Snow Eagle Lord ภาค 26 ตอนที่ 36-37

 ตอนที่ 36 การแปรสภาพของโลก

โดย

Ink Stone_Fantasy

ครึ่งชั่วยามให้หลัง


ณ ประตูทางเข้าเจดีย์ดาว ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ สีหน้าของเขาซีดขาว พละกำลังอันร้ายกาจขุมหนึ่งถูกขับออกจากภายในร่างเขาอย่างต่อเนื่อง พอออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว พลังสีเทาอันร้ายกาจขุมนั้นก็แปรเปลี่ยนไปเป็นไร้ซึ่งสรรพสิ่ง


“ข้าไม่สนว่าจะได้รับบาดเจ็บ ที่ทำลงไปทั้งหมดก็เพียงเพื่อทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ย่อมมิอาจบุกสังหารเขาได้อยู่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูทางเข้าตรงหน้า “ชั้นที่หนึ่งของเจดีย์ดาวช่างยากเย็นอะไรเช่นนี้”


กระบี่ที่สองผลาญโลกา ว่ากันว่าขั้นผู้ปกครองใช้ต่อสู้ ก็เพียงพอที่จะหนีเอาชีวิตรอดจากขั้นรวมเป็นเอกภาพได้


แต่ร่างแปรทั้งสามของตนสำแดงวิชากระบี่ที่สองผลาญโลกา ก็ยังทำร้ายฝ่ายตรงข้ามมิได้เลยแม้แต่น้อย!


“อ้างอิงจากข้อมูลที่ข้ารู้ การที่จะผ่านชั้นที่หนึ่งของเจดีย์ดาวได้นั้นจะต้องไปถึงพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับธรรมดา ผ่านชั้นที่สองจะต้องมีพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับสูง ชั้นที่สามจะต้องเป็นพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับสุดยอด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ถึงแม้ว่าข้าจะสำเร็จวิชากระบี่ที่สองผลาญโลกาแล้ว แต่ก็ยังด้อยกว่าขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับธรรมดาอยู่อีกเล็กน้อย”


“เทพอากาศธรรมดาๆ จะไปถึงพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับสุดยอดได้หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ


ยากเย็นยิ่งนัก


ต่อให้อยู่ที่วังทวีสูญ ผู้แกร่งกล้าขั้นรวมเป็นเอกภาพจำนวนหนึ่ง โดยทั่วไปก็ผ่านชั้นที่สามชั้นที่สี่ รับหน้าที่ผู้อาวุโสตำหนักนอก


ขั้นรวมเป็นเอกภาพจะต้องผ่านชั้นที่ห้า จึงจะสามารถรับหน้าที่ผู้อาวุโสตำหนักในได้ ชั้นที่ห้านั้นคือผู้ที่มีกำลังยุทธ์ถึง ‘ขอบกั้นขั้นอลวน’ แล้ว หรือแม้กระทั่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในบางด้าน ต่อให้เผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนสองท่านต่างก็สามารถรับมือและหนีเอาชีวิตรอดได้! ดังนั้น ‘ผู้อาวุโสตำหนักใน’ แห่งวังทวีสูญนั้นช่างมีสถานะอันสูงส่ง สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง


เป็นบุคคลที่ผ่านชั้นที่ห้าไปได้ ก็สามารถผลาญชีวิตขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับทั่วไปได้ ก็มีอยู่เป็นร้อยเป็นพัน ล้วนสามารถถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย! ก็ไม่สามารถทำให้พวกเขากลายเป็นขั้นรวมเป็นเอกภาพได้แล้ว


และตามคำที่เล่าลือกัน…


ในบรรดาขั้นรวมเป็นเอกภาพยังมีผู้ที่สามารถผ่านชั้นที่หกได้ด้วย! นั่นคือผู้ที่สามารถเทียบเคียงกับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนระดับธรรมดาสองท่านได้อย่างแท้จริง! แต่นี่เป็นสิ่งที่ยากจะได้พบเห็น คล้ายว่าตอนนี้ในวังทวีสูญจะไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว แต่เคยมีมาก่อนในอดีต!


แน่นอนว่ายังมีผู้ที่เลิศล้ำยิ่งกว่า ขั้นรวมเป็นเอกภาพที่ผ่านไปยังชั้นที่เจ็ด เป็นตำนานในทั้งหกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ในประวัติศาสตร์อันยาวนานก็มีอยู่สองท่านเท่านั้น! ตอนนี้สองท่านนั้นต่างก็กลายเป็นขั้นอลวนไปแล้ว ทั้งยังเป็นบุคคลที่น่าหวาดเกรงเป็นอย่างยิ่งในบรรดาขั้นอลวน


……


กลับมายังตำหนักกาลเวลาแล้ว


บนดาวเคราะห์อันเต็มไปด้วยผืนหญ้าอันงดงามดวงหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวกบำเพ็ญอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้


“อิงจากกฎของวังทวีสูญ หลังจากกลายเป็นเทพอากาศแล้ว จะต้องผ่านชั้นที่สามของเจดีย์ดาว กลายเป็นผู้อาวุโสตำหนักในให้ได้ภายในหมื่นล้านปี มิฉะนั้นก็จะต้องรับหน้าที่ผู้อาวุโสตำหนักนอก ให้ไปอยู่ข้างนอกภายใน ‘เมืองอลหม่าน’” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ หมื่นล้านปีของที่นี่คือเวลาของโลกภายนอก ถ้าหากมีศิลาปฐมโลกามากเพียงพอ เวลาภายในตำหนักกาลเวลาเร่งความเร็วเป็นพันเท่าหมื่นเท่า


สามารถหยิบเอาศิลาปฐมโลกาออกมาได้มากมายถึงเพียงนี้ วังทวีสูญกลับยังยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นฉากนี้


เทพอากาศอยู่ภายในตำหนักกาลเวลา เวลาเร่งความเร็วขึ้นร้อยเท่า ทุกหนึ่งร้อยล้านปีก็ต้องการศิลาปฐมโลกาห้าก้อน! ถ้าหากบำเพ็ญอยู่ข้างในนั้นตลอดหมื่นล้านปี นั่นก็คือศิลาปฐมโลกาห้าร้อยก้อนเต็มๆ ตนจ่ายไม่ไหวจริงๆ


“ข้าจะต้องทำให้ได้”


“ปัจจุบันในยุคนี้ก็มีผู้อาวุโสตำหนักในขั้นเทพอากาศระดับธรรมดาอยู่คนหนึ่ง นับรวมกับในประวัติศาสตร์ก็มากยิ่งขึ้นแล้ว”


ตงป๋อเสวี่ยอิงอุทิศตัวเพื่อการบำเพ็ญ


เป็นเทพอากาศแล้วก็ย่อมต้องบำเพ็ญให้ดี! ก่อนหน้านี้เพิ่งบรรลุจึงไปดูเจดีย์ดาวด้วยความใคร่รู้


เพราะร่างกายบรรลุไปถึงระดับขั้นเทพอากาศ ร่างกายบ่มเพาะจิตวิญญาณ จิตวิญญาณก็กำลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแกร่งกล้าเช่นกัน การยกระดับจิตวิญญาณทำให้การหยั่งรู้บำเพ็ญของตงป๋อเสวี่ยอิงมีความคืบหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้เขาจิตใจจดจ่ออยู่กับวิถีโลกเทียม วิถีเข่นฆ่า และวิถีระลอกคลื่น


แน่นอนว่าการสัมผัสหยั่งรู้ก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกว่ามีความมั่นใจกับ ‘วิถีโลกเทียม’ มากที่สุด รองลงมาคือวิถีเข่นฆ่า


เวลาไหลผ่านไป


บนดาวเคราะห์ที่มีพื้นหญ้าเขียวขจีดวงนี้มีต้นหญ้าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมาก็ยิ่งเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสูงกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่เสียอีก แล้วก็เหี่ยวแห้งไปจนหมดในท้ายที่สุด ดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยพื้นหญ้าเปลี่ยนแปรกลายเป็นเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง แล้วบนดาวเคราะห์อันแห้งแล้งก็มีต้นหญ้าค่อยๆ แตกหน่อโผล่พ้นผิวดินออกมาใหม่แล้วเจริญเติบโตอีกครั้ง


เจริญเติบโตและเหี่ยวแห้ง…


นี่ก็คือวัฏจักรหนึ่ง วัฏจักรแต่ละรอบ หนึ่งล้านปี ไปถึงร้อยล้านปี ระยะเวลาอันยาวนานเคลื่อนผ่าน สำหรับมนุษย์ธรรมดาแล้วนี่เป็นระยะเวลาอันยาวนานหาใดเทียม แต่สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้เป็นเพียงแค่ระยะเวลาอันแสนสั้นที่การวิวัฒน์วิถีโลกเทียมอันสมบูรณ์แบบของเขาต้องการเท่านั้น


สองร้อยสามสิบล้านปี นี่เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ระดับจิตวิญญาณก็ไปถึงระดับขั้นเทพอากาศแล้วปลีกวิเวก เป็นระยะเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการทำให้บรรลุวิถีโลกเทียม


ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขามีเทหวัตถุขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งกำลังหมุนวน


“โครม…”


โลกภายในกายก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงขึ้นเช่นกัน ในขณะนี้โลกภายในกายที่เดิมทีกว้างใหญ่ราวกับแผ่นดินกลับเริ่มบิดหมุน โลกภายในกายทั้งหมดอยู่ภายใต้อิทธิพลของกฎเกณฑ์อันไร้รูปร่าง เปลี่ยนแปลงจากรูปร่างแผ่นดิน กลายเป็นรูปร่าง ‘ทรงกลมจักรวาล’


ทรงกลม


ดวงอาทิตย์เป็นทรงกลม ดวงจันทร์เป็นทรงกลม จักรวาลก็เป็นทรงกลม


ทุกบริเวณบนพื้นผิวทรงกลมล้วนสมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง ระยะห่างระหว่างพวกมันกับแกนจุดศูนย์กลางเท่ากันอย่างสิ้นเชิง นี่คือรูปทรงที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง และเป็นขั้นสูงยิ่ง จาก ‘ผู้ปกครองเทพแท้’ เหยียบย่างเข้าสู่ ‘เทพอากาศ’ เชื้อสายความเร้นลับของกฎเกณฑ์ โลกภายในกายต่างก็สามารถเกิดความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ได้


แต่ทว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นเช่นไรนั้นก็มีความสัมพันธ์กับระบบกฎเกณฑ์ด้วย


วิถีโลกเทียม…ก็ยกระดับเป็น ‘ระบบกฎเกณฑ์โลกเทียม’


มีผู้ที่บรรลุเป็นเทพอากาศ โลกภายในกายก็เหมือนกับ ‘โลกวัตถุ’ ที่เปลี่ยนแปลงจากโลกแผ่นดินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกลายเป็นโลกแผ่นดินจำนวนมากสอดประสานกัน! โลกแผ่นดินจำนวนนับไม่ถ้วนสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว นี่ก็เป็นการยกระดับชนิดหนึ่งเช่นเดียวกัน


ก็อย่างเช่นโลกภายในกายที่เปลี่ยนแปลงเหมือน ‘หุบเหวลึกดำมืด’ จากโลกแผ่นดินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกลายเป็นโลกแผ่นดินชั้นแล้วชั้นเล่าซ้อนทับกันไปอย่างไม่สิ้นสุด กลายเป็นร่างรวมที่มีรูปลักษณ์คล้ายลำไส้


โลกวัตถุ หุบเหวลึกดำมืด ดวงอาทิตย์ และดวงจันทรา…นี่ล้วนเป็นสรรพสิ่งที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกันทั้งสิ้น แสดงถึงทิศทางที่แตกต่างกัน


การแปรสภาพของโลกภายในร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ มีแนวโน้มไปในทิศทางของดวงอาทิตย์ดวงจันทรา


“โครม…”


ในที่สุด


โลกภายในกายก็แปรเปลี่ยนเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ มันใหญ่โตมหึมาหาใดเทียม มีขนาดพอๆกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แต่ทว่าพลานุภาพกลับยังอ่อนแอกว่าอยู่มากนัก มีปริมาณดินเท่ากัน และมีปริมาณเหล็กกล้าเท่ากัน แต่ย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว


ตอนนี้ดาวเคราะห์ขนาดมหึมาภายในร่างกายยังเป็นเพียงแค่ ‘ขั้นกำเนิด’ เท่านั้น


“ดาวเคราะห์โลกเทียม” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับสัมผัสดาวเคราะห์ขนาดมหึมาภายในกาย ดาวเคราะห์ขนาดมหึมาดวงนี้ กฎเกณฑ์ที่สัญจรอยู่ตอนนี้ก็คือ ‘ระบบกฎเกณฑ์โลกเทียม’ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งตระหนักรู้มาใหม่ ระบบนี้อาศัยวิถีโลกเทียมเป็นแกนกลางแล้วอาศัยความเร้นลับอื่นๆ ร่วมกัน แม้กระทั่งความเร้นลับของวิถีเข่นฆ่าและความเร้นลับของวิถีระลอกคลื่นก็มีส่วนที่แทรกซึมเข้าไปด้วยเช่นกัน


วิถีเส้นเดียวกัน


ให้คนละคนไปเดินก็ไม่เหมือนกัน


ต้องการจะไปถึงขั้นเทพอากาศ เพียงแค่สร้างระบบกฎเกณฑ์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาเท่านั้น!


 อาศัย ‘ระบบกฎเกณฑ์โลกเทียม’ เป็นแกนกลางพร้อมกับจิตวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิง ยกระดับขึ้นอีกครั้ง


……


กาลเวลาเคลื่อนผ่าน


สิ้นเปลืองเวลาไปกว่าสองร้อยล้านปีหลังจากบรรลุวิถีโลกเทียม เพราะวิชากระบี่ที่สองผลาญโลกาที่ตระหนักรู้ไปก่อนหน้านี้ ทั้งยังมีประสบการณ์บรรลุวิถีโลกเทียมมาก่อนแล้ว เพียงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านปีก็ทำให้วิถีเข่นฆ่าบรรลุด้วยเช่นกัน! แต่การบำเพ็ญ ‘วิถีระลอกคลื่น’ ที่เหลืออยู่เป็นอย่างสุดท้ายนั้นกลับค่อนข้างกินแรง


ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็มิได้รีบร้อน


เหมือนกับท่านอาจารย์จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตที่การบรรลุความเร้นลับของกฎเกณฑ์ก็เนิ่นช้าและกินแรงเป็นอย่างยิ่ง


ความนึกคิดจิตใจส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่วิชาสิบสามกระบี่ผลาญโลกา เป็นขั้นผู้ปกครองก็ตระหนักรู้วิชากระบี่ที่สองผลาญโลกา แล้วตอนนี้ก็บรรลุวิถีเข่นฆ่า การหยั่งรู้วิชากระบี่ที่สามผลาญโลกา…ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับประโยชน์อยู่บ่อยครั้ง ‘วิถีระลอกคลื่น’ ก็กำลังค่อยๆ ยกระดับขึ้น ถึงอย่างไรระดับขั้นของโลกทัศน์สูงส่งแล้ว ระดับความยากของการหยั่งรู้ก็ย่อมลดต่ำลงอยู่แล้ว


เขาไม่เร่งร้อนเลยแม้แต่น้อย


ภายในตำหนักกาลเวลามีการเร่งเวลาร้อยเท่า เขาจึงสามารถบำเพ็ญได้อย่างผ่อนคลายเลยทีเดียว


………………………………


ตอนที่ 37 การบรรลุของตงป๋ออวี้

โดย

Ink Stone_Fantasy

ปลีกวิเวกเป็นเวลาหนึ่งพันหกร้อยล้านปี ‘วิถีระลอกคลื่น’ ก็บรรลุไปถึงขั้นเทพอากาศและสร้างระบบกฎเกณฑ์ขึ้นมาเอง


ปลีกวิเวกเป็นเวลาสองพันสามร้อยล้านปี ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงสำเร็จวิชากระบี่ที่สามผลาญโลกาได้ในที่สุด! นี่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ประหลาดใจมากเช่นเดียวกัน ตนเองอยู่ในขั้นผู้ปกครองก็สำเร็จวิชากระบี่ที่สอง หลังจากนั้นก็สำเร็จระบบกฎเกณฑ์ค่ายสังหาร คิดไม่ถึงว่า ‘กระบี่ที่สามผลาญโลกา’ จะสิ้นเปลืองเวลามากมายถึงเพียงนี้!


หลังจากสำเร็จวิชากระบี่ที่สามผลาญโลกาแล้ว…


ตงป๋อเสวี่ยอิงเลือกที่จะออกจากการปลีกวิเวก ไปบุกเจดีย์ดาวอีกครั้ง ก็เพื่อการต่อสู้สนามจริงซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น!


คราวนี้วิชาลับผู้ท่องของเขาไปถึงขั้นที่ยี่สิบหก ร่วมกับวิชากระบี่ที่สามผลาญโลกา ก็ทำลายล้างจนย่อยยับได้อย่างแท้จริง สามารถโจมตีศัตรูที่ชั้นที่หนึ่งของเจดีย์ดาวได้อย่างง่ายดาย ในท้ายที่สุดสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะสีเทานั่นก็สูญสลายกลายเป็นลำแสงสีเทาแทรกซึมเข้าสู่แผ่นดิน เจดีย์ดาวเปิดประตูมิติทางเข้าสู่ชั้นที่สูงขึ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงเหยียบย่างเข้าไปยังชั้นที่สอง


ชั้นที่สอง ก็ยังคงชนะเช่นเดิม! มุ่งสู่ชั้นที่สาม…กลับพ่ายแพ้เสียแล้ว!


ตงป๋อเสวี่ยอิงได้แต่ไปยัง ‘ตำหนักหมื่นรูป’ พลิกดูตำราระดับขั้นเทพอากาศจำนวนมาก ตระหนักหยั่งรู้ แล้วบำเพ็ญอยู่ภายในตำหนักกาลเวลา พากเพียรยกระดับตนเอง แต่ชัดเจนว่าหลังจากที่ตระหนักรู้กระบี่ที่สามผลาญโลกาแล้ว การคิดจะยกระดับพลังยุทธ์อีก ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็น ยากเย็นเหลือเกินแล้ว…ต่อให้เขตแดนค่ายสังหารสมบูรณ์แบบยิ่งกว่านี้ แต่สำหรับการต่อสู้ในชั้นที่สามของเจดีย์ดาว ความช่วยเหลือนั้นก็ยังมีขีดจำกัดเช่นเดิม


ชัดเจนว่าการที่ ‘ขั้นกำเนิด’ จะกลายเป็นผู้อาวุโสตำหนักในนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่งเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว


……


ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังพลิกอ่านตำราและบำเพ็ญอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ‘วังทวีสูญ’ นั้น


ภายในจักรวาลภูมิลำเนา


จักรวาลภูมิลำเนา ลัทธิจอมมารดาสูญสลายไปแล้ว จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตได้กลายเป็นเทพอากาศ ไร้ซึ่งศัตรู ชวนให้พรั่นพรึงทั่วทั้งจักรวาล ภายในจักรวาลสงบเงียบกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก


ท่ามกลางท้องฟ้าพร่างพรายดาว


บนหินอุกกาบาตอันผุพังก้อนหนึ่งมีชายหนุ่มอาภรณ์ขาดรุ่งริ่งผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ เส้นผมของเขาพันกันยุ่งเหยิง นิ้วมือของเขากำลังฝึกปรือทำให้บริเวณรอบๆ เปล่งรัศมีเทพออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขามีชื่อเสียง พลังยุทธ์ และสถานะอันยิ่งใหญ่ เป็นรองแค่เพียง ‘จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต’ เท่านั้น เขาก็คือบุตรชายของจ้าวตงป๋อ…ตงป๋ออวี้!


“ปัง…”


ชายหนุ่มอาภรณ์ขาดรุ่งริ่งผู้นี้ร่างกายสั่นสะท้านน้อยๆ คราหนึ่ง รัศมีเทพจำนวนนับไม่ถ้วนรอบด้านก่อตัวเป็นลวดลายอันสวยงามอย่างยิ่ง ช่างงดงามอะไรเช่นนั้น


“กฎเกณฑ์ฟ้าดิน! กฎเกณฑ์ฟ้าดิน!” เสียงของตงป๋ออวี้ก็เริ่มสั่นเช่นกัน นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความปิติยินดีและความเหลือเชื่อ “ข้าตระหนักรู้แล้ว ตระหนักรู้แล้ว ท่านพ่อ ข้าตระหนักรู้กฎเกณฑ์ฟ้าดินแล้ว! ท่านพ่อ ข้าตระหนักรู้แล้ว!”


ในขณะนี้ นัยน์ตาของตงป๋ออวี้คลอไปด้วยหยาดน้ำตา


เขา ตงป๋ออวี้ เป็นบุตรที่สวรรค์ภาคภูมิใจ


ตั้งแต่เกิดเป็นต้นมา เบื้องหลังของเขาก็มีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถประคองฟ้าดินได้อยู่คนหนึ่ง…ตงป๋อเสวี่ยอิง! ยามถือกำเนิดที่โลกวัตถุโลกเผ่าเซี่ย ท่านพ่อของเขาก็คือผู้แกร่งกล้าที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์เผ่าเซี่ย คือวีรบุรุษผู้ไร้เทียมทานที่พิทักษ์ทั้งเผ่าเซี่ย ทั้งยังเป็นผู้นำของโลกเผ่าเซี่ยอีกด้วย! เขา ตงป๋ออวี้เกิดมาก็มีผู้หนุนหลังที่แกร่งกล้าที่สุดแล้ว


เขาและพี่สาวไร้ทุกข์ไร้กังวล ถึงแม้ว่าบิดามารดาจะเคร่งครัดเข้มงวด แต่เบื้องลึกในจิตใจของพวกเขาก็ไม่มีความกดดันเลยแม้แต่น้อย


ผ่านวันเวลาอันผ่อนคลายที่โลกเผ่าเซี่ย และโลกภูผาศิลาแดง ท่านพ่อของเขาก่อให้เกิดระลอกคลื่นมหึมาคับฟ้าที่โลกเทพหุบเหวลึก พลังยุทธ์และสถานะยกระดับขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน…


ถึงแม้ว่าจะสืบทอดคุณสมบัติอันล้ำเลิศของบิดามารดา มีทรัพยากรที่ดีที่สุด แม้กระทั่งบิดามารดาชี้แนะด้วยตนเอง แต่เขาก็ติดอยู่ที่ขีดจำกัดของขั้นเทพ ยังเป็นความขุ่นข้องทางอารมณ์ที่ทำให้เขาเกิดความเปลี่ยนแปลง จึงเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นเทพโลกาได้


หลังจากนั้นความเร็วในการบำเพ็ญของเขาก็ชะลอลงมา…


ท่านพ่อกลายเป็นสามบรรพชนคนใหม่! และถึงขนาดกลายเป็นผู้ปกครอง สถานะพลังยุทธ์สูงส่งรองจากจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต และจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็คือท่านอาจารย์ของเขา ตงป๋ออวี้! มีทรัพยากรที่ดีที่สุด ถึงขนาดมีโอกาสได้เข้าไปบำเพ็ญใน ‘จักรวาลคีรีมาร’ ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวผู้มีสถานะสูงส่งในจักรวาลคีรีมารก็เห็นแก่หน้าท่านพ่อ ช่วยบ่มเพาะเขาอย่างสุดกำลัง


ระยะเวลาหลายพันล้านปี แต่เขาก็ติดอยู่ที่ขั้นเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้น


แต่เดิมท่านพ่อ ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ มีอนาคตอันไร้ซึ่งขีดจำกัด เป็นผู้บำเพ็ญที่ร้ายกาจที่สุดคนหนึ่งในจักรวาล ความเร็วในการบำเพ็ญรวดเร็วกว่าพวกจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตอยู่มาก จักรวาลแห่งนี้ยังอยู่ห่างจากวันสิ้นยุคอีกเป็นเวลาเนิ่นนานนัก เพียงแค่บำเพ็ญไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอจนถึงวันสิ้นยุคของจักรวาลแห่งนี้ ด้วยคุณสมบัติของท่านพ่อ…การเหยียบย่างเข้าสู่เทพอากาศขั้นรวมเป็นหนึ่งที่พูดถึงกันนั้นก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดเลย อย่างเช่นการมุ่งหน้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์วังทวีสูญ เกรงว่ายังสามารถยกระดับได้อีก เชื่อว่ามีความเป็นไปได้เป็นอย่างยิ่งว่าจะกลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนสองท่าน


แต่ทว่า!


เพื่อเขา และเพื่ออวี๋จิ้งชิว มารดาของเขา ท่านพ่อตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีทางทนให้กาลเวลาเคลื่อนผ่านไปแล้วมองดูคนใกล้ชิดเข้าใกล้วันที่จิตวิญญาณสูญสลายมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเลือกที่จะไปจากจักรวาล เข้าสู่อากาศอันสับสนอลหม่านที่แสนกว้างใหญ่!


อวี๋จิ้งชิวไม่เต็มใจ!


เขา ตงป๋ออวี้ก็ไม่เต็มใจเช่นเดียวกัน!


พวกเขาสามารถตายอย่างสงบได้ แต่ท่านพ่อไม่ปรารถนาที่จะมองตาปริบๆ อย่างไร้ทางสู้ ดังนั้นท่านพ่อจึงไม่คำนึงถึงอันตราย แล้วเข้าสู่อากาศอันสับสนอลหม่านไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ออกเดินทางสู่โลกศักดิ์ทิพย์อันไกลโพ้น


เส้นทางนี้ยาวนานเพียงใด ท่านพ่อจะสามารถไปถึงโลกทิพย์ได้หรือไม่


ไปถึงโลกทิพย์ ว่ากันว่าโลกทิพย์นั้นยิ่งใหญ่กว่าจักรวาลหลายร้อยล้านเท่า มีผู้แกร่งกล้าจำนวนนับไม่ถ้วน มีภยันตรายมากมายเหลือคณา ท่านพ่อจะให้เขาตงป๋ออวี้ และมารดาอวี๋จิ้งชิวสามารถอยู่รอดปลอดภัยตลอดไปในยามต่อสู้ได้หรือ


เขากลัว!


กลัวท่านพ่อจะตาย!


กลัวว่าท่านพ่อจะตายบนเส้นทางสู่อากาศอันสับสนอลหม่าน กลัวว่าจะตายในโลกทิพย์ มีความเป็นไปได้ตั้งมากมาย มากมายเหลือเกิน ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ตงป๋ออวี้กลัวทั้งสิ้น!


ยามที่ท่านพ่อกันลมบังฝนให้เขา แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย เพราะตั้งแต่เขาเกิดมาก็เคยชินเสียแล้ว เพราะท่านพ่อยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น แต่ตอนนี้ยามที่ท่านพ่อไปจากจักรวาลแล้วเหยียบย่างสู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยภยันตราย เขาก็กลัวจริงๆ ทั้งยังนึกเสียใจอย่างยิ่งอีกด้วย นึกเสียใจที่เหตุใดตนจึงมิได้บรรลุเสียที


จากนั้น…


เขาก็เปลี่ยนเป็นคนที่บ้าคลั่งในการบำเพ็ญมากยิ่งขึ้น เขาไม่อยากทำให้ท่านพ่อผิดหวัง


“ฟิ้ว…”


กลางมหานทีแห่งกาลเวลาอันกว้างใหญ่ไพศาล


ในบรรดาเงาร่างที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่นั้น เงาร่างหนึ่งก็คือตงป๋ออวี้ ตอนนี้ภายใต้ความช่วยเหลือของกฎเกณฑ์ฟ้าดิน เงาร่างสายนั้นก็บินตรงขึ้นมามุ่งสู่ด้านบน ถึงแม้ว่าจะมีน้ำในแม่น้ำดึงลาก แต่กลับมิอาจดึงลากลงมาได้ เพียงแค่ก่อให้เกิดคลื่นจำนวนหนึ่งขึ้นเท่านั้น ตงป๋ออวี้ก็บินออกมา บินออกมาจากมหานทีแห่งกาลเวลา


“ข้าบรรลุแล้ว ท่านพ่อ” ตงป๋ออวี้เอ่ยพึมพำเบาๆ อยู่บนหินอุกกาบาต


……


ณ จวนจ้าวตงป๋อ


ตงป๋ออวี้มองเห็นอวี๋จิ้งชิวมารดาของเขาแล้ว


“อวี้เอ๋อร์” อวี๋จิ้งชิวมองดูบุตรชายของตนแล้วก็เผยสีหน้ายินดี นางมองเพียงปราดเดียวก็มองออกแล้ว สิ่งที่ประมุขรัฐโม๋เสวี่ย บิดาของนางกระหายอยาก แม้กระทั่งตัวนางเองกลับชาติมาเกิดใหม่ก็ยังกระหายอยากมาโดยตลอด…การบรรลุ! ตอนนี้ตงป๋ออวี้ บุตรชายของนางทำได้แล้ว


“ท่านแม่” ตงป๋ออวี้เผยรอยยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มหนึ่ง พร้อมกันนั้นรอยยิ้มก็เลือนหายไป


อันที่จริงในใจของเขามิได้ปิติยินดีมากมายสักเท่าใดนัก


เพราะในขณะนี้เขาอยากให้ท่านพ่อได้รู้มากกว่า!


“ดีแล้วๆ” บนใบหน้าของอวี๋จิ้งชิวเต็มไปด้วยความยินดี ระยะเวลาที่นางบำเพ็ญยาวนานยิ่งกว่าบุตรชายเสียอีก จนถึงขนาดที่เกือบจะสิ้นหวังกับการบรรลุอยู่แล้ว แต่ว่าการได้เห็นบุตรชายบรรลุ นางก็เต็มไปด้วยความปิติยินดีอันไร้ที่สิ้นสุดเช่นเคย “ดีเหลือเกิน ถ้าหากท่านพ่อของเจ้ารู้เข้าจะต้องเบิกบานใจอย่างมากแน่นอน”


“แต่ท่านพ่อไม่อยู่ที่นี่” ตงป๋ออวี้พูด


อวี๋จิ้งชิวสะดุ้งเล็กน้อย นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของบุตรชาย แล้วนางก็เงยหน้าขึ้นมองท้องนภาเกลื่อนดาวเหนือจวนจ้าวตงป๋อ


นอกท้องนภา นอกจักรวาล ตอนนี้สามีของตนอยู่ที่ใดกันหนอ


เขายังสบายดีอยู่หรือไม่


“ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านพ่ออยู่ที่ไหน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ตงป๋ออวี้เอ่ยเสียงเบา


……………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)