Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1248-1249

 ตอนที่ 1248 วิธีใช้แกนเวทมนตร์

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมืองเนเวอร์วินเทอร์ เกรย์คาสเซิล


ในช่วงหนึ่งสัปดาห์นี้ รายงานที่กองทัพที่หนึ่งทยอยส่งกลับมาไม่เพียงแต่จะยืนยันในเรื่องที่มีหมอกแดงปรากฏขึ้นที่ทางเหนือของอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ แต่มันยังทำให้โรแลนด์เข้าใจสถานการณ์อพยพอย่างคร่าวๆ ด้วย


ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เอดิธส์คาดการณ์เอาไว้ ปีศาจไม่ได้รอให้หมอกแดงแผ่กระจายตัวจนเสร็จสมบูรณ์ก่อนแล้วค่อยบุกอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ พวกมันใช้ประโยชน์จากท่อส่งหมอกแดงในการร่นระยะเวลา แล้วบุกโจมตีมนุษย์จากทิศทางต่างๆ แถมยังปะทะกับกองทัพที่หนึ่งที่ทำการอพยพชาวบ้านด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกมันรอเวลานี้มานานแล้ว


จากรายงานที่ขวานเหล็กได้รับมา ผลจากการสู้กับปีศาจนั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไร ในระหว่างที่พาชาวบ้านถอยหนี ทหารหลายหน่วยถูกการโจมตีอย่างกะทันหันของปีศาจเล่นงานจนแตกพ่าย จากการถอยร่นกลายเป็นหลบหนี เหล่าทหารกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางเพราะชาวบ้านที่พากันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้จำนวนผู้บาดเจ็บและล้มตายที่ได้รับการยืนยันนั้นมีจำนวนมากกว่า 300 คน ซึ่งพอๆ กับจำนวนทหารที่บาดเจ็บและล้มตายในศึกลอบโจมตีตอนกลางคืนที่ทาคิลา ส่วนชาวบ้านที่อพยพนั้นบาดเจ็บและล้มตายไปมากกว่าหมื่นคน เรียกได้ว่าเสียหายอย่างหนัก


การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของศัตรูทำให้ทุกคนรับมือไม่ถูก


การกระจายกำลังของกองทัพที่หนึ่งออกไปนั้นทำให้การอพยพมีประสิทธิภาพที่สูง แต่มันก็เป็นการลดความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาลงด้วย


แต่โชคดีที่โรแลนด์เคยกล่าวกับเหล่าทหารเอาไว้แล้วว่าพวกเขาจะไม่ถูกลงโทษ หากการที่พวกเขาหลบนี้นั้นทำไปเพื่อเอาชีวิตรอด เหล่าทหารที่แตกกระสานซ่านเซ็นไม่มีใครหลบหนีไปแม้แต่คนเดียว พวกเขาพากันทยอยกลับมาที่วูล์ฟฮาร์ทและติดต่อกับทหารที่ประจำการอยู่ที่นั่นใหม่อีกครั้ง


ไม่อย่างนั้นหากเป็นแบบเมื่อก่อนที่พอระบบบัญชาการถูกทำลายลง เหล่าทหารก็พอกันหนีทัพ เกรงว่าหากเป็นแบบนั้นกองทัพทางด้านเหนือของอีเทอร์นอลวินเทอร์คงจะถูกทำลายจนราบคาบไปแล้ว


ทหารที่หนีกลับมาเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะกลายมาเป็นกำลังรบใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แต่พวกเขายังนำเอาข้อมูลที่สำคัญอย่างมากกลับมาแจ้งทางกองบัญชาการด้วย


อย่างเช่นจากที่หลายๆ หน่วยรายงานมาก พวกเขาพบเป็นอสูรยักษ์ที่ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ในคู่มือระหว่างที่ทำการต่อสู้


ทหารหน่วยหนึ่งที่หลบหนีมาจากท่าเรือนอร์ธเทินโมสต์ของอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์บอกว่าตอนที่ปีศาจบุกโจมตี พวกมันได้ส่งอสูรยักษ์แมงมุมแบบใหม่มา ความสามารถป้องกันของมันเหนือกว่าอสูรยักษ์แมงมุมทั้งสองแบบก่อนหน้านี้มาก ปืนครกและกระสุนระเบิดต่อต้านปีศาจยากที่จะหยุดความเคลื่อนไหวของมันได้ มีเพียงปืนใหญ่ป้อม 152 มม. เท่านั้นถึงจะสร้างความเสียหายให้กับพวกมันได้


นอกจากนี้ยังมีอสูรยักษ์อีกสองสามชนิดที่บรรยายแต่รูปร่างเอาไว้ แต่ไม่ทราบว่าความสามารถคืออะไร


การทำสงครามกำลังเร่งให้พวกมันมีความสมบูรณ์แบบเร็วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย


เมื่อมีข้อมูลเหล่านี้ การประชุมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจึงถูกจัดขึ้นหลายครั้ง เสนาบดีของแต่ละกองต่างก็เห็นด้วยที่จะส่งกองทัพออกไปหยุดทัพศัตรู เพื่อที่จะซื้อเวลาให้กับการอพยพประชากรของทั้งสองอาณาจักร


เพราะตอนนี้การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรในเนเวอร์วินเทอร์ แรงงานที่เข้ามาในระบบอุตสาหกรรมมีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เหล่าเสนาบดีเหล่านี้ได้ประโยชน์ ยกเว้นก็แต่เพียงกองตำรวจและศูนย์รักษาความปลอดภัย


โรแลนด์เองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน แต่เสียดายที่ความสามารถในการขนส่งของเกรย์คาสเซิลนั้นได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว เขาอยากจะส่งคนจำนวนหลายหมื่นคนไปที่วูล์ฟฮาร์ทซะทีเดียว แต่ถ้าขนกระสุนและอาวุธปืนไปไม่ทันมันก็ไม่มีประโยชน์


ด้วยเหตุนี้ถึงแม้จะออกคำสั่งออกไป แต่การจะรวมกำลังพลก็ยังไม่เป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน มันไม่เหมือนกับตอนที่เดินทางออกไปทำศึกที่ทาคิลา เพราะศึกที่ทาคิลาพวกเขาเคลื่อนพลตามเส้นทางรถไฟไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ล้วนแต่มีแบล็คริเวอร์และลีฟคอยให้การสนับสนุนด้านการขนส่งอาวุธและเสบียง แต่ตอนนี้เครื่องมือการขนส่งชนิดใหม่ยังไม่ออกไป ทางกองเสนาธิการสถานใหญ่จึงได้แต่ต้องคิดหาวิธีอื่น


ในรายงานยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกสนใจ


ที่ทหารหน่วยนั้นหนีออกมาได้สำเร็จเป็นเพราะได้กำลังเสริมจากเรือรบปืนใหญ่ และที่เรือรบโรแลนด์สามารถไปช่วยเหลือได้ทันเวลาก็เป็นเพราะว่าโซอี้กับแครอลยอมเอาแกนเวทมนตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับพวกเธอโยนทิ้งไปก่อนเพื่อช่วยเหลือคนธรรมดา การเปลี่ยนแปลงทางความคิดแบบนี้ทำให้โรแลนด์คิดขึ้นมาได้ว่าบางทีแม่มดโบราณอาจจะทำให้วัตถุโบราณที่สืบทอดมาจากอารยธรรมใต้ดินสามารถแสดงประสิทธิภาพของมันออกมาได้มากขึ้นกว่าเดิม


เขารีบเรียกแม่มดระดับสูงทั้งสามของทาคิลาทันที


ร่างกายที่เต็มไปด้วยหนวดของพาซาร์ อาลิเธียและเซลีนปรากฏขึ้นบนกำแพงในห้องทำงานผ่านทางลำแสงภาพ


โรแลนด์พูดความคิดของตัวเองออกมาทันที


‘พระองค์ทรงหมายความว่า…จะใช้ทัณฑ์สวรรค์เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงพลังงานอย่างหนึ่งเหรอเพคะ’ เซลีนเอ่ยปากพูดเป็นคนแรก


“ไม่ใช่แค่ทัณฑ์สวรรค์ หากแต่เป็นแกนเวทมนตร์ทุกเครื่อง” โรแลนด์พยักหน้า


ขอเพียงปรับโครงสร้างการหมุนของพลังเวทมนตร์ในแกนเวทมนตร์ได้ ตามหลักแล้วมันก็จะสามารถเลียนแบบความสามารถของแม่มดซึ่งมีจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาได้ วัตถุโบราณที่ขุดออกมาซากโบราณสถานของอารยธรรมใต้ดินแบบนี้มีทั้งหมด 4 เครื่อง และเครื่องที่ใหญ่ที่สุดในนั้นก็คือเครื่องที่มีความพิเศษที่สุด การหมุนของพลังเวทมนตร์ของมันมีความซับซ้อนมากที่สุด จากบันทึกที่ถูกแปลออกมาทำให้รู้ว่ามันเป็นอาวุธลับที่อารยธรรมใต้ดินฝากความหวังเอาไว้ แม่มดโบราณเรียกมันว่าทัณฑ์สวรรค์


แต่ว่าการจะเปิดใช้งานทัณฑ์สวรรค์จำเป็นต้องใช้ผู้ถูกเลือก โรแลนด์ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติตรงนี้กลับไม่มีพลังเวทมนตร์ ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกเก็บเอาไว้ในโถงใต้ดินมาโดยตลอด


ถ้าเปลี่ยนแกนเวทมนตร์มาเปลี่ยนเป็นพลังอื่นที่มีประโยชน์มากกว่า เช่นนี้มันก็ดีกว่าปล่อยมันทิ้งเอาไว้เฉยๆ


ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือแกนไม่สามารถทำการสร้างเลียนแบบขึ้นมาได้ ถ้าเสียแล้วก็คือเสียเลย สำหรับแม่มดโบราณแล้ว พวกมันคือสาเหตุที่ทำให้ทาคิลากับสตาร์ฟอลแตกหักกัน สมาชิกของสมาพันธ์ต้องสละชีวิตเพื่อมัน พวกมันมีความสำคัญต่อแม่มดโบราณแค่ไหนไม่บอกก็คงจะรู้


ตอนที่ร่วมมือเป็นพันธมิตรกันในตอนแรก โรแลนด์เคยสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่บีบบังคับให้อีกฝ่ายมอบแกนเวทมนตร์มาให้เขา ถึงแม้ตอนนี้แม่มดทาคิลาจะประกาศสวามิภักดิ์ต่อเขาแล้ว แต่เขาก็ยังคิดจะใช้วิธีการปรึกษาหารือเพื่อถามอีกฝ่ายว่าเห็นด้วยหรือไม่


อาลิเธียลังเลเล็กน้อย ‘ถ้าเกิดอยู่ในเมืองชายแดนที่สาม ฝ่าบาทจะทรงใช้มันยังไงก็ได้เพคะ…แต่ถ้าขนมันออกไปนอกถ้ำ ถ้าเกิดมันเสียหายขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเพคะ?’


แม้แต่อาลิเธียซึ่งปกติจะเป็นคนที่หัวแข็งที่สุดก็ยังไม่พูดปฏิเสธออกมาตรงๆ นี่ทำให้โรแลนด์รู้สึกน่าสนุก เขารีบฉวยโอกาสพูดต่อว่า “การเพิ่มมาตรการป้องกันและการดูแลนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ความเสียหายที่เกิดจากปัจจัยภายนอกนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มี แต่ถ้าเป็นความเสียหายจากจำนวนครั้งที่ใช้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ถึงยังไงมันก็ดีกว่าปล่อยทิ้งเอาไว้เฉยๆ แบบนี้”


อาลิเธียมองไปทางเซลีน ‘หลังจากเปลี่ยนทัณฑสวรรค์ไปเป็นแกนเวทมนตร์แบบอื่นแล้วต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะเปลี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้?’


‘ข้าว่า…น่าจะหลายสิบปี’ เซลีนคำนวณดูคร่าวๆ ‘เพราะว่าการหมุนวนของพลังเวทมนตร์ในแกนของมันซับซ้อนอย่างมาก แล้วยิ่งถ้าเกิดเสียหายล่ะก็ เผลอๆ อาจจะทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ก็ได้ แต่ข้าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของฝ่าบาท…”


‘แต่ว่า….’


‘แบบนั้นอย่างน้อยแกนเวทมนตร์ก็ยังถูกเอาไปใช้ในการกำจัดปีศาจได้’ พาซาร์พูดสำทับ ‘…ตอนนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องตามหาผู้ถูกเลือกแล้ว’


อาลิเธียนิ่งเงียบไปครู่ ‘เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าต่างเห็นด้วย อย่างนั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน’


มีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง โรแลนด์เหมือนจะมองเห็นเซลีนแอบผงกหนวดหลักมาให้เขา ‘เป็นยังไงบ้างเพคะ? วิธีพูดกล่อมของหม่อมฉันใช้ได้ผลใช่ไหมล่ะเพคะ?’


เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการ ‘แอบคุยกัน’


เขายังไม่ทันได้คิดว่าจะตอบอะไรกลับไป คำพูดประโยคถัดไปของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาในหัวเขาแล้ว ‘ครั้งหน้าให้แม่มดที่เป็นสมาชิกของสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับเข้าไปในโลกแห่งความฝันเยอะหน่อยนะเพคะฝ่าบาท’


รู้สึกเหมือนนี่จะเป็นการติดสินบนนะเนี่ย


โรแลนด์ได้แต่หัวเราะแห้งๆ อยู่ในใจ


‘อย่างนั้น’ เซลีนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับปรับน้ำเสียงกลับมาเป็นปกติ ‘อย่างนั้นพระองค์ทรงคิดที่จะเปลี่ยนทัณฑ์สวรรค์ให้กลายเป็นพลังแบบไหนเพคะ?’


เขาเตรียมคำตอบสำหรับคำถามนี้เอาไว้แล้ว “พลังแม่เหล็กของลูน่า คงจะไม่ซับซ้อนเกินไปใช่ไหม?”


เซลีนพูดยิ้มๆ “หม่อมฉันจัดการเองเพคะ ฝ่าบาท”


………………………………………………….


ตอนที่ 1249 ภาพของอารยธรรม

โดย

Ink Stone_Fantasy

เหตุผลที่เลือกพลังของลูน่านั้นง่ายมาก ถ้าเทียบกับความสามารถแบบเรียกใช้แล้ว ความสามารถแบบเกาะติดนั้นเหมาะที่จะใช้กับแกนเวทมนตร์มากกว่า อย่างเช่นไฟสีดำของอันนา ถึงแม้การหมุนวนของพลังของเธอจะคล้ายกับการหมุนของแกนเวทมนตร์ แต่แกนเวทมนตร์ก็ไม่สามารถใช้พลังออกมาได้อย่างอิสระเหมือนอย่างอันนา แต่พลังของลูน่านั้นไม่ยุ่งยากขนาดนั้น ขอเพียงใส่พลังเวทมนตร์เข้าไปแล้วกระตุ้นแกนเวทมนตร์ก็สามารถใช้งานได้แล้ว


โดยพลังแม่เหล็กนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเมืองเนเวอร์วินเทอร์อย่างมาก


รุ่งอรุณหมายเลขหนึ่งนั้นเป็นแหล่งพลังงานที่ขาดแคลนมาโดยตลอด ถึงแม้จะมีพลัง ‘การเสก’ ของดอริสมาช่วย แต่มันก็ถือว่าแค่พอใช้ได้เท่านั้น ถ้าหลังจากนี้ต้องขยายโรงงาน เกรงว่าพลังงานไฟฟ้าคงจะตกอยู่ในสภาพขาดแคลนทันที


แต่การผลิตไฟฟ้ากับการส่งผ่านไฟฟ้านั้นเป็นศาสตร์ที่มีความซับซ้อนอย่างมาก ไม่ได้ด้อยไปกว่าวิศวกรรมเครื่องกลเลย จะใช้ความรู้ตอนมัธยมมาควบคุมเครื่องจักรหลอดไฟอะไรพวกนั้นยังพอไหว แต่ถ้าอยากจะสร้างกริดไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับโรแลนด์


ความจริงเขาเอาหนังสือเกี่ยวกับไฟฟ้าออกมาจากโลกแห่งความฝันไม่น้อย แต่เขากลับพบว่ามันยากเกินกว่าที่เขาจะทำความเข้าใจได้ เนื้อหาที่อยู่ในหนังสือนั้นเรียกได้ว่า ‘รู้จักตัวหนังสือทุกตัว แต่พอเอามันมาต่อกันแล้วกลับไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร’ แทนที่จะเรียนใหม่ตั้งแต่ตอน สู้เอาความหวังไปฝากไว้ที่แม่มดทาคิลาดีกว่า บางทีผ่านไปซัก 10 – 20 ปี พวกนางอาจจะเปล่งประกายในแต่ละสายอาชีพก็ได้ แต่ตอนนี้พวกนางยังไม่สามารถช่วยเมืองเนเวอร์วินเทอร์ในส่วนนี้ได้


ด้วยเหตุนี้การขยายการผลิตรุ่งอรุณหมายเลขหนึ่งจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก


โรงงานมีไฟฟ้าก็จะสามารถทำการผลิตได้ทั้งวันทั้งคืน ในเขตที่อยู่อาศัยมีไฟฟ้าก็จะสามารถทำงานตอนกลางวัน แล้วก็เรียนในเวลากลางคืนได้ ในอีกแง่หนึ่งก็หมายความว่าระบบไฟฟ้าถือเป็นอุปกรณ์ทางเวลาอย่างหนึ่ง


เซลีนบอกว่าเทคโนโลยีนี้ไม่มีความยากเลย ระดับการรับรู้พลังเวทมนตร์ของร่างต้นแบบนั้นเหนือกว่าคนธรรมดาอย่างมาก แม่มดธรรมดาที่ใช้หินวัดพลังก็ได้ทำได้แค่เพียงระดับและชนิดของพลังเวทมนตร์ที่วัด และในหัวของเธอก็สามารถจำลองโครงสร้างของการหมุนของพลังเวทมนตร์ขึ้นมาได้ ขอเพียงให้ลูน่ามาแสดงเวทมนตร์ต่อหน้าเธอซัก 2 – 3 ครั้งก็พอ


แต่ตอนที่เขาเอาเรื่องนี้ไปบอกลูน่า สาวน้อยกลับทำหน้าเศร้าสร้อยออกมา


เธอพูดงึมงำว่า “ถ้าแกนเวทมนตร์สามารถแทนที่พลังของหม่อมฉันได้….อย่างนั้นพวกพระองค์ก็ไม่ต้องการหม่อมฉันแล้วใช่ไหมเพคะ?”


สุดท้ายโรแลนด์ก็ปลอบเธออยู่พักใหญ่กว่าเธอจะยอมรับปาก


ยิ่งไปกว่านั้นแกนเวทมนตร์ที่เลียนแบบพลังแม่เหล็กของเธอก็ต้องตั้งชื่อตามเธอด้วย นั่นคือเครื่องลูน่า


จากคำพูดของอีกฝ่ายนั้นบอกว่า “แบบนี้ต่อให้พวกพระองค์ไม่ต้องหม่อมฉันแล้ว แต่พวกพระองค์ก็จะจำชื่อนี้เอาไว้ได้…นอกจากนี้หม่อมฉันขอเครื่องดื่มยุ่งเหยิงเพิ่มสองขวดได้ไหมเพคะ เพราะเป็นการชดเชยความรู้สึกเสียใจของหม่อมฉัน?”


จากนั้นเธอก็ถูกลิลลีที่มาเป็นเพื่อนลากออกไป


การปรับแกนเวทมนตร์นั้นต้องใช้เวลาหลายวัน การคำนวณกริดไฟฟ้าที่จะกระจายไปทั่วทั้งเมืองก็ใช้เวลาอย่างมากเช่นเดียวกัน ถึงแม้โรแลนด์จะใช้แค่ความรู้พื้นฐานทางด้านไฟฟ้า อย่างเช่นการต่อแบบอนุกรม หรือการต่อแบบขนาน แล้วก็พยายามจะคิดคำนวณให้มันง่ายที่สุด แต่โรแลนด์ก็ยังรู้สึกเหนื่อยอย่างมาก


และในช่วงเวลานี้เอง เมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็มีแขกที่เหนือความคาดหมายกลุ่มหนึ่งมาเยี่ยมเยียน


ริคส์ได้พาสมาชิกของแปลกสิบกว่าคนมายื่นหนังสือขอเข้าเฝ้าราชาแห่งเกรย์คาสเซิล


โรแลนด์รีบมาที่ห้องรับแขกเพื่อเจอกับนักสำรวจอีกประเภทหนึ่งของฟยอร์ด


“ข้านึกว่าเจ้าจะไม่มาแล้วซะอีก”


โรแลนด์พูดอย่างสบายๆ หลังจากให้คนใช้เสิร์ฟของหวานและน้ำชา


นับตั้งแต่ที่ริคส์และซิมบาดี้จากเมืองเนเวอร์วินเทอร์ไป จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาสามเดือนกว่าแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะทางดินแดนทางใต้สุดมีการส่งซากโบราณวัตถุมาอยู่ตลอด เกรงว่าเขาคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว


ในขณะที่พูด โรแลนด์ก็คอยสังเกตดูสีหน้าท่าทางของคนกลุ่มนี้ด้วย


น่าจะเป็นเพราะล่องเรือมาเป็นเวลานาน สีหน้าของทุกคนถึงได้ดีค่อนข้างเหนื่อยล้า ดูเหมือนที่ฟยอร์ดจะมีแต่คนที่ขึ้นเรือไม่ได้เท่านั้นถึงจะเลือกเดินเส้นทางนี้


“ขออภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ริคส์พูดอย่างรู้สึกผิด “การรวบรวมสมาชิกคนอื่นของสมาคมของแปลกนั้นใช้เวลานานมากไปหน่อย เสียดายที่ความสามารถของกระหม่อมมีจำกัด ถึงแม้จะมีหนังสือที่พระองค์มอบให้กระหม่อมเป็นเครื่องยืนยัน แต่สมาชิกหลายๆ คนก็ยังมีความเคลือบแคลงสงสัย แล้วก็ไม่ยินดีที่จะมอบผลงานของพวกเขาให้พระองค์ โดยเฉพาะหลังจากที่กระหม่อมเล่าให้พวกเขาเรื่องที่พระองค์ทรงสร้างเครื่องจักรที่พาคนบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาต่างก็คิดว่ากระหม่อมกลายเป็นบ้าเหมือนฟานไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”


“แล้วคนพวกนี้ล่ะ?”


“พวกเขายินดีเชื่อพระองค์พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ริคส์พูดพร้อมโค้งตัว “ครั้งนี้ทุกคนพาครอบครัวมาด้วย พวกเขาเตรียมที่จะปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่เกรย์คาสเซิล เงื่อนไขที่พระองค์เสนอมา พวกเขาก็ยอมรับได้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”


“ดีมาก” โรแลนด์จิบชา “หลังจากนี้ขอแค่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักบริหาร พวกเจ้าก็ถือเป็นประชาชนของเกรย์คาสเซิลแล้ว” ความจริงการมอบหนังสือให้อีกฝ่ายก็นั้นถือเป็นการคัดเลือกอย่างหนึ่ง เพราะว่าชาวฟยอร์ดที่เข้าไปอยู่ในสมาคมของประหลาดนั้นล้วนแต่เป็นคนที่ไม่มีทางไปเป็นนักสำรวจได้ ดังนั้นในบรรดาพวกเขาย่อมต้องมีทั้งคนที่ดีและไม่ดีแน่ ถ้ามองไม่เห็นคุณค่าของความรู้ที่อยู่ในหนังสือ เช่นนั้นก็ไม่มีค่าที่เขาจะไปจ้างคนเหล่านั้น


“ไม่ทราบว่าการตรวจสอบที่ว่านั้นคือ….”


“กฎที่ตั้งขึ้นมาเพื่อกลายเป็นประชากรของเกรย์คาสเซิลอย่างเป็นทางการ หลักๆ แล้วก็คือการบันทึกข้อมูลสถานะของพวกเจ้า ไม่ใช่ว่าต้องไปเซ็นสัญญาอะไร”


ทุกคนโล่งใจขึ้นมาทันที โรแลนด์มองออก ถึงแม้พวกเขาจะพาครอบครัวมา แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจกับอนาคตของตัวเอง


เขาน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้คนเหล่านี้มากขึ้นหน่อย


โรแลนด์เรียกฌอนเข้ามา


“ฝ่าบาท ไม่ทราบว่ามีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”


“คนเหล่านี้ถือเป็นแขกที่เพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก พาพวกเขาไปเดินเล่นทำความคุ้นเคยกับเมืองหลวงแห่งใหม่ของเกรย์คาสเซิลหน่อย” โรแลนด์ผายมือ “โดยเฉพาะตึกมหัศจรรย์ ถ้าหากสมาคมนักประดิษฐ์แห่งใหม่ตั้งขึ้นมาเมื่อไร ข้าก็จะตั้งสำนักงานให้อยู่บนชั้นบนสุดของตึกมหัศจรรย์เหมือนกับศาสตร์แห่งปราชญ์อื่นๆ ดังนั้นตอนนี้พาพวกเขาไปชมที่นั่นหน่อยแล้วกัน”


“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”


หลังจากเห็นทุกคนเดินตามฌอนออกไปด้วยสีหน้างุนงง เขาจึงอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นจึงพูดเสียงเบาๆ กับไนติเกลว่า “เจ้าตามไปดูหน่อยแล้วกัน”


…..


หลังจากนั้นสองชั่วโมง ไนติงเกลก็กลับมายังห้องทำงาน


“เป็นยังไงบ้าง?” โรแลนด์เทเครื่องดื่มยุ่งเหยิงให้เธอ


“พระองค์ทรงรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอเพคะ?” เธอเบะปาก ก่อนจะดื่มเครื่องดื่มลงไปรวดเดียวจนหมด “จริงๆ เลยเชียว ทรงทำเหมือนเด็กอวดของเล่นของตัวเองไปได้เพคะ วางใจได้ หม่อมฉันคิดว่าตอนนี้ต่อให้พระองค์ไล่พวกเขาไป พวกเขาก็คงไม่ยอมไปแล้วล่ะเพคะ”


“ที่ไหนกัน ข้าก็แค่สร้างความเชื่อมั่นให้พวกเขาเท่านั้น”


ไนติงเกลกรอกตาใส่เขา


“อะแฮ่มๆ เอาล่ะ ที่เจ้าว่ามามันก็ถูกนิดหน่อย”


“ถือว่าพระองค์ทรงยอมรับได้เร็วเพคะ” เธอยื่นแก้วเปล่าไปวางไว้ข้างหน้าโรแลนด์อย่างไม่เกรงใจ “อยากฟังรายละเอียดมากกว่านี้ไหมเพคะ?”


“อยาก” โรแลนด์ยอมรับตรงๆ


“อย่างนั้นเตรียมเครื่องดื่มยุ่งเหยิงเอาไว้อีกสองขวดเลยเพคะ”


ในฐานะที่เป็นตึกสัญลักษณ์ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ เมื่อไปยืนอยู่บนยอดตึกจะสามารถเมืองเห็นพื้นที่เมืองได้เกือบครึ่ง รวมไปถึงเขตเมืองทิศเหนือที่จะมีควันพวยพุ่งขึ้นมาอยู่ตลอดเวลากับแม่น้ำแดงที่มีเรือซีเมนต์รูปแบบต่างๆ จอดอยู่เต็มไปหมด ตรงกลางระหว่างทั้งสองที่มีรถไฟที่บรรทุกวัตถุดิบวิ่งผ่านเขตเมือง ส่วนทางทิศใต้ที่ไกลออกไปก็จะมีภาพเครื่องบินปีกสองชั้นบินขึ้นไปท้องฟ้าอยู่ให้เห็นตลอด ถ้าเป็นตอนกลางคืนก็จะได้เห็นโรงงานที่เปิดไฟสว่างอยู่ริมแม่น้ำ แสงไฟที่ลอดออกมจากหน้าต่าง่องไปบนแม่น้ำเปล่งประกายเหมือนดวงดาว


และเรื่องราวก็เป็นเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้


สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนแล้ว วินาทีที่พวกเขาขึ้นไปถึงยอดตึกก็หมายความว่าพวกเขาได้มาถึงโลกใบใหม่แล้ว


พวกเขากำลังมองดูอารยธรรมของมนุษยชาติอยู่


……………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)