Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1460-1461

 ตอนที่ 1460 ภายใต้หน้ากาก

โดย

Ink Stone_Fantasy

‘ทั้งหมดเป็นเพราะการทรยศของเฮคซอด! ท่านจักรพรรดิ ได้โปรดอนุญาตให้ข้าไปฆ่ามันด้วยเถอะขอรับ!’


ภายในหอเจ้าชีวิต เสียงคำรามของบลัดดี้คองเคอเรอร์ดังสนั่น จากเส้นเลือกที่ปูดและไอน้ำที่พ่นออกมาจากปากของมันจะเห็นได้ว่ามันกำลังโกรธอยู่


สีหน้าของราชาตนอื่นๆ เองก็คร่ำเครียดเหมือนกัน


มีเพียงนาซเพลเท่านั้นที่มีสีหน้าราบเรียบ พอดูดีๆ มันเหมือนอยากจะยิ้มอยู่หน่อยๆ ด้วยซ้ำ


เจ้าพวกโง่


มันเคยเตือนพวกมันตั้งนานแล้ว แต่นอกจากอันดีเซิร์ฟแล้ว ราชาตัวอื่นๆ กลับแสดงความสงสัยเรื่องที่ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์และสกายลอร์ดสมรู้ร่วมคิดกันและลงมือโจมตีมันก่อน ถึงแม้หลังจากที่มันแสดงความทรงจำออกมาให้จักรพรรดิดูแล้ว ราชาเหล่านี้จะพยายามไม่แสดงสีหน้าสงสัยออกมา แต่ภายในใจพวกมันคงจะคิดสงสัยอยู่ว่ามันได้ไปทำให้อีกฝ่ายโกรธหรือเปล่า


แค่เพราะว่ามันดูแล้วเหมือนกับ ‘สัตว์ประหลาด’ ที่ถูกประกอบขึ้นมาเท่านั้น


สุดท้ายยังไม่ทันที่เฮคซอดกับเซโรเชสจะออกมาอธิบาย สิ่งที่มาหาพวกมันแทนก็คือ ‘พระผู้สร้าง’ ของมนุษย์


ตอนนี้เพิ่งจะมาโยนปัญหาไปให้คนทรยศ มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอ?


‘ปัญหามันอยู่ที่ว่าเจ้าจะไปหามันได้ที่ไหน?’ อันดีเซิร์ฟไม่ได้สนใจสีหน้าของบลัดดี้คองเคอเรอร์เลย ‘ตอนนี้เฮคซอดอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของสันหลังแห่งทวีป ส่วนพวกปีศาจที่อยู่ในเมืองสกายก็เป็นไปได้ว่าถูกบังคับให้ไปเข้าพวกกับมันแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าไม่ส่งกองกำลังลงไปเป็นจำนวนมาก การจะหาตัวร่องรอยของราชานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อีกอย่าง…” มันกวาดตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเยือกเย็น ‘ถึงแม้เจ้าจะเจอเฮคซอด แต่อย่าลืมซะล่ะว่าข้างกายมันยังมีเซโรเชสอยู่ ถึงตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าใครจะฆ่าใครกันแน่’


‘เจ้า—-!’ ถ้าที่นี่ไม่ใช่หอเจ้าชีวิต เกรงว่าบลัดดี้คองเคอเรอร์คงจะลงมือไปแล้ว


‘ท่านจักรพรรดิที่เคารพ ข้าไม่เข้าใจเลยว่า…’ เคออสพูดพร้อมขยับร่างกายอ้วนๆ ของมัน ‘หรือว่ามนุษย์มันจะค้นพบหลักฐานอะไรเกี่ยวกับสงครามแห่งโชคชะตา? ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของสกายลอร์ดแล้ว มันไม่น่าจะไปเข้าพวกกับ—’


‘พวกมันทำถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะไปคาดเดาสาเหตุที่พวกมันทรยศอีกเหรอ?’ เดอะแมสก์พูดตัดบทขึ้นมาเสียงดัง ‘ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร เฮคซอดก็มีโอกาสมากมายที่จะมารายงานจักรพรรดิ แต่มันได้ทำเช่นนั้นหรือเปล่า? มันออกจากแนวรบตะวันตกไป มุ่งหน้าไปยังบอทธ่อมเลสแลนด์ แล้วก็สมรู้ร่วมคิดกับไซเลน์ดิสแอสเตอร์ ตั้งแต่ต้นจนจบมันไม่ได้ติดต่อท่านจักรพรรดิเลย! เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการหักหลังที่วางแผนมานานแล้ว! ถ้าไม่เป็นเพราะความสามารถของข้าพัฒนาขึ้นมาใหม่ เกรงว่าข้าคงจะตายด้วยน้ำมือของเซโรเชสไปนานแล้ว!’


ราชาตนอื่นๆ เป็นใบ้ไปทันที


นี่คือเศษเสี้ยวของความทรงจำที่ถูกจักรพรรดิดึงออกไป มันไม่อาจทำปลอมขึ้นมาได้ ซึ่งเรื่องที่ช่วงหนึ่งเฮคซอดได้เดินทางไปยังทางเหนือของดินแดนรุ่งอรุณก็ได้รับการยืนยันจากป้อมสังเกตการณ์ที่ตั้งอยู่ตามทาง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ล้วนแต่ไม่ใช่การตัดสินใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน


ใช่แล้ว แบบนี้แหละ…นาซเพลค่อยๆ ยิ้มมุมปากขึ้นมา ความทรงจำไม่อาจปลอมขึ้นมาได้ แต่มันกลับลบความทรงจำบางส่วนออกไปในขณะที่ทำการถ่ายทอดออกไปได้ — และความทรงจำส่วนที่มันเลือกที่จะปิดบังเอาไว้ก็คือเบาะแสของวัลคีรีย์


และความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ถ้าราชาคนอื่นๆ พบว่าสาเหตุการหักหลังของทั้งสองคนอาจจะเกี่ยวของกับวัลคีรีย์ที่ตอนนี้ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร บางทีสถานการณ์มันอาจจะซับซ้อนขึ้นก็ได้


แบบนี้มันก็จะอาจจะทำให้มันชิงเอาชิ้นส่วนสืบทอดของมนุษย์มาได้ช้าลง


มันไม่อยากจะเสียเวลาแม้แต่นิดเดียว


‘เดอะแมสก์พูดถูก เราควรจะมุ่งเป้าไปที่เกาะลอยฟ้าของมนุษย์ก่อนดีกว่า เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางเมืองจักรพรรดิ’ อันดีเซิร์ฟเป็นฝ่ายเสนอตัวออกมา ‘ศัตรูลอยอยู่กลางอากาศ รอบๆ มีอาวุธติดตั้งเอาไว้อยู่ นั่นไม่เหมาะที่จะให้บลัดดี้ลอร์ดและเดธสการ์ลอร์ดลงมา คิดไปคิดมาก็มีแต่ข้าเท่านั้นที่จะออกไปหยุดพวกมันได้’


อันดีเซิร์ฟนั้นเหมือนกับเฮทริตและเดธสการ์ พวกมันต่างก็ยกระดับขึ้นมาจากปีศาจที่มีพลังจิต แต่เมื่อเทียบกับผู้ควบคุมจิตใจที่แข็งแกร่งในเรื่องพลังการควบคุมและทำให้สับสนแล้ว มันค่อนข้างถนัดในเรื่องการสู้ระยะประชิดมากกว่า ในจุดนี้จะเห็นได้จากการแต่งกายของมัน — รูปร่างภายนอกส่วนใหญ่เหมือนมนุษย์ บนร่างกายมีชุดหนังสีดำห่อหุ้มเอาไว้อยู่ ทั้งร่างไม่ได้มีเกราะเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เหมือนกับว่ามันทิ้งการป้องกันทั้งหมดไปอย่างไรอย่างนั้น


เขาที่โค้งงอสองเขาตรงหน้าผากของมันเหมือนจะเป็นจุดเดียวที่มันไม่เหมือนกับมนุษย์ แต่นาซเพลรู้ดีว่านั้นเป็นแค่สิ่งที่มันสร้างขึ้นมาเพื่อลวงตาเท่านั้น อันดีเซิร์ฟสามารถบิดเบือนการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตรอบๆ ที่มีต่อมันได้ ความสามารถนี้แข็งแกร่งกว่าความสามารถลอกเลียนแบบของทรานฟอร์มเมอร์เสียอีก มันเคยสัมผัสกับความสามารถนั้นมาแล้ว ในตอนที่เดินทางตัวอีกฝ่าย จิตสำนึกของมันได้มองอีกฝ่ายเป็นเหมือนก้อนหินก้อนหนึ่ง มันไม่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของอีกฝ่ายเลย


เดอะแมสก์คิดในใจ ถ้าหากไม่มีมันอยู่ล่ะก็ อันดีเซิร์ฟก็ดูแล้วเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ใช้ได้….หรือพูดอีกอย่างก็คือเป็นตัวเลือกในตอนที่หมดหนทางอื่น ทว่าการทำสงครามนั้นไม่สามารถอาศัยการลอบสังการในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ จักรพรรดิไม่มีทางเห็นด้วยกับคำขอของมันแน่


‘ไม่ได้’ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ประโยคแรกที่จักรพรรดิพูดออกมาคือปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้ว่ามันคิดไปเองหรือเปล่า นาซเพลรู้สึกเหมือนน้ำเสียงของจักรพรรดิจะเยือกเย็นกว่าก่อนหน้านี้ด้วย ‘การกำจัดผู้บังคับบัญชาจะมีแต่ทำให้เกิดความวุ่นวาย และคนที่เข้ามาแทนผู้บังคับบัญชาก็จะเปิดเผยตัวได้ง่าย มนุษย์มีแม่มดที่สามารถตรวจสอบพลังเวทมนตร์ได้อยู่ ขณะเดียวกันก็อาจจะมีร่างเปลือกที่สามารถปิดกั้นพลังเวทมนตร์ได้อีกเป็นจำนวนมาก โอกาสสำเร็จของเจ้ามีแค่ 3% เท่านั้น ส่วนโอกาสที่จะหนีรอดออกมาก็มีไม่ถึง 1% เรีกยได้ว่าเป็นการเสี่ยงโดยไร้ประโยชน์’


‘แต่ราชาตนอื่น—’


‘เผ่าพันธุ์เราไม่ไช่ว่ามีแต่ราชาเท่านั้นที่ต่อสู้ได้ ผู้ยกระดับระดับสูงเองก็ไม่สามารถดูถูกได้เช่นเดียวกัน เกาะลอยฟ้าของมนุษย์นั้นใช้เสาหินอาญาสิทธิ์ของดินแดนตะวันตก พวกมันไม่สามารถใช้แผนสองเหมือนอย่างพระผู้สร้างได้ สุดท้ายแล้วมันก็ยังต้องใช้พลังของตัวเองในการต่อสู้อยู่ดี’


‘ท่านจักรพรรดิปรีชายิ่งนัก!’ เดอะแมสก์พูดพร้อมกางสองมือออก ‘ความจริงแล้วข้าได้ศึกษาวิธีการสู้รบของพวกแมลงจนหมดแล้ว — นกเหล็กเหล่านั้นดูเหมือนจะจัดการได้ยาก แต่ความจริงแล้วมันกลับบอบบางอย่างมาก! ขอเพียงพวกมันกล้าปรากฏตัวอยู่เหนือเมืองจักรพรรดิ ข้าจะสั่งสอนพวกมันให้รู้สำนึกเองขอรับ!’


“แกนพลังเวทมนตร์ถูกพวกแมลงมันยึดไปแล้ว คำพูดของเจ้ามันยังน่าเชื่อถืออยู่เท่าไรเชียว?’ เดธสการ์พูดเสียงเยือกเย็น


‘ถ้าไม่เป็นเพราะไซเลน์มันเล่นงานข้า ข้าจะไปสูญเสียสิทธิ์ในการควบคุมพระผู้สร้างได้ยังไง?’ เดอะแมสก์พูดโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองมัน ‘ศึกทางตะวันตกได้พิสูจน์ศักยภาพของร่างซิมไบออนท์แล้ว และสิ่งที่ข้าต้องทำก็มีแค่ขยายขอบเขตการใช้งานของพวกมันเท่านั้น ถึงแม้จะบินไม่ได้ แต่พวกมันสามารถเล่นงานพวกนกเหล็กได้’


‘อนุญาต แต่ข้าใช้ทรัพยากรของแนวหน้ามากเกินไป’ จักรพรรดิตอบกลับมาสั้นๆ


‘แน่นอนขอรับ’ เดอะแมสก์ฉวยโอกาสตีเหล็กตอนที่ยังร้อนด้วยการพูดต่อว่า ‘นอกจากนี้ ข้ายังมีแผนใหม่อีกแผนหนึ่ง — ถ้าหากเราดึงพลังเวทมนตร์ออกมาอย่างเป็นลำดับ ก่อนจะปล่อยมันออกมาในรูปแบบเดิม บางทีพวกเราอาจจะได้รับอาวุธที่ร้ายกาจอย่างมากมาก็ได้ เพียงแต่งานวิจัยนี้จำเป็นต้องใช้แกนพลังเวทมนตร์ ไม่ทราบพอจะอนุญาตให้ข้าทดลองดูได้หรือไม่?’


‘ในเมืองจักรพรรดิมีแกนเวทมนตร์เหลือเฟือ เจ้าเอาไปใช้ทดลองดูด้วย แต่ห้ามรบกวนการทำงานของหอคอยแห่งการให้กำเนิด’


‘น้อมรับพระบัญชา!’ เดอะแมสก์ก้มหน้า


หอเจ้าชีวิตค่อยๆ หายไป หอคอยขนาดใหญ่ในเมืองจักรพรรดิปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ก็คือบนหอคอยสีดำนี้มีดวงตาเพิ่มขึ้นมาอีกหลายดวง ราวกับว่ามันกำลังจ้องมองเมืองด้านล่างอยู่ตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น


นั่นคือจักรพรรดิ


ถ้าพูดถึงพลังเวทมนตร์ ต่อให้มีมันสิบตัวก็ไม่อาจเทียบอีกฝ่ายได้ หากเป็นเมื่อก่อน แม้แต่ความคิดที่จะสบตาก็คงไม่มีอยู่ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้…


เดอะแมสก์ขยับหน้ากากตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังลานเพาะเลี้ยง


….จักรพรรดิก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของแกนเวทมนตร์เท่านั้น


ตอนที่ 1461 ก่อนรุ่งอรุณ

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อเข้าใกล้เมืองจักรพรรดิของปีศาจ เกาะลอยฟ้าก็ถูกโจมตีหนักขึ้นเรื่อยๆ


จาดตอนแรกสุดที่โจมตีมาวันละครั้ง ตอนนี้กลายเป็น 4 – 5 ชั่วโมงครั้ง คลื่นการโจมตีครั้งก่อนหน้ายังไม่ทันหายไป คลื่นโจมตีที่สองก็มาอีกครั้ง


มีแต่ช่วงกลางคืน เกาะลอยฟ้าถึงจะอยู่ในความสงบ


การก่อสร้างและการติดตั้งต่างๆ ที่ยังไม่เสร็จล้วนแต่ถูกหยุดเอาไว้ก่อน ทีมก่อสร้างทั้งหมดถูกพาไปอยู่บนรันเวย์ที่กำลังทำการก่อสร้างอยู่ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ถาโถมเข้ามาเหมือนกับสายน้ำ โรแลนด์ก็ไม่กล้าจะให้อัศวินอากาศไล่ตามไปมากนัก นี่ทำให้ภาระทั้งหมดตกไปอยู่ที่ตัวเอเลนอร์


ส่วนการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งก็คือจำนวนของปีศาจระดับสูงเองก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นมีทั้งปีศาจระดับสูงที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายตัวเองซึ่งพบเห็นได้บ่อยๆ แล้วก็ปีศาจระดับสูงที่มีความสามารถแปลกๆ ป้อมปืนไร้คนเองก็เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น ที่ทำให้ความกดดันของแนวป้องกันเพิ่มมากขึ้น


เมื่อถึงช่วงบ่ายของวันที่สอง ศัตรูก็ฝ่าเข้ามาถึงด้านในของเกาะลอยฟ้าได้สำเร็จเป็นครั้งแรก หลังจากปีศาจระดับสูงจำนวนหลายตัวใช้มีดเวทมนตร์ทำลายประตู เอเลนอร์เกิดสัญญาณเตือนบุกรุก แม่มดอาญาสิทธิ์ที่สวมชุดเกราะทั้งตัวกลายเป็นแนวป้องกันที่สอง ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากต่อสู้กันในทางเดินแคบๆ ภาพเหตุการณ์นี้เหมือนศึกที่เกิดขึ้นในยุคสมัยสมาพันธ์เมื่อหลายร้อยปีก่อน เพียงแต่ตำแหน่งของทั้งสองฝั่งสลับกัน


ในความคิดของอควาเรียส แม่มดอาญาสิทธิ์นั้นเป็นหอกอันแหลมคมที่จะแทงเข้าไปในฐานที่มั่นของปีศาจ แล้วก็เป็นหัวใจสำคัญในการทำลายเสาโอเบลิสและร่างแม่ มีแต่ต้องบุกเข้าไปทำลายศัตรูที่ทำการป้องกันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี มนุษย์ถึงจะมีความหวังในการเอาชนะ แต่บนเกาะลอยฟ้า ปีศาจกลับกลายเป็นฝ่ายบุกโจมตี แม่มดอาญาสิทธิ์แค่ป้องกันไม่ให้พวกมันบุกเข้ามาได้ก็พอ


แต่ถึงแม้จะตั้งรับอยู่บนเกาะลอยฟ้า ความแข็งแกร่งของพวกเธอก็ไม่ได้ลดลงเลย ในอีกแง่หนึ่ง แม่มดอาญาสิทธิ์นั้นเป็นดาวพิฆาตที่เกิดมาเพื่อจัดการปีศาจระดับสูง ปีศาจที่ถูกปิดกั้นความสามารถเอาไว้ เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าแม่มดที่เป็นเหมือนกับอมนุษย์และไม่หวาดกลัวต่อความเจ็บปวดนั้นไม่สามารถสร้างความได้เปรียบได้แม้แต่นิดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นในมือพวกเธอยังมีปืนอยู่ด้วย


ด้วยเหตุนี้ถึงแม้จะเสียเปรียบในเรื่องจำนวน แต่พวกเธอก็ยังกันศัตรูเอาไว้ด้านนอกพื้นที่ศูนย์กลางได้


ในขณะเดียวกัน บนภาคพื้นดินก็มีร่องรอยของปีศาจปรากฏตัวขึ้นมา ส่วนใหญ่ในนั้นเป็นอสูรยักษ์แมงมุม ตอนแรกนั้นมีอยู่แค่ไม่กี่ตัว แต่ตอนนี้กลับรวมกันจนกลายเป็นเหมือน ‘แอ่งน้ำสีดำ’ เล็กๆ แห่งหนึ่งแล้ว


“เหมือนฝูงมดที่รอซากศพเลย” อกาธามองไปยังภาพด้านล่างเกาะลอยฟ้าพร้อมบ่นงึมงำขึ้นมา “ถ้าพวกเราตกลงไป พวกมันคงจะกรูเข้ามาฉีกเนื้อพวกเราออกเป็นชิ้นๆ แน่”


“ยังมีปีศาจอีกจำนวนมากที่กำลังเดินทางมา ดูเหมือนศัตรูจะอยากล้อมพวกเราเอาไว้นะ” สีหน้าฟิลลิสดูคร่ำเคร่ง “ในอดีตสมาพันธ์คิดจะใช้อมนุษย์ในการเอาชนะปีศาจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนความคิดอันนี้มันจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”


“อื้อ ต่อให้ไม่มีเดอะแมสก์และกองทัพร่างซิมไบออนท์ จำนวนปีศาจขนาดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่สมาพันธ์จะเอาชนะได้เลย…” แม่มดน้ำแข็งหลับตาลง “พวกเราดูถูกสงครามแห่งโชคชะตาเกินไป”


“แต่อย่างน้อยพวกเจ้าก็ยังมีความหวังอยู่” โรแลนด์ตบบ่าของเธอเพื่อปลอบโยน ไม่ว่าจุดจบของจักรวรรดิแม่มดจะเป็นอย่างไร แต่หลังจากที่มนุษย์ประสบความพ่ายแพ้อย่างราบคาบถึงสองครั้ง พวกเธอก็ยังรักษาเปลวไฟแห่งความหวังเอาไว้อยู่ เพียงแค่จุดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว


“ฝ่าบาท!” ในเวลานี้เฟร์รานได้หอบเอาเอกสารกองหนึ่งเดินเข้ามา “วิถีการเคลื่อนที่ของเกาะลอยฟ้าของปีศาจเกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนว่ามันจะมุ่งหน้ามาทางพวกเราพ่ะย่ะค่ะ!”


“คนที่รายงานเป็นใคร?”


“คุณหนูไลต์นิ่งของทีมนักสำรวจพ่ะย่ะค่ะ นางบอกว่าอีกฝ่ายยังขยายขอบเขตการลาดตระเวนของอสูรสยองด้วยพ่ะย่ะค่ะ นางกับเมซี่ไม่สามารถบินสอดแนมบริเวณใกล้เคียงได้อีกแล้ว สุดท้ายคุณหนูไลต์นิ่งบอกว่าเมืองจักรพรรดิที่อยู่ด้านล่างมีปฏิกิริยาเวทมนตร์ที่รุนแรงไหลทะลักออกมา ขนาดนางที่ไม่ถนัดในการรับรู้ถึงพลังเวทมนตร์ก็ยังสัมผัสได้ถึงไอเวทมนตร์ที่ร้อนแรงอันนั้นพ่ะย่ะค่ะ”


โรแลนด์สบตากับอกาธาทันที


“เจ้าคิดว่ามันคืออะไร?”


“หม่อมฉันไม่ทราบ…” อีกฝ่ายส่ายหัว “แต่ในเมื่อพลังเวทมนตร์จับตัวกันถึงระดับนี้ เกรงว่ามันคงจะไม่ใช่ของธรรมดาๆ แน่พ่ะย่ะค่ะ”


“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” โรแลนด์เห็นด้วย


ช่างน่าตกใจจริงๆ


ทั้งร่างซิมไบออนท์ การเพิ่มจำนวนของปีศาจระดับสูง พระผู้สร้าง…ในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ ปีศาจมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ในศึกพระผู้สร้างตอนแรกพวกมันจะยังใช้หอกกระดูกธรรมดาอยู่ แต่ในเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นหอกที่สามารถระเบิดได้ ถึงแม้ไม่ใช่ปีศาจทุกตัวจะมีใช้ อีกทั้งสิ่งที่มันใช้ก็ไม่ใช่ดินปืนของมนุษย์ แต่นั่นจะต้องเป็นสิ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมนุษย์อย่างแน่นอน


ในอดีตผู้คนมักจะพูดว่าสงครามเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ดีที่สุดของอารยธรรม ดูเหมือนมันจะจริงอยู่บ้างนะเนี่ย โรแลนด์มองไปบนท้องฟ้าที่เป็นสีเหลือง พระเจ้า…นี่คือสิ่งที่เจ้าอยากจะเห็นจริงๆ งั้นเหรอ?


ถ้าหากฝืนการโจมตีเข้าไป พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะชนะแน่ ในเวลานี้เกาะลอยฟ้านั้นเป็นเหมือนเรือที่แล่นทวนน้ำ ส่วนกระแสน้ำสีดำที่ไหลทะลักเข้ามาก็คือปีศาจนับล้านๆ ตัว ถ้าศัตรูมีจำนวนเพิ่มมากกว่านี้อีกสองสามเท่า ภายในเกาะจะต้องบาดเจ็บล้มตายกันอย่างมากแน่


ยิ่งไปกว่านั้นพลังเวทมนตร์อันรุนแรงที่ไหลทะลักออกมาจากเมืองจักรพรรดิกับการที่พวกมันเป็นฝ่ายบุกเข้ามาหาแล้ว พวกมันน่าจะแอบซ่อนไพ่ตายอะไรเอาไว้อย่างแน่นอน


แต่ว่า…เขาก็ไม่ได้คิดที่จะแลกกับอีกฝ่ายแบบซึ่งๆ หน้าตั้งแต่แรกแล้ว


ตำแหน่งของเกาะลอยฟ้าบนแผนที่อยู่ห่างจากปลายเส้นแดงที่ทำสัญลักษณ์เอาไว้อีกนิดเดียว แต่ในเมื่อปีศาจยินดีที่จะเป็นฝ่ายร่นระยะทางตรงนี้เข้ามาเอง เขาก็จะได้ประหยัดเวลา


“แจ้งทุกคนให้ไปรวมตัวกันที่ห้องประชุม” โรแลนด์หันไปสั่งเฟร์ราน “ถึงเวลาแล้ว”


ทุกคนที่อยู่ในฐานบัญชาการวางงานในมือลงพร้อมกับหันมามองทางนี้


ภายในห้องตรึงเครียดขึ้นมาทันที


“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เฟร์รานยืดตัวตรงพร้อมทำวันทยหัตถ์


….


หลังจากนั้นไม่กี่นาที เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็มารวมตัวกันที่ชั้นบนของสะพานเรือ


พระอาทิตย์กำลังค่อยๆ ตกลงพื้นดิน เส้นขอบฟ้ากลายเป็นสีแดง ขณะที่บนลานบินก็มีซากศพปีศาจนอนกองอยู่เต็มไปหมด ทำให้แต่งเติมรังสีฆ่าฟันเข้าไปในแสงอาทิตย์ยามเย็น


“คืนนี้ ศัตรูจะเข้ามาในอาณาเขตโจมตีสุดท้ายของพวกเรา”


โรแลนด์มองดูผู้เข้าร่วมประชุมทีละคน พวกเขานั่งล้อมโต๊ะยาวโดยแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือเหล่าแม่มด ประกอบไปด้วยอันนา เวนดี้ อกาธา ฟิลลิส…อีกฝ่ายหนึ่งคือผู้บังคับบัญชาของกองทัพ ขวานเหล็ก เอดิธส์ ไบรอัน เฟร์ราน…ดวงตาทุกคู่ต่างเต็มไปเป็นความเชื่อมั่น ถึงแม้ศัตรูจะบุกมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน แต่ก็ไม่มีใครที่จะแสดงท่าที่ว่าจะถอยหรือหวาดกลัวแม้แต่คนเดียว


“แผนการนี้ข้าไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่มันถือกำเนิดขึ้นมา ทุกคนก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมัน แล้วก็ได้มองเห็นมันตั้งแต่เริ่มจนมาถึงตอนนี้” โรแลนด์ค่อยๆ พูด “ถึงแม้คนที่เสนอแผนการนี้ขึ้นมาจะเป็นข้า แต่ถ้าไม่มีความพยายามของทุกคน มันก็ไม่มีทางเป็นจริงได้”


การสร้างกระสุนตัวอย่าง การคำนวณพารามิเตอร์ต่างๆ การทดสอบทิ้งระเบิดจากบนอากาศ ถึงแม้จะมีศูนย์ออกแบบเกรย์คาสเซิลคอยช่วยเหลืออยู่ แต่เขาก็ทำตามขั้นตอนทุกๆ อย่างตั้งแต่การทดสอบตัวอย่างจนกลายมาเป็นอาวุธที่ใช้ได้จริงเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในระหว่างที่ทำการรบ


“เพื่อที่จะลดโอกาสในการถูกพบเห็นให้มากที่สุด และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียดายโดยไม่จำเป็นระหว่างทาง ฝูงบินจะออกเดินทางประมาณตีห้า การบินในเวลากลางคืนเต็มไปด้วยความเสี่ยง ต่ข้าเชื่อว่าทิลลีจะสามารถนำอัศวินอากาศออกปฏิบัติการได้ ถ้าทุกอย่างราบรื่น รุ่งเช้าพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะมี ‘พระอาทิตย์’ ดวงใหม่ปรากฏขึ้นมา”


เมื่อเห็นว่าภายในห้องประชุมไม่มีใครแย้งอะไรขึ้นมา โรแลนด์จึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “อย่างนั้น ข้าขอประกาศให้เริ่มดำเนินการตามแผนแสงแห่งอาทิตย์ได้!” เขาชะงักไปเล็กน้อย “จำเอาไว้ ช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดคือช่วงก่อนรุ่งอรุณ”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)