Snow Eagle Lord ภาค 28 ตอนที่ 5-6
ตอนที่ 5 วัตถุสิบอันดับแรก
โดย
Ink Stone_Fantasy
บรรพชนเทียนอวี๋มองดูตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วแย้มยิ้มออกมาในทันใด “ตอนนี้เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปที่ชายขอบของห้วงอากาศหรอก ที่นั่นอันตรายเกินไป โดยทั่วไปล้วนเป็นผู้ที่พลังยุทธ์ไปถึงจุดคอขวด หรือไม่ก็เป็นผู้ที่ต้องการจะเคี่ยวกรำตนเอง จึงจะยอมไปเสี่ยงอันตราย และการต่อสู้กับฝูงมารผลาญทำลายก็มีข้อดีอยู่ ยามที่สังหารฝูงมารผลาญทำลาย พวกเขาก็สามารถปล่อยพลังพิเศษออกมา เป็นพลังที่ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับวิญญาณของพวกเราอย่างสิ้นเชิง พอดูดซับเข้าไปแล้วกลับมีส่วนช่วยส่งเสริมวิญญาณ ความรู้สึกที่พิเศษเช่นนั้นก็มีส่วนคล้ายกับการได้ดูดซับศิลาปฐมโลกา”
“ดูดซับศิลาปฐมโลกาหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจ
ศิลาปฐมโลกาคือแหล่งรวบรวมพลังงานที่กระจัดกระจายไปหลังการแตกสลายของโลกทิพย์โบราณดั้งเดิม ช่างน่าอัศจรรย์อีกทั้งยังล้ำค่าหาใดเปรียบ ล้วนมีประโยชน์ต่อเทพจักรวาลทุกคน
“ถูกต้อง ถึงแม้จะดูเหมือนว่ามีคุณลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่กลับมีประโยชน์ต่อวิญญาณเฉกเช่นเดียวกัน” บรรพชนเทียนอวี๋พูด “ฝูงมารผลาญทำลายที่ยิ่งแข็งแกร่ง หลังจากที่ฆ่าตายไปแล้วก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อวิญญาณมากยิ่งขึ้น! ส่วนอีกทางหนึ่งนั้น วัสดุบนร่างของฝูงมารผลาญทำลายล้วนเป็นวัสดุล้ำค่ายากพบเห็น มีราคาสูงเป็นที่สุด ‘เชิงฉวิน’ สิ่งล้ำค่าที่สุดในงานประมูลเชิงฉวินที่เจ้าไปเข้าร่วมมาก่อนหน้านี้ก็คือผิวหนังบนร่างกายของฝูงมารผลาญทำลายชั้นที่เก้าคนหนึ่ง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ฝูงมารผลาญทำลายคืออันตรายอย่างใหญ่หลวง ทว่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่ล้ำค่าด้วยกันทั้งสิ้น! แต่ก็ต้องมีชีวิตรอดไปฉวยคว้าเอาสิ่งล้ำค่ามา ถึงอย่างไรการไล่สังหารระหว่างสองฝ่าย เมื่อไม่ระมัดระวังก็จะเป็นฝ่ายตนที่สู้จนตัวตาย
“ดังนั้นจึงต้องผ่านชั้นที่ห้าก่อนจึงจะให้พวกเจ้ารู้ได้ ก็เพราะกังวลว่าผู้ที่พลังยุทธ์อ่อนแอบางคนจะไปต่อสู้ที่ชายขอบของห้วงอากาศเช่นเดิม พลังยุทธ์อ่อนแอแล้วไปสู้ก็คือส่งตัวเองไปตายแล้ว!” บรรพชนเทียนอวี๋ส่ายศีรษะ “ถึงแม้ว่าเจดีย์ดาวจะมีฝูงมารผลาญทำลายที่พลังยุทธ์อ่อนแอเป็นที่สุดอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ที่ชายขอบของห้วงอากาศนั้น โดยทั่วไปแล้วฝูงมารผลาญทำลายที่อ่อนแอต่างก็สามารถร่วมมือกันได้”
“เจ้ายังเยาว์วัยนัก”
“ระยะเวลาในการบำเพ็ญช่างสั้นนัก ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ก็อย่าไปเลย” บรรพชนเทียนอวี๋พูด “บำเพ็ญให้ดีๆ ก่อนเถิด ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ค่อยไปหลังจากที่ได้เป็นขั้นอลวนแล้ว! ในเวลานั้นความเป็นไปได้ในการตายก็จะต่ำมากแล้ว”
“ข้าเข้าใจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำ
พูดเล่นแล้ว
เขาไม่มีความคิดที่จะไปเลยแม้แต่น้อยเป็นการชั่วคราว สถายที่แห่งนั้นอันตรายเกินไป ที่วังทวีสูญ พลังยุทธ์ชั้นที่ห้าจึงจะไปยังระดับชั้นที่มีพลังยุทธ์ต่ำสุดได้! ถึงแม้ว่าเขาจะมีความกระหายอยากที่จะท้าประลองและขัดเกลา แต่ว่าเขาก็ไม่คิดอยากตาย หากเขาตายไปแล้วภรรยาและบุตรชายบุตรสาวที่อยู่ที่จักรวาลภูมิลำเนาอันแสนไกลจะทำอย่างไรเล่า ตนเองยังอยากจะส่งวัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญกลับไปอยู่ ก่อนที่จะจัดการเรื่องภรรยาและบุตรชายบุตรสาวให้ดี… เขาก็ย่อมไม่คิดฝันถึงสถานที่ที่อันตรายเป็นที่สุดพรรค์นี้อยู่แล้ว!
“ท่านบรรพชน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก “ข้าอยากจะถามสักหน่อยว่าวัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญประเภทใดที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดสำหรับเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นหรือขอรับ”
มิใช่ว่าราคายิ่งสูงก็จะยิ่งดีเสมอไป
เพราะเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นค่อนข้างอ่อนแอกะจ้อยร่อย วิญญาณก็อ่อนแอเช่นกัน มีวัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญบางอย่างที่แกร่งเหลือคณา วิญญาณของเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นก็ยอมรับไม่ไหว หากใช้ไปก็รังแต่จะทำให้วิญญาณแหลกสลาย! ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องหาสิ่งที่อ่อนโยนมากพอ ที่เหมาะสมกับเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้น
“หืม เหมาะสมกับเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นอย่างนั้นหรือ” บรรพชนเทียนอวี๋ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า“สำหรับการมีส่วนช่วยนั้นหัวใจนิรันดร์และผลปฐมโลกาจะมีส่วนช่วยมากที่สุด แต่น่าเสียดายที่นั่นคือสมบัติอันมิอาจประเมินค่าได้ ข้าก็ยังมิอาจช่วยได้เลย! เช่นนี้ข้าก็จะส่งวัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญอื่นๆ สิบชนิดที่เหมาะสมที่สุดให้กับเจ้า แต่ว่าต่างก็มีราคาแพงทีเดียว”
“อืม”
ป้ายคำสั่งส่งสารของตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับข้อมูลชิ้นหนึ่งมาแล้ว
ชิ้นที่หนึ่ง หัวใจหลิวเมฆาแดง ราคาซื้อขายอยู่ที่ราวๆ หกพันศิลาปฐมโลกา
ชิ้นที่สอง นพรัตน์ทิพย์โบราณ ราคาซื้อขายอยู่ที่ราวๆ สามหมื่นห้าพันศิลาปฐมโลกาอนี่ก็คือสิ่งล้ำค่าที่จัดอยู่ในสิบอันดับแรก อันที่จริงโดยทั่วไปแล้วต่างก็เป็นสิ่งที่เทพจักรวาลใช้งาน การให้เทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นใช้นั้นก็ออกจะสิ้นเปลืองอยู่บ้าง
ชิ้นที่สาม ใบไม้บรรพชนเพลิงทราย ราคาซื้อขายอยู่ที่ราวๆ ห้าพันศิลาปฐมโลกา
……
ชิ้นที่สิบ หยากไย่ทองแมงมุมมารล้างผลาญ ส่วนหนึ่งมีราคาราวๆ สองพันศิลาปฐมโลกา
“แพงจริงๆ เสียด้วย”
หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอ่านจบแล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดัน สิ่งที่สามารถถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรกได้ ราคาถูกที่สุดก็คือสองพันศิลาปฐมโลกา
“หัวใจหลิวเมฆาแดง เป้าหมายแรกของข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเบาๆ เขาเองก็รู้ว่าแรงกดดันนั้นช่างใหญ่หลวง เพราะหากจะซื้อ เขาก็ต้องซื้อถึงสองชิ้น เช่นนั้นก็มากกว่าหมื่นศิลาปฐมโลกาเสียอีก! สำหรับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนก็แทบจะหมดสิ้นซึ่งสมบัติล้ำค่าแล้ว แน่นอนว่าผู้ที่ยืนอยู่ในขั้นสุดยอดของขั้นอลวนจำนวนหนึ่ง และผู้ที่เชี่ยวชาญในการเสาะหาศิลาปฐมโลกาอย่าง ‘บรรพชนทราย’ ก็ย่อมไม่ถูกจำกัดอยู่แล้ว
แต่สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงที่เป็นเพียงแค่ขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วก็ยังคงสูงส่งจนมิอาจเอื้อมถึงได้เช่นเดิม
ในช่วงนี้เขาก็ทำกำไรได้ไม่น้อย แต่เรื่องอย่างการซื้อขายวิชาโลกอนธการนี้ คาดว่าไม่มีใครเรียนอีกแล้ว นี่ยังต้องอาศัยประมุขตำหนักอลหม่านให้คอยช่วยเหลือ! สำหรับการทำลายฐานที่มั่นของสำนักทิพย์โบราณนั้น สามารถทำได้ครั้งหนึ่งก็นับได้ว่าตนเดินมาไกลแล้ว หลังจากที่สำนักทิพย์โบราณได้รับความสูญเสียแล้วก็ต้องยิ่งเพิ่มความระแวดระวังอย่างแน่นอน ความยากในการหาฐานที่มั่นของพวกเขาให้พบก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้น
“จะทำกำไรได้อย่างไรกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดัน อันที่จริงแล้วนี่คล้ายกับว่าเป็นแรงกดดันของผู้แกร่งกล้าทุกคน แม้กระทั่งเหล่าเทพจักรวาลผู้สูงส่งก็ไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อยที่มีศิลาปฐมโลกาเป็นจำนวนมาก! พวกเขาก็ปรารถนาจะใช้พลังของโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมเหล่านี้ และพวกเขาก็อยากที่จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับท่านอาจารย์กู่ฉีของตน… กระทั่งวิชาลับผู้ท่องก็ยังบำเพ็ญไปไม่ถึงความสมบูรณ์แบบสุดท้าย เทียบกับบรรพชนห้วงอากาศแล้วก็ยังมีความห่างชั้นอยู่บ้าง
“เป็นอย่างไรเล่า แพงมากใช่หรือไม่ มิสู้ไปหาพวกที่ราคาถูกสักหน่อยเล่า” ใบหน้าของบรรพชนเทียนอวี๋เจือรอยยิ้ม เขาเดาว่าตงป๋อเสวี่ยอิงยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ เกรงว่าคนในครอบครัวจะยังมีชีวิตอยู่อยู่ เกรงว่าการเสาะหาวัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญที่เหมาะสมกับเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นนี้ก็เพื่อคนในครอบครัว
“ท่านบรรพชน” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม “ก่อนหน้านี้ข้าซื้อต้นฉบับเพียงหนึ่งเดียวของศาสตร์ลับโลกอนธการนี้มา ได้ยินว่าวังทวีสูญก็อาจจะอยากซื้อเช่นกันหรือ”
“แน่นอน” บรรพชนเทียนอวี๋พยักหน้า “แต่เนื่องจากเคยซื้อไปแล้วครั้งหนึ่ง วังทวีสูญอาจจะซื้อด้วยแต้มความดีความชอบหนึ่งล้านห้าแสนแต้มเท่านั้น”
“หนึ่งล้านห้าแสนแต้มความดีความชอบหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบบ่นพึมพำ
น้อยเกินไป
ตนเองสังหารยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนหลายท่านที่ยืนอยู่บนจุดยอดสุดเหล่านั้น หนึ่งคนก็คือหนึ่งร้อยห้าสิบศิลาปฐมโลกา! แน่นอนว่าเรื่องดีๆ เช่นนี้กลัวว่าจะไม่มีอีกแล้ว
“ข้าขอไปคิดดูอีกทีก่อนแล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ไม่ต้องรีบร้อน เจ้าสามารถขายให้กับทางวังได้ตลอดเวลา ล้วนเป็นราคานี้ทั้งสิ้น” บรรพชนเทียนอวี๋พูด การเคลื่อนไหวภายในวังทวีสูญก็มีกฎอยู่เช่นเดียวกัน ไม่สามารถให้ราคาสูงตามใจชอบได้ เพราะแต้มความดีความชอบของพวกเขาก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นวัตถุล้ำค่าได้เป็นจำนวนมาก
“หยากไย่ทองแมงมุมมารล้างผลาญก็ไม่เลวเลย สำหรับเจ้าแล้วการจะได้มาสักส่วนหนึ่งนั้นก็นับได้ว่ามีแรงกดดันมหาศาลแล้ว” บรรพชนเทียนอวี๋พูดแล้วเงาร่างก็หายวับไปจากเจดีย์ดาว
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบสะเทือนใจ
หยากไย่ทองแมงมุมมารล้างผลาญนั้นเป็นสิ่งที่มีเก็บกักเอาไว้อยู่แล้ว เพราะนี่ก็คือวัตถุของฝูงมารผลาญทำลาย! ของอย่าง ‘หัวใจหลิวเมฆาแดง’ นั้นจำเป็นต้องเสาะหา หามาได้ยากเย็นเป็นที่สุด สำหรับราคานั้นล้วนเป็นราคาซื้อขายโดยประมาณในอดีต
“ต่อให้เป็นหยากไย่ทองแมงมุมมารล้างผลาญ สองส่วนก็ต้องใช้มากถึงสี่พันศิลาปฐมโลกา” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “ค่อยเป็นค่อยไปเถิด”
“ก่อนที่จะปักหลักพวกจิ้งชิวให้เข้าที่เข้าทาง…ก็ไม่สมควรไปเสี่ยงชีวิตที่ชายขอบของห้วงอากาศ”
“เช่นนั้นวิธีที่จะได้มาซึ่งศิลาปฐมโลกา ก็คือการต่อสู้กับสำนักทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเลือกดูภารกิจจำนวนมหาศาลภายในวังทวีสูญผ่านป้ายคำสั่งส่งสาร
ต่อสู้กับสำนักทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดา…
เรียกได้ว่าเป็นหัวข้อชั่วนิรันดร์!
ในประวัติศาสตร์ เทพจักรวาลตายไปมากที่สุดก็เพราะการต่อสู้กับสองสำนักใหญ่นี้
“โลกทิพย์โบราณและโลกจอมมารดา นั่นล้วนแล้วแต่เป็นที่มั่นของศัตรู หากไปก็เท่ากับส่งไปตาย! ที่นั่นอันตรายยิ่งกว่าชายขอบของห้วงอากาศเป็นสิบเท่าร้อยเท่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “และโลกทิพย์อื่นๆ อีกสามแห่งเป็นอาณาเขตของพวกเราทางนี้ สำนักทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดาต่างก็ลอบแทรกซึมเข้ามาในความมืดอย่างลับๆ เป็นการถูกกดดันโดยสมบูรณ์…ยากที่จะได้รับความดีความชอบมากๆ ทำลายฐานที่มั่นสักแห่งหนึ่ง ความดีความชอบก็แค่เท่านั้นเอง”
“ดังนั้นก็ยังไปที่อากาศอันสับสนอลหม่านดีกว่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ
อากาศอันสับสนอลหม่าน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีการควบคุมที่แน่นอน
“ที่นี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงจ้องมองขึ้นไปยังแผ่นดินขนาดใหญ่ที่สุดในอากาศอันสับสนอลหม่าน..
‘ดินแดนเก้าเมฆา’ อย่างรวดเร็ว
ดินแดนเก้าเมฆาคือชิ้นส่วนที่แตกสลายขนาดค่อนข้างใหญ่ชิ้นหนึ่งในยามที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลาย พื้นที่ของมันเท่ากับหนึ่งในยี่สิบส่วนของโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา! ต้องรู้ไว้ว่าความกว้างใหญ่ไพศาลของโลกทิพย์ทะเลสัตตดารานั้นเรียกได้ว่าไร้ซึ่งขอบเขต แม้จะเป็นหนึ่งในยี่สิบส่วน ‘ดินแดนเก้าเมฆา’ แห่งนี้ก็ยังใหญ่โตเหลือแสน สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในนั้นก็มีมากมายเหลือคณานับ เป็นสถานที่ที่สำนักทิพย์โบราณกับลัทธิจอมมารดาและมหาโลกทิพย์อื่นๆ อีกสามแห่งต่อสู้กันอย่างรุนแรงที่สุด
ต่อสู้กันอย่างรุนแรงก็ย่อมมีโอกาสทำแต้มความดีความชอบได้มากกว่ามาก!
ถ้าหากวันใด…สามารถทำลายล้างสองสำนักใหญ่อื่นๆ ในดินแดนเก้าเมฆาได้หมดสิ้น ไม่ต้องพูดถึงหัวใจหลิวเมฆาแดงเลย แม้แต่ ‘หัวใจนิรันดร์’ เกรงว่าบรรพชนทิพย์ก็ยังอยากจะหลอมให้เสียด้วยซ้ำ!
……………………………………………..
ตอนที่ 6 ก่อนการเดินทางไกล
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในบรรดาสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดก็มีผู้ที่มิปรารถนาจะต่อสู้กับสองขุมอำนาจใหญ่ ดังเช่นประมุขหอหมื่นโลกา โดยปกติแล้วพวกเขาหลายคนต่างก็อาศัยอยู่ในอากาศอันสับสนอลหม่าน เพราะยามที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลายตอนนั้น มีชิ้นส่วนบางชิ้นที่แตกสลาย มีแผ่นดินบางพวกของโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมที่พิเศษเป็นที่สุดมิได้ถูกล้างผลาญไปในการระเบิด ล่องลอยไปยังอากาศอันสับสนอลหม่าน ดังนั้นท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านที่แสนเวิ้งว้าง นอกจากแผ่นดินธรรมดาและจักรวาลแล้วก็ยังมีแผ่นดินที่แปลกประหลาดอยู่ด้วย ทั้งยังมีเทพจักรวาลที่ยินดีจะอยู่อาศัยในระยะยาวอีกด้วย
ดินแดนเก้าเมฆาเป็นชิ้นส่วนที่แตกสลายของโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมที่ใหญ่ที่สุดนอกเหนือจาก ‘โลกทิพย์โบราณ’ ทั้งยังมีเทพจักรวาล ‘บรรพชนกฎฉุนอี’ อาศัยอยู่คนหนึ่งด้วย
ถึงแม้ว่าบรรพชนกฎฉุนอีจะอาศัยอยู่แต่ค่อนข้างจะสันโดษ ไม่เข้าร่วมการต่อสู้กับสองขุมอำนาจใหญ่
บวกกับการที่สิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดมีจำนวนน้อยเกินไป ถ้าไม่ต้องการนั่งประจำอยู่ที่โลกทิพย์ก็ต้องการไปนั่งประจำอยู่ที่ชายขอบของห้วงอากาศ มีเพียง ‘ดินแดนเก้าเมฆา’ ที่มีขนาดหนึ่งในยี่สิบส่วนของโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา บุคคลผู้อยู่ในระดับสูงสุดของสองขุมอำนาจใหญ่ก็เป็นขั้นอลวนเช่นกัน! ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงที่เป็นผู้อาวุโสตำหนักในมีสมบัติล้ำค่าคุ้มกายอยู่ พอกระตุ้นขึ้นมาแล้วหากเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนก็สามารถต้านทานเอาไว้ได้เป็นระยะเวลาพอสมควร
เพียงแค่ระมัดระวังสักหน่อย ดินแดนเก้าเมฆาก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมให้ตนไปต่อสู้มากกว่า!
“แต่กลเม็ดของข้ามีน้อยเกินไป มีเพียงแค่ ‘ฟองอากาศอนธการ’ กระบวนท่านี้เท่านั้น นอกจากนี้พอใช้ออกมาแล้ว ศัตรูก็จะล่วงรู้ถึงตัวตนของข้าได้ในทันที” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ เพราะในเรื่องของการลอบสังหารก็มีเงาของผู้แกร่งกล้าของสำนักทิพย์โบราณอยู่จางๆ คู่ต่อสู้ก็สามารถตรวจดูสถานการณ์การต่อสู้ในเวลานั้นได้อย่างง่ายดาย รู้ถึงเคล็ดวิชา ‘ฟองอากาศอนธการ’ ของตน
ถ้าหากมีผู้แกร่งกล้าสักคนหนึ่งไปที่หอหมื่นโลกาแล้วเชิญมือสังหารมาจัดการตนจริงๆ!
เช่นนั้นหากตนอยู่อย่างเปิดเผยที่ดินแดนเก้าเมฆา ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะดึงดูดผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนของสำนักทิพย์โบราณมาบุกโจมตี
“ไม่เปิดเผยจะเป็นการดีที่สุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดใคร่ครวญ หากประสบอันตรายในโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา ร่างแปรของพวกบรรพชนเทียนอวี๋และจอมกระบี่ต่างก็สามารถมาเยือนได้ในทันที แต่ที่ดินแดนเก้าเมฆาอันห่างไกล…นั่นคืออยู่ที่ส่วนลึกของอากาศอันสับสนอลหม่าน หากจะมาก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
“ไปลองบุกชั้นที่หกดูดีกว่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วบินไปยังชั้นที่หกที่อยู่สูงกว่า ตามหลุมอากาศที่อยู่ในท้องฟ้าเบื้องบน
ชั้นที่หกของเจดีย์ดาวคือทะเลทรายอันเวิ้งว้างผืนหนึ่ง กลางทะเลทรายมีพืชสีเขียวที่มีพลังชีวิตอันแข็งแกร่งกระจัดกระจายอยู่ และทันใดนั้นกลางทะเลทรายก็มีลำแสงสีแดงโลหิตพรั่งพรูออกมา ลำแสงสีแดงโลหิตรวมตัวกันกลายเป็นหญิงสาวทรงเสน่ห์สวมชุดเกราะสีแดงโลหิตคนหนึ่ง
“มีคนเดียวอีกแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
ชั้นที่สี่ ชั้นที่ห้า ชั้นที่หกต่างก็มีศัตรูในชุดเกราะสีแดงโลหิตอยู่เพียงคนเดียว แต่หลังจากที่สนทนากับบรรพชนเทียนอวี๋แล้ว เขาก็รู้ว่าพลังยุทธ์ของฝูงมารผลาญทำลายนั้นสูงต่ำไม่เท่ากัน ตั้งแต่ชั้นที่หนึ่งของเจดีย์ดาวไปจนถึงชั้นเทพจักรวาลล้วนมีทั้งสิ้น!
“เจ้าเด็กขั้นรวมเป็นหนึ่งหรือ” หญิงสาวทรงเสน่ห์ในชุดเกราะสีแดงโลหิตหัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่ง ทันใดนั้นกลิ่นอายสีชมพูชวนหลงใหลอันทรงพลังก็แผ่กำจายออกมา แทบจะเอ่อท่วมทั้งชั้นที่หกของเจดีย์ดาวนี้ในทันที พลังชีวิตของพืชสีเขียวทั่วทั้งทะเลทรายยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้วเหี่ยวแห้งไปจนหมดสิ้นในทันใด กลิ่นอายสีชมพูนี้ก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม
ถึงแม้ว่าอาณาเขตกฎเกณฑ์จะต้านทานเอาไว้ได้ แต่ก็ค่อนข้างกินแรงอย่างเห็นได้ชัด
“พรึ่บ” หญิงสาวทรงเสน่ห์ในชุดเกราะสีแดงโลหิตแย้มยิ้มแล้วเงาร่างก็แบ่งออกเป็นเก้าคน เงาร่างนั้นแปรเปลี่ยนเป็นภาพมายาแล้วกะพริบวาบคราหนึ่งก็เจาะเข้ามาในอาณาเขตกฎเกณฑ์ของตงป๋อเสวี่ยอิง เงาร่างสีแดงโลหิตเก้าร่างพุ่งเข้ามาในเวลาเดียวกัน
……
การต่อสู้พ่ายแพ้อย่างรวดเร็วยิ่ง
ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงยากจะแยกแยะร่างจริงของศัตรูได้ แต่ก็สำแดงฟองอากาศอนธการหกฟอง ฟองอากาศอนธการที่มีอยู่ห่อหุ้มเงาร่างของศัตรูเอาไว้สองร่างพร้อมๆ กัน ก็ย่อมสามารถโจมตีได้ในคราวเดียว ฉับพลันนั้นก็ผลาญทำลายร่างแปรร่างอื่นๆ อีกแปดร่างของศัตรู แต่ร่างจริงที่เหลืออยู่ถูกโจมตีด้วยฟองอากาศอนธการเพียงแค่ฟองเดียว ไม่มีแม้กระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังบุกสังหารมาถึงข้างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงอีกด้วย
ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้มีความมั่นใจในการเคลื่อนที่ในพริบตาของตนแล้วกระตุ้นสมบัติล้ำค่าคุ้มกาย ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว!
ไร้ซึ่งหนทางแล้ว
ศาสตร์ลับโลกอนธการก็เป็นเช่นนี้ โดยทั่วไปแล้วศัตรูยังอยู่ห่างไกลก็สามารถสังหารได้แล้ว แต่ถ้าหากศัตรูเข้าประชิดตัว ฝ่ายตนก็เกือบจะพ่ายแพ้อยู่แล้ว
……
เหินทะยานออกจากเจดีย์ดาว
“ควรจะบำเพ็ญให้ดีๆ ทำให้ด้านอื่นๆ ยกระดับขึ้นมาโดยเร็ว ถ้าหากไปยังดินแดนเก้าเมฆาโดยมีเพียงแค่กระบวนท่านี้ก็น่าอนาถเกินไป นอกจากนี้กระบวนท่านี้ก็ยังระบุตัวตนมากเกินไปด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ อย่างเช่นสิบสามกระบี่ผลาญโลกาต่างก็สามารถเปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชาการต่อสู้ประชิดตัวได้หลายชนิด ย่อมมีความยากในการระบุตัวตน แต่ ‘ฟองอากาศอนธการ’ นั้นมองเพียงปราดเดียวก็ดูออกแล้ว!
******
วันต่อๆ มา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้รีบร้อน เขาพลิกอ่านตำราอยู่ที่ตำหนักหมื่นรูปอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนที่อ่านแล้วจดบันทึกเอาไว้ แต่การอ่านต้นฉบับนั้นไม่เหมือนกัน ต้นฉบับมีร่องรอยที่ผู้แกร่งกล้าบันทึกเอาไว้ด้วยตนเอง เหมาะสมที่จะรับประสบการณ์ยิ่งกว่า เขาก็สนทนากับเหล่าผู้อาวุโสตำหนักในจำนวนหนึ่งอยู่เป็นครั้งคราว แม้กระทั่งเรียนรู้จากการประลอง
หลังจากที่ผ่านเจดีย์ดาวมาสองพันกว่าปี หลังจากที่เตรียมตัวเป็นอย่างดีแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าไปปลีกวิเวกบำเพ็ญในตำหนักกาลเวลาอีกครั้ง
ขั้นรวมเป็นหนึ่งในตำหนักกาลเวลา ราคาก็สูงขึ้นเป็นอย่างมาก เร่งความเร็วร้อยเท่าเป็นเวลาหนึ่งร้อยล้านปี ก็จำเป็นต้องใช้ยี่สิบห้าก้อนศิลาปฐมโลกาเต็มๆ เคราะห์ดีที่สามารถใช้สองแสนห้าหมื่นแต้มความดีความชอบได้ เมื่อเทียบกันแล้วใช้แต้มความดีความชอบจะคุ้มค่ากว่า เห็นได้ชัดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงค่อนข้างจะให้ความสนใจกับสิ่งนี้ เขาต้องอดออมศิลาปฐมโลกาเอาไว้ เพราะถึงอย่างไร ‘หัวใจหลิวเมฆาแดง’ ก็เป็นเป้าหมายที่สูงส่งยิ่งนัก
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง วิญญาณก็แข็งแกร่งกว่าตอนเป็นขั้นกำเนิดอยู่มากโข การหยั่งรู้วิชาลับผู้ท่องก็รวดเร็วเป็นที่สุด ตอนแรกที่เข้าสู่ตำหนักกาลเวลา จุดประสงค์หลักของตงป๋อเสวี่ยอิงก็คือการบำเพ็ญวิชาลับผู้ท่อง
เพราะตอนนั้นที่ ‘ห้องเงียบไม้หอมชีหยา’ ของเมืองวารีสวรรค์ เขาก็บำเพ็ญวิชาลับผู้ท่องไปจนห่างจากการบรรลุเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งหมดเป็นเหมือนกับที่คาดการณ์เอาไว้ บำเพ็ญภายในตำหนักกาลเวลาเพียงแค่หกหมื่นหกพันปีก็บรรลุวิชาลับผู้ท่องไปถึงขั้นที่สามสิบเอ็ด! ระบบผู้ท่องอากาศก็เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งอย่างเป็นทางการ
“ปัง…”
ภายในตำหนักกาลเวลา บนดาวเคราะห์ที่มีผืนหญ้าเขียวขจี ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้า บนผิวกายมีพลังของอากาศอันสับสนอลหม่านสีดำสนิทอยู่ชั้นหนึ่ง ร่างกายของเขากำลังเกิดการแปรสภาพ ก้าวเข้าสู่ระดับขั้นใหญ่อีกขั้นหนึ่ง
“การก้าวข้ามระดับขั้นนั้นไม่เหมือนกันจริงๆ เสียด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงอ้าปากกว้างแล้วพ่นเอาแสงรุ้งหลากสีสายหนึ่งออกมา หลังจากพ่นออกมาแล้วแสงรุ้งหลากสีก็เริ่มกระจัดกระจายไป
“ตอนนี้สงบจิตสงบใจหยั่งรู้ความเร้นลับของกฎเกณฑ์เถิด”
ด้วยเหตุนี้จึงต้องยกระดับระบบผู้ท่องอากาศก่อน หนึ่งก็เพื่อเข้าใกล้การบรรลุ สองก็เพราะการแปรสภาพของลำดับขั้นระบบนี้ก็มีประโยชน์ต่อวิญญาณด้วย ความแกร่งกล้าของวิญญาณก็ทำให้การบำเพ็ญยิ่งรวดเร็วขึ้นด้วย
ตงป๋อเสวี่ยอิงมีความเชื่อมั่นในตนเองเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าวิถีเข่นฆ่าและวิถีระลอกคลื่นของตนอาจจะอ่อนแอกว่าทางด้านวิถีโลกเทียมอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ต้องการให้ทั้งสองด้านนี้ไปถึงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาว เพียงแค่สิ้นเปลืองเวลาสักเล็กน้อยก็มิใช่เรื่องยาก! ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ตนอาศัยวิชาสิบสามกระบี่ผลาญโลกาก็สามารถผ่านชั้นที่สามได้โดยเป็นเพียงแค่ขั้นกำเนิดมาแล้ว
……
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ทุกหนึ่งร้อยล้านปีวังทวีสูญจะรับศิษย์ที่เมืองอลหม่านสิบสองแห่งครั้งหนึ่ง หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวกไปเกือบเก้าสิบล้านปี ศิษย์ใหม่กลุ่มหนึ่งก็มาถึง
“วังทวีสูญ”
เหล่าศิษย์เทพแท้กลุ่มหนึ่งมองดูยอดเขาแขวนลอยแห่งแล้วแห่งเล่าที่อยู่ไกลออกไปอย่างตกตะลึงอยู่บ้าง โดยเฉพาะวังอันสูงตระหง่านที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินตรงกลางแห่งนั้น รัศมีของวังพร่างพรายไปทั่วห้วงมิติ รัศมีนั้นระยิบระยับอยู่บนร่างของบรรดาศิษย์เทพแท้เหล่านี้ ทำให้ในใจของพวกเขาแต่ละคนยิ่งทวีความตึงเครียดและตื่นเต้น
มาแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็เข้ามาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ‘วังทวีสูญ’ ได้สำเร็จ! อยากจะเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นยากเย็นสักเพียงใด พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงส่งเป็นที่สุด ทั้งยังผ่านประสบการณ์การทดสอบอันหนักหน่วงมาแล้ว
“พวกเจ้าเพิ่งเข้ามาในวัง มิอาจก่อความวุ่นวายได้ มีสถานที่บางแห่งที่เป็นที่พำนักของศิษย์อาภรณ์ม่วง มีบางส่วนเป็นของศิษย์อาภรณ์ทอง หรือแม้กระทั่งเป็นสถานที่ที่ผู้อาวุโสตำหนักในและเหล่าประมุขตำหนักอาศัยอยู่ หากบุกรุกก็จะได้รับโทษสถานหนัก” ผู้อาวุโสตำหนักนอกคนหนึ่งที่นำทางอยู่พูดขึ้น“ทุกคนตามข้ามา”
ในบรรดาศิษย์กลุ่มใหญ่นี้ก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาจากเมืองวารีสวรรค์ด้วย… เหลยเฉินและชิงรั่วนั่นเอง
“มิทราบว่าผู้อาวุโสตงป๋ออาศัยอยู่ที่ใดหรือขอรับ” เหลยเฉินผู้ค่อนข้างแข็งแรงบึกบึนพูด พวกเขาสองสามีภรรยาต่างก็ผ่านการทดสอบเข้าเป็นศิษย์ที่ธรรมดาที่สุดคนหนึ่งภายใต้สำนักวังทวีสูญมาได้อย่างทุลักทุเล
“ผู้อาวุโสตงป๋อ พวกเจ้ารู้จักกับผู้อาวุโสตงป๋อหรือ” ด้านข้างมีศิษย์เทพแท้ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
“ผู้อาวุโสตงป๋อมีพระคุณต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่ง” เหลยเฉินและชิงรั่วพูด
“พวกเจ้าช่างโชคดีเสียจริงที่รู้จักกับผู้อาวุโสตงป๋อได้” ศิษย์เทพแท้ผู้นี้เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสตงป๋อก็คือผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญ หลังจากได้เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วก็บุกผ่านชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาวได้ในทันที ความร้ายกาจของพรสวรรค์นั้น… เกรงว่าในอนาคตน่าจะได้เป็นประมุขตำหนักท่านหนึ่งของวังทวีสูญของเรา เป้าหมายของข้า เหยียนเฉียง ก็คือการสามารถเป็นบุคคลเช่นผู้อาวุโสตงป๋อผู้นี้ได้”
“ยังกล้าพูดออกมาอีก”
“ช่างอวดดีเสียจริง”
ศิษย์เทพแท้กลุ่มนี้จำนวนไม่น้อยต่างก็มีภูมิหลังอยู่พอสมควร ถึงอย่างไรผู้ที่มีภูมิหลังที่ดีก็มีสภาพแวดล้อมในการบำเพ็ญที่ดี จึงยิ่งมีความหวังในการผ่านการทดสอบของวังทวีสูญ มีผู้ที่มีภูมิหลังบางส่วนต่างก็เคยได้ยินเกี่ยวกับผู้อาวุโสตงป๋อผู้ร้ายกาจหาใดเทียมผู้นั้นมาก่อนอยู่เป็นจำนวนมาก! มีจำนวนไม่น้อยที่ในใจแอบคาดหวังว่า…ตนเองจะสามารถเปล่งประกายโดดเด่นจับตาได้เช่นเดียวกับผู้อาวุโสตงป๋อ
แต่ส่วนมากล้วนคิดอยู่ภายในใจ หากพูดออกมาตรงๆ ในที่สาธารณะก็รังแต่จะถูกผู้คนหัวเราะเยาะ
ถึงอย่างไรตั้งแต่สถาปนาวังทวีสูญขึ้นมาจนกระทั่งบัดนี้ ผู้ที่ร้ายกาจดังเช่นผู้อาวุโสตงป๋อผู้นี้ก็มีน้อยนิดจนสามารถนับนิ้วได้
หลังจากที่เหลยเฉินและชิงรั่วสองสามีภรรยาพำนักอยู่ภายใต้ชายคาวังทวีสูญแล้วก็เคยไปเยี่ยมคารวะตงป๋อเสวี่ยอิง น่าเสียดายที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเก็บตัวปลีกวิเวกมาโดยตลอด!
……
การปลีกวิเวกในครั้งนี้เป็นครั้งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเก็บตัวยาวนานที่สุด
หนึ่งร้อยแปดสิบล้านปีเต็มๆ นี้คือเวลาของโลกภายนอก แต่ภายในตำหนักกาลเวลานั้นตงป๋อเสวี่ยอิงได้บำเพ็ญไปถึงหนึ่งหมื่นแปดพันล้านปีเต็มแล้ว ก็เพราะคราวนี้ต้องเดินทางไกล มุ่งหน้าไปยังดินแดนเก้าเมฆาที่ค่อนข้างห่างไกลในอากาศอันสับสนอลหม่าน! จึงย่อมต้องเตรียมพร้อมในทุกด้านอย่างเต็มที่ จนติดอยู่ในจุดคอขวดอย่างใกล้จนมิอาจใกล้ได้อีกเป็นการชั่วคราวแล้วเขาจึงเลือกที่จะออกจากการปลีกวิเวก
พรึ่บ
นอกประตูตำหนักกาลเวลา ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวตลอดร่างปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
…………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น