Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 33 ตอนที่ 16-18

 ตอนที่ 16 ชาตินี้ ใช้หอกยาวอีก

Ink Stone_Fantasy

“ข้าขอหยิบมาดูหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยขึ้น ตัดตอนคำสาธยายยาวเหยียดที่ผู้ดูแลร้านเตรียมตัวจะพูด


“เชิญขอรับ” พ่อบ้านกล่าว


ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงยื่นมือออกไปคว้าหอกยาวเล่มนั้น เหนือผิวของหอกยาวมีรอยอักขระจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อกุมด้ามหอกเอาไว้ก็รู้สึกสบายนัก


ทันทีที่คว้าหอกยาวไว้ ด้ามหอกก็ประหนึ่งมังกร และส่งเสียงเหมือนปืนลั่นออกมา


พ่อบ้าด้านข้างเห็นเข้าก็ลอบร่ำร้องในใจ “คุณชายน้อยเสวี่ยอิงผู้นี้เหมือนจะเข้าใจวิถีหอกด้วยอย่างนั้นหรือ”


มือซ้ายของตงป๋อเสวี่ยอิงจับปลายสุดของด้ามหอกเอาไว้ มือขวาก็ลูบด้ามหอกเบาๆ ความรู้สึกคุ้นเคยแผ่ซ่านอยู่ในใจ ก่อนหน้าจะกลับชาติมาจุติ ตนก็ได้แก้ไขวิถีโลกเทียมเอง เขตลวงของโลกเทียมนั้นไม่เหมาะจะใช้หอกยาวห้ำหั่นประชิดตัว ดังนั้นตนจึงใช้หอกยาวการต่อสู้ประชิดตัวมานานแล้ว มาภายหลังกลับละทิ้งการต่อสู้ประชิดตัวไป


แต่เมื่ออยู่ในดินแดนจิตโลกา ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับตัดสินใจว่าจะแก้ไขทั้งสองเส้นทาง เส้นทางหนึ่งยังคงเป็นเส้นทางของเขตลวงโลกเทียม ซึ่งตนมีพรสวรรค์สูงมากอยู่แต่เดิมแล้ว ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งก็คือเส้นทางอากาศนั่นเอง! เพราะถึงอย่างไรเดิมทีตนก็สั่งสมเอาไว้อย่างหนาแน่นมาก่อนแล้ว เขาได้รับวิชาสืบทอดจากบรรพชนห้วงอากาศและจักรพรรดิเก้าเมฆา ทั้งยังมีเกราะของแม่ทัพโม่กู่ให้ได้รับรู้อีก นอกจากนี้เขายังไปรับรู้ในทางเดินโลกาพิศวงเป็นล้านล้านปี…เมื่อมีพื้นฐานเหล่านี้ รวมทั้งขณะที่ส่งถ่ายด้วยป้ายคำสั่งจิตโลกาได้สัมผัสถึงวิธีการใช้อากาศอีกอย่างหนึ่ง บวกกับในดินแดนจิตโลกา ตนก็ได้คารวะเข้าร่วมสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์อีกด้วย


ดังนั้นย่อมบำเพ็ญทั้งสองสายควบคู่กันไปเป็นธรรมดา!


วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า…ก็คือศาสตร์ลับต่อสู้ประชิดตัว! โดยทั่วไปสามารถใช้ร่างกายเป็นอาวุธได้ ทว่าก็สามารถใช้อาวุธอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน


“ชาตินี้ก็ใช้หอกยาวอีก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำเบาๆ


“วิ้ง”


จากนั้นเขาก็ใช้ความคิดแทรกซึมเข้าไปยังหอกยาวในมือ ก่อนหน้านี้ก็เป็นกลิ่นอายของหอกยาวนี้นั่นเองที่ดึงดูดเขา ครั้งนี้เขาจะต้องตรวจสอบให้ละเอียดยิ่งขึ้น


“ตู้มมม…” เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงแทรกซึมเข้าไป ก็มองเห็นบันไดน้ำวนดำมืดขนาดมหึมาอยู่แห่งหนึ่ง บันไดลึกเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย มิติก็พิสดารยากทำนายมากยิ่งขึ้น อากาศของดินแดนจิตโลกานั้นคล้ายคลึงกับอากาศของโลกกำเนิดที่ตนจากมาอยู่หลายส่วน ดังนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจึงสามารถเข้าใจความพิสดารบางส่วนของระดับลึกล้ำอย่างยิ่งได้อย่างสิ้นเชิง


เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงเสาะหา บันไดน้ำวนที่เขาสัมผัสรับรู้ก็ลงลึกเข้าไปไม่หยุดหย่อนอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ รอยอักขระบนด้ามหอกสว่างวาบขึ้นมา


ทันใดนั้นทั้งหมดก็พลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ


ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้วแล้วมองไปยังปลายหอกยาว ด้ามหอกยาวนั้นเป็นด้ามหอกสีเทาที่ธรรมดาสามัญมาก ปลายหอกกลับเป็นปลายหอกสีม่วงซึ่งแผ่กลิ่นอายทำลายล้างอันโหดเหี้ยมออกมา


“หัวหอกนี้มิได้เป็นหนึ่งเดียวกับด้ามหอกหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก


“คุณชายเสวี่ยอิงสายตาหลักแหลมนัก” ผู้ดูแลด้านข้างเอ่ยขึ้น “พวกเราได้เชิญบุคคลผู้สูงส่งมาตรวจดูแล้ว อาวุธลับล้ำค่าชิ้นนี้น่าจะหลอมขึ้นโดยเทพจักรวาล หัวหอกนี้มีการเสริมขึ้นในภายหลัง แต่ก็โหดเหี้ยมเหิมเกริมพอตัวทีเดียว”


ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับส่ายหน้าน้อยๆ


โหดเหี้ยมเหิมเกริมหรือ


ด้ามหอกและหัวหอกดั้งเดิมน่าจะสามารถสำแดงท่าไม้ตายอากาศที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งกระบวนหนึ่งได้แล้ว! นอกจากนี้ จะต้องเป็นกระบวนท่าระดับเทพจักรวาลอย่างแน่นอน การใช้อากาศเช่นนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่เคยเห็นเสียด้วยซ้ำไป หากเป็นหอกยาวที่สมบูรณ์…ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่า ต่อให้นำทั้งจวนโหวหั่วเลี่ยออกไปแลกเปลี่ยนก็คุ้มค่า


น่าเสียดายที่เหลือเพียงด้ามหอกเท่านั้น มูลค่าจึงลดลงเป็นอย่างมาก แม้จะเสริมหัวหอกเข้ามาในภายหลังแต่กลับธรรมดาสามัญเสียแล้ว


“คุณชายเสวี่ยอิง” ผู้ดูแลกล่าว “อาวุธลับล้ำค่าชิ้นนี้สูญเสียหัวหอกไป แต่หัวหอกที่เสริมขึ้นภายหลังนี้ก็ใช้กันมาเป็นล้านล้านกัลป์แล้ว อารุภาพไม่ธรรมดา ที่สำคัญก็คือราคาถูกมาก แค่สิบสองล้านแก้วผลึกจักรวาลเท่านั้น!”


เขาจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง


สิบสองล้านแก้วผลึกจักรวาล…ผู้ที่สามารถซื้อได้ในเมืองอัคคีโชติคาดว่าคงจะนับได้ในไม่เกินสองมือเท่านั้น! คุณชายน้อยเสวี่ยอิงที่ว่ากันว่าแม่เฒ่าอิงซานให้ความสำคัญเป็นอย่างมากผู้นี้น่าจะสามารถซื้อได้


“สิบสองล้านแก้วผลึกจักรวาลรึ” ผู้อาวุโสเถียนอี้จือที่อยู่ด้านข้างแค่นเสียงเฮอะ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิบสองล้านแก้วผลึกจักรวาลคือเท่าไหร่ สามารถซื้ออาวุธลับล้ำค่าที่สมบูรณ์ดีเล่มหนึ่งได้แล้วนะ”


ดินแดนจิตโลกามีเทพจักรวาลมากมาย สมบัติลับและอาวุธต่างๆ กลับพบเห็นได้บ่อยกว่าโลกทิพย์ของอากาศอันสับสนอลหม่านเสียอีก


ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูอยู่ข้างๆ


ราคาน่ะหรือ


เมื่อวิเคราะห์ด้วยความสำเร็จด้านอากาศที่แล้วมาของเขา หอกยาวเล่มนี้มีที่มาไม่ธรรมดา ลำพังแค่ด้ามหอกก็มีมูลค่าเกินหนึ่งร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลแล้ว! คาดว่าร้านค้าแห่งนี้คงจะไม่เคยเชิญยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนทางด้านอากาศมาดู มิเช่นนั้นแล้วคงจะไม่ตั้งราคาเช่นนี้เป็นแน่


ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีทางรับราคาที่อีกฝ่ายตั้งมาง่ายๆ เนื่องจากทั้งเนื้อทั้งตัวของเขามีอยู่เพียงสิบห้าล้านแก้วผลึกจักรวาลเท่านั้น! หากพูดถึงความร่ำรวย เกรงว่าเขาคงจะจัดเป็นอันดับสามในจวนโหวหั่วเลี่ย


ในจำนวนนั้น แปดล้านแก้วผลึกจักรวาลเป็นแม่เฒ่าอิงซานที่มอบให้! สองล้านแก้วผลึกจักรวาลโหวหั่วเลี่ยเป็นผู้มอบให้ โหวหั่วเลี่ยมอบคูหา ร้านค้า ที่ดินให้เป็นจำนวนมาก คูหาและร้านค้าเหล่านั้นล้วนสามารถเก็บค่าเช่าได้ โดยทั่วไปคนตระกูลอ๋องโหวล้วนสามารถใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยได้ก็เพราะมีคูหาและร้านค้าอยู่ในมือ จึงมีแก้วผลึกจักรวาลมากมายใช้สอยได้ไม่ขาดมือ แม้จะน้อย แต่ต้องรู้ไว้ว่าแก้วผลึกจักรวาลก้อนหนึ่ง…มีมูลค่าเท่ากับศิลาอลวนชั้นยอดหมื่นก้อน จึงสามารถใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยได้แล้ว


ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมมั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดว่าตนจะต้องอาศัยคูหาและร้านค้าเหล่านั้นในการดำรงชีวิต จึงได้ขายคูหาและร้านค้าเหล่านั้นให้กับจวนโหวไปตั้งนานแล้ว และได้แก้วผลึกจักรวาลมาห้าล้านก้อน


บัดนี้ทั้งหมดก็มีแก้วผลึกจักรวาลเพียงสิบห้าล้านก้อนเท่านั้น!


มั่งคั่งกว่าผู้อาวุโสของจวนโหวหลายๆ คนเสียอีก!


“ผู้อาวุโสเถียน ไม่พูดแล้ว สิบล้านแก้วผลึกจักรวาล นี่คือราคาสุดท้ายที่เจ้านายข้าจะให้ได้แล้ว” ผู้ดูแลท่านนั้นพูดอย่างจนใจ “คุณชายเสวี่ยอิง ว่ากันตามตรงเถิด หอกยาวเล่มนี้ ค้นพบโดยผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งที่ไปสำรวจโบราณสถานแห่งหนึ่งเมื่อสิบห้าปีก่อน พวกเขาโชคดีได้หอกยาวเล่มนี้มาแล้วยังเกิดการห้ำหั่นกันขึ้น ท้ายที่สุดมีเพียงสองท่านเท่านั้นที่ส่งหอกยาวมาให้ข้าที่นี่! นอกจากนี้ พวกเขายังถูกสหายที่ร่วมสำรวจโบราณสถานด้วยกันสังหารในร้ายของข้า ตอนนั้นวุ่นวายเป็นอันมาก ขอเพียงคุณชายเสวี่ยอิงสั่งให้คนมาสำรวจก็จะทราบเรื่องนี้แล้ว เจ้านายข้าวางแผนเอาไว้ก่อนแล้วว่า หากขายไม่ออกภายในระยะเวลาอันสั้น หลายล้านปีให้หลัง เขาจะกลับไปยัง ‘เมืองฟ้าทะมึน’ ของตระกูล ถึงตอนนั้นจะนำหอกยาวเล่มนี้ไปขายในเมืองฟ้าทะมึน ที่นั่นมียอดฝีมือมากกว่า ผู้ที่สามารถซื้อได้ก็มีมากกว่า”


ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็พยักหน้าน้อยๆ เขาเชื่อว่านี่มิใช่เรื่องลวง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อนนี้ ตนสามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย


“เอาล่ะ สิบล้านแก้วผลึกจักรวาล ข้าจะซื้อเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า


“ขอรับๆ” ผู้ดูแลดีใจใหญ่


เจ้านายตนเป็นเพียงคนของ ‘ตระกูลเทียนยิน’ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้น เขาถูกจัดให้มาดูแลการค้าอยู่ที่นี่ เมื่อขายได้ที่นี่ เจ้านายตนก็จะได้ประโยชน์มากทีเดียว หากส่งไปขายที่เมืองฟ้าทะมึน…ก็ต้องถูกคนในตระกูลช่วงชิงไป


“กำไรแล้วๆ นายท่านตั้งราคาต่ำสุดไว้ที่สิบล้าน ข้ายังคิดว่าจะขายไม่ออกเสียอีก! ตอนที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ ก็ซื้อมาเพียงสามล้านแก้วผลึกจักรวาลเท่านั้น” พ่อบ้านยินดีเป็นอันมาก ส่วนผู้ที่ไปสำรวจโบราณสถาน เสี่ยงอันตรายอยู่ภายนอกและใช้ชีวิตเป็นเดิมพันเหล่านั้นได้ไปสามล้านแก้วผลึกจักรวาลก็พึงพอใจมากแล้ว


เขากลับไม่รู้ว่า


อาวุธลับล้ำค่าที่ดูคล้ายจะไม่สมประกอบเล่มนี้ ด้ามหอกประกอบกับหัวหอกที่เสริมขึ้นภายหลัง อันที่จริงแล้วมูลค่าสูงกว่าร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลเสียอีก! เพียงแค่ในพื้นที่เล็กๆ ก็มีแต่โหวหั่วเลี่ยมาดูด้วยตนเองเท่านั้น  โหวหั่วเลี่ยผู้ไม่เชี่ยวชาญทางด้านอากาศก็ทำได้เพียงวิเคราะห์ว่าอาวุธลับล้ำค่าที่ไม่สมประกอบนี้หลอมขึ้นโดยเทพจักรวาล มิอาจเข้าใจถึงความล้ำค่าของมันได้อย่างแท้จริง


ไม่นานนัก ‘เทียนยินหลิวอวี้’ คนของตระกูลเทียนยินผู้นั้นก็เร่งมาด้วยตนเองเพื่อเจรจาการค้าครั้งนี้ให้ลุล่วง


“ฮ่าฮ่า คุณชายเสวี่ยอิง อีกไม่กี่วันข้าก็จะกลับเมืองฟ้าทะมึนแล้ว หากไปยังเมืองฟ้าทะมึนต้องบอกข้านะขอรับ ข้าจะรับรองเป็นอย่างดีแน่นอน” เทียนยินหลิวอวี้เบิกบานใจเป็นอันมาก ร้านค้าแห่งนี้ก็อยู่ภายใต้นามของเขา ก่อนหน้านี้ได้ใช้แก้วผลึกจักรวาลไปสามล้านก้อนเพื่อรับหอกยาวเล่มนี้เอาไว้ ก็แทบจะต้องทุ่มเทสมบัติทั้งหมดที่เขามีแล้ว เขาถึงขั้นนำสินค้าบางอย่างในร้านไปกู้ยืมแก้วผลึกจักรวาลมา


บัดนี้จู่ๆ ก็ได้กำไรเจ็ดล้านแก้วผลึกจักรวาลในพริบตา เทียนยินหลิวอวี้รู้สึกว่าตนไม่จำเป็นต้องรั้งรออยู่ในเมืองอัคคีโชติแล้ว แค่จัดลูกน้องเอาไว้ที่นี่ก็พอ เขาสามารถกลับเมืองฟ้าทะมึนได้แล้ว


เมืองฟ้าทะมึนมีเทพจักรวาลประจำการอยู่ ทั้งใหญ่โตและรุ่งเรืองกว่าที่นี่มาก


……


ตงป๋อเสวี่ยอิงก็นำหอกยาวเล่มนี้กลับไปยังจวนโหวด้วยความเบิกบานใจอย่างยิ่ง แล้วก็เข้าไปเก็บตัวในเจดีย์เทพอากาศ


ภายในเจดีย์เทพอากาศ


ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่บนศิลาก้อนใหญ่ซึ่งลอยคว้างอยู่กลางฟ้าพลางลูบไล้หอกยาวโบราณซึ่งมีกลิ่นอายโหดเหี้ยมเล่มนี้ด้วยความเบิกบานยินดีแทบล้นใจ เขาหวนนึกถึงคืนวันที่ตนฝึกหอกในตอนนั้น


“นี่คืออาวุธลับล้ำค่า ต่อให้สำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้วก็สามารถใช้งานได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มน้อยๆ “จากนี้ไปเจ้าต้องอยู่เคียงข้างข้าไปอีกนานแล้ว”


“วิ้ง”


หอกยาวเปล่งเสียงโหยหวนออกมา ในฐานะอาวุธลับล้ำค่าย่อมมีวิญญาณอยู่เป็นธรรมดา


ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มน้อยๆ ความรู้สึกที่ได้ใช้หอกยาวอีกครั้งก็ทำให้เขาเบิกบานมาก จากนั้นก็เริ่มรวบรวมสมาธิขึ้นมา “ควรบรรลุถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งได้แล้ว”


ตอนที่ 17 ยินดีจนแทบคลั่ง

Ink Stone_Fantasy

บนศิลาก้อนใหญ่ซึ่งลอยคว้างอยู่กลางฟ้า มิติที่รายล้อมรอบด้านสับสนวุ่นวาย ตงป๋อเสวี่ยอิงรวบรวมสมาธิอย่างสิ้นเชิง


มีสมบัติล้ำค่าที่แม่เฒ่าอิงซานและโหวหั่วเลี่ยมอบให้เพื่อหล่อเลี้ยงคนในตระกูลเป็นจำนวนมาก สายเลือดห้วงอากาศซึ่งเดิมทีมีเบาบางอย่างยิ่งนั้นก็เข้มข้นขึ้นมากทีเดียว แต่ก็ยังคงนับว่าอยู่ในระดับที่ ‘บางเบา’ อยู่นั่นเอง ทว่าระดับขั้นของตงป๋อเสวี่ยอิงสูงส่งอย่างยิ่ง จึงสามารถพบสายเลือดห้วงอากาศที่กบดานอยู่ภายในกายออกมาได้อย่างรวดเร็ว


“ตู้ม…”


การกระตุ้นสายเลือดห้วงอากาศในระดับที่ลึกขึ้นพลันเหนี่ยวนำให้เกิดการวิวัฒน์ของทุกอณูภายในกาย ซึ่งล้วนแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงจากโครงสร้างภายในอณู นี่คือการก้าวข้ามจากขั้นกำเนิดไปสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่ง ร่างกายยกระดับขึ้นอย่างพรวดพราด จึงย่อมดูดซับพลังฟ้าดินรอบด้านอย่างบ้าคลั่ง เจดีย์เทพอากาศตั้งใจนำมาใช้บำเพ็ญโดยเฉพาะ ภายในกลับมีน้ำวนคูหาดำมืดที่โหมซัดก่อตัวขึ้น พลังฟ้าดินโหมซัดจากกลางน้ำวนคูหาดำมืด ถูกร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงดูดซับเอาไว้


ชั่วขณะให้หลัง ร่างกายก็ก้าวเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว


“สามารถฝึกฝนร่างเมฆทักษิณาทิพย์ได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดีออกมา ร่างเมฆทักษิณาทิพย์เป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนร่างกายซึ่งแนบมากับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า หลังจากเข้าสำนักมาก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่กล้าฝึกฝน เพราะจะฝึกต่อไปก็ต้องก้าวเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งเสียก่อน


“ฟิ้วๆๆ…”


เขาโบกมือคราหนึ่ง บนศิลาก้อนใหญ่เบื้องหน้าก็มีดินโคลนสีเขียวเข้มกองหนึ่งวางอยู่


ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงเคล็ดวิชาร่างเมฆทักษิณาทิพย์ออกมา เมื่อโจรคราหนึ่ง ดินโคลนสีเขียวเข้มนี้ก็พลันเปล่งประกายสีเขียววิบวับแทรกเข้าไปในกายของตงป๋อเสวี่ยอิง…


ร่างเมฆทักษิณาทิพย์นี้ก็คือเคล็ดวิชาฝึกฝนร่างกายระดับยอดสุดของรัฐโบราณทั้งหก ข้อด้อยเพียงข้อเดียวก็คือสิ้นเปลืองเกินไป! ดูดซับสารสำคัญของวัตถุล้ำค่าจำนวนมากแล้วหลอมรวมเข้าไปในกาย ถือเอาร่างกายเป็นเหมือน ‘อาวุธลับล้ำค่า’ แล้วหลอมแปรขึ้นมา อีกทั้งเมื่อเทียบกันแล้วการหลอมแปรอาวุธลับล้ำค่าก็ง่ายดายกว่าอยู่บ้าง ร่างกายนั้นเกี่ยวโยงถึงวิญญาณ ขณะฝึกฝนก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น วัตถุล้ำค่าที่ต้องการก็จำกัดกว่า ต้องแลกมาด้วยสิ่งที่สูงค่ากว่าพอตัวเลยทีเดียว


“รอให้ในภายหน้าพลังของข้ามีผลสำเร็จ ก็ยังคงต้องอาศัยตนเองไปหาแก้วผลึกจักรวาล อาศัยแค่ที่โหวหั่วเลี่ยและแม่เฒ่าอิงซานมอบให้นั้น ย่อมไม่เพียงพออย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในข้อนี้ดี โหวหั่วเลี่ยก็เป็นเพียงยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น จะทุ่มสมบัติล้ำค่าให้หมดตัวจะได้สักเท่าใดกัน ส่วนแม่เฒ่าอิงซานมีสมบัติล้ำค่ามากมายนัก ทว่าที่มอบให้ชนรุ่นหลังจะมากมายสักเท่าใดกันเชียว


ยังต้องอาศัยตนเอง


แน่นอนว่าในช่วงแรก ด้วยความช่วยเหลือของตระกูลอิงซานก็น่าจะเพียงพอ และนี่ก็คือข้อดีของตระกูล อย่างพวกที่ไม่มีผู้หนุนหลังเหล่านั้น ยามอ่อนแอก็ต้องพยายามสุดชีวิตเพื่อเสาะหาทรัพยากรมา หากไม่มีทรัพยากร ความยากในการฝึกฝนก็มากกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่า อย่างเช่นการฝึก ‘ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์’ ซึ่งยากเข็ญอย่างยิ่งเป็นต้น


……


ครึ่งเดือนให้หลัง


ตงป๋อเสวี่ยอิงออกจากเจดีย์เทพอากาศ เขาแหงนหน้ามองแวบหนึ่ง เกล็ดหิมะโปรยปราย


“หิมะตกแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง


“อะไรนะ” เถียนอี้จือมองคุณชายของตนด้วยความตกตะลึง กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากหนุ่มน้อยรูปงามตรงหน้ายิ่งใหญ่เป็นถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว


“ขั้นรวมเป็นหนึ่งหรือ แปด แปดพันปี นี่เพิ่งจะแปดพันปีเองหรือ” เถียนอี้จือไม่อยากจะเชื่อ สำหรับเทพอากาศแล้ว เวลาแปดพันปีก็แค่เหมือนงีบไปครู่หนึ่งเท่านั้น


“ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ตั้งนานแล้ว ผู้อาวุโสเถียน ไปกันเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว


“อื้อ” เถียนอี้จือรับคำ สิงห์เมฆาทะมึนสองตนด้านข้างก็ตะลึงงันไปหมด ทว่าก็รีบตามไปทันที


วิ้ง


ค่ายกลซึ่งปกคลุมจวนโหวขนาดมหึมาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของตงป๋อเสวี่ยอิง วิญญาณค่ายกลนำข่าวนี้ไปรายงานให้โหวหั่วเลี่ยทราบทันที


******


โหวหั่วเลี่ยนั่งอยู่ใต้ศาลาริมทะเลสาบพลางดื่มสุราเพียงลำพัง


เกล็ดหิมะโปรยปลิว


“ท่านโหว” สตรีนางหนึ่งด้านข้างเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพ


“เรื่องอาวุธลับล้ำค่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” โหวหั่วเลี่ยพูดเสียงเรียบ “มิได้ถูกหลอกกระมัง”


ก่อนหน้านี้เขาทราบมาว่าอิงซานเสวี่ยอิงได้ใช้แก้วผลึกจักรวาลสิบล้านก้อนซื้อสมบัติลับมา ชั่วแวบแรกก็คิดว่าอาจจะถูกหลอกลวงเสียแล้ว


สมบัติลับที่มีคุณสมบัติเรียกได้ว่าสมบัติลับ โดยทั่วไปต้องมีราคากว่าสิบล้านแก้วผลึกจักรวาล!


เจ้าหนุ่มที่เพิ่งเกิดมาเพียงแปดพันปีจะไปรู้จักสมบัติลับอะไรกัน ตอนนั้นโหวหั่วเลี่ยก็โมโห เขารู้สึกว่าอาจจะมีผู้ที่อาจหาญหมายตาแก้วผลึกจักรวาลของอิงซานเสวี่ยอิง ดังนั้นจึงสร้างเรื่องหลอกลวงขึ้นมา


ทว่าเมื่อได้รู้ว่าเป็นร้านค้าของ ‘เทียนยินหลิวอวี้’ คนตระกูลเทียนยิน โหวหั่วเลี่ยก็มิได้ผลีผลามทำอะไร หากแต่สั่งให้คนไปตรวจสอบโดยละเอียด


หญิงสาวพูดด้วยความเคารพว่า “อาวุธนั้นเป็นหอกยาวเล่มหนึ่งที่พวกขั้นรวมเป็นหนึ่งพบเข้าขณะสำรวจโบราณสถานเมื่อสิบห้าปีก่อน ทั้งยังเคยสังหารกันและกันด้วย ภายหลัง พวกเขากลับเมืองแล้วก็ได้ขายหอกยาวเล่มนั้นให้กับร้านของเทียนยินหลิวอวี้ด้วยราคาสามล้านแก้วผลึกจักรวาล ตอนนั้นเมื่อพวกเขาอยู่ในร้านก็ยังพบการไล่สังหารจากสหายร่วมทางที่โชคดีรอดชีวิตมาได้ ตอนนั้นแม่ทัพหั่วเลี่ยแห่งจวนโหวของพวกเราก็เคยส่งทหารออกไปจับตัวสหายของเขามาไต่สวนเรื่องการไล่ล่า”


โหวหั่วเลี่ยได้ฟังแล้วคิ้วก็คลายออก


ที่ชุมชนของล้ำค่า ร้านค้าล้วนแต่ตระหนี่ถี่เหนียวด้วยกันทั้งสิ้น พวกเขายินดีทุ่มสามล้านแก้วผลึกจักรวาลเพื่อซื้อเอาไว้ อิงซานเสวี่ยอิงใช้แก้วผลึกจักรวาลสิบล้านก้อนเพื่อซื้อจากในร้าน ก็ไม่ขาดทุนมากสักเท่าใดนัก


ขอแค่มิใช่เรื่องหลอกลวง โหวหั่วเลี่ยก็ไม่มีทางสอดมือยุ่งเกี่ยว


“ด้ามหอกยาวมิใช่ธรรมดา น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้หัวหอกขาดหายไป จึงเป็นหัวหอกที่เสริมขึ้นในภายหลัง” หญิงสาวกล่าว “ดังนั้นจึงเป็นราคานี้ คุณชายเสวี่ยอิงคงจะไม่ขาดทุนหรอก”


“ใช่” โหวหั่วเลี่ยพยักหน้า


“นอกจากนี้ แขกของเจ้าของหอฉุนอวี้เฟิงซึ่งปะทะกับคุณชายเสวี่ยอิงบนถนนผู้นั้นก็ได้ตรวจสอบแล้ว” หญิงสาวเอ่ย “มีนามว่า ‘กานก้านเสวีย’ มิได้มีชื่อเสียงอันใด เพียงแต่ทำการค้าประเภทที่พบหน้าผู้คนมิได้ก็เท่านั้นเอง”


โหวหั่วเลี่ยพยักหน้าเบาๆ


ในฐานะที่หอม่านเมฆเป็นแหล่งผลาญเงินที่ใหญ่ที่สุด ก็ย่อมมีธุรกิจที่นอกกฎหมายบ้างเป็นธรรมดา


“จับตามองต่อไป” โหวหั่วเลี่ยกำชับ ผู้ปกครองสูงสุดของเมืองอัคคีโชติมักส่งคนไปจับตามองผู้ที่มีความเป็นมาพิเศษอยู่เสมอ


“เจ้าค่ะ” หญิงสาวรับคำด้วยความเคารพ


โหวหั่วเลี่ยฉวยจอกสุราดื่มไปจอกหนึ่ง ทันใดนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไป


“นายท่าน คุณชายอิงซานเสวี่ยอิงบรรลุถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว” เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นข้างหูเขา


ฟิ้ว!


โหวหั่วเลี่ยลุกพรวดขึ้นทันที ทำให้สตรีข้างกายสะดุ้งก่อนจะมองไปทางท่านโหวของตน


“ขั้นรวมเป็นหนึ่งหรือ ก้าวเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วหรือ” โหวหั่วเลี่ยตกใจระคนยินดี เขาตื่นเต้นจนต้องพูดละล่ำละลักว่า “นี่เพิ่งจะแปดพันปีเท่านั้นเอง เกิดมาแปดพันปีก็สามารถบรรลุถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งได้แล้ว”


ความเร็วนี้น่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว


ตามสถานการณ์ปกติ ผู้ที่เกิดมาแล้วเป็นขั้นกำเนิดทั้งหลาย ใช้เวลาสักสิบล้านปีในการบรรลุถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งจึงเรียกได้ว่าปกติ


“ท่านบรรพชนกล่าวไว้ไม่มีผิด” นัยน์ตาทั้งสองของโหวหั่วเลี่ยเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นหาใดเปรียบ “เจ้าหนุ่มเสวี่ยอิงผู้นี้ถูกบีบบังคับให้คลอดก่อนกำหนด แต่ความสามารถที่ซ่อนอยู่ก็ยังคงแข็งแกร่งอย่างยิ่งอยู่ดี พอมีหวังจะให้ขุดค้นออกมาได้ สมบัติล้ำค่าที่มอบให้เพื่อหล่อเลี้ยงสายโลหิตเหล่านั้นช่างให้ไปได้ถูกต้องจริงๆ! หากเป็นการตั้งครรภ์ตามปกติ คาดว่าเจ้าหนุ่มเสวี่ยอิงผู้นี้คงจะอยู่ในครรภ์หลายร้อยปีหรือนับพันปีได้เลยกระมัง พอเกิดมาก็คงจะเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว ตอนนี้ใช้เวลามากอีกหน่อย แต่ก็ใช้เวลามากกว่าเพียงแค่สิบเท่า แปดพันปีก็สำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว”


โหวหั่วเลี่ยพึงพอใจมาก


ในประวัติศาสตร์ของรัฐเมฆทักษิณา ผู้ที่เกิดมาก็เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งนั้นมีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้ แต่ละคนล้วนสำเร็จเป็นขั้นอลวนได้อย่างง่ายดาย! แล้วมีถึงสองคนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง!


คลอดก่อนกำหนด สามารถสำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ในแปดพันปี…


เพิ่มจากสำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งตั้งแต่อยู่ในครรภ์มาเพียงสิบเท่าเท่านั้น


“เพราะคลอดก่อนกำหนดจึงทำให้เกิดผลกระทบอยู่บ้าง” โหวหั่วเลี่ยมีรอยยิ้มระบายเต็มหน้าอย่างอดมิได้“ทว่ามิได้มากนัก ฮ่าฮ่าฮ่า เห็นทีจวนโหวหั่วเลี่ยเราคงจะมีขั้นอลวนเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งแล้ว”


แม้ถึงเวลานั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจะได้รับแต่งตั้งเป็นโหวและตั้งเมืองเปิดจวนโหวขึ้นมา  แต่ความสัมพันธ์ของเขากับโหวหั่วเลี่ยกลับมิอาจเปลี่ยนแปลง


เพราะถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็นับว่าเป็นสายตระกูลเดียวกับโหวหั่วเลี่ย! หากนับกันจริงๆ แล้ว โหวหั่วเลี่ยก็คือท่านปู่ของเขานั่นเอง!


“ต้องรีบบอกท่านบรรพชนเสียแล้ว” โหวหั่วเลี่ยรีบส่งข่าวให้แม่เฒ่าอิงซานทันที


ตอนที่ 18 กำจัดเขาทิ้ง

Ink Stone_Fantasy

ตงป๋อเสวี่ยอิงยังอยู่เป็นเพื่อนหรงซิงหลันผู้มารดาและพี่สาว กินไปพลาง พูดคุยไปพลาง


หรงซิงหลันก็เบิกบานใจเป็นอันมาก เพราะก่อนหน้านี้บุตรชายตนเก็บตัวมาถึงหกพันกว่าปี นางจึงมิได้พบบุตรชายนานแล้ว บัดนี้นางมีสถานะสูงล้ำ เมื่อออกคำสั่งไปคราหนึ่ง บรรดาสาวใช้ก็กุลีกุจอนำเอาหารรสเลิศมาเรียงให้


“แม้การบำเพ็ญจะสำคัญ แต่ลูกแม่ก็อย่าลำบากลำบนเกินไปล่ะ” หรงซิงหลันพูดยิ้มๆ “แม้แม่จะรู้อะไรไม่มากนัก แต่หลายปีมานี้ก็ได้อ่านคัมภีร์มากมาย และรู้ว่าการบำเพ็ญจิตก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน จะมีอนาคตอันกว้างได้ ก็ต้องบำเพ็ญจิตด้วย ถึงอย่างไรลูกแม่ก็ประสบอะไรมาน้อยเกินไปหน่อย”


“ลูกเข้าใจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดอย่างเชื่อฟัง


หรงซิงหลันยิ้มเจิดจ้ามากขึ้น นางชอบบุตรชายของตนเอง แต่กลับมิกล้ารบกวนเกินไป ด้วยเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อบุตรชาย ทำได้เพียงมองดูอยู่ข้างๆ เท่านั้น ทว่าบัดนี้นางมีสถานะแตกต่างออกไปแล้ว ของล้ำค่าต่างๆ ก็มีอยู่มากมาย อาศัยระบบการบำเพ็ญสายโลหิตก็สามารถสำเร็จเป็นเทพแท้ได้อย่างง่ายดาย เมื่อไม่มีขีดจำกัดของอายุขัย ก็ย่อมสงบจิตสงบใจได้มากกว่า


“เสวี่ยอิง” เสียงหนึ่งสะท้อนก้องไปรอบด้าน


หรงซิงหลันและอิงซานซีเยว่สะดุ้ง ผู้ใดที่กล้าบุกรุกจวนของอิงซานเสวี่ยอิงกันเล่า


ตงป๋อเสวี่ยอิงก็หันไปมองเช่นกัน


ทันใดนั้นกลางอากาศก็มีเงาร่างสองสายบินลงมาเคียงข้างกัน คนหนึ่งย่อมเป็นโหวหั่วเลี่ย แต่เขากลับยืนอยู่หลังยายเฒ่าอีกคนหนึ่ง ยายเฒ่าคนนั้นกำลังหัวเราะพลางมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง โหวหั่วเลี่ยกลับแค่นเสียงเฮอะ “ยังไม่รีบมาคารวะท่านบรรพชนอีกรึ”


“เสวี่ยอิงคารวะท่านบรรพชน” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รีบยืดกายขึ้นทำความเคารพ


หรงซิงหลันและอิงซานซีเยว่ที่อยู่ด้านข้างได้ฟังแล้วก็ตกใจใหญ่ ทั้งตระกูลอิงซานมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอจะเรียกได้ว่าเป็นท่านบรรพชน นั่นก็คือแม่เฒ่าอิงซานผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรไปทั่วทั้งรัฐเมฆทักษิณา! พวกนางสองคนรีบลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้และคุกเข่าลงข้างๆ


“ลุกขึ้นเถิด” แม่เฒ่าอิงซานโบกมือคราหนึ่ง หรงซิงหลันและอิงซานซีเยว่พากันลุกขึ้น


 แม่เฒ่าอิงซานเดินไปนั่งที่ม้านั่งด้านข้าง โหวหั่วเลี่ยยืนอยู่ข้างกายนาง แม่เฒ่าอิงซานก็มองสำรวจตงป๋อเสวี่ยอิงโดยละเอียด


เจ้าหนุ่มที่ดูท่าจะยังเยาว์วัยคนนี้


ยังอ่อนวัยมาก แต่กลับเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วหรือ


“หั่วเลี่ยดูแลจวนโหวแห่งหนึ่งก็ยังทำได้ไม่ดีเลย ทำให้ตอนนั้นเจ้าต้องคลอดก่อนกำหนด” แม่เฒ่าอิงซานพูดกลั้วหัวเราะ “ยังดีที่แค่แปดพันปีเจ้าก็สำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว แม้การคลอดก่อนกำหนดจะส่งผลกระทบอยู่บ้าง แต่ก็มิได้ส่งผลกระทบมากมายจนเกินไปนัก”


“เคราะห์ดีที่มีสมบัติล้ำค่าที่ท่านบรรพชนและท่านโหวมอบให้” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว


“สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงของนอกกายเท่านั้น ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะเจ้ามีความสามารถที่ซ่อนอยู่ไม่ธรรมดา” แม่เฒ่าอิงซานโบกมือคราหนึ่ง กำไลวงหนึ่งก็ลอยมา “บำเพ็ญให้ดีๆ เถิด ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า จะสำเร็จเป็นขั้นอลวนก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ข้าหวังว่าจะมีสักวันที่ท่านประมุขรัฐจะแต่งตั้งเจ้าเป็นอ๋องด้วยตนเอง คิดจะเป็นอ๋อง อาศัยแค่สายโลหิตเพียงอย่างเดียวก็ไม่พอหรอก จะต้องบำเพ็ญจิต ต้องเคี่ยวกรำตนเองเป็นอย่างมากเพื่อสั่งสมด้วย”


โหวหั่วเลี่ยฟังแล้วก็ทอดถอนใจ


แต่งตั้งเป็นอ๋องหรือ


จะต้องบุกฝ่าชั้นที่เก้าของวังปฐมเทพให้ได้เสียก่อน จึงมีคุณสมบัติได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง


 แม่เฒ่าอิงซานพยักหน้า นางก็แค่ตั้งเงื่อนไขที่สูงเท่านั้นเอง นางรู้สึกว่าคงจะสำเร็จเป็นขั้นอลวนได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างมากที่สุดก็แค่ใช้เวลาบ้างก็เท่านั้น ส่วนจะได้รับ ‘แต่งตั้งเป็นอ๋อง’ ก็ยากมากจริงๆ แล้ว เพราะมีเงื่อนไขของระดับจิตที่สูงอย่างยิ่ง ต่อให้เกิดมาแล้วมีสายโลหิตสูงส่งกว่านี้ ก็ไม่มีความสัมพันธ์กับการบำเพ็ญจิตแต่อย่างใด ยังคงต้องอาศัยตนเองไปเคี่ยวกรำอยู่ดี


ชาติก่อนระดับจิตของตงป๋อเสวี่ยอิงบรรลุถึงขั้นจิตข้าคือจิตฟ้า มิใช่เรื่องง่ายเลย


“เสวี่ยอิงจะพยายามเต็มที่ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าพลางรับกำไลมา ก่อนจะหลอมแปรเพื่อสำรวจดู เมื่อสำรวจแล้วก็อดหัวใจเต้นแรงมิได้!


แก้วผลึกจักรวาลกองเป็นภูเขาเลากา เขาลองใช้จิตส่องดูคร่าวๆ ก็มั่นใจได้ว่ามีแก้วผลึกจักรวาลถึงห้าสิบล้านก้อน! เป็นจำนวนมากมายยิ่งนัก


“บำเพ็ญให้ดีๆ เถิด แก้วผลึกจักรวาลล้ำค่านัก จากนี้ไปจะซื้อสมบัติล้ำค่าก็ต้องรอบคอบให้มาก” โหวหั่วเลี่ยก็โยนกำไลเก็บวัตถุอีกวงหนึ่งมาให้เช่นกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รับไว้ เมื่อสำรวจดูก็พบว่าภายในมีแก้วผลึกจักรวาลถึงแปดล้านก้อน เมื่อนับดูแล้ว โหวหั่วเลี่ยเคยมอบแก้วผลึกจักรวาลให้ตนถึงสิบห้าล้านก้อนแล้ว สำหรับโหวหั่วเลี่ย ก็นับว่าเป็นภาระหนักหน่วงเลยทีเดียว


ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมรับเอาไว้ ชาตินี้เกิดมาเป็นลูกหลานตระกูลอิงซาน เขาก็ยินดีจะรับผลประโยชน์เหล่านี้เอาไว้ ในภายหน้าก็จะรับภาระต่างๆ ที่ควรทำ และนี่ก็คือสิ่งที่แม่เฒ่าอิงซานและโหวหั่วเลี่ยตั้งตารอคอย


……


“อะไรนะ”


“แม่เฒ่าอิงซานโชคดีถึงขนาดนี้เชียวหรือ ในบรรดาทายาทรุ่นหลังของนาง มีคนที่เกิดมาเพียงแปดพันปีก็สำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ”


“ท่านอาจารย์ ได้ยินมาว่าเจ้าคนชื่ออิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นอยู่ในครรภ์เพียงสิบห้าปีก็ถูกบังคับให้คลอดก่อนกำหนดเสียแล้ว ตระกูลอิงซานยังได้มอบสมบัติล้ำค่าที่หล่อเลี้ยงสายโลหิตจำนวนมากให้เจ้าหนุ่มนั่นใช้ เพียงแปดพันปีเขาก็สำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว”


……


“ในภายหน้าตระกูลอิงซานก็จะมีโหวเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว”


……


“เกรงว่ายายเฒ่าตระกูลอิงซานผู้นั้นคงจะหัวเราะจนปากแทบเบี้ยวแล้วกระมัง”


……


ขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ทั่วทั้งรัฐเมฆทักษิณาต่างก็ล่วงรู้ข่าวนี้อย่างรวดเร็ว และจดจำชื่อของอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เอาไว้ เนื่องจากชื่อนี้จะต้องได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องหรือโหวอย่างแน่นอน


ส่วนภายในเมืองอัคคีโชติ ‘ฉานอวี้เยี่ยนเจิน’ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในจวนที่บุตรชายจัดเตรียมไว้ให้มาตลอดได้ข่าวแล้วก็มึนงงไปหมด “อะไรกัน ลูกของนางแพศยานั่น แค่แปดพันปีก็สำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วรึ จากนี้ไปก็แทบจะได้รับแต่งตั้งเป็นโหวอย่างแน่นอนแล้วกระมัง ทำอย่างไรดีๆ เขาจะผูกใจเจ็บหรือไม่ หลังจากแต่งตั้งเป็นโหวแล้วจะสังหารข้าทันทีเลยหรือไม่”


******


ท่ามกลางเมฆดำทะมึนขนาดมหึมาที่ม้วนตัวอยู่ มีวังโบราณแห่งหนึ่งตั้งอยู่


ภายในวัง


เงาร่างบึกบึนซึ่งมีเขาโค้งสีดำนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น รออบผิวกายมีกระแสอากาศสีดำอันเยียบเย็นดุจน้ำแข็งปกคลุมเอาไว้ทั้งหมด


“เจ้าหนุ่มอิงซานเสวี่ยอิงที่เจ้าบอก เป็นคนของจวนโหวหั่วเลี่ยแห่งตระกูลอิงซานหรือ”เงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำพูดเสียงต่ำ นัยน์ตาสีแดงโลหิตคู่นั้นเหลือบมองลงไปเบื้องล่าง


“ท่านอาจารย์ขอรับ ศิษย์ไม่มีทางทำพลาดเด็ดขาด หากว่ากันอย่างจริงจังแล้ว อิงซานเสวี่ยอิงเป็นบุตรของ ‘อิงซานเลี่ยฮู่’ บุตรชายคนรองของโหวหั่วเลี่ย” บุรุษอาภรณ์แดงที่อยู่เบื้องล่างพูดอย่างเคารพ


“โหวหั่วเลี่ยหรือ”


เงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “คิดไม่ถึงว่าเขาจะเดินมาไกลถึงเพียงนี้!”


บุรุษอาภรณ์แดงมีท่าทีเชื่อฟัง ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา


เขาเข้าใจดีว่าความแค้นระหว่างอาจารย์ของตนและโหวหั่วเลี่ยนั้นเข้มข้นเพียงใด เขายังรับหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของโหวหั่วเลี่ยมาอย่างยาวนานอีกด้วย


……


ภายในเมืองอัคคีโชติ หอม่านเมฆ


หอม่านเมฆทอดยาวต่อเนื่องกัน มีม่านเมฆรายล้อม ราวกับสถานที่ในความฝันก็มิปาน ภายในจวนที่ค่อนข้างลับแห่งหนึ่ง


“คืดไม่ถึงว่าคุณชายเสวี่ยอิงผู้นั้นจะสำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ภายในเวลาเพียงแปดพันปี” บุรุษร่างอ้วนท้วนนั่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้บรรดาสาวงามด้านข้างปรนนิบัติป้อนผลไม้ให้เขา แต่ใบหน้าเขากลับคร่ำเคร่ง


เขาไม่เคยปล่อยวางมาตลอด


เขาคิดอยากแย่งสตรีนาม ‘เหยียนอวี๋’ ผู้นั้นมาไว้ในมือมาตลอด นั่นคือตัวยาที่เขาปรารถนา


“เจ้าสวะฉุนอวี้เฟิงนั่น” บุรุษร่างอ้วนท้วนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน


ก่อนหน้านี้ฉุนอวี้เฟิงยังรับปากว่าจะคิดหาวิธีให้ แต่หลังจากตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว ฉุนอวี้เฟิงก็ปฏิเสธทันที แสดงให้เห็นว่าไม่อยากมีส่วนร่วม เพราะถึงอย่างไรจะต้องล่วงเกินสิ่งมีชีวิตที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นโหวในภายหน้าอย่างแน่นอน ฉุนอวี้เฟิงมิได้โง่งมถึงเพียงนั้น


“เอ๊ะ” ทันใดนั้นบุรุษร่างอ้วนท้วนก็สะดุ้งเฮือก


“ถอยไปให้หมด” บุรุษร่างอ้วนท้วนยืดกายขึ้น


“เจ้าค่ะ” บรรดาสาวงามรอบกายต่างก็ถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง


บุรุษร่างอ้วนท้วนกลับเข้าไปภายในห้องเงียบของจวนหลังนี้อย่างรวดเร็ว ห้องเงียบนั้นปลอดภัยมาก ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ตัวบุรุษร่างอ้วนท้วนเองยังพกสมบัติล้ำค่าที่ส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบเอาไว้อีกด้วย


“วิ้ง”


ทันใดนั้นเงาร่างสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกายบุรุษร่างอ้วนท้วน ซึ่งก็คือเงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำซึ่งมีหมอกสีดำปกคลุมอยู่


“กานก้านเสวียคารวะนายท่านขอรับ” บุรุษร่างอ้วนท้วนรีบคุกเข่าลง อวัยวะทั้งห้าสัมผัสพื้น เคารพนบนอบเหลือประมาณ


“เจ้ารู้จักอิงซานเสวี่ยอิงหรือไม่ คนตระกูลอิงซานที่สำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งหลังจากเกิดมาแปดพันปีผู้นั้น” เงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำเอ่ยปากพูด น้ำเสียงเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง


“รู้แล้ว” บุรุษร่างอ้วนท้วนตอบทันที


“ข้าอนุญาตให้เจ้าปรับเปลี่ยนกำลังคนในสิบสองเมืองโดยรอบได้ แก้วผลึกจักรวาลในมือเจ้าก็สามารถใช้ได้ทั้งหมด เพื่อสังหารอิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นให้ข้าโดยเร็วที่สุด” เงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำพูดเสียงเย็นชา


“สังหารอิงซานเสวี่ยอิงหรือ” บุรุษร่างอ้วนท้วนสะดุ้งน้อยๆ


เงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำเหลือบลงมองเขา


บุรุษร่างอ้วนท้วนกล่าวขึ้นว่า “ขอรับๆ นายท่านวางใจเถิด ข้าจะต้องทำให้ได้สุดกำลังอย่างแน่นอน”


“อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ มิเช่นนั้นแล้ว เจ้าก็รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร” เสียงของเงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำสงบมาก แต่กลับทำเอาบุรุษร่างอ้วนท้วนสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้ นั่นคือความหวาดหวั่น ความหวาดหวั่นจากก้นบึ้งของหัวใจ


“ขอรับๆ ข้าจะต้องสังหารเขาอย่างแน่นอน” บุรุษร่างอ้วนท้วนกล่าว


“โหวหั่วเลี่ย…” นัยน์ตาสีแดงโลหิตของเงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำฉายแววอาฆาตอันเข้มข้น “ฆ่าเจ้าไม่ได้ ฆ่าขั้นอลวนในอนาคตของจวนโหวของเจ้าแทน กำจัดทิ้งเสียก่อน เจ้าคงจะโกรธจนแทบคลั่งกระมัง ฮ่าฮ่า…”


เงาร่างนั้นค่อยๆ สลายไป


บุรุษร่างอ้วนท้วนจึงยืดกายขึ้นแล้วกระแอมครั้งแล้วครั้งเล่า ความร้อนรนในใจกดดันเข้ามา เขาไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าไม่มีทางหักหลังเจ้านายได้ เพราะผลของการหักหลัง แค่คิดก็ตัวสั่นงันงกแล้ว


“ยังดีที่อิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นเพิ่งจะสำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้น คาดว่าตอนนี้คงจะมีพลังเพียงวังปฐมเทพระดับชั้นที่หนึ่งหรือสองเท่านั้น ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย สิ่งที่ยุ่งยากเพียงอย่างเดียวก็คือ จวนโหวหั่วเลี่ยจะต้องปกป้องเขาอย่างสุดกำลังแน่นอน” บุรุษร่างอ้วนท้วนขบกรามกรอด “นายท่านอนุญาตให้ข้าปรับเปลี่ยนกำลังคนในสิบสองเมืองโดยรอบได้ แม้แต่รายได้ทั้งหมดในคราวนี้ก็สามารถใช้ได้อย่างนั้นหรือ อื้ม จะต้องคิดหาวิธีที่ไม่เสียหายเลย ไม่เคลื่อนไหวก็แล้วไปเถิด หากเคลื่อนไหวขึ้นมาจะต้องไม่ให้โอกาสเขาเลย หากคุณชายเสวี่ยอิงผู้นั้นไม่ตาย ข้าก็ต้องตายแทน”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)