Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 33 ตอนที่ 10-12
ตอนที่ 10 วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า
Ink Stone_Fantasy
ตงป๋อเสวี่ยอิงเสาะหาตำราที่คล้ายคลึงกันภายในหอตำราสะสมมาเปิดอ่าน กว่าครึ่งเดือนเขาจึงได้หยุดดู
กว่าครึ่งเดือนนี้ แกะรอยโบราณสถาน ขุมทรัพย์วังมหิงสาชาด… ภายในหอตำราสะสมมีบันทึกอันกระท่อนกระแท่นของโบราณสถานนานาชนิดอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดาออกว่าส่วนใหญ่ล้วนไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้น สิ่งที่บันทึกอยู่นั้นคาดว่าล้วนเป็นที่รู้กันทั่วมาช้านานแล้ว ในระหว่างสงครามประเทศโบราณอันน่าหวาดหวั่นสองครั้ง ในระหว่างนั้นบรรดาผู้แกร่งกล้าจำนวนนับไม่ถ้วนตายตกไป หรือแม้กระทั่งเทพจักรวาลก็พากันตายตกไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เช่น ‘เจ้าของวังมหิงสาชาด’ ก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ที่สุดหลายคนที่ตายตกไป เทพจักรวาลที่ตายไปด้วยน้ำมือเขาก็มีกว่าหลายสิบคน ตงป๋อเสวี่ยอิงประเมินว่าเขาคงจะเป็นระดับขั้นเดียวกันกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์
นี่ก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจว่าที่ดินแดนจิตโลกา ผู้ที่มีระดับขั้นเดียวกันกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์นั้นก็ได้ตายตกกันไปหลายคนเลยทีเดียว
ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น เกรงว่าคงมีมากกว่าเสียอีก!
“ดินแดนจิตโลกาที่น่าหวาดหวั่นนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
ถึงแม้ว่าต่างก็เป็นโลกกำเนิดเหมือนอากาศอันสับสนอลหม่าน แต่พื้นฐานลึกล้ำกว่ามาก มิน่าเล่า โอกาสที่ ‘หยวน’ ทิ้งเอาไว้จึงเป็นการให้ชนรุ่นหลังอย่างตนได้เข้ามายังดินแดนจิตโลกา
“ผู้ที่กลับชาติมาเกิดยังดินแดนจิตโลกาเช่นข้า คงจะมิได้มีอยู่เพียงคนเดียวกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
“นอกจากนี้ ดูเหมือนว่ารัฐเล็กๆ จะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พบภยันตรายในนั้นด้วย
รัฐเมฆทักษิณาตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ หกรัฐโบราณ ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ ทางทิศใต้ของรัฐโบราณคิมหันตวายุจนกระทั่งถึง ‘ทะเลกาฬอเวจี’ มีรัฐประเทศอยู่ทั้งสิ้นสี่แห่ง กับทะเลสาบอันกว้างใหญ่อย่างยิ่งแห่งหนึ่ง
ทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งนั้น…
เป็นสถานที่อันตรายซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา พื้นที่บริเวณนี้สับสนอลหม่านอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ยังอยู่ที่นี่ แต่เพียงก้าวเดียวก็สามารถออกไปได้ไกลถึงล้านล้านลี้แล้ว ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่พญามารจำนวนมากพากันมาหลบซ่อนตัวอยู่! อย่างเช่นมารจำนวนมากที่หลบหนีออกมาจากรัฐโบราณคิมหันตวายุ ทั้งยังมีมารจากที่อื่นๆ ในดินแดนจิตโลกาก็พากันมารวมตัวอยู่ที่นี่
ดังนั้นที่นี่จึงถูกเรียกว่า ‘ทะเลสาบมารทมิฬ’ รัฐประเทศทั้งสี่ที่อยู่รอบๆ ก็ถูกเรียกตามไปว่าสี่รัฐมารทมิฬ
ทะเลสาบมารทมิฬ ความกว้างใหญ่ของทะเลสาบมิได้น้อยไปกว้ารัฐประเทศแห่งหนึ่งเลย ที่นี่มีมารอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน เทพจักรวาลก็มีอยู่เกือบสิบคน เป็นหนึ่งในสถานที่รวมตัวของมารที่มีชื่อเสียงที่สุดในทั้งดินแดนจิตโลกา หกรัฐโบราณอยากจะกวาดล้างพวกเขาก็เป็นเรื่องยากเย็นยิ่ง
เช่นรัฐเมฆทักษิณา… ก็มีประมุขรัฐเมฆทักษิณา ดังนั้นการที่เหล่ามารของทะเลสาบมารทมิฬจะมาเป็นภัยก็นับได้ว่าน้อยนัก
เหมือนกับ ‘รัฐประกายเพลิง’ แห่งสี่รัฐมารทมิฬ ที่ถึงแม้ว่าจะมีเทพจักรวาลอยู่สามคนเช่นกัน แต่ไม่มีอิทธิพลของประมุขรัฐเมฆทักษิณา รัฐประกายเพลิงจึงเหมือนกลายเป็นสวนดอกไม้หลังบ้านของทะเลสาบมารทมิฬ มารมากระทำการอุกอาจเป็นประจำ ปราการเมืองแต่ละแห่งพังทลายก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้อยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งประมุขรัฐประกายเพลิงก็ได้แต่ฝืนทน… เพราะว่าประมุขรัฐประกายเพลิงคนก่อนก็สิ้นชีพด้วยน้ำมือของมารแห่งทะเลสาบมารทมิฬ
ถึงแม้ว่ารัฐเมฆทักษิณาจะดีกว่ามากแล้ว แต่ก็ยังมีการต่อสู้กับทะเลสาบมารทมิฬอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าระดับเทพจักรวาลมิได้ลงมือโดยง่ายเท่านั้นเอง
“ภยันตรายรอบด้าน” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะน้อยๆ
รัฐประเทศล้วนอาศัยพลังยุทธ์แสดงออกมา
เช่น ‘รัฐเพรียกหิมะ’ แห่งสี่รัฐมารทมิฬนั้นก็มีเทพจักรวาลอยู่ถึงห้าคน พลังยุทธ์ก็กล้าแกร่งเป็นที่สุด ประมุขรัฐเพรียกหิมะเองก็เป็นคนบ้าคลั่งอย่างที่สุด เผชิญหน้ากับรัฐโบราณก็ไม่ยอมหักห้าม เคยรบกับสามรัฐโบราณอย่างต่อเนื่องมาแล้ว! ถึงแม้ว่ารัฐประเทศของตนจะบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่เป็นเพราะการปกป้องชีวิตของตัวประมุขรัฐเพรียกหิมะเองนั้นร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง รัฐเพรียกหิมะจึงยังคงอยู่ได้เช่นเดิม
“น่าอัศจรรย์จริงๆ เคยสู้รบกับสามรัฐโบราณมาก่อน รัฐประเทศชั้นรองอย่างรัฐเพรียกหิมะก็ยังสามารถตั้งตระหง่านอยู่ได้จนถึงบัดนี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาและประมุขรัฐเพรียกหิมะต่างก็นับได้ว่าเป็นประมุขที่ล้ำเลิศ
แต่ประมุขรัฐเมฆทักษิณานั้นอ่อนโยนกว่ามากนัก เป็นมิตรต่อทุกฝ่าย เผยแพร่ศาสตร์ลับของตนออกไปอย่างกว้างขวาง ศิษย์ของเขาในหกรัฐโบราณมีอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วรัฐเมฆทักษิณาจึงมีเสถียรภาพมากที่สุด
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงวางตำราลง ในใจตัดสินใจแน่วแน่ “ดูจากตำราที่ข้าอ่านมาตลอดหลายวันนี้ ศาสตร์ลับที่เหมาะสมกับการบำเพ็ญของข้าที่สุดก็คือวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าแล้วล่ะ”
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ หนึ่งในสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกา
ต้องรู้ไว้ว่าเทพจักรวาลที่เป็นระดับเดียวกันกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่พอสมควร สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็ยังคงถูกจัดเป็นสิบสำนักใหญ่ ก็ย่อมล้ำเลิศไม่น้อย
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ก็เป็นเพราะศาสตร์ลับศาสตร์หนึ่งที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคิดค้นขึ้น…วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า ความยิ่งใหญ่ของชื่อเสียงของมันนั้นคาดว่าผู้บำเพ็ญที่มีพลังยุทธ์แกร่งสักเล็กน้อยบนดินแดนจิตโลกาล้วนต้องรู้จักศาสตร์ลับศาสตร์นี้กันทั้งสิ้น ที่รัฐเมฆทักษิณานั้นก็ยิ่งรู้จักกันทุกคน
“สิ่งที่ข้ากระตุ้นก็คือสายโลหิตห้วงอากาศ สิ่งที่ข้าสั่งสมทางด้านห้วงอากาศก็นับได้ว่าลึกล้ำอยู่เหมือนกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้ม “วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่านี้ก็เป็นศาสตร์ลับทางด้านห้วงอากาศศาสตร์หนึ่ง”
ห้วงอากาศ
กาลมิติและห้วงมิตินั้นเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญคนใดๆ ก็ตามล้วนสามารถรับสัมผัสได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ขอเพียงแค่เป็นเทพแท้ ต่างก็สามารถควบคุมกาลมิติและห้วงมิติได้ในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน สำหรับดินแดนจิตโลกาของเทพแท้จำนวนนับไม่ถ้วน…การศึกษาศาสตร์ลับทางด้านห้วงอากาศก็ยังง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง บวกกับพลังอำนาจ บำเพ็ญไปถึงจุดที่ลึกล้ำที่สุดก็สามารถควบคุมการเคลื่อนย้ายได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าก็มีศักยภาพในการแพร่หลายโดยกำเนิดอยู่แล้ว
แน่นอนว่าศาสตร์ลับทางด้านห้วงอากาศก็มีอยู่มากมายนัก ที่มันแพร่หลายเป็นวงกว้าง เหตุผลที่แท้จริงย่อมเป็นเพราะเมื่อเทียบกันแล้วมันสามารถบำเพ็ญได้โดยง่ายนั่นเอง!
……
ณ ริมทะเลสาบ ท่านโหวหั่วเลี่ยกำลังตกปลาอยู่
ตงป๋อเสวี่ยอิงขี่สิงห์เมฆาทะมึนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ส่วนผู้อาวุโสเถียนและเหล่าองครักษ์ติดตามคนอื่นๆ ต่างก็ดูอยู่ห่างๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงกระโดดลงมาแล้วเอ่ยว่า “ท่านโหว ข้าอ่านตำราในหอตำราสะสมมาไม่น้อย คิดได้แล้วว่าจะบำเพ็ญอะไรดี”
“อ้อหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าอยากจะบำเพ็ญอะไรล่ะ” ท่านโหวหั่วเลี่ย บุรุษผู้มีผมแดงมองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยรอยยิ้ม
“วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า!” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“นี่คือศาสตร์ลับที่มีชื่อเสียงที่สุดในรัฐเมฆทักษิณาของข้า และเป็นสิ่งที่ประมุขรัฐคิดค้นขึ้น แต่เหมาะสมกับผู้มีพรสวรรค์ทางด้านห้วงอากาศ” ท่านโหวหั่วเลี่ยมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง
อากาศโดยรอบผิวกายของตงป๋อเสวี่ยอิงพลันสั่นสะท้าน กระแสอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
ท่านโหวหั่วเลี่ยได้เห็นแล้วก็ดวงตาเป็นประกาย “ฮ่าๆ สิ่งที่เจ้ากระตุ้นก็คือสายโลหิตทางด้านห้วงอากาศ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ที่รัฐเมฆทักษิณาของข้า ผู้บำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่านั้นมีอยู่มากมาย แต่การบำเพ็ญนั้นง่ายดายก็จริง แต่ผู้ที่ไปถึงระดับขั้นอันสูงส่งล้ำลึกที่สุดนั้นก็ยังมีน้อยนิด น้อยนิดเป็นที่สุด เจ้าก็ต้องมีสมาธิกับการบำเพ็ญนะ ยังดีที่ในจวนโหวของข้าก็มีผู้บำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าอยู่มากพอสมควรทีเดียว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมเข้าใจอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
ตัวเขาเองก็เป็นคนของรัฐเมฆทักษิณา อีกทั้งยังกระตุ้นสายโลหิตห้วงอากาศนี้ เดิมทีตนก็มีการสั่งสมทางด้านห้วงอากาศอยู่แล้ว จึงได้เลือกศาสตร์ลับศาสตร์นี้! ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกันแล้วการบำเพ็ญศาสตร์ลับศาสตร์นี้จะง่ายกว่า แต่ก็เป็นเพียงแค่การเปรียบเทียบเท่านั้น… สุดท้ายแล้วเส้นทางการบำเพ็ญก็ขรุขระ แต่อยากจะไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งชั้นที่แปด…เกรงว่าระดับความยากก็คงพอๆ กันกับขั้นรวมเป็นหนึ่งชั้นที่เจ็ดของทางอากาศอันสับสนอลหม่านที่ตนจากมานั้นแล้ว แต่ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้ใส่ใจ แล้วเดินบนเส้นทางความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ตนเองก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถสำเร็จระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดได้
“เจ้าจะไปศึกษาตอนนี้เลยหรือ” ท่านโหวหั่วเลี่ยถาม
“จะไปศึกษาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยตอบในทันที
“เอาล่ะ ไปสิ ข้าจะพาเจ้าไปยังตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา” ท่านโหวหั่วเลี่ยพูด
ท่านโหวหั่วเลี่ยมองพวกผู้อาวุโสเถียนที่อยู่ไกลออกไปปราดหนึ่งแล้วออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าก็กลับไปรอยังที่พักของเสวี่ยอิงก่อนเถิด อีกประเดี๋ยวข้าจะส่งเขากลับไปด้วยตัวเอง”
“ขอรับ ท่านโหว” ทุกคนในที่นั้นรับบัญชา
“พวกเราไปกันเถิด”
ท่านโหวหั่วเลี่ยพาตงป๋อเสวี่ยอิงไป
บุรุษผมแดงคนหนึ่งพาตุ๊กตาน้อยตัวหนึ่งไป เคลื่อนที่ผ่านอากาศมุ่งหน้าไปโดยตรงออกไปจากจวนโหว เพียงไม่นานก็มาถึงตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาภายในเมืองอัคคีโชติแห่งนั้น
ตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา ถึงแม้ว่าจะเป็นหกรัฐโบราณ ก็มืปราการเมืองน้อยกว่าอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาอยู่แห่งหนึ่ง รับผู้บำเพ็ญจากทุกสารทิศเข้ามาบำเพ็ญ แต่คิดอยากจะบำเพ็ญไปให้ถึงระดับที่สูงส่งล้ำลึกที่สุด…โดยทั่วไปก็ต้องมาจากรัฐเมฆทักษิณา
และภายใน ‘รัฐเมฆทักษิณา’ นอกจากสั่งสอนชี้แนะศิษย์แล้ว ตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาก็ยังดึงดูดระบบการจัดการพิเศษของผู้บำเพ็ญที่กล้าแกร่งให้มาเข้าร่วมในตำหนักทิพย์ ก็หมายความว่ามาสวามิภักดิ์ต่อประมุขรัฐ ก็มีสิทธิประโยชน์พิเศษต่างๆ นานา
และผู้ที่รับหน้าที่ดูแลตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาในเมืองอัคคีโชติก็คือหนึ่งในสองยักษ์ใหญ่แห่งเมืองอัคคีโชติ ‘ฉุนอวี้เว่ยอี’
“พรึ่บ”
บุรุษผมแดงผู้หนึ่งกับตุ๊กตาน้อยตัวหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา
“ท่านโหวมาด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ” บุรุษร่างผอมสูงผู้สวมชุดเกราะสีเทาคนหนึ่งเดินออกมา ระหว่างที่เขาเดิน ตลอดร่างก็คล้ายกับมีดเล่มหนึ่งที่ตัดแหวกผ่านอากาศ บริเวณที่เขาผ่านไปนั้น อากาศก็ไหลแหวกเปิดออกไปยังสองข้างทาง สายตาเขาจับอยู่บนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงพลางพูดยิ้มๆ “นี่ก็คือคุณชายน้อยอิงซานเสวี่ยอิงกระมัง ถือกำเนิดออกมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว เลิศล้ำยิ่งนัก ท่านโหวพาเขามาหาข้าที่นี่อย่างนั้นหรือ”
“เสวี่ยอิงเขาตัดสินใจแล้วว่าจะคารวะเข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์” ท่านโหวหั่วเลี่ยก็พูดยิ้มๆ
“ดีๆๆ มาๆๆ เข้ามาคุยกันก่อนสิ” ฉุนอวี้เว่ยอีนำทางอย่างกระตือรือร้นในทันที
ตอนที่ 11 การบำเพ็ญ
Ink Stone_Fantasy
ณ เมืองอัคคีโชติ ภายในตำหนักย่อยแห่งหนึ่งของตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา
ฉุนอวี้เว่ยอีและท่านโหวหั่วเลี่ยนั่งแยกกันสองฟาก ตรงหน้าของแต่ละคนต่างก็มีโต๊ะยาววางอยู่ ในตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น จึงนั่งอยู่ข้างกายท่านโหวหั่วเลี่ย
“คุณชายน้อยเสวี่ยอิง ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นประมุขตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาแห่งเมืองอัคคีโชติแห่งนี้ แต่ข้าต้องพูดเอาไว้ให้กระจ่างชัดก่อนเลยว่าเคล็ดการบำเพ็ญในโลกนี้มีอยู่มากมาย เช่นที่หกรัฐโบราณก็มีเคล็ดวิชาสืบทอดอันร้ายกาจบางอย่างแพร่หลายอยู่ในรัฐเมฆทักษิณาของข้า ถึงแม้ว่าในเมืองอัคคีโชติจะพบเห็นได้ยาก แต่ภายในรัฐกลับสามารถหาพบได้อย่างง่ายดาย” ฉุนอวี้เว่ยอีพูดยิ้มๆ “เช่นเดียวกันกับเส้นทางวิถีอากาศ หกรัฐโบราณก็มีศาสตร์ลับที่เหมือนกันอยู่ ข้าแนะนำว่าทางที่ดีที่สุดให้เจ้าคิดไตร่ตรองให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเลือกบำเพ็ญศาสตร์ใดเป็นหลัก ถึงอย่างไรการบำเพ็ญก็สิ้นเปลืองพลังเป็นอย่างยิ่ง ตามปกติแล้วก็บำเพ็ญศาสตร์ลับเพียงศาสตร์เดียวเป็นหลัก”
“น้องเว่ยอี สิ่งที่อิงซานเสวี่ยอิงเขากระตุ้นก็คือสายโลหิตห้วงอากาศ” ท่านโหวหั่วเลี่ยพูดยิ้มๆ “ก่อนหน้านี้เขาเคยกระตุ้นสายโลหิตต่อหน้าข้ามาก่อนเล็กน้อย ข้าสามารถสัมผัสรับรู้ได้อย่างรางๆ ว่าสายโลหิตนั้นมีกลิ่นอายอันโบร่ำโบราณยากหยั่งถึง ทั้งยังเป็นสายโลหิตระดับเทพจักรวาลด้วย ฮ่าฮ่า เสวี่ยอิงเป็นสาวกของข้า ตระกูลอิงซาน ในร่างกายของเขามีสายโลหิตห้วงอากาศระดับเทพจักรวาล เช่นนั้นสายโลหิตนี้ก็มาจากประมุขรัฐเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แม้กระทั่งศาสตร์ลับทางด้านห้วงอากาศบางอย่างของหกรัฐโบราณก็ยังไม่เหมาะสมกับเสวี่ยอิงเท่ากับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าหรอก”
“สายโลหิตระดับเทพจักรวาลหรือ” ฉุนอวี้เว่ยอีอุทานอย่างตกตะลึงในทันใด
รัฐเมฆทักษิณามีเทพจักรวาลอยู่ทั้งสิ้นสี่คนเท่านั้น ต่างก็มีเส้นทางที่แตกต่างกัน
สายโลหิตห้วงอากาศ… มีเพียงแค่ประมุขรัฐคนเดียวเท่านั้น
เพราะว่าสี่ตระกูลใหญ่กับตระกูลอ๋องโหวก็มักจะเกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงานอยู่เป็นประจำ ถึงแม้ว่าจะมีบางครั้งที่เกี่ยวดองกับรัฐประเทศรอบๆ แต่สายโลหิตห้วงอากาศเทพจักรวาลก็ยังคงมีเพียงแค่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเพียงคนเดียวเท่านั้น ผ่านการสะสมเพิ่มพูนจากรุ่นสู่รุ่นเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ขอเพียงแค่มิใช่บรรดาผู้เฒ่าที่ค่อนข้างโบราณเหล่านั้น ตอนนี้สมาชิกตระกูลอ๋องโหวรุ่นใหม่โดยทั่วไปต่างก็มีสายโลหิตเทพจักรวาลด้วยกันทั้งสิ้น
เพียงแต่ว่าช่างผิวเผินเหลือเกิน ระดับความยากในการกระตุ้นสูงเสียจนเกินธรรมดา
สายโลหิตเทพจักรวาลภายในกายของตงป๋อเสวี่ยอิง อันที่จริงแล้วก็ผิวเผินเป็นอย่างมากเช่นกัน! แต่ระดับขั้นของเขาสูงส่ง แม้ไม่มีสายโลหิต เขาก็มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะไปถึงระดับขั้นอลวนขั้นสุดยอดได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกระตุ้นสายโลหิตที่ง่ายดายกว่าเลย
“ในร่างมีสายโลหิตห้วงอากาศของประมุขรัฐ การบำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่านั้นเป็นการลงแรงเพียงครึ่งเดียวแต่ได้ผลทวีคูณโดยแท้” ฉุนอวี้เว่ยอีพยักหน้า พูดแล้วเขาก็พลิกมือคราหนึ่งแล้วหยิบเอาตำราสีดำเล่มหนึ่งออกมา
ตำราสีดำลอยตรงมาทางตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วร่อนลงตรงหน้าเขา
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูตำราสีดำตรงหน้า ส่วนประกอบของตำราดำสนิททั้งหมด ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงมีความรู้สึกของการดูแก่นห้วงอากาศ ‘ทรงกลมหมอกดำ’ ในตอนนั้นอย่างรางๆ
“จบทั้งกระบวนหรือ” ท่านโหวหั่วเลี่ยที่อยู่ข้างๆ ประหลาดใจอยู่บ้าง “คงต้องใช้หนึ่งแสนแก้วผลึกจักรวาลเลยกระมัง”
“ไม่ต้องหรอก” ฉุนอวี้เว่ยอีกลับอมยิ้มพลางส่ายศีรษะ “คุณชายน้อยเสวี่ยอิงพรสวรรค์ล้ำเลิศ ถือกำเนิดออกมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว ที่กระตุ้นยังเป็นสายโลหิตห้วงอากาศของท่านประมุขรัฐอีกด้วย ย่อมมีคุณสมบัติอย่างเต็มที่ในการบำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าจนจบกระบวนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หลังเสร็จเรื่องแล้วข้าต้องการเพียงแค่รายงานขึ้นไปอย่างคร่าวๆ ก็พอแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วกลับกระจ่างแจ้ง
เขาอ่านตำรามาเป็นจำนวนมาก ก็ได้รู้กฎเกณฑ์ของศาสตร์ลับอันแพร่หลายของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์อยู่บ้าง
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น สามารถเป็นหนึ่งในสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกาได้ โดยทั่วไปผู้ที่คารวะเข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์แล้วอยากจะศึกษาวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าต่างก็บำเพ็ญครึ่งแรกกันมาก่อนแล้ว มีเพียงแค่การไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติไปบำเพ็ญบทต่อไปได้! นอกจากนี้การบำเพ็ญก็ต้องมี ‘ค่าใช้จ่าย’ เหตุใดสำนักวิชาเหล่านั้นจึงต้องพยายามเผยแพร่ศาสตร์ลับด้วยเล่า
ก็เพื่อสร้างกำไรเป็นแก้วผลึกจักรวาลก้อนโต! การสำเร็จเสร็จสิ้นวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า ต้องใช้มากถึงหนึ่งแสนแก้วผลึกจักรวาล
เป็นถึงสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกา มีผู้บำเพ็ญตั้งมากมายเท่าใดที่มาศึกษา แม้กระทั่งผู้ที่บำเพ็ญศาสตร์ลับอื่นๆ เป็นหลัก ก็ยังบำเพ็ญไปควบคู่กันด้วย สะสมจากผู้บำเพ็ญจำนวนมหาศาล…
ความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นทำให้เทพจักรวาลต่างต้องอิจฉาจนแทบคลั่ง รัฐเมฆทักษิณาอาศัยสิ่งนี้กอบโกยความมั่งคั่งอันน่ากลัวอย่างหาใดเปรียบ ความมั่งคั่งก็คือคุณสมบัติ! หากพูดถึงความมั่งคั่ง ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็จัดอยู่แถวหน้าสุดในบรรดาเทพจักรวาลที่มีอยู่ทั้งหมดทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ไม่รู้ว่าเทพจักรวาลจำนวนมากมายเท่าใดที่อิจฉาตาร้อน ทั้งยังพยายามคิดค้นศาสตร์ลับ คิดจะบำเพ็ญอย่างง่ายดายและทรงพลังยิ่งกว่านั้นช่างยากเย็นเหลือแสนอย่างแท้จริง บวกกับความแพร่หลายมาจนถึงระดับนี้ ก็จำเป็นต้องบริหารจัดการเป็นอย่างดี
อย่างเช่นการบำเพ็ญศาสตร์ลับ ก็มิได้หมายความว่าทุกคนจะต้องชำระค่าใช้จ่าย ถ้าหากเป็นผู้มีความสามารถพิเศษล้ำเลิศ ก็สามารถสมัครเข้าศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้! เพราะเมื่อผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศบำเพ็ญศาสตร์ลับของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ในท้ายที่สุดก็จะทำให้สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มีชื่อเสียงโด่งดังมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่เงื่อนไขของการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายนั้นหยาบเป็นอย่างยิ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นถึงสมาชิกตระกูลอ๋องโหวภายในรัฐเมฆทักษิณา เกิดมาก็มีทักษะล้ำเลิศล้นฟ้าแล้ว อีกทั้งสิ่งที่ตื่นรู้ยังเป็นของประมุขรัฐสายโลหิตอีกด้วย ดังนั้นฉุนอวี้เว่ยอีจึงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
“ฟึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกอ่านตำราสีดำในมือ
เพิ่งจะพลิกเปิด ทันใดนั้นประกายสลัวจำนวนมหาศาลภายในตำราสีดำสาดประกายออกมา แล้วตรงเข้าสู่กลางหว่างคิ้วของตงป๋อเสวี่ยอิงโดยตรง
“ปัง!”
ในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงระเบิดคราหนึ่ง
เขาเห็นภาพเหตุการณ์อย่างรางๆ
ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ไม่รู้ซ้ายขวาหน้าหลัง ไม่รู้อดีตและอนาคต เงาร่างผอมเล็กสายหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น เขายืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเกิดความรู้สึกกดดันอันน่าหวาดหวั่นอย่างที่สุด ความรู้สึกกดดันเช่นนี้ยังเกินกว่ายามที่เขาเคยพบกับพวกบรรพชนโลกาและบรรพชนทิพย์เสียอีก คล้ายกับว่ามีเพียงแค่กลิ่นอายอันกว้างขวางไร้ขอบเขตของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจึงจะชนะได้อยู่เล็กน้อย
เงาร่างผอมเล็กนี้ สันจมูกตั้งตรง นัยน์ตาทั้งคู่ลึกล้ำ เริ่มต้นสำแดงเคล็ดวิชาในทันใด
ทั้งร่างของเขาราวกับอาวุธ ขา ข้อศอกทิ่มแทง แผ่นหลังปะทะ ศีรษะกระแทก ฝ่ามือ กำปั้น และนิ้วมือ… ทั้งหมดทั้งมวล ทั่วทุกบริเวณตลอดทั้งร่างล้วนเป็นอาวุธอันน่าพรั่นพรึง เคล็ดวิชาก็เจาะลึกจนลึกลับน่าพิศวงมากขึ้นเรื่อยๆ ในภายหลังพลังคุกคามก็ยิ่งน่าหวาดหวั่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ฟิ้ว” เงาร่างผอมเล็กสับฝ่ามือลง เห็นเพียงว่าดวงดาวขนาดใหญ่ดวงแล้วดวงเล่าที่อยู่เบื้องหน้าห่างไกลออกไป ผู้บำเพ็ญจำนวนมาก และเรือบินลำแล้วลำเล่า… ทั้งหมดทั้งมวลก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นภาพวาดภาพหนึ่งในทันที! ดวงดาว ผู้บำเพ็ญ และเรือบินเหล่านั้นล้วนกลายเป็นส่วนหนึ่งของภาพวาดจนหมดสิ้น
“ปัง”
พร้อมกันนั้นเงาร่างผอมเล็กก็ชี้นิ้วออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
ปัง…
เขาชี้นิ้วมือออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างก็ระเบิดแตกสลาย แม้กระทั่งยามที่แตกสลาย ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้เห็นความน่าหวาดหวั่นอยู่รำไร! กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ตนสามารถพบได้เฉพาะตอนที่สอดแนมโลกระดับที่สูงขึ้นผ่านโพรงหมอกดำในอดีตเท่านั้น
ทันใดนั้นทุกสิ่งก็มลายหายไป
เงาร่างผอมเล็กนั้นกลายเป็นข้อมูลจำนวนนับไม่ถ้วนแทรกเข้าไปในวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือเคล็ดการบำเพ็ญโดยละเอียดของวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าทั้งหมด แต่เคล็ดการบำเพ็ญนี้ได้รับข้อจำกัดอันไร้รูปร่างอยู่รางๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจว่าต่อให้ตนเองศึกษาได้สำเร็จโดยสมบูรณ์แล้ว ก็ยังไม่มีทางบรรลุข้อจำกัดแล้วทำการเผยแพร่ออกไปภายนอกได้อยู่ดี
“ช่างเป็นศาสตร์ลับที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก ซัดฝ่ามือออกไปคราหนึ่ง โลกทั้งใบก็กลายเป็นภาพวาดภาพหนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ ชี้นิ้วมือออกไปคราหนึ่งก็ทลายกรงห้วงอากาศได้ มองเห็นโลกระดับที่สูงขึ้นได้แล้วอย่างนั้นน่ะหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพรั่นพรึง นี่ยังเป็นเพียงแค่สิ่งที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเผยแพร่ออกสู่ภายนอกเท่านั้น แล้วพลังยุทธ์ของตัวเขาเองจะสูงส่งไปถึงระดับใดกันนี่
มิน่าเล่า จึงก่อตั้งสำนักวิชาได้ด้วยกำลังของตนเพียงคนเดียว แล้วสามารถขึ้นชื่อว่าเป็นสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกาได้
ลึกล้ำมิอาจคาดเดาได้!
……
ภายในโถงตำหนัก ท่านโหวหั่วเลี่ยนั่งดื่มสุราสนทนาอยู่กับฉุนอวี้เว่ยอี พวกเขาก็มิได้รบกวนตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ข้างๆ เพราะรู้ว่าในตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังจ่อมจมอยู่ระหว่างกระบวนการรับเคล็ดวิชาสืบทอด
“พรึ่บ” ตงป๋อเสวี่ยอิงวางตำราสีดำลง บนใบหน้ามิอาจซ่อนเร้นสีหน้าตื่นตกใจ ตนจะต้องบำเพ็ญศาสตร์ลับศาสตร์นี้ให้ดีๆ เลยทีเดียว
“คุณชายน้อยเสวี่ยอิง เจ้าก็ได้ศึกษาศาสตร์ลับแล้ว” ฉุนอวี้เว่ยอีพูดยิ้มๆ “มีเพียงการรับเคล็ดวิชาสืบทอดในครั้งนี้เท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถมองเห็นท่านประมุขรัฐสำแดงวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าอย่างสมบูรณ์ ในภายหลังอาจยากที่จะได้รับโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว รับประสบการณ์เอาไว้ให้มากหน่อยเถิด”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อไปว่า “ท่านประมุขตำหนัก ได้ยินว่าวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าที่เผยแพร่ออกสู่ภายนอก มิใช่ฉบับที่สมบูรณ์อย่างนั้นหรือ”
“ถูกต้อง”
ฉุนอวี้เว่ยอีพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ที่เจ้าได้เห็นท่านประมุขรัฐสำแดงนั้นคือฉบับที่สมบูรณ์แบบ สิ่งที่เจ้าเรียนคือฉบับย่อ ถึงอย่างไรสิ่งที่จะแพร่หลายไปทั่วทั้งรัฐประเทศจำนวนมากมายในดินแดนจิตโลกา ก็ย่อมต้องสะดวกง่ายดาย ฉบับย่อนี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ ขั้นรวมเป็นหนึ่งสามารถไปถึงพลังรบชั้นที่เจ็ดได้ ขั้นอลวนก็สามารถไปถึงพลังรบชั้นที่เก้าได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ขั้นรวมเป็นหนึ่งสามารถบำเพ็ญไปถึงชั้นที่เจ็ด ขั้นอลวนสามารถบำเพ็ญไปถึงชั้นที่เก้าได้ จากสถานที่ที่ตนจากมา นั่นคือระดับขั้นสุดยอด แต่ที่นี่เป็นเพียงแค่ฉบับย่อของศาสตร์ลับศาสตร์นี้เท่านั้นเอง
“ถ้าหากเจ้าเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งที่มีพลังยุทธ์ชั้นที่ห้า ข้าก็สามารถช่วยเจ้าให้สมัครเข้าเป็นศิษย์ภายในแห่งภูผาศิลาแดงได้ ถึงเวลานั้นเมื่อเจ้าไปยังเมืองหลวง ตระกูลอิงซานของพวกเจ้าก็ลงแรงอีกเพียงเล็กน้อย การเป็นศิษย์ภายในแห่งภูผาศิลาแดงก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดแล้ว เวลานั้นก็จะได้วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าฉบับสมบูรณ์มาแล้ว” ฉุนอวี้เว่ยอีพูดยิ้มๆ “อันที่จริงผู้บำเพ็ญจำนวนมากก็มีความทะเยอทะยานกันเป็นอย่างยิ่ง ได้รับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าฉบับสมบูรณ์ แต่ว่าจะมีสักกี่คนที่สามารถเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งที่สำแดงพลังรบชั้นที่แปดออกมาได้เล่า แล้วจะมีสักกี่คนที่สามารถเป็นขั้นอลวนที่ไปถึงพลังรบระดับชั้นที่สิบของวังปฐมเทพ กดดันเทพจักรวาลที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ได้ ถ้าหากไปถึงขั้นนั้นจริงๆ ประมุขรัฐก็จะต้องรับเข้าเป็นศิษย์ถ่ายทอดเอง ได้รับเคล็ดสืบทอดลับอื่นๆ อีกอย่างแน่นอน!”
……
เพียงไม่นาน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไปจากตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาพร้อมกับท่านโหวหั่วเลี่ย กลับไปยังจวนโหว
เมื่อกลับไปยังที่พำนักของตนเองแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เริ่มต้นเจาะลึกวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าศาสตร์นี้ในทันที
ตอนที่ 12 แม่เฒ่าอิงซาน
Ink Stone_Fantasy
เมืองอิงซาน เป็นเมืองใหญ่ที่จัดอยู่ในแถวหน้าสุดของรัฐเมฆทักษิณา ปราการเมืองกว้างใหญ่หาใดเปรียบ เป็นที่ตั้งของเรือนประจำตระกูลอิงซาน
ภายในเรือนประจำตระกูล บนยอดภูเขาหิมะอันสูงตระหง่านแห่งหนึ่ ที่นี่มีห้องอยู่สิบกว่าห้อง เงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง สถานที่แห่งนี้เป็นที่พำนักของ ‘แม่เฒ่าอิงซาน’ ผู้เป็นท่านบรรพชนของทั้งตระกูลอิงซาน
“ท่านบรรพชนขอรับ” ผู้อาวุโสประจำตระกูลผู้หนึ่งยืนอยู่ที่นั่นอย่างเคารพ
แม่เฒ่าอิงซานกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินก้อนใหญ่ มองลงไปยังจวนอ๋องตระกูลอิงซานอันใหญ่โตมโหฬารเบื้องล่างพลางส่ายศีรษะเอ่ยว่า “ตุ๊กตาน้อยที่ชื่อว่าเสวี่ยอิงผู้นั้นมีพรสวรรค์สูงส่งยิ่งนัก เพียงแต่น่าเสียดายที่เพียงแค่สิบห้าปีก็ถูกบีบบังคับกดดันให้คลอดก่อนกำหนดเสียแล้ว มิฉะนั้นหากตั้งครรภ์สักหลายร้อยปีแล้วค่อยถือกำเนิด เกรงว่าสายโลหิตภายในกายก็จะแข็งแกร่งกว่านี้อีกมากนัก ช่างน่าเสียดายจริงๆ ใช่แล้ว ฉานอวี้เยี่ยนเจินที่เจ้ารายงานก่อนหน้านี้ แน่ใจแล้วหรือว่าเขาเป็นมือสังหาร”
“หามิได้ขอรับ”
ผู้อาวุโสประจำตระกูลผู้มีเส้นผมสีขาวโพลนเอ่ยอย่างเคารพว่า “พวกเราใช้เขตลวงค่ายกลทำให้นางติดเข้าไปภายในเขตลวง ทุกคนที่อยู่ภายในเขตลวงล้วนต้องสารภาพออกมาจนหมดเปลือก ทว่าแม้แต่ในเขตลวงนางก็ยังพูดว่านางมิใช่ฆาตกร มีการใส่ร้ายป้ายสีนาง”
“หืม” ใบหน้าชราอันเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นของแม่เฒ่าอิงซานยังคงไร้ซึ่งสีหน้าอารมณ์เช่นเดิม
“มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือนางไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ สอง นางอาจจะลบหรือแก้ไขความทรงจำบางส่วนของตนเองก็เป็นได้” ผู้อาวุโสประจำตระกูลผู้นี้พูด “การลบความทรงจำนั้นไม่มีทางฟื้นคืนได้ ทั้งยังไม่มีวิธีตรวจสอบได้อีกด้วย”
สำหรับผู้บำเพ็ญที่มีฝีมือเป็นเลิศแล้ว การลบความทรงจำมิใช่เรื่องยากเลยจริงๆ แต่เมื่อลบไปแล้วก็จะลืมเลือนไปโดยสิ้นเชิงอย่างแท้จริง แม่กระทั่งตัวเองก็ยังคิดว่าความทรงจำหลังจากแก้ไขแล้วเป็นความจริง
“พวกเราก็พยายามตรวจหาร่องรอยอื่นๆ กันอย่างสุดกำลัง ร่องรอยที่มีอยู่ก็เสียหายไปจนหมดแล้ว นอกจากบางส่วนที่มิอาจตรวจสอบได้แล้ว สิ่งที่สามารถตรวจสอบได้ต่างก็เป็นร่องรอยที่ฉานอวี้เยี่ยนเจินทำลายทิ้งทั้งสิ้น” ผู้อาวุโสประจำตระกูลพูด “ตอนนี้ไม่มีหลักฐานใดๆ เลย เพียงแค่สามารถอนุมานได้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเท่านั้นว่าฉานอวี้เยี่ยนเจินเป็นผู้ที่ทำเรื่องนี้ อีกทั้งยังลบแก้ไขความทรงจำของตนเองอีกด้วย”
“นางเป็นสมาชิกตระกูลอ๋องโหว อยากจะสังหารนางก็ต้องมีหลักฐาน มิฉะนั้นก็จะต้องถูกท่านอ๋องโหวลงมือจัดการด้วยตนเองแน่” ผู้อาวุโสประจำตระกูลพูด
สมาชิกตระกูลอ๋องโหวนั้นมีสิทธิพิเศษ
รัฐเมฆทักษิณาก็มีกฎหมายอยู่ว่าไม่สามารถสังหารสมาชิกตระกูลอ๋องโหวตามอำเภอใจได้ แน่นอนว่าท่านโหวหั่วเลี่ยและแม่เฒ่าอิงซานที่เป็นเฟิงโหว เฟิงอ๋องพรรค์นี้ ก็มีอิทธิพลยิ่งใหญ่กว่า พวกเขาก็สามารถลงมือสังหารได้โดยตรง
“เจ้าเด็กหั่วเลี่ยผู้นี้นี่ จัดการดูแลจวนโหวแห่งเดียวก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้” แม่เฒ่าอิงซานขมวดคิ้ว
การแต่งงานนี้ในตอนนั้น
เป็นสิ่งที่ท่านโหวหั่วเลี่ยหารือด้วยตัวเอง เป็นการแต่งงานที่ทำกับตระกูลฉานอวี้
ต้องรู้ไว้ว่าในบรรดาผู้มีศักดินาอ๋องแห่งรัฐเมฆทักษิณา เฟิงอ๋องเพศหญิงมีทั้งสิ้นเพียงสามคนเท่านั้น แม่เฒ่าอิงซานและ ‘ท่านหญิงฉานอวี้’ บรรพชนของตระกูลฉานอวี้มีความสัมพันธ์อันดียิ่งต่อกัน เป็นพี่น้องที่รักใคร่กัน การแต่งงานในคราวนี้ แม่เฒ่าอิงซานยังเคยเปรยกับท่านหญิงฉานอวี้มาก่อนแล้วด้วย
“ฉานอวี้เยี่ยนเจินไม่เคร่งครัดในวินัย ให้ถอดจากสถานะทั้งหมดของจวนโหว แล้วขับไล่ออกไปจากจวนเสีย” แม่เฒ่าอิงซานเอ่ยตามอำเภอใจ
เห็นแก่การแต่งงานในคราวนี้ และความที่ตนเองเป็นผู้เปรยกับท่านหญิงฉานอวี้ นางจึงยังไว้หน้ารักษาน้ำใจอยู่เล็กน้อย
แต่การถอดสถานะขับไล่ออกจากจวน เช่นนั้นฉานอวี้เยี่ยนเจินก็จะมิใช่สมาชิกตระกูลอ๋องโหวอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่ามีพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นหนึ่งชั้นที่สี่ แต่ก็เป็นได้เพียงแค่พลเมืองธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น การที่สมาชิกตระกูลอ๋องโหวสังหารนางก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น ที่ดิน อาคาร ร้านรวง และทรัพย์สมบัติต่างๆ ภายใต้ชื่อของอิงซานเลี่ยฮู่นั้นนางก็ไม่สามารถแตะต้องได้อีกต่อไปแล้ว
“นี่ก็คือการฟูมฟักสายโลหิตที่ข้าเตรียมเอาไว้ให้ตุ๊กตาน้อยเสวี่ยอิง เขาคงจะยังมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ สามารถเจาะลึกลงไปได้อีกเรื่อยๆ” แม่เฒ่าอิงซานโบกมือแล้วโยนกำไลเก็บวัตถุวงหนึ่งออกมา “แม้กระทั่งทรัพย์สมบัติล้ำค่าอื่นๆ ทั้งหมดทั้งมวลก็จัดเตรียมไว้ให้โดยอิงจากสถานะศิษย์ป้ายทองอิงซาน เอาล่ะ รีบส่งไปเร็วเข้าเถิด”
“ขอรับ” ผู้อาวุโสผู้นี้รับคำสั่งด้วยความเคารพ
นัยน์ตาของแม่เฒ่าอิงซานมีแววคาดหวัง ผู้ที่คลอดก่อนกำหนดล้วนเป็นสายโลหิตที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ตระกูลอิงซานเคยมีมา นางก็ย่อมมีความคาดหวังอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอนอยู่แล้ว ถึงอย่างไรที่ดินแดนจิตโลกา ตระกูลแห่งหนึ่งจึงจะเป็นการโอบอุ้มอันแท้จริง
อย่างเช่นตระกูลหนึ่งทนรับไม่ไหวในรัฐประเทศสักแห่ง จนทั้งตระกูลหลบหนีแล้วลี้ภัยไปยังรัฐประเทศอีกแห่งหนึ่งก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้อยู่บ่อยๆ
ว่ากันอย่างจริงจังแล้ว…
ในตอนแรกสุด สี่รัฐมารทมิฬล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ ในหกรัฐโบราณ เพียงแต่เมื่อผ่านวันเวลาอันยาวนาน กระทั่งผ่านสงครามประเทศโบราณอย่างต่อเนื่องสองครั้ง ก็มีตระกูลที่แยกตัวออกจากรัฐโบราณคิมหันตวายุ ครอบครองดินแดนผืนหนึ่งแล้วสถาปนารัฐประเทศขึ้นมาเอง ถึงขนาดที่ตระกูลจำนวนหนึ่งล่วงเกินขุมอำนาจอื่นๆ แล้วถูกกดดันให้หลบหนีไป แล้วลี้ภัยไปยังรัฐประเทศอีกแห่งหนึ่ง
ดังนั้นหากมีผู้มีพรสวรรค์สักคนหนึ่งถือกำเนิดออกมาในตระกูล ภายในตระกูลก็จะบ่มเพาะอย่างสุดกำลัง ตั้งใจบ่มเพาะเด็กในครรภ์ทุกคนในตระกูล เพียงแต่ว่าตระกูลใหญ่เกินไป ในท้ายที่สุดแล้วก็จะต้องมีแกะดำอยู่บ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“รอดูเถิด”
“ดูว่าเมื่อใดตุ๊กตาน้อยเสวี่ยอิงจะได้เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง” แม่เฒ่าอิงซานเอ่ยเบาๆ “ดูเวลาที่เขาต้องใช้ในการเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง ก็จะสามารถประเมินศักยภาพสายโลหิตได้แล้ว”
……
“ไสหัวไปเสีย”
“ในภายหน้าหากบังอาจย่างเท้าเข้ามาในประตูจวนโหวแม้เพียงครึ่งก้าว ก็จะถูกตีจนตาย”
ฉานอวี้เยี่ยนเจินยืนนิ่งงันอยู่ด้านนอกประตูใหญ่ของจวนโหว นัยน์ตาของนางมีแววสิ้นหวัง ตั้งแต่เข้ามาสู่ตระกูลอิงซานก็มิใช่สมาชิกของตระกูลฉานอวี้อีกต่อไป หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอิงซานไปแล้ว ตอนนี้ถูกถอดสถานะและขับไล่ออกจากจวนโหว นางก็กลายเป็นพลเมืองธรรมดาไปเสียแล้ว
ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว ไม่มีแล้ว
“ข้าเปล่านะ ข้าเปล่าจริงๆ นะเจ้าคะ” ฉานอวี้เยี่ยนเจินเอ่ยพึมพำ “ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม”
นางลบเลือนแก้ไขความทรงจำของตนเอง เพื่อหลบเลี่ยงจากโทษตาย ถึงตอนนี้แม้กระทั่งตัวนางเองก็ยังคิดว่าตนเองมิได้เป็นผู้ลงมือกระทำผิด ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ท่านแม่”
นอกประตูจวนโหว บุรุษสองคนนำข้ารับใช้และองครักษ์กลุ่มหนึ่งมายืนอยู่ตรงนั้น
ฉานอวี้เยี่ยนเจินมองไปแล้วเอ่ยว่า “ลูกชายที่รักของข้า ข้า ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม”
“ท่านแม่ ข้ากับน้องชายรู้ว่าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม เพียงแต่ว่าตอนนี้อิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นได้รับความรักเสน่หาอย่างที่สุดของทั้งตระกูลอิงซาน ท่านโหวก็ยืนอยู่ฝั่งมันเช่นกัน และทำให้เจ้าหมาพันทางนั่นได้ใจ สายโลหิตแข็งแกร่งแล้วอย่างไรเล่า ก็ไม่แน่ว่าพลังยุทธ์จะแข็งแกร่งไปด้วยสักหน่อย ในอนาคตข้าก็จะเป็นเฟิ่งโหวเช่นกันแล้วสังหารมันในทันที เพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้ท่านแม่” บุตรชายคนโตเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่บุตรชายคนรองกลับเจียมเนื้อเจียมตัวกว่า
ถึงอย่างไรบุตรชายคนโตก็เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งมานานแล้ว ทั้งยังเป็นพลังยุทธ์ชั้นที่สี่อีกด้วย จึงมีสิทธิ์พูดวาจานี้ได้ ทว่าตอนนี้บุตรชายคนรองเป็นเพียงแค่เทพอากาศขั้นกำเนิด จึงมิได้กร่างนัก
“ท่านแม่ ข้าจัดการเรื่องที่พักให้ท่านเรียบร้อยแล้วนะขอรับ ไปกันดีกว่า แล้วก็อดทนเอาหน่อย มาดูกันว่าเจ้าลูกหมาพันทางนั่นในอนาคตจะเป็นเช่นไร เกรงว่าแค่เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเนิ่นนานเท่าใดแล้ว” บุตรชายคนโตผู้นั้นพูดอย่างเดือดดาล
“จงฝู ข้า ข้า…ข้า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆนะ ไปเถิดๆ ทั้งตระกูลอิงซานจะต้องเข้าข้างอิงซานเสวี่ยอิงนั่นอยู่แล้ว” ถึงแม้ว่าในใจของฉานอวี้เยี่ยนเจินจะเดือดดาลล้นฟ้า แต่ตัวนางเองก็เข้าใจกระจ่างดีว่าตนเองถูกถอดจากสถานะศิษย์อ๋องโหว จะพูดจาอะไรก็ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
******
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมมิได้เห็นฉานอวี้เยี่ยนเจินผู้นั้นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ถึงอย่างไรในสายตาของเขา การเป็นเฟิงอ๋องนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง เป้าหมายของเขาคือการเป็นเทพจักรวาต่างหาก
การบำเพ็ญต่างหาก จึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพียงพริบตาก็เป็นหนึ่งพันห้าร้อยปีให้หลังแล้ว ในบรรดาผู้บำเพ็ญ เวลาเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็แสนสั้นเหมือนกับสิบวันหรือครึ่งเดือนของมนุษย์ธรรมดาเท่านั้นเอง
……
ณ จวนท่านโหวหั่วเลี่ย
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังนั่งอยู่ภายในลานบ้านที่มีเสียงนกขับขานและบุปผาหอมอบอวล ในมือถือตำราเล่มหนึ่ง ภายในกายอบอุ่นยิ่ง “น้ำยาวิญญาณที่ท่านบรรพชนของตระกูลอิงซานท่านนี้ให้มา ช่างดีต่อการบ่มเพาะสายโลหิตอย่างแท้จริง สายโลหิตห้วงอากาศนี้ของข้าก็เข้มข้นขึ้นเป็นหลายสิบเท่าเลยทีเดียว ทำให้ข้าบำเพ็ญได้อย่างผ่อนคลายยิ่งขึ้น”
ก่อนหน้านี้จุดประสงค์ของเขาผิวเผินเกินไป ดูตามปกติแล้วผิวเผินเช่นนี้ก็ย่อมไม่มีค่าต่อการบ่มเพาะเลย
แต่ว่า…
‘ห้วงอากาศ’ ของดินแดนจิตโลกากับ ‘ห้วงอากาศ’ ของอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นมีส่วนที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก เดิมทีการบำเพ็ญก็ง่ายดายผ่อนคลาย วิญญาณระดับเทพอากาศก็ทำให้ความเร็วในการบำเพ็ญของตงป๋อเสวี่ยอิงเหนือกว่าตอนที่อยู่ในครรภ์มากมายนัก ทั้งยังมีสายโลหิตห้วงอากาศให้อ้างอิง และมีศาสตร์ลับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าที่สอดคล้องกัน ในความเป็นจริงแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็ใช้เพียงแค่หนึ่งพันห้าร้อยปีนี้เท่านั้น ก็ฝึกฝนวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่ากระบวนที่สามจนสำเร็จ มีพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาวของเมื่ออดีต ซึ่งก็คือพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของวังปฐมเทพ
พลังยุทธ์เช่นนี้ก็ย่อมสามารถปลุกให้การเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งตื่นขึ้นมาได้อยู่แล้ว
“ไม่รีบๆ”
“ถึงแม้ว่าข้าจะสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองให้กลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ ก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์ ‘ถูกบีบบังคับให้คลอดก่อนกำหนด’ แต่หนึ่งพันกว่าปีก็กลายเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วก็ยังรวดเร็วเกินไปอยู่ดี อืม ใกล้ๆ หมื่นปีจะดีกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดไตร่ตรอง “สักแปดพันปีก็แล้วกัน!”
เขาอ่านหนังสือเบ็ดเตล็ดมามากมายเหลือเกิน อ้างอิงจากตัวอย่างผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศทางสายโลหิตคนอื่นๆ บางคนที่วางแผนการบรรลุอันแน่นอนเอาไว้ให้ตัวเอง
เขาก็มิได้คิดว่าตัวเองล้ำเลิศเกินไป ถ้าหากถูกสงสัยว่าเป็นพวกที่ ‘กลับชาติมาเกิด’ ชักจูงให้ผู้แกร่งกล้าระดับสูงกว่าคนหนึ่งสำแดงเขตลวงตรวจสอบความทรงจำของตนเอง
“ลูกชายข้า ลูกชายข้า”
ด้านนอกมีเสียงตะโกนลั่นดังลอยมา เห็นเพียงแค่บุรุษที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากที่ไกลๆ ร่าเริงและกระตือรือร้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงอดที่จะกุมขมับมิได้
บิดาของข้าเอ๋ย! ‘อิงซานเลี่ยฮู่’ ท่านพ่อผู้นี้ของตนช่างเยี่ยมยอดเสียจริง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น