Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 30 ตอนที่ 3-4

 ตอนที่ 3 ประมุขวังพันเนตร

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เจ้ารีบปล่อยพวกเราเสีย ตอนนี้หนีเอาชีวิตรอดยังทันอยู่ มิเช่นนั้นแล้ว…” ชายชราอาภรณ์สีแดงคิดจะขู่ขวัญต่อ แต่จากนั้นเขาก็เบิกตาโพลง ปากก็พูดอะไรไม่ออกอีกแม้แต่คำเดียว


ตงป๋อเสวี่ยอิงเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง


ตนผนึกพลังของพวกเขาเอาไว้แล้ว บัดนี้พวกเขาพูดอะไรไม่ออกย่อมเป็นเรื่องง่ายมาก ด้วยนิสัยของตน อย่างมารร้ายที่ช่วงชิงเอาชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนไปตามอำเภอใจพรรค์นี้ ก็ต้องสังหารโดยทันที ส่วนคนชุดดำพวกนั้น เพื่อที่จะประจบประแจงชายชราอาภรณ์สีแดงผู้นี้ ยังจะออกไปจับผู้ที่อ่อนแอและบริสุทธิ์คนอื่นๆ มาอีก


พวกเขาล้วนสมควรตาย! ทว่าตอนนี้เขายังไม่รีบร้อนสังหาร เพราะยังต้องอาศัยพวกเขาดึงดูดประมุขวังที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นออกมาอีก!


“ข้าจะดูสิว่าเจ้ามีสถานะอันใดกันแน่”


ตงป๋อเสวี่ยอิงกำหนดจิตคราหนึ่ง ก็ล่อลวงให้คนชุดดำทั้งสิบสองเข้าไปในโลกเขตลวงทันที และสามารถชี้นำพวกเขาภายในโลกเขตลวงให้บอกตัวตนของประมุขวังออกมาได้อย่างง่ายดาย! เพราะนี่ก็มิได้นับว่าเป็นความลับสำคัญยิ่งยวดอะไรนัก ประมุขวังผู้นั้นก็มิได้มีวิธีห้ามเอาไว้ เมื่อคนชุดดำอยู่ในโลกเขตลวงจึงพูดทุกสิ่งออกมาแต่โดยดี


“ที่แท้แล้วเป็นเขาหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดด้วยเสียงเย็นชา “นับเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งจริงๆ เสียด้วย”



ผ่านไปชั่วขณะ


คนชุดดำทั้งสิบสองและชายชราอาภรณ์สีแดงก็ล้มลงบนพื้นโดยมิอาจขยับเขยื้อนได้ วัตถุต่างๆ ที่พวกเขาพกติดตัวมาล้วนถูกช่วงชิงเอาไป ที่เก็บวัตถุล้ำค่าและอื่นๆ ล้วนถูกยึดไป ชายชราอาภรณ์สีแดงเห็นเข้าก็เคืองแค้นแต่กลับพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงลอบพึมพำว่า “รอท่านประมุขวังมาถึง สิ่งที่เขาเอาไปล้วนต้องคายออกมาจนเกลี้ยง แม้แต่สิ่งที่เขานำติดตัวมาก็ต้องถูกสังเวยด้วยเช่นกัน!”


ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับโบกมือคราหนึ่ง ที่เก็บวัตถุล้ำค่าจำนวนหนึ่งถูกหลอมแปรอย่างรวดเร็ว จากนั้นป้ายอักขระสีดำอันแล้วอันเล่าก็ลอยออกมา


“ป้ายอักขระสิบสองอัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ชาวเผ่าหลายแสนคนของชนเผ่านี้ถูกลอบโจมตี ภายในวิญญาณของชาวเผ่าแต่ละคนล้วนถูกหมอกดำแทรกซึมเข้าไป ตามปกติแล้ว ตนต้องขับหมอกดำในวิญญาณของชาวเผ่าแต่ละคนออกมาอย่างยากลำบาก ซึ่งเรื่องนี้ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก และชาวเผ่าตั้งหลายแสนคน จะต้องใช้เวลานานเท่าใดกัน


เมื่อเขาตรวจสอบก็ทราบทันทีว่า คนชุดดำทั้งสิบสองนี้มีวิธีควบคุมหมอกดำนี้


“วิธีอันแปลกพิสดารของการบำเพ็ญระบบทิพย์เหล่านี้ช่างมีมากมายนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงแบ่งสมาธิออกไปใช้เป็นสิบสองส่วน แล้วควบคุมป้ายอักขระสีดำสิบสองก้อนพร้อมกัน


ตู้มมมม…


ป้ายอักขระสีดำสิบสองก้อนที่ล่องลอยอยู่ตรงหน้าเขาพลันกระตุ้นค่ายกลขึ้นมา แล้วเกิดปฏิกิริยากับหมอกดำภายในร่างกายของคนหลายแสนคนซึ่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่


“ออกมาให้หมดเถอะ” เพียงชั่วความคิดหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิง หมอกดำสายแล้วสายเล่าพลันลอยออกมาจากร่างของชาวเผ่าแต่ละคน หมอกดำจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นเมฆดำขนาดมหึมา จากนั้นเมฆดำมหึมานี้ก็สลายหายไปกลางอากาศในทันที


“ขยับได้แล้ว”


“ข้าขยับได้แล้ว” ชาวเผ่าทั้งหลายทยอยลุกขึ้นทีละคน เด็กน้อยทั้งหลายปีนป่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


ชาวเผ่าจำนวนนับไม่ถ้วนภายในชนเผ่าล้วนรู้สึกซาบซึ้งยินดี แต่พวกเขาก็ยังคงมองดูทางตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความตื่นเต้นอยู่ห่างๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เฝ้ามองทุกอย่างที่เกิดขึ้น และรู้ว่าหนุ่มน้อยยอดฝีมือชุดขาวผู้นี้ช่วยพวกเขาเอาไว้ แต่พวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งของชายชราอาภรณ์สีแดงด้วย…เห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังชายชราอาภรณ์สีแดงยังมียอดฝีมือตัวฉกาจที่เก่งกาจอย่างยิ่งอยู่อีกคนด้วย


สวบๆๆ


เงาร่างสิบกว่าสายบินมาอย่างรวดเร็วลงมาตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงก่อนจะพากันทำความเคารพ


“ผู้อาวุโสช่วยพสกเราทั้งเผ่าเอาไว้ บุญคุณใหญ่หลวงครั้งนี้ พวกเราทั้งหลายไม่รู้ว่าควรจะทดแทนเช่นใดดี” ดวงตาของหัวหน้าเผ่ารื้นไปด้วยน้ำตา เขามิกล้าคิดเลยว่าหากมิใช่หนุ่มน้อยยอดฝีมือชุดขาวปรากฏกายขึ้นแล้ว ชาวเผ่าทั้งหมดในเผ่าของตนกลายเป็นร่างทดลองของการบำเพ็ญระบบทิพย์ที่ชั่วร้าย เช่นนั้นจะเกิดผลที่น่าหวาดหวั่นเพียงไร หากแต่ละคนถูกทดลอง ถึงไม่ตาย ก็ต้องถูกทดลองสิ่งต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทรมานกว่าถูกฆ่าให้ตายไปเลยเสียอีก


ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะพลางพูดเสียงเรียบว่า “ใช้แรงเพียงยกฝ่ามือเท่านั้น”


ในเมื่อพลังแข็งแกร่ง ก็ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ สำหรับตนก็ใช้แรงเพียงยกฝ่ามือเท่านั้น แต่สำหรับชนเผ่านี้กลับเป็นการช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากหายนะใหญ่ครั้งหนึ่งไปได้


ยิ่งช่วยคนมากขึ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยิ่งสามารถรับรู้ข้อนี้ได้มากขึ้น


“ผู้อาวุโสท่านนั้นช่วยทั้งชนเผ่าของเราเอาไว้หรือ”


“ถูกต้อง หากไม่มีผู้อาวุโสท่านนั้น ชนเผ่าของพวกเราก็ต้องจบสิ้นไปแล้ว” หนุ่มน้อยคนหนึ่งกำลังถามมารดาอยู่ไกลออกไป หนุ่มน้อยยังมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความตื่นเต้นและหัวใจที่เทิดทูน


ภาพเช่นนี้เกิดขึ้นในหลายบริเวณของชนเผ่า


บัดนี้เด็กน้อยและหนุ่มสาวจำนวนมากกำลังมองดูชายหนุ่มอาภรณ์ขาวไกลออกไปด้วยความเคารพนบนอบหาใดเปรียบ ตลอดคืนวันอันยาวนานในภายหน้า พวกเขาย่อมไม่มีทางลืมเลือน นี่คือยอดฝีมือที่ยอดเยี่ยมผู้ช่วยเหลือชนเผ่าของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาหวังว่าจะมีสักวันที่สามารถสำเร็จเป็นผู้แกร่งกล้าและมีคุณสมบัติพอจะไปยืนตรงหน้าผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตชนเผ่าของพวกเขาเอาไว้ นั่นจะเป็นเกียรติอย่างสุดซึ้งของพวกเขาเลยทีเดียว


“เด็กน้อยเหล่านี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มออกมา ผู้ใหญ่เหล่านั้น บางคนพบเห็นอะไรมามากจนมิกล้ามองตนตรงๆ ด้วยกลัวว่าจะเป็นการล่วงเกินตงป๋อเสวี่ยอิง ส่วนเด็กและหนุ่มสาวเหล่านั้นยังไม่เข้าใจอะไรนัก


“ผู้อาวุโส”


หัวหน้าเผ่ามองดูชายชราอาภรณ์สีแดงและคนชุดดำทั้งสอบสองซึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้นด้านข้างอย่างมิอาจขัดขืนได้ เขากล่าวว่า “เบื้องหลังการบำเพ็ญระบบทิพย์ที่ชั่วร้ายนี่เหมือนจะมีผู้แกร่งกล้าที่ร้ายกาจอย่างยิ่งอยู่คนหนึ่ง ผู้อาวุโสต้องระมัดระวังด้วยนะขอรับ”


“วางใจเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำชับ “ข้ามั่นใจอยู่แล้ว นอกจากนี้ ท่านรีบพาชนเผ่าทั้งหมดของท่านอพยพไปเถิด ข้ากลัวว่าคนเบื้องหลังพวกเขาผู้นั้นจะยังมิกล้าปรากฏกาย รอจนข้าจากไปแล้ว จะมาระบายอารมณ์ที่พวกท่านแทน”


“ขอรับ”


หัวหน้าเผ่าสะดุ้ง เขารู้ว่าอีกไม่นานสถานที่แห่งนี้กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิรบ เขามิกล้าให้ชาวเผ่ารั้งรออยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ผู้อาวุโสโปรดระมัดระวังด้วย ผู้แกร่งกล้าของการบำเพ็ญระบบทิพย์มีลูกไม้มากมายยิ่งนัก ยากที่จะป้องกันได้ ข้าและคนอื่นๆ ต้องขอหน้าหนาจากไปก่อนแล้ว”


“ไปเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า


ชนเผ่าผู้บำเพ็ญอพยพได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการเก็บชาวเผ่าทั้งหลายเข้าไปในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ จากนั้นหัวหน้าเผ่าก็เคลื่อนที่ในพริบตาจากไปอย่างรวดเร็วเพียงลำพัง


หากพูดอย่างจริงจังแล้ว สมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ก็นับว่าปลอดภัย แต่ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเพียงโลกใบเล็กที่บุกเบิกขึ้นมา จึงมีส่วนช่วยผู้บำเพ็ญสู้จักรวาลแห่งหนึ่งมิได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเทียบกับโลกทิพย์เลย! ภายในโลกคูหาสวรรค์ มีเทพโลกาสักคนถือกำเนิดขึ้นมาได้ก็ไม่เลวแล้ว ส่วน ‘เทพแท้’ นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย! สำหรับโลกทิพย์แล้ว เทพแท้นั้นมีอยู่ทั่วไป เทพอากาศจึงพอจะนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือ



บนพื้นที่เขียวชอุ่มของทะเลทราย ชาวเผ่ามิได้ตั้งอยู่นานแล้ว


ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่เพียงลำพัง คนชุดดำทั้งสิบสองและชายชราอาภรณ์สีแดงคนหนึ่งด้านข้างมิอาจขยับเขยื้อนได้


“มาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลืมตาขึ้นแล้วทอดสายตามองออกไปไกล


ตู้มมมม…


เรือบินอลวนลำหนึ่งบินออกมาจากทางเชื่อมมิติที่ถูกแหวกออก จากนั้นผิวเงาวับของเรือบินอลวนก็มีประตูเรือบานหนึ่งปรากฏขึ้น เงาร่างสองสายบินออกมาพร้อมกัน หนึ่งในนั้นคือบุรุษท่าทางเย็นชาซึ่งมีอาภรณ์สีเทาห่มคลุมเอาไว้ ร่างกายของเขามีกลิ่นอายชั่วร้ายแผ่ออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้ ขณะที่สายตาทั้งคู่ทอดมองมาทางตงป๋อเสวี่ยอิง นัยน์ตาของเขาราวกับมีสัตว์ประหลาดที่น่าหวาดหวั่นตนหนึ่งสอดส่องตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่อย่างไรอย่างนั้น


“การบำเพ็ญระบบทิพย์ที่ชั่วร้ายพรรค์นี้ ปรับเปลี่ยนวิญญาณของตนอย่างสิ้นเชิง พลังไม่เลวเลยจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอบพึมพำ


บุรุษท่าทางเย็นชาผู้นี้มีนามว่า ‘ประมุขวังเนตรทมิฬ’


พลังเป็นระดับเจดีย์ดาวชั้นที่ห้า ทั้งยังเป็นผู้ที่เยี่ยมยอดในหมู่คนเหล่านั้นด้วย ในฐานะการบำเพ็ญระบบทิพย์ที่ชั่วร้ายซึ่งค้นคว้าร่างกายและวิญญาณแล้วปรับปรุงร่างกายและวิญญาณจึงยากจะรับมือ หัวหน้าทั้งสองของผาจอมมารร่วมมือกันก็ยังรับมือยากสู้คนผู้นี้มิได้!


ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้เห็นอยู่ในสายตา จ้าวทะเลสาบชี่หู หนึ่งในหัวหน้าทั้งสองของผาจอมมารผู้มีการรักษาชีวิตแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าตนก็ยังไม่มีแรงต้านทานแม้แต่น้อย


“คนด้านข้างผู้นี้…” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นชายชราผู้หนึ่งซึ่งเดินออกมาพร้อมกับบุรุษอาภรณ์สีเทาท่าทางเย็นชา


ชายชราผมขาวผู้นี้มีใบหน้าอ่อนโยน ทั้งร่างสวมอาภรณ์เรียบง่าย เก็บงำกลิ่นอายไว้ภายในอย่างสิ้นเชิง


ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังสำรวจคนทั้งสอง ทั้งสองก็กำลังสำรวจตงป๋อเสวี่ยอิงเช่นเดียวกัน พวกเขามีข้อมูลมากกว่าผู้ใต้บังคับบัญชามากนัก เพียงแวบเดียวก็จำตงป๋อเสวี่ยอิงที่มิได้แปลงกายได้แล้ว


“ตงป๋อเสวี่ยอิงแห่งวังทวีสูญ” ชายชราผมขาวท่าทางเรียบง่ายเอ่ย “ศิษย์น้อง ว่ากันว่าเขามีพลังระดับเจดีย์ดาวชั้นที่หกเท่านั้น ที่เชี่ยวชาญที่สุดก็คือ ‘ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์’ ของประมุขโลกอนธการ”


“ศิษย์พี่เหลย” ประมุขวังเนตรทมิฬกลับเอ่ยขึ้นอย่างถ่อมตน “สงครามจะดูแต่ด้านที่เชี่ยวชาญที่สุดมิได้ ต้องดูจุดอ่อนด้วยเช่นกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ก็แค่ได้ศาสตร์ลับของประมุขโลกอนธการมาเท่านั้นเอง เมื่อเผชิญหน้ากับตัวโง่งมอย่างจอมมารดำย่อมสามารถเอาชนะได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เฮอะๆ ศิษย์พี่เหลยรอสักครู่หนึ่งเถิด หากเขากล้าทำให้ธุระของข้าเสียหาย ข้าต้องให้บทเรียนกับเขาอย่างแน่นอน”


 ………………………..


ตอนที่ 4 จุดอ่อน

โดย

Ink Stone_Fantasy

 


ชายชราอาภรณ์สีแดงและคนชุดดำทั้งสิบสองที่นอนอยู่บนพื้นต่างก็รอคอยให้ประมุขวังของตนมาช่วยเหลือด้วยความร้อนรน แล้วค่อยให้ยอดฝีมือชุดขาวผู้นี้สำนึกเสียใจและร้องขอชีวิต!


“ตงป๋อเสวี่ยอิง”


ประมุขวังเนตรทมิฬย่ำไปในอากาศพลางมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไป กลิ่นอายชั่วร้ายเหนือผิวกายของเขาโหมซัดและแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศ “นี่คือโลกทิพย์นิจนิรันดร์ คนจากโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราอย่างเจ้าคนหนึ่งกล้ามาเหิมเกริมที่โลกทิพย์นิจนิรันดร์อย่างนั้นหรือ ทั้งยังกล้าทำลายธุระของข้า ช่างบังอาจเสียจริง”


“หนึ่งโลกทิพย์นิจนิรันดร์แบ่งเป็นสองส่วน นี่คือเขตแดนของบรรพชนโลกา มิใช่เขตแดนของบรรพชนทิพย์ เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องพวกนี้หรอกกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า


“เฮอะ คิดว่าเป็นผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญแล้วข้าจะมิกล้าสังหารเจ้ารึ เจ้ามิเกรงกลัวสิ่งใดเลยหรือไร” ประมุขวังเนตรทมิฬยิ้มเย็น “ถูกต้อง ข้าจะไม่สังหารเจ้าหรอก ทว่าโทษตายละเว้นได้ โทษเป็นกลับยากจะหลบเลี่ยง ข้าจะชิงเอาสมบัติล้ำค่าของเจ้าไปให้หมด แล้วค่อยให้เจ้าลิ้มรสการลงโทษต่างๆ ที่ข้าคิดค้นขึ้นมา ท้ายที่สุดค่อยส่งเจ้าที่สมบูรณ์ดีกลับไปยังวังทวีสูญ คิดว่าวังทวีสูญคงจะว่าอะไรไม่ได้”


“เจ้ามั่นใจในตนเองมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ให้ข้าได้เห็นสักหน่อยเถิดว่าเจ้ามีความสามารถนี้หรือไม่ อ้อ ข้าจะจัดการพวกเขาเสียก่อน ในเมื่อเจ้ามาแล้ว จะเก็บพวกเขาเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีก”


พูดยังไม่ทันขาดคำ


ฟึ่บๆๆ…


ชายชราอาภรณ์สีแดงและคนชุดดำทั้งสิบสองคนต่างพากันเบิกตากว้างด้วยความหวาดหวั่น แต่จากนั้นกลิ่นอายก็จางลง วิญญาณของพวกเขาที่ถูกผนึกเอาไว้สูญสลายไปจนสิ้น  ภายใต้อานุภาพของแผนภาพคลื่นจาน แม้แต่ร่างกายก็แหลกสลายกลายเป็นความว่างเปล่าตามไปติดๆ


ประมุขวังเนตรทมิฬเห็นเข้าม่านตาก็หดเล็กลง สีหน้าเหี้ยมเกรียมขึ้นมาก เขาจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง ปากก็แสยะยิ้มกว้าง “ดีมาก ประเสริฐมาก เจ้าหนุ่มวัยเยาว์ที่แค่ศึกษาประมุขโลกอนธการศาสตร์ลับคนหนึ่งเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าข้ากลับกล้าอวดดีถึงเพียงนี้ ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่า…การบำเพ็ญระบบทิพย์มิใช่ฝูงมารผลาญทำลายของเจดีย์ดาวเหล่านั้นจะสามารถเทียบด้วยได้”


“ฟิ้วๆๆ”


นัยน์ตาทั้งสองของประมุขวังเนตรทมิฬพลันมีอานุภาพอันน่าหวาดหวั่นปะทุออกมา นัยน์ตาของเขาพลันมีกระแสอากาศสีดำสองสายแผ่ออกมา หากมองดูให้ละเอียด ก็จะพบว่าภายในกระแสอากาศสีดำสองสายนั้นมีแมลงเกราะสีดำอันเล็กละเอียดอยู่ด้วย หลังจากแมลงเกราะสีดำกว่าร้อยตัวบินออกจากดวงตาของประมุขวังเนตรทมิฬแล้ว ก็บุกสังหารไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงทันที


หลังจากนั้นติดๆ ร่างกายของประมุขวังเนตรทมิฬก็พลันขยายขึ้นยกใหญ่ เขามีแขนงอกออกมาถึงหกข้าง ผิวหนังทั้งร่างกลายเป็นสีเทา เหนือแขนสีเทาเปล่าเปลือยที่โผล่ออกมาแต่ละข้างล้วนแต่มีสัญลักษณ์ดวงตาอันแปลกพิสดารอยู่ รูปสัญลักษณ์ดวงตาแผ่คลุมไปทั่วร่าง กลิ่นอายชั่วร้ายสีดำจำนวนมากที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่กำจายออกมา


“ตายเสีย” ร่างกายของประมุขวังเนตรทมิฬขยับคราหนึ่งแล้วกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง


แมลงสีดำกว่าร้อยตัวและประมุขวังเนตรทมิฬซึ่งปรากฏร่างทิพย์ออกมาทยอยบุกเข้ามา แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าแล้วกลับมองอย่างสงบโดยมิได้ขัดขวางแต่อย่างใด


“เอ”


ประมุขวังเนตรทมิฬเห็นเข้าก็งงงันไป


เดิมทีเขาก็เตรียมการอย่างอื่นไว้ก่อนแล้วเพื่อที่จะรับกระบวนท่าของตงป๋อเสวี่ยอิง แม้ปากเขาจะพูดเหิมเกริม แต่ในใจของเขากลับเคารพเป็นอันมาก เพราะถึงอย่างไรอานุภาพของ ‘ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์’ ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยิ่งใหญ่มากโดยแท้! แต่การที่ไม่ขัดขวางเลยแม้แต่น้อย ก็ทำให้ประมุขวังเนตรทมิฬงุนงง “ลำพองตนเกินไปแล้วกระมัง เฮอะๆ ระหว่างการต่อสู้ก็ไม่ทุ่มเทสุดกำลัง เช่นนั้นข้าก็จะยิ่งเอาชนะได้ง่ายขึ้นแล้ว”


ตามข้อมูลที่เขาเก็บรวบรวมมา ก็มีแผนการโดยละเอียดที่จะจัดการกับตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่แล้ว ในสายตาของเขา แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะมีการโจมตีที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่เพราะเยาว์วัยเกินไป ไม่มีเวลาเสริมจุดอ่อน ร่างกายจึงค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งคำว่าอ่อนแอนี้เป็นการเปรียบเทียบกับยอดฝีมือบางคนเช่นประมุขวังเนตรทมิฬหรือจอมมารดำ


ในความเป็นจริงแล้ว…


ก่อนหน้าที่จะฝึกเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลง ลำพังแค่อาศัยระบบผู้ท่องอากาศก็ช่วยยกระดับร่างกายอยู่แล้ว ด้านร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นจุดอ่อนโดยแท้ เพราะเมื่อระบบผู้ท่องอากาศถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งและขั้นอลวนแล้วก็ไม่มีข้อได้เปรียบมากนักจริงๆ


ผู้ท่องอากาศ ช่วงแรกมีข้อได้เปรียบมาก พอถึงข่วงหลังก็ไม่มีข้อได้เปรียบที่เห็นได้ชัดสักเท่าใดแล้ว หากจะพูดถึงข้อได้เปรียบจริงๆ…ก็คือ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ และการควบคุมอากาศ การรักษาชีวิตและการหนีเอาชีวิตรอดนั้นร้ายกาจ!


แต่หากพูดถึงร่างกายน่ะหรือ


โดยทั่วไปล้วนแต่เป็นศาสตร์โบราณและระบบพลรบที่แข็งแกร่งที่สุด การบำเพ็ญระบบทิพย์ที่เชี่ยวชาญยิ่งกว่า พวกเขาสามารถฝึกร่างกายจนถึงขั้นที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงฝึกเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงจนยกระดับไปถึงเจดีย์ดาวชั้นที่หก ร่างกายของเขายกระดับขึ้นเป็นอย่างมากก็แล้วไปเถิด เกราะเกล็ดเหนือผิวกายกลับร้ายกาจยิ่งกว่ามันเพียงพอจะเทียบได้กับอาวุธเทพอากาศขั้นกลางเลยทีเดียว!


เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดเน้นด้านเขตลวงเป็นหลัก มีส่วนช่วยด้านวิญญาณ


เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงเน้นด้านการเข่นฆ่าเป็นหลัก มีส่วนช่วยด้านกายหยาบ


“ในการต่อสู้ก็ยังไม่ทุ่มเทสุดกำลัง ช่างโง่เง่าเสียจริง” รูปสัญลักษณ์ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนเหนือผิวกายของประมุขวังเนตรทมิฬเริ่มค่อยๆ สว่างวาบขึ้นมา


ทันใดนั้น…


พลันมีเสียงร้องแหลมดังก้อง กระแสอากาศสีแดงพลันแผ่คลุมไปทั่วทุกทิศทุกทาง จึงย่อมปกคลุมแมลงเหล่านั้นและประมุขวังเนตรทมิฬที่รุกโจมตีเข้ามาใกล้แล้วด้วยเช่นกัน


“เอ๊ะ” ชายชราผมขาวท่าทางเรียบง่ายที่กำลังชมการต่อสู้อยู่กลางฟากฟ้าไกลออกไปจับตามองโดยละเอียด


ด้านหลังของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้มีสัตว์ปีกสีแดงชาดปรากฏขึ้น มันสยายปีกมหึมา กระแสอากาศสีแดงเพลิงแผ่กำจายออกมา


“เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดหรือ เคล็ดภาพลวงหรือ” ชายชราผมขาวท่าทางเรียบง่ายคลายใจ จะให้อานุภาพของเคล็ดภาพลวงเก่งกาจพอก็เป็นเรื่องยากนัก คิดจะรับมือคนระดับอย่างประมุขวังเนตรทมิฬก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ “เท่าที่ข้ารู้ เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดเมื่ออยู่ในขั้นรวมเป็นหนึ่งก็พอจะสามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจของยอดฝีมือระดับเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าได้กระมัง”


……


ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง


ประมุขวังเนตรทมิฬพลันตกเข้าสู่เขตลวง เขาดิ้นรนอยู่ในเขตลวงด้วยความยากลำบาก เมื่อดิ้นรนออกมาได้อย่างหวุดหวิดก็ถูกเขตลวงลากกลับเข้าไปอีกครั้ง เมื่อจ้าวทะเลสาบชี่หูเผชิญหน้ากับเขตลวงปีศาจชาดของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไร้ซึ่งแรงต้านทานใดๆ ทางด้านจิตใจ เมื่อประมุขวังเนตรทมิฬเทียบกับจ้าวทะเลสาบชี่หูก็ไม่มีข้อได้เปรียบอันใดจริงๆ เสียด้วย! ซ้ำยังอ่อนแอกว่าอยู่บ้าง


เขาตกเข้าสู่เขตลวงจึงมิอาจควบคุมแมลงพิษเหล่านั้นได้ แมลงพิษไม่มีปัญญา ได้แต่รับการควบคุมจากเขาเท่านั้น! หากมีปัญญากลับอาจจะถูกศัตรูโจมตีเอาได้ง่ายๆ


“ฟึ่บๆๆ…” ระลอกคลื่นเล็กละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วนพลันเข้าไปพันธนาการแมลงพิษเหล่านั้นเอาไว้ ขณะเดียวกันก็พันธนาการประมุขวังเนตรทมิฬเอาไว้ด้วย ก่อนจะแทรกซึมเข้าไปภายในร่างของประมุขวังเนตรทมิฬที่ไร้แรงต้านทานแม้แต่นิดเดียว และปิดผนึกวิญญาณของเขาเอาไว้


จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็เก็บงำกลิ่นอาย วิหคเทพปีศาจชาดด้านหลังก็ถูกเก็บซ่อนลงไปในกายเช่นเดียวกัน


ประมุขวังเนตรทมิฬถูกตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่งแล้วก็ล้มทรุดลงบนพื้นหญ้าด้านข้าง เขาก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


แพ้แล้วหรือ


ข้าแพ้เช่นนี้เองน่ะหรือ ข้ายังมีลูกไม้อื่นๆ ที่ยังมิได้สำแดงออกมาอีกนะ! พิษทิพย์ของข้ายังมิได้ให้ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ได้ลองลิ้มรสเลนก็แพ้เสียแล้วหรือนี่


“การต่อสู้มิได้มองแค่ด้านที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ดูที่จุดอ่อนมากกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย “สำหรับข้าแล้ว จิตใจของเจ้าก็คือจุดอ่อน!”


หากพูดอย่างจริงจังแล้ว


จิตใจของประมุขวังเนตรทมิฬมิได้นับว่าเป็นจุดอ่อนแต่อย่างใด ในบรรดายอดฝีมือระดับเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าก็นับว่าเป็นระดับที่ปกติมากแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งมีพรสวรรค์ด้านวิถีโลกเทียมสูงส่งอย่างยิ่ง และยกระดับเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดไปจนถึงระดับเจดีย์ดาวชั้นที่หกได้ เขาต้านทานเขตลวงมิได้ จิตใจของเขาก็คือจุดอ่อน!


เขตลวง…


มุ่งไปที่วิญญาณโดยเฉพาะ ไม่ต้องสนใจว่าเจ้ามีลูกไม้มากมายเพียงใด ไม่ต้องสนใจว่าร่างกายแข็งแกร่งเพียงไหน ท่าไม้ตายการโจมตีเก่งกาจสักเท่าไหร่ หากต้านทานเขตลวงเอาไว้ไม่ได้แล้วร่วงลงไปในนั้น จะเป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว


“เคล็ดภาพลวง เป็นไปได้อย่างไรกัน” จวบจนบัดนี้ ประมุขวังเนตรทมิฬก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะแพ้ให้กับเคล็ดภาพลวง นอกจากนี้คู่ต่อสู้ยังเป็นแค่ขั้นรวมเป็นหนึ่งเช่นเดียวกันอีกต่างหาก


“นับถือๆ” ชายชราผมขาวท่าทางเรียบง่ายที่อยู่ห่างออกไปกล่าว “เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดเมื่ออยู่ในขั้นรวมเป็นหนึ่งคงจะไม่มีอานุภาพแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เจ้ากลับสามารถทำให้อานุภาพของเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดก้าวหน้าไปอีกขั้น พูดถึงเคล็ดภาพลวงแล้ว…ตอนนี้ในบรรดาขั้นรวมเป็นหนึ่งของโลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่าน เจ้าจัดเป็นอันดับหนึ่ง”


ขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับเจดีย์ดาว…


เดิมทีก็น้อยอย่างยิ่งอยู่แล้ว


ก่อนที่ตงป๋อเสวี่ยอิงจะรุ่งโรจน์ขึ้นมานั้น วังทวีสูญยุคนี้ก็ไม่มีระดับนี้อยู่ บัดนี้ โลกทิพย์ทั้งห้ารวมกับอากาศอันสับสนอลหม่าน เท่าที่ทราบรู้กัน ขั้นรวมเป็นหนึ่งซึ่งมีพลังถึงระดับเจดีย์ดาวชั้นที่หกได้มีเพียงไม่เกินสิบคนเท่านั้น! ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นเพียงคนเดียวในจำนวนนั้นที่มีเขตลวงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เขาเป็นอันดับหนึ่งในขั้นรวมเป็นหนึ่งด้านเคล็ดภาพลวง เขามีคุณสมบัติพอจริงๆ


“เมื่ออยู่ต่อหน้าประมุขเจดีย์อสนี ลูกไม้เล็กน้อยเท่านี้ก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางยิ้มน้อยๆ


ประมุขเจดีย์อสนี


มีนามว่า ‘อสนีโรจน์’ ชื่อเสียงของเขาภายในอากาศอันสับสนอลหม่านและโลกทิพย์นั้นโด่งดังกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมากนัก ในโลกทิพย์ทั้งสาม ได้แก่โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา โลกทิพย์กิเลนบูรพาและโลกทิพย์นิจนิรันดร์ ระดับเจดีย์ดาวชั้นที่หกนับรวมตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยแล้วก็มีทั้งหมดเพียงห้าคนเท่านั้น ส่วนอสนีโรจน์นั้นคือผู้ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันในโลกทิพย์ทั้งสามมาตลอดคืนวันอันยาวนานก่อนหน้านี้ว่าเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด และเคยประมือกับร่างจริงของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนมาก่อน การลงมือหลายครั้งในประวัติศาสตร์ ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นพลังของเขาแล้ว


“นี่มิใช่ลูกไม้เล็กน้อยเลย แม้แต่ข้าเองก็ยังช่วยศิษย์น้องของข้าคนนี้ไม่ทัน” ประมุขเจดีย์อสนีส่ายหน้า “ทว่าศิษย์น้องข้าก็เป็นคนในสำนักของบรรพชนทิพย์ ผู้อาวุโสตงป๋อจะสังหารเขามิได้”


“แน่นอนว่าข้าต้องรู้อยู่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า


โลกทิพย์ทั้งสามร่วมมือกันต่อกรกับสองลัทธิใหญ่ ภายในก็มีการสัญญากันว่า ต่อให้บุคคลระดับสูงแห่งขุมอำนาจใหญ่ของโลกทิพย์ทั้งสามทำผิดใหญ่หลวง ก็มิอาจสังหารได้ในทันที หากแต่จะต้องให้สองขุมอำนาจใหญ่เข้าแทรกแซงแล้วตัดสินโทษ


ผู้อื่นมิกล้าสังหารตงป๋อเสวี่ยอิงตรงๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิกล้าสังหารประมุขวังเนตรทมิฬโดยตรงเช่นเดียวกัน


หากเขาทำเช่นนี้…


ทำลายกฎเกณฑ์ของโลกทิพย์ทั้งสาม วังทวีสูญก็มิอาจปกป้องเขาได้ เขาเองก็ต้องชดใช้! แน่นอนว่าตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีทางโง่งมถึงเพียงนั้น


“ข้าจะไม่สังหารเขาหรอก เหมือนกับที่เขาพูดเองนั่นแหละ” ตงป๋อเสวี่ยอิงแสยะยิ้ม “โทษตายละเว้นได้ โทษเป็นกลับยากจะหลบเลี่ยง ข้าก็จะชิงเอาสมบัติล้ำค่าทั้งหมดของเขาไป ให้เขาลิ้มรสการลงโทษของตำหนักลงทัณฑ์แห่งวังทวีสูญของข้าดูบ้าง สุดท้ายค่อยนำตัวเขาที่สมบูรณ์ดีส่งกลับไป”


 ……………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)