Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1374-1375

 ตอนที่ 1374 คนที่แข็งแกร่ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เจ้าว่าอะไรนะ?” นีแกนพูดอย่างหงุดหงิด “กลิ่นคาวเลือด เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นหมาเหรอ?”


เจ้านี่มันพูดบ้าอะไรของมัน ทำไมดูแล้วเหมือนคนที่จิตไม่ปกติเลย ในน้ำเสียงก็เหมือนกำลังหยอกล้อพวกเขาอยู่ คนปกติมีใครที่ไหนพูดกับคนที่เพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกแบบนี้บ้าง


ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาคงจะเล่นเป็นเพื่อนอีกฝ่าย แต่ตอนนี้การหนีออกไปจากอ่าวดีพพูลต่างหากคือสิ่งสำคัญอันดับแรก วิธีที่จะรับมือกับคนโง่ได้ดีที่สุดก็คือทำให้นางหุบปากลงซะ


นีแกนออกแรงที่ข้อมือ โดยหวังจะให้พี่ชายรับรู้ความคิดของตน


แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ปล่อยมือออก “ข้าคิดว่า…เจ้าน่าจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ ที่นี่คือเป็นท่าเรือมาก่อน จะฆ่าปลาหรือตากปลาที่นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”


“กลิ่นเลือดคนกับกลิ่นคาวปลามันน่าจะต่างกันราวฟ้ากับดิน” หญิงสาวพูดอย่างไม่หวั่นไหว “ถ้ามีกลิ่นเลือดเพียงอย่างเดียว มันก็ยังพอจะอ้างว่าเป็นบาดแผลได้ แต่กลิ่นคาวเลือดที่อยู่บนตัวพวกเจ้ามันซับซ้อนวุ่นวายมากเกินไป มันทำให้ข้ามองข้ามไปไม่ได้จริงๆ บางกลิ่นก็นานมาแล้ว น่าจะก่อนหน้านี้หลายเดือน บางกลิ่นก็ยังสดใหม่อยู่ อย่างมากก็น่าจะเมื่อ 2 – 3 วันก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกมันกำลังส่งกลิ่นกระจายออกมาจากใต้เสื้อผ้าของพวกเจ้า”


ใต้เสื้อผ้า?


นีแกนตกตะลึง


สำหรับอัศวินส่วนใหญ่แล้ว ชุดเกราะที่เบาสบายและแข็งแกร่งนั้นคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด ถ้าตั้งใจดูแลรักษาก็มักจะสืบทอดต่อไปได้หลายรุ่น ตระกูลมอร์เรย์เองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน พวกเขายอมทิ้งที่ดินรกร้างในอีเทอร์นอลวินเทอร์ แต่กลับไม่ยอมทิ้งชุดเกราะกับอาวุธ


เพื่อที่จะไม่ทำให้เป็นที่สังเกตของคนอื่น ทั้งสองคนจึงสวมเสื้อและผ้าคลุมตัวใหญ่ๆ ปกปิดเอาไว้ด้านหนึ่ง เพราะยังไงซะตอนนี้มันก็เป็นฤดูหนาว สวมเสื้อผ้าเยอะหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เวลาที่จะออกไปฆ่าคน พวกเขาถึงจะถอดเอาเสื้อคลุมด้านหน้าออก การทำแบบนี้นอกจากเพื่อความคล่องตัวแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าเลือดที่กระเด็นออกมาจะมาเปื้อนเสื้อผ้าด้วย หลังจากฆ่าคนเสร็จแล้วก็แค่ทำความสะอาด ชุดเกราะก็จะกลับมาเป็นเงาแวววาวเหมือนเดิม ขณะเดียวกันน้ำมันที่ทาลงไปก็ยังจะช่วยรักษาสภาพชุดเกราะด้วย


แต่เรื่องนี้มันควรจะไม่มีใครรู้ แล้วอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?


หรือว่า…เธอจะได้กลิ่นมันจริงๆ?


นีแกนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที


ในขณะเดียวกัน มือที่กดเขาเอาไว้พลันปล่อยออก


เขาเห็นตรงหน้าตัวเองวูบไหวทีหนึ่ง จากนั้นร่างของทาร์ลอสก็พุ่งเข้าไปอยู่ข้างหน้าผู้หญิงคนนั้น พี่ชายของตนไม่ได้ชักอาวุธออกมา สำหรับคนที่ผ่านการฝึกฝนมานานแล้ว กำปั้นและข้อต่อล้วนแต่สามารถเป็นอาวุธสังหารได้


ความเร็วของการโจมตีครั้งนี้เรียกได้ว่าเร็วปานสายฟ้าฟาด ตั้งแต่การก้าวเท้าออกไปจนถึงการตอนที่ลงมือนั้นใช้เวลาแค่พริบตาเดียว ถ้าเป้าหมายเปลี่ยนเป็นตนเอง เกรงว่าเขาคงจะตั้งรับไม่ทันแน่ๆ


ถ้าพูดถึงความสามารถและทักษะการต่อสู้เพียงอย่างเดียว พี่ชายของตนคืออัศวินอันดับต้นๆ ของอีเทอร์นอลวินเทอร์เลย


ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนโง่ คนบ้าหรือว่าคนที่รับรู้กลิ่นได้ดีกว่าคนปกติจริงๆ ตอนนี้เธอก็เรียกได้ว่ากลายเป็นคนตายแล้ว


แต่เสียงกระดูกหักกลับไม่ได้ดังขึ้นมา เขาได้ยินเสียง ‘ผัวะ’ ดังขึ้นมาสองครั้ง


หญิงสาวยกข้อศอกขึ้นมาปัดแขนเหล็กที่กำลังจะคว้าไปที่คอหอยของเธอออก จากนั้นจึงใช้มือข้างเดียวรับกำปั้นซ้ายของทาร์ลอสเอาไว้ได้


ดวงตาของนีแกนเบิกโพลง!


เป็นไปได้ยังไง?


ยังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องทักษะการต่อสู้ เอาแค่เรื่องความต่างกันของเรี่ยวแรงระหว่างชายหญิงก็พอที่จะตัดสินทุกอย่างได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพี่ชายของตนที่ถนัดเรื่องการใช้แรงเลย นี่ถือเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่การโจมตีของเขาถูกรับเอาไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว!


แค่พริบตา ทั้งสองคนก็สู้กันไปหลายกระบวนท่า แต่ทาร์ลอสกลับไม่สามารถเอาชีวิตอีกฝ่ายได้ ในตอนที่ทั้งคู่ผละออกจากกันอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็ดึงเอาผ้าคลุมออก ก่อนจะชักเอาดาบสั้นขึ้นมา


“นีแกน เข้ามา!”


ในเสียงเรียกนี้แฝงเอาไว้ด้วยความรู้สึกร้อนใจ


ในตอนนี้ีนีแกนถึงได้รู้ตัวว่าพี่ชายที่เป็นอัศวินของตนได้ทำการวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าตัวเขาไม่สามารถจัดการอีกได้ด้วยตัวคนเดียวได้


“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เขากัดฟันแล้วชักเอามีดสั้นออกมา ก่อนจะยืนย่อตัวอยู่ข้างๆ ทาร์ลอส


“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือพวกเจ้าเหมือนจะไม่ใช่ผู้อพยพธรรมดาซะแล้ว อย่างนั้นก็อธิบายมาซะว่าทำไมพวกเจ้าถึงต้องโกหก” หญิงสาวผายมือออก เหมือนจะบอกว่าต่อให้ใช้มือเปล่าก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ “ถ้ายอมแพ้ซะตอนนี้ บางทีพวกเจ้าอาจจะเจ็บตัวน้อยหน่อย แต่ว่าโทษของการฆ่าคนตามกฎหมายของเกรย์คาสเซิล ทันทีที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ากลิ่นเลือดบนตัวของพวกเจ้ามาจากผู้บริสุทธิ์ จุดจบของพวกเจ้าก็มีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น”


นังนี่มัน…บ้าไปแล้ว!


เธอดูแล้วเหมือนจะพูดเตือน แต่ทุกๆ คำพูดและการกระทำของเธอล้วนแต่กำลังบีบให้พวกเขาหมดหนทาง มีอย่างที่ไหนที่พูดเรื่องจุดจบที่ต้องตายออกมาแต่แรกเริ่มแบบนี้? ในเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องตาย ใครที่ไหนมันจะไปยอมรอความตายอยู่เฉยๆ กันล่ะ พูดอีกอย่างก็คืออีกฝ่ายกำลังบีบให้พวกเขาลงมือ!


พูดไปก็ไร้ประโยชน์!


ในตอนที่ทาร์ลอสเอาดาบพุ่งแทงไปข้างหน้า นีแกนเองก็ตามไปติดๆ เขาบีบพื้นที่หญิงสาวจากทางด้านข้าง ขณะเดียวกันมันก็เป็นการปิดช่องไม่ให้เธอหลบหนีไปได้


แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้มีความคิดที่จะหนีเลย


ไม่ใช่เท่านี้ เธอไม่แม้แต่จะพยายามส่งเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือออกมา หากแต่พุ่งตัวเข้ามาปะทะกับพวกเขา


หลังจากที่ได้ต่อสู้ด้วยตัวเอง ตอนนี้นีแกนถึงได้เข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายน่ากลัวแค่ไหน


ทุกๆ การโจมตีของเธอล้วนแต่หนักหน่วง เขาแทบจะต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งร่างในการรับมือ ถึงแม้จะเป็นการป้องกันที่ดูเหมือนธรรมดาๆ แต่เขาก็ต้องจับด้ามมีดเอาไว้ให้แน่น ไม่อย่างนั้นอาวุธคงจะต้องถูกกระแทกจนกระเด็นแน่


เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าทำไมในร่างกายของอีกฝ่ายถึงมีพลังที่น่าตกใจแบบนี้แอบซ่อนอยู่ได้


“ไม่ต้องออมมือแล้ว นางทำอะไรพวกเราไม่ได้!”


เสียงคำรามของทาร์ลอสทำให้นีแกนได้สติขึ้นมา ถูกต้อง ตอนนี้พวกเขาสวมเกราะอยู่ แต่ในมืออีกฝ่ายกลับไม่มีอาวุธ พวกเขาไม่จำเป็นต้องสู้เหมือนเวลาปกติ ต่อให้โดนต่อยเข้าซักหมัดสองหมัดก็ไม่เป็นไร ถ้าสู้กันแบบแลกกัน ยังไงพวกเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ!


เขาขว้างมีดสั้นใส่หญิงสาว หลังจากอีกฝ่ายหลบมีดสั้นได้ง่ายดาย เขาก็กางแขนทั้งสองข้างพุ่งเข้าไปหาเป้าหมาย


การทำแบบนี้ในการสู้แบบปกตินั้นไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย แต่ในตอนนี้้เธอซึ่งมีแต่มือกับเท้าเปล่าๆ จะทำอะไรตนได้?


จากนั้นใบหน้าของนีแกนพลันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ระเบิดออกมา


เขารู้สึกเหมือนจมูกของตัวเองจมหายลงไปในกระดูก ในลำคอเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ภาพเบื้องหน้าพลันพร่ามัวขึ้นมา


บ้าเอ้ย เจ็บชิบหาย…


แต่ว่าเจ้าเสร็จข้าล่ะ!


เขากัดฟัน แล้วใช้แรงทั้งหมดล็อกแขนทั้งสองข้างเอาไว้ การโจมตีครั้งนี้มีขอบเขตที่กว้างกว่าดาบสั้นหรือมีดสั้น ถ้าถูกรัดเข้าไปจะต้องตายอย่างแน่นอน! และถ้าอยากจะหลบก็ต้องทิ้งการป้องกันที่มีอยู่ในตอนนี้ และในระหว่างนั้นก็ต้องเผยช่องโหว่ออกมาอย่างแน่นอน! เขาเชื่อว่าพี่ชายของเขาจะต้องฉวยโอกาสนี้ไว้ได้แน่!


แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ เนื่องจากใช้ความเคลื่อนไหวในการหลบที่มากเกินไป ร่างกายของหญิงสาวย่อลงมา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีทางที่จะหยุดการโจมตีต่อไปของพี่ชายได้แน่


ทาร์ลอสก้าวไปข้างหน้า ดาบสั้นพุ่งขึ้นด้านบน ประกายแสงสีเทาพุ่งเสียบเข้าที่ส่วนหัวของหญิงสาว หัวของหญิงสาวเชิดขึ้น เหมือนกับถูกงูพิษพุ่งฉกเข้าใส่อย่างไรอย่างนั้น


ยังไม่ทันจะรู้สึกโล่งใจ หญิงสาวที่หงายไปด้านหลังไม่ได้ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาหรือว่าเอามือปิดหน้าปิดตากลิ้งลงไปกับพื้นเหมือนที่คิดเอาไว้ หากแต่อาศัยแรงปะทะนี้ถีบขาทั้งสองข้างเข้าใส่เขากับทาร์ลอสจนกระเด็นลอยออกไป!


นีแกนรู้สึกเหมือนว่านี่ไม่ใช่การถีบ หากแต่เหมือนโดนค้อนทุบเข้าใส่! หลังเสียงกระแทกดังขึ้นมา ตัวเขาก็กระแทกเข้ากับรถสี่ล้อที่อยู่ด้านหลัง เกราะบนร่างกายไม่สามารถลดแรงกระแทกจากด้านหน้าและด้านหลังนี้ได้ แรงที่กระแทกเข้าไปในร่างกายทำให้เขากระอักเลือดสดๆ ออกมา


อีกหลังหลังร่วงลงกับพื้นก็ลุกขึ้นมาใหม่ หมวกที่อยู่บนหัวฉีกขาดออกจากกัน เผยให้เห็นผมที่ยาวสลายและ….หูที่เรียวยาวคู่หนึ่ง มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่มีก็คือบาดแผลที่เขาคาดหวังเอาไว้ว่าจะได้เห็น


หัวใจนีแกนตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม


ความรู้สึกที่เหมือนโจมตีถูกส่วนหัวของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้เป็นแค่ความรู้สึกที่คิดไปเองจากขอบหมวกที่ยาวขึ้น พี่ชายของเขาแทงถูกแค่หมวกของอีกฝ่ายเท่านั้น!


แล้วก็ยังมีหูที่ไม่ใช่หูคนคู่นั้นอีก…


“แค่กๆ…เจ้าสัตว์ประหลาด…อัปลักษณ์!” ทาร์ลอสเอามือกุมหน้าออกค่อยๆ ลุกขึ้นมา “ข้าพกหินอาญาสิทธิ์เอาไว้อยู่ ทำไมเจ้า…ถึงไม่เป็นไร!”


“เพราะว่าข้าไม่ได้ใช้พลังเวทมนตร์น่ะสิ” หญิงสาวลูบหมวกอย่างเสียดาย “ส่วนที่เจ้าบอกว่าข้าอัปลักษณ์ นั่นเป็นเพราะว่าเจ้ามันไม่มีรสนิยมต่างหาก คนที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ไม่ได้คิดแบบนี้ซักหน่อย แถมชีคยังเคยชมข้าด้วยนะ”


“เหลวไหล…สิ้นดี!” นีแกนไอเป็นเลือดออกมา “พี่ชายของข้าเป็นอัศวินที่ได้รับการอวยยศจาราชินีอีเทอร์นอลวินเทอร์ ต่อให้เป็นอัศวินในเมืองหลวงก็มีแค่ไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะพี่ชายข้าได้! ถ้าไม่เป็นเพราะใช้พลังชั่วร้าย น้ำหน้าอย่างเจ้าเนี่ยนะจะเอาชนะพี่ชายข้าได้? อย่าฝันไปหน่อยเลย!”


“งั้นเหรอ? บางทีพวกเจ้าอาจจะยังไม่รู้สึกตัว…ว่าบนตัวของพวกเจ้าเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง” หญิงสาวพูดพร้อมก้มหน้า “ข้าขอถามเจ้าหน่อย กลิ่นเลือดใหม่ที่อยู่บนตัวพวกเจ้า เป็นเลือดจากคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือเท่าเทียมกับพวกเจ้าหรือเปล่า?”


“เจ้า…อยากจะพูดอะไร?”


“ไม่ใช่ใช่ไหมล่ะ? ถึงแม้พวกเจ้าจะลงมือดุดัน แต่กลับขาดความฮึกเหิมและจิตใจที่พร้อมจะสู้ตาย” เธอค่อยๆ พูด “ข้าเคยเจอคนแบบพวกเจ้ามามากแล้ว คนอย่างพวกเจ้าเนี่ย ทันทีได้รับชัยชนะก็ไม่ยอมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า เอาแต่หันหลังกลับไปรังแกคนที่อ่อนแอกว่าเพื่อรักษาตำแหน่งของตนเอาไว้ นานวันเข้า จิตวิญญาณส่วนนี้ก็จะแทรกซึมเข้าไปในกระดูกของพวกเจ้า แล้วก็จะถูกร่างกายจดจำเอาไว้ ชัยชนะแบบนี้ต่อให้ได้มาเยอะแค่ไหน มันก็ไม่มีทางทำให้พวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้นแม้แต่นิดเดียว”


“แต่ในบรรดาคู่ต่อสู้ที่ข้าเคยสู้มา มีทั้งสุดยอดอมนุษย์ที่แข็งแกร่งจนกระทั่งทำให้คนรู้สึกสิ้นหวัง แล้วก็มีทั้งแม่มดโบราณที่เชี่ยวชาญอาวุธทุกๆ อย่าง ซึ่งนี่คือความแตกต่างระหว่างข้ากับพวกเจ้า บางทีเมื่อก่อนนี้พวกเจ้าอาจจะแข็งแกร่งจริงๆ แต่ว่าตอนนี้…” เธอชะงักไปเล็กน้อย “พวกเจ้าไม่ได้แข็งแกร่งอย่างนั้นอีกแล้ว”


ตอนที่ 1375 ทีเดียว

โดย

Ink Stone_Fantasy

พวกเจ้าต่างหาก…ที่อ่อนแอ?


ในตอนที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา นีแกนยืนตกตะลึงอยู่กับที่ เขาคิดว่ามันเป็นเพียงคำพูดเหลวไหลทันที แต่ความจริงมันก็คอยย้ำเตือนเขาอย่างไร้ปราณี ถึงแม้ในมือจะถืออาวุธและสู้ด้วยจำนวนสองต่อหนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่มีปัญญาที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้


พวกเขาเกลียดโรแลนด์ วิมเบิลดัน เกลียดคนเกรย์คาสเซิล แล้วก็เกลียดอาวุธปืน เป็นเพราะเจ้าสิ่งที่ไม่มีเหตุผลนี้ถึงได้ทำให้ชาวบ้านที่ต่ำต้อยสามารถลุกขึ้นสู้กับอัศวินที่ฝึกฝนอย่างยากลำบากมากสิบกว่าปีได้ เดิมชาวบ้านที่ต่ำต้อยพวกนั้นควรจะหมอบคลานอยู่แทบเท้าพวกเขา แล้วก็มีชีวิตอยู่โดยพึ่งพาการคุ้มครองจากพวกเขา นี่ต่างหากถึงจะเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปี เป็นกฏระเบียบที่โลกให้การยอมรับ!


ถ้าไม่มีอาวุธปืนอยู่ พี่ชายกับเขาก็คงยังเป็นนักรบที่ไร้เทียมทานอยู่


แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่มีทั้งอาวุธปืน แม้แต่มีดซักเล่มก็ยังไม่มี พวกเขาแพ้ให้กับอีกฝ่ายในการต่อสู้ที่ตัวเองมีความมั่นใจมากที่สุด ความคิดที่น่าตกตะลึงนี้ปะทะเข้ากับความเชื่อจนทำให้เขามึนงงไปชั่วขณะ


“สมแล้วที่เป็นแม่มดที่ถนัดใช้คำพูดชั่วร้ายล่อลวงคนอื่น…ใช้พลังที่แท้จริงเอาชนะงั้นเหรอ? อย่ามาทำให้ข้าขำหน่อยเลย!” ทาร์ลอสสูดหายใจลึกๆ “เจ้าก็แค่ใช้พลังสกปรกมาเล่นงานหินอาญาสิทธิ์ของข้าเท่านั้นแหละ…แค่กๆ ถ้าศาสนจักรยังอยู่ พวกเจ้าจะกล้ามาเสนอหน้าอยู่ตรงนี้เหรอ? นอกจากราชาแห่งเกรย์คาสเซิลที่ทำให้ธรรมเนียมที่สืบทอดต่อกันมาต้องด่างพร้อยแล้ว ก็มีพวกเจ้านี่แหละที่ควรจะลงนรกที่สุด!”


“เหลวไหล!” จู่ๆ เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพลันดังแทรกขึ้นมาจากทางหน้ารถ “ข้าเคยเป็นคนของศาสนจักร เคยบรรทุกแม่มดมาก็หลายสิบคน พวกนางไม่เพียงแต่จะเสนอหน้าออกมา แต่พวกนางยังบอกข้าขับรถเก่งอีกด้วย! ยิ่งไปกว่านั้นผู้ปกครองของศาสนจักรทั้งในอดีตและปัจจุบันล้วนแต่เป็นแม่มด เจ้าบอกข้าเรื่องธรรมเนียม? นี่ต่างหากคือโคตรแม่งธรรมเนียม!”


นีแกนกับทาร์ลอสสบตากันทันที


นี่มันเสียงของคนขับรถ!


มีทางรอดแล้ว


ชิงตัวคนขับเอาไว้ หนีไปจากที่นี่ก่อน ต่อไปยังมีโอกาสที่จะได้แก้แค้น!


ขอเพียงมีคนถ่วงแม่มดหมาป่าตัวนี้เอาไว้ก็พอ


เมื่อเทียบฝีมือของทั้งสองคนแล้ว เรื่องนี้ให้พี่ชายซึ่งแข็งแกร่งกว่าเป็นคนจัดการย่อมต้องดีกว่า


แต่ยังไม่ทันที่นีแกนจะเอ่นปาก ทาร์ลอสพลันคว้าตัวเขาไว้ ก่อนจะตะโกนเสียงดังแล้วโยนตัวเขาไปทางแม่มดหมาป่า!


“พี่…” เขามองดูอีกฝ่ายวิ่งไปทางหัวรถอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง


หญิงสาวฟาดเขาลงไปกับพื้นอย่างไม่ออมมือ ก่อนจะเตะเข้าที่หัวเขาอีกทีหนึ่ง การโจมตีอันรุนแรงเหมือนค้อนทุบทำให้ภาพตรงหน้าเขาดับมืดลงไปทันที ก่อนที่ความตกตะลึงและความสิ้นหวังจะขาดหายไป เขาเหมือนจะได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ดังมาจากด้านบน


“คนตรงนั้นก็ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะจัดการได้ง่ายๆ เหมือนกันแหละ..”


ระยะทางสิบกว่าก้าวมาถึงได้ในพริบตา ทาร์ลอสพุ่งเข้าไปยังห้องคนขับที่อยู่ตรงหน้า จู่ๆ คนๆ หนึ่งพลันก้าวออกมาจากด้านหลังหัวรถ


คนๆ นั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน บนตัวเธอสวมชุดเครื่องแบบสีเทาเข้ม นั่นมันการแต่งตัวของคนขับรถสี่ล้อที่เขาคอยสังเกตการณ์ดูก่อนหน้านี้


ที่แท้รถคันหนึ่งต้องใช้คนขับรถสองคน


ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่แม่มดอีกหรอกมั้ง?


ในเมื่อเป็นแค่คนธรรมดา อย่างนั้นจะคนเดียวหรือสองคนก็ไม่มีอะไรต่างกัน พูดอีกอย่างก็คือมีคนขับรถให้เขาแค่คนเดียวก็พอแล้ว! เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ตะโกนออกมาคนนั้นแล้ว ผู้หญิงนั้นควบคุมได้ง่ายกว่าอย่างเห็นได้ชัด


ทาร์ลอสคิดจะจับอีกฝ่ายก่อน แล้วค่อยแทงผู้ชายที่กล้าพูดแย้งเขาขึ้นมาคนนั้น ส่วนท่อนเหล็กที่คนขับรถผู้หญิงคนนั้นถืออยู่ในมือ ทาร์ลอสไม่ได้สนใจมันเลย


เขาดึงผ้าคลุมหน้าออก ก่อนจะส่งเสียงคำรามใส่อีกฝ่าย ในระหว่างที่วิ่งเข้าไปหาก็ยกดาบขึ้นมา โดยหวังว่าจะขู่ผู้หญิงคนนั้นให้กลัวแล้วค่อยใช้ดาบจ่อไปที่คอหอยของเธอ


แต่สิ่งที่ทำให้ทาร์ลอสประหลาดใจก็คือสีหน้าของอีกฝ่ายกลับนิ่งสงบเหมือนดั่งสายน้ำ ไม่เผยให้เห็นถึงความหวั่นไหวแม้แต่นิดเดียว เหมือนกับมองไม่เห็นถึงความดุร้ายที่เขาแสดงออกมาอย่างไรอย่างนั้น


แต่หลังจากนั้นยังมีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตกใจมากกว่านั้นอยู่อีก


ร่างกายของคนขับรถหญิงเบี่ยงไปเล็กน้อย มือทั้งสองข้างยกท่อนเหล็กขึ้นเหนือหัว นั่นมันคือท่าเตรียมที่จะฟันลงมา!


นังนี่…เป็นวิชาดาบ?


ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมา อีกฝ่ายก็ก้าวเท้าออกมาข้างหน้า แล้วฟาดแท่งเหล็กที่อยู่ในมือลงมาที่เขา


บัดซบ!


ท่าทางการโจมตีที่มีการเคลื่อนไหวที่กว้างขนาดนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่พร้อมจะแลกชีวิต ในสายตาคนนอก นี่ไม่ได้ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเลย แต่ทาร์ลอสมองออกว่าการโจมตีครั้งนี้แฝงเอาไว้ด้วยแรงกดดันที่มหาศาล ท่อนเหล็กที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้นไปอีกหลายสิบเท่าจนปิดเส้นทางการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้ทั้งหมด!


ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว


เดิมเขาคิดจะวิ่งเข้าไปอย่างสุดแรง ไม่ได้มีความคิดที่จะหลบหลีกเลย ถ้าเขายังคงพุ่งเข้าไปแบบนี้ บางทีปลายดาบของเขาอาจจะแทงเข้าไปที่ลำคอของเธอก็ได้ แต่ท่อนเหล็กนี้ก็จะฟาดมาที่หัวของเขาจนแหลกเช่นเดียวกัน!


นี่มัน ช่างน่าขันสิ้นดี!


ทาร์ลอสพบว่าร่างกายของเขาตอบสนองออกมาก่อนความคิด เขารีบยกดาบขึ้นมาเหนือหัว โดยหวังจะกันการโจมตีครั้งนี้เอาไว้


“เพล้ง!”


แท่งเหล็กของหญิงสาวฟาดลงมาที่กลางดาบอย่างรุนแรง


ภายใต้แรงปะทะอันมหาศาลนี้ ตัวดาบโค้งงอจนเกินขีดจำกัดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ!


แต่ท่อนเหล็กกลับไม่ยอมหยุดลง มันยังคงฟาดลงมากลางหน้าของเขาท่ามกลางประกายไฟและเศษโลหะที่แตกออก


ทำไมถึงเป็นแบบนี้….


ทาร์ลอสรู้สึกว่าตรงหูของตัวเองมีเสียงดังสนั่นขึ้นมา ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นโดยไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่แอะเดียว ร่างกายของเขากระตุกไม่หยุด


แต่นั่นเป็นเพียงการตอบสนองโดยอัตโนมัติของร่างกาย สติของเขาดับลงไปนานแล้ว


“เสร็จแล้วเหรอ?” โจชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างรถอย่างระมัดระวัง


“อื้อ ถ้าเขาเลือกที่จะแทงเข้ามาแทนที่จะหลบ บางทีอาจจะได้สู้ต่ออีกซักหน่อย” ฟาร์รีน่าสะบัดเลือดที่ติดอยู่บนประแจ “ถ้าจู่ๆ เลือกที่จะถอยขึ้นมา แค่ทีเดียวก็พอแล้ว แต่แน่นอน การล่อลวงของเจ้าก็สำคัญอย่างมาก ทำได้ดีมาก”


โจหัวเราะฮี่ๆ ขึ้นมาอย่างภูมิใจ “อย่าลืมสิว่าข้าเคยเป็นขุนนางมาก่อน และสิ่งที่ขุนนางถนัดมากที่สุดก็คือด่าคน รับรองเลยว่าด่าร้อยคำไม่ซ้ำกันซักคำ”


ฟาร์รีน่าเงยหน้าขึ้นมองไปทางคนที่เธอต้องการ “เห็นๆ อยู่ว่าต่างก็เป็นขุนนาง แต่ทำไมเจ้ากับพวกเขาถึงได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง…บางครั้งข้าก็นึกสงสัยว่าทำไมคนเรามันถึงแตกต่างกันได้มากขนาดนี้ นี่จะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยหรือเปล่า?”


“เจ้าเอง…ก็ไม่เหมือนคนอื่นนะ” โจหลบสายตาเล็กน้อย แต่เขาก็หันกลับมาสบสายตาเธออย่างรวดเร็ว “ข้าถึงได้จากเจ้าไปไหนไม่ได้แบบนี้”


“โจ..”


“ฟาร์รีน่า…”


“อะแฮ่มๆ ขอโทษนะ” โลก้าพูดแทรกการสบตาของทั้งสองคนขึ้นมา “เจ้านั่นมันตายหรือยัง?”


หมาป่าสาวลากนีแกนที่นอนสลบเหมือนมาที่ข้างรถด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะโยนตัวเขาทับลงไปบนตัวทาร์ลอส


“เอ่อ…ข้าคิดว่าน่าจะยังไม่ตายนะ” ฟาร์รีน่าตอบ “ก่อนหน้านี้เจ้ารู้อยู่ก่อนแล้วเหรอว่าพวกข้ามา?”


โลก้าพยักหน้า “ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกเจ้า ไม่เพียงแต่จะสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวตรงนี้ แต่ยังคิดแผนรับมือออกมาได้อย่างรวดเร็ว สมแล้วที่เป็นหัวหน้ากองของกองทัพพิพากษา”


“พวกเขาเสียขวัญตั้งแต่สู้กับเจ้าแล้ว ข้าก็แค่จัดการไปตามน้ำเท่านั้น” ฟาร์รีน่ายิ้มๆ “เมื่อกี้ที่เจ้าพูดมามันก็มีเหตุผลอยู่จริงๆ ถ้าต่อไปมีโอกาส ข้าจะขอคำชี้แนะจากเจ้าบ้างได้ไหม?”


หูของโลก้ากระดิกขึ้นมา “ได้สิ พูดอีกอย่างคือเต็มใจอย่างยิ่ง”


“เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยว่ากันเถอะ” โจอุทานออกมา “ปัญหาตอนนี้คือ…จะจัดการเจ้าสองคนนี้ยังไง?”


“ส่งตัวให้กองทัพที่หนึ่งคุมตัวไว้สอบสวนก่อน จากนั้นค่อยว่ากัน ในเมื่อมีชุดเกราะสวมอยู่บนตัว อย่างนั้นก็ต้องไม่ใช่ผู้อพยพธรรมดาๆ แน่” โลก้าพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ส่วนเรื่องหลังจากนี้จะจัดการยังไง ก็ให้พวกเขาเป็นคนตัดสินใจแล้วกัน”


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)