Snow Eagle Lord ภาค 27 ตอนที่ 11-12
ตอนที่ 11 ดึงจุกน้ำเต้าสีดำ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตำหนักทิพย์ใต้ดินมีพื้นที่ใหญ่โตอย่างยิ่ง
มีรูปปั้นสูงตระหง่านรูปหนึ่งอยู่ที่ใจกลางตำหนักทิพย์ บริเวณรอบๆ ของมัน บนกำแพงของตำหนักทิพย์มีเงารางของรูปปั้นอยู่หลายเงา เงารางของรูปปั้นแปดเงาล้อมรอบตัวรูปปั้นที่อยู่ตรงกลางเอาไว้ เพียงแค่เข้ามาในตำหนักทิพย์ใต้ดิน ด้านหน้าหลังซ้ายขวาแต่ละทิศทางต่างก็มีเงารางอันสูงตระหง่านของรูปปั้น มีพลังอันไร้รูปร่างแผ่กระจายไปทั่วทั้งตำหนักทิพย์
ในขณะนี้เหล่าทูตทิพย์หลายสิบคนกำลังรวมตัวกันอยู่ที่นี่ พวกเขากำลังรื้อถอนทั้งตำหนักทิพย์อย่างรวดเร็ว!
เพื่อให้รูปปั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์สำแดงพลังอำนาจได้แข็งแกร่งมากพอที่จะควบคุมผู้บำเพ็ญที่แกร่งกล้ายิ่งขึ้นได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างให้ตำหนักทิพย์กับมันรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ตอนนี้ก็จำเป็นต้องแยกออกจากกัน มิฉะนั้นก็ไม่มีทางนำรูปปั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จากไปได้
“ท่านเจ้าเมืองใหญ่สิ้นชีพแล้วหรือ”
เหล่าทูตทิพย์กลุ่มนี้แต่ละคนต่างก็พรั่นพรึงอยู่บ้าง เร็วเกินไปแล้ว ท่านเจ้าเมืองใหญ่สิ้นชีพเร็วเกินไปแล้ว
บุรุษในอาภรณ์ดำทูตทิพย์ชืออวิ๋นมองหญิงสาวหกแขนที่อยู่ด้านข้างปราดหนึ่งพลางเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ถ้าหากเจ้าไปจัดการตงป๋อเสวี่ยอิงแห่งวังทวีสูญผู้นั้นด้วยกัน พวกเจ้าสองคนร่วมมือกัน ก็ไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเช่นนี้หรอก!”
หญิงสาวหกแขนโมโหจริงๆ เสียแล้ว
ระยะเวลาเนิ่นนานมานี้ก็อดทนอดกลั้นกับเขามาโดยตลอด คราวนี้ฐานที่มั่นเปิดเผยก็เพราะทูตทิพย์ชืออวิ๋น ตอนนี้เขายังมาโทษว่าตนไม่ออกไปรับมืออีกหรือ
“เจ้ามันช่างโง่เง่านัก ถ้าหากข้าออกไปรับมือด้วยกัน ขั้นรวมเป็นเอกภาพขั้นสุดยอดสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน แม้กระทั่งคนโง่งมก็ยังทายได้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญเป็นที่สุด” หญิงสาวหกแขนเอ่ยอย่างเดือดดาล ลำพังแค่ยอดฝีมือคนหนึ่งออกไป ก็ยังสามารถอธิบายได้ว่าเป็นผู้แกร่งกล้าที่เก็บตัวอยู่อย่างสันโดษ แต่ถ้าทั้งสองคนล้วนเป็นขั้นรวมเป็นเอกภาพขั้นสุดยอด…ขั้นรวมเป็นเอกภาพขั้นสุดยอดพบเห็นได้บ่อยๆ เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
“เจ้าช่างกล้านัก!” ทูตทิพย์ชืออวิ๋น บุรุษในอาภรณ์ดำเดือดดาล
“อย่ามัวเปลืองวาจาอยู่เลย รีบเคลื่อนย้ายรูปปั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ให้เร็วหน่อยเถิด!” หญิงสาวหกแขนตะโกนอย่างโมโห นางไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
เพราะเพื่อนร่วมสำนักสิ้นชีพเร็วเกินไป ไม่สามารถถ่วงเวลานานเกินไปได้ ทำให้หญิงสาวหกแขนรู้ได้รางๆ…เกรงว่าความเป็นไปได้ในการเคลื่อนย้ายรูปปั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไปนั้นค่อนข้างต่ำ ต่อให้ตนเองสามารถหนีเอาชีวิตรอดไปได้ ฐานที่มั่นก็ถูกทำลาย ทั้งยังไม่สามารถรักษารูปปั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ได้ การลงโทษของสำนักทิพย์โบราณ…ก็ต้องทำให้อยู่มิสู้ตาย นอกจากนี้สุดท้ายแล้วถึงมีชีวิตอยู่ไปก็เป็นวันคืนที่ยิ่งโศกศัลย์มากขึ้นไปอีก
และความภักดีอันแท้จริงที่มาจากดวงวิญญาณ ทำให้นางไม่เคยคิดที่จะไปจากสำนักทิพย์โบราณมาก่อนเลย เห็นชัดเจนว่าสิ้นหวังแล้ว แต่นางก็ยังเต็มใจจะไปรับโทษอยู่ดี
แต่สำหรับ ‘ทูตทิพย์ชืออวิ๋น’ นางมีแค่เพียงเพลิงโทสะเท่านั้น!
“เร็วๆๆ”
หญิงสาวหกแขนตะโกนอย่างเดือดดาล สีหน้าโหดเหี้ยม
บรรดาทูตทิพย์ทั้งหลายต่างก็รื้อถอนกันอย่างสุดชีวิต ถึงขนาดที่ต่างก็สำแดงร่างแปรออกมา ทว่าโครงสร้างของตำหนักทิพย์ซับซ้อนเกินไป ขั้นรวมเป็นเอกภาพจึงจะสามารถรื้อถอนได้อย่างทุลักทุเล ทั้งยังต้องใช้เวลาพอสมควรอีกด้วย
“ขัดขวางเขาเอาไว้ จะต้องถ่วงเวลาออกไปก่อน หวังว่าเขาจะละโมบอยากได้ความดีความชอบ มิได้รายงานขึ้นไปยังวังทวีสูญ” หญิงสาวหกแขนคาดหวัง
……
กลางผืนฟ้ายามราตรี
“วิญญาณอาวุธ เจ้าสามารถตรวจสอบสถานการณ์ภายในคูเมืองสีดำได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามขึ้น
“ไม่ได้ มีระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างขัดขวางการสำรวจของข้าอยู่” การสำรวจของวิญญาณอาวุธน้ำเต้าสีดำร้ายกาจยิ่งนัก แต่เมื่อเผชิญกับฐานที่มั่นสำคัญของสำนักทิพย์โบราณก็มิอาจทำการสำรวจได้เลย
ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือเก็บเอาสิ่งของของมนุษย์น้ำแข็งขึ้นมา หลังจากนั้นก็โจมตีอย่างสุดกำลังโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ปังๆๆ…ก็เห็นฝูงปลาสีม่วงเข้มแน่นขนัดโจมตีไปยังจุดเดียวกันอย่างบ้าคลั่ง คูเมืองสีดำเกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้นมาในทันที ค่ายกลที่ซ่อนเร้นเอาไว้พลันเปิดเผยออกมา ขัดขวางการโจมตีของปลาสีม่วงเข้มเอาไว้
“ปัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สำแดงวิชาหอกโจมตี ภายใต้การโจมตีของหอกยาวสีม่วงเข้มก็เพียงแค่ทำให้ค่ายกลเป็นระลอกคลื่นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถตีแตกได้
“ป้องกันได้ร้ายกาจน่าดูเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้ว
“สำแดงท่าไม้ตายสุดท้ายเถิด ถ้าหากไม่ได้อีก ก็ได้แต่รายงานเบื้องบนแล้ว”
ตนเองยังมิได้ตรวจสอบให้กระจ่าง ไม่มีความมั่นใจอย่างเต็มที่ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่อยากจะรายงานเบื้องบนสักเท่าใดนัก
แต่ฐานที่มั่นของสำนักทิพย์โบราณมีความสำคัญเป็นที่สุด รางวัลของวังทวีสูญก็น่าจะมีถึงหนึ่งล้านแต้มความดีความชอบ! เท่ากับศิลาปฐมโลกาหนึ่งร้อยก้อน เพื่อการสร้างฐานที่มั่นสักแห่งหนึ่ง ว่ากันว่าราคาที่โลกทิพย์โบราณต้องจ่ายก็มากกว่าสิบเท่าของ ‘ศิลาปฐมโลการ้อยก้อน’ เสียอีก ว่ากันว่าสิ่งล้ำค่าที่สุดก็คือรูปปั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีน้ำเต้าสีดำอันหนึ่งปรากฏขึ้น
******
ณ ตำหนักทิพย์ใต้ดิน
ถึงแม้ว่าหญิงสาวหกแขนก็กำลังรื้อถอนตำหนักทิพย์แห่งนี้อย่างรวดเร็วอยู่เช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันก็อาศัยค่ายกลสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของโลกภายนอกไปด้วย ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญขั้นกำเนิดผู้นั้นโจมตีค่ายกลไปสองครั้งก็รามือแล้วหยิบเอาน้ำเต้าสีดำอันหนึ่งออกมา
“น้ำเต้าสีดำหรือ” หญิงสาวหกแขนมีความสงสัยอยู่บ้าง “คือสมบัติล้ำค่าอันใดกัน”
“ยังดี ขอเพียงแค่เขามิได้รายงานเบื้องบน เช่นนั้นพวกเราก็ยังมีความหวังอยู่” หญิงสาวหกแขนแอบมีหวังอยู่บ้าง
ในขณะเดียวกันนางก็ค้นพบว่าตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวผู้นั้นดึงเปิดจุกน้ำเต้าสีดำออกมา
……
ปั้ก!
จุกถูกดึงเปิดออก
ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้าคาดหวังออกมา ปัง…ลูกแก้วสีแดงเพลิงขนาดใหญ่ประมาณนิ้วหัวแม่มือลูกหนึ่งลอยออกมาจากปากน้ำเต้าสีดำ ในขณะที่กำลังบินออกมานั้นเอง มันก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นโดยฉับพลันแล้วเปลี่ยนแปรกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่มหึมาที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ หมื่นลี้ลูกหนึ่งแทบจะในทันที! ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าไปภายในแก่นกลางของลูกไฟยักษ์ลูกนี้เรียบร้อยแล้ว
ลูกไฟขนาดมหึมาเปล่งรัศมีไปทั่วแปดทิศกลางผืนฟ้ายามราตรี ทำให้ราตรีที่เดิมทีมืดมิดเปลี่ยนเป็นทอประกายจับตา ระลอกคลื่นอันอึมครึมจำนวนนับไม่ถ้วนโหมซัด ทั้งยังมีอัคนีเหลวกำลังหมุนกลิ้งอีกด้วย
พื้นผิวของมันยังมีสายเทพอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนไหวอยู่อีกด้วย
เส้นสายของขั้นเทพอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนแน่นขนัด ห่อหุ้มทั่วทั้งลูกไฟยักษ์เอาไว้! ทำให้พลานุภาพของลูกไฟอันป่าเถื่อนนี้ถูกเก็บระงับเอาไว้ ถูกควบคุมเอาไว้อย่างสิ้นเชิง ระดับความลึกลับของสายเทพอากาศนี้ยังอยู่เหนือกว่าลูกไฟนี้เสียอีก
“สวบ…”
สายเทพอากาศแน่นขนัดจำนวนนับไม่ถ้วนพลิ้วเป็นระลอกแล้วแทรกผ่านค่ายกลเบื้องล่างลงไปโดยตรง ถึงขนาดที่ทะลุไปถึงตำหนักทิพย์ใต้ดินด้านล่าง
นอกจากนี้มันยังส่งผลกระทบต่อบริเวณโดยรอบอย่างใหญ่หลวง แทรกผ่านทะลุไปอย่างต่อเนื่อง บริเวณโดยรอบสิบล้านลี้ต่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของมันทั้งหมด
“ค่ายกลห้วงอากาศ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ภายในลูกไฟ รับสัมผัสค่ายกลห้วงอากาศขนาดมหึมาแห่งนี้ แล้วก็อดที่จะอัศจรรย์ใจมิได้
ก็เพราะค่ายกลห้วงอากาศนี้ ควบคุมลูกไฟเทหวัตถุอันสามารถเทียบเคียงได้กับดวงอาทิตย์ที่บ้านเกิดนี้เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
‘กู่ฉี’ ที่เป็นผู้ท่องอากาศที่ไปถึงระดับสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอด ความสำเร็จในด้านห้วงอากาศของเขาสูงส่งถึงระดับขั้นที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ อาศัย ‘ค่ายกลห้วงอากาศ’ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถควบคุมบริเวณโดยรอบได้สิบล้านลี้ ทั้งยังสามารถ ‘อพยพผ่านห้วงอากาศ’ จากระยะทางไกลๆ ได้ นี่จึงจะเป็นท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดในการหลบหนีของเขา
บังคับลูกไฟ ควบคุมค่ายกลห้วงอากาศหลบหนี!
ลูกไฟสามารถคุ้มกันเขาได้ ค่ายกลหนีเอาชีวิตรอดอย่างรวดเร็วเป็นที่สุด เว้นแต่ร่างจริงของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนปรากฏตัวขึ้น มิฉะนั้นการจัดการกับเขาก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย
“นี่มัน…”
“ไม่นะ…”
ภายในตำหนักทิพย์ใต้ดิน
หญิงสาวหกแขนและบุรุษในอาภรณ์ดำต่างก็เผยสีหน้าหวาดหวั่นและสิ้นหวัง พวกเขารู้สึกได้ว่าห้วงมิติโดยรอบแข็งตัวไปจนหมดสิ้นแล้ว ความกดดันของอากาศอันน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบมาเยือน
“เคลื่อนย้ายสิ เคลื่อนย้ายโดยเร็วที่สุดเลย” บุรุษในอาภรณ์ดำควบคุมสมบัติล้ำค่าที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายของเขาที่พี่ชายของเขาให้มาโดยพลัน แต่ทว่าไม่ว่าเขาจะกระตุ้นอย่างไร ในขณะนี้ก็ไม่มีทางเคลื่อนย้ายได้แล้ว!
น้ำเต้าสีดำเป็นสมบัติพิทักษ์วิถี ยามที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลายเป็นเทพอากาศจึงสามารถปล่อยพลังระดับที่สามของมันได้ ก็คือพลังขั้นสูงที่สุด! สามารถควบคุมพลังลูกไฟได้อย่างสมบูรณ์แบบ และสามารถระเบิดค่ายกลห้วงอากาศออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นกัน ค่ายกลห้วงอากาศที่กู่ฉีจัดแจงด้วยตัวเอง ต้องการจะหนีภายใต้ความกดดันของห้วงอากาศเช่นนี้ ต่อให้เป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนต้องการเปิดก็ต้องใช้พละกำลังฝืนบังคับฉีกแยกห้วงอากาศ ลำพังแค่การควบคุมอากาศย่อมไม่มีทางเทียบกับค่ายกลนี้ได้เลย!
“หนีไม่พ้นแล้ว” สีหน้าของหญิงสาวหกแขนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ความกดดันของห้วงอากาศพรรค์นี้ช่างแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
“ปัง…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวอยู่ภายในลูกไฟยักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางหมื่นลี้ เขาควบคุมลูกไฟอันน่าหวาดหวั่นนี้ให้กดจมลงไปในทันใด! นี่ก็คือความเดือดดาลของดวงอาทิตย์ทั้งดวง ถึงแม้ว่าพลังของดวงอาทิตย์จะกระจัดกระจายเกินไป พลังคุกคามของลูกไฟนี้ภายใต้การควบคุมของค่ายกลห้วงอากาศก็ซึมซับรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ ลำพังแค่พลังคุกคามก็เป็นระดับขั้นอลวนแล้ว
เพียงแต่ทางด้านระดับขั้นยังขาดแคลนอยู่มาก เป็นเพียงแค่เคล็ดวิชาลับที่อุกอาจที่สุดเท่านั้นเอง หากเผชิญกับร่างจริงของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนก็มิอาจทัดเทียมได้อยู่แล้ว
แต่สำหรับขั้นรวมเป็นเอกภาพกลับสามารถกวาดเรียบได้!
“ครืน…” ถึงแม้ว่าค่ายกลของคูเมืองสีดำจะทนทาน แต่ก็แตกสลายไปภายใต้การกดจมของลูกไฟยักษ์เสียแล้ว ทั้งคูเมืองสีดำต่างก็สั่นไหวภายใต้พลังคุกคามเช่นนี้
…………………………………………..
ตอนที่ 12 มอดไหม้เป็นเถ้าธุลี
โดย
Ink Stone_Fantasy
ภายในตัวเมืองสีดำมีศิษย์ทิพย์กลุ่มใหญ่อาศัยอยู่ พวกเขาบินกรูออกมาประหนึ่งตั๊กแตน เมื่อเงยหน้ามองเห็นลูกไฟขนาดมหึมาที่แผ่ความร้อนระอุอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา พวกเขาก็พากันตะลึงงันไปหมด! ถึงอย่างไรพลังของศิษย์ทิพย์ก็อ่อนแอกว่ามากทีเดียว ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นพวกเทพอากาศทั่วไป หลายคนก็ยังเป็นเพียงเทพแท้เท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับพละกำลังอันน่าหวาดหวั่นของ ‘ขั้นอลวน’ ที่กดดันเข้ามา…
ก้นบึ้งหัวใจของพวกเขาก็เกิดความสิ้นหวังขึ้นมาอย่างห้ามมิได้
“ยังน่ากลัวกว่าดวงอาทิตย์กลางฟากฟ้าเสียอีก”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว”
ศิษย์ทิพย์เหล่านี้ล้วนไม่มีความคิดที่จะต้านทานเลย
ฟิ้ว
ลูกไฟอันใหญ่โตนั้นพลันหดเล็กลงทันใด แล้วกลายเป็นแสงรุ้งอันสะดุดตากระแทกเข้ากับพื้นแห่งหนึ่งกลางตัวเมืองสีดำ
“ตำหนักทิพย์!”
“เป็นตำหนักทิพย์ รีบสกัดกั้นเขาเอาไว้!”
ศิษย์ทิพย์เหล่านี้พลันตาแดงขึ้นมา และเกิดความภักดีโดยสัญชาตญาณของวิญญาณ ทำให้พวกเขาเมินเฉยต่อความหวั่นเกรงแล้วพุ่งไปยังทิศของตำหนักทิพย์ใต้ดินทันที ในความตระหนักรู้ของพวกเขา…ต่อให้ตาย ก็ต้องปกป้องตำหนักทิพย์เอาไว้เป็นอย่างดี!
ฟิ้วววว…
ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดในขอบเขตสิบล้านลี้ได้อย่างง่ายดายโดยอาศัยค่ายกลห้วงอากาศ แน่นอนว่าต้องพบตำหนักทิพย์ใต้ดินแห่งนี้ ลูกไฟอันใหญ่โตหดเล็กลงอย่างรวดเร็วก่อนจะร่วงลงไปทันที แล้วกระแทกกลไกและสิ่งกีดขวางต่างๆ กลางทางที่จะไปยังตำหนักทิพย์ใต้ดินอย่างต่อเนื่องจนราบคาบ! อานุภาพขั้นสุดของน้ำเต้าสีดำนั้น หากจะคุ้มกายก็อาศัยการเข้าไปภายในลูกไฟ หากจะโจมตีก็ใช้ทั้งลูกไฟตรงเข้ากระแทก!
แค่ ‘กระแทก’ ธรรมดาคราหนึ่ง อานุภาพกลับยิ่งใหญ่เสียจนน่าหวาดหวั่น
ลูกไฟที่เทียบได้กับดวงอาทิตย์หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว อานุภาพทั้งหมดรวมตัวกันเข้ากระแทก! หากพูดถึงความเหิมเกริมแล้ว ต้องเป็นระดับแกนนำขั้นอลวนอย่างแน่นอน
ภายในตำหนักทิพย์ใต้ดิน
“ไม่ดีแล้ว เขามาแล้ว” ร่างกายของสตรีหกกรสั่นสะท้านเล็กน้อยพลางมองไปยังตำหนักนอก ทูตทิพย์ชืออวิ๋นบุรุษอาภรณ์ดำและทูตทิพย์คนอื่นๆ ต่างก็สัมผัสได้ถึงพละกำลังอันน่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งที่ทำลายอุปสรรคระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปยังตำหนักทิพย์ใต้ดินทั้งหมดอย่างราบคาบ โครมมม…ลูกไฟที่หดเล็กลงจนเหลือเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงร้อยเมตรปรากฏขึ้นหน้าประตูตำหนักทิพย์แล้วกลิ้งเข้ามา
แสงของลูกไฟนี้สะดุดตา ต่อให้เป็นทูตทิพย์กลุ่มนี้ก็ยังรู้สึกว่าโดดเด่นเจิดจ้า ภายในลูกไฟมีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏให้เห็นรางๆ
“หมดกัน” สตรีหกกรไม่มีความคิดที่จะต้านทานเกิดขึ้นมาเลย
เหมือนกับขั้นรวมเป็นหนึ่ง ระดับยอดซึ่งผ่านเจดีย์ดาวชั้นที่สาม เมื่อเผชิญหน้ากับขั้นรวมเป็นหนึ่งทั่วไปซึ่งผ่านเจดีย์ดาวชั้นที่หนึ่ง ก็ย่อมเป็นการล้างสังหารยกใหญ่อย่างแน่นอน!
ส่วนยอดฝีมือที่บรรลุถึงขีดจำกัดขั้นอลวนซึ่งผ่านเจดีย์ดาวชั้นที่ห้า เมื่อเผชิญหน้ากับขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดก็สามารถล้างสังหารได้ทันที ต่อให้เผชิญหน้ากับร่างจริงของยอดฝีมือขั้นอลวนที่แท้จริงก็มีหวังหนีเอาชีวิตรอดได้อย่างง่ายดาย อานุภาพของลูกไฟน้ำเต้าสีดำล้วนๆ ก็เพียงพอจะเทียบเทียมชั้นที่หกได้แล้ว ในด้านกลยุทธ์กลับอ่อนแอกว่ามากทีเดียว โดยรวมแล้วนับได้ว่ามีพลังรบชั้นที่ห้า
อาศัยน้ำเต้าสีดำนี้!
ขอเพียงร่างจริงขั้นอลวนไม่ลงมือก็จะสามารถปกป้องตนเองได้อย่างไร้ข้อกังขา จะเห็นได้ว่าสิ่งมีชีวิตขั้นสุดอย่าง ‘กู่ฉี’ ให้ความสำคัญและรักใคร่ศิษย์ของตนเป็นอย่างมาก
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” ทูตทิพย์ชืออวิ๋นบุรุษอาภรณ์ดำส่งสารมาขอความช่วยเหลือด้วยความร้อนใจ ท่านพี่ของเขาอยู่ในโลกทิพย์โบราณอันไกลโพ้น ระยะทางไกลเช่นนี้คิดจะส่งสารก็ยากมากทีเดียว คนของลัทธิทิพย์โบราณที่อยู่ในฐานที่มั่นแห่งนี้ โดยทั่วไปก็จะติดต่อกับโลกทิพย์โบราณผ่านทางรูปสลักจอมเทพ ส่วนผู้ที่สามารถติดต่อกับโลกทิพย์โบราณผ่านวัตถุส่งสารได้ตลอดเวลามีเพียงสามท่านเท่านั้น
นอกจากมนุษย์น้ำแข็งและสตรีหกกร ก็คือทูตทิพย์ชืออวิ๋นแล้ว วัตถุส่งสารของเขาเป็นสิ่งที่ท่านพี่ของเขามอบให้ด้วยตนเอง
“พี่ใหญ่ๆ ช่วยด้วย ช่วยด้วยเถิด!” ยามนี้ทูตทิพย์ชืออวิ๋นสิ้นหวังและหวาดหวั่นอย่างสิ้นเชิง เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เขามองไม่เห็นความหวังที่จะหนีเอาชีวิตรอดเลย
อากาศถูกกดดันอย่างสมบูรณ์ จนมิอาจเคลื่อนที่ได้ ทำได้เพียงบินไปอย่างช้าๆ เท่านั้น
บินหรือ
สามารถหนีเอาชีวิตรอดจากตรงหน้าผู้อาวุโสตงป๋อที่ขับเคลื่อนลูกไฟอันน่าหวาดหวั่นได้อย่างนั้นหรือ
สตรีหกกรมองทูตทิพย์ชืออวิ๋นแวบหนึ่ง มองท่าทางร้อนใจของเขาก็อดยิ้มเย็นออกมามิได้ นางถ่ายเสียงตะคอกว่า “โง่เง่า หนีไม่พ้นแล้ว ต่อให้พี่ชายเจ้าอยากจะช่วยเจ้า เขาก็อยู่ไกลลิบถึงโลกทิพย์โบราณ จึงมิอาจเร่งเดินทางมาได้เลย”
“ตู้ม!” ลูกไฟอันใหญ่โตกลิ้งมาด้วยความเร็วสูงยิ่ง แล้วปะทะเข้ากับร่างของทูตทิพย์คนแล้วคนเล่า
เปลวเพลิงร้อนระอุกลับเป็นเรื่องรองลงมา สิ่งที่สำคัญก็คือสายพลังที่ปะทะเข้ามาต่างหาก
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ลูกไฟราวกับเงารางที่ปะทะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตงป๋อเสวี่ยอิงทะยานไปตลอดทาง ขอเพียงเป็นทูตทิพย์ที่ถูกปะทะ ร่างกายก็จะแหลกสลายเป็นผุยผงไปในทันที ทว่าวัตถุที่พวกเขาพกติดตัวมากลับถูกตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยค่ายกลห้วงอากาศ ควบคุมอากาศแล้วปกป้องเอาไว้เป็นอย่างดี
“ปัง” ทูตทิพย์ชืออวิ๋นบุรุษอาภรณ์ดำซึ่งจัดเป็นอันดับสามของทูตทิพย์ในตำหนักทิพย์ใต้ดินถูกกระแทก ผิวกายของเขามีแสงคุ้มกายอยู่ แต่การโจมตีครั้งแรกของลูกไฟอันใหญ่โตก็ทำให้แสงสีดำคุ้มกายเหนือผิวกายบุรุษอาภรณ์ดำแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว มันชะลออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดดันเข้าไป บุรุษอาภรณ์ดำเบิกตาโพลงมองดูลูกไฟอันน่าหวาดหวั่นกดดันเข้ามา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
จากนั้นลูกไฟก็กดดันผ่านไป บุรุษอาภรณ์ดำแหลกสลายเป็นผุยผงไปในทันที วัตถุของเขาก็ถูกอากาศควบคุมให้ตรงเข้าไปภายในลูกไฟทันที
ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ภายในลูกไฟ มิได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย วัตถุชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกเขาดึงเข้ามาและเก็บลงไป
สตรีหกกรผู้นั้นเผชิญหน้ากับการกดดันของลูกไฟ ทั้งยังพุ่งพรวดไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ละมือคว้ามีดโค้งเอาไว้ข้างละเล่ม ทันใดนั้นก็แปรเป็นแสงโลหิตอันร้ายกาจ แต่ภายใต้การปะทะและกดดันของลูกไฟ ร่างกายก็ยังคงถูกกระแทกจนแหลกเป็นผุยผง…
ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้!
สมบัติล้ำค่าคุ้มกายของทูตทิพย์ชืออวิ๋นบุรุษอาภรณ์ดำเพียงแค่ทำให้ลูกไฟชะงักอยู่กลางอากาศเล็กน้อยเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นเอง
……
เพียงไม่ถึงชั่วลมหายใจ
ภายในตำหนักทิพย์ใต้ดิน ทูตทิพย์ทั้งหมดล้วนตายจนสิ้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ภายในลูกไฟ พลางมองรูปสลักจอมเทพนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้งร่างของรูปสลักจอมเทพดุจแกะสลักขึ้นมาจากหยกสีนิล มีเสื้อคลุมเอาไว้ นัยน์ตาเรียบนิ่งทั้งยังเหมือนจะแฝงไว้ด้วยความเร้นลับอันไร้ที่สิ้นสุด เมื่อมองรูปสลักจอมเทพร่างนี้แล้วก็ทำให้คนอยากจะสวามิภักดิ์อย่างอดมิได้
“จอมเทพหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ครอบครองโลกทิพย์โบราณเพียงลำพัง ต้องเป็นผู้ที่แกร่งกล้าที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดอย่างไร้ข้อโต้แย้ง”
“ตู้ม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงขับเคลื่อนลูกไฟพุ่งตรงเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ตู้มมม…ลูกไฟปะทะเข้ากับร่างของรูปสลักจอมเทพ รูปสลักจอมเทพเป็นหนึ่งเดียวกับทั้งตำหนักทิพย์ มันตรึงแน่นอย่างสิ้นเชิงจนยากที่จะสั่นคลอนได้ ทว่าก่อนหน้านี้บรรดาทูตทิพย์ก็ได้ถอนตำหนักทิพย์ส่วนหนึ่งไปก่อนแล้ว ยามนี้การโจมตีอย่างเต็มแรงคราหนึ่งของลูกไฟก็ยังคงทำให้รูปสลักจอมเทพถูกกระแทกเสียงดังปังแล้วลอยกระเด็นไป จากนั้นก็กระแทกเข้ากับผนังตำหนักไกลออกไปจนล้มลง ตรงขาทั้งสองของรูปสลักยังมีโลหะสีดำต่อเนื่องกัน ตรงอกของรูปสลักยังมีรอยยุบลงไปอีกด้วย
“ตามรายงาน หลังจากได้รับรูปสลักจอมเทพมาแล้วต้องทำลายทิ้งเสีย” ตงป๋อเสวี่ยอิงตอบ “ทว่ามันสร้างขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งนัก การปะทะอย่างเต็มแรงของข้านี้ทำให้มันเกิดรอยยุบลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเองหรือ”
สวบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมอากาศเพื่อเก็บรูปสลักจอมเทพลงไปภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ใหม่เอี่ยมอันหนึ่ง เพื่อเก็บมันไว้เดี่ยวๆ
“ส่งกลับไปยังวังทวีสูญเถิด ค่อยๆ ไปทำลายในวังก็แล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
ตงป๋อเสวี่ยอิงตรวจสอบตำหนักทิพย์ใต้ดินอันผุพังนี้อย่างคร่าวๆ จากนั้นก็ขับเคลื่อนลูกไฟให้ลอยออกไปอย่างรวดเร็วเสียงดังสวบ มันทะยานขึ้นสู่ฟ้า ก่อนจะบินออกไปตามทางเชื่อมที่เข้ามา
ณ โลกภายนอก
เดิมทีศิษย์ทิพย์กลุ่มใหญ่ภายในตัวเมืองสีดำต่างกำลังพุ่งตัวมาที่นี่ แต่ชั่วขณะที่รูปสลักจอมเทพถูกกระแทกจนกระเด็นลอยไปนั้น พวกเขาแต่ละคนก็หยุดลง แล้วเผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา
“จอมเทพ”
“จอมเทพ”
ศิษย์ทิพย์ทั้งหมดต่างพากันยืนนิ่ง มือทั้งสองประสานกันพลางเอ่ยปากว่า ‘จอมเทพ’
จากนั้นร่างกายของพวกเขาก็ล้วนแตกกระจายแล้วสลายเป็นความว่างเปล่า เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งจะเก็บรูปสลักจอมเทพลงไปแล้วขับเคลื่อนลูกไฟลอยออกมานั้น ก็เห็นว่าศิษย์ทิพย์จำนวนมากภายในตัวเมืองสีดำต่างก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าศรัทธา ร่างกายกำลังแปรเปลี่ยนไปเป็นความว่างเปล่า
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูทั้งหมดนี้อย่างเงียบงัน
ศิษย์ทิพย์ทั้งหมดภายในตัวเมืองสีดำตายไปหมด แต่ละคนล้วนกลายเป็นความว่างเปล่า บัดนี้ภายในทั้งตัวเมืองสีดำเหลือเพียงตงป๋อเสวี่ยอิงที่มีชีวิตรอดเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ลูกไฟล่องลอยอยู่กลางตัวเมืองสีดำ
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูตัวเมืองสีดำที่เต็มไปด้วยความเงียบเหงาวังเวง
“ลัทธิทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดา สมควรตาย” ตงป๋อเสวี่ยอิงอดพึมพำเสียงต่ำมิได้ พวกเขาเผยแพร่ลัทธิและถึงขั้นฝืนควบคุมผู้บำเพ็ญมากมายตามอำเภอใจ นับแต่นั้นก็ภักดีต่อจอมเทพและจอมมารดาอย่างสิ้นเชิง หากพวกเขามิได้ถูกควบคุม ไหนเลยจะตายเพราะรูปสลักจอมเทพถูกช่วงชิงไปได้เล่า
………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น