Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1416-1417

 ตอนที่ 1416 ตกที่นั่งลำบาก

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชาร์มรู้สึกเหมือนโลกหมุนอย่างรุนแรง หูของเขาเต็มไปด้วยเสียงเหล็กที่กำลังบิดตัว เสียงซู่ๆ ของไอน้ำที่พ่นออกมาและเสียงตะโกนของแฮงค์


เวลาเหมือนเดินไปช้าอย่างมาก ในตอนที่ตู้โดยสารหยุดกลิ้ง ร่างกายเขาไปนอนอยู่ข้างหน้าต่าง


ที่โชคดีคือแขนขาของเขายังคงฟังคำสั่งของเขาอยู่ ทั้งพลิกตัว ชะโงกหน้า ลุกขึ้นยืน ทุกขั้นตอนล้วนแต่ไม่มีอุปสรรคใดๆ นี่หมายความว่าร่างกายเขายังคงเรียบร้อยดีอยู่ ไม่มีข่าวไหนจะดีไปกว่าการรอดจากอุบัติเหตุรถไฟตกรางแล้ว ถึงแม้จะแค่ตอนนี้ก็ตาม


“เฮ้ เพื่อน เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” เขาเดินฝ่าฝุ่นควันและไอน้ำก่อนจะคลำเจอแฮงค์ที่นอนอยู่


“เอ่อ…น่าจะไม่เป็นอะไร” แฮงค์ส่งเสียงโอดโอย “พระเจ้า มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย?”


“สัตว์อสูรทำลายรางเหล็ก พวกเราต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่” ชาร์มตบแขนของเขา “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากเมืองใน แต่จำเอาไว้ว่าที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ พระเจ้าคุ้มครองเจ้าไม่ได้หรอกนะ คนที่คุ้มครองเจ้าได้มีแต่ฝ่าบาทกับปืนเท่านั้น ตอนนี้เจ้าตามข้ามา”


หลังปีนลอดช่องหน้าต่างที่อยู่บนหัวออกมา เขาก็มองเห็นขบวนรถทั้งขบวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ตู้โดยสารล้มระเนระนาดอยู่บนคันทางกลายเป็นเส้นคดเคี้ยว แต่น่าจะเป็นเพราะลดความเร็วได้ก่อนที่จะตกราง ขบวนรถจึงไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก ส่วนใหญ่แล้วยังคงอยู่ในสภาพเดิมอยู่ หลายคนกำลังพยายามเปิดประตูหรือหน้าต่างเพื่อปีนออกมาจากขบวนรถ


ทันใดนั้นเอง ชาร์มก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา


ใจเขาเต้นขึ้นมาทันที ก่อนจะหันไปตะโกนบอกแฮงค์ว่า “ฟังนะ ตอนนี้เขาไปช่วยทุกคนออกมาจากรถไฟ จากนั้นก็พาพวกเขาหนีไปทางตะวันตก!”


เมื่อไม่มีรถไฟ ความเสี่ยงในการเดินทางต่อไปที่สถานีหมายเลขหนึ่งก็จะยิ่งมากขึ้น และที่นี่ก็พอจะมองเห็นป่าเร้นลับแล้ว — ขอเพียงวิ่งเข้าไปในอาณาเขตของท่านลีฟ ทุกคนก็น่าจะหนีพ้นสัตว์อสูรได้


“ข้า ข้าเข้าใจแล้ว…”


เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า ชาร์มก็ก้าวเท้าวิ่งไปบนตู้รถไฟ


เขาต้องรีบหาตัวดัสก์ให้เจอ


เมื่อมาถึงตู้สุดท้าย ชาร์มก็เห็นทหารชาวบ้านกำลังสู้กับพันธุ์หมาป่าที่ไล่ตามมาอยู่ ถึงจะถูกยิงตายไปหลายตัว แต่พวกมันก็ยังพยายามที่ปีนขึ้นมาบนรถไฟอยู่


เขาปลดล็อกปืน ก่อนจะกราดยิงใส่พันธุ์หมาป่าในระยะไม่ถึง 10 เมตร — ถึงแม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาเหนี่ยวไกปืนใส่ศัตรู แต่การฝึกซ้อมในอดีตก็ทำให้เขาหาความรู้สึกเจออย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็ช่วยทหารชาวบ้านกำจัดสัตว์อสูรไปได้หลายตัว


แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พักหายใจแล้วถามทุกคนว่าแม่มดอยู่ที่ไหน บนพื้นจู่ๆ ก็สั่นสะเทือนขึ้นมา! ปลอกกระสุนที่ตกลงไปบนตัวรถพากันกลิ้งไปกับพื้นส่งเสียงติ๊งๆ ตั๊งๆ


ในตอนที่การสั่นสะเทือนนี้ขึ้นมาถึงด้านบน พื้นที่อยู่ตรงหน้าพลันยกตัวขึ้นมา หนอนยักษ์ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะอ้าปากกว้างตรงหน้าทุกคน!


“ชิบหายแล้ว นั่นมันอะไรวะเนี่ย?” ทหารชาวบ้านเหนี่ยวไกพร้อมอุทานตกใจ บนร่างกายของสัตว์ประหลาดถูกยิงจนเลือดไหลออกมาเป็นทาง แต่เมื่อเทียบกับขนาดที่ใหญ่โตของมันแล้ว บาดแผลที่เกิดจากกระสุนยังไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บจนถึงชีวิตได้


จากนั้นผิวด้านนอกของหนอนยักษ์ก็ขยายตัวขึ้น ชาร์มมองเห็นเส้นเลือดที่กำลังเต้นตุบๆ อยู่ด้านล่างผิวหนังได้อย่างชัดเจน —- หลังเสียงสำรอกที่น่าคลื่นไส้ดังขึ้นมา สัตว์อสูรฝูงหนึ่งที่ทั้งตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวเหนียวก็ถูกมันคายออกมา


ชาร์มแทบไม่กล้าจะเชื่อสายตาของตัวเองว่าในหมู่สัตว์อสูรจะมีสัตว์ประหลาดที่แปลกประหลาดขนาดนี้อยู่ด้วย?


แต่ในเวลานี้เขาไม่มีเวลามานั่งอุทานตกใจแล้ว สัตว์อสูรที่ปรากฏขึ้นมาใหม่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นพันธุ์ผสม เมื่อไรที่พวกมันกระจายตัวออก คนที่โชคร้ายจะต้องเป็นตัวเองอย่างแน่นอน


“ยิง ยิง!” เขากราดยิงใส่ศัตรูพร้อมกับตะโกนเสียงดัง


คำพูดนี้ได้เรียกสติเหล่าทหารชาวบ้าน พวกเขาเอารถไฟเป็นที่กำบังพร้อมกับกราดยิงใส่สัตว์อสูร


พริบตานั้นเอง สัตว์อสูรจำนวนไม่น้อยยังไม่ทันลุกขึ้นยืนก็ถูกกระสุนกราดยิงใส่จนตายแล้ว แต่หนอนยักษ์ตัวนั้นหลังจากที่คายเอาสัตว์อสูรออกมามันก็ไม่ได้หดเล็กลงเลย หากแต่ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น กระทั่งมีเขี้ยวคู่หนึ่งโผล่ขึ้นมาจากข้างในแล้วฉีกปากของหนอนยักษ์ออก พันธุ์ผสมตัวสุดท้ายถึงจะปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเลือดที่ชโลมไปทั้งตัว


แวบแรกที่เห็นมัน หัวใจชาร์มพลันเย็นวาบขึ้นมา


นั่นมันสัตว์ประหลาดที่พ่อของเขาเคยเล่าให้ฟัง — เขี้ยวที่ยาวใหญ่ ขาสี่ข้างและมือสองข้างของมันแสดงให้เห็นว่ามันคืออสุรกายนรกที่เล่าลือกัน แล้วก็เป็นศัตรูที่รับมือได้ยากที่สุดในบรรดาพันธุ์ผสม มันปรากฏตัวที่ชายแดนเนเวอร์วินเทอร์เพียงแค่ไม่กี่ครั้ง อีกทั้งอาวุธธรรมดาทั่วไปก็ไม่สามารถหยุดการโจมตีของมันได้ด้วย!


หลังอสุรกายนรกฉีกปากของหนอนยักษ์ออก มันก็แยกเขี้ยวพุ่งตรงเข้ามาที่ขบวนรถไฟ!


ชาร์มกระโดดลงไปที่พื้นทันที แทบจะในเวลาเดียวกัน ศัตรูก็พุ่งชนเข้ากับตู้รถไฟอย่างแรงจนตัวรถที่หนักอึ้งถึงกับขยับเลื่อนขึ้นมา — ทหารชาวบ้านสองคนที่หนีไม่ทันกระเด็นตกลงมาที่พื้น ก่อนจะถูกตัวรถทับลงมาจนกลายเป็นก้อนเนื้อเละๆ แม้แต่เสียงร้องก็ไม่ได้ร้องออกมา


ส่วนอสุรกายนรกเองก็ขยับไปไหนไม่ได้เพราะเขี้ยวปักลงไปบนผิวเหล็กของรถไฟ ทหารคนอื่นๆ พากันกระหน่ำยิงใส่เป้าหมาย แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้มันคุ้มคลั่งมากขึ้น


ทันใดนั้นเอง ร่างกายที่ผอมบางของคนๆ หนึ่งได้กระโดดลงไปในสนามรบ — เห็นได้ชัดว่าคนๆ นั้นเป็นมนุษย์ผู้หญิง ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนพากันยกปากกระบอกปืนขึ้น


“อันตราย รีบถอยไป!”


ชาร์มจำอีกฝ่ายได้ทันที เขารีบตะโกนออกมา “โบแชง!”


โบแชงไม่สนใจคำเตือนของทุกคน เธอกระโดดกลิ้งตัวพุ่งเข้าไปตรงท้องท้องของอสุรกายนรก นี่ทำให้ชาร์มหวาดเสียงจนหัวใจแทบจะกระเด็นออกมา ขอเพียงพลาดนิดเดียว เธอก็จะถูกเท้าของเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเหยียบจนเละ


โบแชงก็เหมือนจะรู้ถึงจุดนี้เหมือนกัน ด้านหนึ่งเธอก็พยายามเดินตามฝีเท้าที่กำลังดิ้นรนของเจ้าสัตว์ประหลาดเอาไว้ อีกด้านหนึ่งก็ยื่นมือไปจับอีกฝ่าย ผิวหนังหนาๆ เริ่มเหี่ยวแห้งลงอย่างเห็นได้ชัด อสุรกายนรกเองก็ส่งเสียงคำรามตกใจออกมา!


สัตว์อสูรตัวอื่นๆ หันหน้าพุ่งเข้ามาหาสัตว์ประหลาดยักษ์เหมือนกับได้รับคำสั่งอย่างไรอย่างนั้น เป้าหมายของมันเห็นได้ชัดว่าคือแม่มดที่อยู่ด้านล่าง สถานการณ์อันตรายขึ้นมาอย่างมากทันที ขอเพียงปล่อยให้พันธุ์ผสมหมาป่าหรือพันธุ์ผสมนกที่คล่องแคล่วเข้าใกล้โบแชง เธอจะต้องถูกเล่นงานอย่างแน่นอน และการยิงปืนในระยะนี้ก็อาจจะพลาดไปถูกอีกฝ่ายได้ ทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที


บ้าเอ้ย ไม่มีวิธีอื่นแล้ว!


ชาร์มกัดฟัน ก่อนจะตะโกนเสียงดังแล้วพุ่งออกมาจากด้านหลังตู้โดยสาร จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาอสุรกายนรกที่พยายามดิ้นรนขัดขืนอยู่


สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าประหลาด เมื่อครู่ทั้งสองฝ่ายยังตกอยู่ในสถานะผู้ล่ากับผู้ถูกล่าอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับแข่งกันว่าใครจะไปถึงตัวอสุรกายนรกได้เร็วกว่ากัน


สัตว์อสูรพันธุ์หมีตัวหนึ่งหันหน้ามากัดเขา เขาไม่เพียงแต่จะไม่หลบ แต่ยังยื่นปืนออกไปข้างหน้า —-


“ไสหัวไป!”


วินาทีที่ยิงปืนออกไป ปากกระบอกปืนแทบจะจ่ออยู่ที่หน้าผากของอีกเป้าหมาย


เสียงปังดังขึ้นมา หัวของพันธุ์หมีระเบิดออก ก่อนจะล้มลงไปที่พื้นทันที ชาร์มไม่แม้แต่จะมอง เขารีบวิ่งข้ามร่างของมันไปอย่างบ้าคลั่ง!


ถ้าอยากจะลดโอกาสที่จะทำให้อีกฝ่ายบากเจ็บ ก็มีแต่ต้องเข้าไปยิงใกล้ๆ เท่านั้น!


“อ๊ากกก”


ในเวลานี้มีพันธุ์นกเหยี่ยวและพันธุ์หมูป่าพุ่งเข้าไปถึงข้างกายอสุรกายนรกแล้ว พวกมันวิ่งฝ่าพวกเดียวกับแล้วอ้าปากงับเข้าใส่โบแชง โดยหวังจะบีบให้เธอจนมุม แต่โบแชงก็รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นเป้าหมายที่น่ากลัวที่สุด เธอจับท้องของอสุรกายนรกเอาไว้แน่น แล้วปล่อยให้ร่างกายของตัวเองถูกสัตว์อสูรฉีกกระชาก


พื้นที่เหี่ยวแห้งแผ่กระจายออกไปมากกว่าครึ่งอย่างรวดเร็ว ชาร์มเองก็วิ่งเข้ามาถึงตัวโบแชง ก่อนจะสู้กับสัตว์อสูรในระยะประชิด ปืนยาวแวนนาที่ไม่จำเป็นต้องใช้มือชักลูกเลื่อนแสดงความได้เปรียบของมันออกมา ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์หมูป่าที่มีหนังหนาหรือพันธุ์ผสมหมาป่าสิงโต ขอเพียงโดนยิงเข้าไปทีหัวนัดหนึ่งก็แทบจะตายในทันที ส่วนพันธุ์ผสมนกก็ใช้พานท้ายปืนจัดการ แต่แน่นอน เขาเองก็ถูกกัดไปไม่น้อย — เพื่อที่จะปกป้องโบแชงแล้ว บางครั้งเขาจึงได้แต่ต้องใช้ร่างกายเข้ามารับการโจมตีของศัตรู


ในที่สุดอสุรกายนรกก็ถอนเขี้ยวของมันออก แต่เรี่ยวแรงของมันเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว พลังแห่งการเน่าเปื่อยได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายของมัน ในเวลานี้ผิวหนังที่ดูเหมือนจะแข็งจนโจมตีไม่เข้ากลับกรอบจนเหมือนกระดาษบางๆ จนไม่สามารถแบกรับน้ำหนักของอวัยวะภายในไว้ได้


มันเดินโซซัดโซเซก่อนจะล้มลงไปกับพื้น อวัยวะภายในจำนวนมากกับลำไส้ไหลทะลักออกมาจากท้องตรงส่วนที่แห้งกรอบ ขณะเดียวกันก็ส่งกลิ่นเหม็นเน่าที่แสบจมูกออกมา


ชาร์มมองเห็นเครื่องในเหล่านั้นปูดบวมเน่าเฟะเหมือนถูกแช่อยู่ในน้ำมาเป็นเวลาหลายเดือน


สัตว์อสูรที่ัยังมีชีวิตอยู่เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็พากันหนีไปด้วยความตกใจกลัว


เขาฝืนความเจ็บปวดเข้าไปรับตัวโบแชงที่กำลังล้มหงายหลังลงมา


ในเวลานี้สภาพของแม่มดเละเทะจนดูไม่ได้ ทุกส่วนบนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลที่มีเลือดไหลอาบ ส่วนขาทั้งสองข้างก็ถูกพันธุ์หมูป่ากัดจนเหวอะหวะ เนื้อเปิดออกจนมองเห็น


ตอนที่ 1417 ไม่เลวเหมือนกัน

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ชาร์มอุ้มโบแชงขึ้นมา ก่อนจะเดินกะโผลกกะเผลกไปทางรถไฟ “ดัสก์ล่ะ?”


“นางไปรวมกับคนอื่นๆ…หนีไปทางป่าเร้นลับแล้ว” โบแชงฝืนยิ้มขึ้นมา “ส่วนข้า…ถ้าข้าไม่มาช่วย พวกเจ้าคงได้ตายอยู่ที่นี่แน่ นี่เจ้า…กำลังโทษข้าอยู่งั้นเหรอ?”


“เอ่อ ข้าเพียงแค่…”


“คิดว่าข้าไม่เหมาะที่จะอยู่ปรากฏตัวบนสนามรบ?” เธอพูดเสียดสีอย่างไร้เรี่ยวแรง “อย่าลืมสิว่าข้าเป็นแม่มดสายต่อสู้ แค่กๆ …ตอนที่เจ้ายังเล่นดินเล่นโคลนอยู่ ข้าก็ออกไปต่อสู้เผื่อเอาชีวิตรอดแล้ว”


บาดเจ็บขนาดนี้แล้วยังไม่ลืมที่จะหันมาพูดกัดตัวเองอีก ไม่น่ารักเลยแม้แต่นิดเดียว


แต่เมื่อได้ยินว่าดัสก์หนีออกไปแล้ว ชาร์มพลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมามากกว่าเดิม


น่าจะเป็นเพราะแฮงค์ทำตามที่ตัวเองสั่งล่ะมั้ง


ในเวลานี้ ด้านหลังทั้งสองคนพลันมีเสียงสำรอกดังขึ้นมาอีกครั้ง


ชาร์มหันหน้ากลับไปมอง ก่อนจะเห็นหนอนยักษ์ที่มีเลือดท่วมเต็มปากเริ่มขยายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง


“บ้าเอ้ย ยังไม่หมดอีกเหรอ…”


เขาค่อยๆ ขยับไปข้างตู้โดยสารแล้ววางโบแชงลงกับพื้น


“ถูกต้อง ฉวยโอกาสตอนนี้รีบหนีไปซะ” โบแชงหอบหายใจ “เพื่อนขี้ขลาดของเจ้าพวกนั้นหนีไปจนหมดแล้ว ปล่อยข้าทิ้งไว้ที่นี่ อย่างน้อยก็ยัง เฮ้” เธอหน้าเปลี่ยนสีทันที “เจ้าคิดจะทำอะไร?”


ชาร์มนั่งลงไปกับพื้น ก่อนจะเอากระสุนยัดใส่เข้าไปในแม็กกาซีน “มันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าพาเจ้าหนีไปด้วย ข้าไม่มีทางวิ่งหนีสัตว์อสูรได้”


“อย่างนั้นเจ้าก็น่าจะทิ้งข้าไว้ที่นี่ แล้วหนีไปคนเดียวสิ!”


“เมื่อก่อนพวกเจ้าทำแบบนี้งั้นเหรอ? แต่ตอนที่อยู่ในกองทัพที่หนึ่ง ฝ่าบาททรงสองพวกเราให้สู้เพื่อคนธรรมดา ข้าไม่สามารถทิ้งเจ้าที่เป็นคนธรรมดาให้ยื้อเวลาอยู่ที่นี่ แต่ตัวเองกลับหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวได้”


โบแชงตกตะลึงไปทันที น่าจะเป็นเพราะคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันที่ถูกมองเป็นคนธรรมดาเหมือนกับเขาเหมือนกัน


ชาร์มวางแม็กกาซีนทั้งหมดเอาไว้ข้างตัว ก่อนจะย่อตัวลงไปแล้วยกปืนขึ้นมาตั้งท่าพร้อมยิง “แล้วก็…ถ้าข้ายิ่งกันศัตรูเอาไว้ได้นาน ดัสก์ก็จะยิ่งปลอดภัย ดังนั้นเจ้าก็อย่าบ่นข้าล่ะ”


เขาไม่ได้โทษพวกทหารชาวบ้าน เดิมพวกเขาก็ไม่ใช่ทหารมืออาชีพอยู่แล้ว หน้าที่หลักๆ ของพวกเขาก็แค่เข้าลานวางของกับสถานีรถไฟเอาไว้เพื่อไม่ให้ถูกขโมยของ การที่จะเรียกพวกเขาให้ไปจัดการกับสัตว์ประหลาดอย่างอสุรกายนรกก็ดูจะเป็นการรังแกพวกเขาไปหน่อย ที่พวกเขาอดทนมาได้จนถึงตอนนี้ก็นับมาดีมากแล้ว


“เจ้า….” โบแชงเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ปิดปากไป


“พวกมันมาแล้ว” ชาร์มเล็งไปยังสัตว์อสูรที่ถูกคายออกมาใหม่พร้อมกับเหนี่ยวไก


เสียงปืนดังสะท้อนไปทั่วทั้งที่ราบลุ่ม เมื่อเทียบกับในตอนแรกแล้วถือว่าเบาลงกว่าเดิมมาก ปากกระบอกปืนที่มีควันลอยฟุ้งออกมาจับเป้าเป้าหมายที่อันตรายที่สุดอยู่ตลอดเวลา ส่วนพวกสัตว์อสูรตัวเล็กๆ นั้นก็ปล่อยให้คนข้างๆ เป็นคนจัดการ ทั้งสองฝ่ายไม่ได้พูดคุยสื่อสารอะไรกัน แต่กลับเกิดเป็นความรู้ใจอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกเชื่อใจแบบนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเหมือนตอนที่ทำศึกอยู่ในกองทัพ


เขาเหมือนจะต้านทานพวกสัตว์อสูรอยู่นาน แต่ก็เหมือนจะผ่านไปแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป สายตาของเขาจึงเริ่มพร่ามัว มือเท้าเองก็เฉื่อยชากว่าเดิม ในทางกลับกัน โบแชงที่บาดเจ็บหนักกว่าเขากลับยังไม่ล้มลงไปกับพื้น เธอเอาผ้ามาพันไว้ที่แขนข้างหนึ่งเป็นเพื่อเป็นเหยื่อล่อ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ใช้เป็นอาวุธสำหรับปลิดชีพ สัตว์อสูรตัวเล็กๆ อย่างพันธุ์หมาป่า ขอเพียงโดนโจมตีเข้าไปก็ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน


ที่น่าแปลกใจก็คือชาร์มมองไม่เห็นความสิ้นหวังบนใบหน้าของเธอเลย สีหน้าของเธอดูไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักแม้แต่น้อย สมาธิที่แน่วหน้า การเคลื่อนไหวที่เด็ดขาดและเลือดสดๆ ที่ไหลชโลมคิ้วและดวงตาทำให้เธอแตกต่างจากโบแชงในความทรงจำเขาอย่างสิ้นเชิง นี่ทำให้เขารู้ว่านี่ต่างหากถึงจะเป็นตัวตนที่ ‘แม่มดสายต่อสู้’ ควรจะมี


เธอเคยสูญเสียทุกสิ่งที่เธอถนัดไป แต่ตอนนี้เธอได้กลายเป็นตัวเธอที่แท้จริงอีกครั้ง


พันธุ์ผสมกลุ่มใหม่มุดออกมาจากหนอนยักษ์ ทั้งสองคนรู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายของพวกเขาแล้ว


“เสียดายตัวละครใบนั้น…” โบแชงขยับมาข้างเขา มุมปากพลันยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ถ้าเจ้าตายอยู่ที่นี่…ข้าก็จะได้วางใจ อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องกังวลว่าดัสก์จะถูกเจ้าหลอก…”


เจ้านี่….ไม่น่ารักแม้แต่นิดเดียวจริงๆ ด้วย


ชาร์มส่งเสียงเหอะออกมาอย่างหงุดหงิด “นั่นสิ คนที่น่าเสียใจที่สุดก็น่าจะเป็นเจ้านั่นแหละ ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตก็ต้องมาอยู่กับข้า…”


“ไม่…” เธอพูดแทรกเขาขึ้นมา “ความจริงแล้วข้า…”


“อูวววว…..”


เสียงหวูดที่เล็กแหลมกลบคำพูดของเธอเอาไว้ จากนั้นเปลวไฟเป็นดวงๆ ก็ระเบิดขึ้นมารอบๆ หนอนยัก ฝุ่นควันและเศษหินที่กระเด็นขึ้นมาทำให้เหล่าสัตว์อสูรหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ


ชาร์มหน้าตาตื่นขึ้นมาทันที เขาฝืนยันตัวขึ้นแล้วมองไปทางที่เสียงหวูดดังขึ้นมา


เขาเห็นรถไฟหุ้มเกราะสีดำขบวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนเส้นสายตาทางด้านหลัง ปืนใหญ่ที่ติดตั้งอยู่ด้านบนของมันพ่นเปลวเพลิงออกมาอย่างต่อเนื่อง


นั่นมันแบล็คริเวอร์ที่วิ่งไปวิ่งมาบนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ในศึกนอร์ธบาวด์!


เขาเขย่าตัวโบแชงอย่างตื่นเต้น “ดูนั่นสิ! แบล็คริเวอร์ กองหนุนของพวกเรามาแล้ว!”


แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมา


“เฮ้…” ชาร์มหันหน้ากลับไป แต่เขากลับเห็นอีกฝ่ายนอนหลับตาอยู่ข้างตู้โดยสารไปเสียแล้ว


“ตื่น เฮ้ เจ้าตื่นสิ!” แต่ไม่ว่าเขาจะเขย่าตัวยังไง โบแชงก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมา


….


ในตอนที่ได้เจออีกฝ่ายอีกครั้งก็เป็นเวลาสองวันหลังจากนั้น


“นี่คือห้องของนาง ให้ข้าเคาะประตูให้ไหม?” คามิล่าที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านของมนตร์แห่งสลีปปิ้งถาม


“ไม่ ขอบคุณท่านมากขอรับ เดี๋ยวข้าจัดการเองก็ได้ขอรับ” ชาร์มรีบโค้งคำนับอีกฝ่าย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในที่พักอาศัยของแม่มด เดิมทีที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาตามใจชอบ มีแต่คนที่ได้รับเชิญเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ เขาเองก็แค่ลองมาดู แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้ามา


“อย่างนั้นก็ช่วยระวังเรื่องเวลาด้วยนะ” คามิล่าพยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป


ชาร์มถอนหายใจออกมา


เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน เขาพลันรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา คำตำหนิของเจ้าหน้าที่พยาบาลยังคงดังก้องอยู่ในหูเขา


‘นางยังหายใจอยู่ แต่ถ้าเจ้ายังเขย่าอยู่แบบนี้ ไม่แน่นางอาจจะตายไปจริงๆ ก็ได้! จริงๆ เลยเชียว เห็นๆ อยู่ว่าเคยผ่านสนามรบมา แต่กลับไม่รู้เลยว่าการผ่อนคลายหลังจากที่ฝืนร่างกายมาเป็นเวลานานมันจะทำให้เกิดอาการเป็นลมได้ง่าย พวกทหารเขาไม่ได้รับการฝึกการปฐมพยาบาลหรือยังไง? เอาแต่ตะโกนร้องอยู่นั่นแหละ หรือว่านางเป็นคนสำคัญของเจ้า?’


ชาร์มรีบสะบัดหัวเพื่อสลัดความทรงจำที่น่าหงุดหงิดพวกนี้ทิ้งไป


ความจริงหลังรู้ว่าโบแชงยังมีลมหายใจอยู่ เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาเยี่ยมอีกฝ่ายขนาดนี้ เพราะเมื่อดูจากภายนอกแล้ว ตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครมาเยี่ยมใครกันแน่ บนร่างกายเขามีผ้าพันแผลพันอยู่เต็มไปหมด ขยับแต่ละทีก็เจ็บไปทั้งตัว ดูสภาพแล้วค่อนข้างน่าอนาถเลยทีเดียว แต่ได้ยินมันก็ส่วนได้ยิน เขามักจะรู้สึกว่าถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง เขาก็ไม่มีทางสบายใจได้


เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ยื่นมือออกไปเคาะประตู


“เข้ามา”


ประตูเปิดออก ภาพที่สะท้อนอยู่ตรงหน้าคือดัสก์


“เจ้าจริงๆ ด้วย” เธอยิ้มอย่างดีใจออกมา “เมื่อกี้ตอนที่ท่านคามิล่ามาแจ้ง นางไม่ได้บอกว่าเป็นใคร แต่ข้าเดาว่าเป็นเจ้า ขอบคุณเจ้ามากนะที่ช่วยโบแชงเอาไว้!”


“เฮ้ พูดผิดหรือเปล่า ข้าช่วยเขาต่างหาก” ภายในห้องมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา


ชาร์มเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะเห็นโบแชงที่นั่งพิงอยู่ตรงหัวเตียง แสงแดดส่องทะลุหน้าต่างสะท้อนอยู่บนใบหน้าครึ่งหนึ่งและผมสั้นสีน้ำตาลของเธอ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจก็คืออาการบาดเจ็บของเธอหนักกว่าเขาเยอะ แต่สีหน้าของเธอกลับเหมือนจะดีกว่าเขา


แต่แน่นอน เธอเองก็ถูกพันผ้าพันแผลเอาไว้ทั้งตัวเหมือนกัน แม้แต่หัวก็ไม่เว้น


“ไม่เห็นมีอะไรแปลก” เหมือนจะมองเห็นความสงสัยของเขา โบแชงยักไหล่ขึ้นมา “ร่างกายของแม่มดนั้นแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา การฟื้นฟูร่างกายก็ย่อมต้องเร็วกว่า ดังนั้น…” เธอชะงักไปเล็กน้อย “เข้าว่าคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้อยู่กับดัสก์ตามลำพังล่ะ”


คำปลอบโยนที่เตรียมเอาไว้พลันสลายหายไปทันที ชาร์มแอบกรอกตาใส่ เขามองออกว่าเธอคนนี้ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเป็นห่วงเลย


“อย่างนั้นข้าขอตัวล่ะ”


“เอ๋ เจ้าจะไปแล้วเหรอ?” ดัสก์ถามอย่างแปลกใจ


“ใช่สิ ยืนนานๆ มันไม่ดีต่ออาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะข้าที่สู้นางไม่ได้ในทุกๆ ด้าน” ชาร์มมองไปทางโบแชงอย่างท้าทาย “ข้าต้องรีบหายดี จากนั้นก็รีบชวนเจ้า…ชวนเจ้าไปดูละครเวที”


“ชวนข้า?” ดัสก์ตอบพร้อมรอยยิ้ม “ได้สิ”


เดี๋ยวๆ รับปากเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?


“เจ้าฝันไปเถอะ!” โบแชงพูดด้วยเสียงเยือกเย็นขึ้นมา “ข้าต้องหายเร็วกว่าเจ้าแน่นอน!”


“อย่างนั้นก็ลองดูก็ได้”


“ลองก็ลองสิ!”


ทั้งสองคนถลึงตาใส่กันแล้วเริ่มถกเถียงกันเหมือนทุกที ดัสก์ยืนส่ายหัวยิ้มๆ อยู่ข้างๆ เหมือนกำลังมีความสุขที่ได้เห็นทั้งสองคนกลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากที่เจอเหตุการณ์ในวันนั้น


ในตอนที่เดินออกไปจากห้อง ชาร์มพลันคิดถึงคำพูดที่ถูกเสียงหวูดกลบไป เขาหันหน้ากลับไปถาม “เออใช่ ก่อนที่เจ้าจะสลบไปเจ้าพูดว่าอะไรนะ?”


“ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น” โบแชงตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ตอนที่รถไฟมาสติข้าเริ่มเลือนรางแล้ว เจ้าน่าจะจำผิดล่ะมั้ง”


“งั้นเหรอ” ชาร์มเกาหัวพร้อมปิดประตู


“เขาถามอะไรน่ะ?” ดัสก์ถามอย่างสงสัย


“แค่คำพูดไร้สาระน่ะ” โบแชงยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันหน้าไปรับแสงอาทิตย์


แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน


…………………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)