดังนั้นจึงจะต้องเห็นว่าดื่มลงไปหมดด้วยตาตนเอง!
“เจ้าค่ะ”
ถึงแม้ว่าหรงซิงหลันจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังออกมา นางออกมารับชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดไปอย่างรวดเร็ว พอเงยหน้าดื่มลงไปแล้วก็ก็เข้าไปในบ้านทันที
“หยุดนะ” ผู้เฒ่าที่แสนเย็นชาตะโกน
หรงซิงหลันสะดุ้งคราหนึ่ง
ผู้เฒ่าที่แสนเย็นชาสีหน้าเปลี่ยนแปรเล็กน้อย เขาหันหน้าแล้วเดินไป
หรงซิงหลันและสตรีอาภรณ์เขียวยืนเคียงไหล่กันมองดูผู้เฒ่าที่แสนเย็นชาเดินจากไป บนใบหน้าต่างก็เผยแววกระวนกระวาย
“ยุ่งยากแล้วสิ ถูกค้นพบเข้าเสียแล้ว” สตรีอาภรณ์เขียวถ่ายเสียงพูด
“ข้าก็รู้เพียงแค่ว่าหากออกมาก็หลบไม่พ้น ตาเฒ่าผู้นั้นจะต้องค้นพบอย่างแน่นอน” หรงซิงหลันขบกราม กลิ่นอายของเทพโลกาและเทพแท้นั้นแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เด็กน้อยในครรภ์เป็นเทพแท้ แต่ตัวหรงซิงหลันเองยังเป็นเพียงแค่เทพโลกาเท่านั้น! ย่อมไม่มีทางปิดบังกลิ่นอายของเด็กในท้องได้อยู่แล้ว
“ฮูหยินใหญ่จะลงมือทำอะไรหรือไม่” สตรีอาภรณ์เขียวกังวลใจ
“ไม่กลัวหรอก! จวนโหวให้ความสำคัญกับทารกที่สืบทอดสายโลหิตเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากลงมือ เช่นนั้นก็จะเป็นความผิดอันใหญ่หลวง! ”หรงซิงหลันขบกราม “ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าต่อให้ข้าต้องสละชีวิต ก็ต้องปกป้องลูกชายข้าให้ได้”
นาง หรงซิงหลัน อยู่อย่างสมถะมาครึ่งชีวิต
ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวผู้อ่อนแอที่ธรรมดาอย่างยิ่งคนหนึ่งในเมืองอัคคีโชติ ถูกสมาชิกตระกูลอ๋องโหวที่มีสถานะสูงส่งผู้นั้นบีบบังคับจับตัวมาก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน ถูกฮูหยินใหญ่รังแกก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเช่นกัน แต่ทว่าตอนนี้ ชั่วชีวิตนี้ของนางก็เพิ่งจะเผยคมเขี้ยวอันอ่อนแอของตนเป็นครั้งแรก เพียงเพื่อปกป้องบุตรผู้มีอนาคตอันสดใส
ใครหน้าไหนก็มาทำร้ายลูกของนางมิได้
ตอนที่ 4 ถือกำเนิด สะท้านสะเทือนทั่วทิศ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ภายในโถง สตรีอาภรณ์สีแดงนั่งอยู่ พลางจ้องมองชายชราที่นั่งด้วยความเคารพนบนอบอยู่ด้านข้าง
“เจ้าบอกว่าเด็กในท้องของนางแพศยาหรงซิงหลันผู้นั้นบัดนี้กลายเป็นเทพแท้ไปแล้วหรือ” สายตาของสตรีอาภรณ์สีแดงเยียบเย็น อุณหภูมิภายในห้องโถงลดลงอย่างฮวบฮาบ ชายชรารู้สึกว่าใจสะท้านไปหมด แม้เขาจะเป็นเทพอากาศขั้นกำเนิด แต่ฮูหยินใหญ่ก็เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง พลังแข็งแกร่งยิ่งกว่า จะสังหารนางก็ง่ายดายเพียงพลิกฝ่ามือ
“ขอรับ” ชายชรารู้สึกใจสั่นอยู่บ้าง “ข้าไม่มีทางมองผิดเด็ดขาด”
“หากข้าไม่ได้จำผิดแล้ว นางเพิ่งจะตั้งครรภ์ได้เก้าเดือนเองกระมัง” สตรีอาภรณ์สีแดงพูดเสียงเรียบ
“ถูกต้องขอรับ” ชายชราพยักหน้า
“เห็นทีนางคงจะโชคดีจริงๆ ที่ให้กำเนิดบุตรเช่นนี้กับเลี่ยฮู่ขึ้นมาคนหนึ่ง พรสวรรค์สูงส่งถึงเพียงนี้ เป็นการสร้างคุณูปการให้แก่จวนโหวของพวกเราโดยแท้” สตรีอาภรณ์สีแดงพูดยิ้มๆ “เจ้าช่วยไปดูเขาให้ข้าที แล้วส่งของกำนัลไป ให้นางบำรุงครรภ์ให้ดีๆ บัดนี้ทั้งหมดล้วนมีเด็กในท้องนางเป็นสำคัญ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็เป็นบุตรของเลี่ยฮู่”
ชายชราออกจะตกตะลึงอยู่บ้าง
ส่งของกำนัลไปหรือ
……
ผ่านไปปีแล้วปีเล่า
ฮูหยินใหญ่ช่างใจดีโดยแท้ นางจัดบ่าวรับใช้ให้ไปส่งของกำนัลให้หรงซิงหลันแทบทุกเดือน หรงซิงหลันก็ระมัดระวังเป็นอันมาก สิ่งที่ฮูหยินใหญ่ส่งมา นางไม่กล้ากินหรือดื่มเลย! ทว่าเมื่อให้บุตรสาวนำออกไปขายทิ้งกลับพบว่า ของกำนัลเหล่านั้นล้วนแต่เป็นของดีซึ่งขายได้ในราคาสูง ฮูหยินใหญ่เหมือนจะมิได้มีจิตคิดร้ายแต่อย่างใด
เพียงพริบตาเดียว หรงซิงหลันก็ตั้งครรภ์มาได้ถึงสิบห้าปีแล้ว กลิ่นอายของบุตรในครรภ์เป็นผู้เคารพระดับเทพแท้แล้ว
“เรียนฮูหยิน ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดของปีนี้ หรงซิงหลันก็ได้ดื่มลงไปแล้วขอรับ” ชายชรามารายงานอีกครา
“บุตรในครรภ์ของน้องซิงหลันยังดีอยู่หรือไม่” สตรีอาภรณ์สีแดงที่นั่งอยู่ตรงนั้นพูดยิ้มๆ
“ยังดีอยู่ขอรับ ยังคงเป็นผู้เคารพระดับเทพแท้อยู่” ชายชราเอ่ย
“อื้ม ไปยังเรือนของพ่อบ้านรองแล้วนำของกำนัลมาส่งไปอีก” สตรีอาภรณ์สีแดงพูดยิ้มๆ ขณะเดียวกันกลับถ่ายเสียงให้ดังก้องขึ้นในวิญญาณของชายชราว่า “จำเอาไว้ น้ำยาที่ข้าส่งไปในครั้งนี้ ต้องให้นางแพศยาหรงซิงหลันดื่มลงไปให้หมด! ต้องดื่มลงไปให้หมด”
ชายชราใจสะท้าน
ไม่ดีแล้ว
ก่อนหน้านี้แม้จะส่งของกำนัลไปให้หลายครั้ง ทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยบังคับให้ต้องกินดื่มลงไปมาก่อน ส่วน ‘ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ด’ ที่ต้องดื่มนั้น ก็เป็นกฎของจวนโหวอยู่แล้ว! ตอนนี้ของกำนัลที่ฮูหยินใหญ่ส่งไป กลับต้องบังคับให้หรงซิงหลันดื่มกินลงไปให้ได้ ชายชรามิได้โง่งมแม้แต่น้อย
“ฮูหยิน มิได้นะขอรับ กฎของตระกูลอิงซานเข้มงวด นี่เป็นความผิดมหันต์ทีเดียว หากถูกพบเข้าจะต้องโดนลงโทษถึงตาย” ชายชราก็ตอบอยู่ภายในวิญญาณเช่นกัน เขามิกล้าปริปากพูด ด้วยเกรงว่าหากฮูหยินใหญ่โมโหขึ้นมาก็จะปลิดชีพเขาทันที เพราะถึงอย่างไรฮูหยินใหญ่ก็แค่ถ่ายเสียงภายในวิญญาณเท่านั้น…มิได้เผยพิรุธออกมาแม้แต่น้อย
“พ่อบ้านเถียน เจ้าเชื่อฟังข้าแต่โดยดี หรือไม่เจ้าก็ต้องตายยกบ้าน วางใจเถิด หลังจากนางแพศยาหรงซิงหลันดื่มลงไปแล้ว บุตรในครรภ์ของนางจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก อย่างมากที่สุดก็แค่ได้รับความเสียหายแต่กำเนิดบ้าง และค่อนข้างธรรมดาสามัญก็เท่านั้นเอง” สตรีอาภรณ์สีแดงถ่ายเสียงพูด “จนบัดนี้ ลูกหลานที่ธรรมดาสามัญในจวนโหวหั่วเลี่ยก็มีมากมายก่ายกองไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ไม่มีผู้ใดใส่ใจหรอก นอกจากนี้ข้าก็ได้เตรียมสมบัติล้ำค่าที่ส่งผลกระทบต่อกาลมิติไว้ให้เจ้าแล้วด้วย ถึงจะย้อนเวลากลับไปก็อย่าได้คิดว่าจะพบทุกสิ่งที่เจ้าทำลงไปเลย จะทำหรือไม่ทำเจ้าก็ตัดสินใจเอาเองเถิด”
ชายชรารู้สึกขมขื่นในใจ
รู้เรื่องหมดแล้ว จะกล้าปฏิเสธได้หรือ หากปฏิเสธแล้ว เกรงว่าทั้งครอบครัวเขาคงจะต้องตายตกไปจนสิ้นอย่างไร้ร่องรอยแน่นอน แม้ที่ผ่านมาเขาจะทำเรื่องเลวร้ายไปมากมาย แต่สำหรับเรื่องที่ฝ่าฝืนกฎของ ‘ตระกูลอิงซาน’ จนมีโทษถึงตายแล้ว เขาก็ยังคงรู้สึกใจสะท้านอยู่บ้าง
“ขอรับ บ่าวจะไม่ทำให้ฮูหยินผิดหวังเด็ดขาดขอรับ” ชายชราถ่ายเสียงพูด
“ไปเถิด” สตรีอาภรณ์สีแดงเอ่ยปากพูดยิ้มๆ “ช่วยข้าถามสารทุกข์สุขดิบของน้องซิงหลันด้วย”
“ขอรับ” ชายชราก็เอ่ยปากพูดก่อนจากไป
สตรีอาภรณ์สีแดงมองดูอยู่เงียบๆ ในใจกลับมีแววอาฆาตพวยพุ่ง “เฮอะ นางแพศยาตัวดี ข้ามิได้เห็นนางเป็นภัยคุกคามเลย บุตรในท้องนางกลับร้ายกาจเช่นนี้ หากรอให้เขาเกิดมาจริงๆ แล้ว เขาจะต้องแบ่งเอาทรัพยากรจำนวนมากของทางสายข้าไปเป็นจำนวนมากแน่นอน”
ทรัพยากรในนามของสามีนาง ถูกนางเอามาเป็นของตนเองตั้งนานแล้ว! ทั้งร้านค้า คูหาและที่ดินต่างๆ ตอนนี้คนที่ดูแลล้วนแต่เป็นคนของนางทั้งสิ้นจริงๆ หากจะมอบให้ใครสักคนก็ต้องเป็นบุตรของนางเองเท่านั้น!
ภัยคุกคามอื่นๆ น่ะหรือ ต้องกำจัดทิ้งเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
“รอให้บุตรในครรภ์ของนางแพศยานั่นเติบโตขึ้นมาเสียก่อน แล้วค่อยหาโอกาสให้เขาตายไปข้างนอกอย่างเงียบๆ ยังมีพ่อบ้านเถียน รอให้จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ก็ให้เขาตายไปก็แล้วกัน” สตรีอาภรณ์สีแดงลอบพึมพำ
******
ชายชรามาถึงเรือนหลังน้อยของหรงซิงหลัน
“พ่อบ้านเถียน” หรงซิงหลันพาบุตรสาวและสาวใช้เข้ามาทำความเคารพ
“ฮ่าฮ่า ข้ารับคำสั่งของฮูหยิน นำของกำนัลบางอย่างมาส่งน่ะขอรับ” ชายชราหัวเราะพลางโบกมือคราหนึ่ง ก็มีตะกร้าใบหนึ่งปรากฏขึ้น ภายในนั้นมีของกำนัลมากมายวางอยู่ เขาส่งตะกร้าให้ หรงซิงหลันก็รับไปพลางหัวเราะคิกคัก เพราะถึงอย่างไรตลอดหลายปีมานี้ พ่อบ้านเถียนผู้นี้ก็ได้ส่งของกำนัลมาหลายครั้ง และก็ไม่เคยมีปัญหาอันใดมาก่อน
ชายชราเพิ่งจะส่งตะกร้าไป เขาพลิกมือคราหนึ่งก็มีขวดหยกสีดำขวดหนึ่งปรากฏขึ้น เขาพูดยิ้มๆ ว่า “ขวดหยกนี้เป็นน้ำยาอันล้ำค่าอย่างยิ่งที่ฮูหยินจัดเตรียมไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ มา ดื่มลงไปเถิด”
“ต้องขอบคุณฮูหยินแล้ว” หรงซิงหลันก็ยื่นมือออกไปรับ
“น้ำยาที่ล้ำค่าเช่นนี้ อย่าได้นำไปขายข้างนอกอีกเลย ก่อนหน้านี้พวกท่านมักจะขายของที่ฮูหยินมอบให้พวกท่านเป็นประจำ” ชายชรายิ้ม “ดื่มลงไปเสียเลยเถิด” เขาพูดแล้วพละกำลังอันไร้รูปร่างระลอกหนึ่งก็แผ่กำจายออกไปพันธนาการหรงซิงหลัน เอาไว้ หมายจะป้อนให้นาง
หรงซิงหลันตกใจใหญ่
ถึงกับ…
ผ่านไปหกปีแล้ว ในที่สุดความจริงก็ปรากฏเสียที
“ไม่ ไม่” หรงซิงหลันดิ้นรน นางรู้สึกว่าบุตรในครรภ์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นางคิดมาหลายครั้งว่าในภายหน้าบุตรของตนจะต้องโดดเด่นสะดุดตาอย่างแน่นอน ตอนนี้จะดื่มน้ำยาอันแปลกพิกลในขวดหยกสีดำลงไปได้อย่างไรกัน
“หยุดมือนะ” อิงซานซีเยว่สตรีอาภรณ์สีเขียวด้านข้างตกใจใหญ่ แม้นางจะรู้ว่าภายในตระกูลอ๋องโหวจะมีเรื่องเลวร้ายดำมืดมากมายที่เกี่ยวโยงกับทายาทสายตรงภายในครรภ์ นี่เป็นกฎเหล็กที่ตั้งขึ้นของตระกูลอิงซาน กล้าลงมือกับบุตรในครรภ์นั้นมีโทษถึงตายเลยทีเดียว คนที่ขี้ขลาดตาขาวอย่างนางกลับลงมือทันที
ตู้ม
ชายชราโบกมือตามอำเภอใจคราหนึ่ง อิงซานซีเยว่สตรีอาภรณ์สีเขียวก็ล้มลงกับพื้นด้านข้างอย่างรุนแรง ภายใต้แรงกดดันของพลังงานอันไร้รูปร่าง อิงซานซีเยว่ถึงขั้นขยับเขยื้อนมิได้ นางตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “การกระทำของเจ้านี้มีโทษถึงตาย มีโทษถึงตาย จะทำอะไรก็มาทำกับข้านี่”
“อย่าทำอะไรบุตรข้าเลย เขายังมิได้เกิดมา ยังมิได้เกิดมาเลยนะ” หรงซิงหลันตื่นตระหนกเหลือแสน นางมองชายชราตรงหน้าด้วยสายตาวิงวอน
ชายชรากลับเย็นชาหาใดเปรียบ
อย่าตำหนิข้าเลย…ข้าก็ต้องมีชีวิตรอด คนในบ้านข้าก็ต้องมีชีวิตรอด หากจะตำหนิก็ไปตำหนิฮูหยินใหญ่เถิด!
“อึ้กๆๆ” น้ำยาภายในขวดสีดำถูกกรอกลงไปในปากของหรงซิงหลัน ปากของหรงซิงหลันถูกพลังงานอันไร้รูปร่างบังคับให้อ้าออก น้ำยาก็ถูกควบคุมให้ไหลตรงลงไปทันที หรงซิงหลันเจ็บปวดและสิ้นหวัง หยาดน้ำตาหลั่งริน ทำไมกัน…นางถึงขั้นเกิดความคิดว่าจะใช้ชีวิตเพื่อปกป้องบุตรเอาไว้ แต่ทว่า ต่อให้นางสู้สุดชีวิตก็ไร้ประโยชน์
สาวใช้ด้านข้างมองแล้วก็ตัวสั่นงันงก เมื่อได้เห็นฉากนี้กับตาตนเอง ก็ทำให้นางหวาดหวั่นเหลือแสน
นี่เป็นโทษมหันต์เลยทีเดียว!
“อย่ากังวลไปเลย” ชายชรามองสาวใช้พลางถ่ายเสียงพูด “เจ้าแค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็พอ กาลมิติที่นี่ถูกทำให้สับสนวุ่นวายไปแล้ว ถึงจะย้อนเวลากลับมาก็มองไม่เห็น”
หลังป้อนเสร็จแล้ว ชายชราก็เก็บขวดหยกสีดำขึ้นมาแล้วหมุนกายจากไป
หรงซิงหลันอ่อนยวบลงกับพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นัยน์ตากก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “เพราะอะไร เพราะอะไรกัน จะทำอะไรก็มาทำกับข้านี่ เพราะอะไรจึงต้องทำกับบุตรข้าด้วยเล่า”
“ท่านแม่” อิงซานซีเยว่รีบเข้ามาโอบกอดมารดา “สามารถขับยาพิษนั่นออกมาได้หรือไม่”
“ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่มีประโยชน์หรอก” หรงซิงหลันส่ายหน้า “เมื่อดื่มลงไปก็แทรกซึมเข้าไปทั่วกายข้าอย่างรวดเร็วแล้ว มิอาจต้านทานได้เลย”
“ไม่ดีแล้ว” หรงซิงหลันกุมท้องเอาไว้ “ข้ารู้สึกว่าจะคลอดแล้ว จะคลอดแล้ว”
อิงซานซีเยว่ตกใจใหญ่ จะคลอดแล้วหรือ
“พิษร้ายถึงเพียงนี้ บังคับให้คลอดออกมาทันทีเลยหรือนี่” อิงซานซีเยว่พามารดากลับห้องแล้วปิดประตูเตรียมการคลอดบุตรทันที
……
ถูกต้อง จะคลอดก่อนกำหนดเสียแล้ว
ทว่าหรงซิงหลันและบุตรสาวกลับโทษฮูหยินใหญ่พลาดไปแล้ว ยาพิษที่ฮูหยินใหญ่จัดเตรียมมานั้นเพียงแค่ทำลายรากฐานของบุตรในครรภ์โดยกำเนิดเท่านั้น มิได้ทำให้คลอดก่อนกำหนดทันที นี่เป็นการตัดสินใจของตงป๋อเสวี่ยอิงเอง
“สมควรตาย” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ในครรภ์มารดาฝึกฝนอากาศ สามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกรางๆ เขามองตาแทบถลนออกนอกเบ้า “จะรั้งอยู่ต่อไปมิได้แล้ว หากอยู่ต่อไป ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีก”
แม้ยาพิษจะแทรกซึมเข้าไปในครรภ์อย่างรวดเร็วและจะรุกล้ำเข้าสู่ร่างกายเขา
ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็หดกายเล็กลงอย่างรวดเร็ว เพราะถึงอย่างไรร่างเทพแท้ก็สามารถหดและขยายได้สบาย เขาตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างตนและรกของมารดา ให้ยาพิษมิอาจส่งถ่ายมาถึงตนได้
“ออกไป” แล้วเขาก็ควบคุมอากาศบังคับให้ต้องคลอดออกไป
หรงซิงหลันก็รู้สึกว่าปวดท้อง
หรงซิงหลันทอดกายอยู่บนเตียง คิดจะอดทนต่อไปอีก คิดจะให้บุตรอยู่ในครรภ์นานกว่านี้
“โอ๊ย ต้องคลอดออกไปแล้วจริงๆ” ใบหน้าของหรงซิงหลันเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ผมเปียกชื้นปรกอยู่บนหน้า
“ฮูหยินใหญ่ผู้นั้นก็อำมหิตเกินไปแล้ว” อิงซานซีเยว่ก็ร้อนใจ
“ออกมาเถิด”
หรงซิงหลันยื่นมือเข้าไปในท้องตนเอง ฟิ้ว จากนั้นก็ฉวยก้อนเนื้อก้อนหนึ่งออกมา ก้อนเนื้อกลมดิกร่วงลงบนผ้าปูเตียง สำหรับเทพโลกาแล้ว การจะให้บุตรออกมานั้นง่ายดายมาก
ก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกมีอักขระลับสีทองหมุนเวียนอยู่ นี่ก็คือเคล็ดลับที่หล่อเลี้ยงครรภ์ ทำให้บุตรในครรภ์แข็งแกร่งพอ
“กระตุ้น”
ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งอยู่ภายในก้อนเนื้อกลมดิกกระตุ้นสายเลือดภายในกายขึ้นมาอีกครั้ง ระดับขั้นของเขาถึงตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้เพียงแค่มีอุปสรรค ไม่สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตเกินไปได้ จึงมักจะดูดซับพลังฟ้าดินจากโลกภายนอกลงไปเป็นประจำ เกิดมาครั้งนี้…เป้าหมายของเขาก็คือจะทำให้ทั่วสารทิศสะท้านสะเทือน จึงเริ่มกระตุ้นสายเลือดห้วงอากาศภายในกายขึ้นมา เสียดายก็แต่ว่าตนเพิ่งจะบำเพ็ญมาได้เพียงสิบกว่าปีเท่านั้น จึงกระตุ้นสายเลือดห้วงอากาศขึ้นมาได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น
“ตู้ม!!!”
ทันใดนั้นอักขระลับสีทองเหนือผิวของก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกก็ปะทุออกมาอย่างโดดเด่นสะดุดตา ขณะเดียวกันพลังฟ้าดินกลางท้องฟ้าเบื้องบนก็พลันโหมซัดออกมา ก่อให้เกิดลำแสงน้ำวนขนาดมหึมา แล้วแทรกซึมเข้าไปในก้อนเนื้อกลมดิกนั้นจนสิ้น
ชายชราซึ่งออกจากเรือนหลังเล็กเพื่อไปรายงานที่เรือนฮูหยินใหญ่พลันหันกลับไปมองไกลออกไป เขามองดูน้ำวนพลังฟ้าดินที่ก่อตัวขึ้นกลางฟากฟ้าด้วยความตื่นตะลึงเหลือแสน “ผู้ใดเหิมเกริมถึงเพียงนี้ กล้าดูดซับพลังฟ้าดินในจวนโหวตามอำเภอใจเช่นนี้ ต่อให้บำเพ็ญก็ควรจะเก็บตัวเพื่อบำเพ็ญสิ”
“ตู้ม…”
“นั่นมัน…”
“แสงสีทองนั่น”
จวนโหวหั่วเลี่ยกว้างใหญ่หาใดเปรียบ มีผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆ ผู้แกร่งกล้าภายในจวนหลายคนบ้วนสามารถสัมผัสรับรู้ที่นี่ได้ลิบๆ ก็มองเห็นว่าภายใต้ลำแสงน้ำวนที่โหมซัดนั้นยังมีแสงสีทองที่พุ่งตรงไปทั่วทิศ “นั่นคือแสงสีทองที่ทารกถือกำเนิดขึ้น ไยจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้เล่า”
วิญญาณค่ายกลภายในจวนโหวหั่วเลี่ยสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหว จึงย่อมใช้ค่ายกลร่อนลงไปสำรวจเรือนเล็กหลังนี้ เมื่อทราบเหตุการณ์แล้วก็ส่งข่าวให้บุคคลระดับสูงทั่วทั้งจวนโหวหั่วเลี่ยในทันที…
“บุตรของอิงซานเลี่ยฮู่กำเนิดแล้ว! กำเนิดเป็นเทพอากาศ มารดาคือหรงซิงหลัน!”
เมื่อข่าวแพร่ออกไป ทั้งจวนท่านโหวหั่วเลี่ยก็สะท้านสะเทือนไปหมด
ขณะเดียวกันข่าวก็แพร่ออกไปนอกจวนตระกูลอิงซานด้วยความเร็วสูงยิ่ง จวนท่านโหวหั่วเลี่ยก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตระกูลอิงซานเท่านั้น ทายาทตระกูลอิงซานที่ยอดเยี่ยมไร้เทียมทานเช่นนี้ถือกำเนิดขึ้น ย่อมสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งตระกูลอิงซานเป็นธรรมดา
ตอนที่ 5 สะท้านทั่วทิศ
โดย
Ink Stone_Fantasy
จวนโหวหั่วเลี่ยดำรงอยู่มาเป็นล้านล้านกัลป์แล้ว ผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆ ผู้ที่มีคุณสมบัตินับได้ว่าเป็นบุคคลระดับสูงของทั้งจวนนั้นมีเพียง ‘ท่านโหวหั่วเลี่ย’ ผู้สูงส่งและบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายเท่านั้น
คิดจะเป็นผู้อาวุโสแห่งจวนโหวหั่วเลี่ย…ก็มีเงื่อนไขที่จำกัดอย่างยิ่ง
หากเป็นลูกหลานของทางสายอิงซาน ตามปกติแล้วก็ต้องมี พลังระดับ ‘ จึงจะมีคุณสมบัติรับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสได้! แน่นอนว่าย่อมมีข้อยกเว้น อย่างบุตรธิดาทั้งสามสิบหกคนของท่านโหวหั่วเลี่ย ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรธิดาที่ท่านโหวหั่วเลี่ยให้กำเนิดขึ้นมาเอง สถานะก็พิเศษอยู่บ้างแล้ว ผู้ที่เป็นเพียงเทพแท้ระดับผู้ปกครองอย่าง ‘อิงซานเลี่ยฮู่’ ก็สามารถได้รับการแบ่งสรรทรัพยากรมากมาย! บุตรธิดาแท้ๆ ของท่านโหวหั่วเลี่ย ขอเพียงสามารถบรรลุ ‘ขั้นรวมเป็นหนึ่ง’ ได้ก็สามารถรับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสได้แล้ว
ยังมีอีก…
เค่อชิงจากภายนอกจำเป็นต้องสวามิภักดิ์ต่อจวนโหวหั่วเลี่ย จงรักภักดีต่อจวนโหวหั่วเลี่ยอย่างสิ้นเชิงคงจะได้รับการอบรมบ่มเพาะจากจวนโหวหั่วเลี่ยอย่างเต็มที่ อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องมีพลังระดับ ‘วังปฐมเทพชั้นที่หก’ จึงจะสามารถรับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสได้
“อะไรนะ เกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้วหรือ”
“นี่ นี่มัน…”
“นับตั้งแต่จวนโหวหั่วเลี่ยก่อตั้งขึ้นมา เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นเทพอากาศตั้งแต่กำเนิดกระมัง บิดาของเขาคืออิงซานเลี่ยฮู่หรือ”
“อิงซานเลี่ยฮู่ บุตรคนรองของท่านโหวน่ะหรือ เขาสามารถให้กำเนิดบุตรที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้ด้วยหรือนี่”
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายพากันตื่นตะลึงเหลือแสน
พวกเขาไม่ค่อยเห็นอิงซานเลี่ยฮู่อยู่ในสายตาสักเท่ามดนัก เพราะถึงอย่างไรผู้บำเพ็ญก็ให้ความสำคัญกับพลังเป็นอันมาก ก็แค่คนไร้ค่าระดับเทพแท้ผู้หนึ่งเท่านั้น ส่วนหรงซิงหลันน่ะหรือ พวกเขาไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อเสียด้วยซ้ำ บัดนี้บุตรของคนไร้ค่าคนหนึ่งกับสตรีที่ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อเกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้วอย่างนั้นหรือ
สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!
ลำแสงสายแล้วสายเล่าพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าจากทุกทิศทุกทางของจวนโหวหั่วเลี่ย แล้วพุ่งทะยานมาทางเรือนหลังเล็กอันไกลลิบนี้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากจวนโหวหั่วเลี่ยกินพื้นที่กว้างขวางยิ่งนัก ทั้งยังมีค่ายกลกดดันจนมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ จะพุ่งทะยานมาก็ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง! อันที่จริงต่อให้สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้ ผู้ที่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้ในขั้นรวมเป็นหนึ่งก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย การกดดันของดินแดนจิตโลกานั้นมากกว่าอากาศอันสับสนอลหม่านมากมายนัก
ถึงอย่างไรหลังจากโลกทิพย์ทั้งห้าของอากาศอันสับสนอลหม่านแตกออกเป็นเสี่ยงๆ บ้างก็เป็นเศษเสี้ยว บ้างก็มีเทพจักรวาลบุกเบิกขึ้นมา จึงมิอาจเปรียบเทียบกับดินแดนจิตโลกาได้เลย
“นี่คือเด็กคนนั้นหรือ” มีบางคนที่อยู่ค่อนข้างใกล้กับเรือนหลังเล็กแห่งนี้ เพียงไม่กี่ชั่วลมหายใจก็บินมาถึงแล้ว และกำลังยืนอยู่กลางอากาศพลางมองดูก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกที่ก่อให้เกิดลำแสงน้ำวนพลังฟ้าดินอันยิ่งใหญ่ภายในเรือนเล็กหลังนั้น บนก้อนเนื้อสีแดงก้อนนี้ยังมีอักขระลับสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งเปล่งแสงเจิดจ้าสะดุดตาออกมาอีกด้วย
ผู้อาวุโสสองท่านซึ่งมาถึงก่อนและเหล่ายอดฝีมือภายในจวนโหวหั่วเลี่ยที่ถูกความเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดมาโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรต่างพากันมองดูก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกนั้น แสงสีทองที่เปล่งประกายออกมาช่างทิ่มแทงดวงตาของพวกเขาจนแทบบอดจริงๆ
ชั่วชีวิตของพวกเขา…เกรงว่าคงยากที่จะได้เห็นผู้ที่เกิดมาก็ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตถึงเพียงนี้!
ห้องที่มีอยู่เดิมก็ถูกพลังฟ้าดินอันโหมซัดฉีกทึ้งออกเป็นเสี่ยงๆ โดยเฉพาะเมื่อหรงซิงหลันมีสถานะต่ำต้อยยิ่งนัก ห้องที่อาศัยอยู่ก็ย่อมธรรมดาสามัญเป็นธรรมดา และในยามนี้ หรงซิงหลันและอิงซานซีเยว่บุตรสาวรวมทั้งสาวใช้นางนั้น ต่างก็มองดูลำแสงน้ำวนซึ่งก่อให้เกิดพลังฟ้าดินอันน่าหวาดหวั่นอย่างตะลึงงัน ทั้งยังมีก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกที่เปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมาอีกด้วย
ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำเอาพวกนางตกตะลึงไปหมด
“เอ๊ะ”
ภายในทะเลสาบใหญ่แห่งหนึ่งในจวนโหว มีสัตว์มังกรมากมายแหวกว่ายอยู่ในนั้น ณ ริมตลิ่งมีบุรุษผมแดงผู้หนึ่งนั่งตกปลาอยู่ตรงนั้น ใต้เบ็ดตกปลามีระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างวงแล้ววงเล่าแผ่ออกมาดึงดูดสัตว์มังกรเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ดึงเบ็ดตกปลาขึ้นมาด้วยสีหน้ายินดี ฟิ้ว…สัตว์มังกรสีม่วงขนาดมหึมาตนหนึ่งติดเบ็ดขึ้นมา สัตว์มังกรสีม่วงตนนี้ดิ้นรนสุดกำลังด้วยความตื่นตระหนกเหลือแสน
“ลากเจ้าสัตว์มังกรโลหิตม่วงนี่ไปทำอาหารอร่อยๆ ให้เต็มโต๊ะเลยดีกว่า” บุรุษผมแดงพูดพลางหัวเราะฮิฮิ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย แล้วหันไปมองทั่วทุกมุมของทั้งจวนโหวหั่วเลี่ย ที่นั่นค่อนข้างห่างไกล ทว่าลำแสงน้ำวนพลังฟ้าดินอันสะดุดตาและแสงสีทองอันเจิดจ้าก็ ทำให้บุรุษผมแดงอดเผยสีหน้ายินดีออกมามิได้ เขาได้รับสารจากวิญญาณค่ายกลแล้ว…“บุตรของอิงซานเลี่ยฮู่กำเนิดแล้ว! กำเนิดเป็นเทพอากาศ มารดาคือหรงซิงหลัน!”
บุรุษผมแดงพลันหัวเราะเสียงดังออกมาทันใด
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะดังกัมปนาทราวสายฟ้าฟาด กึกก้องไปทั่วฟ้า
“เจ้าหนุ่มเลี่ยฮู่ผู้นั้นให้กำเนิดใช้ได้ทีเดียว เกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว ทางสายของข้า โหวหั่วเลี่ยยังไม่เคยมีมาก่อน” บุรุษผมแดงโหวหั่วเลี่ยอารมณ์ดีนัก เขาโบกมือคราหนึ่งก็สะบัดเบ็ดออกไป สัตว์มังกรสีม่วงที่ดิ้นรนด้วยความตื่นตระหนกตนนั้นก็ร่วงกลับลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าท่านโหวหั่วเลี่ยอารมณ์ดียิ่งนัก จนปล่อยให้สัตว์มังกรโลหิตม่วงรอดพ้นหายนะไปได้
“ไป”
บุรุษผมแดงท่านโหวหั่วเลี่ยเคลื่อนที่ในพริบตาหายวับไปในทันที
ในฐานะผู้ปกครองสูงสุดของทั้งจวนโหว แม้ค่ายกลจะกดดันห้ามมิให้เคลื่อนที่ในพริบตา แต่เขาก็สามารถควบคุมค่ายกลได้อย่างง่ายดาย ตนเองจะมิได้รับแรงกดดันแต่อย่างใด ส่วนยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนแต่ละคนล้วนสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้ จึงสามารถเดินทางไปได้สบาย
“ฟิ้ว”
บุรุษผมแดงท่านโหวหั่วเลี่ยมาถึงกลางอากาศเหนือเรือนหลังเล็กอันไกลลิบแห่งนั้น พลางเหลือบมองก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกเบื้องล่างที่เปล่งแสงสีทองอันเจิดจ้าออกมา เมื่อมองเห็นว่าเพียงแค่ลำแสงน้ำวนพลังฟ้าดินก็สามารถทำให้ห้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้อย่างง่ายดาย ท่านโหวหั่วเลี่ยเหลือบมองไปข้างหนึ่งก็เห็นคู่แม่ลูกหรงซิงหลันที่กำลังตะลึงงันและสาวใช้ “เห็นทีคุณชายน้อยของจวนโหวหั่วเลี่ยของข้าคนนี้ มารดาคงจะธรรมดาสามัญมากทีเดียว”
“ท่านโหว” ผู้อาวุโสสองท่านที่เดินทางมาถึงแล้วคำนับด้วยความเคารพ บรรดายอดฝีมือคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ด้านข้างต่างก็สะดุ้ง แล้วรีบโค้งคำนับด้วยใจอันสั่นสะท้าน “ท่านโหว”
“ท่านโหวหรือ”
หรงซิงหลัน อิงซานซีเยว่และสาวใช้ที่สมองยังคงมึนงงอยู่ก็มองเห็นเงาร่างกลางอากาศที่กำลังเดินทางมาถึงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบุรุษผมแดงผู้นั้น ผู้คนรอบด้านล้วนโค้งคำนับและเรียกขานว่าท่านโหว…พวกหรงซิงหลันย่อมเดาได้ว่า คนผู้นี้ก็คือสิ่งมีชีวิตในตำนานของทั้งจวนโหวหั่วเลี่ย สิ่งมีชีวิตระดับขั้นอลวนที่แต่ไหนแต่ไรพวกนางก็ไม่เคยพบเจอมาก่อน…ท่านโหวหั่วเลี่ยนั่นเอง!
……
บรรดาผู้อาวุโสต่างก็เร่งมาทีละคนๆ พวกเขาก็ส่งสารสำคัญนี้ออกไปด้วย ทายาทสายตรงของจวนโหวหั่วเลี่ยถือกำเนิดมาก็เป็นเทพอากาศแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เรื่องใหญ่เช่นนี้ย่อมถ่ายทอดออกไปได้รวดเร็วอยู่แล้ว
สถานะของฮูหยินใหญ่ฉานอวี้เยี่ยนเจินภายในจวนสูงกว่าสามีอยู่เล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรตัวนางเองก็มีพลังระดับวังปฐมเทพสี่ชั้น และมาจากตระกูลอ๋องโหว บุตรชายนางก็ยังบรรลุถึงขั้นรวมเป็นหนึ่ง สถานะอย่างนางย่อมได้รับข่าวอย่างรวดเร็วเป็นธรรมดา
“น้องเยี่ยนเจิน ยินดีด้วย ได้ยินมาว่าเด็กน้อยที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาก็เป็นเทพอากาศคนนี้เป็นบุตรของอิงซานเลี่ยฮู่สามีเจ้านี่”
“น้องเยี่ยนเจิน…”
“เยี่ยนเจิน เป็นบุตรของอิงซานเลี่ยฮู่และหรงซิงหลันที่เกิดมาแล้วก็เป็นเทพอากาศ”
นางได้รับสารถึงสามชิ้นต่อเนื่องกันจากคนที่นางรู้จัก
นี่ทำให้สีหน้าของฮูหยินใหญ่ ‘ฉานอวี้เยี่ยนเจิน’ เปลี่ยนแปรไปในทันใด เดิมทีนางยังนั่งอยู่ในโถงอย่างเงียบๆ รอคอยให้พ่อบ้านเถียนกลับมารายงานอยู่เลย
“อะไรนะ พ่อบ้านเถียนมิได้เอายาไปให้แล้วหรือไร เหตุใดนางแพศยาจึงให้กำเนิดบุตรออกมาทันทีเลยเล่า นอกจากนี้เมื่อเกิดมาก็ยังเป็นเทพอากาศอีกด้วย ก่อนหน้านี้มิได้บอกว่าเป็นเพียงผู้เคารพระดับเทพแท้หรอกหรือ” ยามนี้สตรีอาภรณ์สีแดง ‘ฉานอวี้เยี่ยนเจิน’ แตกตื่นอย่างแท้จริงแล้ว ด้วยระดับจิตใจของนาง ก็มิอาจควบคุมสีหน้าเอาไว้ได้ สีหน้าเปลี่ยนแปรไปทันที จะเห็นได้ถึงระดับความหวาดหวั่นของนาง
เนื่องจากนางเข้าใจดีมากว่า เด็กที่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วเป็นเทพอากาศนั้น ในจวนโหวหั่วเลี่ยไม่เคยมีมาก่อนเลย! เกรงว่าท่านโหวคงจะต้องให้ความสำคัญหาใดเปรียบ แม้แต่ทางบรรพชนตระกูลอิงซานก็ต้องส่งบุคคลระดับสูงมาอย่างแน่นอน นี่คือเรื่องใหญ่ของทั้งตระกูลอิงซาน
หากพบสิ่งที่นางทำอะไรลงไปขึ้นมา…
จะลงมือกับทารกในครรภ์อย่างนั้นหรือ
นางต้องตายแน่นอน
สตรีอาภรณ์สีแดงขบกรามกรอดแล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว เงาร่างของนางก็กลายเป็นเงาลวง เพราะถึงอย่างไรทางสายของอิงซานเลี่ยฮู่สามีนางก็ล้วนแต่อยู่ในแถบนี้ทั้งสิ้น! หากพ่อบ้านเถียนกลับมา นางก็พอจะเดาเส้นทางได้ จึงเร่งเดินทางไปทันที
ไม่นานนัก เพียงสิบกว่าลมหายใจเท่านั้น
สตรีอาภรณ์สีแดงก็มองเห็นพ่อบ้านเถียนที่กำลังเดินมาพอดี
“ฮูหยิน” เมื่อพ่อบ้านเถียนเห็นฮูหยินก็เอ่ยด้วยความเคารพทันที “มอบของกำนัลให้เรียบร้อยขอรับ” เขามีสถานะต้อยต่ำ แม้จะเป็นพ่อบ้าน แต่ก็ยังเป็นเพียงบ่าวรับใช้อยู่ดี เขายังไม่รู้ว่าบุตรในท้องของหรงซิงหลันคลอดออกมาแล้ว ทั้งยังเป็นถึงเทพอากาศอีกด้วย
“อ้อ” สตรีอาภรณ์สีแดงยิ้มน้อยๆ “ข้าจะไปดูน้องซิงหลันเสียหน่อย”
นางพูดพลางเดินเฉียดไหล่พ่อบ้านเถียนไป
พ่อบ้านเถียนยืนอยู่ที่เดิมด้วยความตกตะลึง
จากนั้นร่างกายก็เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไร้สุ้มเสียง ก่อนจะกลายเป็นความว่างเปล่า เหลือทิ้งไว้เพียงสมบัติต่างๆ เท่านั้น
“เฮอะ กล้าทรยศข้า คิดบัญชีกับข้ารึ มีแต่ตายเท่านั้น!” สตรีอาภรณ์สีแดงพูดพลางหัวเราะเสียงเย็นชา ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น นางต้องป้องกันมิให้เรื่องราวถูกเปิดเผยแล้วผู้แกร่งกล้าตรวจสอบทุกสิ่ง ดังนั้นจึงได้เริ่มทำลายหลักฐานทั้งหมดโดยเร็วที่สุด
“คนไร้ค่าผู้นี้ยังบอกว่ามอบของกำนัลให้เรียบร้อยแล้ว หากมอบให้แล้ว หรงซิงหลันผู้นั้นจะให้กำเนิดบุตรอีกได้อย่างไรกัน ทั้งยังร้ายกาจถึงเพียงนั้นด้วย นางแพศยาโชคครั้งใหญ่หล่นทับแล้ว ทว่าด้วยสถานะอันต่ำต้อยของนาง เมื่อเผชิญหน้ากับท่านโหวและผู้อาวุโสทั้งหลาย ก็ไม่แน่ว่าจะกล้าบอกเล่าสถานการณ์” สตรีอาภรณ์สีแดงมองอย่างรอคอย รอคอยว่าเรื่องราวจะไม่ถูกเปิดเผย ทว่าความหวังนั้นมิอาจฝากไว้กับผู้อื่นทั้งหมดได้
“ข้า ฉานอวี้เยี่ยนเจินจะสะดุดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” สตรีอาภรณ์สีแดงมีจิตใจทะเยอทะยาน เพราะถึงอย่างไรภายในจวน นางก็ห่างจากตำแหน่งผู้อาวุโสอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านี้ทำเรื่องใหญ่พรรค์นี้ก็ค่อนข้างระมัดระวังอยู่แล้ว ยามนี้ก็พยายามคิดทบทวน พยายามปกปิดพิรุธทั้งหมด
แน่นอนว่าพิรุธใหญ่ที่สุดอย่างพ่อบ้านเถียนก็ถูกกำจัดทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว!
ตอนที่ 6 เพลิงโทสะ
Ink Stone_Fantasy
ขณะที่ฮูหยินใหญ่ฉานอวี้เยี่ยนเจินกำลังพยายามปกปิดพิรุธทั้งหมดอย่างสุดกำลังนั้น ณ ค่ายกลส่งถ่ายอันใหญ่โตในเมืองอัคคีโชติ
“วิ้ง”
ค่ายกลส่งถ่ายมีน้ำวนราวกับคูหาดำมืดอันบิดเบี้ยวปรากฏขึ้น เงาร่างสองสายเดินออกมาจากในนั้น พวกเขาสวมอาภรณ์สีดำขลิบทองกันถ้วนหน้า พลงมองไปทางจวนโหวไกลออกไป
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ทางสายของท่านโหวหั่วเลี่ยจะมีบุตรที่กำเนิดออกมาก็เป็นเทพอากาศด้วย หาได้ยาก หาได้ยากนัก”
“ก่อนหน้านี้พวกเราตระกูลอิงซานเพิ่งเคยให้กำเนิดผู้มีพรสวรรค์เช่นนี้ขึ้นมาทั้งหมดเพียงสองคนเท่านั้น พวกเขาล้วนสำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งได้อย่างรวดเร็วมาก ในจำนวนนั้นคนหนึ่งสำเร็จเป็นขั้นอลวน ก่อตั้ง ‘จวนโหวเก้ามังกร’ ขึ้นมา แม้อีกคนหนึ่งจะอ่อนแอกว่าอยู่บ้าง แต่ก็บุกฝ่าวังปฐมเทพระดับชั้นที่หกได้แล้ว” ผู้อาวุโสสองคนจากตระกูลอิงซานพูดคุยยิ้มแย้นมกัน
พวกเขาก็อิจฉาเป็นอันมาก
เพราะเกิดมาก็ร้ายกาจถึงเพียงนี้แล้ว แสดงให้เห็นว่าสายเลือดแข็งแกร่งมาก ยิ่งสายเลือดแข็งแกร่งมากเท่าใด ก็ยิ่งบำเพ็ญได้ง่ายขึ้นเท่านั้น พวกผู้ที่สายเลือดอ่อนแอ…เมื่อพินิจดูสายเลือดภายใน ก็เลือนรางราวกับชมบุปผากลางหมอก! ส่วนผู้ที่มีสายเลือดแข็งแกร่งและเข้มข้น สายเลือดก็ชัดเจนมากทีเดียว ความยากในการฝึกฝนก็ง่ายดายขึ้นเป็นร้อยเป็นพันเท่า
“สวบ”
พวกเขาทั้งสองเคลื่อนที่ในพริบตาเร่งตรงไปทันที เมืองอัคคีโชติใหญ่โตเกินไป ลำพังแค่บินทะยานไปเพียงอย่างเดียวก็ช้าเกินไปแล้ว พวกเขาผู้อาวุโสของตระกูลทั้งสองถูกส่งมา…ในจำนวนนั้นมีคนหนึ่งสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้
ไม่นานนักพวกเขาทั้งสองก็มาถึงจวนโหวหั่วเลี่ย
“ผู้อาวุโสประจำตระกูลทั้งสอง ขอเชิญมาด้วยเถิด” เสียงสายหนึ่งดังก้องขึ้นข้างหูของพวกเขา การกดดันของค่ายกลของจวนโหวหั่วเลี่ยที่ส่งผลต่อผู้อาวุโสประจำตระกูลทั้งสองจางหายไปชั่วคราว
“ท่านโหว” ผู้อาวุโสประจำตระกูลทั้งสองก็เคลื่อนที่ในพริบตาเร่งเดินทางไปทันที แยกแยะได้ง่ายเกินไปแล้ว ลำแสงน้ำวนพลังฟ้าดินนั้นยังคงสะดุดตา แสงสีทองรำไรนั้นก็ยังสามารถแยกแยะออกมาได้
……
ขณะที่ผู้อาวุโสประจำตระกูลสองคนเร่งมานั้น ท่านโหวหั่วเลี่ยและผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งของจวนโหวรวมทั้งผู้มีสถานะสูงส่งทั้งหลายของตระกูลอิงซานและยอดฝีมือซึ่งเป็นเค่อชิงทั้งหลายล้วนพากันมองดูจากกลางฟากฟ้ารอบด้าน ลานบ้านเบื้องล่างเล็กเกินไปแล้วจริงๆ พวกเขาจะร่อนลงไปทั้งหมดก็มิอาจบรรจุได้พอ
“ผู้อาวุโสประจำตระกูลทั้งสองเดินทางมาไกล โปรดรออีกสักประเดี๋ยว สักครู่เด็กคนนี้ก็จะออกมาแล้วล่ะ” ท่านโหวหั่วเลี่ยบุรุษอาภรณ์สีแดงยืนอยู่ข้างหนึ่งยิ้มๆ
รอบด้านมีผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่ง ส่วนผู้ที่มีสถานะต่ำต้อยล้วนมิกล้าเข้าใกล้ ฮูหยินใหญ่ ‘ฉานอวี้เยี่ยนเจิน’ ก็อยู่กลางท้องฟ้าค่อนไปทางด้านหลังของกลุ่มคน นางมองเห็นผู้อาวุโสประจำตระกูลและท่านโหวพากันมองดูก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกซึ่งเปล่งประกายสีทองอยู่เบื้องล่างอย่างใจจดใจจ่อ นางอดขบกรามกรอดมิได้ “ข้อบกพร่องสุดท้ายก็ต้องเติมเต็มเสีย”
วิ้ง
สีหน้าของนางขาวซีดเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าก็กลับคืนสู่สภาพปกติ
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไป เหมือนกับผ่านไปเชื่องช้ามาก
ยามนี้เหล่าบุคคลระดับสูงของจวนโหวหั่วเลี่ยต่างพากันมองดูเบื้องล่าง หรงซิงหลันได้สติกลับคืนมาแล้ว นางและอิงซานซีเยว่บุตรสาวก็ตั้งตารอคอยเช่นกัน
“ฟิ้ววว…” ก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกพลันปริแตกออก เด็กน้อยปากแดงฟันขาวคนหนึ่งปรากฏขึ้น บนร่างของเด็กน้อยคนนั้นสวมเพียงเสื้อบางเบาแนบกายเท่านั้น
กลิ่นอายที่แผ่กำจายออกมาจากเด็กน้อยกลับยิ่งใหญ่เป็นถึงกลิ่นอายเทพอากาศ
ทันใดนั้นเด็กน้อยปากแดงฟันขาวเท้าเปล่าเปลือยสวมเสื้อบางเบาแนบกายก็ถลาไปตรงหน้าหรงซิงหลัน ก่อนจะคุกเข่าพรวดลงไปแล้วกล่าวว่า “ลูกขอคารวะท่านแม่!”
การคุกเข่าของตงป๋อเสวี่ยอิงในครั้งนี้มาจากความยินยอมพร้อมใจ เนื่องจากเมื่อเขาอยู่ในครรภ์มารดาก็สามารถสัมผัสผ่านอากาศและรับรู้ท่าทางของมารดาและพี่สาวที่สู้สุดชีวิตขณะเผชิญหน้ากับพ่อบ้านเถียนที่อยู่ภายนอกได้ และยังมองเห็นน้ำตาอันสิ้นหวังของมารดาด้วย…เขารู้สึกว่ามารดาเห็นเขาสำคัญกว่าชีวิตเสียอีก ความรู้สึกนั้นสัมผัสซึ่งกันและกันได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เคารพมารดาคนนี้ของตน
ส่วนบิดาของตนในโลกนี้น่ะหรือ เฮอะๆ ตนอยู่ในครรภ์มาสิบห้าปี บิดาผู้นั้นก็ไม่เคยมาแลดูมาก่อน! ตอนนี้ตนยังไม่รู้จักบิดาเสียด้วยซ้ำ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกอะไรแล้ว
“เอาล่ะๆ” หรงซิงหลันรีบยื่นมือออกไปดึงบุตรของตนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น แขนเล็กๆ เต็มไปด้วยเนื้อนุ่มนิ่ม ทำเอาหัวใจของหรงซิงหลันแทบจะละลายอยู่รอมร่อแล้ว รอยยิ้มระบายไปทั่วใบหน้าของนาง นั่นคือความปีติยินดีจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ฮ่าฮ่า…เด็กคนนี้นับว่ากตัญญูมากทีเดียว” ผู้อาวุโสประจำตระกูลกลางอากาศผู้หนึ่งพูดยิ้มๆ ท่านโหวหั่วเลี่ยหัวเราะพลางพยักหน้า บุคคลระดับสูงของจวนโหวรอบด้านก็พลันชื่นชมขึ้นมา
พวกเขาไม่แปลกใจในสติปัญญาของตงป๋อเสวี่ยอิงเลยแม้แต่น้อย
เพราะต่อให้เป็นทารกของตระกูลอิงซานที่ค่อนข้างธรรมดาสามัญ เมื่อจะกำเนิดออกมาก็ล้วนอยู่ในครรภ์หลายสิบปีทั้งสิ้น สติปัญญาก็ไม่ธรรมดา
ท่านโหวหั่วเลี่ยก็หัวเราะพลางพูดเสียงดังกังวานว่า “หรงซิงหลัน เจ้าตั้งชื่อให้บุตรคนนี้แล้วหรือยัง”
“ยังไม่เคยเลยเจ้าค่ะ” หรงซิงหลันกล่าว
นางมีสถานะต่ำต้อย ก่อนหน้านี้ไม่มีคุณสมบัติพอจะได้ตั้งชื่อ โดยทั่วไปก็ล้วนแต่เป็นอิงซานเลี่ยฮู่ที่ตั้งชื่อทั้งสิ้น
“ข้าตั้งชื่อให้ตัวเองไว้แล้ว” เด็กน้อยในอ้อมแขนนางกระโดดขึ้นมา เมื่อเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญทั้งหลายที่อยู่กลางอากาศก็ไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงใสกังวานแต่กลับสะท้อนก้องไปรอบด้าน “นามว่าเสวี่ยอิง!”
“เสวี่ยอิง อิงซานเสวี่ยอิงรึ” ท่านโหวหั่วเลี่ยที่อยู่กลางอากาศพูดยิ้มๆ “เจ้าหนูน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาเลย เกิดมาก็รู้จักตั้งชื่อให้ตนเองแล้ว”
“พรสวรรค์ไม่ธรรมดา ย่อมไม่เหมือนกับคนทั่วไปอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสประจำตระกูลร่างผอมสูงด้านข้างชมเชย ผู้อาวุโสประจำตระกูลที่อ้วนเล็กน้อยอีกคนหนึ่งด้านข้างก็หยิบอาวุธสีทองซึ่งหน้าตาเหมือนกับตะขอสีทองอันแปลกประหลาดขนาดเท่าฝ่ามือออกมาพลางหัวเราะแหะๆ ก่อนจะโยนตรงไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง “เจ้าหนูอิงซานเสวี่ยอิง ข้าและคนอื่นๆ รับคำสั่งให้มาส่งป้ายบัญชาทองคำอิงซาน”
เด็กน้อยยื่นมือออกไปคว้าป้ายบัญชาทองคำอิงซานมาด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ป้ายบัญชาทองคำอิงซานนี้ เป็นสิ่งที่ลูกหลานตระกูลอิงซานคนสำคัญยิ่งกว่าสำคัญเท่านั้นจึงมีสิทธิ์จะได้รับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านบรรพชนมอบให้ด้วยตนเอง” ท่านโหวหั่วเลี่ยพูดยิ้มๆ “เมื่อได้รับป้ายคำสั่งนี้แล้ว สถานะของเจ้าในจวนโหวก็จะทัดเทียมกันกับผู้อาวุโสในจวนโหวเลยทีเดียว ทั้งยังสามารถมุ่งหน้าไปยังเรือนประจำตระกูลเพื่ออ่านคัมภีร์ต่างๆ ภายในเรือนประจำตระกูลได้ ทางเรือนประจำตระกูลก็จะส่งสมบัติล้ำค่าจำนวนมากให้เจ้าด้วย”
ผู้คนทั้งหลายกลางอากาศรอบด้านพากันอิจฉาเป็นอันมาก
เนื่องจากจวนโหวใหญ่โตเกินไป จำนวนผู้บำเพ็ญก็มากมายยิ่งนักจึงย่อมมีการแบ่งระดับเป็นธรรมดา สมาชิกภายในจวนโหวทั้งหมดแบ่งออกเป็นหกระดับด้วยกัน
เช่นบ่าวรับใช้จำนวนนับไม่ถ้วนเป็นระดับหกซึ่งเป็นระดับต่ำสุดแทบจะทั้งหมด
บรรดา ‘ฮูหยิน’ ที่มิเคยให้กำเนิดบุตรทั้งหลาย ก็เป็นระดับหกซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเช่นเดียวกัน อย่างหรงซิงหลัน เนื่องจากเคยให้กำเนิดบุตรมาแล้ว อิงซานซีเยว่นับว่าเป็นทายาทสายตรง พวกนางทั้งสองจัดเป็นระดับห้า
ระดับห้า…ก็ยังคงต่ำมาก เพราะถึงอย่างไรหัวหน้าบ่าวรับใช้คนหนึ่งก็เป็นระดับห้าแล้ว แม้พวกนางสองคนจะมีสถานะสูงกว่าบ่าวรับใช้อยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะจัดการอะไรบ่าวรับใช้ได้ ดังนั้นสาวใช้ที่ปรนนิบัติพวกนางจึงดูแคลนพวกนาง
ระดับสี่ คือผู้ที่มีสถานะสูงส่งมากในบรรดาบ่าวรับใช้ อย่างพ่อบ้านเถียนก็นับว่าเป็นระดับสี่
สมาชิกของจวนโหวระดับสี่ถึงระดับหก จัดว่าเป็นสามระดับล่าง
ส่วนระดับสามถึงระดับหนึ่งคือสามระดับบน! มีแต่สามระดับบนเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติเป็นตัวแทนของจวนโหวหั่วเลี่ยได้ คนของจวนโหวหั่วเลี่ย…มีเพียงสามระดับบนเท่านั้นที่เมื่อเดินอยู่ภายนอกแล้วมีคุณสมบัติพอจะพูดว่าเป็น ‘คนของตระกูลอ๋องโหว’ ได้ อย่างอิงซานซีเยว่ซึ่งมีพลังเพียงระดับเทพแท้ เมื่อเดินอยู่ภายนอกก็เป็นเพียงคนธรรมดาสามัญเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์เรียกตนเองว่าเป็นคนของตระกูลอ๋องโหวแต่อย่างใด
เพราะถึงอย่างไร…
ตระกูลอ๋องโหวก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาตลอดคืนวันอันยาวนาน สายเลือดมีจำนวนนับไม่ถ้วน หากไม่ยอดเยี่ยมพอ ย่อมมิอาจเป็นตัวแทนของตระกูลอ๋องโหวได้
คนของตระกูลอ๋องโหวก็มีสิทธิพิเศษมากมาย ซึ่งสิทธิพิเศษนี้ได้กำหนดเอาไว้ในกฎหมายของรัฐเมฆทักษิณา
“ป้ายบัญชาทองคำอิงซานหรือ ทัดเทียมกับผู้อาวุโสหรือ และยังมีสิทธิพิเศษต่างๆ ในเรือนประจำตระกูลด้วยหรือ” คนจำนวนมากพากันอิจฉา ฮูหยินใหญ่ฉานอวี้เยี่ยนเจินก็รู้สึกซับซ้อนในใจเหลือแสน นางก็เป็นคนของตระกูลอ๋องโหว ตนมีพลังระดับวังปฐมเทพชั้นที่สี่ ทั้งยังสมรสกับอิงซานเลี่ยฮู่นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอิงซานแล้ว นางจัดการเรื่องต่างๆ มานานปีก็เพิ่งจะขึ้นมาเป็นเพียงระดับสองเท่านั้น!
ยังห่างชั้นจากเด็กน้อยที่เพิ่งจะเกิดมาอยู่ขั้นหนึ่ง…แม้จะเป็นเพียงขั้นเดียว แต่ขั้นนี้กลับยิ่งใหญ่นัก
เนื่องจากทั้งจวนโหว นอกจากท่านโหวแล้ว ทั้งหมดก็มีผู้อาวุโสเพียงสิบห้าท่านเท่านั้น! หรือกล่าวได้ว่าผู้ที่มีสถานะสามารถเทียบกับเด็กน้อยได้มีเพียงผู้อาวุโสสิบห้าท่านเท่านั้น
“หรงซิงหลัน เจ้าสร้างคุณูปการใหญ่หลวง เลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับสองในจวนโหว!” ท่านโหวหั่วเลี่ยเอ่ยปากพูดยิ้มๆ มารดาสูงส่งเพราะบุตร นี่คือกฎของจวนโหว
“ขอบคุณท่านโหวเจ้าค่ะ” หรงซิงหลันตื่นเต้นหาใดเปรียบ เพียงพริบตาถลาขึ้นสู่ฟ้าในก้าวเดียวแล้วหรือนี่ นับจากนี้ไปก็จะมีบ่าวรับใช้เป็นฝูง จะออกไปไหนก็เป็นแขกที่ทหารรักษาการณ์จำนวนมากต้องดูแลแล้วหรือนี่
ผู้อาวุโสแห่งจวนโหวคนหนึ่งซึ่งมีหลังค่อมเอ่ยถามขึ้นว่า “หรงซิงหลัน ครั้งนี้เจ้าตั้งครรภ์นานเท่าใดกัน”
“ตั้งครรภ์สิบห้าปีเจ้าค่ะ” หรงซิงหลันตอบทันที เวลาที่ทารกแต่ละคนอยู่ในท้องล้วนต้องได้รับการบันทึกเอาไว้ อภิชาตบุตรอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงนี้ก็ยิ่งต้องบันทึกเอาไว้
“สิบห้าปีหรือ” ท่านโหวหั่วเลี่ยสะดุ้ง
“ไยจึงสั้นถึงเพียงนี้ได้เล่า” ผู้อาวุโสประจำตระกูลสองคนด้านข้างก็สงสัย
“สั้นเกินไปแล้ว แค่สิบห้าปีเท่านั้นเองหรือ” บรรดายอดฝีมือแทบจะทั้งหมดของจวนโหวที่เฝ้าดูอยู่รอบๆ นั้นต่างก็ตื่นตระหนกเหลือแสน เนื่องจากยิ่งบุตรที่ถือกำเนิดขึ้นมาไร้เทียมทานมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งอยู่ในครรภ์นานขึ้นเท่านั้น เรื่องนี้แทบจะเป็นความรู้ทั่วไป! หากตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในครรภ์สักสามสี่ร้อยปี พวกเขาก็จะไม่แตกตื่นอะไรนัก แต่กลับเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น พวกเขาจึงรู้สึกว่าตกใจ
“เดิมทีข้าต้องมิได้ออกมารวดเร็วถึงเพียงนี้หรอก” เสียงใสกังวานดังก้องขึ้น
ทันใดนั้นสายตาของบุคคลระดับสูงแทบจะทั้งหมดในจวนโหวก็จับจ้องมาที่ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง เด็กน้อยเจ้าเนื้อฟันขาวปากแดงเท้าเปล่าเปลือย ทว่าเด็กน้อยกลับพูดอย่างโมโหอยู่บ้างว่า “ข้ากำลังอยู่ในท้องท่านแม่อย่างสุขสบาย แสนสุขสบาย กลับได้ยินว่าข้างนอกมีผู้ที่ชื่อว่าพ่อบ้านเถียนจะบังคับกรอกน้ำยาพิษเข้าปากท่านแม่ข้า ท่านแม่ข้าดิ้นรนสุดชีวิตก็มิอาจขัดขวางได้ ข้าสามารถสัมผัสรับรู้ทุกสิ่งที่โลกภายนอกได้ รู้ว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว จึงรีบตัดขาดความสัมพันธ์กับสายรกในทันที และทำได้เพียงเกิดก่อนกำหนดเท่านั้น หากไม่เชื่อ พวกท่านสามารถตรวจสอบดูได้ จะต้องพบยาพิษอย่างแน่นอน” เขาพูดพลางชี้ไปทางก้อนเนื้อที่แยกออกมาก้อนนั้น
“อะไรนะ”
“ถูกบีบบังคับให้คลอดก่อนกำหนดอย่างนั้นหรือ”
“ยาพิษหรือ”
แต่ละคนในที่นั้นต่างพากันตกใจ ท่านโหวหั่วเลี่ยก็ยิ่งสีหน้าคล้ำเขียว ผู้อาวุโสบางคนถึงขั้นย้อนเวลาเพื่อตรวจสอบ แม้กาลมิติจะถูกรบกวนจนมองไม่เห็นฉากที่พ่อบ้านเถียนบีบบังคับ แต่ก็เพราะถูกรบกวนนี่เอง…จึงไม่ปกติ! นอกจากนี้การย้อนเวลาก็ทำให้พวกเขามั่นใจว่าตั้งครรภ์เพียงแค่สิบห้าปีจริงๆ
“แค่สิบห้าปีจริงด้วย สิบห้าปีก็บ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้ขึ้นมาได้ แต่กลับถูกบังคับให้คลอดก่อนกำหนด หากเป็นตามปกติแล้ว บ่มเพาะสักหลายร้อยถึงพันปี เกรงว่าสายเลือดก็คงเข้มข้นกว่ามาก เกิดมาก็เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งได้กระมัง” ทุกคนในที่นั้นต่างพากันใจสะท้าน คนจำนวนไม่น้อยพากันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เกิดออกมาก็เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วหรือ
ทั้งรัฐเมฆทักษิณา ผู้ที่เกิดมาเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งก็มีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้ พวกเขาล้วนได้รับการปกป้องและบ่มเพาะอย่างเต็มกำลัง แต่ละคนล้วนสำเร็จเป็นขั้นอลวนได้อย่างง่ายดาย แต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา ผู้ที่ได้เป็นอ๋องมีมากถึงสองคนด้วยกัน!
“บังอาจ!” ผู้อาวุโสประจำตระกูลร่างสูงผอมตะคอกอย่างโมโห “อภิชาตบุตรเช่นนี้ของตระกูลอิงซานเรากลับถูกบังคับให้คลอดก่อนกำหนด อยู่ในครรภ์เพียงสิบห้าปีเท่านั้น มิฉะนั้นแล้วอนาคตของเจ้าหนูอิงซานเสวี่ยอิงก็คงสูงกว่านี้มาก! ท่านโหวหั่วเลี่ย จวนโหวของท่านมีผู้ที่หาญกล้าฝ่าฝืนกฎของตระกูลอิงซานเราด้วย”
ท่านโหวหั่วเลี่ยก็มีเพลิงโทสะสูงเทียมฟ้าเช่นเดียวกัน
“อิงซานเลี่ยฮู่เล่า คนเป็นบิดาอย่างเขาไปอยู่ที่ไหนกัน” ท่านโหวหั่วเลี่ยมีเพลิงโทสะสูงเทียมฟ้า สายตาพลันกวาดมองไปคราหนึ่งก็ไม่เห็นบุตรชาย
“เขา เขาคงจะยังอยู่ในหอม่านเมฆน่ะ” ชายชราคนหนึ่งด้านข้างพูดเสียงต่ำ
อิงซานเลี่ยฮู่ พลังอ่อนแอ มักจะท่องไปตาม บุคคลระดับสูงผู้มีความสามารถอย่างแท้จริงภายในตระกูลล้วนคร้านจะไปมาหาสู่กับเขา จึงย่อมมิมีผู้ใดตั้งใจถ่ายเสียงไปบอกเขาโดยเฉพาะ ผู้เป็นบิดายังคงดื่มด่ำอยู่ภายในแหล่งเริงรมย์ ก็ช่างเป็นเรื่องน่าขันนัก ทว่าอิงซานเลี่ยฮู่มีบุตรตั้งสามร้อยสี่สิบคนแล้วก็ยังไม่เคยใส่ใจมาก่อน
“ตรวจสอบ ตรวจสอบ ตรวจสอบให้ข้าเสีย ว่าที่แท้แล้วผู้ใดลงมือกันแน่ ยังมีอีก จับตัวเจ้าทึ่มอิงซานเลี่ยฮู่นั่นกลับมาด้วย” เสียงของท่านโหวหั่วเลี่ยดังก้องไปทั่วฟ้า แต่ละคนรบด้านล้วนมิกล้าเปล่งเสียง ฉานอวี้เยี่ยนเจินยิ่งรู้สึกใจสะท้านไปหมด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น