Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1436-1437

 ตอนที่ 1436 ก้าวข้ามตัวเอง

โดย

Ink Stone_Fantasy

กระบวนการเชื่อมต่อนั้นราบรื่นกว่าที่คิดเอาไว้


หลังแกนพลังเวทมนตร์เชื่อมต่อเข้าด้วยกันแล้ว เซลีนก็ ‘มองเห็น’ ภายในเสาหินโอเบลิส พูดอีกอย่างก็คือที่คือศูนย์กลางที่ควบคุมทั้งระบบ มันคือระบบที่สร้างขึ้นมาอย่างชาญฉลาดจากแกนพลังเวทมนตร์สี่อัน เสาโอเบลิสและร่างแม่ที่อยู่ด้านล่าง พลังเวทมนตร์สะท้อนกลับไปกลับมากลายเป็นคลื่นที่สอดประสานกัน


หลังจากสังเกตดูอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พอจะเข้าใจหลักการทำงานของระบบนี้อย่างคร่าวๆ แกนเวทมนตร์สี่อันใช้พลังที่ไม่เหมือนกันในการรักษาการทำงานของพระผู้สร้างเอาไว้ ส่วนคนที่ควบคุมพวกมันคือร่างแม่ที่อยู่ด้านล่างเสาหินโอเบลิส แต่แน่นอนว่าพูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะเมื่อดูจากการไหลเวียนของพลังเวทมนตร์แล้ว ร่างแม่นั้นแค่ทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนพลังเวทมนตร์เท่านั้น เหมือนกับคันบังคับของเฮฟเว่นเฟลม


ส่วนคันบังคับจะไปขับเคลื่อนเกียร์ วาล์วหรือสายเหล็กเป็นจำนวนเท่าไรนั้น นั่นล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีการออกแบบภายในเอาไว้เรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญนั้นอยู่ที่ว่ามันได้ทำให้ระดับความซับซ้อนของการบังคับมีความง่ายดายขึ้นมา ปกติเซลีนต้องใช้เวลานานมากในการบังคับแกนพลังเวทมนตร์ซักอัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการบังคับพร้อมกัน 4 อันเลย แต่หลังผ่านการปรับเปลี่ยนพลังเวทมนตร์อันน่าเหลือเชื่อนี้แล้ว การบังคับแกนพลังเวทมนตร์พร้อมกันทั้ง 4 ตัวเหมือนจะเป็นไปได้


เธอต้องยอมรับเลยว่านาซเพลที่เป็นคิดระบบนี้ขึ้นมานั้นเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง


อย่าว่าแต่จะให้เธอสร้างระบบที่เหมือนกันแบบนี้ขึ้นมาเลย หากไม่มีความรู้จำนวนมากที่โรแลนด์ไปเรียนรู้มาจากโลกแห่งความฝัน เกรงว่าแม้แต่ทำความเข้าใจเธอก็คงทำไม่ได้ด้วยซ้ำ


แต่นี่ก็ทำให้เซลีนเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมาเช่นเดียวกัน


สมาพันธ์เคยตรวจสอบดูบันทึกของร่างแม่มาก่อน ก่อนจะพบว่ามันเป็นเพียงปีศาจที่มีรูปร่างแปลกประหลาดชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ต่างอะไรกับอสูรเลอะเลือนที่ทำหน้าที่ผลิตหินเวทมนตร์ออกมาเลย ในเมื่อเป็นสิ่งมีชีวิต อย่างนั้นมันก็น่าจะมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองถึงจะถูก ซึ่งการมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองนั้นคืออุปสรรคต่อการควบคุมอย่างไม่ต้องสงสัย ราชาปีศาจตัวนั้นมันทำยังไงถึงเปลี่ยนให้มันกลายเป็น ‘เครื่องมือ’ ที่เชื่อฟังแบบนี้ได้


นอกจากนี้เมื่อดูจากระบบนี้แล้ว ตัวเสาโอเบลิสเหมือนจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด มันดูเหมือนจะทำหน้าที่เป็นตัวรับและตัวขยายมากกว่า ในฐานะที่เป็นสิ่งสำคัญที่ปีศาจที่ต้องพึ่งพาเพื่อความอยู่ แต่มันกลับไม่ได้ถูกเรียกว่าพระผู้สร้าง นี่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอคิดเอาไว้ก่อนที่จะทำการเชื่อมต่อเลย


เซลีนยื่นหนวดสำหรับรับรู้เข้าไปในร่างแม่ของปีศาจด้วยความสงสัย


พริบตานั้นเอง ภาพอันน่าเหลือเชื่อภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ —


‘พระเจ้า…’


เธอส่งเสียงอุทานตกใจออกมาโดยไม่รู้ตัว


มันคือ ‘ตาข่าย’ ขนาดมหึมา


ภายในตาข่ายเครือข่ายที่สร้างขึ้นมาจากเส้นที่ส่องแสงสว่างจำนวนมากผืนนี้ มีจุดเชื่อมต่อจำนวนมากที่กำลังส่องแสงกะพริบอยู่ เธอรู้ว่านั่นคือเมืองของปีศาจ และพื้นที่ที่พวกมันกระจุกตัวอยู่ด้วยกันก็คือแผ่นดินที่อยู่ตรงข้ามกับดินแดนรุ่งอรุณ — แบล็คสโตน! ไม่ใช่เท่านี้ เซลีนยังมองเห็นจุดเชื่อมต่ออีกจำนวนมากที่อ่อนแสง พวกมันกระจายกระจายตัวอยู่รอบนอกตาข่ายเหมือนกับไข่มุกที่สูญเสียความแวววาว


สิ่งที่ทำให้เซลีนรู้สึกตกตะลึงภายในร่างแม่กลับมีความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาดปรากฏขึ้นมา


เธอเข้ามาโดยไม่ถูกขัดขวาง เหมือนกับว่าที่นี่เป็นที่ๆ มีผู้มาเยี่ยมเยือนอยู่เป็นประจำอย่างไรอย่างนั้น


ร่างเปลือก!


เซลีนรู้ตัวอย่างรวดเร็ว!


ใช่แล้ว ถึงแม้มันจะเป็นปีศาจประเภทหนึ่ง แต่การปรับเปลี่ยนได้ทำให้มันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายร่างเปลือก ไม่มีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง ทำได้แค่เรื่องบางเรื่องตามสัญชาตญาณเท่านั้น นี่ต่างหากถึงจะเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้มันกลายเป็น ‘ศูนย์กลางของการควบคุม’ ได้!


เทคโนโลยีนี้เกี่ยวข้องกับอารยธรรมใต้ดินอย่างไม่ต้องสงสัย


ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง…ภายในใจเซลีนเกิดความรู้สึกสับสนอย่างรุนแรงขึ้นมา มันคือความรู้สึกตื่นเต้นจากการค้นพบเทคโนโลยีใหม่และความรู้สึกหนาวเย็นที่ได้เห็นมุมหนึ่งของความลับที่อยู่เบื้องหลัง


ด้วยเทคโนโลยีของเผ่าพันธุ์ที่ถูกทำลายไป สมาพันธ์แม่มดถึงได้ทำแผนการ ‘แม่มดอาญาสิทธิ์’ ให้เป็นจริงได้ แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่ปีศาจซึ่งเป็นผู้ดูดซับเอาชิ้นส่วนสืบทอดเข้าไปจะไม่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีตรงนี้


และความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกมันเดินนำหน้าสมาพันธ์ไปไกลมาก


เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เข้าใจก็คือการปรับเปลี่ยนให้เป็นร่างเปลือกแบบนี้น่าจเพื่อทำให้สามารถควบคุมแกนพลังเวทมนตร์ได้หลายอัน เพื่อที่จะได้แสดงผลลัพธ์อันน่าตกตะลึงออกมา นอกจากพระผู้สร้างแล้ว เมืองอื่นๆ น่าจะไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะการทำแบบนี้มันเต็มไปด้วยความเสี่ยง ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเหมือนเป็นการช่วงชิงเอาจิตสำนึกของ ‘ผู้ที่ถูกปรับเปลี่ยนร่างกาย’ มาด้วย ซึ่งร่างแม่ที่รับผิดชอบในการทำให้หินโอเบลิสเติบโตนั้นย่อมต้องมีความสำคัญอย่างมากในเผ่าพันธุ์ปีศาจ สถานะของมันย่อมไม่มีทางต่ำแน่


แต่เธอกลับมองเห็นว่าร่างแม่ที่เป็นตัวแทนของจุดเชื่อมต่อของเมืองอื่นๆ ส่วนใหญ่ได้ถูกผ่านการปรับเปลี่ยนมาแล้ว และกำลังกลายสภาพเป็นภาชนะโดยสมบูรณ์ ซึ่งมันไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเท่าไรเลย


หรือว่าจักรพรรดิจะไม่สนใจความเป็นความตายของปีศาจจำนวนมากภายในเมืองเลย?


‘ดื่มด่ำพอหรือยัง?’


ด้านหลังเธอพลันมีเสียงที่ไม่รู้จักดังขึ้นมา


เซลีนตกใจ เธอรีบ ‘หันหน้ากลับไป’ ทันที ก่อนจะเห็นปีศาจรูปร่างแปลกประหลาดตัวหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า มันไม่ได้มีรูปร่างภายนอกเป็นมนุษย์เหมือนอย่างปีศาจระดับสูงทั่วๆ ไป ร่างกายครึ่งร่างของมันเป็นเหมือนแมลง ด้านบนมีแขนอยู่สิบกว่าข้าง รูปร่างของมือเองก็มีหลากหลายรูปแบบ สิ่งที่ดูสะดุดตาที่สุดก็คือส่วนหัวของมันที่เป็นเหมือนเสารูปร่างแปลกประหลาด แถมยังมีหน้ากากแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก


ในเวลานี้เธอถึงได้สังเกตเห็นว่าตัวเองสามารถหมุนตัวอยู่ในจิตสำนึกได้! ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เธอไม่ได้เป็นวิญญาณที่แผ่วเบาอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นร่างกายที่มีน้ำหนัก


‘คิดไม่ถึงว่านอกจากข้าแล้วยังจะมีคนที่เข้ามาที่นี่ได้อีก’ เสียงของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสุข ‘ดูเหมือนเจ้าจะเป็นเหมือนอย่างข้านะ ทิ้งร่างกายเดิม ไม่รับการผูกมัดจากกฎเกณฑ์ใดๆ แสดงหาแต่เพียงความรู้และความจริงเท่านั้น! เป็นยังไง เจ้าพอใจผลงานพวกนี้ของข้าไหม?’


ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีกแล้ว ปีศาจตัวนี้จะต้องใช้เดอะแมสก์ที่สกายลอร์ดพูดถึงอย่างแน่นอน


‘ทำไมข้าถึงมองเห็นร่างกายของตัวเอง…เจ้าทำอะไรกันแน่?’


‘เจ้าน่าจะเดาได้แล้วไม่ใช่เหรอ’ เดอะแมสก์กางมือออกอย่างได้ใจ ‘นี่มันคล้ายกับโลกแห่งจิตสำนึกอย่างมากไม่ใช่เหรอ?’


เซลีนหน้าเปลี่ยนสีทันที ‘หรือว่าเจ้า—‘


‘ถูกต้อง ที่นี่คือ ‘โลกแห่งจิตสำนึก’ ที่ข้าสร้างขึ้นมา’ มันสงเสียงหัวเราะประหลาดขึ้นมา ‘ทำไมต้องมีพรสวรรค์ถึงจะสำรวจแหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์ได้? ทำไมถึงมีแค่บางคนที่สามารถเข้าออกมันได้ตามใจชอบ แต่บางคนแค่คิดจะสัมผัสมันก็ยังยาก? สิ่งที่ข้าเกลียดมากที่สุดก็คือพวกที่เกิดมาไม่ธรรมดาพวกนั้น’


‘ไม่สิ’ เซลีนสงบใจครุ่นคิดอย่างละเอียดถึงโลกแห่งความฝันที่เพื่อนของเธอบรรยายให้ฟัง ‘ถ้าอยากจะมองเห็นตัวเองล่ะก็ แค่ส่องกระจกก็ทำได้แล้ว ในโลกแห่งจิตสำนึกสามารถแสดงทุกสรรพสิ่งออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน ที่นี่นอกจากตาข่ายเครือข่ายที่ส่องแสงสว่างแล้วก็ไม่มีอะไรอยู่ แถมสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…ข้ามองเห็นรูปร่างภายนอกของร่างเปลือกเท่านั้น หาใช่ตัวตนที่แท้จริงของข้าไม่!’


‘เหอะ ร่างเปลือกไม่ดีตรงไหน? ถ้าไม่มีร่างกายนี้ แม้แต่ควบคุมแกนพลังเวทมนตร์เจ้าก็ไม่มีวันที่จะทำมันได้’ เดอะแมสก์ส่งเสียงเหอะดูถูกออกมา ‘โลกแห่งจิตสำนึกมันก็เป็นแค่ชื่อๆ หนึ่งเท่านั้น ไม่มีใครมากำหนดได้ว่ามันต้องมีหน้าตาเป็นอย่างไร — ถึงแม้นี่จะเป็นแค่ผลพลอยได้ของการทดลองก็จริง ส่วนเรื่องที่ว่าข้าทำอะไรนั่น แค่มองดูเจ้าก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่เหรอ?’


มันเดินเข้ามาหาเซลีน ก่อนจะเดิน ‘ทะลุ’ ตัวเธอไป ‘มันก็คือการหลุดพ้นจากการผูกมัดของร่างกายและอยู่เหนือทุกสิ่ง!’


เซลีนตกตะลึง


‘ทุกร่างกายล้วนแต่มีขีดจำกัด บนโลกนี้ไม่มีร่างกายไหนที่สมบูรณ์แบบ! ในเมื่อเป็นแบบนี้ทำไมข้าต้องถูกกำหนดให้เดินอยู่บนถนนที่สิ้นหวังด้วย? เห็นเครือข่ายเชื่อมต่อผืนนี้ไหม?’ เสียงของเดอะแมสก์ดังขึ้นเรื่อยๆ ‘เมื่อมีมัน ข้าสามารถไปอยู่ได้ทุกที่ นี่มันยิ่งใหญ่กว่าร่างกายใดๆ ทั้งหมด — ในตอนที่มันพัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง ข้าจะสามารถไปอยู่ในหลายๆ ที่ได้พร้อมกัน หรือพูดอีกอย่างก็คือสร้าง ‘ตัวข้า’ ขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน!’


‘เมื่อมีตัวข้าพวกนี้ ข้าก็จะสามารถไปยังสถานที่ที่อันตรายที่สุดได้ ทำการทดลองที่อันตรายที่สุดได้ สามารถสำรวจความลี้ลับทุกอย่างบนโลกนี้ได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล! เจ้าน่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่ามันหมายถึงอะไร!’ นาซเพลยกมือทั้งหมดขึ้นมา ‘การรับรู้ทุกอย่าง ประสบการณ์และความรู้ทั้งหมดจะเป็นของข้า ประสิทธิภาพในการดูดซับความรู้แบบนี้จะทำให้ข้าเกิดการวิวัฒนาการขึ้นใหม่ — ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ แล้วก็ไม่ต้องใช้หินเวทมนตร์ นี่คือความฝันที่ผู้ขวนขวายหาความรู้เฝ้าใฝ่ฝันมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ!’


เจ้านี่….บ้าไปแล้ว


ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมร่างแม่ของเมืองที่ไม่ได้กลายเป็นพระผู้สร้างเหล่านั้นถึงต้องทำการปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นร่างเปลือกด้วย


นี่ไม่ใช่ความต้องการของจักรพรรดิ


หากแต่เป็นสิ่งเดอะแมสก์แอบทำลับหลัง


‘ดูเหมือนเจ้าจะรู้แล้วสินะ’ นาซเพลถอดหน้ากากอันหนึ่งออก ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง — และบนใบหน้านั้น มุมปากของมันยิ้มแบบฝืนๆ ขึ้นมา ‘เมื่อออกจากโลกแห่งจิตสำนึก เหล่าราชาก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย แล้วก็จักรพรรดิ…ถึงแม้จะอยู่ในหอเจ้าชีวิต มันก็ไม่ได้สังเกตเห็นความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของข้ากับราชาตัวอื่นๆ เลย พวกมันพึ่งพาความสามารถมากเกินไป…แต่เจ้าคงไม่มีโอกาสได้เอาข่าวนี้ออกไปข้างนอกหรอก อยู่ที่นี่แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของข้าดีกว่า’


พอพูดจบ แกนพลังเวทมนตร์ทั้งสี่ก็หยุดหมุนลงทันที


ตอนที่ 1437 แสงจากในความมืด

โดย

Ink Stone_Fantasy

‘ไม่ หยุดนะ!’


เซลีนตะโกนออกไปด้วยความตกใจและความหวาดกลัว!


ทันทีที่หยุดการหมุนเวียนของพลังเวทมนตร์ พระผู้สร้างก็จะกลายเป็นเหมือนภูเขาที่ไม่มีแรงลอยตัว


‘นี่คือความสามารถของข้า’ นาซเพลพูดอย่างมั่นใจ ‘ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีร่างกายของข้า แต่ด้วยเครือข่ายอันนี้ทำให้ข้าสามารถควบคุมแกนพลังเวทมนตร์จากระยะไกลได้ มันไม่ได้มีอยู่แบบนี้ตั้งแต่แรก หากแต่ค่อยๆ ถูกสร้างขึ้นมาหลังจากที่ข้าได้รับการสืบทอด มันไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ แล้วก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามตัวบุคคล ตอนนี้เครือข่ายอันนี้ย่อมไม่อาจเทียบโลกแห่งจิตสำนึกได้ แต่หลังจากนี้อีกหลายร้อยปีหรือหลายพันปีล่ะ? เพราะตัวข้าที่ทำลายการพันธนาการของร่างกายได้แล้ว สิ่งที่มีอยู่เยอะที่สุดก็คือเวลา’


“ครึกๆๆ….”


เมื่อแกนเวทมนตร์หยุดทำงาน ภายในพระผู้สร้างก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


ทหารที่ประจำอยู่รอบๆ ลานยกระดับแม้แต่จะยืนอยู่นิ่งๆ ก็ยังทำได้ยาก หลายๆ คนถึงกับล้มลงไปกับพื้น


“ความสูงของพระผู้สร้างกำลังลดลง!” ไซเลนท์พูดเสียงเบาๆ


“บ้าเอ้ย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” เฮคซอดหันไปคำรามใส่เซลีน “เฮ้ แม่มด! รีบตอบข้า!”


‘เดอะแมสก์แทรกแซงการทำงานของแกนเวทมนตร์ พวกเราจำเป็นต้องตัดการเชื่อมต่อของมัน!’


เซลีนตะโกนติดต่อกันหลายครั้ง แต่กลับพบว่าอีกฝ่าย ‘ไม่ได้ยิน’ จิตสำนึกของตัวเอง เธอสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกได้ แต่กลับสูญเสียความสามารถในการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกไป เหมือนกับระหว่างทั้งสองฝั่งมีกำแพงใสๆ มากั้นเอาไว้อยู่


‘เจ้าอยู่ในร่างมาเธอร์ออฟโซล ตอนนี้ร่างเปลือกอันนั้นก็เป็นแค่ร่างเปล่าๆ เท่านั้น แล้วพวกนั้นมันจะไปได้ยินเสียงเตือนของเจ้าได้ยังไง?’ เดอะแมสก์พูดด้วยสีหน้าสนุก ‘ยิ่งไปกว่านั้นจะตัดการเชื่อมต่อมันไม่ใช่เรื่องง่าย…ในเผ่าพันธุ์ข้า สถานะของมาเธอร์ออฟโซลนั้นเป็นรองเพียงจักรพรรดิและอยู่ในระดับเดียวกับราชา นี่ไม่เพียงแต่จะสะท้อนให้เห็นถึงระดับของพลังเวทมนตร์ แต่ร่างกายของมันยังแข็งแกร่งอย่างมากด้วย แถมด้านบนยังมีละอองชีวิตจำนวนมากปกคลุมอยู่ การจะฆ่ามันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่มีมาเธอร์ออฟโซล เจ้าจะควบคุมแกนพลังเวทมนตร์ได้ยังไง? ยังไงผลลัพธ์มันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้’


‘เมืองแห่งนี้มีเผ่าพันธุ์ของเจ้าอยู่เป็นแสนๆ ตัว หรือว่าเจ้าคิดจะปล่อยให้พวกมันตายตามไปด้วย?’


‘ข้านึกไม่ถึงเลยว่าแม่มดในสมัยสมาพันธ์จะเกิดความเห็นใจต่อปีศาจด้วย’ นาซเพลพูดเสียดสี ‘อีกอย่างพวกมันก็เป็นแค่พวกทรยศที่ไปเข้ากับเฮคซอดเท่านั้น ถึงตายไปก็ไม่น่าเสียดาย แต่ร่างซิมไบออนท์พวกนั้นนี่สิ ถ้าต้องตายไปพร้อมกับพระผู้สร้างก็น่าเสียดายไปหน่อย แต่ขอเพียงมีเวลา ข้าก็สามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ ถ้าเจ้าอยากจะทำให้ข้าเปลี่ยนความคิดล่ะก็ ข้าว่าเจ้าน่าจะหาเหตุผลที่ดีกว่านี้มาพูดกล่อมข้านะ เพราะเวลาที่เหลือให้พวกแมลงที่อยู่ข้างนอกมันเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว’


เจ้าสัตว์ประหลาดนี่…มันรู้ได้ยังไงว่าเธอมาจากยุคสมัยสมาพันธ์? เซลีนรู้สึกแปลกใจ เพียงแต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาจะมาคิดถึงปัญหาเรื่องนี้แล้ว ‘สายแร่หินอาญาสิทธิ์ล่ะ! ถ้าแผ่นดินลอยฟ้าถูกทำลายที่นี่ เฮอร์มีสกับแผนดินตะวันตกของเกรย์คาสเซิลก็จะได้รับผลประทบไปด้วย เจ้าแน่ใจนะว่าจักรพรรดิจะไม่ลงโทษเจ้าเรื่องนี้?’


‘สกายลอร์ดเล่าซะละเอียดเลยนะเนี่ย…’ นาซเพลดูเหมือนไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่นิดเดียว ‘แต่การทำลายมนุษย์นั้นมีความสำคัญอย่างมาก จักรพรรดิจะต้องเข้าใจเจตนาของข้าอย่างแน่นอน เพราะในหมู่ราชามีผู้ทรยศ มันก็ต้องมีค่าตอบแทนนิดๆ หน่อยๆ บ้าง’


‘ค่าตอบแทนนิดหน่อย? สายแร่หินอาญาสิทธิ์เป็นฐานรากสำคัญที่หอหมอกแดงตอนใช้ไม่ใช่เหรอ? ถ้ามีหมอกแดงไม่พอ พวกเจ้าก็จะไม่สามารถอาศัยอยู่บนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ได้ แล้วพวกเจ้าจะไปป้องกันอาณาจักรซีสกายหลังจากนั้นได้ยังไง?’


‘เหตุผลนี้ดีกว่าเหตุผลก่อนหน้านี้’ เดอะแมสก์ไม่ได้ปฏิเสธ ‘แต่เจ้ามองข้ามไปสองเรื่อง หนึ่งคือร่างซิมไบออนท์นั้นพึ่งพาหมอกแดงน้อยกว่าร่างระดับต้นและร่างยกระดับระดับต้นมาก ต่อให้ทรัพยากรจะขาดแคลนแค่ไหน พวกมันก็ไม่มีทางเกิดความรู้สึกไม่พอใจอะไร จุดที่สองคือข้าเชื่อมั่นในพวกมนุษย์…’


‘เชื่อมั่น…หมายความว่ายังไง?’ เซลีนกัดฟันถาม


‘ก่อนหน้านี้ข้าเคยดูแคลนความสามารถของอุรูคไป มนุษย์นั้นพัฒนาในด้านพลังเวทมนตร์ค่อนข้างช้า แต่ในอีกด้านหนึ่งพวกเจ้ากลับพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ข้าเชื่อมั่นว่าถ้าเอาชิ้นส่วนสืบทอดของพวกเจ้ามาแล้วรวมเข้ากับเทคโนโลยีของข้า การรับมือกับอาณาจักรซีสกายก็จะไม่ใช่เรื่องยาก พูดอีกอย่างก็คือต่อให้ไม่มีสายแร่หินอาญาสิทธิ์สองแห่งนี้ ข้าก็ยังสามารถเอาชนะสงครามแห่งโชคชะตาได้อยู่ดี’


‘……’ เซลีนรู้ว่าไม่ว่าจะพูดอะไร อีกฝ่ายก็ไม่มีทางเปลี่ยนความคิด —- มันแค่ต้องการปั่นหัวตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้ว


เมื่อกับนักล่าที่กำลังเล่นกับเหยื่อของมัน


เมื่อไม่สามารถส่งข้อความออกไปได้ เธอก็ได้แต่ต้องหยุดหายนะครั้งนี้ด้วยตัวเองเท่านั้น!


‘ดูสิ ไม่เหลือเวลาแล้ว’ นาซเพลมองไปยังอีกฟากหนึ่ง — ในที่สุดพลังเวทมนตร์ที่คอยพยุงพระผู้สร้างเอาไว้ก็หายไปจนหมด จากตอนแรกที่ค่อยๆ เลื่อนลงก็กลายเป็นการดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้การเปลี่ยนแปลงนี้ ทหารไม่สามารถยืนอย่างมั่นคงได้อีกต่อไป พวกเขาได้แต่ต้องหมอบลงไปกับพื้น ‘ได้ยินว่าตอนที่วัตถุตกลงไปด้านล่าง คนที่ยืนอยู่ด้านบนจะลอยขึ้นมา ไม่รู้ว่าข้าจะได้เห็นภาพแบบนี้หรือไม่?’


ทำยังไงถึงจะทำให้แกนเวทมนตร์เคลื่อนไหวได้อีกครั้ง?


เซลีนพยายามรวบรวมสมาธิ เดอะแมสก์ไม่ได้อยู่บนพระผู้สร้าง มันเชื่อมต่อที่นี่ด้วย ‘เครือข่าย’ ของมัน อย่างนั้นถ้าไล่อีกฝ่ายออกไปได้ บางทีอาจจะทำให้แกนพลังเวทมนตร์กลับมาทำงานได้เป็นปกติอีกครั้ง!


เธอลองเอาหนวดสำหรับรับรู้แทงลงไปในแกนเวทมนตร์ทั้งสี่ แต่เธอกลับเจอกับการสะท้อนกลับอย่างรุนแรง!


มันคือภาพพายุหมุนที่มีความซับซ้อนอย่างมาก


พายุทุกลูกล้วนแต่เทียบเท่ากับแกนเวทมนตร์ตอนที่อยู่ในรูปแบบ ‘ทัณฑ์สวรรค์’ เลย อีกทั้งพายุทั้งสี่ยังส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ทำให้กลายเป็นพายุหมุนเวทมนตร์ที่มีความรุนแรงอย่างมาก


แค่จัดการแกนเวทมนตร์อันเดียวยังต้องใช้เวลาตั้งนาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแก้ไขแกนเวทมนตร์ทั้งสี่พร้อมกันเลย!


‘นี่ต่างหากถึงจะเป็นศิลปะ…ใช่ไหมล่ะ?’ นาซเพลขยายภาพพายุใหญ่ขึ้น ก่อนจะกลายเป็นโครงสร้าง ‘ดาราจักร’ ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาบนศีรษะของทั้งสองในพริบตา พลังเวทมนตร์สอดประสานกันไปมาพร้อมกับส่องแสงแวววับ ‘เพื่อที่จะคำนวณมันออกมาแล้ว ข้าต้องใช้เวลาไปเกือบร้อยปี สมองสองในสามหรือสองในสี่ต้องถูกใช้ไปกับการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง ราชาส่วนใหญ่คิดว่าข้าเป็นตัวประหลาด…ช่างน่าขันเสียจริง ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงร่างกายของตัวเองและดูดซับสมองมาให้มากๆ แล้วข้าจะทำให้ทั้งหมดนี้กลายเป็นจริงได้อย่างไร?’


เมื่อเห็นภาพพายุเวทมนตร์ที่หมุนวนเหมือนระบบสุริยะ เซลีนพลันรู้สึกถึงความสิ้นหวังขึ้นมา


ขณะเดียวกันเธอยังสัมผัสได้ว่าเดอะแมสก์กำลังฉวยโอกาสในตอนที่เธอกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับแกนพลังเวทมนตร์ในการรุกล้ำเข้ามาในร่างกายของเธอ เพียงแต่ในเวลานี้เซลีนไม่มีความคิดต่อต้านใดๆ ทั้งสิ่ง ถ้าเธอไม่สามารถแก้ไขทุกอย่างได้ ความหวังของสมาพันธ์….รวมไปถึงมนุษย์ทั้งหมดจะพังทลายลง แล้วมันจะต่างอะไรกับการถูกคนอื่นยึดร่างกายไปล่ะ?


ต้องรีบคิดหาทาง!


ภายในหัวเธอมีภาพโรแลนด์ปรากฏขึ้นมา สร้างโอกาสในการมีชีวิตรอดจากความเป็นไม่ได้ นี่คือความหวังที่ชายคนนี้มอบให้กับแม่มดทาคิลาอีกครั้ง….แต่ไม่นานเธอก็ปฏิเสธความคิดนี้ไป เพราะ ‘เครือข่าย’ ของเดอะแมสก์กับโลกแห่งจิตสำนึกนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวเองไม่สามารถรับความช่วยเหลือของฝ่าบาทจากที่นี่ได้


ยังมีอะไรที่จะทำให้เธอวิเคราะห์วงแหวนดวงดาวนี้ได้อีก?


เมื่อคิดย้อนกลับไป ตอนที่เธอเปลี่ยนแกนพลังเวทมนตร์ให้กลายเป็นทัณฑ์สวรรค์ เธอทำอะไรไปบ้าง?


สายฟ้าสายหนึ่งพลันผ่าลงมาในหัวของเซลีน!


เธอก้มหน้ามองดู ‘ตาข่ายเครือข่าย’ ที่กำลังสองแส่งระยิบระยับอันนั้น — นั่นคือสิ่งที่ยืมเทคโนโลยีของอารยธรรมใต้ดินในการสร้างออกมา และจุดสีเทาที่กระจายอยู่ด้านนอกตาข่ายน่าจะเป็นแกนพลังเวทมนตร์ที่ยังไม่ถูกรวมเข้ามา


แกนพลังเวทมนตร์แบบนี้ เมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็มีเหมือนกัน!


ในเมื่อเธอสามารถเชื่อมต่อเข้ากับศูนย์กลางการควบคุมของพระผู้สร้างผ่านทางแกนพลังเวทมนตร์ได้ อย่างนั้นแกนพลังเวทมนตร์อื่นๆ ก็น่าจะทำได้เหมือนกัน แต่แน่นอนว่าปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องระยะทาง แต่เมื่อคิดย้อนกลับแล้ว บางทีเธออาจจะใช้ศูนย์กลางการควบคุมนี้ในการเชื่อมต่อกับแกนพลังเวทมนตร์อันอื่นได้


จากนั้นก็ให้พาซาร์กับอาลิเซียมาช่วยเธอ?


ไม่ พวกเธอช่วยอะไรไม่ได้…คนที่เธอจะฝากความหวังเอาไว้ได้มีเพียงแค่คนเดียว!


นั่นคือหนึ่งในสามผู้นำที่ช่วยเธอจัดการกับแกนคำนวณขนาดใหญ่


ท่านเอเลนอร์


ส่วนเอเลนอร์ที่รวมร่างเข้ากับร่างศูนย์กลางและสูญเสียจิตใจและความรู้สึกจะตอบสนองการเรียกของเธอได้หรือเปล่านั้น เซลีนไม่มีเวลามานั่งคิดแล้ว


ความคิดนี้เหมือนเป็นแสงลางๆ ที่ปรากฏขึ้นมาในความมืด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เธอก็ต้องลองคว้ามันดู!


เธอรวบรวมสมาธิอีกครั้ง แล้วเล็งเป้าหมายไปบนหินโอเบลิส—


ครั้งนี้ เธอไม่จำเป็นต้องทำการวิเคราะห์อะไรอีก เพียงแค่ใส่พลังเวทมนตร์จำนวนมากเข้าไปในนั้นก็พอ!


‘เจ้าคิดจะทำอะไร?’ นาซเพลด้านหนึ่งก็กำลังกลืนกินจิตสำนึกของเธอ อีกด้านหนึ่งก็พูดขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อน ‘อยากจะขยายขอบเขตการแสดงผลของเครือข่ายอย่างนั้นเหรอ? เจ้าไม่เข้าใจ…ถ้าไม่มีมาเธอร์ออฟโซลหรือว่าร่างเปลือก จุดเชื่อมต่อเหล่านั้นก็ไม่สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แม้แต่จักรพรรดิเองก็ต้องหลอมรวมเข้ากับแกนพลังเวทมนตร์ก่อนถึงจะสามารถขับเคลื่อนพลังที่น่าตกตะลึงนี้ได้…’


‘งั้นเหรอ? แต่ว่าข้ารู้จักคนแบบนี้อยู่คนนึงพอดีเลย!’ เซลีนใช้แรงทั้งหมดที่มีทำให้จิตสำนึกของตัวเองกระจายออกไปตามเครือข่าย ‘ปรับรูปแบบแกนพลังเวทมนตร์ให้เป็นแบบสมดุล!’


ทันใดนั้นเอง เสาหินโอเบลิสพลันส่งเสียงร้องที่คนธรรมดาไม่มีวันรับรู้ได้ออกมา คลื่นพลังเวทมนตร์อันรุนแรงนี้ทำให้ตาข่ายเครือข่ายทั้งหมดเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างขึ้นมา ราวกับว่ามันพร้อมจะดับลงไปได้ทุกเมื่อ แต่กลับไปส่องสว่างเหมือนดวงดาวอยู่ทางตะวันตกแทน


……………………………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)