Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 31 ตอนที่ 22-23
ตอนที่ 22 ขุดรากถอนโคน
โดย
Ink Stone_Fantasy
พื้นที่รังระดับเกราะทองมีความสำคัญเป็นที่สุดสำหรับฝูงมารผลาญทำลาย บริเวณโดยรอบมีการรักษาการณ์อย่างแน่นหนา ทางเข้าพื้นที่ก็มีการอำพราง แต่ในทางกลับกัน ภายในพื้นที่กลับมีเพียงฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองตนหนึ่งยืนอยู่บนแผ่นดินอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ รักษาการณ์อยู่ตามลำพัง
ทางด้านฝูงมารเองก็เข้าใจกระจ่างดี…
เมื่อใดที่ทางฝั่งผู้บำเพ็ญเข้ามาภายในพื้นที่รัง เช่นนั้นแล้วถึงจะจัดฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองมามากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์
มิติบิดเบี้ยว ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ดำปรากฏตัวภายในพื้นที่รังแห่งนี้ เมื่อได้เห็นทิวทัศน์ภายในพื้นที่รังแล้วก็เผยสีหน้ายินดีในทันใด
“ผู้ใดกัน” ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองที่รักษาการณ์อยู่พลันหันหน้าไป มองปราดหนึ่งก็เห็นผู้บำเพ็ญชุดดำที่อยู่ไกลออกไป เขาตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี! ถูกค้นพบเสียแล้วหรือ
“ท่านอ๋อง! รังเกราะทองที่สามถูกค้นพบแล้ว มีร่างแปรของผู้บำเพ็ญปรากฏกายขึ้นขอรับ” ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองเร่งร้อนส่งสารไปในทันที
“ฆ่าเขาเสียสิ!”
เหล่า ‘อ๋อง’ ที่ได้รับข่าวแต่ละคนต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสี พวกเขาล้วนไม่มีเคล็ดวิชาส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น กว่าจะมาได้นั้นก็ต้องการเวลาพอสมควร
“ไปตายให้ข้าเสีย!” ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองที่เป็นยามรักษาการณ์ผู้นี้ส่งข่าวให้กับเหล่าอ๋อง ไม่รอคำสั่งของอ๋องก็เริ่มต้นลงมือเสียแล้ว เห็นเพียงเมฆดำอันหนาทึบเป็นระลอกโจมตีเข้าหาตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไป ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับทำการเคลื่อนที่ในพริบตา เห็นได้ชัดว่ามีสำเร็จอย่างสูงในด้านห้วงอากาศ ทิ้งระยะห่างอย่างรวดเร็ว ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองมิอาจไล่ตามได้ในทันที
เป็นถึงผู้ท่องอากาศ ทั้งยังฝึกสี่ภาพวาดของจักรพรรดิเก้าเมฆาไปควบคู่กัน อีกทั้งการบำเพ็ญในทางเดินโลกาพิศวงตลอดสองหมื่นล้านปีนี้ ความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยิ่งสูงส่งจนเกินจริง เทพจักรวาลจำนวนมากยังมิอาจเทียบกับเขาในด้านห้วงอากาศได้เลย แม้กระทั่งเพียงแค่ร่างแปรร่างหนึ่ง…ในทางด้านห้วงอากาศก็สามารถมองเหยียดขั้นอลวนจำนวนมากได้เลยทีเดียว
ในเวลาไล่เลี่ยกัน
มิติภายในพื้นที่รังเกราะทองแห่งนี้ก็บิดเบี้ยวอีกครั้ง มีเงาร่างสองสายเดินออกมาจากตรงกลาง
คนหนึ่งก็คือสตรีสูงศักดิ์รูปโฉมงดงาม ซึ่งก็คือประมุขเหยากวง นัยน์ตางดงามของประมุขเหยากวงกวาดมองคราหนึ่ง สายตาก็จับอยู่บนต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศที่อยู่ไกลออกไปต้นนั้น เมื่อเห็นว่าบนต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศฟูมฟักไข่สีทองออกมาฟองแล้วฟองเล่า นัยน์ตาของประมุขเหยากวงก็เปล่งประกายระยับออกมา นางยื่นมือออกไป ในมือมีพิณตัวหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วนางก็ดีดฉินด้วยมือเปล่า…
ท่วงทำนองดนตรีดังขึ้น ถึงขนาดที่ก่อให้เกิดเป็นระลอกคลื่นที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปกคลุมไปทุกทิศทุกทาง
ข้างกายประมุขเหยากวงก็คือบรรพชนห้วงอากาศผู้มีเส้นผมสีเขียวทั้งศีรษะ บรรพชนห้วงอากาศมองไปทั่วบริเวณรอบๆ อย่างเย็นชา แต่พอได้เห็นต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศแล้วก็ยังยากที่จะซ่อนเร้นความตื่นเต้นเอาไว้ได้เช่นกัน
“หมดกัน!” ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองผู้เป็นยามรักษาการณ์ที่เดิมทีกำลังไล่ล่าสังหารร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ผู้นั้น หลังจากที่ได้เห็นประมุขเหยากวงและบรรพชนห้วงอากาศมาถึงแล้วก็สิ้นหวังขึ้นมาในทันใด
เมื่อใดที่เทพจักรวาลในบรรดาผู้บำเพ็ญมาถึง เช่นนั้นก็สิ้นไร้ความหวังแล้ว!
“ปัง…”
เป็นต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศระดับเกราะทองซึ่งเป็นระดับสูงสุด ถึงแม้ว่าจะทนทานและมั่นคงเป็นที่สุด แต่ประมุขเหยากวงลงมือด้วยตนเอง ภายใต้ท่วงทำนองระลอกคลื่น ไข่สีทองเหล่านั้นก็กลายเป็นผุยผงไปในทันใด ส่วนต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศก็เริ่มบิดเบี้ยว ต้านรับอยู่ได้เพียงแค่สองอึดใจเท่านั้น ทั้งต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศก็เริ่มพังทลาย มิติแห่งนี้ก็เริ่มพังทลายด้วยเช่นกัน
สำหรับฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองที่เป็นยามรักษาการณ์ผู้นั้น ก็สูญสลายไปภายใต้ท่วงทำนองระลอกคลื่นเสียแล้ว
“ไปกันเถิด”
กลางมิติที่พังทลาย ประมุขเหยากวงและบรรพชนห้วงอากาศกลับเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศจากไปอย่างอารมณ์ดีเป็นที่สุด สำหรับร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิงร่างนั้น หลังจากที่ซ่อนเร้นรูปลักษณ์อำพรางตัวแล้วก็เลือนหายไป
……
ทางเดินโลกาพิศวง
‘อ๋อง’ ทั้งห้าของทางฝั่งฝูงมารผลาญทำลายมารวมตัวกัน
“สมควรตายนัก”
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
“พวกเราเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด มียามรักษาการณ์มากมาย แม้กระทั่งพื้นที่ก็มีการอำพราง เหตุใดจึงยังถูกค้นพบได้อีกเล่า”
อ๋องทั้งห้าต่างก็เดือดดาลกันเป็นอย่างยิ่ง
สูญเสียรังระดับล่างไปสักสิบแห่งร้อยแห่งพวกเขาล้วนไม่สนใจ แม้กระทั่งสูญเสีย ‘รังระดับเกราะโลหิต’ ไปครึ่งหนึ่ง พวกเขาก็ยังสามารถเผชิญหน้าได้อย่างสงบเงียบ แต่ ‘รังระดับเกราะทอง’ ทุกแห่งนั้นพวกเขาล้วนให้ความสำคัญกันเป็นอย่างยิ่ง! เพราะว่านี่จึงจะเป็นแก่นสำคัญของพวกเขาฝูงมารผลาญทำลายอย่างแท้จริง จนกระทั่งตอนนี้ ‘ท่านอ๋อง’ ทั้งหมดสิบห้าคนที่ถือกำเนิดขึ้นมา ต่างก็บรรลุมาจากในฝูงมารผลาญทำลายระดับเกราะทองด้วยกันทั้งสิ้น ต่างก็ถือกำเนิดมาจากรังระดับเกราะทอง
รังระดับเกราะทองฟูมฟักฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของ ‘อ๋อง’ อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ที่สูญเสียรังระดับเกราะทองไปสองแห่ง พวกเขาก็เจ็บปวดใจมากเหลือเกินแล้ว แต่ในเวลานั้นพลังยุทธ์ของพวกเขาก็ยังอ่อนแอเกินไป สิ้นไร้หนทาง ตามพลังยุทธ์ทั้งร่างที่แข็งแกร่งขึ้น ยามรักษาการณ์และการเฝ้าระวังที่แข็งแกร่งขึ้น ก็ทำให้ไม่มีรังระดับเกราะทองถูกค้นพบมาเนิ่นนานมากเหลือเกินแล้ว
“ตอนนี้ก็มีรังระดับเกราะทองทั้งหมดเหลืออยู่เพียงหกแห่งเท่านั้น ทั้งยังถูกค้นพบอีกแห่งหนึ่งด้วย”
จักรพรรดิจวินนั่งอยู่ที่นั่น หางแต่ละส่วนรายล้อมอยู่รอบๆ นัยน์ตาทั้งคู่บนใบหน้าซูบผอมทอประกายโลหิต
หากเป็นแค่การที่ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองตายไปร้อยตน ขอเพียงแค่มีเวลามากพอก็สามารถฟูมฟักออกมาได้อีก
รังถูกทำลาย จึงจะเป็นการตัดรากถอนโคนอย่างแท้จริง!
“จากข่าวสารที่ได้รับ ศัตรูมิได้บุกเข้าไปจากทางเข้า หากแต่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ”
“คงจะเป็นการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น”
“ทางฝั่งผู้บำเพ็ญอาศัยการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ร่างแปรร่างหนึ่งเพิ่งถูกส่งมายังรังระดับเกราะทองพอดี”
เหล่าอ๋องคนอื่นๆ ได้แต่ทอดถอนใจ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ แต่ก็ได้ทำการแทรกซึมทางฝั่งผู้บำเพ็ญแล้วได้รับรู้ข้อมูลมามากมาย รู้ว่า ‘การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น’ นั้นยิ่งระยะทางไกล ความคลาดเคลื่อนก็จะยิ่งมาก! ภายในพื้นที่รังระดับเกราะทองนั้นย่อมไม่มี ‘เครื่องหมายมิติ’ อยู่อย่างแน่นอน เช่นนั้นถึงจะทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ก็คงจะคลาดเคลื่อนไปเป็นอย่างมาก
ความคลาดเคลื่อนนี้ เบนเข้ามายังรังระดับเกราะทองพอดี
ถึงอย่างไรตลอดระยะเวลาอันเนิ่นนานมานี้ ทางฝั่งผู้บำเพ็ญก็ไปๆ มาๆ ผู้บำเพ็ญจำนวนมากเข้ามาทำการสำรวจอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เกิดเคราะห์ดีถูกส่งเข้าไปในรังระดับเกราะทองพอดีก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้
“พวกเขาโชคดีเกินไปเสียแล้ว”
“ถูกส่งเข้าไปในรังระดับเกราะทองพอดีอย่างนั้นน่ะหรือ”
พวกเขาแต่ละคนต่างก็รู้สึกโศกศัลย์
นัยน์ตาของจักรพรรดิจวินเยียบเย็นเช่นเคย เขาเงียบงันอยู่ชั่วครู่แล้วจึงพูดว่า “ตรวจสอบ คิดหาวิธีไปสืบหาข่าวคราว ดูว่าคราวนี้เป็นใครกันที่ค้นพบรังระดับเกราะทอง! จะต้องแน่ใจให้ได้ว่า…เขาบังเอิญค้นพบ หรือว่ามีเคล็ดวิชาพิเศษอันใดกันแน่”
ถ้าหากเป็นเพียงเพราะโชคดีก็แล้วไป ภัยคุกคามก็ยังไม่ใหญ่หลวงนัก
แต่ถ้าหากมีเคล็ดวิชาสำรวจจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นความยุ่งยากอันยิ่งใหญ่ของทางฝูงมารผลาญทำลายเสียแล้ว!
******
ภายในป้อมห้วงอากาศกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า การทำลายรังระดับเกราะทองแห่งหนึ่งในคราวนี้ทำให้การยกระดับพลังยุทธ์ของฝูงมารผลาญทำลายนี้เนิ่นช้าไปมากโขเลยทีเดียว มิได้มีชัยชนะอันยิ่งใหญ่เช่นนี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว” บรรพชนเทียนอวี๋เอ่ยพร้อมรอยยิ้มตาหยี เหล่าเทพจักรวาลคนอื่นๆ ในที่นั้น รวมถึงพวกบรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกา บนใบหน้าของทุกคนล้วนปรากฏรอยยิ้มอันเห็นได้ยากยิ่ง มิได้มิได้มีชัยชนะอันยิ่งใหญ่เช่นนี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแล้วจริงๆ
ในตอนแรก
พวกเขาเผชิญหน้ากับฝูงมารผลาญทำลายนั้นเป็นการบดขยี้ สังหาร ‘ผู้เป็นอ๋อง’ ไปสี่คน และทำลายรังระดับเกราะทองไปสองแห่งอย่างต่อเนื่อง
แต่ในตอนนี้บรรดา ‘อ๋อง’ เหล่านั้นร่วมมือกัน ก็อาจหาญเข่นฆ่าไปถึงนอกชายขอบมิติ และหลังจากนั้นก็ยังร่นถอยไปได้อย่างปลอดภัย! ถึงแม้ว่าทางฝั่งผู้บำเพ็ญจะยังคงครองความได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง แต่กลับมิอาจสังหารพวกเขาได้เลย แม้กระทั่งรังระดับเกราะทองก็มิได้ค้นพบมาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว ถึงขนาดเคยเชื้อเชิญ ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ เสียค่าใช้จ่ายเป็นศิลาปฐมโลกาจำนวนมหาศาล ก็ยังมิอาจค้นพบรังระดับเกราะทองสักแห่งหนึ่งได้เลย
“รังต่างหากที่เป็นรากอันแท้จริง ทำลายรากของพวกเขา พวกเราก็จะมีเวลาเพียงพอมากยิ่งขึ้น” บรรพชนทิพย์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
“หากอ้างอิงจากสิ่งที่พวกเราคาดการณ์นั้น ‘อ๋อง’ ก็บรรลุมาจากมารระดับเกราะทอง เช่นนั้นรังระดับเกราะทองก็ยิ่งมีความสำคัญเสียแล้ว เกรงว่าทางด้านฝูงมารผลาญทำลายก็คงจะโมโหจนแทบคลั่ง ตอนนี้พวกเขาก็คงมีผู้แกร่งกล้าจำนวนไม่น้อยแฝงตัวเข้ามาในมหาโลกทิพย์ทั้งห้าแล้วล่ะ” บรรพชนห้วงอากาศมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เมื่อข่าวที่ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นพบรังเกราะทองแพร่ออกไปแล้วฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวแทรกซึมอยู่รู้ข่าวนี้เข้า เกรงว่าคงจะโมโหตงป๋อเป็นแน่”
“อืม” เหล่าเทพจักรวาลคนอื่นๆ ก็พยักหน้า
“เรื่องนี้จะต้องเป็นความลับ” บรรพชนเทียนอวี๋พูด “มิอาจแพร่ออกไปข้างนอกได้”
“มิอาจแพร่ออกไปข้างนอก!” บรรพชนทิพย์ก็พยักหน้า สายตาของเขาก็จับอยู่บนร่างตงป๋อเสวี่ยอิง แล้วพูดยิ้มๆ อย่างหาได้ยาก “ประมุขตำหนักตงป๋อ เจ้าค้นพบรังระดับเกราะทองแห่งนี้ เป็นเพราะโชคดี หรือว่าเป็นเพราะมีเคล็ดวิชาพิเศษจริงๆ กันเล่า”
ตอนที่ 23 ภารกิจของตงป๋อเสวี่ยอิง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทันใดนั้นเหล่าเทพจักรวาลคนอื่นๆ ในที่นั้นต่างก็มองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง เป็นเพราะโชคดี หรือว่าเป็นเพราะมีเคล็ดวิชาพิเศษกันแน่ ถ้าหากมีเคล็ดวิชาเคล็ดวิชาสำรวจที่สืบทอดมาจริงๆ เช่นนั้นก็จะเป็นความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่สำหรับทางฝั่งผู้บำเพ็ญเลยทีเดียว
“เจ้าวางใจเถิด เทพจักรวาลที่นี่ล้วนไม่มีใครเอาข่าวไปบอกโลกภายนอกหรอก” บรรพชนทิพย์มองตงป๋อเสวี่ยอิง
“ข้าอาศัยการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “หลังจากเป็นขั้นอลวนแล้ว ข้าก็สำเร็จวิชาการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ข้าส่งร่างแปรของตัวเองเข้าไปในทางเดินโลกาพิศวง แล้วส่งเข้าไปในรังระดับเกราะทองพอดี นี่คือโชคใหญ่หล่นทับโดยแท้ สำหรับเคล็ดวิชาสำรวจ การค้นพบรังระดับเกราะทองนี้ หรือว่ามีเคล็ดวิชาพิเศษอันใด”
บรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกาประสานสายตากัน
ลอบทอดถอนใจ
ก็ถูก
ทางเดินโลกาพิศวงมีสภาพแวดล้อมพิเศษ ทั้งยังมีภยันตรายนานา ร่างจริงไปสำรวจก็อาจมีอันตรายถึงชีวิต ‘ประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ สามารถส่งร่างแปรไปทำการสำรวจได้ แต่น่าเสียดายที่เงื่อนไขของพวกเขาสูงจนเกินจริงไปมาก
ตงป๋อเสวี่ยอิงโชคดีค้นพบได้แห่งหนึ่งก็ไม่เลวเป็นอย่างยิ่งแล้ว ก็ไม่สามารถคาดหวังมากเกินไปได้
“การจะค้นพบรังระดับเกราะทองได้นั้นยากเย็นเหลือเกินจริงๆ ปกติแล้วเจ้าก็เคยส่งร่างแปรของตัวเองเข้าไป อาศัยโชคเช่นนี้อาจเป็นวิธีเดียวที่พวกเราสามารถค้นพบรังระดับเกราะทองได้ในตอนนี้”บรรพชนทิพย์พูด หากยังไม่ถึงที่สุดจริงๆ พวกเขาก็ย่อมไม่มีทางเห็นด้วยกับเงื่อนไขของจ้าวภูเขาฉื้อเหมย เพราะว่าศิลาปฐมโลกาที่พวกเขามีอยู่ก็มิได้มากมายอะไรนัก
“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ราชันย์มีดที่อยู่ด้านข้างโบกมือ แหวนสีเงินวงหนึ่งก็ลอยมาหา “นี่คือศิลาปฐมโลกาหนึ่งแสนก้อน เป็นสิ่งที่พวกเราแต่ละคนรวบรวมกันมา เจ้าค้นพบรังระดับเกราะทอง นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ”
เหล่าเทพจักรวาลได้ประกาศรางวัลเอาไว้ก่อนแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับมาอย่างยินดี ในใจลอบตัดสินใจอย่างลับๆ ว่า… ตนจะกินทั้งหนึ่งแสนก้อนนี้ให้หมดอีกครั้ง! ถึงอย่างไรร่างแปรของตนก็สามารถสอดแนมได้ ขอแค่มีเวลาเพียงพอ เชื่อว่าในอนาคตก็จะสามารถค้นพบรังระดับเกราะทองแห่งที่สอง หรือแม้กระทั่งแห่งที่สามได้ ถึงแม้ว่าการประกาศครั้งต่อไปอาจจะต้องรอเวลาอีกเนิ่นนาน เพราะการค้นพบสองแห่งนั้นก็ไม่มีทางใช้โชคดีมาอธิบายได้อีกแล้ว เกรงว่าใครๆ ก็อาจจะพากันสงสัยได้
แต่สมบัติล้ำค่าของตนก็มีอยู่มิใช่น้อย สมบัติล้ำค่าที่ปรมาจารย์กู่ฉีทิ้งเอาไว้ให้ก็ยังมีอยู่บางส่วน กินหนึ่งแสนก้อนนี้ไปจนหมดก็จะมีส่วนช่วยเหลือดวงวิญญาณเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีส่วนช่วยในทุกๆ ด้านของการบำเพ็ญของตนอีกด้วย
“ใช่แล้ว ตงป๋อ” บรรพชนเทียนอวี๋พูดยิ้มๆ “เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงนั้นของเจ้า สามารถบำเพ็ญไปได้สำเร็จถึงขั้นแปรที่เก้าแล้วหรือ”
“บำเพ็ญสำเร็จแล้วขอรับ!” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ด้วยพลังยุทธ์ของตน ทั้งยังมีของวิเศษเมฆซ้อนสามสี ถึงแม้ว่าจะต้องรับมือกับฝูงมารระดับเกราะทองที่ชายขอบของห้วงอากาศหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครมีคุณสมบัติพอที่จะบังคับให้ตนสำแดงเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงออกมาได้เลย
“ฮ่าฮ่า…” ท่านบรรพชนคีรีมารที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเสียงดังสนั่น “ดีมาก ได้ยินเทียนอวี๋พูดว่าเดิมทีวิชาการป้องกันของเจ้าก็ร้ายกาจอยู่แล้ว ตอนนี้เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงยังไปถึงแปรที่เก้าอีก ก็คงจะยิ่งล้ำเลิศ เจ้าก็คงจะรู้ว่าพวกเรามีภารกิจอย่างหนึ่งต้องการจะมอบหมายให้แก่เจ้า”
“ข้ารู้ ก็คือการสืบหาฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวเข้ามา” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“ถูกต้อง” ประมุขเหยากวงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเสนาะหู “ฝูงมารผลาญทำลายเหล่านี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก นอกจากนี้ยังมีเคล็ดวิชาบางอย่างที่พวกเราไม่รู้อยู่อีกด้วย พวกเขาสามารถหนีจากการผนึกขังของพวกเราอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง นอกจากนี้… พวกเราเทพจักรวาลก็เคยสะกดรอยอยู่หลายครั้ง แต่ว่าพวกเขาคงจะมีเคล็ดวิชาที่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังยุทธ์ของผู้บำเพ็ญอย่างพวกเรา พอพวกเราเทพจักรวาลสะกดรอย พวกเขาจึงไม่ปรากฏตัว ส่วนขั้นอลวนเมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขา โดยทั่วไปแล้วก็จะเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ก่อนหน้านี้เพิ่งได้รับข่าว…
ประมุขวังอวี้เฉี่ยนหนีไม่ทัน จึงถูกกลืนกินไปเสียแล้ว ฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวเข้ามาเหล่านั้นช่างแกร่งกล้าอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ก็เคยมีขั้นอลวนชั้นที่แปดขั้นสุดยอดสองคนตายด้วยน้ำมือของพวกเขามาก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะกระวนกระวายใจ แต่ก็ยังรอให้เคล็ดวิชาการป้องกันของตงป๋อเสวี่ยอิงแกร่งขึ้นเช่นเดิม อีกทั้งตงป๋อเสวี่ยอิงยังมี ‘การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น’ พวกเขายังได้มอบของขวัญให้ จึงเป็นเหตุผลให้วางใจได้ในการส่งตงป๋อเสวี่ยอิงไปตรวจสอบ
ถึงอย่างไรในการคาดการณ์ของพวกเขา ผู้ที่แทรกซึมเข้ามานั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีเทพจักรวาลอยู่ด้วย
ถึงเวลานั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่เป็นเทพจักรวาล!
“นี่คือของขวัญที่พวกเราเตรียมเอาไว้ให้เจ้า” บรรพชนทิพย์ยื่นมือออกมา กำไลข้อมือสีดำวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้น กำไลข้อมือสีดำนี้ประกอบขึ้นจากไข่มุกสิบสองเม็ด ภายในไข่มุกทุกเม็ดล้วนมีค่ายกลสามมิติปรากฏอยู่รางๆ กำไลข้อมือวงนี้ลอยตรงเข้ามา
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับมา เพิ่งมาถึงมือก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักอันน่าหวาดหวั่นบนมือ ด้วยพลังยุทธ์ของเขา ฝ่ามือก็รู้สึกถึงการกดลงมา
ไข่มุกทุกเม็ดยังหนักกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก
“ไข่มุกสิบสองเม็ดเป็นสารสำคัญที่รวมตัวกันอยู่ในส่วนลึกของพื้นดินอันไร้ที่สิ้นสุดในยุคโลกทิพย์โบราณดั้งเดิม วัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่ สิบสองเม็ดนี้เกิดขึ้นมาพร้อมกัน” บรรพชนทิพย์พูด “โดยทั่วไปแล้วเหล่าเทพจักรวาลต่างก็เตรียมวัตถุล้ำค่ารักษาชีวิตเอาไว้ให้ตัวเอง แต่วัตถุล้ำค่าระดับนั้น ขั้นอลวนคนหนึ่งอย่างเจ้าไม่มีทางกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ได้แน่! กำหนดด้วยพลังยุทธ์ของเจ้าแล้วดูเหมือนว่าไข่มุกสิบสองเม็ดนี้จะดีที่สุดแล้ว”
“หลังจากที่เจ้าหลอมรวมได้สำเร็จแล้ว พอกระตุ้นเมื่อใด ประกายเทพคุ้มกายสิบสองชั้นปกป้องพร้อมกัน แม้แต่ระดับข้า บรรพชนโลกา และราชันย์มีด หมายจะทำลายอย่างสุดกำลัง ก็ยังต้องใช้เวลาครู่หนึ่ง เวลาเล็กน้อยนี้เพียงพอให้เจ้าทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นหนีเอาชีวิตรอดได้” บรรพชนทิพย์พูด “สามารถทำลายได้ในพริบตา ก็มีเพียงแค่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์คนเดียวเท่านั้น”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ถึงอย่างไรตนก็เป็นเพียงแค่ขั้นอลวน สามารถอาศัยของวิเศษเอาชีวิตรอดต่อหน้าพวกบรรพชนโลกาและบรรพชนทิพย์ได้ก็ล้ำเลิศมากแล้ว พวกบรรพชนทิพย์เองก็คิดทุกวิถีทางแล้ว สำหรับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นหรือ ตนยังห่างชั้นกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์มากมายมหาศาลนัก
“ฝูงมารผลาญทำลายนั้นไม่มีบุคคลระดับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่เลย” บรรพชนเทียนอวี๋พูดพลางยิ้มน้อยๆ “ของวิเศษนี้เพียงพอสำหรับเจ้าแล้วล่ะ ตงป๋อ แต่เจ้าก็ต้องระวังอย่าให้ถูกลอบโจมตีเป็นอันขาด ถ้าหากกระตุ้นไม่ทันก็อาจถูกสังหารได้ เช่นนั้นก็ต้องตำหนิที่เจ้ามีพลังยุทธ์ไม่เพียงพอเองแล้วล่ะ”
“เข้าใจแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังมีความมั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก
‘อาณาเขตกฎเกณฑ์’ ย่อมมีอยู่แล้ว เป็นถึงยักษ์ใหญ่ขั้นอลวน อาณาเขตกฎเกณฑ์แผ่ไปเป็นแสนลี้ในอาณาบริเวณโดยรอบ ไม่ว่าผู้ใดเข้าไปในอาณาเขตแสนลี้นี้ ต่างก็ถูกตงป๋อเสวี่ยอิงตรวจสอบรับรู้ได้ทั้งสิ้น คิดจะลอบเข้ามาในอาณาเขตกฎเกณฑ์โดยไม่ถูกค้นพบ… ก็ช่างยากเย็นเกินไปเสียแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นถึงผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนคนแรกที่เป็นวิถีโลกเทียมเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมา อาณาเขตกฎเกณฑ์ของเขาลึกลับเป็นที่สุด
อันที่จริงแล้วผู้แกร่งกล้าของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ อาณาเขตกฎเกณฑ์ก็ขึ้นชื่อเรื่องความยากที่จะถูกแทรกซึมอยู่แล้ว เพราะพวกเขาต่างก็มองทะลุพื้นฐานของทางสายนี้ของตน เช่นพวกเหล่ากลืนกินและศาสตร์โบราณนั้นก็ก่อร่างขึ้นมาจากอาณาเขตกฎเกณฑ์เพียงอย่างเดียวล้วนๆ ผู้แกร่งกล้าของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ก็เป็นตนเองจงใจไปสร้างอาณาเขตเอง
นอกจากอาณาเขตกฎเกณฑ์แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังมีความเฉียบแหลมในการรับสัมผัสห้วงอากาศเป็นที่สุด ผ่านการบำเพ็ญทางเดินโลกาพิศวงมาสองหมื่นล้านปี วิชาลับผู้ท่องก็ยกระดับไปถึงชั้นที่สี่สิบเก้า ผนวกกับการบำเพ็ญภาพวาดภาพที่สองและภาพวาดภาพที่สามของจักรพรรดิเก้าเมฆา…
ระดับของการควบคุมห้วงอากาศสูงส่งเป็นที่สุด
หนึ่งอาณาเขตกฎเกณฑ์ กับหนึ่งการรับสัมผัสห้วงอากาศ นี่คือสิ่งที่รักษาเอาไว้อยู่ตลอดเวลา
……
“ฝูงมารผลาญทำลายที่แทรกซึมเข้ามาเหล่านี้แกร่งกล้าเป็นที่สุด ผู้แกร่งกล้าชั้นที่แปดขั้นสุดยอดก็มีอยู่สองคนที่หนีไม่ทันจนถึงแก่ความตาย ต้องรู้ไว้ว่า พวกเขาเผชิญหน้ากับระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอด ก็มีความมั่นใจในการรักษาชีวิต” ท่านบรรพชนคีรีมารน้ำเสียงทุ้มต่ำ มองดูตงป๋อเสวี่ยอิง “ดังนั้นพวกเราจึงสงสัยกันมาตลอดว่ามีเทพจักรวาลแฝงตัวเข้าไป เดิมทีผู้บำเพ็ญระดับชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวก็มีอยู่ไม่มากอยู่แล้ว ผู้ที่มีการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นก็มีอยู่เพียงสี่คนเท่านั้น คนหนึ่งเป็นของโลกทิพย์โบราณ คนหนึ่งคือลูกน้องของจอมมารดา ยังมีอีกคนหนึ่งก็คือจ้าวภูเขาฉื้อเหมยที่เห็นแก่ตัวเป็นที่สุด ดังนั้นพวกเราจึงมีเพียงเจ้า ตงป๋อผู้นี้ ที่เหมาะสมจะรับภารกิจนี้ไป”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“มีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นเจ้าก็ยิ่งต้องระมัดระวังตัว” ท่านบรรพชนคีรีมารพูด
“เจ้าคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการไปเสาะหาตัวพวกเขา” ราชันย์มีดก็พูดขึ้นเช่นกัน “ความปลอดภัยของตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
โดยทั่วไปแล้วเรื่องใหญ่เช่นนี้ต่างก็ต้องให้เหล่าเทพจักรวาลไปจัดการด้วยตัวเอง
แต่จนใจ…
ฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวเข้าไปเหล่านั้นสามารถสัมผัสได้ถึงพลังยุทธ์ของผู้บำเพ็ญ พอสัมผัสได้ถึงเหล่าเทพจักรวาล พวกเขาก็ย่อมไม่ปรากฏตัวอยู่แล้ว ส่วนขั้นอลวน พวกที่อ่อนแอหน่อยต่างก็พากันไปตายทั้งสิ้น!
“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“เจ้ารีบหลอมรวมของวิเศษโดยเร็วที่สุดเถิด หลังจากหลอมรวมแล้วก็ไปรับภารกิจเสีย” ราชันย์มีดเอ่ยอย่างจริงจัง “ลูกน้องของพวกเราในแต่ละช่องทางก็จะส่งข้อมูลข่าวสารมากมายให้กับเจ้า ส่วนจะสืบเสาะค้นหาเช่นไรนั้น ทั้งหมดให้เจ้าตัดสินใจจัดการเอง”
……
กลางป้อมห้วงอากาศ
ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวกนานหลายปีจึงสามารถหลอมรวม ‘ไข่มุกสิบสองเม็ด’ ได้สมบูรณ์ทั้งหมด แน่นอนว่าภายในระยะเวลาเก้าปีนี้เขาก็กินศิลาปฐมโลกาหนึ่งแสนก้อนที่ได้มาใหม่ลงไปจนหมดสิ้นแล้ว
“ไปได้แล้ว” ในวันนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงได้ดื่มอำลากับมิตรสหายจำนวนหนึ่ง คล้ายว่าจะเป็นสหายที่คุ้นเคยกันในช่วงสองหมื่นล้านปีนี้ทั้งสิ้น
ทันใดนั้นก็ไปจากป้อมห้วงอากาศด้วยการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น เริ่มต้นเดินทางในอากาศอันสับสนอลหม่านและโลกทิพย์ทั้งสาม ไปเสาะหาตัวฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวเข้ามาเหล่านั้น… ภารกิจนี้ไม่มีกำหนดระยะเวลา เกรงว่าภายในระยะเวลาอันยาวนานนี้ตนเองก็ต้องไล่ตามหาไล่สังหารพวกเขา! ผู้ที่อ่อนแอตนก็สังหารไป ส่วนผู้ที่แข็งเกร่งตนก็เชิญเทพจักรวาลมาสังหาร
แน่นอนว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็จัดร่างแปรสองร่างเอาไว้สืบเสาะภายในทางเดินโลกาพิศวงต่อไป
………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น