Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1254-1255
ตอนที่ 1254 ปฏิรูปเงินตรา
โดย
Ink Stone_Fantasy
โรแลนด์เดินผ่านประตูที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาเป็นจำนวนหลายชั้นเข้าไปในคลังเก็บเงินที่อยู่ในเขตปราสาท
ในสมัยที่ยังเป็นเมืองชายแดนอยู่ เงินทั้งหมดรวมกันแล้วพอที่จะใส่หีบได้แค่ไม่กี่หีบเท่านั้น ห้องใต้ดินในปราสาทเพียงพอที่จะใส่เงินที่จะใช้บริหารเมืองเล็กๆ ทั้งหมด แต่หลังจากที่ขายเครื่องจักรไอน้ำกับสินค้าที่ใช้พลังเวทมนตร์สร้างขึ้นมา รายได้ของเมืองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นตัวเลขที่น่าตกใจในเวลาไม่นาน
เมื่อดินแดนใหญ่ขึ้นค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นตาม เพื่อให้ทางสำนักบริหารสามารถหยิบเงินไปใช้ได้อย่างสะดวก เขาจึงสั่งให้คนสร้างคลังสำหรับเก็บเงินขึ้นมาตรงตำแหน่งตรงกลางระหว่างปราสาทกับสำนักบริหาร ถึงแม้การป้องกันจะแน่นหนา แต่ขอเพียงทำตามขั้นตอนทุกอย่างได้อย่างถูกต้อง หัวหน้ากองอื่นๆ ก็สามารถเข้าไปหยิบเงินในคลังเก็บเงินได้ ในตอนนั้นเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างร้อนแรง เพราะว่าขุนนางที่เอา ‘เงินของตัวเอง’ ทั้งหมดออกมาก่อสร้างดินแดนนั้นแทบจะไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ปล่อยให้คนอื่นเข้าไปในคลังเก็บเงินของตัวเองเลย
เพียงแต่ในตอนนั้นนอกจากบารอฟแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วโรแลนด์ไม่ได้สนใจเงินเหรียญเหล่านี้เลย เงินจะมีอยู่น้อยหรือมากไม่สำคัญ ขอเพียงมันจำนวนพอสำหรับการพัฒนาของเมืองก็พอ เมื่อผ่านไปนานวันเข้า รายได้ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์มีมากกว่ารายจ่าย เขาเองก็ไม่ได้รับรายงานเรื่องเงินเก็บขาดแคลนมานานแล้ว
“ฝ่าบาท” บารอฟที่คอยอยู่ในคลังเก็บเงินเดินเข้ามาถวายบังคม “พระองค์ทอดพระเนตรสิพ่ะย่ะค่ะ…เงินของพวกเราในตอนนี้เหมือนเพียงแค่ 12 หีบสุดท้ายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ปกติแล้ว เงินหีบหนึ่งจะมีประมาณ 2,000 เหรียญทอง รวมแล้วก็จะได้ประมาณ 20,000 เหรียญทอง เทียบกับเมื่อก่อนนี้ที่มีเงินกองอยู่เต็มห้อง ตอนนี้ภายในห้องดูเผินๆ แล้วก็โล่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนพวกเหรียญเงินกับเหรียญทองแดงที่วางกระจัดกระจายอยู่ตรงมุมห้อง ถึงแม้ถ้าเทมากองรวมกันจะกลายเป็นเหมือนภูเขาขนาดย่อมๆ แต่จริงๆ แล้วกลับไม่มีประโยชน์อะไร
“ยังใช้ได้อีกนานเท่าไร?” โรแลนด์ถาม
“จากสถานการณ์ในปัจจุบัน…อย่างมากสองเดือนพ่ะย่ะค่ะ”
“เร็วกว่าที่ข้าคิดไว้ซะอีก” เขาเลิกคิ้ว “ส่วนใหญ่ใช้จ่ายเงินเดือนไปใช่ไหม?”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของรายจ่ายทั้งหมด ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายของทีมก่อสร้างและทีมหลอมเหล็กนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากที่สุด นอกจากนี้ทุกๆ เดือนพวกเราต้องจ่ายค่าเช่าเรือที่พระองค์ทรงเช่ามาจากฟยอร์ดประมาณ 4 – 5 พันเหรียญทอง ถ้าเราหยุดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ สำนักบริหารก็จะมีเงินให้พอใช้ไปจนถึงการนัดชำระของหอการค้าร่วมครั้งหน้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ห้ามหยุดขนคน” โรแลนด์พูดตัดบทหัวหน้าสำนักบริหาร
“อย่างนั้น…” บารอฟถูมือ “กระหม่อมจำที่พระองค์เคยตรัสเอาไว้ในที่ประชุมครั้งก่อนว่าพระองค์ทรงมีวิธีที่จะแก้ไขปัญญานี้ไปตลอดกาล….ไม่ทราบว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
“ที่แท้เจ้าก็ยังไม่ลืมเหรอเนี่ย?” โรแลนด์ยิ้มขึ้นมา ก่อนจะมองดูคลังเก็บเงินอีกรอบ น่าจะเป็นเพราะเขาคิดอยู่แล้วว่าสักวันวันนี้ก็ต้องมาถึง เขาจึงสร้างคลังเก็บเงินให้ค่อนข้างกว้าง แถมหน้าต่างยังใส่สะอาด หากเอาราวเหล็กกับของที่ยู่ในห้องออกไป มันก็แทบจะไม่ได้ต่างอะไรกับห้องธรรมดาๆ ทั่วไปเลย ต่อให้อยู่ในนี้นานๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด เอามาใช้เป็นต้องพิมพ์ธนบัตรก็คือว่าไม่เลวทีเดียว “จ่ายเงินเดือนครั้งหน้าเมื่อไร?”
“อีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“เงินพวกนี้เก็บขึ้นมา ตอนนี้อย่าเพิ่งไปใช้มัน” เขาพยักหน้า “แล้วเดี๋ยวเจ้าตามข้าไปที่ห้องทำงาน ข้ามีหน่วยงานใหม่ที่อยากจะตั้งขึ้นมา เรื่องรายละเอียดเดี๋ยวเราไปคุยกันที่นั่น”
ถึงแม้วันนี้มันจะมาถึงเร็วกว่าที่เขาคาดเอาไว้ แต่เมื่อประมาณครึ่งปีก่อน เขาก็ได้เริ่มเตรียมการสำหรับเรื่องนี้แล้ว การจ่ายเงินกระดาษให้กับสโมสรแม่มดกับมนตร์แห่งสลีปปิ้งใช้ถือเป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง ถ้าแม้แต่แม่มดมก็ยังไม่สามารถหาช่องโหว่และทำเงินกระดาษลอกเลียนแบบขึ้นมาได้ อย่างนั้นพื้นฐานการใช้เงินกระดาษมาแทนเงินเหรียญก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ แล้วก็พร้อมเริ่มใช้จริงได้ทุกเมื่อ
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” บารอฟดูผ่อนคลายขึ้น โรแลนด์มองออกว่าเขากังเวลเรื่องที่เงินจะไม่พอจริงๆ ตอนนี้เหมือนได้รับการยืนยันจากโรแลนด์ คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง “ฝ่าบาท แล้วหน่วยงานใหม่นี่มันชื่อว่าอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ธนาคาร” โรแลนด์ตอบ
……
หลังจากนั้น 5 วัน ตรงป้ายประกาศกลางตรงลานเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็มีประกาศใหม่มาติดเอาไว้ แถมยังได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก ทางสำนักบริหารได้ส่งคนมาป่าวประกาศให้ชาวบ้านฟังอีกครั้ง นี่เป็นภาพที่เห็นได้ยากในตอนที่ระบบการศึกษากลายเป็นที่แพร่หลายแล้ว
ในเกรย์คาสเซิลรายสัปดาห์ก็ขึ้นพาดหัวข่าวเอาไว้อย่างสะดุดตา เนื้อหาในหนังสือพิมพ์นั้นอธิบายถึงเนื้อหาที่อยู่บนประกาศอย่างละเอียด ฝ่าบาททรงต้องการออกสกุลเงินชนิดใหม่มาแทนที่เหรียญทอง เหรียญเงินและเหรียญทองแดง
ทันใดนั้นเอง ทั่วทุกตรอกซอกซอยต่างก็พูดถึงประเด็นนี้
ในโรงแรมที่วิคเตอร์พักอยู่ก็เช่นเดียวกัน
เดิมเขาคิดจะกลับไปยังท่าเรือเคลียร์วอเทอร์หลังจากที่ดูหนังเวทมนตร์จบ แต่คิดไปถึงเลยว่าการปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลันของพระจันทร์สีแดงจะทำให้แผนการของเขาเปลี่ยนไปหมด ความลนลานทำให้ระเบียบต่างๆ เกิดความวุ่นวายขึ้นมา เขาจึงรีบเปลี่ยนแผนการทันทีด้วยการตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่ออีกระยะหนึ่ง นั่นไม่ได้เป็นเพราะเขาจงรักภักดีต่อราชาเกรย์คาสเซิลแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะเขาเชื่อว่าถ้าพระจันทร์สีแดงมันหมายถึงวันสิ้นโลกจริงๆ ที่อื่นๆ ก็คงจะแย่ยิ่งกว่านี้ ในตอนที่หายนะมาถึง สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดบนทวีปก็คงจะเป็นเมืองเนเวอร์วินเทอร์แห่งนี้
หลังจากที่พระราชาและพระราชีนีออกมาปลอบขวัญประชาชน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารออกมาจับกุมผู้กระทำความผิด ระเบียบของเมืองก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว วิคเตอร์เองก็ถูกเชิญตัวไปสอบสวนในฐานะที่เป็นพยานที่ได้เห็น ‘การเปลี่ยนแปลงของหนังเวทมนตร์’ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่เขากำลังคิดจะลาจากสาวใช้ผู้อ่อนโยนและเดินทางกลับไปทางใต้นั้น เขาพลันได้ข่าวการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่
และนโยบายใหม่ที่ประกาศออกมาครั้งนี้ก็ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงมากกว่าพระจันทร์สีแดงเสียอีก
เมืองเนเวอร์วินเทอร์จะยกเลิกสกุลเงินที่มนุษย์ใช้กันมานับตั้งแต่ที่ก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมา!
ในฐานะที่เป็นพ่อค้า แวบแรกที่วิคเตอร์ได้ยินข่าวนี้ เขาคิดทันทีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เขานึกว่าเป็นข่าวลือมั่วซั่วจากขี้เมาคนไหนซักคนในร้านเหล้า ทั้งสี่อาณาจักรใหญ่ ไปจนดึงดินแดนที่อยู่นอกทะเล สถานที่ที่มีคนอยู่ ไม่มีใครที่จะไม่ชื่นชอบทอง แล้วจะบอกให้พวกเขาหยุดใช้ทองกันง่ายๆ ได้อย่างไร?
แต่จากหนังสือพิมพ์ที่สาวใช้ซื้อกลับมากับสิ่งที่ตัวเองได้ยินได้เห็นมาจากด้านนอกกลับยืนยันถึงความจริงของข่าวนี้
ข้อแรกของการเปลี่ยนแปลงคือ ‘เมืองเนเวอร์วินเทอร์จะออกเงินกระดาษชนิดใหม่มาแทนที่สกุลเงินที่มีอยู่ในตอนนี้ มันมีลักษณะพิเศษของการบังคับใช้ โดยมันจะมีมูลค่าตามจำนวนที่ระบุเอาไว้บนตัวเงิน และไม่ถูกปฏิเสธในการรับเงิน’
นี่หมายความว่าราชาสามารถใช้กระดาษแผ่นเดียวในการซื้อสินค้าทุกอย่างที่พ่อค้าเอามาวางขายในเนเวอร์วินเทอร์ได้ ในอีกแง่หนึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการปล้นเลย
“ตอนที่ข้ากลับมา ข้าเห็นบางคนขนเอาของออกไปจากเมืองแล้วเจ้าค่ะ” ทิงเกิลเอนตัวลงไปบนฟูกก่อนจะพูดเสียงเบาๆ ออกมา น้ำเสียงของเธอแฝงเอาไว้ด้วยความกังวล ไม่รู้ว่าเธอกังวลเรื่องที่เสื้อผ้าของเรนโบว์สโตนจะถูกบังคับซื้อ หรือกังวลว่าเขาจะหนีไปจากที่นี่เหมือนคนอื่นๆ
วิคเตอร์ยิ้มแห้งๆ ขึ้นมา สาวใช้ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเขามีความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นอยู่กับราชาแห่งเกรย์คาสเซิล หากไม่มีคุณหนูลีฟผลิตเมล็ดพันธุ์ให้ก็คงจะไม่มีเรนโบว์สโตนเหมือนอย่างทุกวันนี้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่อาจทิ้งกิจการในเนเวอร์วินเทอร์ไปง่ายๆ ได้
ยิ่งไปกว่านั้นจากที่เขารู้จักโรแลนด์ วิมเบิลดัน ช้าเร็วนโยบายนี้จะต้องแพร่กระจายไปทั่วทุกที่ในอาณาจักรอย่างแน่นอน
บวกกับอีกฝ่ายนั้นมีหัวการค้าที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพ่อค้าของอาณาจักรดอว์นเลย สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดต้องมาปล้นสินค้าของเหล่าพ่อค้า ดังนั้นนี่จึงไม่น่าจะเป็นความคิดชั่ววูบที่จู่ๆ ก็คิดขึ้นมา เมื่อคิดถึงตรงนี้ วิคเตอร์จึงใจเย็นลงและอ่านต่อไป….
ข้อที่สองและข้อที่สามนั้นล้วนแต่เกี่ยวข้องกับประชาชน
‘เงินเดือนของเมืองเนเวอร์วินเทอร์จะจ่ายในรูปแบบของเงินกระดาษ’
‘สินค้าที่สำนักบริหารและตลาดในเมืองขาย รวมไปถึงเสบียงอาหารและที่พักอาศัยล้วนแต่รับเป็นเงินกระดาษเท่านั้น’
ส่วนข้อที่สี่นั้นเห็นได้ชัดว่าคำนึงถึงปริมาณเงินชนิดใหม่
‘สำนักบริหารจะมีบริการรับแลกเปลี่ยนเงินชนิดใหม่และชนิดเก่าในระยะยาว โดยประชาชนสามารถเอาเหรียญทอง เหรียญเงินและเหรียญทองแดงที่อยู่ในมือมาแลกกับเงินกระดาษในมูลค่าที่เท่าเดิม แล้วก็สามารถใช้เงินกระดาษมาแลกเป็นเงินเหรียญได้ แต่ในตอนที่เอาเงินใหม่มาแลกเป็นเงินเก่า สำนักงานเมืองจะเก็บค่าทำเนียมร้อยละห้า’
วิคเตอร์แอบรู้สึกว่าในข้อนี้เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งมากกว่านั้นแอบแฝงเอาไว้อยู่…
ข้อกำหนดข้อสุดท้ายเหมือนจะตั้งขึ้นมาเพื่อพ่อค้าที่มาจากนอกเมืองโดยเฉพาะ
‘นอกจากนี้ พ่อค้าที่ได้รับการอนุญาตจากทางสำนักบริหารและพ่อค้าที่ทำธุรกิจอย่างถูกกฎหมายสามารถมารายงานตัวกับทางสำนักบริหารเพื่อขอละเว้นค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนเงินได้’
……………………………………………………………….
ตอนที่ 1255 ‘หยวน’ เกรย์คาสเซิล
โดย
Ink Stone_Fantasy
ด้านล่างของข้อกำหนดข้อนี้ยังมีแบบฟอร์มลงทะเบียนแนบเอาไว้ด้วย
สิ่งที่ต้องกรอกในแบบฟอร์มนอกจากจะมีข้อมูลพื้นฐานของพ่อค้าแล้ว มันเหมือนจะต้องระบุสิ้นค้าที่จะซื้อขายอย่างขัดเจนด้วย วิคเตอร์อ่านดูอย่างละเอียดอยู่หลายรอบ ทันใดนั้นภายในหัวเขาพลันสว่างวาบขึ้นมาทันที
อย่างนี้นี่เอง! สายตาเขารีบเลื่อนลงไปยังข้อกำหนดที่สี่และที่ห้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆ เข้าใจถึงจุดประสงค์ของข้อกำหนดสองข้อนี้ นั่นคือเก็บภาษี!
ตามหลักแล้วเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็เหมือนกับเมืองส่วนมากที่ไม่ได้มีการละเว้นภาษี ซึ่งตัวเขาเองก็จ่ายภาษีตามจริงมาโดยตลอด แต่ความจริงแล้วในบรรดาพ่อค้าก็ยังมีบางคนที่แอบหลบเลี่ยงภาษีอยู่ให้เห็นเป็นประจำ พ่อค้าเหมือนอย่างเขานั้นกลับกลายเป็นเหมือนตัวประหลาด
พ่อค้าที่ซื้อร้านเอาไว้ที่นี่ก็ยังมีการจ่ายภาษีบ้างพอเป็นพิธี แต่พ่อค้าที่เช่าร้านหรือว่าเดินทางค้าขายแบบไปๆ มาๆ ส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้จ่ายภาษีเลย เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ยังมีหน่วยลาดตระเวนมาคอยรีดไถ สำหรับเหล่าพ่อค้ารายย่อยแล้วสภาพแวดล้อมอันสงบสุขของเมืองเนเวอร์วินเทอร์นั้นไม่ได้ต่างอะไรจากเมืองการค้าอื่นๆ อย่างเมืองวาเลนเซียหรือเมืองอีเกิลเลย เผลอๆ อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ และก็เป็นเพราะเงื่อนไขข้อนี่ที่ทำให้เมืองหลวงแห่งใหม่กลายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเริงได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ
แต่เหมือนสถานการณ์แบบนี้มันจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นไปตลอด
ถึงแม้การลงทะเบียนจะทำให้ได้ละเว้นค่าธรรมเนียม แต่ตัวเองก็ต้องแจ้งแหล่งที่มาของรายได้ทั้งหมด ถ้าสำนักบริหารเรียกเก็บภาษีตามข้อมูลที่ให้ไว้ก็ไม่มีใครที่จะสามารถปฏิเสธได้
แล้วไม่มีวิธีที่จะหลีกเลี่ยงได้เลยเหรอ?
ย่อมต้องมีแน่นอน ขอเพียงไม่เอาเงินใหม่ไปแลกเป็นเหรียญทอง แล้วใช้เงินใหม่ไปซื้อสินค้าที่เข้ามาขายนเกรย์คาสเซิล จากนั้นค่อยเอาสินค้าไปขายที่เมืองอื่นอีกที ก็จะทำให้สามารถชดเชยความเสียหายตรงนี้ได้
แต่มันก็เป็นแค่การชดเชยเท่านั้น
วิคเตอร์เคยชินกับสถานการณ์เช่นนี้ดี ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่ารายได้จะเท่ากับรายรับพอดี ถ้าอยากจะทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ปกติก็จำเป็นต้องมีเงินใหม่มากกว่าเงินเก่าอยู่หน่อย จากนั้นถ้าไม่เอาพวกมันไปแลกเป็นเหรียญทองจากสำนักบริหารก็ต้องเก็บพวกมันเอาไว้สำหรับใช้จ่ายครั้งหน้า
เมื่อผ่านไปนานวันเข้า สถานการณ์ก็จะค่อยๆ กลายเป็นรูปแบบนี้ ในมือพ่อค้าหลายๆ คนจะมีเงินกระดาษอยู่จำนวนหนึ่ง ในเมื่อมันสามารถใช้ซื้อสิ่งของได้ แถมยังพกพาสะดวก ช้าเร็วมันก็จะถูกใช้แลกเปลี่ยนกันในหมู่พ่อค้า ตอนแรกอาจจะเอาไว้ใช้แลกเปลี่ยนเหรียญทอง แต่ต่อไปมันอาจจะถูกใช้ซื้อสินค้าโดยตรงเลยก็ได้
นี่ก็หมายความว่าไม่ว่าพ่อค้าจะตัดสินใจแบบไหนก็ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อเมืองเนเวอร์วินเทอร์!1、
แต่สิ่งสำคัญคือการจะทำแบบนี้นั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากแต่เป็นการคำนึงถึงความรู้สึกของพ่อค้าต่างหากที่เป็นสิ่งที่ยากกว่า ซึ่งนโยบายเหล่านี้ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์นั้นไม่ได้ทำให้เหล่าพ่อค้าเสียประโยชน์เลย
การลงทะเบียนจะทำให้เมืองจัดเก็บภาษีได้ แล้วก็สร้างบรรยากาศทางการค้าที่ดีมากขึ้น เมื่อคำนึงถึงว่าเหล่าพ่อค้าที่ทำการค้าอย่างถูกกฎหมายมักจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากนโยบาย ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางขาดทุนอะไรมากแน่นอน
ส่วนพ่อค้าที่ถือเงินกระดาษอยู่ตลอดก็จะไม่ได้รู้สึกแตกต่างจากอดีตมากนัก พวกเขายังคงหลีกเลี่ยงภาษีได้ ขณะเดียวกันก็ยังกระจายเงินกระดาษออกไปยังสถานที่ที่ไกลออกไปได้ ขอเพียงสินค้าของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ยังไม่มีสินค้าอื่นมาแทนที่ได้ เงินสกุลใหม่ก็จะค่อยๆ เข้ามาแทนที่เหรียญทอง ต่อให้เป็นดินแดนที่ไม่ได้อยู่ในการปกครองของราชาแห่งเกรย์คาสเซิลก็ตาม!
วิคเตอร์ยังสังเกตเห็นอีกว่าความจริงแล้วไม่ใช่แค่ข้อกำหนดสองข้อสุดท้ายเท่านั้น แต่นโยบายใหม่ทั้งหมดนั้นเผยให้เห็นถึงความนุ่มนวล การค่อยเป็นค่อยไปคือลักษณะพิเศษของมัน
ขอเพียงราชาแห่งเกรย์คาสเซิลสามารถควบคุมการค้าขายเสบียงเอาไว้ในมือได้ เงินสกุลใหม่ก็จะมีคุณค่าขึ้นมาทันที ถึงแม้จะมีนโยบายอื่นๆ คอยผลักดัน แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นตลาดขนาดใหญ่ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์
เกรงว่าพวกพ่อค้าที่หนีออกไปคงไม่ทันได้คิดให้ดีถึงความหมายที่แฝงอยู่ในข้อกำหนดเหล่านี้ การที่ทิ้งตลาดที่มีศักยภาพขนาดนี้ไปเพียงเพราะหวาดกลัวในการเปลี่ยนแปลงเงินสกุลใหม่นั้นเรียกได้ว่ามองอะไรแค่เพียงสั้นๆ
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่านี่เป็นเรื่องที่เพ้อฝัน แต่ตอนนี้มันเหมือนจะไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาคิดเสียแล้ว ขอเพียงควบคุมได้อย่างเหมาะสม ฝ่าบาทโรแลนด์ วิมเบิลดันก็จะอาจจะทำเรื่องนี้ได้สำเร็จก็ได้
เมื่อคิดให้ลึกลงไปอีก วิคเตอร์ก็ต้องรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที
การเข้ามาแทนที่เหรียญทองนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น….
ทันทีที่ทุกคนต่างยอมรับเงินสกุลใหม่ได้แล้ว มันก็เท่ากับว่าฝ่าบาทจะมีทรัพย์สินที่ไม่จำกัด ไม่มีโครงการไหนที่จะมีค่าเทียบกับมันได้เลย
ถ้าข่าวนี้แพร่กระจายไปถึงอาณาจักรดอว์น เกรงว่าพวกพ่อค้าที่ภูมิใจในความเชี่ยวชาญทางการค้าของตัวเองเหล่านั้นคงต้องอ้าปากค้างแน่
ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวตอนนี้ก็คือคนอื่นๆ จะสามารถหยุดเงินสกุลใหม่ของฝ่าบาทได้หรือไม่
กระทั่งถึงวันจ่ายเงินเดือนในอีกสองวันหลังจากนั้น วิคเตอร์ก็รีบให้ทิงเกิลไปซื้อเงินกระดาษมาจากชาวบ้านในอัตรา 1.5 เท่าทันที
แวบแรกที่มองเห็นมัน ความสงสัยภายในใจพ่อค้าอัญมณีพลันหายไปทันที
“กระดาษพวกนี้….สวยจังเลย” ทิงเกิลถือเงินกระดาษเอาไว้ในมือไม่ยอมวาง
“ใช่” วิคเตอรเห็นด้วย เงินสกุลใหม่นั้นแตกต่างไปจาก ‘เงินกระดาษ’ ที่เขาคิดเอาไว้อย่างมาก เวลาที่ถือเอาไว้ในมือก็สัมผัสได้ถึงความยืดหยุ่นและนุ่มนวล เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ทำมาจากกระดาษธรรมดา
และจุดที่พิเศษที่สุดก็คือรูปภาพและลวดลายที่อยู่บนตัวเงิน
เงินกระดาษมีทั้งหมด 7 ชนิด มูลค่าบนตัวเงินมีตั้งแต่ 1 ไปจนถึง 1,000 เงินที่ใหญ่ที่สุดนั้นมีค่าเท่ากับเหรียญทอง ในจุดนี้จะเห็นได้จากลวดลายสีทองที่อยู่บนตัวเงิน ส่วนที่เหลือก็แบ่งออกเป็น 500, 100, 50, 20, 10 และ 1 โดยฝ่าบาททรงใช้หน่วยเงิน ‘หยวน’ มาแทนที่หน่วยเงินเดิม จากมูลค่าที่แตกต่างกัน สีและลวดลายบนเงินกระดาษก็จะแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นเงิน 1,000 หยวนก็จะพิมพ์รูปราชาและราชีนีเอาไว้ ดูแล้วเหมือนจริงอย่างมาก ส่วนด้านล่างก็จะมีตัวหนังสือ ‘เกรย์คาสเซิล รอยัล แบงค์’ พิมพ์เอาไว้อยู่ ถึงแม้มันจะกินพื้นที่แค่มุมเล็กๆ แต่มันก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อเอามาดูใกล้ๆ ก็จะเห็นได้ว่าทั้งตัวหนังสือและรูปหน้าพระพักตร์นั้นเป็นการเอาเส้นลวดลายเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนมาเชื่อมต่อกัน ลวดลายพวกนั้นละเอียดยิ่งกว่าเส้นผมเสียอีก ระหว่างลวดลายกับกระดาษก็ไม่ได้มีร่องรอยการย้อมหรือการเอาอะไรมาแปะ เพียงแค่จุดนี้ก็พอที่จะทำให้คนอื่นล้มเลิกความคิดที่จะทำเลียนแบบขึ้นมาได้แล้ว
วิคเตอร์ดูเงินสกุลใหม่ใบอื่นๆ เงิน 500 หยวนนั้นพิมพ์รูปสโมสรแม่มดเอาไว้ เงิน 100 หยวนพิมพ์รูปโรงงานและคนงาน ส่วนที่เหลือล้วนแต่เป็นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ อย่างเช่นตึกปาฏิหาริย์ รถไฟ…ส่วนด้านหลังของเงินทุกใบล้วนแต่เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์เกรย์คาสเซิล เขาอดยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ารูปภาพที่อยู่บนเงินสกุลใหม่นั้นถูกออกแบบมาอย่างประณีตแล้วก็ผ่านการคิดมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผลงานศิลปะเลย ต่อให้มันไม่มีมูลค่าทางการเงิน แต่นักสะสมของฟยอร์ดบางส่วนจะต้องยินดีจ่ายเงินเพื่อมันแน่
นี่ถือเป็นวิธีที่ฉลาดมาก เงินกระดาษที่พิมพ์ลวดลายที่สวยงามเช่นนี้จะต้องเพิ่มต้นทุนอย่างแน่นอน แต่มันก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนไปในตัวด้วย ถ้าใช้แค่กระดาษธรรมดาๆ แล้วมาบอกว่ามันสามารถแทนที่ทองคำได้ เกรงว่าคงไม่มีใครกล้าเชื่อง่ายๆ แน่ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นของที่ดูสวยงาม ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีกว่ามาก ถึงแม้โดยแท้ที่จริงแล้วมันจะไม่มีอะไรต่างกันก็ตาม
วิคเตอร์วางเงินกระดาษลง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เป็นยังไงบ้างเจ้าคะ?” ทิงเกิลตามอย่างสงสัย
“โลกธุรกิจกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว” เขาพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมา
……………………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น