Snow Eagle Lord ภาค 28 ตอนที่ 1-2

 ภาคที่ 28 จิตข้าคือจิตฟ้า ตอนที่ 1 แปลกใจ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ศัตรูจะเป็นผู้ใดไปได้เล่า” บรรพชนเทียนอวี๋และจอมกระบี่ต่างก็ขมวดคิ้ว


เมื่อมีประมุขหอหมื่นโลกาขัดขวางอยู่ เคล็ดลับทั้งหมดล้วนยากจะตรวจสอบตัวตนของศัตรูได้ แม้พวกเขาจะเห็นประมุขหอหมื่นโลกาขัดหูขัดตาเป็นอันมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้


ประมุขหอหมื่นโลกา…


น่าจะเป็นผู้ที่มีความสามารถในการรักษาชีวิตเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาเทพจักรวาลทั้งหลายอย่างอย่างไร้ข้อกังขา สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือศาสตร์ร่างแยก! เป็นร่างแยก ซึ่งมิใช่ร่างแปร ต้องรู้ไว้ว่าไม่ว่าจะเป็นขั้นอลวนหรือเทพจักรวาล โดยทั่วไปก็ล้วนมีร่างจริงเป็นร่างเดียวเท่านั้น! อย่างมากที่สุดก็แค่สามารถฝึกฝนร่างแปรออกมาได้บ้างเท่านั้น ร่างแปรสลายไปนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่หากร่างจริงถูกทำลายขึ้นมา เช่นนั้นก็ต้องตัวตายไปจริงๆ แล้ว!


รวมไปถึงผู้ที่จัดอยู่ในอันดับแรกสุดของบรรดาสิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดอย่างจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ จอมมารดาและพวกบรรพชนทิพย์ ล้วนแต่มีร่างจริงเพียงร่างเดียวเท่านั้น!


แต่ ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ นั้นเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาสิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดทั้งหมด!


แต่ละร่างแยกของเขาล้วนเป็นร่างจริงทั้งสิ้น! และเท่าที่ทราบกัน ร่างแยกของเขาก็มีหลายพันร่างแล้ว แต่ละร่างกระจายตัวกันอยู่ในโลกทิพย์ทั้งห้า และหอหมื่นโลกาแห่งต่างๆ ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่าน


ขอเพียงมีร่างแยกสักร่างที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ไม่มีทางสังหารประมุขหอหมื่นโลกาได้ไปตลอดกาล!


ดังนั้นแม้เขาจะสร้าง ‘หอหมื่นโลกา’ ขึ้นมาด้วยความโอหังเป็นอย่างมาก เรื่องราวทำนองเดียวกับที่ลอบสังหารตงป๋อเสวี่ยอิงในครั้งนี้เกิดขึ้นมากมาย และได้ล่วงเกินขุมอำนาจต่างๆ ไปเป็นจำนวนมาก ทว่าแต่ละฝ่ายล้วนทำได้เพียงข่มกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ เนื่องจากประมุขหอหมื่นโลกาเป็นคนสันโดษที่อยู่เพียงลำพัง มิได้สร้างสำนักขึ้นมาแต่อย่างใด แม้แต่หอหมื่นโลกาแต่ละแห่งก็ยังมีร่างแยกของเขาเองดูแลรับผิดชอบ


ฆ่าก็ฆ่าไม่ตาย…


ทั้งยังไม่มีคนต้องให้เป็นห่วง…


พลังก็แข็งแกร่ง ร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนว่องไวดุจภูติผีปีศาจ! ขุมอำนาจทั้งหลายยอมที่จะสู้กับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เสียยังดีกว่าต้องสู้กับประมุขหอหมื่นโลกา ดังนั้นสถานะของประมุขหอหมื่นโลกาจึงพิเศษเช่นนี้เอง


“ตงป๋อ ตัวเจ้าเองพอจะเดาได้หรือไม่ว่าศัตรูเป็นผู้ใดกัน” จอมมารซึ่งอยู่ท่ามกลางประมุขตำหนักทั้งหลายถามขึ้น “สามารถทุ่มเทไปมากมายถึงเพียงนี้เพื่อเชื้อเชิญหอหมื่นโลกา ต้องมีความเป็นมาไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”


ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เอ่ยด้วยความสงสัยว่า “หลังข้าจากจักรวาลบ้านเกิดมา ระหว่างทางก็ได้ไปยั่วโมโหเจ้าสำนักสวรรค์กันแสงเข้า”


“เขามิกล้าหรอก บรรพชนกู่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน” จอมมารโพล่งขึ้นมา


“ต่อจากนี้ข้าจะเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในวังทวีสูญ จากนั้นค่อยไปยังเมืองวารีสวรรค์เพื่อทำลายฐานที่มั่นแห่งหนึ่งของลัทธิทิพย์โบราณ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางครุ่นคิด “ข้ามาถึงโลกทิพย์เป็นช่วงเวลาสั้นมาก ศัตรูคู่แค้นก็มีน้อยยิ่งนัก ในบรรดาสมาชิกลัทธิทิพย์โบราณที่ข้าสังหารไปตอนนั้น มีอยู่คนหนึ่งที่สถานะออกจะพิเศษอยู่บ้าง เขาเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งทั่วไปคนหนึ่ง แต่กลับมีสัตว์ประหลาดขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดตนหนึ่งติดสอยห้อยตามอยู่ นอกจากนี้สมบัติล้ำค่าที่ติดตัวเขาก็มีมากที่สุดอีกด้วย”


ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางโบกมือคราหนึ่ง กลางอากาศมีรูปร่างหน้าตาของทูตทิพย์ชืออวิ๋นบุรุษอาภรณ์ดำปรากฏขึ้น


เนื่องจากมีคู่แค้นน้อยมาก เมื่อห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงครุ่นคิดรอบหนึ่ง ก็นึกถึงทูตทิพย์ชืออวิ๋นบุรุษอาภรณ์ดำผู้นั้นขึ้นมา


“สมาชิกลัทธิทิพย์โบราณหรือ”


“ขั้นรวมเป็นหนึ่งทั่วไปคนหนึ่งกลับมีขั้นรวมเป็นหนึ่งสัตว์ประหลาดขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดตนหนึ่งคอยติดตามอย่างนั้นหรือ”


บรรดาสมาชิกชั้นสูงของวังทวีสูญคาดเดากันไป


“ความเป็นมาจองเขาอาจจะพิเศษก็เป็นได้” บรรพชนเทียนอวี๋ส่ายศีรษะ “น่าเสียดายที่พวกเรามิอาจตรวจสอบโลกทิพย์โบราณได้เลย”


โลกทิพย์โบราณคือสถานที่ต้องห้ามของขุมอำนาจหลายแห่ง


ผู้บำเพ็ญในโลกทิพย์โบราณทั้งหมดล้วนนับถือจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ รัศมีของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ส่องสะท้อนไปทั่วทุกหนแห่งของโลกทิพย์โบราณ สถานการณ์ต่างๆ ภายในโลกทิพย์โบราณ เช่นความสัมพันธ์ระหว่างผู้แกร่งกล้าบางคนในนั้น หากมิใช่สิ่งที่รู้กันทั่ว ก็มิอาจตรวจสอบได้


แม้แต่เทพจักรวาลก็ยังมิกล้าบุกรุกตามอำเภอใจ เมื่อเข้าไปจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็จะพบทันที ด้วยพลังที่ไร้ศัตรูของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เทพจักรวาลเข้าไปก็เหมือนเอาชีวิตไปมอบให้!


“บัดนี้พลังของตงป๋อเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก คิดจะลอบสังหารนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก” จอมมารกล่าว “ต่อให้เป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็แล้วกันไปก่อนชั่วคราวเถิด นับแต่นี้ไปตงป๋อระวังลัทธิทิพย์โบราณให้มากหน่อยก็ใช้ได้แล้ว”


“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า


เมื่อเดาได้ว่าศัตรูเป็นคนของทางลัทธิทิพย์โบราณ ก็ไม่มีอะไรน่าพูดอีกแล้ว


เพราะแต่ไหนแต่ไรวังทวีสูญกับลัทธิทิพย์โบราณก็เป็นศัตรูที่อาฆาตกันมาอยู่แล้ว ทั้งสองฝ่ายล้วนหวังให้อีกฝั่งหนึ่งพินาศไป หากมีโอกาสก็ไม่มีทางอ่อนข้อให้เป็นแน่ แต่ลัทธิทิพย์โบราณก็ระมัดระวังมาก จะสังหารขั้นอลวนของลัทธิทิพย์โบราณสักคนหนึ่งก็ยากเกินไปแล้วจริงๆ


……


หลังงานสังสรรค์ แต่ละคนก็พากันจากตำหนักทวีสูญไป


หลังจากไป


“ผู้อาวุโสตงป๋อ” ชายชราผมดำคนหนึ่งบินเข้ามา


ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า “ประมุขตำหนักอลหม่าน!” ผู้มีพลังสูงส่งลึกล้ำเกินหยั่งท่านนี้ แม้จะมิได้เปิดเผยข้อมูล แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พอจะคาดเดาจากการประเมินของท่านอาจารย์กู่ฉีได้ว่าเขาน่าจะผ่านชั้นที่เก้าซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของเจดีย์ดาวได้ตั้งนานแล้ว


“มีเรื่องหนึ่งต้องขอให้ผู้อาวุโสตงป๋อช่วยเหลือ” ชายชราผมดำกล่าว


“มีเรื่องอันใด ขอเชิญประมุขตำหนักบอกมาให้เต็มที่เถิดขอรับ เรื่อที่ข้าสามารถทำได้ จะต้องทำให้สุดกำลังอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว


ชายชราผมดำพยักหน้าเบาๆ “ข้าออกจะสนใจโลกอนธการอยู่บ้าง พอจะให้ข้าชมเสียหน่อยได้หรือไม่ แน่นอนว่าข้าทราบว่าเจ้าทุ่มเทไปไม่น้อยเพื่อซื้อมันมา ข้าจะออกแต้มความดีความชอบให้เจ้าสักหนึ่งล้านห้าแสนแต้ม ดีหรือไม่เล่า”


“ดีขอรับ ต้องดีแน่นอนอยู่แล้ว! ข้าบำเพ็ญมาเป็นระยะเวลาสั้นนัก สมบัติล้ำค่าแทบทั้งหมดถูกทุ่มไปกับศาสตร์ลับโลกอนธการนี้ หากได้แต้มความดีความชอบมาหนึ่งล้านห้าแสนแต้ม ข้าดีใจแทบไม่ทันเลยขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรีบพูดขึ้นทันที


ประมุขตำหนักอลหม่านแตกต่างกับบรรพชนเฉวียนโหมวผู้นั้น


บรรพชนเฉวียนโหมวเชี่ยวชาญด้านเขตลวง ปรารถนาศาสตร์ลับโลกอนธการอย่างแรงกล้า!


ส่วนประมุขตำหนักอลหม่านนั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเชี่ยวชาญด้านเขตลวง อาจจะแค่อยากดูด้วยความสนใจเล็กน้อยก็เท่านั้น เพียงแค่เพราะพลังของเขาสูงส่งกว่าพวกบรรพชนเฉวียนโหมวและผู้วิเศษหวั่งหมิงมากมายยิ่งนัก แม้แต่จอมมารก็ยังห่างชั้นลิบลับ สมบัติล้ำค่าที่มีอยู่ก็มากมายยิ่งนัก จึงย่อมคร้านที่จะเอาเปรียบตงป๋อเสวี่ยอิง แต้มความดีความชอบล้านกว่าแต้ม…สำหรับประมุขตำหนักอลหม่านแล้ว สบายนัก


“ดี” ชายชราผมดำพยักหน้ายิ้มๆ ขณะเดียวกันป้ายคำสั่งส่งสารของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้รับสาร แต้มความดีความชอบเพิ่มขึ้นหนึ่งล้านห้าแสนแต้ม


ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตกใจในความตรงไปตรงมาของประมุขตำหนักอลหม่าน เขารีบนำเล่มคัมภีร์โลกอนธการออกมาทันที


ชายชราผมดำพลิกดูเล็กน้อย แล้วรับการถ่ายทอดอย่างรวดเร็ว


“น่าสนใจดีนี่”


ชายชราผมดำยิ้มแล้วยิ้มอีก “น่าเสียดายที่เจ้าหนุ่มประมุขโลกอนธการนี่ตายเร็วไปหน่อย ผู้อาวุโสตงป๋อ เจ้าสามารถฝึกได้สำเร็จรวดเร็วถึงเพียงนี้ก็ช่างหาได้ยากโดยแท้”


เขาสนใจศาสตร์ลับนี้อยู่บ้าง


เพราะตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าถึงได้รวดเร็วเกินไป ทำให้ประมุขตำหนักอลหม่านสนใจใคร่รู้มากยิ่งขึ้นว่า…ศาสตร์ลับที่สามารถบุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าได้นั้น จะฝึกสำเร็จได้รวดเร็วถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ดังนั้นเขาจึงอยากพลิกดูเสียหน่อย หากตงป๋อเสวี่ยอิงต้องใช้เวลาอันยาวนานเพื่อฝึกให้สำเร็จ เกรงว่าประมุขตำหนักอลหม่านก็คงไม่เกิดความสนใจขึ้นมาแล้ว


“หากข้าขัดเกลาเสียหน่อยอาจจะสร้างศาสตร์ลับสักวิชาหนึ่งขึ้นมาได้” ชายชราผมดำพูดยิ้มๆ ระดับขั้นนี้ของเขาเมื่อได้เห็นทิศทางการบำเพ็ญอันแปลกใหม่ต่างๆ ก็จะไปค้นคว้าและขัดเกลาหมายจะกระตุ้นตนเอง เพื่อก้าวข้ามขั้นนั้นไปให้ได้แล้วบรรลุถึงขั้นสุด! เพราะถึงอย่างไรเขาก็สามารถมองเห็น ‘ขั้นสุด’ ได้รางๆ แล้ว แต่กลับมิอาจบรรลุได้เสียที


“ประมุขตำหนักพอจะได้อะไรบ้างก็ดีแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว


“เรื่องที่เจ้าได้ศาสตร์ลับโลกอนธการมาแล้วฝึกสำเร็จภายในแสนปี คงไม่ต้องเก็บเป็นความลับกระมัง” ชายชราผมดำถาม “หากไม่ต้องเก็บเป็นความลับ ข้าก็สามารถช่วยเจ้าได้บ้าง ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้แกร่งกล้าบางคนที่ยินดีจะจ่ายเพื่อศึกษาโลกอนธการนี้สักครั้งก็เป็นได้”


“แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับหรอกขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว


ผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานขั้นรวมเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์มีตั้งมากมายก่ายกอง


ผู้ที่บุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่หกได้นั้นมีไม่น้อย แม้แต่ผ่านชั้นที่เจ็ดได้ก็ยังมี! บัดนี้ตนมีพลังเช่นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไป เพราะระดับขั้นเช่นทุกวันนี้ ร่างจริงของขั้นอลวนก็อย่าได้คิดที่จะลอบสังหารตนอย่างไร้สุ้มเสียง เพราะทันทีที่ตนรู้ตัว ตนก็จะสามารถกระตุ้นป้ายคำสั่งคุ้มกายขึ้นมา ดังนั้นเมื่อถึงระดับขั้นนี้  ก็มีความมั่นใจพอที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายทั้งปวงได้แล้ว


“เมื่อรู้ว่าเจ้าใกล้จะฝึกสำเร็จถึงเพียงนี้แล้ว จะต้องมีตาเฒ่าบางคนสนใจใคร่รู้อย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะมาซื้อโลกอนธการไปดูก็เป็นได้” ชายชราผมดำพูดพลางหัวเราะฮ่าฮ่า “จำเอาไว้ เจ้าต้องเสนอราคาศิลาปฐมโลกาหนึ่งร้อยห้าสิบก้อนเท่ากันหมด หากต่ำกว่านี้ก็จะขาดทุน หากมากไป พวกตาเฒ่าเหล่านั้นอาจจะเจ็บปวดใจก็เป็นได้”


“เข้าใจแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้ารัว


ประมุขตำหนักอลหม่านมีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานยิ่งนัก พลังก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ตาเฒ่าที่เขาพูดถึง…อาจจะเป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนคนอื่นๆ ที่ติดอุปสรรคขั้นสุดท้ายอยู่เช่นเดียวกัน มีแต่ตาเฒ่าที่ร่ำรวยมั่งมี ทั้งยังติดอุปสรรคจนต้องเสาะหาทางบรรลุอยู่เท่านั้น จึงจะยินดีทุ่มเทศิลาปฐมโลกานับร้อยก้อนเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็น


ระดับอย่างพวกจอมมาร ย่อมไม่มีทางฟุ่มเฟือยเช่นนี้


“อื้ม” ชายชราผมดำหัวเราะ เขายินดีเป็นอย่างมากที่จะไปโขกสับตาเฒ่าเหล่านั้นเพื่อเจ้าหนุ่มร่วมสำนักเดียวกับตน


…………………………………………….


ตอนที่ 2 ซื้อขาย

โดย

Ink Stone_Fantasy

ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านที่กว้างใหญ่ บนแผ่นดินอลหม่านแห่งหนึ่งกลับมีรอยอักขระเปลวเพลิงสายแล้วสายเล่าอยู่ อักขระเปลวเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่คลุมไปทั่วทั้งแผ่นดินอลหม่าน กลางแผ่นดินแห่งหนึ่ง ร่างศิลาของผู้แกร่งกล้าท่านหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศ เขาหลับตา เหนือผิวกายมีมังกรเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมาแล้วบินเข้าไปท่ามกลางค่ายกลของแผ่นดินอลหม่านแห่งนี้


เหนือผิวร่างศิลาของผู้แกร่งกล้ายังมีเกราะสีดำทะมึนปกคลุมอยู่ มีเพียงส่วนเล็กๆ อย่างแขนและศีรษะเท่านั้นที่โผล่ออกมา


“เพลิงเกลา” เสียงหนึ่งดังก้องขึ้น


บุรุษหินที่ยืนอยู่กลางอากาศค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ หน้าตาและดวงตาของเขาล้วนแต่เป็นศิลา เพียงแต่กลางดวงตามีเปลวเพลิงหมุนเวียนอยู่ บุรุษหินมองไปข้างกาย ซึ่งมีเงารางของความสับสนอลหม่านปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง คือชายชราผมดำท่านหนึ่งนั่นเอง


“อลหม่าน มีเรื่องอันใดหรือ” มุมปากของบุรุษหินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย เขาและประมุขตำหนักอลหม่านเป็นตาเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่โลกทิพย์โบราณยุคแรกเริ่ม พวกเขาทั้งสองไม่เพียงมีชีวิตอยู่มานาน พลังก็ยังแข็งแกร่งอย่างยิ่งด้วย ผู้ที่สามารถทำให้เขา เพลิงเกลาเป็นสหายได้นั้นมีไม่มากนัก โดยทั่วไปก็เป็นตาเฒ่าที่อยู่ในยุคเดียวกัน หรือไม่ก็ต้องมีพลังที่สามารถทำให้เขายอมรับได้


“มาหาเจ้าย่อมต้องีเรื่องดีอยู่แล้ว” เงารางของประมุขตำหนักอลหม่านเอ่ย “วังทวีสูญของเรามีเจ้าหนุ่มวัยเยาว์คนหนึ่งนามตงป๋อเสวี่ยอิง เขาได้ศาสตร์ลับวิชาหนึ่งที่มีชื่อว่าโลกอนธการมา หลังจากได้ศาสตร์ลับโลกอนธการมาแล้ว เขาก็สามารถสำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ภายในแสนปี ทั้งยังมีพลังระดับเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าอีกด้วย”


“อะไรนะ” บุรุษหินตกใจอยู่บ้าง “ได้ศาสตร์ลับมา แล้วสำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ภายในแสนปีทั้งยังมีพลังระดับเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าด้วยอย่างนั้นหรือ มีการเร่งเวลาด้วยหรือไม่”


“ไม่มี! สำหรับเจ้า จะตรวจสอบเรื่องพวกนี้ก็ไม่ยากอยู่แล้ว ข้าจะโกหกพกลมไปไย” ประมุขตำหนักอลหม่านเอ่ย


“โลกอนธการคือศาสตร์ลับที่เจ้าหนุ่มชื่อประมุขโลกอนธการนั่นคิดค้นขึ้นมาหรือ” บุรุษหินเอ่ยถาม


“ถูกต้อง”


เงารางของประมุขตำหนักอลหม่านพูดต่อไป “ข้าเองก็ได้ลองศึกษาศาสตร์ลับนี้ดูแล้ว น่าสนใจมาก เป็นการสร้างโลกอันพิสดารหาใดเปรียบใบหนึ่งขึ้นมาก็เพื่อที่จะบ่มเพาะท่าไม้ตายกระบวนท่าหนึ่ง บัดนี้เจ้าและข้าล้วนติดอยู่ที่ขั้นสุดท้าย ต้องบุกเบิกจักรวาลขึ้นมาจากความอลหม่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าสามารถลองรับรู้การ ‘สร้างโลก’ ของศาสตร์ลับนี้ดูได้ อาจจะพอช่วยเจ้าได้บ้าง”


“พอแล้ว หากอยากศึกษาก็รีบไปยังวังทวีสูญก็แล้วกัน ไม่มีการต่อรอง ศิลาปฐมโลกาหนึ่งร้อยห้าสิบก้อนสำหรับการศึกษาหนึ่งครั้ง” ประมุขตำหนักอลหม่านกล่าว “เมื่อมาแล้วก็สามารถกินดื่มพูดคุยกับข้าต่อได้อีก พวกเรามิได้พบกันตั้งนานแล้ว”


บุรุษหินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา “ได้ ข้าจะรีบไปโดยเร็วที่สุด”


เขาเชื่อว่าด้วยสถานะของประมุขตำหนักอลหม่านแล้ว คงคร้านที่จะโป้ปดเพื่อศิลาปฐมโลกาเพียงน้อยนิดเท่านี้


หากที่พูดมามิใช่คำลวง เขาจะต้องสนใจเป็นอย่างมากแน่นอน!


เดิมทีศาสตร์ลับโลกอนธการก็คิดค้นขึ้นโดยขั้นรวมเป็นหนึ่งผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานคนหนึ่งอยู่แล้ว


บัดนี้ผู้มีพรสวรรค์อีกคนได้มา สามารถสำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ภายในแสนปีทั้งยังอาศัยสิ่งนี้จนมีพลังระดับเจดีย์ดาวชั้นที่ห้า ศาสตร์ลับนี้จะศึกษาได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ


นอกจากนี้หากมีความพิเศษด้านการสร้างโลกมากจริงๆ…ก็อาจจะมีส่วนช่วยเรื่องการบุกเบิกจักรวาลจากความอลหม่านได้จริงๆ ขอเพียงสามารถช่วยได้สักเล็กน้อยก็คุ้มค่ามากแล้ว


……


ภายในตำหนักหมื่นรูปแห่งวังทวีสูญ


ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งบรรลุขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วก็มายังตำหนักหมื่นรูปเพื่อพลิกอ่านตำราที่บรรดาผู้แกร่งกล้าเหล่านี้เขียนขึ้นด้วยตนเอง หลังจากได้รับข้อมูลเหล่านั้นแล้ว ลำพังแค่กลิ่นอายเล็กน้อยที่ผู้แกร่งกล้าเหล่านั้นทิ้งเอาไว้ภายใต้ฝีพู่กันก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงได้อะไรขึ้นมาบ้างแล้ว


“ผู้อาวุโสตงป๋อ มาหาข้าที” ประมุขตำหนักอลหม่านถ่ายเสียงพูด “นำโลกอนธการเล่มจริงของเจ้ามาด้วย”


“ได้ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงนัยน์ตาเป็นประกาย รีบออกจากตำหนักหมื่นรูปไปทันที


ไม่นานนัก


เมื่อมาถึงตำหนักอลหม่าน บริเวณที่ประมุขตำหนักอยู่ตอนนี้ก็คือภายในลานแห่งหนึ่ง เงาร่างสองสายนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ตรงหน้ามีโต๊ะยาวซึ่งมีสุราชั้นเลิศวางอยู่ พวกเขาทั้งสองกำลังร่ำสุราพลางพูดคุยอย่างออกรสชาติ


“ผู้อาวุโสตงป๋อ” ประมุขตำหนักอลหม่านมองเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงก็รีบทักทาย


ตงป๋อเสวี่ยอิงรีบเดินไป ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นบุรุษที่อยู่ตรงข้ามประมุขตำหนักอลหม่าน เป็นบุรุษร่างผอมซูบผิวขาวซีดเขามีเขี้ยวคมสองข้างโผล่ออกมาข้างนอก แต่กลับเก็บงำกลิ่นอายเป็นอันมาก


“ประมุขวังครองขวาน” ตงป๋อเสวี่ยอิงจำได้ทันที


ครองขวาน


คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทายาทรุ่นหลังผู้สืบสายโลหิตของท่านบรรพชนคีรีมาร และยังเป็นขั้นอลวนที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของ ‘เกาะปฐมบรรพชน’ ในทุกวันนี้ อาศัยระบบการบำเพ็ญสายโลหิต บรรลุขั้นอลวนก็คือจุดสิ้นสุดแล้ว ประมุขวังครองขวานผู้นี้ยังบำเพ็ญระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุดไปควบคู่กันด้วย ดังนั้นอย่าได้เห็นว่าร่างกายเขาผอมซูบซีดเซียวแล้วเหมือนจะอ่อนแอ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ร่างกายของเขายังน่าหวาดหวั่นกว่าอาวุธเทพอากาศชั้นบนของตงป๋อเสวี่ยอิงมากทีเดียว


นี่คือชายชราที่มีพลังใกล้เคียงกับประมุขตำหนักอลหม่านคนหนึ่ง


“นี่คือศิลาปฐมโลกาหนึ่งร้อยห้าสิบก้อน” ประมุขวังครองขวานตรงไปตรงมานัก เขาโบกมือคราหนึ่งก็ทำให้ศิลาปฐมโลกากองหนึ่งลอยมา


เมื่ออีกฝ่ายตรงไปตรงมา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมตรงไปตรงมามากเช่นเดียวกัน


เขารับศิลาปฐมโลกามาแล้วก็หยิบคัมภีร์โลกอนธการเล่มจริงออกมามอบให้ประมุขวังครองขวาน


หลังจากประมุขวังครองขวานรับไปแล้วก็พลิกอ่านครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปิดลง


“อื้ม น่าสนใจดี” ประมุขวังครองขวานโยนคัมภีร์คืนไปให้ตงป๋อเสวี่ยอิง ขณะเดียวกันก็ส่ายหน้าพลางพูดกับประมุขตำหนักอลหม่านว่า “อลหม่าน แม้ศาสตร์ลับนี้จะมีเอกลักษณ์ด้านโครงสร้างโลก แต่ความยากกลับไม่ใช่น้อยๆ เลย”


“แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยพูดว่าความยากน้อยอยู่แล้วนี่นา” ประมุขตำหนักอลหม่านเอ่ย


“เจ้ามิได้พูด แต่เจ้าพูดว่าหลังจากเขาได้มาแล้วก็สามารถฝึกขั้นรวมเป็นหนึ่งสำเร็จได้ภายในแสนปี อีกทั้งพลังยังบรรลุถึงเจดีย์ดาวชั้นที่ห้า จงใจทำให้ข้าเชื่อว่า…ศาสตร์ลับนี้มีความพิเศษเฉพาะตัว และเข้าถึงได้รวดเร็วมาก” ประมุขวังครองขวานกล่าว


“เรื่องนี้เป็นเจ้าที่คิดไปเอง จะตำหนิข้ามิได้หรอกนะ” ประมุขตำหนักอลหม่านกล่าว


แม้ประมุขวังครองขวานจะกำลังพูดกับประมุขตำหนักอลหม่าน ทว่ากลับมิได้โกรธแต่อย่างใด เพราะแม้ ‘ศาสตร์ลับโลกอนธการ’ นี้จะสร้างขึ้นโดยขั้นรวมเป็นหนึ่ง แต่ในด้านการสร้างโลกกลับมีลักษณะพิเศษอย่างแท้จริง เป็นการสร้างขึ้นมาจากอีกแนวทางหนึ่ง ทั้งยังมีกระบวนท่าที่หนึ่งและกระบวนท่าที่สอง ด้วยพลังของพวกเขาแล้วหากตามทิศทางนี้ไปย่อมสามารถค้นคว้าต่อไปได้…


มีความเกี่ยวโยงกับการบุกเบิกจักรวาลจากความอลหม่านของพวกเขาอย่างแท้จริง


“ผู้อาวุโสทั้งสอง ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองออกว่าประมุขวังครองขวานมิได้มีความสนใจที่จะพูดคุยกับตนแต่อย่างใด จึงย่อมไม่ทำตัวเกะกะอยู่ที่นี่ เพราะถึงอย่างไรก็ได้ศิลาปฐมโลกามาอยู่ในมือแล้ว


……


เวลาล่วงเลยไป


แม้ประมุขตำหนักอลหม่านจะช่วยตงป๋อเสวี่ยอิงเผยแพร่ข่าวออกไปเป็นวงกว้าง บอกสิ่งมีชีวิตขั้นอลวนระดับยอดสุดทั้งหลาย เมื่อนับรวมประมุขตำหนักอลหม่านด้วยแล้ว ภายในระยะเวลาพันกว่าปี ก็มียักษ์ใหญ่ขั้นอลวนทั้งหมดห้าท่านที่ศึกษาศาสตร์ลับนี้


ที่พวกเขาศึกษา


ข้อแรกก็เพราะประมุขตำหนักอลหม่านเอ่ยปาก พวกเขาเชื่อมั่นในตัวประมุขตำหนักอลหม่านเป็นอันมาก ข้อสองก็คือศาสตร์ลับจำพวกการสร้างโลกนั้นมีจุดเหมือนกับการที่พวกเขาจะบรรลุขั้นสุดท้ายอยู่ ข้อสามก็เพราะตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญได้รวดเร็วเกินไปแล้วจริงๆ สามารถบรรลุขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ภายในแสนปี ก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็นได้แล้ว ศาสตร์ลับที่ขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งสร้างขึ้นมา ขั้นรวมเป็นหนึ่งอีกคนสามารถฝึกได้สำเร็จรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ที่แท้แล้วมีสิ่งใดที่พิเศษกันแน่


เหตุผลทั้งสามด้านทำให้พวกเขาทั้งหลายมาศึกษา!


แน่นอนว่าก็มีเพียงไม่กี่ท่านนี้เท่านั้น ศิลาปฐมโลกาหนึ่งร้อยห้าสิบก้อน…ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย


“ที่ควรมาก็มาหมดแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ยินว่าจะมาอีก” ประมุขตำหนักอลหม่านถ่ายเสียงให้ตงป๋อเสวี่ยอิง “เกรงว่าการขายโลกอนธการของเจ้านี่คงจะทำต่อไปไม่ได้อีกแล้วล่ะ”


“เพียงพอแล้วขอรับ โชคดีเพียงใดที่มีประมุขตำหนักอยู่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด


“ฮ่าฮ่า ไปเถิดๆ” ประมุขตำหนักอลหม่านยิ้มพลางกำชับ


ยามนี้เขากำลังอยู่เป็นเพื่อนสหายสี่คน


สิ่งมีชีวิตซึ่งพลังบรรลุถึงขั้นสุดของขั้นอลวนห้าท่านกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตามอำเภอใจ


ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงก็จากไปพร้อมกับความยินดีที่ได้ศิลาปฐมโลกามาเป็นจำนวนมาก


“ได้กำไรแล้วๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดคำนวณขณะออกจากตำหนักอลหม่าน “แม้จะซื้อศาสตร์ลับนี้มาด้วยศิลาปฐมโลกาห้าร้อยเอ็ดก้อน แต่บรรพชนเฉวียนโหมวก็จ่ายมาตั้งสองร้อยสามสิบห้าก้อน ขั้นอลวนสี่คนมอบศิลาปฐมโลกามาหกร้อยก้อน ประมุขตำหนักอลหม่านให้แต้มความดีความชอบมาให้หนึ่งล้านห้าแสนแต้ม…เมื่อคำนวณดูแล้ว ข้ายังได้กำไรเป็นศิลาปฐมโลกาสามร้อยสามสิบสี่ก้อนบวกกับแต้มความดีความชอบอีกหนึ่งล้านห้าแสนแต้ม และยังได้ศาสตร์ลับเล่มจริงนี้มาด้วย”


ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจ


ที่ตนได้ศึกษาศาสตร์ลับทั้งยังได้กำไรขึ้นมาอีกนั้นก็เพราะมีประมุขตำหนักอลหม่านช่วยเหลือเป็นหลัก หากตนเป็นผู้ปล่อยข่าวออกไปเอง พวกประมุขวังครองขวานสี่คนมีสักคนหนึ่งที่มาศึกษาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว


“ควรไปยังเจดีย์ดาวได้แล้ว”


ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้า มองไปยังเจดีย์ดาวสูงตระหง่านนั้น


เจดีย์ดาวชั้นที่ห้าเกี่ยวโยงกับความลับอันใหญ่หลวง แม้แต่ท่านอาจารย์กู่ฉีก็ยังมิได้บอกตนเอาไว้ในรายงาน จะต้องผ่านเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าให้ได้ก่อนจึงมีคุณสมบัติพอจะล่วงรู้ได้! ก่อนหน้านี้ตนพลิกอ่านคัมภีร์ไปพลางรอคอยยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนเหล่านั้นไปพลาง เมื่อห้ามผู้อื่นมิให้มา แต่ตนกลับมิอาจเร่งไปถึงได้ในทันที ก็เป็นการทำให้ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนเหล่านั้นเสียเวลาแล้ว


สวบ


ตงป๋อเสวี่ยอิงแปรเป็นลำแสงแล้วพุ่งทะยานไปทางเจดีย์ดาวทันที


 ………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)