Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1185-1186
ตอนที่ 1185 คำเตือนของการทำลาย
โดย
Ink Stone_Fantasy
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พื้นที่ถูกกัดกินกลายเป็นเหมือนดินแดนของศัตรู ไม่ว่าจะหลบอยู่ที่ไหนก็ไม่อาจรอดพ้นสายตามันได้ ถ้าจะหนีก็ต้องเจอกับกำแพงหลุมที่สูงเกือบสิบเมตร แล้วก็หนวดสีดำแปลกประหลาดเหล่านั้นด้วย ทันทีที่ถูกจับได้ก็ยากที่จะดิ้นหลุดออกมา แต่ถ้าจะสู้ ไม่ว่าใครก็ต้องสัมผัมได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวศัตรู เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ความสามารถแตกต่างกันมากขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะยินดีที่จะออกมาท้าสู้กับมันตรงๆ
คนที่เลือกเส้นทางนี้มีเพียงแค่เฟยอวี่หาน
“พวกนายไปก่อน!”
ภายในหูฟังมีเสียงของเธอดังขึ้นมา จากนั้นจึงมีเงาสีขาวพุ่งออกมาจากเงามืดวิ่งฝ่าหนวดสีดำเข้าไปหาสัตว์ประหลาดเวทมนตร์ ร่างกายของเธอเปล่งแสงออกมา นั่นคือปฏิกิริยาของพลังแห่งธรรมชาติที่ปล่อยออกมา ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเพียงแค่ใช้มันห่อหุ้มแขนของตัวเองเท่านั้น
หนวดที่โบกไปมาพุ่งเข้ามาหาเธอราวกับงูพิษ เฟยอวี่หานใช้ความเร็วของฝีเท้าหลบซ้ายหลบขวา มีอยู่หลายครั้งที่หนวดตวัดเฉียดร่างกายของเธอไป มีแต่ตอนที่ไม่สามารถหลบได้ เธอถึงจะใช้ฝ่ามือฟันหนวดเหล่านั้นให้ขาด ลำแสงสีขาวเคลือบไปบนฝ่ามือของเธอราวกับดาบอันแหลมคม
ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ พากันกระโดดออกมาจากที่ซ่อน ก่อนจะวิ่งไปหากำแพงที่อยู่ใกล้ตัวเองมากที่สุด
คุณชายโหยวหลงคือคนแรกที่พุ่งออกมา
“น่าขัน พวกเจ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหนีออกไปจากดินแดนของข้าได้งั้นหรือ?”
สัตว์ประหลาดเวทมนตร์ยกแขนยาวๆ ของมันขึ้นมาแล้วหวดเข้าไปที่หัวหน้าทีมที่วิ่งนำอยู่หน้าสุด แขนที่ดูเหมือนจะยาวไม่พอพลันขยายใหญ่ขึ้นมาหลายเท่า แค่พริบตามันก็ใหญ่แล้วก็ยาวขึ้นกว่าเดิม!
ถึงแม้ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายคุณชายโหยวหลงที่รับรู้ได้ถึงอันตรายจะหมุนตัวแล้วยกแขนขึ้นมากัน อีกทั้งบนแขนก็มีแสงของพลังแห่งธรรมชาติระเบิดออกมาด้วย แต่แสงนั้นสว่างอยู่แค่แวบเดียว เขาก็ถูกมือยักษ์ตบลงไปจนจมดิน!
สิ้นเสียงดังสนั่นที่ระเบิดออกมา แม้แต่พื้นดินก็ยังถูกการโจมตีครั้งนี้กดจนกลายเป็นร่องลึก ส่วนเศษคอนกรีตที่อยู่บนพื้นก็ถูกกระแทกจนกลายเป็นผุยผง
ในตอนที่อีกฝ่ายยกมือขึ้นมาใหม่ ภายในร่องนั้นเหลือแค่เพียงเศษเนื้อเป็นแถบ
สัตว์ประหลาดเวทมนตร์โกยเอาร่างกายที่กลายเป็นเศษเนื้อขึ้นมาพร้อมกับเศษดินแล้วยัดเข้าไปใน ‘รอยแตก’ พริบตานั้นเอง การกัดกินก็เหมือนจะขยายใหญ่ขึ้น
โรแลนด์รู้ทันทีว่ามันใช้แกนพลังแห่งธรรมชาติของผู้ฝึกยุทธ์มาขยายเส้นทางการกัดกินของมัน ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เขากลับรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เหมือนกับว่ามีคนยึดเอาของๆ เขาไปอย่างไรอย่างนั้น แกนพลังธรรมชาติพวกนั้น…มันควรจะเป็นของโลกนี้ มันควรจะเป็นของๆ เขาต่างหาก
จะปล่อยให้เจ้านั่นมันเหิมเกริมต่อไปไม่ได้
“ฝ่าบาท ทำยังไงดีเพคะ?” ในเวลานี้ฟิลลิสกับดาเนนได้มาอยู่ข้างหลังเขาแล้ว “หลุมนี้ใกล้จะถูกหนวดพวกนั้นยึดจนหมดแล้วเพคะ”
“เราต้องรีบจัดการพวกมันก่อนกองหนุนจะมา แต่ว่าห้ามไม่ให้ใครเห็นเด็ดขาด” โรแลนด์ตบหัวหลิงเบาๆ “เจ้าไปทำให้คนที่ถูกหนวดพวกนั้นจับไว้สลบไปก่อน ต้องเร็วด้วยนะ เสร็จแล้วส่งสัญญาณบอกข้าด้วย”
“เรื่องนี้ง่ายมากเพคะ หม่อมฉันไปเดี๋ยวนี้แหละเพคะ..” หลิงรับคำพร้อมหายไปในเงามืด
“หลังจากนี้ก็เป็นการแหวกออกไปซึ่งๆ หน้าล่ะ “ เขามองไปทางร่างศัตรูที่สูงเกือบสิบเมตร ถึงแม้จะมีประสบการณ์กับการต่อสู้แบบนี้มาแล้ว แล้วก็รู้ดีว่าขอเพียงดึงเอาแกนพลังที่เป็นวงแหวนดวงดาวตรงกลางของร่างพลังเวทมนตร์ออกก็จะทำให้ศัตรูสลายตัวไปได้ แต่การจะเข้าไปใกล้ตำแหน่งนั้นให้ได้นั้นกลับเป็นปัญหายากปัญหาใหม่ หลังครุ่นคิดอยู่ครู่ โรแลนด์จึงดึงฟิลลิสมากระซิบที่ข้างหู
“ฝ่าบาท มันจะเป็น….” ฟิลลิสพูดอย่างตกใจ
“ข้าบอกว่าได้ก็ได้ กำจัดมันให้ได้คือเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้” เขาพูดตัดบททันที “นี่คือคำสั่ง!”
“เพคะ…” อีกฝ่ายลังเลเล็กน้อย สุดท้ายจึงตอบรับคำสั่ง “หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
“อย่างนั้นสุดท้ายก็เหลือแค่เจ้าตัวปัญหานั่นแล้ว” โรแลนด์ขมวดคิ้วมองไปทางเฟยอวี่หาน ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ เฟยอวี่หานได้ถูกศัตรูโจมตีจนกระเด็นไปสองครั้ง มุมปากและบนร่างกายมีรอยเลือดไหล แต่เธอก็ยังลุกขึ้นมาพยายามโจมตีใส่ศัตรูที่ตัวใหญ่กว่าเธอเป็นสิบๆ เท่า
ถึงแม้จะบาดเจ็บหลายแห่ง อีกทั้งการเคลื่อนไหวก็ไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนอย่างตอนแรก แต่ขวัญและกำลังใจของเธอกลับไม่ได้ลดน้อยลงเลย
เพียงแต่หนวดสีดำที่เข้ามาขัดขวางเธอมีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ แค่รับมือการโจมตีจากรอบด้านของหนวดสีดำก็อันตรายมากพออยู่แล้ว แต่นี่ยังมีมือสองข้างที่ยืดขยายได้อย่างอิสระของศัตรูอีก การที่จะเข้าไปใกล้ศัตรูนั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่เป็นเพราะสัตว์ประหลาดเวทมนตร์พุ่งความสนใจไปที่การไล่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังหลบหนีเหล่านี้ เกรงว่าเธอคงทนมาไม่ถึงตอนนี้แน่
เนื่องจากตัวเธออยู่ตรงกลางของเลือดสีแดง หลิงจึงไม่สามารถแอบเข้าไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้แต่หวังให้เธอถูกเล่นงานจนสลบไปเอง
“ฝ่าบาท หม่อมฉันทำให้ทุกคนสลบหมดแล้วเพคะ” ในหูฟังพลันมีเสียงของหลิงดังขึ้นมา
“ทำดีมาก….” ซะที่ไหนเล่า โรแลนด์พูดไปได้ครึ่งเดียวก็นึกขึ้นมาได้ว่านี่เป็นช่องสื่อสารที่ทีมผู้ฝึกยุทธ์ใช้กัน! เฟยอวี่หานเองก็ดูตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เท้าของเธอสะดุด และก็เป็นเพราะช่องโหว่นี้จึงทำให้เธอถูกการโจมตีครั้งที่สามซัดจนกระเด็นลอยออกไป แสงสีขาวที่ห่อหุ้มร่างกายหายไปทันที เห็นได้ชัดว่าเธอหมดสติไปแล้ว
“ตอนนี้แหละ!” โรแลนด์ตะโกนขึ้นมา ถึงแม้แผนการจะช่องโหว่เล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็มีโอกาสลงมือเสียที
“ขอประทานอภัยด้วยนะเพคะ!” ฟิลลิสกางเบลดคลอว์ที่อยู่ด้านหลังออกมาคว้าจับข้อเท้าของเขาเอาไว้ ก่อนจะเริ่มหมุนตัวอยู่กับที่! โรแลนด์รู้สึกโลกหมุนขึ้นมาทันที ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในกระเพาะเหมือนจะทะลักออกมา ตอนที่หมุนไปถึงจุดที่เร็วที่สุด จู่ๆ ฟิลลิสก็ปล่อยกรงเล็บออก ภายใต้แรงเฉื่อยนี้ เขาเหมือนเป็นลูกธนูที่พุ่งตรงเข้าไปมาสัตว์ประหลาดเวทมนตร์!
พริบตาที่พุ่งออกมาจาก ‘ผ้าคลุมล่องหน’ ศัตรูก็สังเกตเห็น ‘วัตถุแปลกหน้า’ที่พุ่งตรงเข้ามาหาตัวเอง มันโยนผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกทำให้สลบพวกนั้นทิ้งไป ก่อนจะยื่นมือฟาดมาทางโรแลนด์ ท่าทางของมันคล้ายกำลังจะตบแมลงวันไม่มีผิด
แต่สัมผัสที่กระแทกถูกร่างศัตรูกลับไม่เกิดขึ้นอย่างที่คิด
โรแลนด์พุ่งผ่านแขนที่เป็นสีดำของมันได้อย่างงายดาย ก่อนจะพุ่งเข้าไปในหน้าอกของมัน ร่างกายอันใหญ่โตของมันไม่ได้แข็งแกร่งอีกต่อไป หากแต่กลับคืนสู่ร่างเดิมอย่างที่ควรจะเป็น —- เป็นเหมือนภาพลวงตา
สัตว์ประหลาดเวทมนตร์ส่งเสียงคำรามขึ้นมาด้วยความตกใจ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จู่ๆ มันก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “ที่แท้คือเจ้านั่นเอง — เจ้าไม่ฟังคำเตือนของข้า!”
สองมือของโรแลนด์คว้าจับวงแหวนดวงดาวที่กำลังหมุนวนอยู่ตรงหน้าอกของมันเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงออกมา กาแลคซี่สีแดงค่อยๆ กลายเป็นสีน้ำเงินขาว พลังที่อยู่ในร่างกายของเขาก็เดือดพล่านขึ้นมาด้วยความยินดี เหมือนกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่ “หรือว่าเจ้าตัวครั้งที่แล้วคือพี่น้องแก? โทษทีนะ ปากมันเหม็นไปหน่อย ฉันก็เลยไม่ได้ยินว่ามันพูดอะไร”
“ ‘พวกข้า’ คือหนึ่งเดียวกัน…” เสียงของสัตว์ประหลาดเวทมนตร์เริ่มแตกพร่าขึ้นมา “รีบหยุดการกระทำอันโง่เขลาของเจ้าซะ นี่คือคำเตือนสุดท้าย! ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะไม่สามารถแก้ไขได้ สรรพสิ่งจะกลับคืนสู่ความว่างเปล่า ทุกอย่างที่สะสมมา….เป็นเวลาหลายล้านปีจะพังทลายลง ความผิดมหันต์นี้…ไม่ใช่สิ่งที่เจ้า…จะแบกรับได้…”
ในตอนที่วงแหวนดวงดาวถูกดึงออกมา คำพูดของมันก็หยุดลง
แสงสีขาวที่สว่างเจิดจ้าพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทั่วทั้งหลุมถูกส่องสว่างขึ้นมา ความรู้สึกพึงพอใจอย่างที่ยากจะจินตนาการได้ไหวเวียนไปทั่วทั้งร่างกายโรแลนด์ เหมือนกับว่ามันได้รับสิ่งที่ต้องการแล้ว
เสียงหัวใจเต้นเหมือนจะดังขึ้นมาจนได้ยินอย่างชัดเจน
มีอยู่ขณะหนึ่งที่เขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลกนี้
……
ภายในโลกแห่งจิตสำนึกอันวุ่นวาย ไนท์แมร์ลืมตาขึ้นมาทันที!
เมื่อครู่นี้มันรับรู้ได้ถึงจังหวะอะไรบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มันเหมือนกับบทเพลงที่ล่องลอยขึ้นมาเป็นบางครั้งบางคราวท่ามกลางกระแสคลื่นที่ไม่เป็นระเบียบ
ในตอนที่ตามหาการเชื่อมต่อระหว่างชิ้นส่วนสืบทอดก่อนหน้านี้ มันเคยมีประสบการณ์ทำนองนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่การดำดิ่งลึกลงไปทุกครั้งก็ต้องประสบความล้มเหลว เพราะว่าจิตสำนึกที่อยู่ด้านล่างนั้นมีความซับซ้อนวุ่นวายอย่างมาก ถ้าไม่ระวังก็อาจจะหลงทางเอาได้
เพียงความรู้สึกที่มันสัมผัสได้ในครั้งนี้มีความชัดเจนอย่างมาก
นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าตำแหน่งของจังหวะที่ว่านั้นอยู่ใกล้ๆ มันนี่เอง
วัลคีรีย์แสยะยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
มันเจอร่องรอยของอีกฝ่ายแล้ว
…………………………………………………………….
ตอนที่ 1186 ศึกตัดสินปรากฏขึ้นอีกครั้ง
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากทุกอย่างจบลง ทีมที่สองก็ค่อยเข้ามาในโรงงาน
โรแลนด์เอาดินขึ้นมาทาหน้าพร้อมกับฉีกเสื้อผ้าของตัวเองให้ขาด จากนั้นแสร้งทำเป็นนอนรอความช่วยเหลือจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์อยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงเหมือนคนอื่นๆ
ถึงแม้ความอยากรู้อยากเห็นจะทำให้หลิงทำผิดพลาด แต่โชคดีที่เธอเพียงแค่เลียนแบบการกดปุ่มเท่านั้น ไม่ได้เปลี่ยนไปใช้ช่องที่ทั้งทีมใช้สื่อสารกัน ด้วยเหตุนี้คนที่ได้ยินคำพูดของเขากับหลิงจึงมีเพียงเฟยอวี่หานคนเดียว ตอนนี้เธอยังคงสลบอยู่ แต่ต่อให้เธอตื่นขึ้นมา โรแลนด์ก็สามารถยืนกรานปฏิเสธได้ว่านั่นเป็นเรื่องที่เธอคิดไปเองหลังจากโดนโจมตีอย่างรุนแรง
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมสัตว์ประหลาดถึงหายไป เขาซึ่ง ‘สลบไปตั้งนานแล้ว’ ย่อมไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ถึงแม้การทำแบบนี้จะทำให้ความดีความชอบทุกอย่างไปตกอยู่กับเฟยอวี่หาน แต่ในสายของโรแลนด์นี่ถือเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
เรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นเหมือนที่เขาคิดเอาไว้ เมื่อไม่ได้มาเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง คำอธิบายแบบคลุมเครือของโรแลนด์จึงไม่ได้รับความสนใจเท่าไร ความสนใจของสมาคมตอนนี้พุ่งเป้าไปที่การกัดกินที่เกิดขึ้นมาใหม่ สมาชิกทีม 12 คนเหลือรอดกลับมาแค่ 6 คนเท่านั้น อีกทั้งในผู้เสียชีวิตยังมีผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังอยู่ 2 คนด้วย แต่นี่ก็ยังเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับข้อมูลเรื่อง ‘การใช้มนุษย์ให้การสร้างการกัดกิน’ อันน่าตกใจ
สิ่งเดียวที่ทำให้โรแลนด์รู้สึกแปลกใจก็คือหลังจากทีมที่สองมาถึง การ์เซียก็กระโดดลงมาในหลุมเป็นคนแรกพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อเขาและคุ้ยหาร่างเขาอย่างร้อนใจ อีกทั้งยังแสดงสีหน้าดีใจหลังจากที่เจอเขาด้วย นี่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่ความรู้สึกแบบนี้ก็อยู่ไม่นานนัก สีหน้าการ์เซียกลับมาดูเยือกเย็นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดพึมพำเบาๆ ว่า “อะไรเนี่ย นายยังไม่ตายหรอกเหรอ” ก่อนจะลากเขาไปขึ้นรถพยาบาบาล
ในเวลานี้ ภารกิจกวาดล้างถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว
หลังกลับมาถึงตึกถงจึ พวกฟิลลิสก็ได้แสดงความกังวลที่มีต่อคำเตือนของสัตว์ประหลาดเวทมนตร์ออกมา เพราะคำพูดสุดท้ายของศัตรูนั้นฟังดูน่าตกใจ แล้วก็ดูไม่เหมือนเป็นคำพูดที่ไร้สาระเลย การที่มันสามารถรับรู้ได้ถึงความพิเศษของโรแลนด์ได้ทันทีนั้นก็เป็นหลักฐานยืนยันอย่างหนึ่ง
หากเป็นเมื่อหนึ่งปีก่อน โรแลนด์คงจะพิจารณาคำเตือนของอีกฝ่ายที่บอกว่าห้ามเข้ามาที่นี่ มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่เขาเกิดความรู้สึกระแวดระวังและต่อต้านโลกแห่งความฝันที่นับวันจะยิ่งมีความซับซ้อนและความแปลกหน้าไปทุกที คล้ายกับว่ามันเป็นสิ่งที่ถือกำเนิดมาจากจิตสำนึกของเขา แต่กลับค่อยๆ หนีห่างออกจากการควบคุมของเขาอย่างไรอย่างนั้น
แต่ตอนนี้เขาได้ทำการตัดสินใจแล้ว
โลกแห่งความฝันนั้นไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือที่ให้เขาเติมความรู้ที่ขาดหายไป แต่มันยังเป็นที่อยู่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับแม่มดอาญาสิทธิ์ด้วย ถึงแม้เขาจะไม่สามารถทำให้โลกนี้มันคงอยู่ไปได้ตลอด แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น เขาก็อยากจะให้แม่มดผู้รอดชีวิตของทาคิลาที่สูญเสียประสาทสัมผัสส่วนใหญ่ไปได้เก็บความทรงจำแห่งความสุขให้ได้มากที่สุด
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขาเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง
ตอนนี้เมื่อมานึกย้อนดูแล้ว การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในตอนแรกสุดของโลกแห่งความฝันเหมือนจะเริ่มจากตอนที่เขาปลดปล่อยแกนพลังแห่งธรรมชาติอันแรก
ถึงแม้โรแลนด์จะยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองสิ่ง แต่ในตอนที่เอาชนะสัตว์ประหลาดเวทมนตร์และแย่งชิงเอาวงแหวนดวงดาวมาได้ ความรู้สึกพึงพอใจที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายที่เขาสัมผัสได้นั้นคือของจริง
เขาแอบสังหรณ์ใจว่าขอเพียงทำแบบนี้ต่อไป สักวันหนึ่งเขาต้องได้คำตอบนั้นแน่
นอกจากนี้การที่ภารกิจจบลงไม่ได้หมายความเรื่องราวมันจะจบลง โรแลนด์รู้ว่าข่าวการใช้มนุษย์ในการสร้างกัดกินนั้นจะต้องสร้างความแตกตื่นให้กับภายในสนามคมอย่างมากแน่นอน หลังจากผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ได้สติขึ้นมา สมาคมจะต้องค่อยๆ หาต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดจากหลายๆ มุม การตรวจสอบเองก็ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน เขาเองก็คงจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เผลอๆ อาจจะถูกฝ่ายยุคใหม่สงสัยหรือมองเป็นศัตรูก็ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง นั่นมันก็เป็นเรื่องหลังจากนี้
……
หลังจากนั้นสามวัน ในที่สุดทีมนักสืบก็เดินทางกลับมาถึงเมืองเนเวอร์วินเทอร์
แอคเซียไม่เพียงแต่จะย้อนเวลาดูภาพการต่อสู้ทั้งหมดในศึกทาคิลา แต่เธอยังใช้รูนเวลาบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆ กลับมาด้วย โรแลนด์ที่ได้รับแจ้งข่าวรับเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่โถงของเมืองชายแดนที่สามทันที เพื่อให้ทุกคนได้มาดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง
ในตอนที่ฉายภาพไปถึงตอนแอชเชสเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นดาบเพื่อเรียกเอาพลังรูนแห่งโชคชะตาลงมาฆ่าตัวตายไปพร้อมกับอุรูค โรแลนด์พลันสัมผัสได้ถึงมือเล็กๆ ที่สั่นเทาข้างหนึ่งมาคว้าจับตัวเองเอาไว้ โรแลนด์กางมือออกแล้วค่อยๆ กุมมืออีกฝ่ายเบาๆ จนกระทั่งภาพเวทมนตร์ถูกฉายจนจบ เขาจึงสังเกตเห็นดวงตาทั้งสองข้างของทิลลีแดงเล็กน้อย แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีจะหลบหนีแม้แต่น้อย หากแต่ยืนอยู่ที่เดิมดูภาพเหตุการณ์ทั้งหมดโดยไม่ขยับไปไหน
จิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปทั้งหมดถูกเติมจนครบแล้ว
‘ปีศาจดวงตารวมร่างกับปีศาจธรรมดา หม่อมฉันเพิ่งจะเคยเห็นเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก’ พาซาร์นิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “พวกมันทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน?’
จุดที่น่าสงสัยมากที่สุดของภารกิจซุ่มโจมตีก็คือทำไมปีศาจถึงจุดซุ่มโจมตีได้ทันทีหลังจากรู้ตำแหน่งของหน่วยจู่โจมพิเศษ ถึงแม้แอนเดรียจะเคยบอกว่าอาจจะเป็นเพราะปีศาจดวงตา แต่รูปร่างของอีกฝ่ายก็ดูไม่เหมือนกับปีศาจดวงตาที่ตัวใหญ่เทอะทะเลย แต่ในที่สุดตอนนี้ก็มีหลักฐานที่ช่วยยืนยันแล้ว — ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนศึกตัดสิน อุรูคได้กรีดแก้มของปีศาจคุ้มคลั่งที่เป็นองครักษ์ของมันตัวหนึ่ง แล้วเอาดวงตาที่ถูกแช่แข็งอยู่ในกล่องยัดใส่เข้าไปในบาดแผล ดวงตาที่สัมผัสได้ถึงเลือดสดๆ เหมือนตื่นขึ้นมา หนวดเล็กๆ จำนวนมากงอกออกมาจากดวงตาแล้วชอนไชเข้าไปในร่างกายของปีศาจคุ้มคลั่ง ทำให้มันส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ จนกระทั่งส่วนหัวของปีศาจคุ้มคลั่งถูกดวงตายึดครองทั้งหมด เสียงร้องถึงได้หยุดลง
ส่วนหินเวทมนตร์ที่ฝังอยู่ในตัวปีศาจคุ้มคลั่งตัวนี้ก็ไม่ใช่หินเวทมนตร์สำหรับขว้าง หากแต่เป็นหินโบยบินที่หาได้ยาก ตามหลักแล้วหินเวทมนตร์ชนิดนี้จะไม่มีทางมอบให้ปีศาจระดับล่างเด็ดขาด
นี่หมายความว่าอย่างน้อยๆ อุรูคก็เริ่มเตรียมกำลังพลและสิ่งของต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการวางกับดักครั้งนี้มาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว
ในตอนที่ปีศาจคุ้มคลั่งที่ถูกเปลี่ยนสภาพบินออกมาจากทาคิลา ตำแหน่งของซิลเวียก็ถูกเปิดเผยเป็นที่เรียบร้อย เพื่อที่จะซื้อเวลาให้กองทัพองครักษ์ของปีศาจเข้าล้อมศัตรู มันจึงจงใจบินไปทางแนวรบของกองทัพที่หนึ่ง จากนั้นจึงบินกลับมา โดยทำเหมือนว่ามันพ่ายแพ้และกำลังทิ้งเมืองทาคิลาไป ซึ่งมันสามารถควบคุมเวลาตรงนี้ได้ตามใจ ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าหน่วยจู่โจมพิเศษจะอยู่ตรงไหน พวกปีศาจก็จะมาล้อมโจมตีได้ทันทีหลังจากที่พวกเธอยิงปืน นอกเสียจากพวกเธอจะหยุดการจับตามอง ‘ปีศาจคุ้มคลั่งที่ถูกเปลี่ยนร่าง’ ตัวนั้นแล้วรีบหนีไปทางตะวันตก ถึงจะสามารถหนีจากการล้อมโจมตีของศัตรูได้
“แทนที่จะบอกว่ารวมร่าง หม่อมฉันคิดว่ามันเหมือนเป็นการควบคุมอย่างหนึ่งมากกว่า คล้ายกับ…ร่างเปลือก” อกาธาพูดเสียงคร่ำเคร่ง “สิ่งที่มาเป็นตัวแทนอุรูคนั้นไม่ใช่ปีศาจคุ้มคลั่งตัวนั้น หากแต่เป็นดวงตาขนาดเล็กที่อยู่บนหัวมัน”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?” โรแลนด์ถาม
“เพราะถ้าศัตรูมีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่แรก พวกมันก็ต้องเอาออกมาใช้ตอนสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สองแล้วเพคะ เพราะขอเพียงมีปีศาจแบบนี้อยู่ในกองทัพซักสามสี่ตัว มันก็จะสามารถสอดแนมและก่อกวนแนวรับทั้งหมดได้ อสูรสยองที่ปล่อยออกมาก็จะสามารถบุกเข้ามาโจมตีได้ง่าย ส่วนสมาพันธ์เองก็คงจะรับมือได้ไม่ถึง 5 ปีด้วยซ้ำ” อกาธาค่อยๆ พูดต่อว่า “หม่อมฉันคิดว่านี่ไม่น่าจะใช่ความสามารถ หากแต่เป็นเทคโนโลยีอย่างหนึ่ง เหมือนกับปีศาจแมงมุมที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่เหล่านั้นเพคะ”
………………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น