Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1420-1421

 ตอนที่ 1420 ผู้ยกระดับคนใหม่

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ทำไม” โรแลนด์เหลียวหน้ามา “มีอะไรเหรอ?”


“มันดูแล้วเหมือนสัตว์ประหลาดบางตัวที่หม่อมฉันเคยฆ่าไปก่อนหน้านี้เลยเพคะ” ไนติงเกลผายมือ “เพียงแต่เจ้าสัตว์ประหล่ดนั้นมันตัวเล็กกว่านี้มาก แล้วก็ไม่ได้มีหน้าตาแปลกประหลาดขนาดนี้ด้วย…”


“เดี๋ยวๆๆ เจ้าหมายถึงตอนที่ไปสำรวจภูเขาหิมะเหรอ?”


ไนติงเกลพยักหน้า “แล้วก็ตอนที่ไปค้นหาอกาธาก่อนหน้านั้นเพคะ ถ้าดูจากที่มันหายตัวได้ การที่มันจะถูกมองว่าเหมือนวิญญาณก็เหมือนจะใช่ตัวเดียวกันเพคะ”


“จุดที่แตกต่างของสัตว์ประหลาดสองชนิดนี้อยู่ตรงไหน เจ้าพอจะบอกอย่างละเอียดหน่อยได้ไหม?” โรแลนด์ไล่ถามต่อ


“เอ่อ…หม่อมฉันขอคิดก่อนนะเพคะ เพราะว่านั่นมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว” ไนติงเกลหยิบรูปภาพขึ้นมา “เจ้าตัวที่หม่อมฉันเคยเจออย่างมากก็สูงแค่ครึ่งเดียวของเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ กรงเล็บข้างหน้าก็เป็นรูปเคียวเหมือนกัน เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า ขาตรงท้องก็แค่ใช้ปีนหน้าผาเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้มีกรงเล็บเยอะขนาดนี้ด้วย ส่วนตรงหัว…ใช่แล้วเพคะ ตอนนั้นเจ้าแมลงเคียวไม่ได้มีปากขนาดใหญ่และเขี้ยวที่แหลมคมแบบนี้ เจ้าตัวที่อยู่บนรูปนั้นเหมือนเป็นพวกนักล่ามากกว่า ถ้าไม่เป็นเพราะกรงเล็บอันใหญ่กับเรื่องที่มันหายตัวได้ หม่อมฉันก็คงไม่มีทางเชื่อมโยงพวกมันทั้งสองตัวเข้าด้วยกันได้ ตอนนั้นหม่อมฉันยังนึกว่าพวกมันอาจจะเป็นสัตว์อสูรพันธุ์ผสมซักชนิดนี่แหละเพคะ”


โรแลนด์สีหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมามากกว่าเดิม “แต่ตอนหลังพบว่าสัตว์ประหลาดเหล่านั้นเป็นของอาณาจักรซีสกาย”


ถ้าบอกว่าภัยอันตรายที่เกิดจากสัตว์อสูรนั้นมีจำกัด อย่างนั้นภัยอันตรายจากอาณาจักรซีสกายนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นคนละเรื่องเลย พวกมันเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมสงครามแห่งโชคชะตาและกำลังเล่นงานพวกปีศาจอย่างหนักหน่วงอยู่ในที่ๆ มนุษย์มองไม่เห็น ความแข็งแกร่งของพวกมันจึงไม่อาจมองข้ามได้เลย ถ้ามีกองกำลังของอาณาจักรซีสกายมาปรากฏตัวอยู่ในดินแดนตะวันตก นี่จะต้องไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน


แต่พื้นที่ทางด้านเหนือของที่ราบลุ่มบริบูรณ์ถึงปีศาจยึดครองมาตั้งแต่หลังสงครามแห่งโชคชะตาครั้งแรก แล้วพวกอาณาจักรซีสกายมันจะบุกเข้ามายังด้านในแผ่นดินได้ยังไง?


หรือว่า…


ความคิดที่น่าตกใจผุดขึ้นมาในหัวเขา


“ใช่แล้ว พูดถึงสัตว์อสูร…ตอนที่เข้าไปในซากโบราณสถานในภูเขาหิมะครั้งที่แล้ว กองทัพที่หนึ่งก็ถูกสัตว์อสูรโจมตีเหมือนกัน” ไนติงเกลเลิกคิ้วขึ้นมา “จะบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญก็ดูจะบังเอิญมากเกินไป สัตว์อสูรกับอาณาจักรซีสกายคงจะไม่ใช่พวกเดียวกันมาแต่แรกใช่ไหมเพคะ?”


โรแลนด์กับอิสซาเบลลาหันมามองไนติงเกลทันที


อีกฝ่ายมุ่ยปาก “หม่อมฉันเพียงแค่พูดไปเรื่อยเท่านั้น พระองค์ไม่ต้องใส่พระทัยหรอกเพคะ”


“เอาเป็นว่าเรื่องนี้มันยุ่งยากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียแล้ว” โรแลนด์เคาะโตีะเบาๆ ไม่ว่ายังไง เมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็เป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมของมนุษย์ ห้ามไม่ให้มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเด็ดขาด ถ้าการลอบโจมตีครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรซีสกายจริงๆ ไม่ว่าจะใช้แผนการรับมือที่ระมัดระวังมากแค่ไหนก็ไม่ถือว่าทำเกินไปทั้งนั้น “อิสซาเบลลา ข้อมูลที่เจ้าให้มามีประโยชน์อย่างมาก…เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะให้ผู้รับผิดชอบของทีมที่ปรึกษาติดต่อเจ้าไป”


แต่อิสซาเบลลากลับยังไม่ยอมออกไป “ฝ่าบาท หม่อมฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องรายงานพระองค์เพคะ”


“เรื่องอะไร? ว่ามาสิ”


“ในช่วงเวลาที่อยู่ที่เฮอร์มีส หม่อมฉันไม่ได้หยุดทำการทดลองหินอาญาสิทธิ์เลยเพคะ” เธอหยิบเอากระดาษปึกหนึ่งจากในเสื้อออกมาวางไว้บนโต๊ะ “พระองค์ยังทรงจำข้อสรุปที่อกาธาให้เอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหมเพคะ? ที่มันสามารถสกัดการใช้พลังเวทมนตร์ได้ ไม่ได้เป็นเพราะว่ามันมีพลังเวทมนตร์ที่เข้มข้นมากเกินไป หากแต่เป็นเพราะปัจจัยอื่นเพคะ หม่อมฉันได้ทำการทดลองบนพื้นฐานนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายพบว่าปัจจัยที่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับความถี่เพคะ”


“ความถี่เหรอ?” โรแลนด์ถามอย่างแปลกใจ


“หม่อมฉันอ้างอิงมาจาก ‘ทฤษฎีพื้นฐานวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ’ ที่พระองค์ทรงเขียนขึ้นมาเพคะ บางทีมันอาจจะไปถูกต้องนัก แต่หม่อมฉันหาคำนิยามอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ได้จริงเพคะ” จากนั้นอิสซาเบลลาก็บรรยายสิ่งที่ตัวเองค้นพบออกมาอย่างง่าย “ความจริงแล้ว หลังได้ข้อสรุปนี้ไม่นาน พลังเวทมนตร์ของหม่อมฉันก็เกิดการรวมตัวเพคะ”


ไนติงเกลกพริบตาอย่างแปลกใจ เธอสำรวจดูอยู่ครู่ก่อนจะพูดออกมาว่า “จริงด้วยเพคะ…ก่อนหน้านี้หม่อมฉันไม่ทันสังเกตเห็น”


โรแลนด์ยิ้มขึ้นมา “อย่างนั้นสโมสรแม่มดก็มีแม่มดที่วิวัฒนาการเพิ่มขึ้นมาอีกคนน่ะสิ? ยินดีด้วยนะ ก้าวข้ามตัวเองได้สำเร็จแล้ว”


อิสซาเบลลาส่ายหัว “นี่เป็นเพราะพระองค์ทรงมอบโอกาสนี้ให้หม่อมฉันเพคะ”


“แต่เจ้าเป็นคนตัดสินใจที่จะทดลองต่อเอง” เขาพูดปฏิเสธ “หลังความสามารถวิวัฒนาการแล้ว เจ้ามีความรู้สึกอะไรเพิ่มขึ้นมาไหม?”


อิสซาเบลลายื่นนิ้วออกมานิ้วหนึ่ง บนนิ้วกลางเล็กของเธอมีแแหวนอยู่วงหนึ่ง บนแหวนมีอัญมณีที่ส่องประกายเป็นหนึ่งฝังอยู่ตรงกลางแหวน


เป็นไปได้สูงว่ามันจะเป็นหินเรืองแสง บางทีคนอื่นอาจจะรู้สึกประหลาดใจ แต่โรแลนด์กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เขาแค่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย หินเวทมนตร์เม็ดนี้หมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนหินเวทมนตร์อื่น


“หินนี่…ไม่ได้มาจากปีศาจ!” ไนติงเกลอุทานออกมาเบาๆ


โรแลนด์เองก็คิดตามขึ้นมาได้ สำหรับปีศาจแล้ว หินเวทมนตร์คือแหล่งกำเนิดพลังสำหรับการต่อสู้และการยกระดับ พวกมันไม่จำเป็นต้องคิดคำนึงถึงความสวยงาม ด้วยเหตุนี้หินเวทมนตร์ส่วนใหญ่จึงมีลักษณะกลมๆ แต่หินเม็ดนี้มีร่องรอยที่ถูกตัดมาอย่างชัดเจน มีลักษณะเป็นปริซึมหลายหน้าเหมือนกับอัญมณีที่ถูกเจียระไนมา ส่วนใหญ่มีแต่มนุษย์เท่านั้นถึงจะทำแบบนี้


แต่มนุษย์ไม่มีความสามารถในการสร้างหินเวทมนตร์ หินเวทมนตร์ที่มีอยู่ทั้งหมดในตอนนี้ล้วนแต่มาจากการยึดได้ในการสู้รบและการขุดมาจากซากโบราณสถาน และการเจียระไนหินเวทมนตร์จะทำให้โครงสร้างของหินเวทมนตร์เกิดความเสียหาย พูดอีกอย่างก็คือมันจำเป็นต้องเจียระไนก่อน แล้วค่อยทำให้กลายเป็นหินเวทมนตร์


“นี่คือผลงานทดลองแรกหลังจากที่หม่อมฉันวิวัฒนาการเพคะ” อิสซาเบลลาพูดเหมือนทอดถอนใจเล็กน้อย “เดิมมันเป็นกุญแจหินอาญาสิทธิ์ที่มีอยู่ในคุกใต้ดินของศาสนจักร แต่ตอนนี้มันไม่สามารถใช้ขังแม่มดคนไหนได้อีกแล้ว”


โรแลนด์อ้าปากค้างอย่างตกใจ “เจ้าเปลี่ยนหินอาญาสิทธิ์ให้กลายเป็นหินเวทมนตร์งั้นเหรอ?”


“ใช่เพคะ ฝ่าบาท” อิสซาเบลลาพยักหน้า “เมื่อก่อนหม่อมฉันทำได้เปลี่ยนทำให้คลื่นกระเพื่อมของหินอาญาสิทธิ์สงบลง แต่ตอนนี้หม่อมฉันสามารถทำให้ความถี่ของคลื่นกระเพื่อมนั้นลดลงไปอยู่ที่ระดับใดระดับหนึ่งได้ และผลที่ได้รับออกมาก็คือสิ่งที่เรียกว่าหินเวทมนตร์ แต่ตอนนี้มีหินเวทมนตร์แค่บางส่วนเท่านั้นที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ด้วยวิธีนี้ หม่อมฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะความเข้าใจของหม่อมฉันมันไม่ถูกต้องทั้งหมดเพคะ”


โรแลนด์สรุปผลการทดลองและถามคำถาม ใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าถึงจะพอเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายอย่างคร่าวๆ ได้ พูดง่ายๆ ก็คือความรู้และการค้นคว้าเกี่ยวกับหินอาญาสิทธิ์ของอิสซาเบลลาล้วนแต่ตั้งอยู่บนความสามารถของตัวเธอเอง ในสายตาของเธอ คลื่นกระเพื่อมของหินอาญาสิทธิ์นั้นมีความรุนแรงจนกระทั่งทำให้คลื่นกระเพื่อมอื่นๆ ไม่สามารถแสดงออกมาได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หินอาญาสิทธิ์สามารถตัดความสามารถทางเวทมนตร์อื่นๆ ได้


แต่ไม่ว่าจะเป็น ‘คลื่นกระเพื่อม’ หรือว่า ‘ความถี่’ ก็ล้วนแต่เป็นคำนิยามหลังจากที่ใช้พลังเวทมนตร์ ‘แปล’ ออกมา อิสซาเบลลาเหมือนจะค้นพบความแตกต่างของทั้งสอง แต่เธอกลับไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้เนื่องจากถูกจำกัดด้วยความรู้ที่มีอยู่อย่างจำกัด เพราะคลื่นนั้นก็คือสิ่งที่สามารถแสดงออกมาให้เห็นได้ง่ายๆ แต่พลังเวทมนตร์นั้นไม่ใช่ เธอได้แต่ต้องพยายามเลือกใช้คำที่ใกล้เคียงที่สุดในความคิดของเธอมานิยามมัน


นี่ทำให้โรแลนด์คิดขึ้นมาได้ว่ามิสต์เองก็เหมือนจะเคยพูดคำพูดแบบนี้เหมือนกัน


ทันทีที่ระบบความรู้ของคู่สนทนานแตกต่างกันมากเกินไป อย่าว่าแต่จะเข้าใจเลย แม้แต่การอธิบายมันออกมาก็ยังทำได้ยาก


แต่การวิวัฒนาการของอิสซาเบลลาได้พิสูจน์ให้เห็นในจุดนี้ หินเวทมนตร์นั้นไม่ใช่สิ่งที่มีแต่ปีศาจเท่านั้นที่มี


ถ้าวันใดวันหนึ่งพลังเวทมนตร์กลายเป็นศาสตร์วิชาใหม่ขึ้นมา อย่างนั้นการทดลองเหล่านี้ของเธออาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิชาพลังเวทมนตร์ก็ได้


“เส้นทางนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ แต่ก็เพราะแบบนี้มันถึงคุ้มค่าที่จะลองดู” โรแลนด์พูดให้กำลังใจ


“หม่อมฉันจะพยายามเต็มที่เพคะ” อิสซาเบลลาพูดพร้อมเอามือขึ้นมาทาบอก “สุดท้าย ในระหว่างการทดลองหม่อมฉันยังพบปรากฏการณ์ที่น่าเหลือเชื่ออย่างหนึ่งด้วยเพคะ การคาดเดาของอกาธาอาจจะไม่ผิด หินอาญาสิทธิ์อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ ก็ได้เพคะ”


ตอนที่ 1421 กลับมา

โดย

Ink Stone_Fantasy

“มีชีวิต…หมายความว่ายังไง?” ไนติงเกลขมวดคิ้วถาม “หรือว่าหินอาญาสิทธิ์ี่ที่อยู่ในถ้ำมันพูดได้?”


“ตอนนี้ยังไม่พบว่ามันทำแบบนั้นได้ แต่ในตอนที่หม่อมฉันกำลังทำการทดสอบอยู่ด้านล่างสายแร่หินอาญาสิทธิ์ของเฮอร์มีส หม่อมฉันไปเจอสามสี่ตัวที่ถูกหินอาญาสิทธิ์กัดกิน” อิสซาเบลลาหลับตาเหมือนกำลังนึกถึงภาพในตอนนั้นอยู่ “บางทีหลังจากที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ถล่มลง มันอาจจะหลงตกจากชั้นบนของหน่วยลับลงไปด้านล่างของถ้ำ ไม่มีใครรู้ว่าหนูมันถูกหินอาญาสิทธิ์ัจับเอาไว้ได้ยังไง แต่ว่าร่างกายส่วนหนึ่งของพวกมันอยู่ในหินอาญาสิทธิ์ เหมือนว่า…เหมือนว่าทั้งสองรวมร่างกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างไรอย่างนั้นเพคะ”


“ตอนที่ยางสนห่อหุ้มแมลงเอาไว้ก็สามารถมองมันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ แต่อำพันก็ยังไม่อาจถือเป็นสิ่งมีชีวิตได้อยู่ดี” โรแลนด์พูดตรงๆ


“หม่อมฉันทราบเพคะ” สีหน้าของอิสซาเบลลาเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว “ถ้าหากมีเพียงเท่านี้ หม่อมฉันก็คงไม่คิดเช่นนี้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า…หนูพวกนั้นมันยังมีชีวิตอยู่เพคะ ในตอนที่หม่อมฉันเข้าไปใกล้ พวกมันยังส่งเสียงร้องออกมาหาหม่อมฉัน เหมือนกับว่ากำลังขอร้องให้หม่อมฉันช่วยปลดปล่อยพวกมันออกไปอย่างไรอย่างนั้นเพคะ…”


โรแลนด์ขนลุกขึ้นมาทันที


เขาเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงรู้สึกหวาดกลัว


ความไม่รู้นำมาซึ่งความหวาดกลัว


และตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่หน้าดินแดนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน


“….หนูมันเพิ่งจะถูกยึดเอาไว้ไม่นานหรือเปล่า?” ไนติงเกลแสร้งทำเป็นถามอย่างผ่อนคลาย


“หม่อมฉันสังเกตดูพวกมันอยู่สามเดือนเก้าวัน เสียงร้องของพวกมันไม่เคยหยุดลงแม้แต่วันเดียว” อิสซาเบลลาถอนใจออกมา “พอถึงวันที่สิบ หม่อมฉันใช้มีดแยกพวกมันออกมาตัวหนึ่ง ผลปรากฏว่าในท้องของมันว่างเปล่า แล้วก็น่าจะเป็นเพราะถูกปล่อยทิ้งเอาไว้นานมันเลยเล็กลีบอย่างมาก แต่เส้นเลือดของมันบางส่วนกลับงอกอยู่ในหินอาญาสิทธิ์เพคะ”


นี่หมายความว่าในระยะเวลาสามเดือน สิ่งที่คอยให้พลังงานที่จำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีวิตแก่หนู…คือหินอาญาสิทธิ์น่ะสิ


ดูเหมือนตัวเองจะคิดอะไรง่ายเกินไปหน่อยแล้ว โรแลนด์ยิ้มแห้งๆ ขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาคิดว่า ‘มีแต่สิ่งมีชีวิตเท่านั้นถึงจะสามารถรวบรวมพลังเวทมนตร์ได้’ นั้นคือความคลาดเคลื่อนจากการที่ไม่เข้าใจพลังเวทมนตร์มากพอ และหลักฐานที่อิสซาเบลลาค้นพบชิ้นนี้คือความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงจากความคลาดเคลื่อนมาเป็นความจริง


“หม่อมฉันเคยอ่านเจอในบันทึกสรรพชีวิตของศาสนจักร ในนั้นบอกว่าพืชที่หายากบางชนิดจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับสัตว์ กลายเป็นความสัมพันธ์แบบอยู่ร่วมกันที่มีความพิเศษ” เธอพูดต่อว่า “ถึงแม้จะไม่อาจสรุปว่าหินอาญาสิทธิ์เป็นพืชได้ แต่อย่างนั้นมันก็มีชีวิต หากคิดไปตามแนวคิดนี้ ปรากฏการที่พิเศษบางอย่างของพวกปีศาจก็จะยิ่งเข้าใจได้ง่ายขึ้น — อย่างเช่นเสาหินโอเบลิสที่สามารถงอกยาวขึ้นได้เรื่อยๆ และสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ที่อยู่ด้านล่างของเสาหิน บางทีพวกมันอาจจะใช้ประโยชน์ในจุดนี้ ถึงได้สร้างระบบเผ่าพันธุ์เหมือนอย่างทุกวันนี้ขึ้นมาได้”


“แบบนี้แล้ว แสดงว่าพวกปีศาจมันชอบใช้หิน..” ไนติงเกลเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา


“เสียดายที่การวิจัยของหม่อมฉันยังก้าวหน้าไปไหน ส่วนใหญ่ล้วนแต่หยุดอยู่ในขั้นตอนการคาดเดาเท่านั้น ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรให้กับพระองค์ได้” อิสซาเบลลาก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย “ไม่เพียงแต่ยังไม่อาจรู้สึกเหตุผลของการหลอมรวมได้ แต่กระทั่งการเปลี่ยนหินเวทมนตร์ หม่อมฉันก็สร้างได้เพียงหินเวทมนตร์ชั้นต่ำอย่างหินเรืองแสงกับหินกรีดร้องเท่านั้น…”


“เจ้าดูถูกการค้นพบของตัวเองมากไปแล้ว” โรแลนด์พูดตัดบท “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องข้อสรุปที่บอกว่า ‘คลื่นความถี่’ เป็นตัวกำหนดผลของเวทมนตร์นั้นเป็นจริงหรือไม่ เอาแค่เจ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าแม่มดสามารถใช้พลังในการสร้างหินเวทมนตร์ได้เหมือนกัน เพียงแค่จุดนี้มันก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อของเจ้าถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์แล้ว”


ถ้าจะบอกว่าไม่เสียดาย มันก็จะเป็นหลอกตัวเองอย่างแน่นอน ถ้าอีกฝ่ายสามารถใช้พลังในการสร้างหินเวทมนตร์ระดับสูงขึ้นมาได้ อย่างนั้นก็หมายความว่ารูนที่แข็งแกร่งอย่างรูนแห่งโชคชะตาก็จะสามารถใช้ได้โดยไม่จำกัดจำนวน แม่มดสายต่อสู้ก็จะกลายเป็นกองกำลังสำคัญบนสนามรบ แต่เขาเองก็รู้ว่าการค้นความเกี่ยวกับพลังวทมนตร์นั้นเป็นกระบวนการที่ใช้เวลายาวนานและคดเคี้ยวเลี้ยวลด ตอนนี้อิสซาเบลลาเพิ่งจะเปิดประตูเข้าไปและเห็นเพียงมุมหนึ่งเล็กๆ เท่านั้น ขอเพียงเธอสามารถทำการศึกษาได้ต่อไป ด้วยอายุขัยเฉลี่ยของแม่มดแล้ว ผลของมันนั้นคุ้มค่าที่จะรอคอยอย่างไม่ต้องสงสัย


หลังอิสซาเบลลาออกไป โรแลนด์ก็รีบหยิบปากกากระดาษมาร่างโทรเลขส่งไปให้สำนักงานเมือง


เนื้อหาในโทรเลขนั้นมีแค่ประโยคเดียว นั่นคือ ‘ห้ามเสียเมืองเนเวอร์วินเทอร์ไปเด็ดขาด นับแต่วันนี้ไปให้ใช้แผนฉุกเฉิน เข้าสู่การระดมพลเพื่อทำสงครามเต็มรูปแบบ’


แผนการนี้จะเป็นการพยายามเพิ่มกำลังทหารให้กับแนวหน้าให้ได้มากที่สุดภายใต้เงื่อนไขว่ามีเสบียงอาหารที่เพียงพอ —- นอกจากจะเพิ่มขนาดกองทัพแล้ว การผลิตทางอุตสาหกรรมก็จะเน้นหนักไปทางการผลิตอาวุธ การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคจะถูกจำกัด


ถึงแม้ก่อนที่สงครามแห่งโชคชะตาจะมาถึง เขาได้เคยสั่งการให้บารอฟวางแผนการระดมพลมาแล้ว แต่เวลาที่จะปฏิบัติตามแผนการจริงๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อันดับแรกคือถ้าว่ากันในภาพรวมของสำนักบริหารแล้ว ตอนนี้มีเพียงเมืองเนเวอร์วินเทอร์เพียงเมืองเดียวเท่านั้นที่สามารถทำการปรับในเรื่องของนโยบาย กำลังพลและการผลิตได้ หากนำไปใช้ในเมืองอื่นๆ มันจะกลายเป็นเหมือนมาตรการบังคับ และทำให้ระเบียบของเมืองที่ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างยากลำบากต้องกลายเป็นอัมพาตอีกครั้ง


อันดับต่อมา ต่อให้กองทัพที่หนึ่งขยายใหญ่ขึ้น แต่การขนส่งเบื้องหลังนั้นไม่สามารถขยายใหญ่ตามขึ้นมาได้ง่ายๆ การจะอาศัยเพียงเรือใบและสัตว์ในการขนส่งของข้ามอาณาจักรเพื่อไปทำศึกขนาดใหญ่นับแสนคนนั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในยุคสมัยนี้เลย


แต่ถ้าสนามรบอยู่ในดินแดนตะวันตก ทั้งการบริหารและการขนส่งก็จะไม่ถูกจำกัด เมืองเนเวอร์วินเทอร์เป็นทั้งแนวหน้าของศึกครั้งนี้ แล้วก็เป็นป้อมปราการแห่งสุดท้ายของมนุษย์


ไม่ว่าต้องทุ่มเทมากเท่าไร พวกเขาก็ไม่อาจถอยหลังได้แม้แต่ก้าวเดียว ต่อให้ศัตรูจะเป็นอาณาจักรซีสกายก็ตาม


เพราะว่ามนุษย์ไม่มีที่ให้ถอยอีกแล้ว!


…..


“ใครอยู่ตรงนั้น?”


ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ที่นอนแช่อยู่ในบ่อละอองชีวิตลืมตาขึ้นมามองไปทางมุมมืดมุมหนึ่ง


เมื่อครู่นี้มันได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเล็กน้อย


หากเป็นเวลาปกติ มันไม่ทางถามคำถามแบบนี้แน่ ขอเพียงหยิบอาวุธขึ้นมาฟัน มันก็จะรู้ผลลัพธ์ได้ทันที ถ้ามีร่างระดับต้นหรือร่างยกระดับระดับต้นเข้ามาในพื้นที่ที่มันกำลังพักผ่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต การถูกฟันเป็นสองส่วนก็ถือเป็นเรื่องสมควรแล้ว


ที่ไซเลนท์ไม่ลงมือทันทีนั้นเป็นเพราะดาบไม่ได้อยู่ข้างตัวมัน มีแต่ตอนที่พักรักษาอาการบาดเจ็บ มันถึงจะถอดชุดเกราะและอาวุธออก


ภายใต้ความมือ เงาๆ หนึ่งค่อยๆ เดินออกมา


“อย่าเพิ่งลงมือ….นี่ข้าเอง”


มันงุนงงเล็กน้อย เมื่อฟังจากเสียงแล้ว อีกฝ่ายคือสกายลอร์ดที่ขาดการติดต่อไปนาน เฮคซอด!


ไซเลนท์ลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะหยิบเอาผ้าขาวมาพันร่างกายเอาไว้ “เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา! หรือว่าหนีเอาตัวรอดไปเหมือนที่เดอะแมสก์มันว่าจริงๆ?”


“เหอะ ไอเจ้าตัวประหลาดนั้นมันพูดอะไรออกมาข้าไม่แปลกใจหรอก นี่เป็นเหตุผลที่ข้ามาหาเจ้าตามลำพัง” เฮคซอดค่อยๆ เดินมาถึงข้างพอ ในเวลานี้ไซเลนท์ถึงได้สังเกตเห็นว่าเกราะตรงหน้าอกของมันแตกออกเป็นรูขนาดใหญ่ บาดแผลข้างในลึกจนมองเห็นกระดูก ถึงแม้เลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่อาการบาดเจ็บกลับยังไม่ฟื้นตัว


“เจ้า…บาดเจ็บเหรอ?”


ด้วยความสามารถของสกายลอร์ด ต่อให้หนีศึกก็ไม่มีทางที่จะตกอยู่ในสภาพแบบนี้แน่นอน


“คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ข้ากระเซอะกระเซิงจนต้องให้เจ้ามาเป็นห่วง” เฮคซอดแค่นหัวเราะอกมา ก่อนจะคลานเข้ามาในบ่อละอองชีวิตอย่างยากลำบาก “ส่วนเรื่องที่ข้าไปไหนมานั้น วางใจได้ อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นแน่นอน แต่ว่าก่อนหน้านั้น ข้าจำเป็นต้องให้เจ้าได้เห็นอะไรบางอย่างก่อน”


“เห็นอะไร?”


“รวบรวมสมาธิ จากนั้นปล่อยวาง หลับตาลง…”


เมื่อได้ยินคำขอร้องที่แปลกประหลาดแบบนี้ เดิมไซเลนท์คิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย มันจึงรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างทันที


นี่คือการเตรียมตัวที่จะเข้าไปในโลกแห่งจิตสำนึก!


มันลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็หลับตาทั้งสองข้างลง


พริบตานั้นเอง ภาพที่ยากจะบรรยายได้จำนวนหนึ่งหลั่งไหลเข้ามาในหัวของไซเลนท์! ภาพดินแดนแปลกประหลาด จดหมายลับที่ไม่รู้ที่มา เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่สวมชุดขาว เสาลำแสงขนาดใหญ่ หลุมที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นผุดขึ้นมาในหัวมันอย่างต่อเนื่อง ภาพสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นตรงหน้ามันคือภายใต้กรงเล็บที่ห้อมล้อม ฝูง ‘รัง’ จำนวนมากถาโถมเข้ามา….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)