Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 29 ตอนที่ 20-21

 ตอนที่ 20 พักฟื้น

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ผู้อาวุโสจักรพรรดิดำ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ขอบคุณผู้อาวุโสมากที่ลงมือ หากมิใช่ผู้อาวุโส คราวนี้เด็กรุ่นหลังอย่างข้าคงจะลำบากเสียแล้ว”


“ฮ่าฮ่าฮ่า…” จักรพรรดิดำหัวเราะเสียงดังก้อง “เมื่อครู่เผชิญกับการจู่โจม สหายน้อยตงป๋อก็มิได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย เกรงว่าคงจะมีวิธีการรับมืออยู่แล้วกระมัง วังทวีสูญก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของระบบการบำเพ็ญความเร้นลับของกฎเกณฑ์ เชี่ยวชาญการหลอมสมบัติล้ำค่านานาชนิดเป็นอย่างยิ่ง บรรพชนเทียนอวี๋รักถนอมคนใกล้ตัวเพียงใด เกรงว่าคงจะมอบวัตถุคุ้มกันชีพอันร้ายกาจเอาไว้ให้ก่อนแล้ว ข้าก็เพียงแค่อาศัยจังหวะลงมือ มาพบหน้าสหายน้อยสักหน่อย อาศัยอยู่ข้างข้าที่สำนักปักษาเขียวอยู่ระยะหนึ่ง ก็ควรจะมาพบเจ้าสักหน่อย”


“พบข้าหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงประหลาดใจ ทันใดนั้นก็แย้มยิ้ม “คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสจะปลีกวิเวกอยู่ข้างๆ ที่สำนักปักษาเขียว ช่างบังเอิญเสียจริง”


ก่อนหน้านี้ตนยังสับสนอยู่


การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น แม้กระทั่งเหล่าสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดที่สูงส่งจำนวนมากก็ยังไม่สามารถสำแดงได้เลย ในบรรดายักษ์ใหญ่ขั้นอลวนมีศาสตร์โบราณน้อยชนิดเหลือเกินที่สามารถทำได้


แน่นอน


ตนเองได้รับเคล็ดวิชาสี่ภาพวาดอันไม่สมบูรณ์ที่จักรพรรดิเก้าเมฆาคิดค้นขึ้นมา อาศัยสิ่งนี้ก็สามารถทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้! ถึงแม้ว่าจักรพรรดิดำจะร้ายกาจ แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าเขารู้วิชาการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ‘ประมุขแดนมรณะ’ ลอบโจมตีอย่างฉับพลัน จักรพรรดิดำค้นพบในทันทีได้อย่างไร ที่แท้แล้วก็เพราะอาศัยอยู่ข้างๆ นั่นเอง


“โชคร้าย” จักรพรรดิดำพูดยิ้มๆ “เหตุผลที่ข้าปลีกวิเวกอยู่ที่สำนักปักษาเขียวก็เป็นเพราะเจ้า”


“เพราะข้าหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าจะให้ข้ายืนคุยเป็นเพื่อนเจ้าอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ” จักรพรรดิดำถาม


ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดขึ้น “น่าละอายเหลือเกิน ผู้อาวุโสจักรพรรดิดำ เชิญขอรับ”


จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปภายในคูหาพร้อมกัน


……


ที่สำนักปักษาเขียวก็มีศิษย์อยู่จำนวนนับไม่ถ้วน พวกเขามองดูเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างปากอ้าตาค้างอยู่บ้าง ตอนแรกก็เป็นบุรุษอาภรณ์สีม่วงคนหนึ่งมาตามหา ‘ผู้อาวุโสเปยโจ้ว’ เพื่อแก้แค้น แล้วฟ้าดินก็ดูคล้ายจะเปลี่ยนเป็นความชุลมุนตามมา… ‘บุรุษอาภรณ์ดำ’ ที่มีพลังยุทธ์ลึกล้ำจนมิอาจคาดเดา ผู้ทำให้พวกเขาที่มีอยู่ทั้งหมดต่างก็รู้สึกหวั่นเกรงเดินเหยียบย่างบนอากาศเข้ามา


พลังคุกคามนั้นเหนือกว่าลูกไฟน้ำเต้าสีดำที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงในตอนนั้นมากมายนัก


น่าหวั่นเกรงและชวนให้ตัวสั่นสะท้าน…


บุรุษอาภรณ์ดำเพียงแค่ปรายตามองปราดเดียว บุรุษอาภรณ์สีม่วงผู้ที่ดูคล้ายว่าจะมีพลังยุทธ์สูงส่งเป็นที่สุดก็วอดวายกลายเป็นความว่างเปล่าไปในทันที


ตอนนี้บุรุษอาภรณ์ดำผู้นี้เดินเคียงไหล่กับผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาเข้าไปในคูหาแล้ว


“ผู้ใดกัน”


“ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสสูงสุดก็จะเคารพเขาเป็นอย่างมาก”


“พลังคุกคามนี้ช่างน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน ขั้นอลวนกระมัง”


แต่ละคนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเงียบๆ


และระดับสูงของสำนักปักษาเขียวจำนวนหนึ่งที่มีโลกทัศน์สูงส่งพอกลับหน้าถอดสี พวกเขารู้จักบรรดาบุคคลที่มีสถานะสูงส่งเป็นที่สุดจริงๆ ทั่วทั้งโลกทิพย์นิจนิรันดร์ จักรพรรดิดำรังเกียจที่จะซ่อนเร้นตัวตนเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ ดังนั้นเหล่าบุคคลระดับสูงของสำนักปักษาเขียวที่มีโลกทัศน์สูงส่งพอเหล่านี้ก็รู้ถึงตัวตนของจักรพรรดิดำได้ ต่างก็อกสั่นขวัญแขวนอับจนคำพูดโดยไม่รู้ตัว


“จักรพรรดิดำหรือ”


“ที่แท้ก็คือจักรพรรดิดำนั่นเอง!”


“ผู้อาวุโสสูงสุดรู้จักกับจักรพรรดิดำด้วยหรือนี่” พวกเขาแต่ละคนประสานสายตากัน หัวใจเต้นรัวเร็วยิ่งขึ้น


ถึงแม้ว่ายักษ์ใหญ่ขั้นอลวนในโลกทิพย์นิจนิรันดร์จะมีอยู่จำนวนหนึ่ง แต่นามอันทรงเกียรติของจักรพรรดิดำกลับเหนือกว่าขั้นอลวนโดยทั่วไปมากมายนัก เขากับบรรพชนโลกามีความเกี่ยวดองเป็นพี่น้องกัน


******


ณ โลกทิพย์โบราณอันไกลโพ้น


ที่วังก้นบึ้งทะเลสาบ


ผู้วิเศษหวั่งหมิงนั่งอยู่บนบัลลังก์ สีหน้าไม่น่าดู เหล่าผู้ติดตามที่อยู่ด้านข้างต่างก็กลั้นหายใจ พวกเขาต่างก็รู้สึกได้ว่าเจ้านายบ้านตนในยามนี้อารมณ์ไม่ดีอย่างที่สุด


“ไสหัวออกไปให้หมด” ผู้วิเศษหวั่งหมิงเอ่ยอย่างเย็นชา


“ขอรับ”


เหล่าผู้ติดตามถอยออกไปกันจนหมดสิ้น


ผู้วิเศษหวั่งหมิงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เนิ่นนานผ่านไปจึงเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “จักรพรรดิดำถึงกับสอดมือยุ่งเกี่ยว ข้าลำบากลำบนจึงจะสามารถขอร้องระดับสูงภายในสำนักได้ ให้พวกเขาเชื้อเชิญ ‘ประมุขแดนมรณะ’ ให้ลงมือสักครา! ถ้าหากมิใช่เขาก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จได้!”


เพราะประมุขแดนมรณะที่ลงมือเป็นเพียงแค่ร่างแปรเท่านั้น แม้ว่าจะแหลกสลายไปก็มิได้สูญเสียแต่อย่างใด


แต่การที่จะสามารถทำให้ผู้ที่มีสถานะเช่นประมุขแดนมรณะผู้นี้ลงมือด้วยตนเองสักครั้งหนึ่งนั้น… ก็มิใช่เรื่องง่ายดายเอาเสียเลย ถ้าหากผู้วิเศษหวั่งหมิงไปเชิญเองโดยตรง อย่างน้อยก็ต้องจ่ายพันสองพันศิลาปฐมโลกา เขาคงจะทนรับมิได้


“โอ้”


“ในสำนักมิอาจใช้จ่ายมากเกินไปได้ รู้สึกว่าความหวังที่จะทำสำเร็จค่อนข้างต่ำ”


ผู้วิเศษหวั่งหมิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่บ้าง “ถ้าหากตอนนี้เป็นเวลาเปิดศึก เกรงว่าก็จะสามารถระดมกองกำลังย่อยกองหนึ่งไปจัดการตงป๋อเสวี่ยอิงได้อย่างง่ายดาย!”


ตอนนี้สำนักทิพย์โบราณอยู่ในระยะ ‘พักฟื้น’


ระยะเวลาเนิ่นนานมาจนถึงตอนนี้


โดยทั่วไปต่างก็เป็นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อสงครามขึ้น การต่อสู้ทุกครั้งล้วนโชกเลือดคาวโลหิต เทพจักรวาลตกต่ำก็สามารถเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง ดังเช่นสิ่งมีชีวิตขั้นที่สองอย่าง ‘จักรพรรดิเก้าเมฆา’ และ ‘บรรพชนชาง’ ต่างก็ตกต่ำ ขั้นที่สามตกต่ำก็มีมากยิ่งกว่า เช่นโลกทิพย์นั้น อันที่จริงแล้วมิได้มีเพียงแค่โลกทิพย์ห้าแห่ง เพียงแต่เปิดสงครามที่ขยายไปใหญ่โต โลกทิพย์จึงถูกตีจนแหลกสลายไป


ดังเช่นกู่ฉี ก็เพราะกำเริบบ้าบิ่นไปทำลายเรื่องดีของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ยั่วยุจนจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เดือดดาล ไล่ล่าสังหารโดยไม่เสียดายค่าใช้จ่าย! สถานที่เช่นโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราก็ยังมิกล้าให้ความคุ้มครองเลย


เพราะถ้าหากจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่เสียดายค่าใช้จ่ายจริงๆ โลกทิพย์ธรรมดาสามัญแห่งหนึ่งก็ย่อมต้านจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ไหวอยู่แล้ว เช่นโลกทิพย์จอมมารดาและโลกทิพย์นิจนิรันดร์ แม้จะมีหวังที่จะต้านไหว แต่ตัวกู่ฉีเองก็เป็นผู้ท่องอากาศที่ไปถึงระดับสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดแล้ว ความสามารถในการหนีเอาชีวิตรอดแข็งแกร่งเป็นที่สุด ภายใต้ความโมโหของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่มาตลอดจนถึงวันนี้ ก็เพียงเพราะกู่ฉีก็ออกคำสั่งเอาไว้…


เรื่องที่สั่งห้ามมิให้ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดออกไปว่าเป็นศิษย์ของเขา เพราะเมื่อใดที่เปิดเผยก็กลัวว่าเพลิงโทสะที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์มีต่อกู่ฉีก็อาจจะเกี่ยวพันมาถึงตงป๋อเสวี่ยอิงได้


ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นขั้นอลวนก็ยังยากที่จะเอาชีวิตรอดภายใต้เพลิงโทสะของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์


“น่าเสียดายที่การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว” ผู้วิเศษหวั่งหมิงลอบทอดถอนใจ


ในยามสงคราม ทั้งสองฝั่งบาดเจ็บล้มตาย ต่างก็ทุกข์โศกกันเป็นอย่างมาก เมื่อสงครามสิ้นสุด ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องพักฟื้น อย่างมากก็แค่การประมือเล็กๆ เท่านั้น กระทั่งการตกต่ำของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนก็พบเห็นได้ยากมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตกต่ำของเทพจักรวาลเลย


“ตอนนี้ผู้อาวุโสจำนวนมากภายในสำนักต่างก็กำลังบำเพ็ญกันอยู่ รอโอกาสเถิด” ผู้วิเศษหวั่งหมิงเอ่ยพึมพำ เพียงแค่รอให้ถึงโอกาส อย่างเช่นสงครามปะทุขึ้น เขาที่เป็นผู้วิเศษคิดหาวิธีดึงดูดพลังมาสักเล็กน้อยก็สามารถบดขยี้ตงป๋อเสวี่ยอิงจนตายได้แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลา ผู้แกร่งกล้าที่ตกต่ำก็มีตั้งไม่รู้เท่าใด


สำหรับตอนนี้น่ะหรือ ผู้วิเศษหวั่งหมิงเข้าใจดีว่าได้แต่รอคอยเท่านั้น!


……


ณ ภูเขาหลังแห่งสำนักปักษาเขียว ภายในคูหาของตงป๋อเสวี่ยอิง


ตงป๋อเสวี่ยอิงรินสุราชั้นเลิศให้ ในขณะเดียวกันนั้นก็พูดว่า “ผู้อาวุโสจักรพรรดิดำเลือกปลีกวิเวกอยู่ทางฝั่งสำนักปักษาเขียว เป็นเพราะข้าอย่างนั้นหรือขอรับ ไม่ทราบว่าเพราะอะไรข้าน้อยจึงทำให้ผู้อาวุโสเป็นเช่นนี้หรือ”


“เจ้าบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดใช่หรือไม่” จักรพรรดิดำยกจอกสุราขึ้นจิบเบาๆ อึกหนึ่ง พลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม


“ใช่ขอรับ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ผู้อาวุโสจักรพรรดิดำทราบได้อย่างไรกัน อ้อ เป็นเพราะความเคลื่อนไหวยามที่ข้าบำเพ็ญจนบรรลุแล้วอย่างนั้นหรือขอรับ”


จักรพรรดิดำส่ายศีรษะเบาๆ


ปัง!


ด้านหลังของเขาพลันมีปักษาชาติสีแดงเพลิงตัวหนึ่งปรากฏขึ้น ขนของปักษาขนาดมโหฬารตัวนี้ก็สามารถเห็นได้อย่างกระจ่างชัด นัยน์ตาทั้งคู่คล้ายจะแฝงไว้ด้วยอารมณ์ ปีกขนาดมหึมาของมันกระพือน้อยๆ กระแสอากาศสีแดงเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางกระแสอากาศทุกสายคล้ายกับมีจักรวาลขนาดย่อส่วนแห่งหนึ่งกระเพื่อมไหวอยู่ ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นแล้วก็ตกตะลึง ‘ร่างจำแลงปีศาจชาด’ นี้ก่อให้เกิดแรงดึงดูดที่แข็งแกร่งกว่าตนมากมายเหลือเกิน โชคดีที่จักรพรรดิดำจงใจเก็บงำ มิฉะนั้นเกรงว่าตนคงจะต้องติดกับแน่แล้ว


“คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสจักรพรรดิดำก็จะบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังไปถึงระดับขั้นเช่นนี้แล้วด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงอัศจรรย์ใจ


ในฐานข้อมูลสาธารณะบันทึกเอาไว้


จักรพรรดิดำมีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโอหัง การต่อสู้ก็บดขยี้ซึ่งๆ หน้า! ยังไม่เคยได้ยินว่าเขาเชี่ยวชาญทางด้านเขตลวงมาก่อนเลย


“เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดเป็นสิ่งที่ข้าเผยแพร่ออกไปข้างนอก” จักรพรรดิดำพูดยิ้มๆ “ตอนแรกปล่อยต้นฉบับออกไปทั้งสิ้นสามสิบเล่ม อาจจะถูกเทพจักรวาลบางคน ขุมอำนาจบางแห่งเอาไป และอาจมีบางส่วนที่สูญหายไปแล้วกระมัง”


“ผู้อาวุโสเป็นผู้เผยแพร่อย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดขึ้น “ผู้อาวุโสถึงกับคิดค้นเคล็ดวิชาศาสตร์โบราณเช่นนี้ออกมาได้ นับถือ นับถือ”


เขานับถืออย่างยิ่งโดยแท้จริง


โลกเขตลวงเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวของเคล็ดวิชาสืบทอดของศาสตร์โบราณนี้เท่านั้น ยังมีกลิ่นอายชวนหลงใหล และประโยชน์ที่มีต่อวิญญาณอีกด้วย…


“ไม่ๆๆ”


จักรพรรดิดำส่ายศีรษะ “ข้าคิดค้นมิได้หรอก นี่เป็นเคล็ดวิชาสืบทอดอันมีเอกลักษณ์ที่ข้าได้รับมาโดยบังเอิญ อ้างอิงจากบันทึกของเคล็ดวิชาสืบทอดในตอนแรก ข้าเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น! หลังจากที่ข้าหลอมรวมเสร็จแล้วจึงค่อยเผยแพร่ออกสู่ภายนอก”


ตงป๋อเสวี่ยอิงตระหนักในทันที


“แต่ว่าข้าไม่อยากให้เคล็ดวิชาของข้าถูกโลกภายนอกล่วงรู้จนหมด ดังนั้นเช่นเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาด ที่เผยแพร่ออกไปล้วนเป็นปีศาจชาดแปดแปรทั้งสิ้น! แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีร่างแปรที่เก้าอยู่ด้วย” จักรพรรดิดำยิ้มน้อยๆ


“ยังมีร่างแปรที่เก้าด้วยหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงดวงตาเป็นประกาย เขาอดที่จะนึกอยากได้มิได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากเช่นไรดี


“ข้าสามารถถ่ายทอดร่างแปรที่เก้านี้ให้แก่เจ้าได้” จักรพรรดิดำพยักหน้า “ข้าเผยแพร่เคล็ดวิชาสืบทอดหลายศาสตร์ออกไปแล้ว ก็หวังว่าเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์นี้จะมีผู้แกร่งกล้าที่ร้ายกาจจำนวนหนึ่งได้ไป ข้าไม่สามารถไปถึงขั้นสุดยอดสุดท้ายได้ แต่หวังว่าชนรุ่นหลังจะมีใครสักคนที่สามารถไปถึงจุดนี้ได้”


………………………………………….


ตอนที่ 21 มังกรปาหลง

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงงุนงง


จักรพรรดิดำพยักหน้า “ตอนแรกที่ข้าได้รับเคล็ดวิชาสืบทอดนี้มา ความจริงแล้วแบ่งออกเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์ พวกมันส่งเสริมซึ่งกันและกัน มีพลังอันมิอาจคาดคะเนได้! ข้ามิได้บำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์จนครบสมบูรณ์ก็มีพลังยุทธ์เช่นในตอนนี้แล้ว เมื่อใดที่ครบสมบูรณ์…ก็อาจเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นสุดยอดสุดท้าย ข้ามาพบเจ้าก็เพราะเห็นว่าเจ้ามีศักยภาพ รู้สึกว่าน่าจะทำสำเร็จได้ จึงเต็มใจจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาสืบทอดศาสตร์หนึ่งให้แก่เจ้า”


“ข้ามิได้ขี้เหนียวหรอกนะ! แต่ด้วยเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะศาสตร์ใดต่างก็ยากเย็นเป็นที่สุด อีกทั้งยังเป็นด้านที่แตกต่างกันอีกด้วย เจ้าสามารถบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดได้สำเร็จก็มิได้แปลว่าจะสามารถบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดอื่นๆ ได้สำเร็จเช่นเดียวกัน รวบรวมพลังเสียก่อนแล้วค่อยเรียนอีกศาสตร์จะเป็นการดีกับเจ้ามากกว่า”


“ถ้าหากเจ้าไปถึงระดับขั้นสูงสุดของสองศาสตร์นี้แล้วก็สามารถมาหาข้าได้ ข้าสามารถถ่ายทอดศาสตร์ที่สามให้กับเจ้าได้อีก” จักรพรรดิดำพูด


ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็พูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโสเต็มใจจะถ่ายทอดก็เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้วขอรับ”


มิได้ร้องขอก็ถ่ายทอดให้แล้ว


นี่เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงอย่างแท้จริง!


“ฮ่าฮ่าฮ่า…” จักรพรรดิดำส่ายศีรษะ “ข้าเองก็ติดอยู่ที่จุดคอขวดสุดท้ายมาเนิ่นนานเหลือเกินจนแทบจะหมดความมั่นใจอยู่แล้ว ดังนั้นหวังว่าทางสายนี้ของข้าจะมีชนรุ่นหลังคนอื่นสามารถทำในสิ่งที่ข้ามิอาจทำได้ให้สำเร็จ”


เขามิได้ร้องขอเลยจริงๆ


เพราะว่าไม่ต้องการ! สถานะของเขาในตอนนี้ ขาดแคลนสมบัติล้ำค่าหรือ ขาดผู้หนุนหลังหรือ ล้วนมิได้ขาดแคลนทั้งสิ้น! เป็นเพียงแค่ความหลงใหลอย่างเดียวล้วนๆ เพราะตัวเขาเองรู้กระจ่างดียิ่งถึงความพิเศษของเคล็ดวิชาสืบทอดสายนี้ คงจะมิได้อ่อนกว่าทางสายของบรรพชนโลกาเลย เพราะพวกเขาสองคนออกผจญภัยพร้อมกัน แต่ละคนเลือกทางสายหนึ่ง


“นอกจากเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดแล้ว เคล็ดวิชาสืบทอดอื่นๆ อีกสามศาสตร์แบ่งออกเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดเก้าอสรพิษ เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลง และเคล็ดวิชาสืบทอดอสูรภูผา” จักรพรรดิดำพูดพลางชี้น้อยๆ ทันใดนั้นลำแสงสายหนึ่งก็ลอยมาหาตงป๋อเสวี่ยอิง


อาณาเขตกฎเกณฑ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงตัดสินออกมาในทันที ภายในลำแสงนี้เต็มไปด้วยข้อมูล ทั้งยังมิได้ปิดกั้น ประสาทรับรู้ทำการรับสัมผัส


ลำแสงนี้หายลับไปกลางอากาศ


“เคล็ดวิชาสืบทอดอื่นๆ อีกสามศาสตร์ เจ้าก็ควรที่จะเข้าใจด้วยเช่นกัน เลือกมาเองสักศาสตร์หนึ่งเถิด” จักรพรรดิดำพูด


หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจเคล็ดวิชาสืบทอดอื่นๆ อีกสามศาสตร์แล้วจึงตื่นตระหนกอย่างแท้จริง ตอนแรกเขาเลือกบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดก็เพราะสามารถทำให้วิญญาณกล้าแกร่ง ส่วนด้านอื่นๆ เขามิได้ชมชอบสักเท่าใดนัก สำหรับ ‘ส่วนประกอบของโลกเขตลวง’ ที่อยู่ภายในนั้นเขาก็รู้สึกเฉยๆ ถึงอย่างไรแผนภาพคลื่นจาน สิบสามกระบี่ผลาญโลกา และโลกอนธการที่เขาศึกษา ต่างก็สามารถไปถึงพลังยุทธ์ชั้นที่หกของเจดีย์ดาวได้ในขั้นรวมเป็นหนึ่งด้วยกันทั้งสิ้น


ดังนั้นเขาจึงดูเบาเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดอยู่บ้าง


ภายหลังตนสามารถอาศัยความสำเร็จของวิถีโลกเทียมทำการปรับปรุง ทำให้ขั้นรวมเป็นหนึ่ง เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดที่เดิมทีเป็นเพียงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาว สามารถเข้าใกล้ได้อีกขั้นหนึ่ง! ส่วนลึกของจิตใจตงป๋อเสวี่ยอิงก็พึงพอใจในตนเองอยู่บ้าง


“ที่แท้…”


“เคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์ก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์”


ตงป๋อเสวี่ยอิงอับจนคำพูด


นี่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดอันสมบูรณ์แบบ!


ถ้าหากฝึกเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์ไปพร้อมกัน ขั้นรวมเป็นหนึ่งก็สามารถไปถึงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาวได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ในประวัติศาสตร์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก ผู้ที่ไปถึงชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาวด้วยขั้นรวมเป็นหนึ่ง ตามปกติแล้วต่างก็แข็งแกร่งในด้านใดด้านหนึ่งเป็นที่สุด! ต่างก็อาจมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง อย่างเช่นตงป๋อเสวี่ยอิงก็แข็งแกร่งในด้านการโจมตีเป็นที่สุด


แต่เคล็ดวิชาสืบทอดโบร่ำโบราณนี้ไม่เหมือนกัน!


บำเพ็ญสี่ศาสตร์ควบคู่กันก็เรียกได้ว่าไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย!


วิญญาณแกร่งกล้า! พลังชีวิตแข็งแกร่งอย่างที่สุด! การต่อสู้แข็งแกร่งอย่างที่สุด! ระดับความแกร่งของร่างกายแข็งแกร่งอย่างที่สุด! การหนีเอาชีวิตรอดแข็งแกร่งอย่างที่สุด!


สมบูรณ์แบบอย่างสิ้นเชิง!


“เคล็ดวิชาสืบทอดอันสมบูรณ์แบบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ


จักรพรรดิดำได้ฟังอยู่ข้างๆ ก็อดที่จะเกิดความขมขื่นสายหนึ่งขึ้นมาในใจมิได้


ใช่แล้ว


สมบูรณ์แบบ!


ตอนแรกที่เขาเลือกเส้นทางสายนี้ก็เพราะจุดนี้นี่เอง แต่บรรพชนโลกากลับเลือกทางอีกสายหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเส้นทางที่แสนธรรมดา


“สมบูรณ์แบบเกินไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่กล้าคิดว่าจะมีเคล็ดวิชาสืบทอดของศาสตร์โบราณเช่นนี้อยู่ด้วย เช่นตนเองบำเพ็ญวิถีโลกเทียม วิถีระลอกคลื่น และวิถีเข่นฆ่าไปควบคู่กัน ควบคู่กับระบบการบำเพ็ญห้วงอากาศ! แม้กระทั่งได้การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นมาครอง นับได้ว่ามีกลเม็ดมากมายแล้ว แต่ก็ยังมิอาจนับได้ว่าสมบูรณ์แบบ


อีกทั้งเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์นี้ เคล็ดวิชาสืบทอดทุกศาสตร์ต่างก็มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เมื่อรวมกันแล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพขึ้นด้วย


กายเนื้ออันสมบูรณ์แบบ! วิญญาณอันสมบูรณ์แบบ! รูปแบบการต่อสู้อันสมบูรณ์แบบ!


“ถึงกับมีเคล็ดวิชาสืบทอดเช่นนี้อยู่ด้วย ข้าอ่านบันทึกตำราในวังทวีสูญมามากมายถึงเพียงนั้นก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “นี่ก็คือศาสตร์โบราณอย่างนั้นหรือ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์สามารถกลายเป็นผู้แกร่งกล้าที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดอย่างไม่มีข้อกังขา ก็เพราะเคล็ดวิชาสืบทอดของศาสตร์โบราณเช่นเดียวกันนี้ใช่หรือไม่ หรือจะบอกว่าร้ายกาจยิ่งกว่านี้อีก”


“ยิ่งสมบูรณ์แบบก็ยิ่งยากที่จะบำเพ็ญ” จักรพรรดิดำเอ่ยปากพูด “เด็กน้อย เลือกเสร็จแล้วหรือยัง”


“เลือกได้แล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ข้าเลือกเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลง”


เคล็ดวิชาสืบทอดเก้าอสรพิษ มีพลังชีวิตอันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง มุ่งทางด้านชีวิต


เคล็ดวิชาสืบทอดอสูรภูผา มีการป้องกันอันน่าหวาดหวั่นอย่างที่สุด ดูเหมือนว่าจะมุ่งทางด้านฟ้าดิน


สิ่งเหล่านี้ล้วนมิใช่ความเชี่ยวชาญของตน


เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงมุ่งไปทางค่ายสังหาร!


เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดเป็นเขตลวง เกี่ยวพันกับวิญญาณ เคล็ดวิชาสืบทอดทั้งสี่รวมเป็นหนึ่ง ทั้งยังมีผลอันมหัศจรรย์อีกมากมาย อย่างเช่นการหนีเอาชีวิตรอด อาณาเขต เป็นต้น… ดังนั้นนี่จึงจะเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงจนคำพูด ผู้ที่สามารถคิดค้น เคล็ดวิชาสืบทอดเช่นนี้ออกมาได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีกลเม็ดอันเหนือจินตนาการอย่างแท้จริง ดูท่าทางจะต้องเป็นผู้ที่อยู่แถวหน้าสุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอด มีพลังยุทธ์อันยากที่จะจินตนาการอย่างแท้จริง


บรรพชนห้วงอากาศเป็นเพียงแค่ลำดับขั้นที่สามเท่านั้น ระบบผู้ท่องอากาศก็มหัศจรรย์เช่นนี้ การหนีเอาชีวิตรอดก็ล้ำเลิศเป็นที่สุด


แม้ว่าจักรพรรดิเก้าเมฆาจะสิ้นชีพไปแล้ว แต่ความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศของเขายังเหนือกว่าบรรพชนห้วงอากาศเสียอีก! เขาไม่เคยทำให้ศาสตร์ลับสี่ภาพวาดเสร็จสมบูรณ์ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจแล้วว่าน่าอัศจรรย์เพียงใด


ยิ่งเรียนรู้มากขึ้น ก็ยิ่งเข้าใจความน่ากลัวของการยืนอยู่ในจุดสูงสุดของผู้แกร่งกล้า


“ยังมีเขาด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังนึกถึงคนอีกคนหนึ่ง… เจ้าเมืองหลัว!


ขั้นอลวนคนอื่นๆ นั้นทำได้มากที่สุดก็แค่หนีเอาชีวิตรอดตรงหน้าสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดเท่านั้น!


มีเพียงเจ้าเมืองหลัวที่มีความสามารถเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดส่วนใหญ่ด้วยร่างของขั้นอลวนรวมถึงบรรพชนเทียนอวี๋และจอมกระบี่แห่งระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ และบรรพชนห้วงอากาศด้วย… ต้องรู้ไว้ว่าพวกบรรพชนเทียนอวี๋ต่างก็มีจักรวาลภายในกายเป็นที่พึ่ง มนุษย์น้ำแข็งก็ยังเอาชนะเจ้าเมืองหลัวมิได้! ความสูงส่งของระดับขั้นของเขานั้นมิอาจจินตนาการได้เลย


แต่คล้ายกับว่าได้ละเมิดข้อห้ามที่มิอาจล่วงรู้ได้บางอย่าง แม้ว่าระดับขั้นจะไปถึงแล้ว แต่กลับไม่มีทางบรรลุกลายเป็นเทพจักรวาลได้


“ยิ่งบำเพ็ญมาก ยิ่งรู้สึกตัวเองน้อยลงจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ


แล้วจักรพรรดิดำก็พลิกมือหยิบเอาตำราสองเล่มออกมาวางลงตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิง เล่มหนึ่งคือตำราสีแดงเพลิง บริเวณรอบๆ เล่มตำรามีเขตลวงปรากฏขึ้นจางๆ  ส่วนอีกเล่มหนึ่งเป็นตำราสีดำที่ส่งกลิ่นอายชั่วร้าย ภายในตำราส่งเสียงคำรามอันเต็มไปด้วยแรงอาฆาตออกมารางๆ


******


เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาด ร่างแปรที่เก้าก็ศึกษามาได้แล้ว เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงทั้งเล่มก็จดจำไว้จนหมด จักรพรรดิดำก็ล่องลอยออกไป


วันเวลาต่อมา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงรวบรวมวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่จำนวนหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงผ่านหอทะเลสัตตดารา แต่สิ่งที่เขาได้มาจากขุมทรัพย์จักรพรรดิเก้าเมฆาก็ถูกใช้ไปจนหมดสิ้นแล้ว โชคดีที่สังหารหัวหน้าใหญ่ของผาจอมมารและผู้แกร่งกล้าจำนวนหนึ่งแล้วยังนับว่าได้อะไรมาอยู่บ้าง


“ช่างราบรื่นเสียจริง”


ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงโดยราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง


เพราะนี่เป็นสิ่งที่ตั้งใจเลือก เคล็ดวิชาสืบทอดศาสตร์นี้มุ่งไปทางค่ายสังหาร เป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในวิถีเข่นฆ่า ห่างจากกระบี่ที่หกผลาญโลกาอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การเจาะลึกเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงนั้นง่ายดายตลอดทาง สิ้นเปลืองเวลามากกว่าเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดเพียงเล็กน้อย เพียงแค่แปดล้านปีเศษเท่านั้นก็ยกระดับเคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงไปถึงจุดสูงสุดของขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว


แต่หลังจากฝึกสำเร็จแล้วมีผลช่วยเหลือพลังยุทธ์ของตนเองน้อยนิดเหลือเกิน


“พรึ่บ….”


ภายในห้องเงียบ


ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ด้านหลังมีเงามายาของสัตว์ประหลาดที่มีเกล็ดเกราะสีดำปกคลุมตลอดร่างตัวหนึ่งปรากฏขึ้น กรงเล็บหลังทั้งคู่ของมันรองรับทั้งร่างกายอย่างมั่นคง กรงเล็บคู่หน้าขนาดมหึมาแผ่กลิ่นอายดุร้ายอันยิ่งใหญ่ออกมา… แต่บนฝ่ามือทั้งสองของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมีเกล็ดสีดำปรากฏขึ้น ทั้งยังแผ่กลิ่นอายของค่ายสังหารออกมาอีกด้วย


“มือคู่นี้ถึงแม้จะมีพลังการโจมตีอันแข็งแกร่ง แต่ก็สู้ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ของข้ามิได้เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจ “แต่เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงนี้เป็นการบำเพ็ญร่างกาย ทำให้ร่างกายผู้ท่องอากาศของข้าแกร่งขึ้นไม่น้อยเลย”


นึกคิดคราหนึ่ง


ตลอดร่างก็มีเกล็ดเกราะสีดำปกคลุมอย่างรวดเร็ว คล้ายกับสวมชุดเกราะชั้นหนึ่ง! มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ยังคงมีรูปลักษณ์เช่นเดิม


“ยังมีเกราะป้องกันด้วย เกราะป้องกันชั้นนี้ก็สามารถเทียบเคียงได้กับอาวุธเทพอากาศชั้นล่างแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ ถึงแม้ว่าจะมิได้ยกระดับการต่อสู้ แต่การป้องกันของเกราะป้องกันนี้ก็แกร่งพอตัวเลยทีเดียว น่าเสียดาย ถ้าหากบำเพ็ญเคล็ดวิชาสืบทอดสี่ศาสตร์ไปถึงระดับขั้นสูงสุดพร้อมกัน รวมเข้าด้วยกัน เช่นนั้นจึงจะเรียกได้ว่ามีร่างกายอันน่าหวาดหวั่น! เกรงว่าจะสามารถต้านทานการโจมตีของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนได้แล้ว


“ควรจะออกไปสักรอบหนึ่งได้แล้ว”


“หัวหน้ารองของผาจอมมาร ‘จ้าวทะเลสาบชี่หู’ เขายังมีชีวิตอยู่ ควรจะไปปลิดชีพเขา ทำข้อตกลงให้สำเร็จเสียที” ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดคำนึงอย่างเงียบเชียบแล้วไปจากสำนักปักษาเขียวอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียงในวันเดียวกันนั้น


…………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)