Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 32 ตอนที่ 5-7
ตอนที่ 5 ประมือ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตะลึงเหลือแสน
แม้จะรู้ก่อนแล้วว่า จ้าวภูเขาฉื้อเหมยอวดดีและโหดเหี้ยม เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าเทพจักรวาลก็อ้าปากกว้างราวราชสีห์ แต่เรื่องครั้งนี้จ้าวภูเขาฉื้อเหมยก็สามารถคว้าโอกาสเล็กน้อยเพื่อบีบบังคับให้เขามอบศิลาปฐมโลกาหนึ่งหมื่นก้อนให้เป็นการชดเชยจนได้ ก็ออกจะเกินไปหน่อยแล้ว
“เฮอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงคร้านที่จะไปสนใจคนสติฟั่นเฟือนพรรค์นี้แล้ว เขาพูดเสียงเรียบว่า “จ้าวภูเขาฉื้อเหมยข้ายังต้องไล่ล่าฝูงมารผลาญทำลายต่อไป จึงขอไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว”
พูดยังไม่ทันขาดคำ
“คิดจะไปรึ” หลังแค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกลับแปรเป็นแสงสีโลหิตอันเลือนรางสายหนึ่งทะยานตรงไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง นี่ยิ่งทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งรู้สึกประหลาดใจ จ้าวภูเขาฉื้อเหมยผู้นี้ถึงกับลงมือเชียวหรือนี่
ยามนี้จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกลับมีแววกระหายสงครามพลุ่งพล่าน เขาจงใจท้าทายถึงขั้นเรียกเอาศิลาปฐมโลกาหมื่นก้อนเป็นการชดเชย อันที่จริงก็เพื่อลงมือกับตงป๋อเสวี่ยอิงสักยกหนึ่ง ถึงขั้นกังวลว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะทุ่มเทไม่เต็มแรงพอ จึงพยายามท้าทายสุดกำลัง “ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ ได้ยินมาว่าอานุภาพของบุปผาผลาญทำลายแข็งแกร่งยิ่งนัก เขตลวงของเขาต้องทำให้ข้าใช้พลังจิตถึงเจ็ดส่วนไปต้านทาน เขาจะต้องสามารถสร้างภัยคุกคามต่อข้าได้อย่างใหญ่หลวงแน่นอน!”
“ข้าต้องการความรู้สึกคุกคามเช่นนี้แหละ บางทีการต่อสู้ภายใต้การกดดันจนถึงขีดจำกัดอย่างแท้จริงอาจทำให้ข้าสามารถรู้แจ้งได้ แล้วบรรลุอุปสรรคสุดท้ายจนก้าวเข้าสู่ขั้นเทพจักรวาลก็เป็นได้!” ดวงตาทั้งคู่ของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยแดงก่ำ
ถึงระดับสถานะเช่นเขาแล้ว การสำเร็จเป็นเทพจักรวาลก็คือความใฝ่ฝันสูงสุดของเขา!
คิดจะสำเร็จเป็นเทพจักรวาลน่ะหรือ ต้องมีความรู้สึกคุกคามที่ทำให้ห้ำหั่นสุดกำลัง จึงจะเป็นการเคี่ยวกรำที่ดีมาก
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหมายจะเคลื่อนที่ในพริบตา แต่กลับรู้สึกว่ามิติรอบด้านแข็งค้างจนมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ ทำได้เพียงบินย้อนไปด้วยความเร็วสูงเท่านั้น “จ้าวภูเขาฉื้อเหมยผู้นี้มีผลสำเร็จทางด้านอากาศที่สูงอย่างยิ่งโดยแท้ แตกต่างกับข้าไม่มากสักเท่าใดนัก!”
เขาถอยกรูดไปด้วยความเร็วสูง จ้าวภูเขาฉื้อเหมยแปรเป็นแสงสีโลหิตทะยานตรงมา
คนหนึ่งรุกไล่ คนหนึ่งหนี เพียงพริบตาเดียวก็เป็นระยะหลายสิบล้านลี้ ระยะห่างระหว่างจ้าวภูเขาฉื้อเหมยและตงป๋อเสวี่ยอิงหดสั้นลงเรื่อยๆ
“ความเร็วก็สูงกว่าข้าเล็กน้อยด้วยหรือนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งระแวดระวังมากขึ้น เงาร่างของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยราวกับเงาสีโลหิตอันเลือนราง คล้ายกับสถานะ ‘กลายเป็นอากาศธาตุ’ เป็นอันมาก
“ตู้ม!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งเดิมกำลังหนีอยู่หยุดลงอย่างกะทันหัน ด้านหลังมี ‘ปีศาจชาด’ วิหคเทพสีแดงเพลิงขนาดมหึมาปรากฏขึ้น ปีกใหญ่จนบดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ กระแสอากาศสีแดงเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่กำจายและปกคลุมจ้าวภูเขาฉื้อเหมยผู้นั้นเอาไว้ เขตลวงก็โจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จ้าวภูเขาฉื้อเหมยขมวดคิ้วเล็กน้อย เขตลวงที่อาศัยวิธีการของศาสตร์โบราณสำแดงการโจมตีออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ขาดสาย ทำให้จ้าวภูเขาฉื้อเหมยต้องใช้พลังจิตถึงแปดส่วน
“ไม่หนีแล้วหรือ” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยก็หยุดลงกลางอากาศ “เช่นนั้นก็รับกระบวนท่าข้าสักท่าหนึ่งก่อนเถิด”
ทันใดนั้นในมือของเขาก็พลันมีกงล้อทรงกลมหน้าตาพิกลอันหนึ่งปรากฏขึ้น ตัวกงล้อนั้นกึ่งโปร่งใส มันบางมากเสียจนตงป๋อเสวี่ยอิงยากที่จะใช้หน่วยวัดบอกความหนาของมันให้แน่ชัดได้ จากการคาดคะเนของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว…เกรงว่าความบางของมันคงจะไม่แตกต่างกับเส้นผ่านศูนย์กลางของรูทรงกลมหมอกดำมากสักเท่าใดนัก
เรื่องนี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งตกตะลึงและตั้งตารอคอยขึ้นมา
ที่แท้แล้วพลังของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยเป็นเช่นไรกันแน่ เขาเป็นระดับชั้นที่เก้าอย่างไร้ข้อกังขา วิธีการต่อสู้ก็พิเศษ คิดจะไปก็ไปโดยมิมีผู้ใดขัดขวางได้ ทั้งยังมีสถานะอันเร้นลับ ไม่ว่าจะเป็นร่างแยกของเขาวิชาการสะกดรอยใดๆ ก็ล้วนมิอาจตามหาเขาได้พบ ดังนั้นสถานะของเขาก็ออกจะไม่ธรรมดาอยู่บ้างแล้ว
“ไป” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยสะบัดกงล้อทรงกลมในมือออกไป
กงล้อทรงกลมกึ่งโปร่งใสพลันแล่นข้ามท้องฟ้าไป
มันบางเกินไปแล้ว
ด้วยความบางที่ไม่แตกต่างกับเส้นผ่านศูนย์กลางของรูทรงกลมหมอกดำมากสักเท่าใดนัก ทำให้มันคมกริบหาใดเปรียบ คมกว่าสมบัติลับหลายชนิด แม้แต่บริเวณที่ผ่านไปก็ยังถูกตัดเฉือน ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถ ‘ตรวจตรา’ ได้ แม้แต่ทรงกลมหมอกดำก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ถูกตัดเฉือนจนเกิดเป็นรอยถากเลย นี่เป็นกระบวนท่าที่น่าหวาดหวั่นอย่างมาก เพียงพอให้จัดอยู่ในระดับชั้นที่เก้าได้แล้ว
เพียงชั่วความคิดเดียวของตงป๋อเสวี่ยอิง บุปผาเก้าใบก็ร่อนลงไปอย่างกะทันหัน
ดอกตูมสีดำร่อนลงไปอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนจะปกคลุมและห่อหุ้มกงล้อทรงกลมเอาไว้อย่างง่ายดาย บุปผาเก้าใบแต่ละดอกห่อหุ้มต่อเนื่องกัน ฟึ่บ กงล้อทรงกลมเฉือนทำลายบุปผาเก้าใบดอกหนึ่งไปอย่างไร้สุ้มเสียง ชั่วขณะที่ทำลายไปนั้นก็ส่งผลให้บุปผาเก้าใบพังสลาย อานุภาพอันน่าหวาดหวั่นก็ทำให้กงล้อทรงกลมสั่นสะเทือน อานุภาพลดลงอย่างมาก บุปผาเก้าใบดอกที่สองเพียงแค่ถูกเฉือนไปเล็กน้อยก็มลายหายไปจนสิ้น
“หากมิใช่เพราะผลกระทบจากเขตลวงของเขา ข้าก็จะสามารถสำแดงกงล้อแห่งห้วงอากาศออกมาได้มากกว่านี้” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยยื่นมือทั้งสองออกไป มือแต่ละข้างมีอาวุธเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นกงล้ออันบางเฉียบอย่างยิ่งทั้งสิ้น นี่คือสมบัติลับอันล้ำค่าอย่างยิ่ง สามารถทำให้จ้าวภูเขาฉื้อเหมยสำแดงพลังการต่อสู้ประชิดตัวอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งออกมาได้ หากเป็นศัตรูทั่วไปแล้ว ตามปกติเมื่อเขาปล่อยกงล้อแห่งห้วงอากาศออกไปสักหลายกระบวนท่าก็สามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้แล้ว แต่เนื่องจากครั้งนี้ถูกเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดสิบแปรกดดันอยู่ พลังจิตถึงแปดส่วนของเขาต้องใช้ต้านทานเขตลวง สามารถรักษาการต่อสู้ประชิดตัวเอาไว้ได้ก็ถือว่าทุ่มเทสุดกำลังไปแล้ว
“ฆ่า”
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยทะยานตรงไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง บุปผาเก้าใบร่อนลงมาปกคลุมอย่างต่อเนื่องกัน จ้าวภูเขาฉื้อเหมยโหดเหี้ยมผิดธรรมดา กงล้อในมือทั้งสองเชือดเฉือนตามอำเภอใจ ทำให้บุปผาเก้าใบถูกตัดเฉือนออก
“บุปผาเก้าใบมีประโยชน์ด้านการพันธนาการ ทว่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังถูกทำลาย มันสามารถพันธนาการฝูงมารผลาญทำลายระดับชั้นที่เก้าพวกนั้นได้ แต่เมื่อปะทะเข้ากับจ้าวภูเขาฉื้อเหมยก็อ่อนแอเสียแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ กงล้อแห่งห้วงอากาศที่จ้าวภูเขาฉื้อเหมยสำแดงออกมานั้นมีพลังระดับชั้นที่เก้า บัดนี้อาศัยสมบัติลับกงล้อคู่หนึ่ง พลังรบก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
“ทำลาย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำหนดจิตคราหนึ่ง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
บุปผาเก้าใบอันเรืองรองดอกแล้วดอกเล่าถูกทำลายไป ดอกตูมเบ่งบานแล้วก็ถูกทำลายระหว่างกำลังเบ่งบานนั่นเอง จ้าวภูเขาฉื้อเหมยอดคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวไม่ได้ เขาพุ่งเข้าสังหารอย่างต่อเนื่อง อานุภาพทำลายล้างอันยิ่งใหญ่นั้นทำอะไรมิได้ เขาถึงขั้นถูกบีบบังคับให้ใช้อาวุธมาต้านทาน
บุปผาเก้าใบของตงป๋อเสวี่ยอิงต่อเนื่องไม่ขาดสาย ขณะเดียวกับที่ถูกทำลาย ก็มีดอกใหม่ร่อนลงมาทดแทน
“ถึงกับ ถึงกับเอาชนะไม่ได้หรือนี่” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยยิ่งทวีความอดสูใจ แม้เขาคิดจะต่อสู้กับตงป๋อเสวี่ยอิงสักยกหนึ่งเพื่อเคี่ยวกรำตนเอง แต่เขาก็คิดจะคว้าชัยด้วยเช่นกัน! เขามิได้พ่ายแพ้มาตั้งนานแล้ว เขาคิดเอาเองว่ามีพรสวรรค์สูงส่งอย่างยิ่งจนไม่เห็นขั้นอลวนคนไหนอยู่ในสายตาเลย แม้แต่เทพจักรวาลบางคนเขาก็ยังดูแคลน
ในสายตาของเขา ก็ล้วนแต่เป็นตัวโง่งมที่จะต้องตายในการทำลายล้างครั้งใหญ่ทั้งสิ้น
เขาถือเอาเคล็ดวิชาสืบทอดทางสายของตนเป็นความภาคภูมิใจ! และคิดเอาเองว่ามีพลังรบที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่วันนี้กลับเอาชนะมิได้เสียนี่
“ถ้าหาก ถ้าหากมิใช่เพราะพลังจิตแปดส่วนได้รับผลกระทบ ข้าจะโจมตีกลีบดอกไม้เหล่านี้ไม่แตกได้อย่างไรกัน” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลางมองดูบุรุษหนุ่มอาภรณ์ขาวนอกกลีบดอกไม้สีดำกึ่งโปร่งใสซึ่งกำลังหมุนคว้างดอกแล้วดอกเล่าผู้นั้น
แพ้แล้ว
แม้เขาออกจะไม่อยากยอมรับอยู่บ้าง แต่ก้นบึ้งหัวใจของเขาก็รู้ดีว่า เขตลวงก็เป็นความสามารถส่วนหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิง อีกฝ่ายมิได้ใช้สมบัติลับในการต่อสู้เสียด้วยซ้ำ!
“ช่างร้ายกาจโดยแท้” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูอยู่ห่างๆ แล้วก็อดลอบทอดถอนใจมิได้ “แม้จะถูกข้ากดดันอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นบุกออกมาจากบุปผาเก้าใบมิได้ บุปผาเก้าใบก็ทำลายอย่างต่อเนื่อง แต่กลับมิอาจทำร้ายเขาได้เลย อาวุธทั้งคู่ของเขาเชี่ยวชาญด้านการป้องกันอย่างยิ่ง นอกจากนี้เหมือนเขาจะมีผลสำเร็จด้านการกลายเป็นอากาศธาตุที่สูงส่งอย่างยิ่ง สูงส่งกว่าข้าเสียอีกกระมัง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดเอาเองว่าการกลายเป็นอากาศธาตุร้ายกาจมากแล้ว
เพราะถึงอย่างไรเขาก็มีวิชาลับผู้ท่องชั้นที่ห้าสิบ ทั้งยังมีเคล็ดวิชาสืบทอดของจักรพรรดิเก้าเมฆารวมถึงมีเกราะเกล็ดที่แม่ทัพโม่กู่ทิ้งเอาไว้ตอนสิ้นใจคอยช่วยเหลือ ทำให้บัดนี้การกลายเป็นอากาศธาตุของตงป๋อเสวี่ยอิงเยี่ยมยอดอย่างยิ่ง แต่เหมือนว่าจะด้อยกว่าจ้าวภูเขาฉื้อเหมยอยู่บ้าง
ตอนที่ 6 ตื่นตระหนก
โดย
Ink Stone_Fantasy
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยหยุดลงแล้วมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไปด้วยสายตาเยียบเย็น เพียงแค่ใช้กงล้อในมือทั้งคู่สกัดกั้นพลังทำลายล้างบ้างเป็นครั้งคราวโดยมิได้โจมตีอีกต่อไป แม้ฉากหน้าจะยังคงเย็นชา แต่ภายในใจกลับกำลังไตร่ตรองการต่อสู้เมื่อครู่นี้ “กงล้อแห่งห้วงอากาศของข้ายังมิได้บรรลุถึงขั้นสุดอย่างแท้จริง หากบรรลุถึงขีดสุดแล้ว ดอกไม้สีดำของเขาพวกนั้นจะต้องต้านทานเอาไว้มิได้แน่ ขณะที่ดอกไม้ถล่มทลายลงไปนั้น การโจมตีเข้าเสริมทุกหนแห่ง ไม่มีที่ให้หลบหลีกได้ กงล้อแห่งห้วงอากาศจำเป็นต้องทนรับการโจมตี”
ในห้วงสมองของเขามีข้อมูลโดยละเอียดขณะที่ได้รับเคล็ดวิชาสืบทอดมา
เมื่อรับมืออย่างต่อเนื่อง เขาก็ค่อยๆ ได้อะไรมาบ้าง
ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าก็หยุดลง บุปผาผลาญทำลายดอกแล้วดอกเล่าค่อยๆ สลายไป กลับคืนสู่ฟ้าดิน
“ไม่เสียทีที่เขตลวงเป็นอันดับที่หนึ่งของผู้บำเพ็ญทั้งปวง ร้ายกาจใช้ได้เลยทีเดียว หากเจ้าไม่มีลูกไม้เขตลวงแล้วล่ะก็ ข้าก็จะสามารถเอาชนะเจ้าได้อย่างง่ายดาย” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยพูดด้วยเสียงเฉียบคม
“วิธีการด้านอากาศของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยก็เยี่ยมยอดอย่างแท้จริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงชมเชยประโยคหนึ่ง สายตากลับมองดูรอบด้านแวบหนึ่ง เมื่อครู่เขาหนีอย่างรวดเร็วเป็นระยะทางหลายสิบล้านลี้ การต่อสู้ครั้งนี้มิได้เกิดลูกหลงที่ส่งผลกระทบต่อผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในตัวเมืองเหล่านั้น มีเพียงขอบเขตแสนล้านลี้ที่จ้าวภูเขาฉื้อเหมยบันดาลโทสะออกมาในตอนแรกสุดเท่านั้นที่สิ่งมีชีวิตสูญสิ้นไปจนหมด
“ข้ายังมีธุระอีก ต้องขอตัวก่อนแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว ขณะเดียวกันมิติด้านข้างก็มีบิดเบี้ยว เขาสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่งก็เข้าไปอยู่ในนั้น
คนสติฟั่นเฟือนผู้นี้ อยู่ยิ่งห่างจากเขาก็ยิ่งดี
คนสติฟั่นเฟือนที่ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย ต่อให้ไม่พอใจยิ่งกว่านี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทำได้เพียงสลัดทิ้งไปก่อนเท่านั้น
เดิมทีจ้าวภูเขาฉื้อเหมยพูดกับตงป๋อเสวี่ยอิงไปพลาง หวนคิดและไตร่ตรองการต่อสู้ครั้งนี้ไปพลางอยู่แล้ว แต่ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นจากไปนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปรไป
เขามองดูอากาศตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
อากาศผืนนั้นฟื้นคืนสภาพปกติแล้ว แต่การสัมผัสรับรู้อากาศของเขาร้ายกาจเพียงใด เขาจำระลอกคลื่นขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้อย่างชัดเจน
“นี่ นี่มัน…” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยไม่อยากจะเชื่อ “นี่มันศาสตร์การส่งถ่ายทางสายของพวกเรานี่นา เขา เขาสำแดงออกมาได้อย่างไรกัน”
คุ้นเคยเกินไปแล้ว
เคล็ดวิชาสืบทอดทางสายของพวกเขานี้เป็นความลับอย่างยิ่งยวด
ทั่วทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน ผู้ที่นับได้ว่าเป็นผู้สืบทอดอย่างแท้จริงก็มีอยู่เพียงสองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือประมุขหอหมื่นโลกา อีกคนหนึ่งก็คือเขา จ้าวภูเขาฉื้อเหมย! ดังนั้นจ้าวภูเขาฉื้อเหมยจึงย่อมเกิดความหยิ่งผยองในใจขึ้นเป็นธรรมดา แม้แต่บรรดาเทพจักรวาลซึ่งมีพลังแข็งแกร่งกว่าเขา เขาก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา ความหยิ่งผยองของเขาก็มาจากเคล็ดวิชาสืบทอดของเขานั่นเอง ในสายตาเขา เคล็ดวิชาสืบทอดของตนนั้น…เหนือกว่าระบบการบำเพ็ญอื่นๆ ทั้งหมด!
ระบบศาสตร์โบราณ ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ระบบทิพย์ ระบบเหล่ากลืนกิน ระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุดและอื่นๆ
ล้วนห่างชั้นกับเคล็ดวิชาสืบทอดของตนลิบลับ
เคล็ดวิชาสืบทอดของตนนั้นสามารถกดดันเคล็ดวิชาสืบทอดทั้งปวงได้อย่างแท้จริง!
เคล็ดวิชาสืบทอดทางสายนี้ทำให้เขา จ้าวภูเขาฉื้อเหมยมีศาสตร์การส่งถ่ายพิเศษ ร่างแปรก็สามารถสำแดงออกมาได้! และสามารถปรากฏกายขึ้นในที่แห่งใดของอากาศอันสับสนอลหม่านก็ได้ นอกจากนี้หากมีร่างแยก ร่างแยกก็สามารถซ่อนตัวได้ ศาสตร์การสะกดรอยทั้งมวลล้วนหาไม่พบ พลังรบก็น่าหวาดหวั่นมากเช่นกัน เขาจัดอยู่ในอันดับเหนือสุดของบรรดาระดับชั้นที่เก้า
เขาและประมุขหอหมื่นโลกาล้วนมีสถานะไม่ธรรมดา
แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางสายพวกเขาออกมาเสียนี่!
“เขาศึกษาสำเร็จได้อย่างไรกัน เป็นไปไม่ได้หรอก! ท่านอาจารย์มิได้อยู่ในอากาศอันสับสนอลหม่านเลย ทางสายของพวกเรามีเพียงข้าและศิษย์พี่หมื่นโลกาแค่สองคนเท่านั้น แม้พวกเราจะถ่ายทอดให้บรรดาศิษย์เช่นกัน แต่ก็ถ่ายทอดแค่พื้นฐานสุดให้เท่านั้น มิได้บำเพ็ญจนถึงระดับที่สูงส่งพอ หากท่านอาจารย์มิได้เห็นด้วย ก็ย่อมมิอาจถ่ายทอดเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักให้ได้ เขาไปศึกษาศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกามาจากไหนกัน” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยแตกตื่นอยู่บ้าง ทั้งยังมีความเดือดดาลอยู่ด้วย
เขาเข้าใจดีมากว่า
แม้พวกผู้บำเพ็ญศาสตร์โบราณจะสามารถส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ แต่วิธีก็แค่เช่นทางเดินมิติหรือการเคลื่อนที่ผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ดังนั้นจึงต้องเป็นร่างจริงเท่านั้นที่สามารถสำแดงออกมาได้ ไม่เพียงแค่ศาสตร์โบราณเท่านั้น แต่รวมถึงบรรพชนห้วงอากาศด้วย! เนื่องจากวิธีการของพวกเขามีภาระมากเกินไป ร่างแปรจึงไม่มีทางสำแดงออกมาได้เลย
แต่ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทางสายจ้าวภูเขาฉื้อเหมยนั้น หากบรรลุแล้ว การสำแดงออกมาก็เป็นภาระของพลังจิตน้อยมาก ร่างแปรก็สามารถสำแดงออกมาได้อย่างง่ายดาย
“ร่างแปรของเขาสามารถสำแดงออกมาได้ ก็มิใช่ว่าสามารถไปเสาะหารังระดับเกราะทองได้แล้วหรือ” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยโมโห และถึงขั้นร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
ในสายตาของเขา
เมื่อฝูงมารผลาญทำลายมีภัยคุกคามมากขึ้นทุกทีๆ ในท้ายที่สุดเทพจักรวาลเหล่านั้นก็จะต้องก้มหัวศิโรราบต่อเขา เพื่อขอให้เขาช่วยตามหา! เพราะว่า ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ ศิษย์พี่ของเขาสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว จึงไม่ต้องร้อนรนอีกต่อไป เขาเคยพูดคุยกับศิษย์พี่ประมุขหอหมื่นโลกามาก่อน จึงไม่มีทางมาแย่งชิงผลประโยชน์ครั้งใหญ่นี้กับเขา เขาลับมีดดังฉับๆ มาตั้งนานเพื่อที่จะขูดรีดบรรดาเทพจักรวาลสักตั้ง
หากได้ศิลาปฐมโลกามาไม่ถึงหลายล้านก้อนไปจนถึงสักสิบล้านก้อน จะรามือได้อย่างไรกัน
แต่ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถสำแดงออกมาได้เช่นกัน เมื่อดูจากนิสัยของอีกฝ่ายที่สามารถไล่ล่าฝูงมารผลาญทำลายไปทั่วสารทิศอย่างไม่ย่อท้อต่อความลำบากแล้ว เกรงว่าคงจะยินดีตามหารังระดับเกราะทองโดยไม่ต้องเรียกร้องศิลาปฐมโลกา!
“ไม่ เรื่องพรรค์นี้จะเกิดขึ้นมิได้เป็นอันขาด” นัยน์ตาของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยฉายแววร้ายกาจ หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้เขาจงใจท้ายทายเพียงเพื่อต่อสู้ เช่นนั้นตอนนี้เขาก็ร้อนใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว และยังถึงขั้นเกิดความอาฆาตขึ้นมาเลยทีเดียว
อากาศด้านข้างบิดเบี้ยว
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยสาวเท้าเข้าไปในนั้นแล้วหายวับไป
การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นของเขาเหมือนกับตงป๋อเสวี่ยอิงทุกประการ!
……
ภายในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ที่นี่มีหอหมื่นโลกาตั้งอยู่แห่งหนึ่ง
หอหมื่นโลกาครอบคลุมไปหลายท้องที่ของอากาศอันสับสนอลหม่าน ภายในหอหมื่นโลกาแต่ละแห่งล้วนมีชายชราอยู่ผู้หนึ่ง ชายชราล้วนเหมือนกันทุกประการ กลิ่นอายก็เหมือนกันหมด เพราะล้วนแต่เป็นร่างแยกของเทพจักรวาล ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ ที่แท้แล้วร่างแยกของเขามีจำนวนมากน้อยเท่าใดนั้น เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่
สวบ
เนื่องจากเป็นระยะทางใกล้มาก จ้าวภูเขาฉื้อเหมยจึงส่งถ่ายตรงไปยังหอหมื่นโลกาทันที นอกจากที่นี่จะมีชายชราซึ่งเอนกายนอนกรนดังคร่อกๆ อยู่บนตั่งแล้ว ก็ไม่มีแขกเหรื่อใดอีกเลยแม้แต่คนเดียว เนื่องจากการรับประทานอาหารภายใน ‘หอหมื่นโลกา’ สักมื้อนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงลิบลิ่ว และอาหารก็ยังย่ำแย่มาก หากไม่มี ‘เหตุผลพิเศษ’ แล้ว ย่อมไม่มีผู้ใดเข้ามาแน่นอน
“เอ๊ะ” ชายชราซึ่งกำลังนอนกรนดังคร่อกๆ ลืมตาอันห้อยย้อยขึ้นมา แล้วเหลือบมองจ้าวภูเขาฉื้อเหมยซึ่งปรากฏกายขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ ว่า “ฉื้อเหมยเองหรือนี่ ไยจู่ๆ ก็มาปรากฏกายตรงนี้ได้เล่า”
“ศิษย์พี่ เกิดเรื่องยุ่งยากแล้ว” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกล่าว
“เรื่องยุ่งยากรึ เรื่องยุ่งยากอันใดกัน” ชายชรายืดกายขึ้น ยังคงไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าใดนัก เขาและศิษย์น้องจ้าวภูเขาฉื้อเหมยนั้นแตกต่างกัน เขาสำเร็จเป็นเทพจักรวาลตั้งนานแล้ว เขาสามารถมองดูโลกเกิดขึ้นและดับสลายไปได้อย่างสงบมาก เมื่อเทียบกันแล้ว ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ ศิษย์น้องของเขาต้องร้อนรนมากกว่าอยู่บ้าง
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกล่าวว่า “ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักของทางสายพวกเรา ท่านมิได้ถ่ายทอดให้ศิษย์กระมัง”
“หากท่านอาจารย์มิได้อนุญาต ข้าจะกล้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักออกไปได้อย่างไรกัน” ชายชราส่ายหน้า
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยพูดเสียงเคร่งขรึมว่า “ข้าก็มิได้ถ่ายทอดเช่นกัน แต่ว่า…ตงป๋อเสวี่ยอิงแห่งวังทวีสูญผู้นั้นกลับสามารถสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาออกมาได้”
“อะไรนะ”
ชายชราตกตะลึง
ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา…เป็นวิธีการที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดของเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักของพวกเขา
อย่างเขาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมย แม้จะกล่าวว่ามาจากทางสายเดียวกัน แต่อันที่จริงแล้วก็เอนเอียงไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน! เหมือนดั่ง ‘จักรพรรดิดำ’ และบรรพชนโลกาก็เอนเอียงไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน
แม้พวกเขาทั้งสองจะเป็นทิศทางที่แตกต่างกันของสายเคล็ดวิชาสืบทอด แต่พวกเขาก็สามารถสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาออกมาได้เช่นเดียวกัน นี่เป็นวิธีการเดินทางพื้นฐานที่สุด
“ตงป๋อเสวี่ยอิงรึ” ชายชราไม่อยากจะเชื่อ “ขั้นอลวนอย่างเขาคนหนึ่งจะไปศึกษาศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกามาจากไหนกัน ท่านอาจารย์ก็มิได้อยู่ในอากาศอันสับสนอลหม่านของเรา หากท่านอาจารย์กลับมา ข้าก็ต้องสามารถสัมผัสรับรู้ได้ทันทีสิ!”
“ถูกต้อง ข้าสงสัยว่าเขาจะอาศัยเขตลวงของเขาตรวจพบวิธีการบำเพ็ญพื้นฐานที่สุดจากศิษย์ของพวกเราน่ะสิ และจากวิธีการบำเพ็ญพื้นฐานที่สุด…ก็ผลักดันจนเป็นศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาขึ้นมา” นัยน์ตาของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยเต็มไปด้วยแววอาฆาต “อากาศอันสับสนอลหม่านนี้มีขุมอำนาจหลายฝ่าย ผู้ที่อยากจะศึกษาทางสายเคล็ดวิชาสืบทอดของพวกเรามีมากมายยิ่งนัก เทพจักรวาลพวกนั้นต่างก็มองเคล็ดวิชาสืบทอดของพวกเราตาเป็นมัน ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้กลับรับรู้และแอบศึกษาวิธีการพื้นฐานของเรา จนผลักดันศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาออกมาได้ จะให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปมิได้เป็นอันขาด! หากเขามีชีวิตอยู่ต่อไป ก็เกรงว่าคงจะเรียนรู้ได้มากกว่านี้ ต้องฆ่าเขาทิ้งเสีย!”
ตอนที่ 7 ไต่ถาม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชายชราขมวดคิ้วพลางส่ายศีรษะเบาๆ “ได้ยินมาว่าบัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นผู้บำเพ็ญที่เชี่ยวชาญด้านเขตลวงที่สุด เขาอาศัยเขตลวงตรวจสอบวิธีการบำเพ็ญพื้นฐานของทางสายเราจากศิษย์ของข้าและเจ้า…เรื่องนี้ข้าเชื่อ! แต่เพียงแค่อาศัยวิธีการพื้นฐานผลักดันให้เกิดศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาขึ้นมา เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ตอนนั้นข้ากับเจ้าระดับขั้นถึงแล้ว ก็ต้องให้ท่านอาจารย์ถ่ายทอด จึงศึกษาศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้สำเร็จ อาศัยตนเองจะสำแดงออกมาได้อย่างไรกัน”
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยพูดอย่างร้อนรนว่า “ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นมีพรสวรรค์สูงส่งยิ่งนัก บำเพ็ญจนถึงระดับขั้นเช่นทุกวันนี้ก็เพิ่งจะใช้เวลาไปนานเท่าไหร่กัน ด้วยความสามารถในการรับรู้ของเขา สามารถทำถึงขั้นนี้ได้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้”
“อื้ม พรสวรรค์ของเขาสูงส่งจริงๆ นั่นแหละ” ประมุขหอหมื่นโลกายังคงไม่อยากจะเชื่อ
อาศัยตนเองสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาออกมาน่ะหรือ
เท่าที่เขารู้
ผู้ที่คิดค้นศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาขึ้นมาด้วยตนเองจริงๆ นั้น คนหนึ่งก็คืออาจารย์ของพวกเขา ซึ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์เยี่ยมยอดไร้เทียมทานอย่างแท้จริง ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือจักรพรรดิเก้าเมฆาซึ่งสิ้นใจไปตั้งนานแล้ว ตอนนั้นถึงอย่างไรจักรพรรดิเก้าเมฆาก็เป็นผู้ที่สำเร็จเป็นเทพจักรวาลด้วยวิถีของอากาศ ทั้งยังบรรลุถึงเทพจักรวาลระดับที่สอง เมื่อมีการสั่งสมที่แน่นหนาเช่นนี้ เขาจะผลักดันให้เกิดศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งเป็นเพียงขั้นอลวนคนหนึ่งผลักดันขึ้นมาน่ะหรือ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
การศึกษาเคล็ดลับสักวิชาหนึ่ง เมื่อเทียบกันแล้วก็ง่ายกว่า เพราะถึงอย่างไรคนรุ่นก่อนก็ได้วางเคล็ดวิชาเอาไว้ตรงหน้าแล้ว ขอเพียงใช้งานเป็นก็พอแล้ว! แต่จะคิดค้นศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาขึ้นมาก็ยากแล้ว
“เท่าที่ข้ารู้ ตอนนั้นจักรพรรดิเก้าเมฆาก็สามารถสำแดงออกมาได้เช่นกัน” ประมุขหอหมื่นโลกากล่าว “เขาศึกษามาจากจักรพรรดิเก้าเมฆาอย่างนั้นหรือ”
“เฮอะ” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยพูดเสียงเย็นชา “เขาจะศึกษามาจากไหนแล้วสำคัญหรือไร ไม่สำคัญหรอก! สิ่งสำคัญที่สุดก็คือหลังจากจักรพรรดิเก้าเมฆาสิ้นใจไปแล้ว ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาก็มีเฉพาะทางสายของพวกเราเท่านั้น! ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ใช้เป็นแล้ว ก็จะไม่ใช่วิชาเฉพาะของพวกเราอีกต่อไป หากท่านอาจารย์อยู่ล่ะก็ เกรงว่าคงจะอยากให้ทำลายตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ไปเช่นกัน”
ประมุขหอหมื่นโลกาพยักหน้า
เขายอมรับว่าศิษย์น้องกล่าวได้ถูกต้อง
ในบรรดาศิษย์และอาจารย์ทั้งสามคนนี้ เมื่อเทียบกันแล้ว นับว่าประมุขหอหมื่นโลกานิสัยดีที่สุดแล้ว แต่ก็สร้าง ‘หอหมื่นโลกา’ ขึ้นมาให้ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนรับหน้าที่เป็นมือสังหาร ไปเข่นฆ่าตามที่ต่างๆ เช่นกัน นิสัยของเขาเยียบเย็นแต่กลับเหนือกว่าธรรมดา ไม่ค่อยอยากจะมีส่วนร่วมในการแย่งชิงระหว่างขุมอำนาจต่างๆ แต่ ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ นั้น ด้วยนิสัยของท่านอาจารย์แล้วก็คงจะทำลายตงป๋อเสวี่ยอิงทิ้ง ในฐานะศิษย์ ก็ต้องจัดการธุระให้ดี
“อืม ข้าจะรอดูสิว่า เขาใช้ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาเป็นจริงๆ หรือไม่ หากมั่นใจเมื่อไหร่ ก็หาโอกาสกำจัดเขาได้เลย” ประมุขหอหมื่นโลกาเอ่ย
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยเผยรอยยิ้มเยียบเย็นดุจน้ำแข็งสายหนึ่งออกมา
เมื่อกำจัดตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว
ในภายหน้าการตามหารังระดับเกราะทอง บรรดาเทพจักรวาลก็คงได้แต่มาขอร้องเขาแล้ว!
……
ผ่านไปชั่วขณะ
ไม่นานนักประมุขหอหมื่นโลกาก็ตรวจพบร่องรอยของตงป๋อเสวี่ยอิง อาศัยร่างแยกก็สามารถสอดส่องผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้อย่างง่ายดาย ท่ามกลางการตรวจตราของเขา
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวทั้งร่างอยู่นอกคูหาลับแห่งหนึ่งท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านพลางสำแดงเขตลวงเข้าไปตรวจสอบ หลังจากตรวจสอบแล้วมั่นใจว่ามิใช่ฝูงมารผลาญทำลาย และมั่นใจว่าไม่มีแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สอดส่องโดยรอบเพื่อเสาะหาจุดหมายแห่งต่อไป ไม่นานนัก หลังจากกำหนดเป้าหมายแล้ว เขาก็ส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นไปยังบริเวณใกล้เคียง มีเพียงอากาศด้านข้างที่บิดเบี้ยว แล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็หายวับไป
เขาไล่ล่าไปตามบริเวณต่างๆ
ส่วนร่างแยกของประมุขหอหมื่นโลกาก็มองดูอย่างเงียบเชียบ
“ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา” หลังจากประมุขหอหมื่นโลกาดูอยู่หลายครั้ง บนใบหน้าเหี่ยวชราก็ยิ่งทวีความเย็นชา “เป็นศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาจริงๆ ด้วย” เขามั่นใจเต็มเปี่ยม
ประมุขหอหมื่นโลกาเบิกตากว้าง มองดูจ้าวภูเขาฉื้อเหมยด้านข้าง
“ศิษย์พี่ เป็นอย่างไรบ้าง” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกล่าวขึ้น
“สิ่งที่เขาสำแดงออกมาคือศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาจริงด้วย ควรกำจัดเขาทิ้งเสีย” ประมุขหอหมื่นโลกาพูดต่อ “ทว่าเจ้าต้องออกหน้าไปสอบถามเขาเสียหน่อย จะได้วิเคราะห์ได้ว่า เขาอาศัยเขตลวงจนได้วิธีการพื้นฐานมาแล้วผลักดันให้เกิดศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาขึ้นมา หรือว่าศึกษาจากจักรพรรดิเก้าเมฆากันแน่ พวกเราต้องพยายามตัดขาดเคล็ดวิชาสืบทอดนั้นของพวกเขาให้ได้ แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะเข้าถึงเพียงแค่บางส่วน แต่กำจัดทิ้งโดยเร็วเสียจะดีกว่า”
“อื้ม” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยพยักหน้า ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินมาบนเส้นทางที่ถูกต้องอย่างแท้จริง หากให้เวลาเพียงพอ ไม่แน่ว่าในภายหน้าอาจจะสามารถบุกเบิกเคล็ดวิชาสืบทอดที่คล้ายคลึงกับทางสายของพวกเขาขึ้นมาจนสำเร็จก็เป็นได้
******
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายวันแล้ว
ณ ทุ่งร้าง
ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏกายขึ้นบนทุ่งร้างแห่งหนึ่ง แล้วส่งเขตลวงลงไปปกคลุมคูหาลับใต้ดินแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปเอาไว้ทันที
“เอ๊ะ” สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงพลันเปลี่ยนแปรไป เมื่อมองออกไปด้านข้างไม่ไกลนัก กลางอากาศไม่ไกลออกไปนักบิดเบี้ยว เงาร่างสายหนึ่งเดินออกมาจากในนั้น ซึ่งก็คือจ้าวภูเขาฉื้อเหมยผู้แผ่กลิ่นอายโหดร้ายระคนเย็นชาออกมา จ้าวภูเขาฉื้อเหมยยืนอยู่กลางอากาศ พลางมองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยสายตาเยียบเย็น เขาแค่นเสียงพูดว่า “ประมุขตำหนักตงป๋อ วิธีการของเจ้าออกจะไร้ยางอายเกินไปหน่อยกระมัง”
“ไร้ยางอายหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง
“จ้าวภูเขาฉื้อเหมย ท่านบอกว่าข้าไร้ยางอายหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงงุนงง “ข้าทำอะไรไปรึ เพราะใช้เขตลวงลงมือกับท่านในครั้งก่อนหรือ”
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยสำรวจสีหน้าท่าทางของตงป๋อเสวี่ยอิงโดยละเอียด หากลอบอาศัยเขตลวงจนได้วิธีการบำเพ็ญพื้นฐานมาจากศิษย์ทั่วไปแล้ว เมื่อยามนี้ถูกไต่ถาม ก็ควรจะเผยพิรุธออกมาจึงจะถูกต้อง แน่นอนว่าเขายังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ว่าเขายังคงปากแข็งดังเดิมออกไป
“ที่ข้าพูดไม่ใช่เรื่องนี้ เจ้าไล่ล่าฝูงมารผลาญทำลายไปทั่วทิศ เรื่องเขตลวงนั่นข้าก็คร้านจะคิดบัญชีกับเจ้าแล้ว แต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าสิ่งที่เจ้าทำจะมิมีผู้ใดล่วงรู้” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยยิ้มหยัน “เมื่อครู่เห็นข้าส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นมา ได้เห็นกระบวนท่าส่งถ่ายของข้าแล้ว เจ้ายังคิดจะแก้ต่างอะไรอีกหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจ
ส่งถ่ายหรือ
ใช่แล้ว
ความทรงจำของเขาสูงส่งเพียงใด ขณะที่จ้าวภูเขาฉื้อเหมยส่งถ่ายมาเมื่อครู่ อากาศบิดเบี้ยวช่างเหมือนกับการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นของเขาไม่มีผิด เป็นวิธีการส่งถ่ายที่อาศัยรูทรงกลมหมอกดำ ความเคลื่อนไหวน้อยนิดยิ่งนัก
“เรื่องที่ข้าส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ เชื่อว่าในอากาศอันสับสนอลหม่านและโลกทิพย์ทั้งห้ามีผู้ล่วงรู้มากมายยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า “ข้าสำแดงออกมาในปราการอากาศก็หลายครั้ง นี่เป็นวิธีการและพรสวรรค์ที่ข้ามีหลังจากสำเร็จเป็นขั้นอลวนและบำเพ็ญศาสตร์โบราณควบคู่ไปด้วย ทำไมรึ พรสวรรค์ศาสตร์โบราณนี้ของข้ามีปัญหาหรือ”
“พรสวรรค์ศาสตร์โบราณ ช่างน่าขันนัก!” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยชี้หน้าตงป๋อเสวี่ยอิงพลางแค่นเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว “นี่เป็นถึงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาซึ่งเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดที่มีแค่ทางสายของพวกเราเท่านั้นที่มี เคล็ดวิชาสืบทอดของพรสวรรค์ศาสตร์โบราณเป็นสิ่งที่กฎเกณฑ์อันสูงส่งมอบให้มา ซึ่งล้วนอยู่ในขอบเขตของกฎเกณฑ์อันสูงส่ง ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกานั้นเริ่มสอดแนมไปนอกอากาศอันสับสนอลหม่านแล้ว กฎเกณฑ์อันสูงส่งจะมอบให้มาได้อย่างไรกัน เจ้าพูดเรื่องน่าขันอะไรรึ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว พรสวรรค์ศาสตร์โบราณเต็มไปด้วยความน่าพิศวง แม้แต่การเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์ที่เคยมีสักเล็กน้อยก็สามารถปรากฏขึ้นได้! แม้แต่พรสวรรค์การทำนายล่วงหน้าก็สามารถปรากฏขึ้นได้เช่นกัน พรสวรรค์การส่งถ่ายของข้านี้จะนับเป็นอะไรได้เล่า ส่วนที่ท่านพูดเรื่องศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาอะไรนั่น ข้าเพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก”
“ความหมายของเจ้าก็คือ ศาสตร์การส่งถ่ายนี้ของเจ้ามิใช่ได้มาด้วยการใช้เขตลวงแอบศึกษาหรือ” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยยิ้มเย็น
“จ้าวภูเขาฉื้อเหมย ข้าไม่มีเวลาพูดกับท่านให้มากความหรอกนะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงจะผละจากไปทันที ต่อให้พูดไปมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด
“ศาสตร์การส่งถ่ายนี้ของเจ้า ศึกษามาจากจักรพรรดิเก้าเมฆาอย่างนั้นหรือ” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกล่าวขึ้นโดยพลัน
โครงร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงยังไม่หยุดลง เขาเคลื่อนที่ในพริบตาไปทันที
เขาหลบออกไปไกลลิบลับก่อน แล้วยืนอยู่เหนือทุ่งร้างกลางท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง ตงป๋อเสวี่ยอิงเกิดความคิดมากมายขึ้นในใจ “ข้ายังคิดว่าการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นที่ข้าสำแดงออกมาหลังจากสำเร็จเป็นขั้นอลวนจะไม่มีข้อบกพร่องเสียแล้ว แต่ทางสายของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยกลับเหมือนจะเข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งยิ่งนัก ทั้งยังกล่าวว่าพรสวรรค์ศาสตร์โบราณเป็นสิ่งที่กฎเกณฑ์อันสูงส่งมอบให้ นี่เป็นการสอดแนมนอกอากาศอันสับสนอลหม่าน จึงไม่มีทางมอบให้แน่นอนอย่างนั้นหรือ เห็นทีเคล็ดวิชาสืบทอดทางสายของพวกเขาคงจะเข้าใจอะไรๆ นอกอากาศอันสับสนอลหม่านมากมายยิ่งนัก”
แม้จะยุ่งยากอยู่บ้าง ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่หวั่น
ถึงระดับอย่างเขาแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาหวั่นเกรงได้มีไม่มากนัก
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังจะสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นนั่นเอง ก็พลันสัมผัสรับรู้ได้ถึงแววอาฆาตระลอกหนึ่งภายในบริเวณกฎเกณฑ์ หัวใจของเขาพลันบีบรัดแน่นขึ้นมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น