Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1422-1423

 ตอนที่ 1422 แผนสอง

โดย

Ink Stone_Fantasy

นี่มันการอ่านความทรงจำ!


สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันคือเวลาที่พวกมันอยู่ในหอเจ้าชีวิตของจักรพรรดิ พวกมันต้องเป็นคนเปิดความทรงจำให้จักรพรรดิอ่าน แต่ตอนนี้เฮคซอดกลับเป็นฝ่ายเอาความทรงจำใส่เข้ามาในจิตสำนึกของมัน!


ผ่านไปครู่ใหญ่ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์จึงตัดการเชื่อมต่อจิตสำนึก


ความทรงจำยากจะปลอมขึ้นมาได้ แล้วก็มีความชัดเจนมากกว่าการพูดบรรยาย แต่มันก็ยังมีจุดอ่อนที่ไม่สามารถมองข้ามได้อยู่ นั่นคือมันสามารถมองเห็นความทรงจำอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้ง่าย ความทรงจำที่เปิดออกมาเหมือนกับเมืองที่ไม่มีการป้องกัน มันคิดไม่ถึงว่าสกายลอร์ดจะเลือกใช้วิธีนี้ในการส่งข้อความให้มัน


“เจ้า…”


“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” เสียงของเฮคซอดเบาอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าการถ่ายความทรงจำนี้ทำให้มันเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด “ถ้าไม่ทำแบบนี้ เจ้าจะเชื่อเรื่องที่ข้าไปเจอมาเหรอ?”


คำตอบคือไม่อย่างแน่นอน


เกาะเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากแบล็คสโตน กลับเป็นที่อยู่ของแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ คำพูดนี้อย่าว่าแต่บรรยายด้วยปากเปล่าเลย ต่อให้อ่านความทรงจำมาแล้ว มันก็ยังมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง


“เจ้าสามารถสร้างดินแดนความทรงจำของตัวเองขึ้นมาได้แล้วเหรอ?” ไซเลนท์เปลี่ยนประเด็น


เฮคซอดเหลือบมองมันอย่างสงสัย “ข้านึกว่าเจ้าจะสนใจข่าวคราวของวัลคีรีย์เป็นอย่างแรกเสียอีก แต่ว่าเจ้าเดาถูกแล้ว…ถ้าข้าไม่สร้างดินแดนแห่งจิตสำนึกของตัวเองขึ้นมา ข้าก็ไม่มีทางส่งต่อความทรงจำให้เจ้าได้ ในตอนที่มองเห็นต้นไม้แห่งลำแสงนั้น ความเข้าใจที่ข้ามีต่อโลกแห่งจิตสำนึกพลันลึกซึ้งมากขึ้นกว่าเดิม — หากไม่เป็นเพราะอาณาจักรซีสกายเข้ามาขัดจังหวะ บางทีข้าอาจจะเข้าใจมากขึ้นกว่านี้อีก แต่แน่นอน…เมื่อเทียบกับหอเจ้าชีวิตของจักรพรรดิแล้ว ดินแดนของข้ายังเล็กกว่ามาก”


“อย่างนี้นี่เอง” ไซเลนท์นั่งกลับลงไปในบ่อ แผ่นหลังหันชนกับสกายลอร์ด “จริงอยู่ที่ข้าอยากรู้ข่าวคราวของไนท์แมร์ลอร์ด ในตอนที่มองเห็นกระดาษแผ่นนั้น ข้าถึงขนาดอยากจะไปที่อาณาจักรของมนุษย์เพื่อหามันทันที — แต่หลักเหตุผลมันบอกข้าว่าข้าจำเป็นต้องปฏิเสธคำขอของเจ้า”


“ปฏิเสธ…อะไร?” เฮคซอดหันกลับมา เมื่อมองจากหางตา มันสามารถมองเห็นแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าและผมสีน้ำเงินที่ยาวจนตกลงไปในบ่อของอีกฝ่ายได้


“ข้าไม่ค่อยพูด แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่คิด” ไซเลนท์ค่อยๆพูดต่อว่า “ที่เจ้ากลับมาหาข้าก่อน แทนที่จะไปรายงานเรื่องนี้กับจักรพรรดิ จุดประสงค์ของเจ้ามันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เจ้าอยากจะหยุดสงครามแห่งโชคชะตาหรือไม่ก็รอให้ความจริงมันปรากฏก่อนค่อยตัดสินใจ — นี่คือการขัดพระบัญชาของจักรพรรดิอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งมันไม่ได้ต่างอะไรกับการทรยศ ถ้าหากถูกจักรพรรดิ์รู้เข้า มันไม่มีทางจะปล่อยเจ้าไปแน่ และตัวเจ้าที่ไม่อาจทำมันได้ด้วยตัวคนเดียวได้ก็ต้องการคนช่วยเหลือ ซึ่งข้าก็คือคนที่เจ้าเลือกที่จะขอความช่วยเหลือคนนั้น”


“ไม่ ข้าภักดีต่อองค์จักรพรรดิ!” เฮคซอดคำรามเสียงต่ำอยู่ในลำคอ “ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าสงครามแห่งโชคชะตาเป็นเรื่องหลอกลวง ทำไมพวกเรายังต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้นและรอให้ถูกทำลายจนดับสูญไปด้วย? เจ้าคิดว่าจักรพรรดิจะดึงดันสู้ต่อไปคนเดียวเหรอ? ขอเพียงแค่หาวิธีติดต่อกับวัลคีรีย์ได้ ถึงตอนนั้นจักรพรรดิจะต้องเข้าใจแน่นอนว่าอะไรกันแน่คือทางเลือกที่ถูกต้อง ดังนั้น..”


หลังจากที่พูดถึงตรงนี้ เสียงของมันก็เบาลงเรื่อยๆ


“บ้าเอ้ย เจ้ามองเห็นหมดแล้วเหรอ?”


“อื้อ” ไซเลนท์ตอบออกมาอย่างสบายๆ “ข้าไม่ได้ตั้งใจ แต่ความทรงจำมันไม่สามารถเลือกได้ว่าจะให้เห็นหรือไม่เห็นอะไรเหมือนอย่างคำพูดได้ นับตั้งแต่ที่เจ้าออกมาจากบอทธ่อมเลสแลนด์ เจ้าก็รู้แล้วว่าจักรพรรดิไม่มีทางเห็นด้วยกับวิธีของเจ้า”


สงครามแห่งโชคชะตาคือเรื่องหลอกลวง โลกแห่งจิตสำนึกมีความลับที่ลึกซึ้งมากกว่านี้แอบซ่อนอยู่ แต่นี่มันไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับการบดขยี้มนุษย์และอาณาจักรซีสกาย ต่อให้ข้อความบนกระดาษแผ่นนั้นเป็นเรื่องจริง อย่างนั้นขอเพียงไม่ประกอบชิ้นส่วนแห่งการสืบทอด การ ‘ยกระดับ’ ก็จะไม่เกิดขึ้น พวกมันมีเวลาอีกมากมายในการไขความลับนี้ ไม่ว่าอย่างไร ความลับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสงครามแห่งโชคชะตาก็ควรจะอยู่ในมือของตัวเอง การปล่อยศัตรูทิ้งเอาไว้นับเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก


จริงอยู่ที่การทำลายมนุษย์อาจจะทำให้ไนท์แมร์ต้องหายไปในโลกแห่งจิตสำนึกตลอดกาล แต่เมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์ทั้งเผ่าพันธุ์แล้ว การสูญเสียราชาตนหนึ่งไปนับเป็นเรื่องที่เล็กน้อยอย่างมาก ต่อให้อีกฝ่ายเป็นวัลคีรีย์ก็ตาม จักรพรรดิไม่มีทางปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกมาส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของตัวเองอย่างแน่นอน สิ่งเดียวที่มันใช้เป็นมาตรฐานในการตัดสินใจทำอะไรนั้นมีแต่ตรรกะอันเยือกเย็น


ทันทีที่หยุดการรุกคืบในการทำสงคราม ความเร็วในการพัฒนาของมนุษย์อาจจะทำให้ความได้เปรียบของเผ่าพันธุ์ต้องหายไป นี่คือเรื่องที่อุรุคย้ำแล้วย้ำอีก จักรพรรดิไม่มีทางเสี่ยงในเรื่องนี้แน่ เฮคซอดจะต้องรู้เรื่องนี้ดีอย่างแน่นอน


“ถ้าเป็นเวลาปกติ ข้าจะต้องตัดแขนตัดขาของเจ้าจนหนีไปไหนไม่ได้ จากนั้นค่อยส่งตัวให้จักรพรรดิสอบสวนอย่างแน่นอน” ไซเลนท์ถอนใจออกมาเบาๆ “แต่เห็นแก่ที่เจ้าทำทุกอย่างนี้ก็เพื่อช่วยวัลคีรีย์ ข้าจะทำเป็นว่าข้าไม่รู้เรื่องนี้”


“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว อย่างนั้นก็ยิ่งต้องทำอะไรไม่ใช่เหรอ! หรือว่า…” เฮคซอดเหลือบมองไปทางร่างของไนท์แมร์ที่อยู่อีกด้านนึงของบ่อแห่งละอองชีวิต “ความเคารพที่เจ้ามีต่อวัลคีรีย์ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เจ้าเสแสร้งออกมา เมื่อเทียบกับตัวมันแล้ว หรือว่าเจ้าอยากจะเห็น….”


ปัง!


กำปั้นของไซเลนท์ทุบลงไปในบ่อแห่งละอองชีวิต ฐานที่ทำจากหินแตกเป็นรอยร้าว สกายลอร์ดหุบปากไปทันที


“อันดับแรก สมมติฐานทุกอย่างของเจ้าล้วนแต่ตั้งอยู่บนกระดาษที่ไม่รู้ที่มา นั่นน่าจะเป็นลายมือของวัลคีรีย์อย่างแน่นอน แต่มันก็เท่านั้น”


“แต่มันรู้ถึงการมีอยู่ของบอทธ่อมเลสแลนด์นะ”


“มันยังบอกด้วยว่าพระผู้สร้างไม่ปลอดภัย แต่มนุษย์ไม่สามารถหยุดการรุกคืบของพวกเราได้” ไซเลนท์พูดด้วยเสียงเยือกเย็น “จะให้ข้าขัดเจตจำนงขององค์จักรพรรดิเพื่อกระดาษเพียงแผ่นเดียวอย่างนั้นหรือ? ความจริงที่ข้าทำเหมือนว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ถือว่าเสี่ยงมากแล้ว หากเปลี่ยนเป็นเจ้า เกรงว่าแม้แต่เรื่องนี้ก็คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำ”


“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น พวกเราสามารถชะลอการโจมตีแล้วแอบตรวจสอบอย่างเงียบๆ ได้ ขอเพียงปิดเดอะเเมสก์เอาไว้ก็พอ…”


“นี่ก็คือเรื่องที่สองที่ข้าจะพูด เจ้ากลับมาช้าไปแล้ว” ไซเลนท์พูดตัดบทมัน “จักรพรรดิได้ถ่ายทอดคำสั่งใหม่มาว่าให้เดอะแมสก์เป็นคนรับผิดชอบสงครามตะวันตกและดำเนินใช้แผนการที่สอง เจ้าไม่ใช่ผู้รับผิดชอบกองทัพตะวันตกอีกต่อไปแล้ว พูดอีกอย่างก็คือไม่มีกองทัพตะวันตกอะไรนั่นอีกแล้ว”


“ทำไมถึง…” เฮคซอดยืนขึ้นมาจากบ่อแห่งละอองชีวิตทันที ก่อนจะเอามือกุมหน้าอกด้วยสีหน้าเจ็บปวด


“เจ้าน่าจะรับรู้ได้ใช่หรือเปล่า? แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นในโลกแห่งจิตสำนึกน่ะ” ไซเลนท์พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “ความจริงมันร้ายแรงกว่านั้นมาก ไม่ใช่แค่เฮทริตที่ตายอยู่ในสนามรบ แต่แนวป้องกันของแบล็คสโตนก็พังทลายลงด้วย ในสถานการณ์ที่กำลังวิกฤต จักรพรรดิได้รวมร่างเข้ากับแกนพลังเวทย์มนต์ ทำให้เมืองจักรพรรดิกลายเป็นพระผู้สร้างแห่งใหม่ ตอนนี้เผ่าพันธุ์ทั้งหมดได้ย้ายมาอยู่ดินแดนที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวนี้แล้ว ความคิดของเจ้าไม่มีโอกาสที่จะเป็นจริงได้ ถ้าอยากจะยื้อเวลาก็จำเป็นต้องขัดคำสั่งของจักรพรรดิ ซึ่งนั่นไม่ได้ต่างอะไรกับการเป็นศัตรูกับจักรพรรดิอย่างเปิดเผยเลย ดังนั้นข้าจึงไม่อาจรับปากเจ้าได้”


เฮคซอดพบว่าตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจนมันไม่อาจควบคุมได้แล้ว ถึงแม้จะเป็นไปได้ยากที่ราชาปีศาจจะตายอยู่ในสนามรบ แต่บนสนามรบอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพียงแต่มันคิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์มันจะเลวร้ายถึงขนาดนี้?


หรือว่าการเปลี่ยนแปลงของมีดพวกนั้น…จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


มันย่อมต้องรู้ดีว่าแผนการที่สองคืออะไร


ในตอนที่เดอะแมสก์ทำวิจัยพระผู้สร้าง มันเคยพูดถึงแผนการรบที่บ้าคลั่งแผนหนึ่งขึ้นมา ในสถานการณ์ที่ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่ต้องสูญเสียไป การบีบอัดการพลังเวทมนตร์และสายแร่หินอาญาสิทธิ์ไปจนถึงขีดจำกัดจะทำให้แผ่นดินลอยฟ้าสามารถลอยขึ้นไปถึงระดับความสูงที่น่าตกใจได้ เมื่อถึงตอนนั้นแรงโน้มถ่วงที่มหาศาลจะทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงจนยากจะจินตนาการได้


เมื่อตอนที่พระผู้สร้างตกลงมาบนพื้นในระดับความสูงนั้น เรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรกับการลงทัณฑ์ของพระเจ้าเลย ถึงแม้เฮคซอดจะไม่รู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน แต่จากที่เดอะแมสก์บอกมา แผ่นดินจะพังทลาย ฝุ่นควันที่ฟุ้งขึ้นมาบดบังแสงอาทิตย์จะลอยไปไกลนับพันกิโลเมตร ลาวาจะไหลทะลักขึ้นมาตามรอยแตกทำให้แผ่นดินกลายเป็นเหมือนนรกบนดิน


โจมตีครั้งหนึ่งต้องใช้พระผู้สร้างอันล้ำค่าอันหนึ่ง เดิมเฮคซอดคิดว่าแผนการนี้ไม่มีทางเป็นจริงได้ แต่มันคิดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิจะเห็นด้วยกับแผนการนี้


แบบนี้ความคิดของมันก็ไม่มีทางเป็นจริงได้แล้ว


ให้มันออกมาต่อต้านจักรพรรดิคนเดียว? อนาคตของเผ่าพันธุ์จะเป็นอย่างไรยังไม่อาจรู้ได้ แต่จุดจบของมันนั้นได้ถูกกำหนดเอาไว้แน่นอนแล้ว นอกจากถูกราชาตัวอื่นไล่ฆ่าแล้วก็ไม่มีความเป็นไปได้ที่สองอีก


“บางทีเจ้าอาจจะพูดถูก…” เฮคซอดค่อยๆนั่งกลับลงไปในบ่อ “ข้าคิดไม่รอบคอบจริงๆนั่นแหละ เกือบจะทำผิดอย่างมหันต์ไปแล้ว ไปเมื่อเข้าสู่แผนการที่สองแล้ว ข้าก็ควรจะกลับไปยังเมืองสกายเพื่อเตรียมให้การสนับสนุน…”


ปัง!


บนกำแพงอ่างมีรอยแตกเพิ่มขึ้นมาอีกรอยนึง


สกายลอร์ดตกตะลึง


“เจ้าคิดจะทิ้งวัลคีรีย์อย่างนั้นเหรอ?” ในที่สุดอีกฝ่ายก็หมุนตัวมา สายตาที่มันมองลงมานั้นเยือกเย็นเหมือนดั่งน้ำแข็ง ราวกับว่าขอเพียงพูดว่า ‘ใช่’ ออกไป มันก็จะทำให้ตัวเองนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนี้ทันที


“ข้า…” เฮคซอดไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี


ช่วยก็ไม่ได้ ไม่ช่วยก็ไม่ได้ จะเอายังไงกันแน่เนี่ย?


มันพลันเข้าใจความรู้สึกของเดอะแมสก์ ขึ้นมาทันที


“ข้าปฏิเสธคำขอของเจ้า ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่ช่วยมัน”


“แล้วจะช่วยยังไง…”


“ข้าไม่รู้ ก็เพราะว่าข้าไม่รู้ถึงต้องให้เจ้าเป็นคนทำ” น้ำเสียงของไซเลนท์จริงจังอย่างมาก “แต่ไม่ว่ายังไง เจ้าก็อย่าได้คิดที่จะถอนตัวไปตอนนี้เด็ดขาด”


จากนั้นมันจึงหลับตาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นว่า “…โดยเฉพาะหลังจากที่ให้ความหวังข้า”


ตอนที่ 1423 สำรวจ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ระวัง! พวกมันเข้ามาอีกแล้ว!”


หลังเสียงตะโกนเตือนของฟิชบอลดังขึ้นมา แนวป้องกันชั่วคราวที่มีทหารอยู่ไม่ถึงร้อยคนก็ระเบิดเสียงปืนขึ้นมา


ภายใต้การกระหน่ำยิงนี้ พวกอสุรกายขนาดเล็กที่คล่องแคล่วเหล่านั้นจำต้องผ่อนฝีเท้าลง แล้วค่อยๆ คลานเข้ามาท่ามกลางเศษหินที่ปลิวว่อนและฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจาย


และสิ่งที่ปืนใหญ่สนามขนาด 75 มม. รอคอยอยู่ก็คือช่วงเวลานี้


ในการยิงแนวระนาบระยะ 1000 เมตร ความแม่นยำของมันสูงจนน่าตกใจ พลังทำลายก็รุนแรงกว่ากระสุนระเบิดต่อต้านปีศาจ เรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่เหมาะในใช้กำจัด “สัตว์ประหลาดก้อนหินที่ดื้อดึง” เหล่านี้


ไม่นานอสุรกายขนาดเล็กที่อยู่ข้างหน้าสุดก็ถูกปืนใหญ่ยิงเข้าใส่ ร่างกายครึ่งหนึ่งของมันถูกยิงจนระเบิดออก ขาข้างหนึ่งกระเด็นออกไปไกลมากกว่า 100 เมตร


หลังอสูรกายเสียหายไปหลายตัว ปีศาจที่เหลือก็ถอยกลับเข้าไปในหมอกแดงอีกครั้ง


แต่ทุกคนต่างรู้ว่านี่เป็นความสงบแค่ชั่วคราวเท่านั้น พวกมันจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ จากในทุกๆ ด้าน


ภาพเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ทางด้านเหนือของอาณาจักรดอว์นเท่านั้น จากภูเขาแคนทูของอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทไปจนถึงสันเขาโคลด์วินด์ของอาณาจักรเกรย์คาสเซิ่ลจะมีการต่อสู้ทำนองนี้เกิดขึ้นพร้อมกันอยู่ตลอดเวลา ความแตกต่างมันอยู่ที่ขนาดของการต่อสู้


ด้วยเหตุนี้กองทัพที่หนึ่งจึงปรับแผนรับมือไปตามขนาดของศัตรู ศัตรูกลุ่มใหญ่ก็ใช้กองกำลังขนาดใหญ่เข้าไปรับมือ ศัตรูกลุ่มเล็กก็มอบให้ทหารกลุ่มเล็กเป็นคนจัดการ ทีมที่ฟิชบอลเป็นคนนำก็คือกองกำลังขนาดเล็กที่คอยอุดช่องว่างแบบนี้ พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากเมืองต่างๆ ให้คอยหยุดพวกปีศาจที่พยายามจะข้ามเส้นป้องกันเข้ามา เพื่อทำให้มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ในพื้นที่หมอกแดงต่อไปได้


ถึงแม้ฟิชบอลจะเป็นแค่นายทหารตัวเล็กๆคนหนึ่ง แต่เขาก็รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองนั้นมีความเกี่ยวข้องกับแผนการรบในภาพรวม — จากการคำนวณของเบื้องบนแจ้งว่าอีกไม่กี่เดือน หมอกแดงที่กระจายลงมาจากเฮอร์มีสจะเข้าปกคลุมเมืองกลอรี ด้วยเหตุนี้หลังจากนี้จึงมีแนวโน้มว่าพวกเขาจะต้องสู้รบอยู่ในพื้นที่หมอกแดง พวกเขาจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสนามรบที่ไม่มีแม่มดคอยสนับสนุน และปกป้องอาณาจักรดอว์นให้ดำเนินชีวิตไปได้ตามปกติ


ต้องยอมรับเลยว่าการต่อสู้แบบนี้เสียเปรียบอย่างมาก เพราะไม่มีใครรู้ว่าพวกมันจะมาจากทางไหนและจะใช้วิธีไหนในการบุกเข้ามาในแนวป้องกัน และการจัดสร้างแนวป้องกันถาวรทอดยาวไปทางเหนือของสี่อาณาจักรใหญ่นั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังพลหรือว่าการขนส่งก็ล้วนแต่ไม่พอเพียง ทำให้พวกเขาจำต้องใช้แผนการที่ว่ามาข้างบนเนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น


ที่โชคดีก็คืออาวุธที่อยู่ในมือของเหล่าทหารนั้นนับวันจะยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้มีกำลังอยู่แค่ไม่กี่สิบคน แต่พวกเขาก็สามารถแสดงพลังทำลายที่รุนแรงออกมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ อย่างเช่นทีมของพวกเขาทีมนี้มีปืนกลอเนกประสงค์อยู่ 3-4 กระบอก ม้า 10 ตัว และปืนใหญ่สนาม 2 กระบอก ขอเพียงไม่เจอปีศาจระดับสูง ส่วนใหญ่พวกเขาก็สามารถใช้แผนการสู้เสร็จแล้วถอยได้


สรุปแล้ว สถานการณ์ที่เหมือนยื้อกันไปมาเช่นนี้ล้วนแต่เกิดขึ้นจากการที่กองทัพที่หนึ่งไม่สามารถทำอะไรแผ่นดินลอยฟ้าได้ แล้วก็เป็นเพราะว่าต่อให้บุกเข้าไปยังที่ราบสูงเฮอร์มิส พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายป้อมปราการลอยฟ้านั้นได้อยู่ดี ทุกคนถึงได้เน้นการป้องกันเป็นหลัก


ตอนนี้คนที่สามารถเป็นฝ่ายเปิดฉากบุกโจมตีปีศาจได้นั้นมีเพียงแค่กองทัพอัศวินอากาศที่องค์หญิงทิลลีเป็นคนนำเท่านั้น


“รู้อย่างนี้ตอนนั้นไปสมัครเข้าโรงเรียนอัศวินอากาศซะก็ดี” มีคนพูดลอยๆขึ้นมา


“พอเถอะ คุณสมบัติที่ทางนั้นตั้งเอาไว้สูงจะตาย เจ้าคิดว่าอย่างพวกเราแค่ฝึกๆ ก็จะผ่านอย่างนั้นเหรอ?”


“ความจริงเข้ากองทัพที่หนึ่งมาได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ญาติของข้าอยากจะเข้ายังเข้าไม่ได้เลยนะ”


“แต่ทางนั้นมีองค์หญิงทิลลีนะ…”


คำพูดนี้ทำเอาทุกคนเงียบขึ้นมาทันที


แม้แต่ในหัวของฟิชบอลก็ยังมีภาพของท่านขวานเหล็กและภาพขององค์หญิงทิลลีลอยขึ้นมา


ผลการเปรียบเทียบไม่บอกก็คงจะรู้ว่าเป็นยังไง…


“หุบปากไปเลย!” เขาโยนความรู้สึก ‘พ่ายแพ้’ อย่างน่าประหลาดทิ้งไป ก่อนจะตะโกนขึ้นมาอย่างหงุดหงิดว่า “จริงอยู่ที่อัศวินอากาศสามารถสู้กับปีศาจได้อย่างสูสี แต่คนที่สามารถปกป้องชาวบ้านได้มีแค่พวกเราเท่านั้น! อีกเดี๋ยวศัตรูอาจจะกลับมาใหม่ได้ คอยสังเกตดูสัญญาณจากทหารสังเกตการณ์เอาไว้!”


“รับทราบ…” น่าจะเป็นเพราะรู้ว่าทั้งสองไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ หัวหน้าจึงเปลี่ยนประเด็น


“หัวหน้า” แฮนสันถือปืนเดินเข้ามา “เมื่อกี้ลูกน้องของข้ามารายงานว่าทางด้านตะวันตกมีเนินที่ทัศนวิสัยค่อนข้างดีอยู่เนินหนึ่ง มันสามารถใช้จับตาดูความเคลื่อนไหวของศัตรูได้ อีกทั้งศัตรูยังปีนขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆ ด้วย แค่ตั้งปืนกลเอาไว้กระบอกนึงก็สามารถหยุดพวกแมลงหินพวกนั้นได้แล้ว”


ในที่สุดในทีมก็มีคนที่พึ่งพาได้สักที


ฟิชบอลมองไปตามทิศทางที่เขาชี้ ก่อนจะทำการตัดสินใจออกมาอย่างรวดเร็ว “ข้าจะพาคน 5 คนไปดู แนวป้องกันด้านหน้าฝากเจ้าด้วยล่ะ เมื่อไหร่ต้องถอย เมื่อไหร่สู้ได้ ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะรู้ดี”


“ท่านจะไปดูเองเหรอ?”


“ที่นี่พวกเราเพิ่งจะเคยมาเป็นครั้งแรก ข้าต้องไปดูด้วยตาตัวเองถึงจะวางใจได้”


ปีกด้านข้างมักจะสำคัญกว่าด้านหน้าเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้จักนิสัยของรองหัวหน้าคนนี้ดี แฮนสันที่มีฝีมือในการยิงปืนที่ดีนั้นมีทั้งความระมัดระวังและความสุขุม เพียงพอที่จะใช้ควบคุมแนวป้องกันได้


“ข้าเข้าใจแล้ว” แฮนสันทำวันทยาหัตถ์รับคำสั่ง


ฟิชบอลพยักหน้า ก่อนจะเลือกทหารรวมถึงทหารที่สอดแนมคนนั้นออกมารวม 5 คน แล้วปีนขึ้นไปบนยอดเนิน


พื้นที่ที่ยกตัวสูงขึ้นมานี้ดูแล้วค่อนข้างคล้ายกับเนินนอร์ธบาวด์ เนินค่อยๆยกตัวสูงขึ้นไป จากนั้นจู่ๆก็หยุดลงอย่างกะทันหัน กลายเป็นหน้าตัดที่สูงจากพื้นดินขึ้นไป 20 – 30 เมตร บนยอดเนินมีต้นไม้หนาแน่น เหมาะที่จะใช้ซ่อนตัวอย่างมาก


ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือหมอกที่อยู่บนนั้นก็หนามากเหมือนกัน หมอกแดงที่ตกตะกอนตรงนี้ยากที่จะไหลต่อไปได้ ทำให้ทัศนวิสัยภายในป่านั้นไม่ดีเท่าไหร่ ถึงแม้มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการสังเกตการณ์ออกไปด้านนอกของพวกเขา แต่การถูกหมอกแดงที่เปียกชื้นห่อหุ้มร่างกายเอาไว้มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีสักเท่าไหร่เลย


“จุดไฟไล่หมอกหน่อย แล้วตรวจสอบพื้นที่รอบๆ ให้เรียบร้อย” ฟิชบอลหาตำแหน่งยิงเหมาะๆ แล้ววางปืนกลลงไป


ตำแหน่งตรงนี้นั้นไม่เลวจริงๆ ยอดเนินที่ยื่นไปข้างหน้านั้นเป็นเหมือนแนวป้องกันตามธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับอสูรแมงมุมที่ด้านหลังไม่มีการป้องกัน เขาคิดจะฉวยโอกาสตอนที่ศัตรูยังไม่โจมตีเข้ามาใหม่ ทำสัญลักษณ์ที่นี่ลงไปบนแผนที่ ไม่แน่ต่อไปอาจจะได้ใช้ประโยชน์


แต่หลังจากที่เพื่อนทหารกระจายตัวไปเป็นเวลานานแล้ว ฟิชบอลก็ยังไม่ได้ยินเสียงเผาฟืนอย่างที่คิดเอาไว้


เกิดอะไรขึ้น? แค่เก็บฟืนมันใช้เวลาไม่นานไม่ใช่เหรอ?


เขาขมวดคิ้วพร้อมส่งเสียงตะโกนเรียก แต่ภายในป่าก็ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา


ฟิชบอลตื่นตัวขึ้นมาทันที


นี่มันแปลกๆแล้ว…


ต่อให้มีศัตรูจริงๆ อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะยิงปืนออกมาสักนัดนี่นา


ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นลูกน้องของแฮนสัน หรือว่าพวกเขาทั้ง 6 คนก็ไม่เห็นร่องรอยของศัตรูเลยในระหว่างทางที่เดินมา การที่จู่ๆเขาก็เงียบไปอย่างนี้มันออกจะแปลกไปเสียหน่อย


ทันใดนั้นเอง จู่ๆ เขาพลันได้ยินเสียง ‘แกรบ’ ดังเบาๆขึ้นมาจากทางด้านขวา เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างทับผ่านพื้นหญ้าไปเบาๆ


ฟิชบอลหมุนตัวไปทันที ขณะเดียวกันก็ยกปืนขึ้นมา—


เขาเห็นเงาๆ หนึ่งไหววูบผ่านด้านหน้าไป แสงอันเยือกเย็นทำให้ใบหน้าของเขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด


‘แครก’


ในมือของเขาพลันรู้สึกเบาขึ้นมา ปืนกลถูกฟันขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะตกลงไปบนพื้น


ตรงหน้าเขามี ‘ผู้หญิง’ ที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งปรากฏขึ้นมา ผิวหนังของอีกฝ่ายเป็นสีน้ำเงินเข้ม สองเท้าเปลือยเปล่า นอกจากดาบยาวที่อยู่ในมือแล้วก็ไม่มีวัตถุที่เป็นโลหะอื่นอีก เกรงว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันสามารถเข้ามาได้อย่างไร้ซุ่มเสียง


จบกัน


ภายในหัวฟิชบอลมีเพียงแค่ความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมา


ลักษณะเด่นของปีศาจระดับสูงคือร่างกายที่เหมือนมนุษย์ จากในคู่มือที่เบื้องบนทำเอาไว้ให้ ปีศาจที่ยิ่งคล้ายมนุษย์ก็จะยิ่งแข็งแกร่ง นอกจากร่างกายที่สูงใหญ่และผิวหนังที่เป็นสีแล้ว หน้าตาของมันแทบจะไม่ได้ต่างอะไรจากมนุษย์เลย ความสามารถของมันจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็พอจะรู้ได้


ที่น่าแปลกก็คือตอนที่กำลังใกล้จะตาย แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความหวาดกลัว เรื่องเดียวที่เขาคิดอยู่ในใจก็คือทำอย่างไรถึงทำให้เพื่อนๆ รู้ว่ามีปีศาจระดับสูงแอบเข้ามาในพื้นที่นี้แล้ว


แต่ดาบเล่มนั้นก็ไม่ได้ฟันลงมาที่เขา


อีกฝ่ายดึงกระดาษออกมาแผ่นหนึ่งโยนให้เขา


“เอามัน กลับไป มอบให้สามผู้นำแม่มด”


น้ำเสียงแปลกกๆ พูดไม่ลื่นไหล แต่นั่นมันภาษาของมนุษย์ไม่ผิดแน่


“ข้าไม่รู้ว่าสามผู้นำแม่มดที่เจ้าพูดถึงหมายถึง….” ฟิชบอลค่อยๆ เอามือคลำไปที่ปืนพกที่อยู่ตรงเอว “ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่มีทาง….”


“ส่ง เพื่อนของเจ้าก็ไม่ตาย” คำพูดของปีศาจทำเอามือเขาหยุดไปทันที “สามผู้นำคือผู้บัญชาการ เจ้าเอากลับไป ย่อมต้องมีคนรู้แน่”


จากนั้น ประตูพลังเวทมนตร์สีม่วงบานหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาด้านหลังของมัน


มันค่อยๆ ถอยหลังเข้าไปในประตู ก่อนจะหายตัวไปพร้อมกับประตูอย่างรวดเร็ว


………………………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)