Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 31 ตอนที่ 40-42

 ตอนที่ 40 จับทั้งเป็นสองตน

โดย

Ink Stone_Fantasy

 


มารผลาญทำลายเพียงตนเดียวที่สามารถครองสติเอาไว้ได้นั้นก้าวเข้าสู่ระดับชั้นที่เก้านานแล้ว จิตใจและปณิธานนั้นถูกเคี่ยวกรำจนเทียบได้กับขั้นอลวนระดับชั้นที่เก้าของทางฝ่ายผู้บำเพ็ญแล้ว ดังนั้นจึงได้นำกำลังมาปกป้อง ‘แม่ทัพโม่กู่’ พร้อมกับอีกตนหนึ่ง


“ไม่ ไม่” มารผลาญทำลายตนนี้โบกมือคราหนึ่งเพื่อเก็บสหายข้างกายสองตนลงไปในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ก่อน จากนั้นร่างกายก็กะพริบวาบคราหนึ่งแล้วถลาตรงไปทางโถงตำหนัก เขารวดเร็วเกินไปแล้ว


แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะสำแดงบุปผาผลาญทำลายออกมาทันควัน


แต่ระยะทางเพียงหนึ่งลี้ สำหรับมารผลาญทำลายระดับชั้นที่เก้าตนนี้แล้วก็สามารถไปถึงได้ในพริบตาเดียว! บุปผาผลาญทำลายที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงออกมานั้นช้าไปก้าวหนึ่ง


“เก็บ” เขาเพิ่งจะเก็บแม่ทัพโม่กู่ที่อ่อนยวบลงกับพื้นเข้าไปในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์


บุปผาเก้าใบสีดำก็ร่อนลงไปเสียแล้ว


บุปผาเก้าใบห่อหุ้มเขาเอาไว้อย่างสิ้นเชิงชั้นแล้วชั้นเล่า ทั้งหมดมีถึงหกดอกด้วยกัน ดอกไม้ดอกใหญ่ห่อหุ้มดอกเล็ก เขาถูกขังเอาไว้ภายในอย่างสิ้นเชิง


ขณะเดียวกันก็มีบุปผาเก้าใบอีกดอกหนึ่งร่อนลงมาแล้วห่อหุ้มฝูงมารผลาญทำลายที่ตกเข้าสู่เขตลวงอีกสองตนเอาไว้


“ยังดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังค่อนข้างผ่อนคลาย


เนื่องจากฝูงมารผลาญทำลายหกตน…


สองตนที่ตกเข้าสู่เขตลวงนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้ว เพราะจะเป็นหรือตายก็อยู่ในเงื้อมมือตนแล้ว!


ส่วนมารผลาญทำลายระดับชั้นที่เก้าตนนั้นและอีกสามตนที่ช่วยเอาไว้ได้ก็ตกอยู่กลางวงล้อมของบุปผาเก้าใบหกดอก จึงไม่มีทางหนีได้เลย เขตลวงของตนแผ่กำจายออกไปแล้ว


“ตู้มมม…”


ด้านหลังของตงป๋อเสวี่ยอิงยังมีวิหคเทพปีศาจชาดสีแดงเพลิงขนาดมหึมาปรากฏขึ้นด้วย ปีกมหึมากระพือพัด กลิ่นอายสีแดงแผ่กำจายออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง อาศัยเขตลวงที่สำแดงออกมาโดยเคล็ดวิชาสืบทอดศาสตร์โบราณโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า กลิ่นอายสีแดงนั้นก็แผ่กำจายออกไปปกคลุมฝูงมารผลาญทำลายที่ยังคงครองสติเอาไว้ได้ตนนั้น เขาปรากฏรูปร่างจริงออกมาแล้ว เป็นมารเกราะทองเขาเดี่ยวรูปร่างสูงใหญ่


“ตงป๋อเสวี่ยอิง” มารเกราะทองเขาเดี่ยวมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม เขาเดี่ยวของเขาคมกริบนัก เขาเปล่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวออกมา


เขาโกรธแค้นและสิ้นหวัง


เขาหมดหวังในชะตาชีวิตของตน หมดหวังในตัวแม่ทัพโม่กู่! การปกป้อง ‘แม่ทัพโม่กู่’ นั้นเป็นภารกิจของเขา แต่เขาสัมผัสถึงเขตลวงอันน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบนั้นได้ ภายใต้การโจมตีของเขตลวงนี้ เขาต้องใช้พลังจิตส่วนใหญ่เพื่อต้านทานเอาไว้ ในสายตาของเขา…ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองที่สามารถต้านทานเขตลวงเช่นนี้ได้นั้นมีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้


“ตาย” ตงป๋อเสวี่ยอิงสาวเท้าเดินมาก้าวหนึ่ง แล้วเก็บผู้บำเพ็ญที่บริสุทธิ์นับพันซึ่งตกอยู่ในเขตลวงเหล่านั้นลงไป ขณะเดียวกัน เพียงชั่วความคิดเดียว บุปผาเก้าใบก็เริ่มการทำลาย


ตู้มๆๆ…


บุปผาเก้าใบที่ห่อหุ้มมารเกราะทองเขาเดี่ยวเอาไว้ก็เริ่มยุบสลายลงไปอย่างไม่หยุดหย่อน ขณะเดียวกับที่ยุบสลายลงไปนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังสำแดงบุปผาเก้าใบดอกใหม่ลงไปด้วย


ยุบสลายและกำเนิดใหม่ดอกแล้วดอกเล่า


มารเกราะทองเขาเดี่ยวต้องทนรับการโจมตีอันน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบ เขาร้องคำราม ร่างกายมีบาดแผลปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็สมานกันครั้งแล้วครั้งเล่า


……


ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์


ฝูงมารผลาญทำลายสามตนที่ถูกช่วยเอาไว้อยู่ที่นี่ ในจำนวนนั้นมีแม่ทัพโม่กู่อยู่ด้วย ที่นี่ไม่มีเขตลวง พวกเขาได้สติกลับคืนมาแล้ว


“เป็นอะไรไปน่ะ”


“เมื่อครู่พวกเรา…”


พวกเขาทั้งสามยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตกตะลึง


“ฟิ้ว”


แสงสีทองระลอกหนึ่งร่อนลงมา แล้วกลายเป็นร่างแปรของมารเกราะทองเขาเดี่ยวตนนั้น สายตาของเขากวาดมองคราหนึ่งก่อนจะคำรามเสียงต่ำ “ตงป๋อเสวี่ยอิงพบพวกเรา เมื่อครู่พวกท่านทั้งสามตกเข้าสู่เขตลวงกันหมด”


“เขตลวงหรือ” พวกเขาทั้งสามต่างก็เดือดแค้น ตามข้อมูล ‘บุปผาเก้าใบ’ ของตงป๋อเสวี่ยอิงร้ายกาจมาก หากถูกพันธนาการ ฝูงมารผลาญทำลายระดับชั้นที่เก้าก็หนีไม่พ้น


“หนีไม่พ้นแล้ว” มารเกราะทองเขาเดี่ยวส่ายหน้า “หมดหวังแล้ว เขตลวงของเขาจำกัดแม่ทัพโม่กู่ได้อย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้เชื่อว่าขณะนี้เทพจักรวาลทางฝ่ายผู้บำเพ็ญคงกำลังเร่งเดินทางมา อีกไม่นานก็จะมาถึงพวกเราหกคนแล้ว…มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถครองสติเอาไว้ได้ แต่ข้า ตอนนี้พลังก็สำแดงออกมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น มิอาจทำลายบุปผาเก้าใบของเขาให้แตกได้ ทั้งยังได้รับบาดเจ็บไม่หยุดหย่อนอีกด้วย”


“ไม่ ไม่ ไม่มีทาง” แม่ทัพโม่กู่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขาก็เผยร่างจริงออกมาเช่นกัน ทั้งร่างเต็มไปด้วยเกล็ดสีทองแน่นขนัด มีเพียงบนศีรษะเท่านั้นที่มีเขาสีดำโค้งไปด้านหน้าสามอัน


“ข้าไม่มีทางตายอยู่ที่นี่แน่ ไม่มีทางเสียหรอก” แม่ทัพโม่กู่ไม่อยากจะเชื่อ


นับตั้งแต่เขาถือกำเนิดขึ้นมา


สถานะก็สูงส่งหาใดเปรียบแล้ว  ต่อให้เป็นบรรดาอ๋องก็ยังให้ความสำคัญกับเขาเป็นอันมาก เขาอยู่เหนือกว่าฝูงมารเกราะทองตนอื่นแทบจะทั้งหมด!


หลังจากมาถึงโลกผู้บำเพ็ญแล้ว วันคืนก็งดงามมากยิ่งขึ้น ขณะกลืนกินชีวิตของผู้บำเพ็ญตามอำเภอใจนั้นช่างสุขสราญนัก พลังของเขาก็กำลังก้าวหน้า เขารู้สึกว่าในภายหน้าจะบรรลุถึงระดับชั้นที่เก้า ถึงขั้นสำเร็จเป็น ‘อ๋อง’ ในภายภาคหน้า เขามีใจทะเยอทะยาน เขารู้สึกว่าด้วยพรสวรรค์ของเขา หลังจากสำเร็จเป็น ‘อ๋อง’ แล้ว เชื่อว่าเป็นไปได้มากว่าจะเป็นอ๋องที่แข็งแกร่งที่สุด


แต่ตอนนี้ จู่ๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ร่อนลงมาแล้วทำลายล้างทุกสิ่ง


“ฆ่าตัวตายเถิด” มารเกราะทองเขาเดี่ยวกลับเอ่ยขึ้น “หากตกอยู่ในเงื้อมมือผู้บำเพ็ญจะต้องเปิดเผยข้อมูลมากมาย ถ้าไม่เชื่อ พวกเจ้าก็ลองดูข้างนอกได้”


วิ้ง…


กลางอากาศเหนือสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์บิดเบี้ยว สามารถมองเห็นภาพการต่อสู้ภายนอกได้ ร่างจริงของมารเกราะทองเขาเดี่ยวกำลังสังหารตามอำเภอใจอย่างสุดกำลัง แต่กลับมีอาการบาดเจ็บสั่งสมอยู่มากมาย  นอกจากนี้รอบด้านยังถูกดอกไม้สีดำขนาดมหึมาดอกแล้วดอกเล่าห่อหุ้มเอาไว้ด้วย


“หมดกัน”


“ตงป๋อเสวี่ยอิง”


มีฝูงมารเกราะทองสองตนคำรามเสียงต่ำ แต่ร่างกายกลับเริ่มสลายไปแล้ว


“ไม่ ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ พรสวรรค์ไร้เงาของข้าจะต้องสามารถหนีพ้นได้อย่างแน่นอน” ร่างของแม่ทัพโม่กู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที เห็นได้ชัดว่าได้กลายเป็น ‘ไร้เงา’ ไปแล้ว


“ท่านออกไปก็ต้องถูกเขาจับไปทั้งเป็น” มารเกราะทองเขาเดี่ยวร้องคำรามอย่างร้อนรน


แต่แม่ทัพโม่กู่ได้หายวับไปแล้ว


เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพโม่กู่ไม่ยอมตายใจ เขาเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของตนเองอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าครั้งก่อนที่ถูกกระบวนท่าเข้าเป็นเพราะมิได้สำแดงพรสวรรค์ออกมา ขอเพียงออกไปแล้ว ‘เคลื่อนที่ในพริบตา’ ทันที บุปผาเก้าใบก็คงไม่เป็นอุปสรรคใดสำหรับเขา เขามีหวังจะหนีพ้นได้อย่างแน่นอน


……


“ข้าจะต้องหนีพ้นได้อย่างแน่นอน ต้องได้แน่นอน” แม่ทัพโม่กู่ผ่านสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์มาถึงโลกภายนอกอย่างง่ายดาย เมื่อมาถึงโลกภายนอกก็จะเคลื่อนที่ในพริบตาทันที


แต่เขตลวงนั้นถูกคงเอาไว้ตลอดเวลา ทั้งยังกดดันมารเกราะทองเขาเดี่ยวตนนั้นอยู่ตลอดด้วย และทำให้อีกสองตนหลับใหลต่อไป


ส่วนแม่ทัพโม่กู่เพิ่งออกจากสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์มาสู่โลกภายนอก เมื่อเผชิญหน้ากับเขตลวงเขาก็จมดิ่งลงไปทันที เขาไม่มีความสามารถจะต้านทานเลยแม้แต่น้อย!


“สมควรตาย”


มารเกราะทองเขาเดี่ยวมองข้างกาย ร่างของแม่ทัพโม่กู่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า เขาอดร้อนรนขึ้นมามิได้


“ตายเสียเถิด” ร่างของมารเกราะทองเขาเดี่ยวกลายเป็นแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนแทรกเข้าไปในร่างของแม่ทัพโม่กู่ อย่างบรรดาผู้บำเพ็ญก็สามารถสังหารกันเองได้ บรรดาฝูงมารเกราะทองก็สามารถเข่นฆ่ากันเองได้เช่นกัน! เพื่อที่จะมิให้ ‘แม่ทัพโม่กู่’ ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของผู้บำเพ็ญทั้งที่ยังรอดชีวิต มารเกราะทองเขาเดี่ยวจึงได้แทรกเข้าไปในพริบตา ก่อนจะทำลายวิญญาณของแม่ทัพโม่กู่และทำลายร่างของแม่ทัพโม่กู่ แต่ทว่าร่างกายของแม่ทัพโม่กู่กำลังแตกสลาย เกราะเกล็ดของเขากลับหลงเหลืออยู่ มิอาจถูกทำลายลงไปได้


“วิ้ง…”


มิติไกลออกไปเริ่มบิดเบี้ยวและสั่นสะท้าน


“น่าเสียดายที่ปล่อยให้พวกเขาจับไปทั้งเป็นได้ถึงสองตน” มารเกราะทองเขาเดี่ยวทำลายตนเองไปในทันที


“เสวี่ยอิง เป็นอย่างไรบ้าง” บรรพชนห้วงอากาศบุรุษอาภรณ์ดำผมสีเขียวปรากฏกายพลางพูดยิ้มๆ


“พบฝูงมารผลาญทำลายหกตน น่าจะสิ้นใจไปสี่ตนแล้ว จับมาทั้งเป็นได้สองตน” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พูดยิ้มๆ จากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง แล้วหาสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ของมารเกราะทองเขาเดี่ยวมาตรวจสอบดู น่าเสียดายที่มิอาจหาฝูงมารเกราะทองพบได้ เห็นได้ชัดว่าอีกสองตนได้ปลิดชีพตนเองและสลายตัวไปเสียแล้ว นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขาเช่นเดียวกัน


ไม่นานนัก


บรรพชนทิพย์และราชันย์มีดมาถึงต่อเนื่องกัน


“จับมาทั้งเป็นสองตนหรือ” บรรพชนทิพย์และราชันย์มีดมองดูฝูงมารเกราะทองสองตนที่กำลังหลับใหลอยู่ ตนหนึ่งเป็นชั้นที่แปดระดับยอด อีกตนหนึ่งเป็นระดับชั้นที่เก้า


“เป็นเขตลวงที่ร้ายกาจนัก” แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะเริ่มหดขนาดขอบเขตของเขตลวงลง แต่เมื่อพวกบรรพชนทิพย์เข้าใกล้ก็ถูกเขตลวงกระทบ จนสีหน้าตะลึงลานไปอย่างมิอาจควบคุม


เขตลวงอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน


แม้ในบรรดาขั้นอลวนจะมีศาสตร์โบราณหลายชนิดที่เชี่ยวชาญเขตลวง แต่กลับสู้ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เลย


ตอนที่ 41 ชุดเกราะเกล็ด

โดย

Ink Stone_Fantasy

บรรพชนทิพย์และราชันย์มีดก็ต้องยอมรับว่าต่อให้ระดับขั้นอย่างพวกเขาก็ยังรู้สึกว่าความรู้สึกหลงใหลสายแล้วสายเล่าโจมตีดวงวิญญาณของพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องแบ่งพลังจิตส่วนน้อยไปต้านทานเขตลวง


“ตอนนี้ก็สามารถส่งผลกระทบมาถึงพวกเราได้ ถ้าหากตงป๋อเสวี่ยอิงเขาสามารถอาศัยวิถีโลกเทียมสำเร็จเป็นเทพจักรวาลได้ เช่นนั้นเขตลวงของเขาก็น่ากลัวเสียแล้ว ถึงเวลานั้นก็ต้องเป็นพวกเราที่ต่างก็ต้องแบ่งพลังจิตไปต้านทานเสียแล้วกระมัง” บรรพชนทิพย์ถ่ายเสียงพูด ราชันย์มีดก็เห็นด้วยเทพจักรวาลทางด้านวิถีโลกเทียมคนหนึ่ง การสังหารซึ่งหน้าอาจจะไม่ร้ายกาจพอ แต่ว่าท่ามกลางการต่อสู้ของเทพจักรวาลจำนวนมาก อาศัยเขตลวงมาส่งผลกระทบต่อศัตรูก็สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมหาศาลทีเดียว


“ฝีมือในการต่อต้านวิญญาณของเขายังบริสุทธิ์ตรงไปตรงมายิ่งกว่าภาพจิตเสียอีก” ราชันย์มีดพูด เจ้าลัทธิภาพจิตเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา


พวกเขาสองคนสนทนาไปพลาง ก็เดินไปถึงยังเบื้องหน้าของมารผลาญทำลายเกราะทองสองตนที่กำลังหลับสนิท มารผลาญทำลายเกราะทองสองตนนี้ต่างก็ถูกตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนย้ายมาพร้อมกัน แต่เข้ามาในเขตลวงก็คือการสังหารพวกเขา พวกเขาล้วนเต็มใจยอมรับความตายโดยไม่ตื่น


นี่คือการจมดิ่งอย่างสิ้นเชิง


มารผลาญทำลายเกราะทองสองตนตรงหน้าแผ่กลิ่นอายผลาญทำลายอันชั่วร้ายออกมา แต่รูปลักษณ์ก็ยังคงปลอมแปลงเป็นรูปลักษณ์ของผู้บำเพ็ญเช่นเดิม


“สวบ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวไปอีกด้านหนึ่งเพื่อรับรางวัลของการคว้าชัยในสงคราม ในขณะเดียวกันสายตาของเขาก็ถูกชุดเกราะเกล็ดที่ ‘แม่ทัพโม่กู่’ ทิ้งเอาไว้ชุดนั้นดึงดูดอย่างมิอาจควบคุมตนเองได้  เดิมทีเขายังโชคดี… สุดท้ายก็ได้รับสิ่งของที่มารผลาญทำลายเกราะทองเหลือทิ้งเอาไว้! มารผลาญทำลายเกราะทองต่างก็สามารถเปลี่ยนแปรกลายเป็นพลังทำลายล้างอันชั่วร้ายได้ ดังนั้นหลังจากตายไปแล้ว โดยทั่วไปต่างก็สูญสลายไปจนหมดสิ้น


มีเพียงไม่กี่ตนที่น้อยยิ่งกว่าน้อยจึงจะมีชิ้นส่วนร่างกายหลงเหลืออยู่ โดยทั่วไปต่างก็สามารถขายได้เป็นราคาสูงลิบลิ่ว


“หืม” พร้อมกันนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถูกเกราะเกล็ดสีทองอันละเอียดประณีตนี้ดึงดูดเอาไว้ บนชุดเกราะเกล็ดมีประกายวับๆ แวมๆ กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญวิชาลับผู้ท่องไปถึงระดับขั้นที่ห้าสิบแล้ว ทั้งยังเจาะลึกความเร้นลับของห้วงอากาศมากมายเป็นระยะเวลายาวนานในทางเดินโลกาพิศวง บวกกับสำเร็จภาพวาดภาพที่สองและภาพวาดภาพที่สามของ ‘ภาพวาดทั้งสี่ของจักรพรรดิเก้าเมฆา’ เขาล้วนบำเพ็ญไปถึงระดับที่สูงส่งล้ำลึกเป็นที่สุดแล้วทั้งสิ้น


ในขณะนี้เมื่อมองดูชุดเกราะเกล็ด โดยเฉพาะประกายรางๆ บนชุดเกราะเกล็ด สอดแนมดูความเร้นลับของ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ ภายในนั้นออกมาในทันใด


“ดูเหมือนว่าจะแปลงให้ง่ายและตรงไปตรงมายิ่งกว่าภาพวาดภาพที่สองของจักรพรรดิเก้าเมฆาเสียอีก” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ถึง ‘ความงดงามอันเรียบง่าย’ ชนิดหนึ่ง


เคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุที่จักรพรรดิเก้าเมฆาคิดค้นขึ้นนั้นซับซ้อนนัก


ชุดเกราะเกล็ดชุดนี้…


กลับ ‘เรียบง่ายตรงไปตรงมา’ อย่างแท้จริง


“เด็กดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต็มตาขึ้นมาในทันที เขาเข้าใจว่าเขาต้องการเวลาในการสำรวจชุดเกราะเกล็ดที่เหลือทิ้งเอาไว้ชุดนี้ให้ดีๆ! สำหรับเขาแล้วชุดเกราะเกล็ดมิได้เอาไว้ขายให้ได้เป็นศิลาปฐมโลกามา เหมาะสำหรับเอาไว้ให้เขาสำรวจหาความเร้นลับที่ซ่อนเร้นเอาไว้มากกว่า


นี่ก็คือระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์


ทั้งหมดจำเป็นต้องสำรวจความเร้นลับอันเป็นแก่นสำคัญที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลัง


“เสวี่ยอิง” เงาร่างสายหนึ่งส่งเสียงดังขึ้นข้างหู


“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจจนสะดุ้งตัวลอย มองเห็นบรรพชนห้วงอากาศที่อยู่ด้านข้าง


บรรพชนห้วงอากาศอาภรณ์ดำผมเขียว มองชุดเกราะเกล็ดชุดนี้ด้วยดวงตาเปล่งประกาย เขาเอ่ยเสียงต่ำว่า “ด้วยระดับขั้นของเจ้า เจ้าควรจะมองความเร้นลับของห้วงอากาศที่แฝงอยู่ภายในชุดเกราะเกล็ดชุดนี้ออกกระมัง ว่าเป็นทิศทางที่ไม่เหมือนกับวิชาลับผู้ท่องที่ข้าคิดค้นขึ้นมาอย่างสิ้นเชิง ประสบความสำเร็จในวิชาลับผู้ท่องของข้าอย่างยิ่งใหญ่สมบูรณ์แบบ จึงจะสามารถไปถึงขั้นสุดยอดของการกลายเป็นอากาศธาตุได้ และดูเหมือนว่ามันจะกระชับกว่าสิ่งที่ข้าตระหนักรู้มากมายเหลือเกิน ความกระชับและงดงามเช่นนั้นช่างวิเศษยิ่งนัก ชุดเกราะเกล็ดนี้ ข้ารู้ว่าเจ้า เสวี่ยอิง จะต้องหยั่งรู้ได้แน่ นี่คือรางวัลของการคว้าชัยในสงครามของเจ้า ข้าไม่บังคับหรอกนะ แต่พอถึงเวลาที่ร่างแปรของข้าไปยังวังทวีสูญของเจ้า เจ้าจะต้องให้ข้าหยั่งรู้ดูด้วยกัน”


“ข้าจะหยั่งรู้พร้อมกันกับท่านอาจารย์ ถึงเวลานั้นเกรงว่ายังต้องการให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะข้าด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ


บรรพชนห้วงอากาศมีระดับขั้นเช่นไร


บรรพชนที่คิดค้น ‘วิถีผู้ท่องอากาศ’ ขึ้นมา การหยั่งรู้ย่อมต้องล้ำเลิศ ก็ย่อมมองออกถึงความไม่ธรรมดาของชุดเกราะเกล็ดในปราดเดียวอยู่แล้ว แม้กระทั่งวิถีผู้ท่องอากาศนั้นเดิมทีก็เชี่ยวชาญการกลายเป็นอากาศธาตุอยู่แล้ว บรรพชนห้วงอากาศก็ไปถึง ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ แล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือจักรพรรดิเก้าเมฆา ต่างก็ตระหนักรู้เคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด แต่พูดถึงระดับความกระชับของเคล็ดวิชา


ความลึกลับบนชุดเกราะเกล็ดชุดนี้จึงจะกระชับมากที่สุด รองมาเป็นเคล็ดวิชาที่จักรพรรดิเก้าเมฆาหยั่งรู้ก็กระชับมากเช่นกัน สุดท้ายจึงจะเป็นวิชาลับผู้ท่องที่บรรพชนห้วงอากาศคิดค้นขึ้น


ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็เห็นด้วยอย่างยินดียิ่ง เพราะว่าสิ่งที่บรรพชนห้วงอากาศสำรวจนั้นเกรงว่าจะล้ำลึกยิ่งกว่าเขา พอถึงเวลานั้นเกรงว่ายังจะสามารถช่วยเหลือเขาได้อีกด้วย


“พรึ่บ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือไปรับชุดเกราะเกล็ดมาในทันใด


“ตงป๋อเสวี่ยอิง” บรรพชนทิพย์เอ่ยปาก


ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนห้วงอากาศต่างก็เดินเข้าไป


ภายใต้เขตลวง บรรพชนห้วงอากาศก็ยังจำเป็นต้องแบ่งพลังจิตออกเป็นสองสามส่วนเพื่อต้านรับ จึงอดที่จะมองตงป๋อเสวี่ยอิงพลางพูดยิ้มๆ มิได้ “เสวี่ยอิง ถ้าหากเจ้าสำเร็จเป็นเทพจักรวาลด้วยวิถีโลกเทียม ภายใต้เขตลวงของเจ้า เกรงว่าพลังยุทธ์ของข้าคงจะไม่เหลืออะไรเลย”


“การสำเร็จเป็นเทพจักรวาลนั้นยากเย็นยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด


“ตงป๋อเสวี่ยอิง เจ้าสอบปากคำพวกเขาสองคนเสีย” บรรพชนทิพย์ชี้ไปทางมารผลาญทำลายเกราะทองที่กำลังหลับสนิทสองตนนั้น “พวกเขาพากันผ่านทะลุป้อมปราการอากาศได้อย่างไร ที่แท้แล้วมีความลับอันใดกันแน่”


“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าแล้วเริ่มต้นไต่สวนผ่านเขตลวงในทันที


ถึงแม้ว่ามารผลาญทำลายเกราะทองสองตนนี้จะถูกจับเป็นมา แต่การไต่สวนนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากอย่างยิ่ง เพราะว่าวิญญาณของพวกเขาทั้งสองนั้นต่างก็แกร่งกล้าอย่างยิ่ง คิดจะบังคับตรวจค้นวิญญาณอย่างนั้นหรือ เกรงว่าทำได้เพียงแค่สืบหาข้อมูลไม่เป็นชิ้นเป็นอันบางอย่างเท่านั้น วิญญาณก็คงจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว


เขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นสามารถชี้นำภายในเขตลวงได้อย่างเงียบๆ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเปิดเผยออกมาได้


……


เวลาเคลื่อนผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า


บรรพชนทิพย์ ราชันย์มีด และบรรพชนห้วงอากาศ พวกเขาสามคนดูอยู่ข้างๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ควบคุมเขตลวงจงใจเหนี่ยวนำมารผลาญทำลายเกราะทองสองตนนี้ ไต่สวนหาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังนำข้อมูลที่มารผลาญทำลายเกราะทองสองตนให้มาทำการเปรียบเทียบกันอีกด้วย แล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็ค่อยๆ ประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ


“ไต่สวนเสร็จสิ้นแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงหันมาพูด


“เป็นอย่างไรบ้าง” บรรพชนทิพย์ ราชันย์มีด และบรรพชนห้วงอากาศต่างก็พูดอย่างกระตือรือร้น


พวกเขาอยากรู้มาโดยตลอดว่าที่แท้แล้วเหล่าฝูงมารผลาญทำลายทะลุผ่านป้อมปราการอากาศกันมาได้อย่างไร ต้องรู้สาเหตุ จึงจะสามารถคิดหาวิธีไปตอบสนองได้


ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยต่อไปว่า “ตั้งแต่ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองถือกำเนิดขึ้นมาก็มีพรสวรรค์กันไปต่างๆ นานา มีผู้ที่เชี่ยวชาญด้านเสน่ห์ มีผู้ที่เชี่ยวชาญเปลวเพลิง มีผู้ที่เชี่ยวชาญการควบคุมอากาศ…


ในบรรดานั้นก็มีมารผลาญทำลายเกราะทองสองตนที่มีพรสวรรค์อันน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด ในบรรดาฝูงมารผลาญทำลาย พรสวรรค์เช่นนี้ถูกเรียกว่า ‘ไร้เงา’ เมื่อใดที่สำแดงพรสวรรค์ก็จะสามารถรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับห้วงอากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบ พอถึงเวลานั้น นอกเสียจากว่าเคล็ดการโจมตีจะสามารถทำลายแก่นของห้วงอากาศได้ มิฉะนั้นก็ย่อมมิอาจทำร้ายพวกเขาได้เลย ในเมื่อพวกเขารวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับห้วงอากาศ นอกเสียจากว่าจะสามารถแยกออกจากแก่นของห้วงอากาศได้ มิฉะนั้นพวกเขาต่างก็สามารถทะลุผ่านได้อย่างง่ายดาย”


“อะไรนะ” บรรพชนทิพย์และราชันย์มีดตกตะลึง


“การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดหรือ” บรรพชนห้วงอากาศสีหน้าเยียบเย็น


“การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดอย่างนั้นหรือ” บรรพชนทิพย์ ราชันย์มีด และบรรพชนห้วงอากาศต่างก็เข้าใจแล้ว


จักรพรรดิเก้าเมฆาและบรรพชนห้วงอากาศต่างก็สามารถทำได้ถึงระดับขั้นที่สมบูรณ์อย่างสิ้นเชิงนี้ได้ พวกเขาก็ย่อมเข้าใจอยู่แล้ว แต่นี่ก็ยังยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง


ต้องรู้ไว้ว่าจักรพรรดิเก้าเมฆาพวกเขาสองคน ต่างก็เป็นเทพจักรวาลที่ประสบความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศ!


“แต่หนึ่งในฝูงมารผลาญทำลายที่มีพรสวรรค์ไร้เงาตายไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่มารผลาญทำลายเกราะทอง ทางด้านสภาพจิตใจและความปรารถนาค่อนข้างอ่อนแอ ติดกับอยู่ภายใต้เขตลวงของข้า ข้าเดาว่านี่ก็คือชิ้นส่วนร่างกายของเขา” พูดแล้วก็โบกมือคราหนึ่ง ด้านข้างก็มีเกราะเกล็ดสีทองอันละเอียดประณีตชุดนั้นปรากฏขึ้นมา


“การกลายเป็นอากาศธาตุหรือ” บรรพชนทิพย์และราชันย์มีดต่างพากันมอง


บรรพชนห้วงอากาศก็เอ่ยขึ้นว่า “ชุดเกราะเกล็ดชุดนี้แฝงไว้ด้วยความเร้นลับของ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ นี่ก็คือรางวัลของการคว้าชัยในสงครามของตงป๋อเสวี่ยอิง พวกเจ้ามิอาจช่วงชิงไปได้ เขาเองก็รับปากจะให้ข้าไปดูการหยั่งรู้ด้วย”


“แน่นอนว่าข้าไม่ไปช่วงชิงอยู่แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ พวกเราจะชดเชยให้ก็ยังไม่ทันเลย” บรรพชนทิพย์พูดพลางชี้มารผลาญทำลายเกราะทองสองตนที่หลับสนิทนั้น “อีกประเดี๋ยวข้าจะผนึกวิญญาณของพวกเขาสองคน ทำให้พวกเขาสองคนไม่สามารถปลิดชีพตนเองได้ พวกเขาสองคนก็ให้ตงป๋อเสวี่ยอิงคุมขังเอาไว้ชั่วคราวก่อน มีสิ่งใดต้องการสอบถามก็ให้เจ้า ตงป๋อเสวี่ยอิงมาทำการไต่สวน”


“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า


“เช่นนี้เจ้าก็มิอาจสังหารพวกเขาสองคนได้เป็นการชั่วคราว ก็เป็นความสูญเสียอย่างหนึ่งต่อเจ้า วางใจเถิด พวกเราก็จะจำกันไว้ ความดีความชอบของเจ้า ข้าย่อมไม่มีทางผิดต่อเจ้าแน่” บรรพชนทิพย์พูด “ยังมีอีก ข้าอาจจะส่งร่างแปรไปยังวังทวีสูญเป็นครั้งคราว เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็มิอาจซ่อนชุดเกราะเกล็ดนี้เอาไว้ จะต้องให้ข้าดูให้ดีๆ สักหน่อยล่ะ”


เป็นถึงบรรพชนของระบบทิพย์ เขาก็มีความกระตือรือร้นที่จะสำรวจสรรพสิ่ง ชุดเกราะเกล็ดนี้แฝงไว้ด้วยความเร้นลับของการกลายเป็นอากาศธาตุ เห็นได้ชัดว่าล้ำค่าอย่างที่สุด


ตอนที่ 42 การปรากฏของป้ายคำสั่งจิตโลกา

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ในเมื่อเข้าใจแล้วว่าพวกเขาอาศัยการกลายเป็นอากาศธาตุออกมา ก็ต้องคิดหาวิธีทำลาย” บรรพชนทิพย์ขมวดคิ้วพลางส่ายศีรษะ “ในตอนนั้นก็ร่ำลือกันว่าจักรพรรดิเก้าเมฆาก็มีวิธีทำลาย ถ้าหากข้าสำแดงเคล็ดวิชาลับก็สามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่การจะทำได้ใน ‘ป้อมปราการอากาศ’ ที่มีขนาดมโหฬารด้วยนั้นกลับไม่น่าจะเป็นไปได้สักเท่าใดนัก”


ราชันย์มีดและบรรพชนห้วงอากาศก็พยักหน้าเช่นกัน


ป้อมปราการอากาศกว้างใหญ่เกินไป ล้อมรอบเอาไว้ด้วยทางเดินโลกาพิศวง ด้านใน และด้านนอก ผนึกเอาไว้อย่างสมบูรณ์


กว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้…จักรพรรดิเก้าเมฆาก็สามารถนำเคล็ดวิชาเหล่านี้ไปใช้ในค่ายกลได้ แต่น่าเสียดายที่เขาตายไปแล้ว พวกบรรพชนทิพย์ก็ไม่มีทางห้าม ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ ภายในพื้นที่ขนาดมโหฬารเช่นนี้ได้


“ดูท่าทางก็คงได้แต่จัดการกับจุดอ่อนของแต่ละคนแล้ว” บรรพชนทิพย์พูด


“อืม ตอนนี้ตายไปแล้วคนหนึ่ง ก็เพราะความปรารถนาของจิตวิญญาณไม่เพียงพอ นี่คือจุดอ่อนของวิญญาณ” ราชันย์มีดพยักหน้า


ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดว่า “ยามที่ข้าไต่สวนได้รู้มาว่าผู้ที่ตายไปนี้คือผู่ที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ ตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่ชั้นที่แปดขั้นสุดยอดเท่านั้น สำหรับความปรารถนาของจิตวิญญาณ… เกรงว่าจะจัดอยู่ในระดับต่ำสุดในบรรดามารผลาญทำลายเกราะทองชั้นที่แปดขั้นสุดยอด” ความจริงเป็นเช่นนี้ แม่ทัพโม่กู่มีพลังยุทธ์เช่นนี้ก็เป็นเพราะความชมชอบของ ‘เหล่าอ๋อง’ ความสำเร็จทางด้านความปรารถนาของจิตวิญญาณนั้นเมื่อเทียบกันแล้วก็ค่อนข้างอ่อนแออยู่บ้าง


“ส่วนอีกคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์ไร้เงาก็เป็นระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดไปเรียบร้อยแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “อยากจะจัดการวิญญาณของเขาก็ยุ่งยากเสียแล้ว”


ต่อให้เป็นตนเองก็ยังไม่มีความมั่นใจเลย


มารผลาญทำลายเกราะทองระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอด…ผู้ที่สภาวะจิตใจอ่อนแอสักหน่อยนั้นตนก็สามารถจัดการได้ แต่ผู้ที่มีสภาวะจิตใจแข็งแกร่ง เกรงว่าภายใต้เขตลวงก็ยังสามารถครองสติเอาไว้ได้อย่างแจ่มชัด ดังเช่นคราวนี้ มารผลาญทำลายเกราะทองเขาเดี่ยวตนนั้นก็สามารถครองสติเอาไว้ได้อย่างแจ่มชัด เมื่อใดที่มารผลาญทำลายเกราะทองตนสุดท้ายที่มีพรสวรรค์ไร้เงาเผชิญกับเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังสามารถครองสติเอาไว้ได้อย่างแจ่มชัด ด้วยพรสวรรค์ของเขาก็สามารถหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย


“สำหรับทางด้านวิญญาณ เจ้า ตงป๋อ ก็นับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งแล้ว” บรรพชนทิพย์ส่ายศีรษะ “ถึงแม้ว่าข้าจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรข้าก็มิได้เจาะลึกในด้านวิญญาณ”


ราชันย์มีดและบรรพชนห้วงอากาศต่างก็เงียบงัน


ดูเหมือนว่า…


ในบรรดาเทพจักรวาลที่ถือกำเนิดขึ้นมา ไม่มีแม้แต่ผู้เดียวที่สำเร็จเคล็ดวิชาเทพจักรวาลที่จัดการวิญญาณได้โดยเฉพาะเลย


“ไม่มีเคล็ดวิชาทางตรง” บรรพชนทิพย์พูด “เช่นนั้นก็ได้แต่ใช้วิธีการที่โง่เง่าบางอย่างแล้ว บวกกับความยากของการผ่านทะลุการกลายเป็นอากาศธาตุ เมื่อใดที่ระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเขาได้ ถึงเวลานั้นบรรพชนโลกาลงมือ ก็จะสามารถทำลายเคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุของเขาได้แล้ว”


เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงได้ฟังก็เข้าใจอย่างรางๆ แล้ว บรรพชนทิพย์ต้องการสำแดงเคล็ดวิชาบางอย่างจึงจะสามารถทำลายได้ ส่วนบรรพชนโลกาสามารถทำได้ในทันที ดังนั้นจึงเหมาะสมที่จะเป็นผู้ลงมือมากกว่า


“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดต่อ “ข้ายังไต่สวนมาได้ด้วยว่าทางด้านฝูงมารผลาญทำลายมี ‘อ๋อง’ อยู่ทั้งสิ้นสิบเอ็ดคน ความจริงแล้วในประวัติศาสตร์มีทั้งสิ้นสิบห้าคน ตายไปแล้วสี่คน ในบรรดาอ๋องสิบเอ็ดคนในตอนนี้


มีอยู่คนหนึ่งที่ชื่อว่าจักรพรรดิจวิน เป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุด”


“สิบเอ็ดคนหรือ” บรรพชนทิพย์ ราชันย์มีด และบรรพชนห้วงอากาศต่างก็หน้าถอดสี


“ถึงกับซ่อนเร้นพละกำลังเอาไว้มากมายถึงเพียงนี้” ราชันย์มีดถามต่อ “ตงป๋อ เจ้าได้ไต่สวนหรือไม่ว่าพวกเขามีรังระดับเกราะทองอยู่มากน้อยเพียงใด”


“ไต่สวนมาเรียบร้อยแล้ว สิ่งนี้ก็เป็นความลับในบรรดาฝูงมารผลาญทำลายเช่นกัน พวกเขาเองก็มิได้รู้กระจ่างนัก แต่ก็คงจะมีอยู่ไม่มาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “คาดว่าคงไม่เกินสิบแห่งกระมัง”


……


สิ่งที่ได้รับมาในคราวนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน


ทางฝั่งผู้บำเพ็ญ ตรวจสอบพลังยุทธ์ของทางฝั่งฝูงมารผลาญทำลายออกมาอย่างแท้จริง! ถึงขนาดที่ล่วงรู้วิธีการทะลุผ่านป้อมปราการอากาศของพวกเขา ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงกับกำจัดหนึ่งในสองคนของฝูงมารผลาญทำลายที่มีพรสวรรค์ไร้เงาได้


แต่อีกฝั่งหนึ่ง


ทางด้านฝูงมารผลาญทำลายกลับโมโหจนตัวสั่น


“แม่ทัพโม่กู่ถูกเผยตัวเสียแล้ว พวกเราเหลือผู้ที่มีพรสวรรค์ไร้เงาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น…แม่ทัพฝูเชียน!”


“คราวนี้ยิ่งมีมารผลาญทำลายเกราะทองถูกจับเป็น พวกเขาคือองครักษ์ของแม่ทัพโม่กู่ ทั้งยังล่วงรู้พรสวรรค์ของแม่ทัพโม่กู่ด้วย พรสวรรค์ไร้เงานี้จะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน”


“นับจากนี้เป็นต้นไป…”


“ย่อมไม่เกิดสงครามขึ้นง่ายๆ แน่”


“พวกเราต่างก็เคยไปที่โลกของผู้บำเพ็ญมาก่อนแล้ว ดังนั้นตอนนี้ก็สงบใจคอยท่าอยู่ที่ทางเดินโลกาพิศวงกันก่อนเถิด รอให้ผู้ที่มีพรสวรรค์ไร้เงาคนที่สองถือกำเนิดขึ้นมาแล้วค่อยก่อให้เกิดสงครามขึ้นใหม่ พวกเราพ่ายแพ้มิได้อีกแล้วนะ”


“เป็นเพราะตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นแท้ๆ ทีเดียว”


“สมควรตาย”


“อดทนกันหน่อยเถิด ยิ่งระยะเวลายาวนาน ความได้เปรียบของพวกเราก็ยิ่งมากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่จำเป็นต้องทะลุผ่านไปอย่างหลบๆ ซ่อนๆ แล้ว ก็สามารถฝ่าป้อมปราการอากาศไปซึ่งๆ หน้าได้แล้ว


“อืม ก็ได้แต่อดทนแล้วล่ะ”


ทางด้านฝูงมารผลาญทำลายกลับปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรพวกเขาก็เหลือผู้ที่มีพรสวรรค์ไร้เงาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น มิอาจพ่ายแพ้ได้อีกแล้ว


******


ณ วังทวีสูญ


ที่พำนักตำหนักโลกเทียมกินพื้นที่ขนาดใหญ่มาก ถึงอย่างไรนี่ก็คือหนึ่งในสิบสามตำหนักของวังทวีสูญ


“ร้ายกาจ ร้ายกาจ” บรรพชนห้วงอากาศนั่งอยู่ที่นั่น มองดูเกราะเกล็ดสีทองอันละเอียดประณีตที่แขวนอยู่ห่างออกไปชุดนั้น บรรพชนห้วงอากาศมองอย่างตื่นตะลึงไร้ที่สิ้นสุด ถึงอย่างไรเขาก็ไปถึงขั้นสุดยอดของห้วงอากาศแล้ว ดังนั้นจึงมีประสบการณ์กับความเร้นลับต่างๆ นานาของเกราะเกล็ดสีทองอันละเอียดประณีตนี้อย่างลึกล้ำที่สุด


บรรพชนทิพย์ยังส่งร่างแปรมา มองดูอย่างละเอียดอยู่ที่นั่น บางคราก็ขมวดคิ้ว บางคราก็ส่ายหน้า


ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กำลังจมดิ่งอยู่กับการสำรวจ


“การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดอย่างนั้นหรือ”


จอมกระบี่และบรรพชนเทียนอวี๋ก็มองดูชุดเกราะเกล็ดนั้นอยู่ข้างๆ เช่นกัน


กระทั่งท่านบรรพชนคีรีมารก็ยังส่งร่างแปรมานั่งอยู่ข้างๆ ด้วย ดื่มสุราไปพลาง ชมดูไปพลาง เห็นได้ชัดว่าเทพจักรวาลจำนวนมากมายต่างก็ปรารถนาที่จะมีเคล็ดวิชา ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ กันเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมีเคล็ดวิชานี้แล้ว บวกกับวิญญาณเทพจักรวาลของพวกเขา การโจมตีธรรมดาๆ ก็ไร้ผลกับพวกเขาอยู่แล้ว ต่อให้เป็นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากจะสังหารพวกเขาก็เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง


แต่การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดนั้นยากเย็นยิ่งนัก แม้กระทั่งกู่ฉีก็ยังมิอาจไปถึงระดับขั้นอันสมบูรณ์ได้เลย ก่อนหน้านี้ก็มีเพียงแค่จักรพรรดิเก้าเมฆาและบรรพชนห้วงอากาศเพียงสองคนเท่านั้นที่เคยทำได้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศนั้นสูงส่งเป็นที่สุด


ทว่าชุดเกราะเกล็ดนี้…ดูเหมือนจะดัดแปลงให้ง่ายกว่ามาก ทำให้เหล่าเทพจักรวาลมองเห็นความหวังที่ตนจะศึกษาสำเร็จได้


“ยากเย็นเหลือเกิน ยากเย็นเหลือเกิน” ท่านบรรพชนคีรีมารมองแล้วก็ส่ายศีรษะพลางแหงนหน้าดื่มสุรา


ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับสัมผัสประสบการณ์อย่างลึกซึ้งยิ่ง


ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ท่องอากาศ ทั้งยังไปถึงระดับขั้นที่ห้าสิบ อีกทั้งยังมีศาสตร์ลับสี่ภาพวาดของจักรพรรดิเก้าเมฆาอยู่กับตัว พูดถึงพื้นฐานทางด้านห้วงอากาศ ในที่นี้ก็มีเพียงบรรพชนห้วงอากาศเท่านั้นที่สูงส่งกว่าเขา ส่วนเหล่าเทพจักรวาลคนอื่นๆ…บอกว่าเป็นเทพจักรวาลก็จริง แต่ทางด้านห้วงอากาศนั้นก็ยังมิอาจเทียบกับเขาได้เลย


……


ร่างแปรเทพจักรวาลกลุ่มหนึ่งอยู่ที่นี่ ตงป๋อเสวี่ยอิงสำรวจรอบหนึ่งแล้วก็กลับมายังห้องเงียบของตนก่อน


ปิดห้องเงียบลง


ด้วยเคล็ดวิชาของวังทวีสูญและเคล็ดวิชาเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็ไม่มีผู้ใดสามารถสอดแนมทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องเงียบได้เลย


“ยังมิได้ตรวจดูรางวัลของการคว้าชัยในสงครามในคราวนี้เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง ฝูงมารผลาญทำลายทั้งหกในคราวนี้ตายไปสี่ตน ส่วนอีกสองก็ถูกผนึกวิญญาณคุมขังเอาไว้ภายในวังทวีสูญ ก็ย่อมต้องได้สมบัติล้ำค่ามาไว้ในมือ หลอมอย่างง่ายดาย เริ่มต้นถ่ายวัตถุภายในออกมา


พรึ่บ…


วัตถุจำนวนมากต่างก็ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่เป็นหนึ่งในประมุขตำหนัก ห้องเงียบแห่งนี้ก็เป็นบริเวณขนาดใหญ่มาก กินพื้นที่หลายลี้ สามารถใช้ในการศึกษาเจาะลึกเคล็ดวิชาได้


“สิ่งของของผู้บำเพ็ญเหล่านี้ คงจะเป็นสิ่งที่พวกเขาได้มาหลังจากที่สังหารผู้บำเพ็ญกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูแล้วก็เดือดดาลอยู่บ้าง เพียงไม่นานสมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่เก็บเอาไว้ก็ถูกนำออกมาจนสิ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงกับยังค้นพบชีวิตของผู้บำเพ็ญจำนวนมากที่ถูกคุมขังเอาไว้ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์จำนวนหนึ่งอีกด้วย ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตัดสินใจแล้วว่ารอให้เวลาผ่านไปอีกสักหน่อยก็จะปล่อยให้ผู้บำเพ็ญเหล่านี้เป็นอิสระ


โครม… สิ่งของจำนวนมากเคลื่อนย้ายออกมาแล้วตกกระทบเข้าด้วยกัน ส่งเสียงดังโครมคราม แล้วก่อให้เกิดเป็นภูเขาขนาดย่อมลูกหนึ่ง


“หืม”


รอให้ค่อยๆ เงียบสงบลงอย่างช้าๆ สายตาของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับจับอยู่ตรงจุดหนึ่งบนภูเขาขนาดย่อมนี้ เห็นชัดๆ ว่าที่นั่นว่างเปล่า แต่ราวกับมีวัตถุโปร่งใสที่พยุงวัตถุชิ้นอื่นๆ เอาไว้ นอกจากนี้ด้วยการควบคุมอย่างสมบูรณ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงต่อบริเวณโดยรอบ ก็ปรากฏเสียงกระทบอันกังวานขึ้นที่นี่


“โปร่งใส มิอาจมองเห็นได้หรือ แม้กระทั่งอาณาเขตของข้าก็ยังมิอาจรับรู้การมีอยู่ของมันได้เลยหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินเข้าไปอย่างประหลาดใจ วัตถุที่เดิมที่โปร่งใสมิอาจมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์กลับค่อยๆ ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาตามการเข้าไปใกล้ของเขา นี่คือป้ายสัญลักษณ์สีแดงเข้มอันหนึ่ง ด้านบนมีอักษรสัญลักษณ์อันลึกลับ เมื่อมองอักษรสัญลักษณ์อันลึกลับปราดหนึ่งก็สามารถเข้าใจความหมายของมันได้ในทันที…


นั่นก็คือ ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ หกพยางค์นี้!


ป้ายคำสั่งจิตโลกา ลึกลับหาใดเปรียบ มีเพียงผู้ที่ได้รับการยอมรับจากมันเท่านั้นจึงจะสามารถมองเห็นและได้มันไปครอบครอง มิฉะนั้นต่อให้มันอยู่ตรงหน้าก็ยังมิอาจมองเห็นได้เลย


………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)