Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 29 ตอนที่ 11-12

 ตอนที่ 11 ความตื่นเต้นยินดีของวังทวีสูญ

โดย

Ink Stone_Fantasy

สังหารหัวหน้าทั้งสองของผาจอมมาร ตงป๋อเสวี่ยอิงตอบรับข้อตกลงนี้ก็เพราะบันทึกข้อมูลบอกว่าอีกฝ่ายมิได้อยู่ภายใต้ขุมอำนาจใหญ่


หรือภายใต้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นวังทวีสูญ เกาะปฐมบรรพชน แดนทิพย์เหยากวงและเมืองราชันย์มีด เป็นต้น…


หนึ่งคือสมบัติล้ำค่าคุ้มกายที่ได้รับมอบ ถ้าหากมิอาจสังหารได้ในทันทีก็สามาถกระตุ้นสมบัติล้ำค่าคุ้มกาย ในระยะเวลาสั้นๆ ที่กระตุ้นสมบัติล้ำค่าคุ้มกายนี้ ขุมอำนาจใหญ่ก็อาจจะส่งตัวผู้แกร่งกล้าโดยการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นมาในทันที! ถ้าหากยั่วยุขุมอำนาจใหญ่เข้า ก็มีความเป็นไปได้ที่สิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดอาจมาสังหารด้วยตนเอง


สอง ถ้าหากสังหารผู้ที่มีเบื้องหลังอันยิ่งใหญ่ได้สำเร็จจริงๆ ก็ไม่มีทางสิ้นสุดโดยง่ายแน่!


เหมือนคราวก่อนที่ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกลอบสังหาร วังทวีสูญก็ทำการสืบสวนในทันที ในที่สุดก็เป็นประมุขหอหมื่นโลกาผู้มีพลังยุทธ์อันยากประเมินได้มาขัดขวางการสืบสวน เรื่องนี้จึงสิ้นสุดลงได้


“แม้กระทั่งในข้อมูลของวังทวีสูญของข้าก็ยังมิอาจค้นพบว่าเบื้องหลังของพวกจอมมารดำมีขุมอำนาจใหญ่อยู่! ทั้งยังมิได้ค้นพบว่าเขามีสมบัติล้ำค่าคุ้มกายอยู่อีกด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ตอนนี้จอมมารดำกลับสำแดงสมบัติล้ำค่าคุ้มกายออกมาอย่างฉับพลัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือตอนที่เผชิญกับการลงมือครั้งแรกของข้า ยามที่โลกอนธการหกร้อยชั้นจู่โจม จอมมารดำกลับเสี่ยงอันตรายใช้ร่างกายต้านรับ มิได้ใช้สมบัติล้ำค่าคุ้มกาย”


ขอเพียงแค่พลังยุทธ์ไม่อ่อนแอก็สามารถมองพลานุภาพอันน่าหวาดหวั่นของโลกอนธการหกร้อยชั้นออกได้


แต่ครั้งแรกจอมมารดำก็ยังคงมิได้สำแดงออกมา


เพราะเหตุใดกัน


“ถ้าหากความเป็นมาของสมบัติล้ำค่าคุ้มกายยิ่งใหญ่ตรงไปตรงมา เหตุใดเขาจึงไม่สำแดงออกมาตั้งแต่ครั้งแรกกันเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ แปดเก้าส่วนในสิบส่วน จะต้องอยู่ภายใต้สองสำนักใหญ่อย่างแน่นอน”


“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ โอ้ ถึงกับพบพานปลาใหญ่ตัวหนึ่งเข้าเสียแล้ว!” ดวงตาของตงป๋อเสวี่ยอิงเปล่งประกาย


ด้านข้าง


จ้าวทะเลสาบชี่หูก็งุนงงอยู่บ้าง


เขามองดูจอมมารดำที่ผิวกายมีรัศมีหม่นสลัวอย่างตกตะลึง นี่คือพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของเขา ทว่าแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจอมมารดำจะมีสมบัติล้ำค่าคุ้มกายอยู่ด้วย!


“ปิดบังแม้กระทั่งข้าเชียวหรือ นอกจากนี้เมื่อครู่ที่เผชิญกับการโจมตีครั้งแรก เขาก็เลือกที่จะใช้ร่างกายต้านรับ ดีกว่าใช้สมบัติล้ำค่าคุ้มกายอย่างนั้นหรือ คราวนี้รู้ว่าหากต้านไม่อยู่ก็จะต้องตาย เช่นนี้จึงค่อยกระตุ้นสมบัติล้ำค่าคุ้มกายชิ้นนี้หรือ ระมัดระวังตนเช่นนี้ คงจะเป็นคนของสองสำนักใหญ่สินะ” จ้าวทะเลสาบชี่หูรู้สึกถึงความสั่นสะท้านในก้นบึ้งหัวใจ ถึงแม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ แต่ก็เป็นพญามารที่เดินอวดเบ่งในโลกทิพย์นิจนิรันดร์ได้


ทว่าพอเกี่ยวพันกับสองสำนักใหญ่ เขากลับหวาดหวั่นนัก


เพราะบรรพชนโลกาและบรรพชนทิพย์ผู้สูงส่งมิได้แยแสสนใจพวกเขา บรรพชนโลกาก็จะยอมตามผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ต่อสู้ภายในอาณาเขตค่ายสังหาร แต่เมื่อใดที่ค้นพบว่าเป็นสมาชิกของสองสำนักใหญ่ บรรพชนโลกาย่อมไม่มีทางเบามือแม้แต่น้อยอย่างแน่นอน


เผชิญกับสองสำนักใหญ่ โลกทิพย์ทั้งสามก็ย่อมยืนหยัดอยู่ด้วยกันเป็นแน่!


“พรึ่บ”


จ้าวทะเลสาบชี่หูไม่มีกะจิตกะใจต่อสู้อีกต่อไป หมายจะหลบหนีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แต่พายใต้การกดดันของแผนภาพคลื่นจานในบริเวณโดยรอบ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของเขาได้ในทันที


“ฟิ้วๆๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงจิตใจวูบไหว ส่งใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์สามเล่มจากทิศทางที่แตกต่างกันมาอีกครั้ง แล้วโอบล้อมไปทางจ้าวทะเลสาบชี่หู


ฟิ้ว…


ร่างกายของจ้าวทะเลสาบชี่หูที่เดิมทีเลือนรางราวกับเงาสายหนึ่ง ในขณะนี้เงาร่างสายนี้พลันแปรเปลี่ยนเป็นกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ปัง ปัง ปัง ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์สามสายฟันผ่านกระแสน้ำสายนี้ ถึงแม้ว่ากระแสน้ำจะถูกตัดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแต่กลับรวมตัวกันอย่างรวดเร็วแล้วไหลหนีไป


ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ม่านตาของตงป๋อเสวี่ยอิงหดเล็กลง “ช่างเป็นเคล็ดวิชารักษาชีวิตที่ร้ายกาจเสียจริง!”


ต่ำช้าเกินไปเสียแล้ว


หัวหน้าทั้งสองของผาจอมมาร หัวหน้าใหญ่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ ส่วนหัวหน้ารองต่ำช้ากว่ามาก ตามปกติแล้วหัวหน้ารองมักจะสำแดงเขตพลังช่วยเหลือหัวหน้าใหญ่เท่านั้น ถึงแม้ว่าในแหล่งข้อมูลจะมีบันทึกเอาไว้ว่าการรักษาชีวิตของจ้าวทะเลสาบชี่หูร้ายกาจกว่า แต่จะร้ายกาจมากเพียงใด…นั้นกลับไม่มีรายละเอียดบอก เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรจ้าวทะเลสาบชี่หูก็ไม่เคยพบคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกับตงป๋อเสวี่ยอิงนี้มาก่อนเลย


ดังนั้นความสามารถในการปกป้องชีวิตของเขาจึงมิได้สำแดงออกมาเลยมาโดยตลอด


“ถึงขนาดต้านทานใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ ความสามารถในการปกป้องชีวิตนี้แข็งแกร่งกว่าข้าอยู่มากทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงอุทานอย่างตื่นเต้น ผู้ท่องอากาศที่เชี่ยวชาญ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ เชี่ยวชาญการรักษาชีวิต แต่ก็มิอาจต้านทานใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์สามสายได้อย่างแน่นอน!


พรึ่บ


จ้าวทะเลสาบชี่หูมีความเร็วเป็นที่สุด


บินไปถึงบริเวณไกลออกไปก็สามารถฉีกเปิดทางเชื่อมมิติเส้นหนึ่งออกได้อย่างทุลักทุเล ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูอยู่ไกลๆ ก็มิได้ลงมือทำลายทางเชื่อมมิติอีก เพราะว่าถึงจะทำลายไป อีกฝ่ายก็สามารถหนีไปไกลขึ้นอีก และตนเองยังต้องคอยจับตามอง ‘จอมมารดำ’ อีกด้วย


“ความสามารถในการปกป้องชีวิตร้ายกาจเช่นนี้ สองสำนักใหญ่คงจะมิได้ควบคุมหัวหน้ารองผู้นี้หรอกกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยคาดเดา


ตัวผู้บำเพ็ญเองยิ่งเป็นผู้แกร่งกล้า ก็ยิ่งต่อต้านการถูกสองสำนักใหญ่ควบคุม


ถึงอย่างไรก็เป็นการควบคุมจากดวงวิญญาณ! นับจากนั้นก็สูญเสียความเป็นตัวเอง กลายเป็นทหารรับใช้ผู้จงรักภักดีของสองสำนักใหญ่ สำนักทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดาลอบควบคุมจอมมารดำก็ยังนับว่าง่าย ถึงอย่างไรการต่อสู้ของจอมมารดำก็ยังค่อนข้างตรงไปตรงมา ทว่า ‘จ้าวทะเลสาบชี่หู’ นั้นมีความสามารถในด้านเขตพลัง การรักษาชีวิตและการหลบหนีแข็งแกร่งเป็นที่สุด การจะควบคุมเขานั้นจึงยากกว่ามากนัก


“แต่จะต้องมีผู้แกร่งกล้าภายใต้สำนักของบรรพชนโลกาไปตรวจสอบจ้าวทะเลสาบชี่หูอย่างแน่นอน”ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ


ถึงแม้ว่าจะมีความคิดพรั่งพรูออกมามากมาย แต่ว่าก็เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น


ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดสายตาไปทางจอมมารดำ จอมมารดำยังคงคิดดิ้นรนหลบหนี แต่ภายใต้อานุภาพของแผนภาพคลื่นจาน ก็ถูกเจาะเข้าไปกลางความว่างเปล่าแล้วถูกขับออกมา


“สมบัติล้ำค่าคุ้มกายหรือ ข้าจะรอดูว่าสมบัติล้ำค่าคุ้มกายนี้จะสามารถทานทนได้ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มอย่างเย็นชา ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์เคลื่อนเข้ามาอีกครั้ง ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์สามสายโจมตีที่ผิวกายของจอมมารดำโดยตรง


……


ภายในวังทวีสูญแห่งโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราอันไกลโพ้น


“ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ ข้าคือตงป๋อเสวี่ยอิง ข้าค้นพบยอดฝีมือคนหนึ่งในโลกทิพย์นิจนิรันดร์ มีนามว่าจอมมารดำ! ข้าสงสัยว่าเขาเป็นสมาชิกของสองสำนักใหญ่” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งสารไป “ตอนนี้ข้าอยู่ที่เมืองต้านวายุ”


ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ผู้มีเส้นผมสีเงินยวงทั้งศีรษะนั่งอยู่บนบัลลังก์


นัยน์ตาดำขลับทั้งคู่มองดูห้วงมิติ ข้ามผ่านระยะทางอันห่างไกลไร้ที่สิ้นสุด มองเห็นโลกทิพย์นิจนิรันดร์ มองเห็นเมืองต้านวายุ แล้วก็ได้เห็นการต่อสู้นั้น


“เจ้าสงสัยว่าเขาเป็นสมาชิกของสองสำนักใหญ่ก็เพราะสมบัติล้ำค่าคุ้มกายของเขาอย่างนั้นหรือ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาได้รับมาโดยบังเอิญ หรือว่าซื้อสมบัติล้ำค่าคุ้มกายมา” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์สำรวจจอมมารดำผู้นั้นอย่างละเอียด ในขณะเดียวกันเขาก็ส่งสารผ่านแหล่งข้อมูลภายในของวังทวีสูญ ตรวจสอบตัวตนของจอมมารดำ ยอดฝีมือผู้มีพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาวคนหนึ่ง


“ในอดีตเขาเป็นคนเปิดเผยมาโดยตลอด แหล่งข้อมูลของวังทวีสูญของข้าก็มิได้ค้นพบ เดิมทีสิ่งนี้ก็ไม่ปกติอยู่แล้ว! ก่อนหน้านี้เขายังเสี่ยงอันตรายใช้ร่างกายต้านรับ ข้ามีความมั่นใจเกินแปดส่วนว่าเขาเป็นสมาชิกของสองสำนักใหญ่” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยรายงาน


ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์สำรวจจอมมารดำ


แต่ทันใดนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์หลายสายที่โจมตีจอมมารดำ!


“นี่มันอะไรกัน”


ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์มีสายตาเฉียบคมเพียงใด ถึงแม้จะเป็นการมองดูจากระยะทางอันแสนไกล ไม่มีทางที่จะสัมผัสได้ถึงพลังคุกคามอันแท้จริงของใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ได้เลย สามารถบีบบังคับจอมมารดำให้กระตุ้นสมบัติล้ำค่าคุ้มกาย บวกกับการที่ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ทำให้ห้วงมิติในบริเวณโดยรอบแข็งตัวครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ล้วนทำให้ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์สามารถอนุมานได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขารู้อยู่แล้วว่าตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญวิชาโลกอนธการ


ก็ย่อมเดาออกได้อย่างรวดเร็วว่านี่ก็คือ ‘ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์’ กระบวนท่าที่สองของวิชาโลกอนธการ!


ตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จวิชาใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์แล้วหรือ


พลังยุทธ์ระดับชั้นที่หกของเจดีย์ดาวอย่างนั้นหรือ


พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงเขาไปถึงระดับชั้นที่หกของเจดีย์ดาวแล้วหรือ


ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ใจเต้นโครมคราม สำหรับเขาแล้ว นี่ยังทำให้เขาปิติยินดียิ่งกว่าการพบตัวสายลับของสองสำนักใหญ่เสียอีก ถึงอย่างไรในประวัติศาสตร์ของวังทวีสูญ แม้ว่าจะเคยมีผู้แกร่งกล้าที่ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่งจำนวนหนึ่งปรากฏอยู่บ้าง มีบางคนที่ตกต่ำ มีบางคนที่ตอนนี้ก็ได้ครอบครองสถานะประมุขตำหนัก แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้บรรดาผู้อาวุโสตำหนักในเหล่านี้ต่างก็ยังเป็นชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาว นี่คือความเสียใจอย่างหนึ่งของวังทวีสูญ


ตอนนี้ในบรรดาผู้อาวุโสตำหนักในมีชั้นที่หกของเจดีย์ดาวถือกำเนิดขึ้นมาคนหนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ


“ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ มิผิด นี่คือใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ ระดับพลังคุกคามนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลย” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์สำรวจจากระยะทางไกลโดยละเอียด ยิ่งมองดู ดวงตาก็ยิ่งเปล่งประกาย


………………………………………….


ตอนที่ 12 ภัยคุกคาม

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ท่านบรรพชน ผู้อาวุโสตงป๋อเขามีพลังยุทธ์ระดับชั้นที่หกของเจดีย์ดาวแล้วขอรับ” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์รีบรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปในทันที นอกจากนี้ก็ยังแจ้งข้อมูลเรื่อง ’จอมมารดำต้องสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกของสองสำนักใหญ่’ ให้ทางบรรพชนโลกาทราบด้วย ถึงอย่างไรเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสองสำนักใหญ่ โลกทิพย์ทั้งสามก็ยังร่วมแรงร่วมใจกันเป็นอย่างยิ่ง


“ตงป๋อเสวี่ยอิงน่ะหรือ” บรรพชนเทียนอวี๋ประหลาดใจอยู่บ้าง


“ใช่แล้วขอรับ เขากำลังอยู่ที่โลกทิพย์นิจนิรันดร์…” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์บอกเล่าสถานการณ์อย่างละเอียดรอบหนึ่ง


“ฮ่าฮ่าฮ่า ตอนนั้นที่เขายังเป็นผู้ปกครองเทพแท้ ก็สำเร็จวิชากระบี่ที่สองผลาญโลกาแล้ว ข้าก็รู้แล้วว่าอนาคตของเขาต้องสว่างไสว แต่ตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ การตระหนักรู้ในด้านวิถีโลกเทียมของเขายังเหนือกว่าวิถีเข่นฆ่าเสียอีก” บรรพชนเทียนอวี๋อารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง เขาสถาปนาวังทวีสูญขึ้นมาก็บ่มเพาะศิษย์ในสำนักอย่างสุดกำลัง


ได้พานพบผู้ที่มีพรสวรรค์ร้ายกาจคนหนึ่งก็ย่อมเบิกบานใจแน่นอนอยู่แล้ว สามารถมีพลังยุทธ์เช่นนี้ได้ตั้งแต่ยังเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง ในอนาคตเมื่อเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวน เชื่อว่าจะต้องมีพลังยุทธ์ระดับชั้นที่แปดของเจดีย์ดาวได้อย่างรวดเร็ว หรือกระทั่งพลังยุทธ์ระดับชั้นที่เก้าก็ยังมีหวัง


ระยะห่างระหว่างยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนก็ยิ่งใหญ่นัก


ผู้อ่อนแอเป็นเพียงแค่ชั้นที่หก ผู้อาวุโสเช่นเจ้าสำนักสวรรค์กันแสงเป็นชั้นที่เจ็ด


ผู้แกร่งกล้าอย่างเช่นประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์นั้นก็คือชั้นที่แปด


ชั้นที่แปด…ก็คือขีดจำกัดที่ขั้นอลวนโดยทั่วไปจะบำเพ็ญได้ อยากจะไปถึงชั้นที่เก้า ระดับความยากนั้นก็เทียบได้กับ ‘ขั้นรวมเป็นหนึ่งไปถึงชั้นที่เจ็ด’ เลยทีเดียว


ทั่วทั้งวังทวีสูญก็มีขั้นอลวนเพียงคนเดียวที่ไปถึงชั้นที่เก้า… ‘ประมุขตำหนักอลหม่าน’ พลานุภาพทางด้านการโจมตีของเขาถึงขนาดนับได้ว่าเป็นระดับสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดแล้ว ด้วยสถานะขั้นอลวนทำมาได้จนถึงขั้นนี้ ในด้านใดด้านหนึ่ง เทพจักรวาลก็ยังไม่สามารถทำได้เลย ถ้าหากเขาต้องการจัดการเจ้าสำนักสวรรค์กันแสงก็สามารถสังหารได้ในกระบวนท่าเดียว


ระดับพลังยุทธ์ของเจดีย์ดาว ความแตกต่างระหว่างสองชั้นนั้นก็คือความแตกต่างของทักษะการสังหาร!


แน่นอนว่า…


ยังมียักษ์ใหญ่ขั้นอลวนอีกคนหนึ่งที่เหนือกว่าหลักเหตุผลโดยทั่วไป นั่นก็คือเจ้าเมืองหลัว! เจดีย์ดาวเป็นสิ่งที่เจ้าเมืองหลัวสรรสร้างขึ้นมา เทพจักรวาลกลุ่มใหญ่ต่างก็ถูกเจ้าเมืองหลัว ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนผู้นี้กดดัน แน่นอนว่ายังมีราชันย์มีด บรรพชนทิพย์ และบรรพชนโลกา เพียงไม่กี่คนนี้เท่านั้นที่สามารถกดดันเจ้าเมืองหลัวได้


“ไม่รู้ว่าเมื่อใดเจ้าเด็กน้อยผู้นี้จะได้เป็นขั้นอลวนเสียที” ร่างแปรของบรรพชนเทียนอวี๋ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ แล้วชมดูการต่อสู้นี้ผ่านจอภาพห้วงมิติที่ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ทำให้ปรากฏขึ้น


“ด้วยความเร็วของเขา เชื่อว่าต้องรวดเร็วมากอย่างแน่นอน” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์พูด


“ก็มิได้ง่ายดายเช่นนั้นหรอก เดิมทีการก้าวข้ามระดับขั้นก็ยากเย็นมากอยู่แล้ว ระดับความยากของการเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวนนั้นยิ่งกว่าการที่เขาพบเจอจุดคอขวดในอดีตเสียอีก” บรรพชนเทียนอวี๋พูด


ผู้ที่ร้ายกาจขนาดขึ้นไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งชั้นที่หกแล้วติดค้างอยู่ที่นั่นตลอดมาก็มีอยู่


หรือแม้กระทั่งตกต่ำลงมาในท้ายที่สุด!


ฉะนั้นก็สามารถเห็นได้ถึงระดับความยากในการเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวน


แต่ขั้นรวมเป็นหนึ่งชั้นที่เจ็ดนั้นในประวัติศาสตร์มีอยู่เพียงสองคน ทว่ากลับบรรลุไปถึงขั้นอลวนแล้วทั้งคู่ เห็นได้ชัดว่าสำหรับผู้มีพรสวรรค์ระดับนี้แล้ว การบรรลุไปถึงขั้นอลวนนั้นมิใช่เรื่องยากเลย


……


ทางด้านวังทวีสูญนี้ชมดูอยู่ไกลๆ ส่วนทางด้านสำนักของบรรพชนโลกาที่ได้รับข่าวก็มีผู้แกร่งกล้ากำลังติดตามอยู่เช่นกัน พวกเขาต่างก็มิได้รีบร้อนลงมือ


พวกเขากำลังรอ…


รอว่าสองสำนักใหญ่จะส่งยอดฝีมือไปช่วยเหลือจอมมารดำหรือไม่


……


บนท้องฟ้าเหนือเมืองต้านวายุ


เหล่าผู้บำเพ็ญที่เดิมทีกำลังหลบหนีอย่างเร่งรีบก็หยุดลงเพื่อชมดูการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปอย่างห่างๆ ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งยืนอยู่กลางเวหา ใบมีดสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นจากกลางอากาศแล้วฟาดฟันลงบนร่างกายของจอมมารดำที่พื้นผิวมีรัศมีหม่นสลัว พลังคุกคามนั้นแม้จะดูอยู่ห่างๆ ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความสั่นสะท้านที่เกิดจากก้นบึ้งของหัวใจ นี่คือการสั่นสะท้านโดยสัญชาตญาณ


แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยแผนภาพคลื่นจานปกป้องเมืองต้านวายุด้านบนเอาไว้เป็นอย่างดี มิได้ทำให้พลานุภาพในการต่อสู้กระทบไปถึงเบื้องล่าง


และในขณะนี้ถึงแม้จอมมารดำจะมีสมบัติล้ำค่าคุ้มกายแต่ก็ย่อมมิอาจหลบหนีได้


“ใกล้จะต้านไม่อยู่แล้ว” จอมมารดำสัมผัสได้ว่าพลังงานของสมบัติล้ำค่าคุ้มร่างถูกใช้ไปอย่างต่อเนื่อง บนใบหน้าค่อยๆ เผยสีหน้าผ่อนคลาย ถึงแม้จะเข้าใจว่าสำนักทิพย์โบราณมิได้ส่งผู้แกร่งกล้ามาช่วยเหลือเขา แต่เขาก็ไม่ตำหนิเลยแม้แต่น้อย อุทิศตนเพื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ นี่คือเกียรติยศอันยิ่งใหญ่


“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์”


จอมมารดำมือกุมตราประทับ ปากเรียกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความศรัทธา ร่างกายเริ่มแหลกสลายกลายเป็นความว่างเปล่า


ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ด้านข้างได้เห็นฉากนี้ก็โบกมือเก็บเอาสมบัติล้ำค่าที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ขึ้นมา “ที่แท้ก็เป็นสำนักทิพย์โบราณ ไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อใดเขาจะถูกวิญญาณควบคุม”


******


ไกลออกไปที่โลกทิพย์โบราณ


ก็มีเหล่า ‘ผู้วิเศษ’ ที่เป็นขั้นอลวนชมดูเหตุการณ์นี้อยู่ห่างๆ พวกเขามิได้ส่งผู้แกร่งกล้าไป ก็เพราะพวกเขาเข้าใจกระจ่างดียิ่งว่าวังทวีสูญที่อยู่เบื้องหลังของตงป๋อเสวี่ยอิง และสำนักของบรรพชนโลกาที่โลกทิพย์นิจนิรันดร์ก็จะต้องตามติดมาที่นี่อย่างแน่นอน ผ่านเวลานี้ไปก็เสี่ยงต่อการตกต่ำ! ถึงอย่างไรก็เป็นอาณาเขตของบรรพชนโลกาและบรรพชนทิพย์


นอกเสียจากจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะมาด้วยตนเอง นอกนั้นผู้อื่นในสำนักทิพย์โบราณต่างก็มิอาจช่วยเหลือ ‘จอมมารดำ’ ได้ด้วยกันทั้งสิ้น


“ถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงแห่งวังทวีสูญก็มีพลังยุทธ์ระดับชั้นที่หกของเจดีย์ดาวแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเคล็ดวิชาของประมุขโลกอนธการในตอนนั้น ทางด้านการโจมตีค่อนข้างร้ายกาจ ส่วนในด้านอื่นๆ ก็ธรรมดาทั่วไป” เหล่าผู้วิเศษสำนักทิพย์โบราณเหล่านี้ย่อมมิได้แยแสตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้เลย เพียงแต่รู้สึกว่าปล่อยให้เจริญก้าวหน้าไปเช่นนี้ ไม่แน่ว่าในอนาคตวังทวีสูญอาจมียักษ์ใหญ่ขั้นอลวนเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง


จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งย่อมไม่แยแสเรื่องพรรค์นี้อยู่แล้ว


แต่พวกเขาเหล่าผู้วิเศษนี้ก็ยังสังเกตได้


“เขาพัฒนาอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ”


ภายในวังก้นบึ้งทะเลสาบ ผู้วิเศษหวั่งหมิงที่สวมอาภรณ์เขียวตลอดร่างนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในห้องเงียบบริเวณโดยรอบมีหยาดน้ำหยดแล้วหยดเล่าหยาดหยด แต่บนใบหน้าของเขากลับมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ “ดีมาก เช่นนี้คงจะทำให้บรรดาผู้วิเศษในสำนักรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามแล้วกระมัง ผู้อาวุโสตำหนักในที่มีพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาวพบเห็นได้บ่อยมาก ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง แต่ผู้ที่ไปถึงชั้นที่หกนั้น… รอให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวน อย่างน้อยก็เป็นชั้นที่แปด เป็นศัตรูตัวฉกาจของผู้วิเศษอย่างพวกเรา!”


โลกทิพย์โบราณมีอาณาบริเวณขนาดใหญ่ที่สุดในมหาโลกทิพย์ทั้งห้า จำนวนของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนก็มีอยู่มากที่สุดด้วย


แต่พลังยุทธ์นั้นย่อมมีสูงมีต่ำอยู่แล้ว และผู้วิเศษหวั่งหมิงก็คือหนึ่งในพวกที่ค่อนข้างอ่อนแอ พูดถึงพลังยุทธ์ก็นับได้ว่าเป็นเพียงแค่ชั้นที่หกของเจดีย์ดาวเท่านั้น เปรียบเทียบกับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ถึงแม้จะแกร่งก็แกร่งอย่างมีขีดจำกัด


“หาผู้เฒ่ามาช่วยเหลือให้มากหน่อยดีกว่า คงจะมีความหวังว่าจะสามารถทำให้ผู้เฒ่าเหล่านั้นวางแผนถอนรากถอนโคนตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้” ผู้วิเศษหวั่งหมิงคิดอยู่ตลอดว่าจะจัดการตงป๋อเสวี่ยอิงเช่นไรดี น้องชายของเขาคือคนสนิทที่สำคัญที่สุดของเขาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน น้องชายถูกศัตรูปลิดชีพ ความแค้นนี้ เขาจะไม่แก้แค้นได้อย่างไรกัน


จากนั้น


ผู้วิเศษหวั่งหมิงก็เริ่มไปเยี่ยมคารวะผู้วิเศษในโลกทิพย์โบราณหลายท่าน ทำตัวเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์ ไม่มีวิธีอื่นแล้ว คิดจะสังหารผู้เหนือชั้นอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงนี้ ลำพังแค่เขาคนเดียวย่อมทำมิได้อยู่แล้ว


เพราะว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงแค่เผชิญกับการลอบโจมตี ก็สามารถกระตุ้นสมบัติล้ำค่าคุ้มกายได้ในทันที พร้อมกันนั้นก็สามารถรายงานขึ้นไปได้ด้วย! ไม่แน่ว่าแม้กระทั่งบรรพชนเทียนอวี๋ก็สามารถออกมาสังหารได้


ดังนั้นพอลงมือแล้วก็ต้องวางแผนการให้ดี ให้สำเร็จในคราวเดียว!


ในประวัติศาสตร์ ผู้มีพรสวรรค์ที่บุกผ่านเข้าไปในชั้นที่หกของเจดีย์ดาวตายกันอย่างไรน่ะหรือ มีจำนวนไม่น้อยที่ถูกสองสำนักใหญ่ลอบจัดการอย่างลับๆ!


……


“พรึ่บ…”


นอกเมืองต้านวายุ ท่ามกลางท้องฟ้าอันบิดเบี้ยว มีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือ ‘ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์’ ชายผู้มีเส้นผมสีเงิน ผิวหนังสีดำ แต่ว่าเป็นเพียงแค่ร่างแปรร่างหนึ่งของเขาเท่านั้น


“ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นจากที่ไกลๆ แล้วก็ทะยานเข้าไปหาในทันที “เหตุใดท่านประมุขตำหนักจึงมาด้วยตนเองเล่าขอรับ”


“เจ้าก่อเรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้ ถึงแม้ว่าสำนักทิพย์โบราณจะมิได้ช่วยเหลือจอมมารดำผู้นั้น แต่ก็ต้องแอบดูอยู่ห่างๆ อย่างแน่นอน แล้วพวกเขาก็สังเกตเห็นพลังยุทธ์ของเจ้าแล้วด้วย! ถึงแม้ไม่แน่ว่าจะจัดการเจ้า แต่วังทวีสูญของข้ามิอาจไม่ป้องกันได้” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์พูด “ในประวัติศาสตร์ โลกทิพย์ทั้งสามของพวกเราก็มีผู้มีศักยภาพจำนวนหนึ่งที่ถูกสำนักทิพย์โบราณปลิดชีพ”


ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจขมวดแน่น


ต้องระมัดระวัง


ถึงแม้ตนจะคิดว่ามีความสามารถในการปกป้องชีวิตอันแข็งแกร่ง แต่เหล่าผู้วิเศษของสำนักทิพย์โบราณมีอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าหากส่งยอดฝีมืออย่างประมุขตำหนักอลหม่านนี้มา เพียงแค่ปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถล้างผลาญตนได้แล้ว สมบัติล้ำค่าคุ้มร่างก็ไร้ประโยชน์!


สมบัติล้ำค่าคุ้มร่างเผชิญกับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนโดยทั่วไปก็สามารถต้านทานได้ชั่วครู่หนึ่ง แต่เผชิญกับประมุขตำหนักอลหม่านกลับกลายเป็นเรื่องน่าขัน ถึงอย่างไรก็เป็นร่างจริงของเทพจักรวาล แกร่งกว่าประมุขตำหนักอลหม่านอย่างมีขีดจำกัด


……………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)