Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 28 ตอนที่ 9-10
ตอนที่ 9 เริ่มลงมือ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ปล่อยไปเสียแล้วหรือนี่” ชายชราเห็นเข้าก็ร้อนใจขึ้นมา สตรีอาภรณ์สีแดงก็ลอบถอนหายใจ ตามความคิดของพวกเขา ย่อมต้องสังหารผู้อาวุโสแห่งหุบเขาเปลวอัคคีทิ้งเสีย แต่เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือเร้นลับผู้นี้มิได้มีจิตคิดสังหารหุบเขาเปลวอัคคีแต่อย่างใด
“ท่านพ่อ”
สตรีอาภรณ์สีแดงกลับรีบส่งสารผ่านวัตถุส่งสารไปให้บิดา “เขากระบี่สวรรค์เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”
“อีจื่อ เจ้าบำเพ็ญอยู่ภายนอกอย่าได้กลับเข้ามาเด็ดขาด! เขากระบี่สวรรค์เพิ่งประสบการลอบโจมตีของหุบเขาเปลวอัคคี ข้ากำลังรับมือกับประมุขหุบเขาเปลวอัคคีผู้นั้นอยู่” หลังประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ส่งสารแล้วก็มิได้เสียสมาธิอีกต่อไป อันที่จริงสถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายกว่าที่เขาพูดไปมากทีเดียว เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้หุบเขาเปลวอัคคีเตรียมตัวมานานมาก จนมียอดฝีมือแฝงกายเข้ามาโดยอาศัยสถานะ ‘ผู้บูชา’ เข้าไปในหุบเขาเปลวอัคคี ทั้งยังอาศัย ‘พิษวิญญาณด้ายเงินโยง’ ลอบคิดบัญชีกับเขา จากนั้นการต่อสู้ก็พลันปะทุขึ้น!
เดิมทีพลังของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์และประมุขหุบเขาเปลวอัคคีก็ใกล้เคียงกันอยู่แล้ว บัดนี้หุบเขาเปลวอัคคีเตรียมตัวมาอย่างยาวนาน ทั้งยังซื้อ ‘พิษวิญญาณด้ายเงินโยง’ มาอย่างไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้นทั้งยังลอบคิดบัญชีได้สำเร็จอีกด้วย บัดนี้ด้วยการลอบโจมตีอย่างฉับพลัน…หุบเขาเปลวอัคคีจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง บัดนี้ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กำลังต่อต้านอย่างสุดกำลัง อันที่จริงก็ตกเป็นรองอย่างเต็มที่
“ฟิ้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งอยู่ไกลออกไปเก็บสมบัติล้ำค่าลงไป
สตรีอาภรณ์สีแดงกลับกล่าวขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ผู้น้อยอีจื่อ ธิดาของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ บัดนี้เขากระบี่สวรรค์ของข้ากำลังเผชิญกับหายนะ ข้าน้อยขอหน้าหนาวอนขอให้ผู้อาวุโสช่วยเขากระบี่สวรรค์ของข้าให้ผ่านความยากลำบากในครั้งนี้ไปได้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
นางสัมผัสได้ว่ายอดฝีมือเร้นลับผู้นี้ยังนับว่าพอจะมีความรู้สึกอันดีต่อนางอยู่บ้าง ดังนั้นจึงทำได้เพียงหน้าหนาขอให้ผู้อื่นช่วยเหลือเท่านั้น
“ขอให้ข้าลงมือรึ อาศัยอะไรกันเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
สตรีอาภรณ์สีแดงกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง นางเอ่ยขึ้นว่า “รอให้จบเรื่องนี้ บิดาข้าจะต้องขอบคุณเป็นการใหญ่อย่างแน่นอน”
“ผู้อาวุโสสามารถช่วยพวกเราเอาไว้ได้ บุญคุณใหญ่เช่นนี้พวกเราย่อมมิกล้าลืมเลือนอย่างแน่นอน บัดนี้เขากระบี่สวรรค์กำลังเผชิญหายนะอันใหญ่หลวง ข้าและคนอื่นๆ ต่างก็ร้อนใจทั้งสิ้น แต่กลับทำอะไรมิได้เลย ทำได้เพียงขอร้องผู้อาวุโสแล้ว” ชายชราด้านข้างก็รีบวิงวอนด้วยความเคารพ บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความร้อนใจ ในใจเขากลับสงบนิ่งเป็นอันมาก ผู้ที่สามารถบำเพ็ญจนถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ มีคนใดบ้างที่โง่งม
เขามองนิสัยของคนตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นจึงใช้บุญคุณและมิตรภาพมาพูด
“พูดสองสามคำแล้วจะให้ข้าไปเสี่ยงอันตรายอย่างนั้นหรือ ฮ่าฮ่าฮ่า…” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะตามอำเภอใจ “ขอเตือนพวกท่านสักประโยคก็แล้วกัน เขากระบี่สวรรค์กำลังตกเป็นรอง เกรงว่าอีกไม่นานก็คงต้องแหลกสลาย คนที่มีพลังน้อยนิดเช่นพวกเจ้าไปก็มีแต่เอาชีวิตไปมอบให้เท่านั้น!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดจบก็หายวับไปกลางอากาศทันที
“ทำไมถึง…ไปเสียแล้วเล่า”
“เขาไปแล้วหรือ”
“เขาบอกว่า อีกไม่นานเขากระบี่สวรรค์ของเราก็ต้องแหลกสลายไปอย่างนั้นหรือ” พวกอีจื่อหวั่นใจขึ้นมา ขณะนี้พวกเขาก็ไม่กล้าส่งสารให้ประมุขพรรค เพราะประมุขพรรคกำลังต่อสู้กับประมุขหุบเขาเปลวอัคคีอยู่ ดังนั้นจึงส่งสารให้บุคคลระดับสูงคนอื่นๆ ของเขากระบี่สวรรค์
ไม่นานนักข่าวก็มาถึง
สถานการณ์เลวร้ายยิ่งนัก! แม้การต่อสู้จะเพิ่งปะทุขึ้นมา แต่ทันทีที่ปะทุขึ้น เขากระบี่สวรรค์ก็ตกเป็นรองอย่างสิ้นเชิงแล้ว ผู้บูชาและผู้อาวุโสบางคนกำลังคิดหาทางหนีเอาชีวิตรอดแล้ว
……
ฟ้าดินโลกเทียม
ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงเร้นกายอยู่ในอากาศ แล้วเดินทอดน่องไปอย่างเชื่องช้า ด้วยผลสำเร็จทางด้านโลกเทียมของเขาในตอนนี้และวิธีการหลบซ่อนของทางสายผู้ท่องอากาศ ยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่บนเขากระบี่สวรรค์จึงมิอาจพบเขาได้เลย
ฟิ้วๆ…
ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างปกคลุมไปทั่วทั้งเขากระบี่สวรรค์
นั่นก็คือศาสตร์ลับจำพวกบริเวณที่แข็งแกร่งที่สุดของวังทวีสูญอย่างแผนภาพคลื่นจานนั่นเอง ในฐานะศาสตร์ลับระดับจักรวาลจำพวกระลอกคลื่นที่มีเพียงหนึ่งเดียว บริเวณที่แผ่ออกไปจึงกินวงกว้างเป็นอย่างยิ่ง บวกกับการกดดันกฎเกณฑ์ของ ‘ดินแดนเก้าเมฆา’ ก็อ่อนแอกว่าโลกทิพย์อยู่บ้าง บัดนี้บริเวณแผนภาพคลื่นจานของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ปกคลุมไปถึงสามร้อยล้านลี้แล้ว! ยอดฝีมือทั้งหมดบนเขากระบี่สวรรค์ล้วนอยู่ภายใต้การสอดส่องของเขาทั้งสิ้น
ก่อนหน้านี้เขาอาศัยการสำรวจตรวจดูจนมั่นใจในสถานการณ์ จึงได้เตือนให้แม่นางน้อยผู้นั้นจากไป
ที่เขามิได้ตกลงรับปากช่วยเหลือเขากระบี่สวรรค์ ก็เพราะว่า…ในสายตาของตงป๋อเสวี่ยอิง เขากระบี่สวรรค์และหุบเขาเปลวอัคคีล้วนแต่เป็นเป้าหมายที่เขาต้องการตรวจสอบ หากมั่นใจว่าเป็นศิษย์ของลัทธิทั้งสองแล้วล่ะก็ ล้วนต้องสังหารทั้งสิ้น! นอกจากนี้พลังของตนไม่ค่อยเหมาะกับการพาพวกแม่นางน้อยเคลื่อนไหวไปด้วยสักเท่าใดนัก
“ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์เหมือนจะได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ ถูกกดดันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว คาดว่าคงจะต้านทานได้อีกไม่นานเท่าใดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงสอดส่องผ่านระลอกคลื่น “อ้อ ที่นี่มียอดฝีมือขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดอยู่คนหนึ่งด้วยหรือนี่ เหมือนจะอยู่ฝ่ายหุบเขาเปลวอัคคี”
สวบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนที่ในพริบตาคราหนึ่งก็แทรกซึมเข้าไปแล้ว
******
ภายในโถงตำหนักปรักหักพังแห่งหนึ่งของเขากระบี่สวรรค์ ผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ในบรรดาพวกเขามีขั้นรวมเป็นหนึ่งห้าคนกำลังร่วมมือกัน ทันใดนั้น ค่ายกลรอบด้านก็พลิกหมุนแล้วปกคลุมเบื้องล่าง มีงูสีดำตัวหนึ่งเลื้อยอยู่รอบด้านอย่างต่อเนื่อง และยังมีรัศมีอันเรืองรองแผ่ออกมาจากผิวกายของขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่ง ส่องสะท้อนไปรอบด้าน
“ประมุขยอดเขาทั้งสามต้านทานเก่งใช้ได้ทีเดียว น่าเสียดายที่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเจ้าได้สิ้นใจไปแล้ว! ประมุขพรรคของพวกเจ้าก็ต้องพิษวิญญาณด้ายเงินโยงเข้าไป รอให้ประมุขหุบเขาของพวกเรามาถึงเสียก่อน ก็จะสามารถกดดันพวกเจ้าให้ตายได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว” เสียงของผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวผู้หนึ่งดังกังวาน เขาได้ใจเป็นอันมาก เขามองเห็นศิษย์ของเขากระบี่สวรรค์ที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดอยู่ไกลออกไปได้รางๆ จากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง เปลวเพลิงสีดำสายหนึ่งก็ลอยออกไปแล้วรายล้อมศิษย์เขากระบี่สวรรค์ซึ่งอยู่ไกลออกไปเอาไว้ ทำเอาศิษย์ของเขากระบี่สวรรค์เหล่านั้นร้องโหยหวนด้วยความหวั่นกลัว จากนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีไป
ตู้ม ตู้ม…
บริเวณต่างๆ ของเขากระบี่สวรรค์มีระเบิดปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นฐานที่มั่นของเขากระบี่สวรรค์และยังมีค่ายกลต่างๆ มากมาย เห็นได้ชัดว่าบรรดาศิษย์ของเขากระบี่สวรรค์กำลังไล่สังหารโดยอาศัยความได้เปรียบด้านพื้นที่! ทางฝ่ายหุบเขาเปลวอัคคีก็ได้รับบาดเจ็บไปบ้างเช่นกัน
“น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสสูงสุดถูกพวกเขาล้อมสังหารไปเสียแล้ว บัดนี้ประมุขพรรคยังถูกพิษวิญญาณเข้าไปอีกด้วย” ประมุขยอดเขาสามท่าน ผู้อาวุโสสองท่านและศิษย์ทั้งหลายพยายามต้านทานเต็มที่ แต่ละคนล้วนรู้สึกหนาวเหน็บใจ
“เอ๊ะ” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวมองไกลออกไปแวบหนึ่ง แม้ฝ่ายตนจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี แต่ครั้งนี้ความเสียหายจากการต่อสู้ก็มากมายทีเดียว “กงอวี๋ตั้งใจจะทำลายเขากระบี่สวรรค์…เขากระบี่สวรรค์สืบทอดกันมาจนบัดนี้ ต่อให้เตรียมการมาพร้อมกว่านี้ จะทำลายจนหมดก็ต้องทุ่มเทอะไรไม่น้อยเลยทีเดียว”
เขาสำแดงเปลวเพลิงสีดำสายแล้วสายเล่าออกมาวาดข้ามท้องฟ้าไปเป็นครั้งคราว แล้วโจมตีศิษย์ของเขากระบี่สวรรค์!
ฉากนี้ทำให้ประมุขยอดเขาทั้งสามของเขากระบี่สวรรค์ที่ถูกพันธนาการอยู่และยอดฝีมือคนอื่นๆ มีเพลิงโทสะสุมทรวงไปหมด เพราะพรรคที่พวกเขาถือเป็นเสมือนครอบครัว บัดนี้กำลังเผชิญกับการทำลายล้าง ศิษย์ทั้งหลายกำลัังถูกเข่นฆ่า
“สมควรตาย”
“ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี” พวกเขาต่างก็ร้อนใจแต่กลับทำอะไรมิได้ พยายามตรึงไว้อย่างเต็มกำลังก็ยังพอจะต้านทานเอาไว้ได้ หากจะหลบหนี รองประมุขหุบเขาเปลวอัคคีตรงหน้าผู้นี้จะต้องฉวยโอกาสล้างสังหารพวกเขาอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น…
พวกเขาก็เห็นบุรุษผมขาวอาภรณ์ขาวคนหนึ่งเดินตรงออกมาจากกลางอากาศ เขาสวมหน้ากากเอาไว้แล้วถือกระบี่เอาไว้ด้วยมือข้างเดียว กระบี่หนึ่งฟันไปทางผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวอย่างโกรธเกรี้ยว ยามนี้ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวรู้สึกว่าทั้งร่างราวกับตกอยู่ในโคลนตม พันธนาการหลายชั้นเข้าพัวพันเขา ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าลงมากทีเดียว ทันใดนั้นประกายกระบี่สายนั้นก็ฟาดตรงลงบนร่างของเขา
ปัง…
ทั้งร่างถูกฟันกระเด็น ปะทะเข้ากับผนังตำหนักอันปรักหักพังแห่งนี้
“อะไรกัน ถูกโจมตีพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียวอย่างนั้นหรือ” ประมุขยอดเขาทั้งสามของเขากระบี่สวรรค์และผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ เห็นเข้า ในใจก็เกิดความหวังขึ้นมา
“เกิด เกิดอะไรขึ้นน่ะ…” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวยังคงตะลึงงันอยู่บ้าง เขากลับไม่รู้ว่าด้วยความสำเร็จทางด้านแผนภาพคลื่นจานของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ นั่นเป็นระดับเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าแล้ว หากจะกดดันเขาอย่างสุดกำลังจริงๆ ไม่พียงแต่เขาจะตอบโต้มิได้เท่านั้น แต่จะต้องถูกกดดันจนร่างกายแหลกสลายเป็นผุยผงแล้วต้องสังเวยชีวิตในทันที!
ความแตกต่างระหว่างเจดีย์ดาวชั้นที่สามและชั้นที่ห้า…ก็เหมือนกับที่ขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดสามารถเข่นฆ่าขั้นรวมเป็นหนึ่งทั่วไปได้ ความแตกต่างช่างมากเกินไปแล้วจริงๆ ในฐานะที่แผนภาพคลื่นจานนี้เป็นศาสตร์ลับจำพวกบริเวณที่แข็งแกร่งที่สุด พลังรบจึงไปถึงขีดจำกัดขั้นอลวนแล้ว ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวผู้นี้จึงย่อมถูกตงป๋อเสวี่ยอิงบดขยี้ตามอำเภอใจ
ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็ต้องเก็บงำบ้างเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรจะให้ลัทธิทั้งสองจำได้ไม่ได้เด็ดขาด
“วิ้ง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟันผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวกระเด็นไปในกระบี่เดียว แล้วก็เห็นแววตาของผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวริบหรี่ลง เห็นได้ชัดว่าถูกเคล็ดภาพลวงโลกเทียมเข้าไปเสียแล้ว!
เมื่อถูกเคล็ดภาพลวงเข้าไป ยามนี้ก็มิอาจตอบโต้ได้อีก เมื่อครู่เขายังสามารถสำแดงเคล็ดลับออกมาตรวจสอบได้บ้าง
“ดูสิว่าเขาเป็นศิษย์ของลัทธิทั้งสองหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ เขาสำแดงเคล็ดลับออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง มันแทรกซึมเข้าไปในร่างของผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวทันที ก่อนจะแทงตรงเข้าไปในวิญญาณของอีกฝ่ายอย่างไร้ซึ่งการต้านทานใดๆ!
…………………………
ตอนที่ 10 ละโมบหรือ
โดย
Ink Stone_Fantasy
วิญญาณภายในกายของผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวกลับมีรอยประทับสีเขียวสะท้อนขึ้นมา ทำให้หัวใจของตงป๋อเสวี่ยอิงคันยุบยิบขึ้นมา “ศิษย์ของจอมมารดาหรือนี่ คนแรกที่ข้าตรวจสอบเมื่อมาถึงข้ามาถึงดินแดนเมฆสวรรค์ ก็ตรวจพบศิษย์ของจอมมารดาแล้วหรือนี่” เมื่อดูจากข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมมาก่อนหน้านี้ ประมุขดินแดนเมฆสวรรค์นั้นมาจากผู้แกร่งกล้าท้องถิ่นเป็นหลัก ลัทธิใหญ่ทั้งสองและโลกทิพย์ทั้งสามส่งผลกระทบเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรผู้แกร่งกล้าที่พวกเขาส่งมาก็มีจำนวนน้อยนิดยิ่งนัก
“ตู้ม”
ในสายตาของคนนอก หลังจากตงป๋อเสวี่ยอิงฟันผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวจนกระเด็นไปภายในกระบี่เดียวแล้ว จากนั้นก็สำแดงประกายกระบี่สายแล้วสายเล่าออกมาต่อเนื่องกัน ประกายกระบี่มากมายวาดข้ามท้องฟ้าแล้วปกคลุมผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวเอาไว้ แล้วพันพาดผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวจนแหลกเป็นผุยผงสิ้นชีวิตคาที่ไปในทันที!
“ดี”
“ช่างร้ายกาจเสียจริง” ประมุขยอดเขาทั้งสาม ผู้อาวุโสทั้งสองและเหล่าศิษย์ทั้งหลายของเขากระบี่สวรรค์เห็นเข้าก็ตื่นเต้น ผู้ที่ตายไปนั้นเป็นถึงรองประมุขหุบเขาเปลวอัคคี เป็นผู้ที่มีพลังเป็นอันดับสองของหุบเขาเปลวอัคคี แต่กลับถูกกดดันและโจมตีจนสิ้นซากไป
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิต”
“ขอบคุณผู้อาวุโส”
พวกเขาพากันทำความเคารพอย่างซาบซึ้ง สถานการณ์พลิกผันจากความสิ้นหวัง ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งต่อตงป๋อเสวี่ยอิง นอกจากนี้ยังสามารถตัดสินได้ว่า ยอดฝีมือเร้นลับตรงหน้าผู้นี้ยืนอยู่ทางฝ่ายพวกเขา
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า จากนั้นก็โบกมือคราหนึ่งแล้วเก็บสมบัติล้ำค่าที่ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวทิ้งเอาไว้ลงไปพลางลอบคิดว่า “เขาคนนี้เป็นผู้ที่พลังจัดเป็นอันดับสองของฝ่ายหุบเขาเปลวอัคคี ก็เป็นศิษย์ของจอมมารดา เช่นนั้นก็เป็นไปได้มากว่าประมุขหุบเขาผู้มีพลังสูงที่สุดก็จะเป็นศิษย์ของจอมมารดาด้วยเช่นกัน”
ตามความเข้าใจของเขา
ลัทธิใหญ่ทั้งสองเผยแพร่ลัทธิอยู่ในดินแดนเก้าเมฆา มีสภาพการณ์สองแบบด้วยกัน
อย่างแรกก็คืออยู่ในขอบเขตขุมอำนาจการปกครองของพวกเขา นั่นเป็นการเผยแพร่ลัทธิตามอำเภอใจ ต่อให้เป็นชีวิตเหนือธรรมดาที่อ่อนแอก็ล้วนต้องนับถือจอมเทพศักดิ์สิทธิ์หรือจอมมารดาทั้งสิ้น
อย่างที่สองก็คือมิได้อยู่ในขอบเขตขุมอำนาจของพวกเขา ก็จะไม่กล้าโจ่งแจ้งเช่นนี้ มิเช่นนั้นแล้ว หากตั้งแต่เหนือธรรมดาผู้อ่อนแอไปจนถึงเทพอากาศเป็นศิษย์กันหมด ความก็จะแตกโดยง่าย ทันทีที่ความแตก โลกทิพย์ทั้งสามย่อมต้องส่งผู้แกร่งกล้ามาแล้วทำลายทั้งพรรคให้สูญสิ้นไปในทันที ดังนั้นหากมิได้อยู่ในขอบเขตอำนาจ โดยทั่วไปก็จะระมัดระวังและเร้นกายมากกว่า เช่นให้บุคคลระดับสูงของพรรคกลายเป็นศิษย์! บุคคลระดับสูงมีจำนวนน้อยนิด ทว่าส่งผลกระทบใหญ่หลวง
รองประมุขหุบเขาก็ยังเป็นศิษย์!
ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่าประมุขหุบเขาก็เป็นศิษย์ด้วยเช่นเดียวกัน!
“ผู้อาวุโส บัดนี้เขากระบี่สวรรค์ของเราประสบกับหายนะอันใหญ่หลวง ประมุขพรรคตกอยู่ในอันตราย ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสจะสามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือประมุขพรรคของเราได้หรือไม่” ประมุขยอดเขาคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น แต่ละคนล้วนปรารถนาเป็นอันมาก สามารถเอาชนะรองประมุขหุบเขาเปลวอัคคีได้อย่างราบคาบ เกรงว่าพลังคงจะอยู่ในระดับเดียวกับพวกประมุขพรรคและประมุขหุบเขาเปลวอัคคี หากด้อยกว่า ก็ด้อยกว่าไม่มากสักเท่าใดนัก
แม้รองประมุขหุบเขาจะถูกสังหาร แต่ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีจึงจะแข็งแกร่งที่สุด หากเขาไม่ตาย เขากระบี่สวรรค์ก็อาจจะต้องล่มสลายไปในท้ายที่สุดอยู่ดี
“ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีหรือ ว่ากันว่าพลังของเขาสูงส่งอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเผยสีหน้าลังเลออกมา “ไป ไปดูกันหน่อยเถิด”
“ไป”
“เร็วเข้าๆ”
แต่ละคนในที่นั้นล้วนไม่กล้าเพ้อฝันว่ายอดฝีมือเร้นลับผู้นี้จะรับปากในทันที เขายอมไปดูก็นับว่าดีมากแล้ว
ไม่นานนัก
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งกลุ่มก็ทะยานข้ามท้องฟ้าไปยังบริเวณที่การต่อสู้ดุเดือดที่สุดในเขากระบี่สวรรค์ กลางท้องฟ้าไกลออกไป ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กำลังห้ำหั่นกับประมุขหุบเขาเปลวอัคคีอย่างเอาเป็นเอาตาย
แม้จะบินมา แต่อันที่จริงแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงลอบสำแดงเคล็ดภาพลวงโลกเทียมแล้วจัดการยอดฝีมือขั้นรวมเป็นหนึ่งของหุบเขาเปลวอัคคีสองคนซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดตามอำเภอใจ ในชั่วขณะที่ทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในเขตลวง เขาก็สำแดงเคล็ดลับแทรกซึมเข้าไปในวิญญาณของพวกเขาในระยะไกล
“มิใช่ศิษย์ผู้นับถือลัทธิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตรวจสอบทั้งสองคนต่อเนื่องกัน เมื่อมั่นใจว่ามิใช่ศิษย์ของลัทธิก็รีบทำให้อีกฝ่ายหลุดพ้นจากเขตลวงทันที ทำเอายอดฝีมือขั้นรวมเป็นหนึ่งสองคนนั้นแตกตื่นอยู่บ้าง
“ไม่ดีแล้ว”
“ประมุขพรรคอันตรายแล้ว” ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบตรวจสอบคนทั้งสองนั้น ประมุขยอดเขาสามคนด้านข้างกลับมองไปยังการต่อสู้ไกลออกไปด้วยความร้อนใจ พวกเขาล้วนมองออกว่าสถานการณ์ของประมุขพรรคของตนนั้นย่ำแย่เป็นอย่างมาก!
“ท่านอาจารย์อาสิ้นใจไปแล้วหรือนี่” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีที่อยู่ระหว่างการต่อสู้เป็นบุรุษหนุ่มผมแดงร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ทั้งร่างของเขามีเปลวเพลิงลุกโชน เขากวาดตามองตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งอยู่ไกลออกไปแวบหนึ่ง “บุรุษหน้ากากเงินผู้นี้เองน่ะหรือที่สังหารท่านอาจารย์อา ทว่าตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องยั่วโมโหยอดฝีมือเร้นลับผู้นี้ ข้าจัดการเจ้าปีศาจเฒ่ากระบี่สวรรค์นี่ให้สุดกำลังก่อนดีกว่า!”
“ตู้ม…ตู้ม…” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีมีเปลวเพลิงลุกโชนทั่วร่าง ราวกับดวงอาทิตย์ขนาดเล็กดวงหนึ่งก็มิปาน แต่ละกระบวนท่าล้วนแฝงไว้ด้วยอานุภาพอันน่าหวาดหวั่น
ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์เป็นบุรุษวัยกลางคนอาภรณ์สีดำ วิธีการต่อสู้ของเขาหลากหลายมากกว่า หากในยามปกติแล้ว คงไม่แยแสประมุขหุบเขาเปลวอัคคี ทว่าในยามนี้…
“อ๊าก” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์สามารถสัมผัสได้ว่าเส้นด้ายสีเงินจำนวนหนึ่งได้แทรกตัวเข้าไปภายในวิญญาณของเขา แล้วพยายาม ‘สอด’ เข้าไป ทำให้วิญญาณของเขาเจ็บปวดแสนสาหัส บางครั้งถึงขั้นวิงเวียนเป็นระยะ ทำให้ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์มิอาจต่อสู้ได้อย่างเต็มกำลังเลย เพราะกระบวนท่าที่พิสดารอย่างยิ่งล้วนต้องใช้สมาธิไม่น้อยเลยทีเดียว
เขาพยายามป้องกันอย่างสุดกำลัง บางครั้งจึงสามารถรุกโจมตีได้
ตอนเพิ่งเริ่มต้นก็ยังดีอยู่ แต่เมื่อต่อสู้มาจนถึงบัดนี้…‘พิษวิญญาณด้ายเงินโยง’ นี้ก็แทรกซึมเข้าไปในวิญญาณลึกขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความถี่ในการวิงเวียนของเขาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ประมุขพรรค มียอดฝีมือผมขาวอาภรณ์ขาวสวมหน้ากากสีเงินผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น เพียงกระบวนท่าเดียวก็เอาชนะเจ้าวัวโง่ของหุบเขาเปลวอัคคีนั่นได้ บัดนี้ยังสังหารเขาไปแล้วด้วย” เมื่อประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ได้รับข่าวก็ตื่นเต้นเป็นอันมาก เพราะเขาได้รับพิษหนักหน่วงขึ้นทุกทีๆ เขายังคิดว่าหายนะครั้งนี้จะยากหลบหลีกได้พ้นเสียแล้ว ทั้งพรรคเขากระบี่สวรรค์ก็อาจจะพินาศไปเช่นนี้เอง
แต่ตอนนี้ความหวังปรากฏขึ้นแล้ว
“เขาน่ะหรือ” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ก็สังเกตเห็นบุรุษผมขาวอาภรณ์ขาวซึ่งอยู่ตรงกลางอากาศไกลออกไปกับประมุขยอดเขาทั้งสามของตน
“ขอให้เขาลงมือ พวกเจ้ารีบขอให้เขาลงมือเร็วเข้า ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์รีบส่งสารทันที
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินประมุขยอดเขาทั้งสามด้านข้างขอร้อง เขาก็ขวดคิ้วพลางส่ายหน้าเอ่ยว่า “ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีผู้นี้พลังลึกล้ำยิ่งนัก ให้ข้าได้ดูอีกนิด จะได้เข้าใจวิธีการของเขามากขึ้นอีกหน่อย”
“รอไม่ได้แล้ว ประมุขพรรคของข้าจวนจะต้านไม่ไหวแล้ว” ประมุขยอดเขาทั้งสามร้อนใจนัก พวกเขาก็รู้ว่า ‘รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ ชมดูให้มากอีกครู่หนึ่งจะได้เข้าใจวิธีการของประมุขหุบเขาเปลวอัคคี ขณะต่อสู้จะได้มั่นใจมากขึ้น แต่ไม่แน่ว่าประมุขพรรคของตนอาจจะจบสิ้นเมื่อไหร่ก็ได้นี่นา!
ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ที่อยู่ไกลออกไปก็ร้อนรนเหลือแสน
เขาวิงเวียนวูบไปอีกครั้งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ผิวกายก็ยังมีประกายกระบี่สายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้น ต้านทานกรงเล็บของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีที่ตะปบลงมาเอาไว้ได้! กรงเล็บนั้นทำให้ประกายกระบี่มากมายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หน้าอกของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ถูกฉีกทึ้งจนกลายเป็นเนื้ออาบโลหิต ทว่าดีร้ายอย่างไรก็ยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้
“ต้องห้ำหั่นอย่างสุดกำลังเช่นนี้ ข้ามิอาจแบ่งสมาธิไปข่มพิษวิญญาณนี้ได้เลย” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์สัมผัสได้ว่าด้ายเงินภายในวิญญาณแทรกซึมเข้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ ได้ยินมาว่ายอดฝีมือผมขาวอาภรณ์ขาวสวมหน้ากากสีเงินผู้นี้สังหารรองประมุขหุบเขาเปลวอัคคีไปแล้วอย่างนั้นหรือ ยอดฝีมือผู้นี้ก็คือยอดฝีมือที่ช่วยข้าเอาไว้ก่อนหน้านี้ ข้ารู้สึกว่าจะขอให้เขาช่วยเหลือ อาจจะมีแต่ต้องเอาสมบัติล้ำค่าออกมาเสนอเท่านั้น! เขามีจุดอ่อนอยู่ข้อหนึ่งก็คือ…ละโมบอยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสของหุบเขาเปลวอัคคีสามคน แล้วก็ปล่อยพวกเขาไป แต่กลับชิงเอาสมบัติล้ำค่าของพวกเขาไปจนสิ้น แม้แต่อาภรณ์และอาวุธก็ยังเอาไปจนหมด” อีจื่อผู้เป็นธิดาส่งสารบอก
เรื่องนี้ทำให้ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์เย็นวาบในใจขึ้นมา
ละโมบหรือ
ก็ดีน่ะสิ กลัวแต่จะไม่ละโมบมากกว่า!
“สหายท่านนี้ ที่แท้แล้วก่อนหน้านี้ท่านช่วยเหลือธิดาของข้าเอาไว้ และยังช่วยประมุขยอดเขาทั้งหลายเอาไว้ด้วย เขากระบี่สวรรค์เราเผชิญหน้ากับหายนะใหญ่หลวง ขอให้ท่านช่วยเหลือด้วย รอให้จบเรื่องแล้ว ข้ายินดีทุ่มเทสมบัติล้ำค่าทั้งหมดให้เพื่อเป็นการขอบคุณ มูลค่าสมบัติล้ำค่าย่อมไม่ต่ำกว่าศิลาปฐมโลกาแปดสิบก้อนแน่นอน” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กล่าวเสียงดัง
ไกลออกไป
หลังจากตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งลังเลอยู่ได้ฟังแล้วก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ต้องทุ่มเทสุดชีวิตสักตั้งแล้ว!”
……………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น