Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1177-1182
ตอนที่ 1177 หมู่เมฆก่อตัว
โดย
Ink Stone_Fantasy
“นี่มัน…” แม่มดโบราณพากันสบตากัน
สุดท้ายก็เป็นพาซาร์ที่พูดขึ้นมาว่า ‘ก็อาจจะเป็นไปได้’
“ข้าขอถามพวกเจ้าหน่อย เมื่อก่อนพวกเจ้าค้นหาสายแร่หินอาญาสิทธิ์กันยังไง?” โรแลนด์ถาม
‘เมื่อพันปีก่อนไม่ทราบเหมือนกันเพคะ แต่หม่อมฉันคิดว่าน่าจะอาศัยโชคเสียเป็นส่วนใหญ่’ เซลีนตอน ‘หลังเข้าสู่ยุคสมัยสมาพันธ์แล้ว สถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับก็ถูกก่อตั้งขึ้นมา และหนึ่งในงานหลักของพวกหม่อมฉันก็คือค้นหาสายแร่หินอาญาสิทธิ์เพคะ’
โรแลนด์อดนึกถึงแผนที่ระบุตำแหน่งที่เชื่อมต่อระหว่างทาคิลา ห้องทดลองในป่าเร้นลับและเขตเหมืองตรงเนินทิศเหนือขึ้นมาไม่ได้ เป็นเพราะมัน ไลต์นิ่งถึงได้หาอกาธาที่ถูกแช่แข็งเจอ และประวัติศาสตร์ที่ถูกฝังไว้ก็เชื่อมต่อเข้ากับโลกให้ปัจจุบันนับแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
‘เนื่องจากแหล่งแร่หินอาญาสิทธิ์มีสนามพลังในการปิดกั้นที่รุนแรงมาก พวกเราจึงใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการค้นหามัน หากเป็นเมื่อ 6 – 7 ร้อยปีก่อน แม่มดอย่างซิลเวีย ไนติงเกล ไลต์นิ่ง อิสซาเบลลาต่างก็กลายเป็นนักสำรวจได้ ปกติแล้ว แม่มดที่ออกทำการสำรวจจะมีมากถึง 100 คน จากนั้นก็ค้นพบแหล่งแร่อยู่ 6 แห่ง ในนั้นมีอยู่ 3 แห่งที่เหมาะจะสร้างเมืองขนาดใหญ่เพคะ’ เซลีนพูดต่อว่า ‘ต่อมาพวกหม่อมฉันก็ได้สัมผัสเทคโนโลยีทางด้านเวทมนตร์ของอารยธรรมใต้ดิน แล้วก็ได้เริ่มใช้แกนเวทมนตร์ในการค้นหา ขอเพียงปรับพลังของแกนเวทมนตร์ให้เหมาะสม ขอบเขตการรับรู้ของมันก็จะขยายออกไปได้ไกลประมาณ 100 กิโลเมตร ทางใต้ของป่าเร้นลับกับที่ราบสูงเฮอร์มีสก็คือผลลัพธ์จากการใช้แกนเวทมนตร์ เสียดายที่ตอนนั้นพระจันทร์สีแดงปรากฏขึ้นมา ปีศาจก็เลยทำลายสิ่งที่พวกเราสร้างขึ้นมาทั้งหมดเพคะ’
“แบบนี้ก็หมายความว่าการสำรวจเทือกเขาสันหลังของทวีปนั้นไม่ค่อยสำคัญสำหรับสมาพันธ์เท่าไร” โรแลนด์ค่อยๆ พูด “คนปกติไม่สามารถเข้าไปได้ อาศัยเพียงแม่มดก็ยากที่จะรับประกันความปลอดภัย แต่ว่าถ้าอยากจะตั้งเสาโอเบลิสขึ้นที่นั่นจริงๆ มันก็น่าจะเป็นเรื่องลำบากสำหรับพวกปีศาจเหมือนกัน”
“ถูกต้องเพคะ” เอดิธส์พยักหน้า “อย่างน้อยก็ไม่มีทางที่มันจะเคลื่อนพลทั้งหมดได้ แต่ถ้าต้องการที่ๆ สามารถทดแทนทาคิลาได้ แล้วก็สามารถบรรลุเป้าหมายในการบดขยี้มนุษย์ได้ ก็มีแต่ที่นี่เท่านั้นที่พอจะเป็นไปได้ นอกจากนี้ ปีศาจจะวางกำลังเอาไว้ในเทือกเขาเยอะเท่าไรมันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกมันเตรียมตัวมานานเท่าไร ถ้าหาก ‘แผนการทางตะวันตก’ ที่อุรูคบอกนั้นมีการเตรียมแผนสำรองเอาไว้แต่แรกล่ะก็….”
“อย่างมันมันก็เริ่มตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว” ขวานเหล็กพูดเสียงคร่ำเครียด “ฝ่าบาท…!”
“ข้ารู้แล้ว” โรแลนด์มองไปทางทุกคน ไม่ว่าสมมติฐานของเอดิธส์จะถูกต้องหรือไม่ นี่ก็ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่จำเป็นต้องทำการยืนยัน เพราะว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงสามอาณาจักรใหญ่ที่เหลือและทิศทางกลยุทธ์ในอีก 100 ปีข้างหน้า หากศัตรูวางแผนจากบุกเข้ามายังดินแดนของมนุษย์ทางสันหลังของทวีปเหมือนอย่างที่อีกฝ่ายคาดเดาไว้จริงๆ แต่เมืองเนเวอร์วินเทอร์มัวแต่ไปทุ่มทรัพยากรในการสร้างแนวป้องกันอยู่บนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ แบบนั้นจะต้องเป็นหายนะอย่างที่ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างแน่นอน “ทุกคนฟังคำสั่งข้า!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” ไม่ว่าจะเป็นแม่มดหรือว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเนเวอร์วินเทอร์ต่างก็ตอบออกมาพร้อมเพรียงกัน
“เวนดี้ เจ้าไปแจ้งให้ไลต์นิ่งกับเมซี่ที่ยังอยู่แนวหน้ารีบกลับมายังเนเวอร์วินเทอร์โดยเร็วที่สุด”
“เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละเพคะ”
“ขวานเหล็ก แผนการอพยพยิ่งเสร็จเร็วยิ่งดี ต่อให้ต้องใช้กำลังก็ไม่เป็นไร”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
“สุดท้ายข้าต้องการแกนเวทมนตร์เครื่องหนึ่งจากทาคิลา” เขาหันไปพูดกับพาซาร์ “การสอดแนมทางอากาศอาจจะมีช่องโหว่ได้ ถ้าอยากจะกำจัดปัญหาให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องพึ่งพวกเจ้าด้วย”
“เชิญรับสั่งมาได้เลยเพคะ ฝ่าบาท”
ในตอนที่ทุกคนรับคำสั่งและเดินออกไปแล้ว เซลีนได้เรียกโรแลนด์ไว้
“หม่อมฉันมีของบางอย่างอยากจะให้พระองค์ทอดพระเนตรเพคะ”
หลังเดินตามอีกฝ่ายมายังห้องทดลองใต้ดิน เขาก็ต้องตกใจทันที บนโต๊ะในห้องผนังตะกั่วมีก้อนหินสีเหลืองวางอยู่สี่ก้อน ดูแล้วคล้ายๆ กับลูกบาศก์เวทมนตร์
“เจ้าสร้างลูกบาศก์เวทมนตร์ออกมาสี่อันแล้วเหรอ?”
เขารีบเดินเข้าไป ก่อนจะหยิบเอาหินก้อนหนึ่งขึ้นมา เมื่อเทียบกับตัวอย่างที่ถูกพบในวิหารต้องสาปแล้ว ลูกบาศก์เวทมนตร์ที่สร้างเลียนแบบขึ้นมานั้นดูมีความใหม่และมีลวดลายที่ชัดเจนกว่ามาก
‘ใช่เพคะ แต่ประสิทธิภาพของพวกมันมีความแตกต่างกันนิดหน่อย หม่อมฉันคิดว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะวัตถุดิบที่ใช้สร้างมันขึ้นมา บางทีในตอนที่เผ่ากัมมันตรังสีสร้างตัวอย่างนี้ขึ้นมา มันอาจจะใส่อะไรบางอย่างเพิ่มเข้าในข้างในก็ได้ ทว่าความแตกต่างตรงนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อการใช้งาน หม่อมฉันใช้ทดลองใช้มันกับไก่แล้วเพคะ’
“แตกต่างกันสิถึงจะดี” โรแลนด์ไว้ทุกข์ให้ไก่ไปหนึ่งวินาที “เพราะว่าสิ่งที่จำเป็นในการต้มน้ำเดือดก็คือความต่อเนื่อง ไม่ใช่ความรุนแรง หลังจากนี้เจ้าก็วิจัยไปตามทิศทางนี้นี่แหละ”
‘ไม่มีปัญหาเพคะ อย่างนั้นลูกบาศก์พวกนี้พระองค์ยังต้องการอยู่หรือเปล่าเพคะ?’
“เอาสิ! นี่คือแสงแรกของแหล่งพลังงานใหม่เลย!” เขาพูดชมเชยต่อทันทีว่า “เจ้าสิ่งนี้มันมีความสำคัญอย่างมาก เพียงแค่ความสำเร็จตรงนี้ก็เพียงพอจะให้เจ้าถูกคนรุ่นหลังจดจำแล้ว!”
หลังจากนี้ก็จะเป็นการออกแบบอุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนพลังงานความร้อนที่ปล่อยออกมาจากลูกบาศก์ให้กลายเป็นพลังงานจลน์ ถ้าสำเร็จล่ะก็ อุตสาหกรรมของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็จะพลิกโฉมไปจากเดิมทันที!
เมื่อคิดถึงตรงนี้โรแลนด์ก็มองไปยังร่างกายที่เป็นก้อนเนื้อของเซลีนด้วยความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “ความจริงเจ้าควรจะขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีตรงลานเมือง และได้รับเสียงโห่ร้องและความชื่นชมจากชาวเมือง อีกทั้งบนรายชื่อผู้ทำความดีความชอบยอดเยี่ยมของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็ควรจะมีชื่อของเจ้า…”
‘ไม่มีอะไรต้องเสียดายเพคะ ฝ่าบาท ในวันที่ตัดสินใจจะกลายเป็นร่างต้นแบบ หม่อมฉันก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้วเพคะ’ เซลีนพูดยิ้มๆ ‘นี่เป็นงานที่หม่อมฉันควรจะทำเพคะ ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ก็ได้ทำความฝันของหม่อมฉันให้เป็นจริงในโลกแห่งความฝันแล้วเพคะ’
……
ไม่นานคำสั่งขอโรแลนด์ก็กลายเป็นเป้าหมายของอาณาจักร จากเนเวอร์วินเทอร์กระจายไปยังที่ต่างๆ ทั่วอาณาจักร
ด้านบนของปราสาท ทุกวันจะมีนกบินออกไปสิบกว่าตัวเพื่อเอาจดหมายลับไปส่งยังตะวันออกเฉียงเหนือ ท่าเรือทุกแห่ง กองเรือทุกกองล้วนแต่กลายเป็นกำลังให้กับงานอพยพประชากรครั้งนี้
กองทัพที่หนึ่งแบ่งกำลังทหารแยกย้ายกันขึ้นเรือกลไฟมุ่งหน้าไปยังท่าเรือเคลียวอเทอร์ ซีวินด์เชียร์และเมืองท่าอื่นๆ หลังจากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นเรือเดินสมุทรและมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือ
ถึงแม้ในตอนนี้จะยังไม่มีแม้แต่แผนที่แน่ชัด นายทหารส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไร แต่หลังจากคำสั่งออกมา พวกเขาก็พาทหารที่พักร้อนเสร็จเรียบร้อยกลับเข้ามายังกองทัพและมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรเพื่อนบ้าน
เมืองกลอรี อาณาจักรดอว์น
หลังฮอฟอร์ด ควินน์ได้รับจดหมายจากฮิลล์ ฟอกซ์ เขาก็รีบเรียกลูกชายของตัวเองมาทันที “เจ้ารีบไปยังบีชเบย์และดรากอนคาสเซิล แล้วไปบอกให้ผู้ปกครองที่นั่นเตรียมให้การสนับสนุนกองเรือที่มาจากเกรย์คาสเซิล แล้วก็ให้เตรียมท่าเรือเอาไว้ให้พวกเขาเป็นการเฉพาะอย่างน้อยหนึ่งแห่ง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางราชวังจะเป็นคนรับผิดชอบเอง!”
“ท่านพ่อ ท่านแน่ใจเหรอ?” ฮอว์นขมวดคิ้ว “นี่มันเงินก้อนใหญ่เลยนะท่านพ่อ! ยิ่งไปกว่านั้นการท่าเรือขึ้นมาต่างหากมันจะกระทบต่อการขนสินค้าของเรือสินค้าลำอื่นๆ ….”
“พอได้แล้ว!” ฮอฟอร์ดพูดตัดบทลูกชายของตัวเอง “เจ้าแค่ทำตามที่ข้าสั่งก็พอแล้ว!”
อีกฝ่ายกัดริมฝีปาก สุดท้ายจึงก้มหน้าลงไป “ขอรับ ท่านพ่อ”
ในตอนที่เดินไปถึงปากประตู เขาถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า “อย่างน้อยท่านบอกข้าหน่อยไม่ได้เหรอว่าเกรย์คาสเซิลอยากจะทำอะไรกันแน่?”
แต่ด้านหลังเขาก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
กระทั่งประตูปิดลงไป ฮอฟอร์ดจึงถอนใจออกมา
เขาลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนจะทอดสายตามองไปทางอาณาจักรเพื่อนบ้าน “ระเบียบของโลกนี้…กำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว”
ขณะเดียวกัน ในถ้ำใต้ดินที่อยู่ด้านนอกเมืองกลอรี
แบร์ริช โลธานั่งอยู่บนเก้าอี้เข็นพร้อมมองดูนักรบแห่งความเงียบจำนวน 200 กว่าคนที่ยืนตัวตรง และผู้ดูแลที่สวมหน้ากากอีก 20 คน นี่คือกองกำลังที่เขาสะสมเอาไว้ในช่วงหลายสิบปีมานี้ แล้วก็เป็นฐานที่ทำให้เขายืนอยู่ในหอการค้า ‘แบล็คมันนี่’ ได้
“หลายปีมานี้ พวกเราลงทุนในวูล์ฟฮาร์ทและอีเทอร์นอลวินเทอร์ไปไม่น้อย ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แล้ว” หลังจ้องมองอยู่ครู่ใหญ่ แบร์ริสก็พูดด้วยเสียงแหบแห้งออกมา “จากรายงานข่าวที่เชื่อถือได้ หลังจากนี้ไม่นานกองกำลังของเกรย์คาสเซิลจะเข้ามาในดินแดนของทั้งสองอาณาจักร ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร หน้าที่ของพวกเจ้าก็คือพยายามให้ความช่วยเหลือพวกเขาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเงิน เสบียงอาหาร ข้อมูล ทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ แบล็คมันนี่ต้องพายามทำให้พวกเขาพึงพอใจให้มากที่สุด เข้าใจไหม?”
“ขอรับ นายท่าน!”
“ดีมาก ไปได้แล้ว”
ไม่มีคำถามใดๆ ทุกคนโค้งตัวก่อนจะหายตัวไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว
แบร์ริชล้วงเอาขวดดินเผาเปล่าๆ ใบหนึ่งออกมาจากในอก นับตั้งแต่ที่ช่วยท่านเทพกำจัดอัลเบน โมยาไป นี่ก็เป็นยาขวดที่ 5 ที่พวกเขาส่งมาให้เขาแล้ว
ยังเหลืออีก 1 ขวด….ยังเหลืออีก 1 ขวด ท่านเทพก็จะทำให้เขากลายเป็นอมตะ!
เขากำขวดเอาไว้แน่น ก่อนจะพร่ำบ่นอยู่ในใจ
ได้โปรดวางใจขอรับท่านเทพ ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง
…………………………………………………………………
ตอนที่ 1178 เติบโต
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังออกคำสั่งไป 2 วัน ไลต์นิ่งกับเมซี่ก็กลับมาถึงเมืองเนเวอร์วินเทอร์
ในตอนที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องทำงาน โรแลนด์ก็ต้องรู้สึกตกตะลึงไปทันที
เมซี่นั้นเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก เธอเพียงแต่ดูตัวใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อครึ่งปีก่อน ตอนที่ยืนอยู่บนหัวไลต์นิ่งนั้นดูไม่เหมือนนกพิราบ หากแต่ดูแล้วค่อนข้างคล้ายกับห่านมากกว่า
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากกว่าก็คือไลต์นิ่ง
ผมของเธอยาวขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย ปลายผมห้อยยาวลงมาถึงไหล่ น่าจะเป็นเพราะต้องออกไปรับหน้าที่ในการสอดแนมเป็นเวลานาน จึงแทบจะไม่มีเวลาตัดผมตัวเอง ดูแล้วจึงค่อนข้างยุ่งนิดหน่อย ใบหน้าของเธอก็ดูมอมแมม ชุดสำหรับบินของเธอนั้นมีการเย็บปะอยู่หลายที่ ทั้งต้นขา หน้าอก แขนล้วนแต่มีเศษผ้าเก่าๆ ปะอยู่ ดูเหมือนเธอจะเป็นคนเย็บมันเอง ถึงแม้จะดูรุงรังกว่าชุดใหม่ที่ดูสวยงามในตอนแรก แต่มันกลับทำให้เธอยิ่งดูเหมือนนักสำรวจกว่าเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดก็คือดวงตาและสีหน้าของเธอ
มันเหมือนว่าเธอไม่ใช่สาวน้อยคนก่อนนั้นอีกแล้ว
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงเรียกหม่อมฉันมา มีเรื่องอะไรเหรอเพคะ?”
ไลต์นิ่งถวายบังคมพร้อมถามคำถาม
โรแลนด์สะกดความรู้สึกทอดถอนใจอันนั้นเอาไว้ ก่อนจะเอาเนื้อความในจดหมายของอุรูคที่ถอดใจความออกมาพร้อมกับสมมติฐานของเอดิธส์เล่าให้เธอฟังอย่างคร่าวๆ “ถ้าปีศาจมันมีแผนเช่นนั้นจริงๆ อย่างนั้นมันต้องกลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างมากแน่นอน ดังนั้นข้าอยากจะให้พวกเจ้าสองคนไปยังเมืองอีเทอร์นอลวินเทอร์เพื่อสำรวจดูพื้นที่เทือกเขาที่ยังไม่เคยมีใครเข้าไปมาก่อนตรงนั้น ปีศาจมันจำเป็นต้องใช้หมอกแดง ถ้าพวกมันอยากจะเข้ามาในเขตภูเขาจริงๆ อย่างนั้นมันก็ต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้แน่นอน”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย..” ไลต์นิ่งขมวดคิ้วขึ้นมา “โชคดีที่เมซี่เจอจดหมายอันนั้น แต่ว่าฝ่าบาทเพคะ ถ้าเกิดพวกศัตรูมันลงไปใต้ดินจะทำยังไงล่ะเพคะ? ความสามารถของหม่อมฉันมีจำกัด บนท้องฟ้ามันยากจะที่จะสังเกตเห็นเป้าหมายที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินได้นะเพคะ”
“อย่างนั้นมันก็จะเป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุด” เมื่อดูจากผลของปฏิบัติการคบเพลิงแล้ว ความสามารถในการขุดอุโมงค์ของพวกปีศาจยังไม่อาจสู้มนุษย์ที่มีหนอนกลืนกินได้ แต่ถ้ามองในภาพรวมทั้งหมด มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ปีศาจซึ่งครอบครองพื้นที่กว่าครึ่งของดินแดนแห่งรุ่งอรุณและมีความรู้ในเรื่องพลังเวทมนตร์ที่ลึกซึ้งมากกว่าเราจะเจอซากอารยธรรมใต้ดินเหมือนกัน ในเมื่อสมาพันธ์ได้ร่างหนอนกลืนกินมาจากการค้นหาซากโบราณสถาน ศัตรูก็อาจจะทำเช่นนั้นได้เหมือนกัน การที่ไม่พบร่องรอยของร่างหนอนเหล่านั้นในศึกทาคิลาที่ผ่านมา มันไม่ได้หมายความว่าในสันหลังของทวีปจะไม่มี “พวกแม่มดอาญาสิทธิ์จะขนเอาแกนเวทมนตร์ไปด้วยเครื่องหนึ่ง พวกนางจะออกเดินทางจากท่าเรือน้ำตื้น ถ้าพวกเจ้าไม่เจอศัตรูจริงๆ เราก็ค่อยใช้แกนเวทมนตร์ในการค้นหา”
“อย่างนี้นี่เอง หม่อมฉันจะพยายามเต็มที่เพคะ” ไลต์นิ่งพูดพร้อมพยักหน้า
“แต่ว่าจากทางใต้ของเกรย์คาสเซิลไปถึงทางเหนือของอีเทอร์นอลวินเทอ์นั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยเดือนนึง ในระหว่างนี้พวกเจ้าอาจจะไม่มีการสนับสนุนทางด้านกำลังแล้วก็เสบียง นอกจากนี้ชาวบ้านที่นั่นน่าจะยังมีอคติกับแม่มดอยู่ ถึงแม้จะอยู่ในเมืองก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัย พวกเจ้าต้องระวังตัวด้วยนะ”
“การใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกนั้นเป็นความสามารถพิเศษของนักสำรวจอยู่แล้วเพคะ ฝ่าบาท” เธอพูดอย่างไม่ลังเล “อย่าว่าแต่เดือนนึงเลยเพคะ ต่อให้เป็นปีก็ไม่เป็นปัญหา”
“จิ๊บๆ!” เมซี่กางปีกออกเพื่อบอกว่าเห็นด้วย
“ขอโทษด้วยนะ” โรแลนด์ถอนใจออกมา “พวกเจ้าเพิ่งจะกลับมา ข้าก็ต้องให้พวกเจ้าออกเดินทางไกลอีกแล้ว…”
“ฝ่าบาท พระองค์ตรัสหนักเกินไปแล้วเพคะ…” ไลต์นิ่งเบือนหน้าไปอีกทาง เสียงของเธอฟังดูค่อนข้างเศร้า “ถ้าเทียบกับที่สละชีวิตเพื่อสู้กับปีศาจนั้นแล้ว ถ้าเทียบกับพี่แอชเชส…นี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเพคะ” แต่เพียงแค่ครู่เดียวสีหน้าเธอก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม “ในเมื่อเป็นการเดินทางครั้งใหม่ อย่างนั้นตามธรรมเนียม พระองค์จะทรง…”
โรแลนด์งุนงงไปเล็กน้อย จากนั้นจึงนึกขึ้นมาได้ “ได้สิ” เขาลุกขึ้นเดินออกไปจากโต๊ะทำงาน
ไลต์นิ่งยกมือขึ้นมา แต่เมื่อเห็นแขนเสื้อที่สกปรกของตัวเอง เธอก็รีบถอยหลังไปทันที “ไม่ ไม่ต้องแล้วเพคะ…หม่อมฉันลืมเปลี่ยนชุดมา บนตัวมีแต่กลิ่นแปลกๆ ไม่ต้องก็….”
แต่เธอยังไม่ทันพูดจบ โรแลนด์ก็ยื่นมือมากอดเธอเอาไว้แล้ว
“ขอบคุณเจ้ามากนะ เดี๋ยวข้าจะให้ช่างตัดเย็บทำชุดขึ้นมาให้เจ้าอีกซัก 3 – 4 ชุด เวลาอยู่ข้างนอกจะได้เปลี่ยนได้”
ไลต์นิ่งเงียบไปทันที ผ่านไปครู่ถึงเธอจึงส่งเสียงเบาๆ ออกมา “อื้อ”
“หม่อมฉันด้วยจิ๊บ” เมซี่ยื่นหัวเข้ามา
“ขอบคุณเจ้าเหมือนกัน” โรแลนด์ลูบคออวบๆ และขนลื่นๆ ของเธอ
หลังจากนั้นไนติงเกลก็เดินเข้ามากอดทั้งสองคนเอาไว้ “ระวังตัวด้วยนะ”
“แน่นอน”
กระทั่งพวกเธอออกไปจากห้องทำงานแล้ว ไนติงเกลจึงทอดถอนใจออกมา “เมื่อก่อนไลต์นิ่งไม่เคยพูดว่า ‘ความสามารถของนางมีจำกัด’ เลย”
โรแลนด์พยักหน้าเห็นด้วย หากเป็นไลต์นิ่งเมื่อก่อนนี้ เกรงว่าพอได้ยินสมมติฐานของเอดิธส์ เธอคงจะตบหน้าอกแล้วบอกว่าเดี๋ยวเธอจัดการทุกอย่างเอง
เขาได้ยินลีฟบอกว่าหลังจากที่แอชเชสตายไปพร้อมกับอุรูค ไลต์นิ่งก็ร้องไห้แทบขาดใจ แม้จะผ่านไปหลายวันก็ยังไม่ดีขึ้น แต่ดูสภาพเธอในวันนี้แล้ว เขามองไม่เห็นความโศกเสร้านั้นอยู่เลย ถึงแม้จะดูเสียใจบ้างในตอนที่พูดถึงแอชเชส แต่เห็นได้ชัดว่าความเศร้านั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการก้าวไปข้างหน้าอีก หากแต่กลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เธอแทน
“นางเติบโตขึ้นแล้ว” โรแลนด์ถอนใจออกมา
……
ถึงแม้การอพยพประชากรนั้นยิ่งจัดการได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี แต่ระยะทางจากเกรย์คาสเซิลไปถึงอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทและอีเทอร์นอลวินเทอร์นั้นต้องใช้เวลาเป็นเดือน ต่อให้สำนักบริหารกับกองทัพที่หนึ่งจะพยายามยังไง ปัญหาประชากรของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็ไม่สามารถจะแก้ไขได้ในระยะเวลาสั้นๆ
นี่ไม่เพียงแต่จะทำให้แผนการใหม่ๆ ยากจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่มันยังทำให้ขนาดของอุตสาหกรรมขยายตัวได้ยากด้วย บวกกับภัยคุกคามจากปีศาจนั้นไม่ได้หายไปหลังจากที่ยึดเอาทาคิลามาได้อย่างที่คิดเอาไว้ ปัญหาต่างๆ ที่ทับถมเข้ามาสร้างความกดดันให้กับโรแลนด์ไม่น้อย
โชคดีที่การสร้างลูกบาศก์เวทมนตร์ประสบความสำเร็จ จึงทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย ขอเพียงเขามีเวลาว่าง เขาก็จะไปขลุกอยู่ในห้องทดลองตรงเนินทางเหนือของอันนาเพื่อสร้างแหล่งกำเนิดพลังงานที่ใช้ลูกบาศก์เวทมนตร์เป็นหัวใจหลัก หลังจากที่ส่งไลต์นิ่งกับเมซี่ และเรือรบโรแลนด์ที่บรรทุกแกนเวทมนตร์เอาไว้ออกเดินทางไปแล้ว เขาก็เอาเวลาส่วนใหญ่ทุ่มให้กับงานส่วนนี้
เพราะทันทีที่เครื่องจักรไอน้ำพลังเวทมนตร์ประสบผลสำเร็จ มันจะสร้างประโยชน์ให้กับเขาได้อย่างมาก
นอกจากอันนาแล้ว เซลีนเองก็ขอสมัครเข้ามาในงานวิจัยข้ามยุคสมัยนี้ด้วย เนื่องจากที่ต้องของห้องทดลองอยู่ค่อนข้างห่างไกล อีกทั้งยังมีทหารคอยเฝ้าอยู่เป็นชั้นๆ จึงทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีชาวบ้านบังเอิญมาเห็นเธอเข้า และความสามารถในการประกอบที่เธอแสดงออกมาให้เห็นนั้นก็น่าตกใจอย่างมาก หนวดหลายสิบเส้นไม่เพียงแต่จะมีเรี่ยวแรงมหาศาล แต่มันยังทำงานร่วมกันได้คล่องแคล่วกว่านิ้วมือเสียอีก ทำให้สามารถประกอบชิ้นส่วนขนาดใหญ่อย่างล้อตุนกำลังหรือลูกสูบได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วยลดภาระให้กับอันนาได้อย่างมาก
ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ภาพหนึ่งชายหนึ่งหญิงหนึ่งสัตวประหลาดหนวดที่สาละวนอยู่กับเครื่องจักรได้กลายเป็นภาพชินตาของที่นี่
ไม่นาน เครื่องจักรตัวต้นแบบรูปร่างแปลกๆ เครื่องหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในห้องทำลองแห่งนี้
……………………………………………………………….
ตอนที่ 1179 เมจิกคิวบ์พาวเวอร์สามสูบ
โดย
Ink Stone_Fantasy
อันนี้เดินวนรอบเครื่องต้นแบบอยู่สองรอบ ก่อนจะพูดความรู้สึกแรกของตัวเองที่ได้เห็นมันออกมา
“เล็ก….จริงๆ”
‘แต่มันก็มีความรู้สึกงดงามที่บอกไม่ถูก’ เซลีนพูด ‘โดยเฉพาะท่อจำนวนมากที่อยู่ด้านข้างของมัน ดูแล้วเหมือนกับหนวดเลย’
โรแลนด์อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ มุมมองการสังเกตของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ข้อสรุปของทั้งสองคนกลับสามารถแสดงจุดเด่นของเครื่องจักรตัวใหม่นี้ออกมาได้อย่างชัดเจน
เมื่อเทียบกับเครื่องจักรไอน้ำเหล็กเครื่องแรกที่อันนาสร้างขึ้นมาแล้ว ขนาดของเครื่องต้นแบบตัวนี้มีขนาดที่เล็กลงมากกว่าสิบเท่า นั่นเป็นเพราะว่าเทคโนโลยีที่ใช้ในเครื่องต้นแบบตัวนี้มีความก้าวหน้าไปจากเดิมอย่างมาก แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดนั่นเป็นเพราะว่ามันไม่มีเตาหลอม
เครื่องจักรไอน้ำของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ในปัจจุบันนี้พัฒนามาถึงรุ่นที่ 4 แล้ว แต่ส่วนที่เป็นเตาหลอมกลับไม่มีการเปลี่ยนอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็นการเผาถ่านหินหรือว่าเผาถ่านไม้ หรือว่าจะเป็นน้ำมันหนัก ห้องเผาไหม้ขนาดใหญ่และเตาไอน้ำก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่เข้ามาแทนที่มันนั้นเป็นแค่กล่องเหล็กสี่เหลี่ยมขนาดยาว 1 เมตร กว้าง 50 เซนติเมตร และหนาไม่ถึง 20 เซนติเมตร
และกล่องอันนี้ก็คือหัวใจสำคัญของระบบทั้งระบบ
ถ้าพูดง่ายๆ มันก็คือการเอาลูกบาศก์เวทมนตร์มาใส่ไว้ในภาชนะเดียวกัน เพื่อทำให้เกิดการหลอมรวมกันระหว่างการเผาไหม้และการระเหยกลายเป็นไอน้ำ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปิดผนึกที่ต้องมีความหนาแน่น หรือตัวท่อที่ต้องทนแรงดันสูงก็ล้วนแต่ไม่ใช่สิ่งที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ในอดีตนี้จะผลิตออกมาได้ พูดอีกอย่างก็คือถึงแม้ในตอนนั้นเขาจะได้ลูกบาศก์เวทมนตร์ของเผ่ากัมมันตรังสีมา แต่เขาก็คงจะใช้ประโยชน์จากมันได้ไม่ต่างจากคนอื่นๆ
ด้านหนึ่งของกล่องเหล็กมีการวางลูกบาศก์เวทมนตร์เรียงเอาไว้สามก้อนเพื่อใช้เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานขับเคลื่อนเครื่องจักร ด้านในมีตะกั่วรองเอาไว้อีกชั้นหนึ่งเพื่อใช้ในการป้องกันรังสีที่ปล่อยออกมา ผิวที่เรียบรื่นที่อยู่ด้านบนของมันมีท่อนำความร้อนสิบกว่าท่อวางเรียงเป็นแถวอยู่ โดยท่อน้ำความร้อนจะวิ่งทะลุผ่านกล่องใส่น้ำและกล่องคอนเดนเซอร์แล้วค่อนวิ่งทะลุกลับลงมาด้านล่าง กระบวนการหมุนเวียนของการ ‘ให้ความร้อน – ให้พลังงาน – การระบายความร้อน’ ของมันอยู่ในระบบปิดอย่างสมบูรณ์ ถ้าอุปกรณ์มีความน่าเชื่อถือมากเพียงพอ ตามหลักแล้วต่อให้ใช้งานมันจนพังก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนตัวกลางน้ำความร้อนใหม่เลย
แต่แน่นอนว่าขนาดอันนี้ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเครื่องจักรไอน้ำรุ่นใหม่
น้ำนั้นเป็นแค่ตัวกลางน้ำความร้อนที่หาได้ง่ายและมีราคาถูกที่สุด ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวกลางอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า อย่างเช่นโลหะแอลคาไลในรูปของเหลว เขาก็จะอาจจะสร้างเครื่องจักรไอน้ำที่มีขนาดเล็กลงมาจากเดิมได้
เพียงแต่สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องพิสูจน์ในตอนนี้ก็คือหลักการทำงานของเครื่องต้นแบบอันนี้มันใช้ได้จริงหรือไม่ สุดท้ายโรแลนด์จึงห้ามใจตัวเองเอาไว้ก่อน เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุรั่วไหล แล้วโลหะแอลคาไลในรูปของเหลวไปผสมกับน้ำล่ะก็ เกรงว่าห้องทดลองทั้งห้องคงถูกระเบิดจนเละแน่
ท่อที่ยื่นออกมาจากกล่องเพิ่มความร้อนสามารถถ่ายพลังงานความร้อนที่เกิดจากลูกบาศก์เวทมนตร์ออกมาได้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งทำให้กล่องใส่น้ำเดือด ส่วนกระบวนการหลังจากนั้นก็เหมือนกับเครื่องจักรไอน้ำทั่วๆ ไป สิ่งที่ใช้ก็ล้วนแต่เป็นเทคโนโลยีที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์มีความเชี่ยวชาญอยู่ก่อนแล้ว
แต่ส่วนที่เซลีนชื่นชมมากที่สุดนั้นคือส่วนที่เป็นท่อคอนเดนเซอร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านข้างของตัวเครื่อง เพื่อที่จะทำให้มีพื้นที่ในการระบายความร้อนที่มากพอ ท่อแต่ละท่อจึงบิดไปบิดมาดูแล้วคล้ายๆ กับหนวดทีเดียว
ถ้าบอกว่าเครื่องจักรไอน้ำที่ใช้งานอยู่ในตอนนี้ทั้งใหญ่และเทอะทะล่ะก็ อย่างนั้นเครื่องต้นแบบอันนี้ก็เรียกได้ว่ามีขนาดที่เล็กกะทัดรัดอย่างมาก โดยเฉพาะกล่องที่เป็นหัวใจหลักสีขาวเงินกับท่อทองแดงนำความร้อนที่เงาจนสะท้อนให้เห็นใบหน้าคน เมื่อดูจากสีสันและระดับความเงางามแล้วเรียกได้ว่ามันดูสะดุดตากว่าเครื่องจักรไอน้ำรุนแรกๆ อย่างมาก ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีความรู้ก็ยังมองออกถึงระดับความแตกต่างของมัน
แค่ในเรื่องของเทคโนโลยีที่ใช้ก็ทำให้มันกลายเป็นงานศิลปะได้แล้ว
“อย่างนั้นก็…เริ่มกันเถอะ?” โรแลนด์มองไปทางทั้งสองคน
อันนาพยักหน้า ก่อนจะยื่นมือไปวางไว้บนคันบังคับ “มาจับด้วยกันสิ”
เซลีนลังเลเล็กน้อย สุดท้ายจึงเอาหนวดหลักค่อยๆ วางลงไปบนหลังมือของราชาและราชินี
“การทดสอบเครื่องจักรไอน้ำลูกบาศก์เวทมนตร์ตัวต้นแบบ…3 2 1…เริ่มได้”
สิ้นเสียงนับถอยหลังของโรแลนด์ คันบังคับก็ถูกโยกขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ขณะเดียวกันกลไกที่เชื่อมต่อเอาไว้ก็กดลงไปบนกลไกของลูกบาศก์เวทมนตร์ทั้งสามก้อน
แต่ทุกอย่างก็เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘เอ่อ…ล้มเหลวงั้นเหรอ?’ เซลีนมองดูเครื่องจักรที่ไม่มีการตอบสนองอะไรพร้อมกับถามอย่างสงสัยขึ้นมา
“ไม่ ให้มันทำงานอีกครู่ก่อน” โรแลนด์ตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หลังจากนั้นประมาณ 2 นาที กล่องแกนหลักก็ค่อยๆ สั่นขึ้นมา ไฟแสดงสถานะที่อยู่บนท่อก็ค่อยๆ ส่องแสงสีเหลืองนวลออกมา นั่นคือเกจวัดแรงดันที่ทำมาจากซากมนุษย์ไม้ขีด มันแสดงให้เห็นว่าแรงดันภายในท่อกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ส่วนกระบวนการความร้อนนั้นดูจะช้ากว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงของแรงดันอย่างเห็นได้ชัด หลังรอไปอีกประมาณ 5 นาที กล่องที่บรรจุน้ำก็มีไอน้ำพุ่งออกมา แล้วก็ทำให้ลูกสูบค่อยๆ หมุนขึ้นมาช้าๆ
เมื่ออุณหภูมิภายในท่อค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น ความเร็วในการหมุนของล้อตุนกำลังก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน ขณะเดียวกันปั๊มของระบบคอนเดนเซอร์ก็ทำงานขึ้นมาด้วย ประโยชน์ของปั๊มของระบบคอนเดนเซอร์คือช่วยเพิ่มความเร็วของการหมุนเวียนของเหลวภายในท่อ แล้วก็นำเอาตัวกลางนำความร้อนที่อุณหภูมิลดลงกลับไปยังกล่องแกนหลักใหม่หมุนเวียนไปแบบนี้เรื่อยๆ
“ดูเหมือนจะได้ผลดีทีเดียวนะเพคะ” อันนาถอนหายใจพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “แค่ความเร็วในการเริ่มทำงานช้าไปหน่อย”
“นี่คืออาการที่เจอบ่อยๆ ในเครื่องจักรไอน้ำ” โรแลนด์พยักหน้า การส่งผ่านความร้อนนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา ต่อให้เปลี่ยนเป็นตัวกลางนำความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าก็เทียบเครื่องยนต์สันดาปภายในที่แค่จุดก็ขยับไม่ได้ นอกจากนี้เนื่องจากตามทฤษฎีแล้ว การจะทำให้เครื่องจักรไอน้ำสามารถทำงานหมุนเวียนไปได้เรื่อยๆ อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีกล่องใส่น้ำถึงสามกล่อง ดังนั้นต่อให้ขนาดมันจะเล็กยังไง มันก็ยังใหญ่กว่าเครื่องยนตร์สันดาปภายในมาก บวกกับลูกบาศก์เวทมนตร์นั้นใช้แผ่นยูเรเนียมไปเร็วมาก ทำให้เครื่องต้นแบบเครื่องนี้แทบจะไม่สามารถแสดงความสามารถของมันออกมันออกมาได้อย่างเต็มที่
แต่ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมอะไรก็ต้องค่อยๆ ก้าวไปแบบนี้เหมือนกัน
ขอเพียงเซลีนสามารถแก้ไขเรื่องปัญหาระยะเวลาการใช้งานได้ ข้อดีของมันก็จะแสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็น เทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบทำให้สามารถนำมันไปใช้ในอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นภาระต่อเรื่องเชื้อเพลิงด้วย ต่อให้ตอนนี้เรื่องระยะเวลาการใช้งานยังไม่สามารถแก้ไขได้ แต่เรือที่สร้างขึ้นมาโดยใช้เครื่องจักรไอน้ำตัวใหม่เป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนก็ยังสามารถช่วยให้เรือมีพื้นที่มากขึ้น ทำให้สามารถบรรทุกสินค้าและอาวุธได้มากขึ้น
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ความเร็วในการหมุนของเครื่องจักรไอน้ำก็เพิ่มขึ้นไปถึงจุดสูงสุด เครื่องจักรทั้งเครื่องกำลังสั่นสะเทือน เสียงฝุบๆ ตรงต่อระบายไอน้ำก็เปลี่ยนกลายเป็นเสียงหวีดเล็กแหลม เห็นได้ชัดว่ากล่องแกนหลักที่ประกอบขึ้นมาจากลูกบาศก์เวทมนตร์สามลูกนั้นแสดงประสิทธิภาพออกมาได้เกินกว่าที่จำเป็น โรแลนด์โยกคันบังคับลงมาอยู่ที่ระดับหนึ่ง หลังจากที่ปิดการทำงานของลูกบาศก์เวทมนตร์ไปสองลูก เครื่องจักรจึงหยุดสั่นลง
หลังจากนี้ก็จะเป็นการทดสอบความน่าเชื่อถือในการทำงานระยะยาว
ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วก็เป็นช่วงที่ปัญหาจะปรากฏออกมาให้เห็นได้ง่ายมากที่สุด เพราะว่าหลักการทำงานของเครื่องจักรตัวใหม่นั้นง่ายอย่างมาก การจะทำให้มันทำงานขึ้นมานั้นไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากก็คือการทำให้มันสามารถทำงานได้ในระยะยาวและมีความเสถียร
เดิมการยืนเฝ้าอยู่หน้าเครื่องจักรไอน้ำที่ส่งเสียงตึงตังๆ นั้นเป็นเรื่องที่น่าเบื่ออย่างมาก แต่สำหรับโรแลนด์แล้วมันกลับเป็นวิธีคลายเครียดอย่างหนึ่ง การได้นั่งอยู่กับอันนาสวน พูดคุยไปพลางดูการเคลื่อนไหวของเครื่องจักรไปพลาง มันเหมือนกับช่วงเวลาในตอนแรกที่ทั้งสองคนรู้จักกัน
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เซลีนค่อยๆ ออกไปจากห้องทดลอง ภายในสวนเหลือเพียงแค่เขากับอันนาสองคนเท่านั้น
อีกฝ่ายเอาหัวซบลงไปบนไหล่ของเขา เสียงเครื่องจักรเหมือนอยู่ไกลออกไป
“ถ้ามันสำเร็จ พวกเราก็จะเข้าใกล้โลกในอดีตของพระองค์เข้าไปอีกก้าวใช่ไหมเพคะ?”
“อื้อ ใกล้ขึ้นเยอะเลย เพราะว่าที่โลกนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีแบบนี้เลยนะ”
“รถยนต์สี่ล้อที่คนแค่คนเดียวก็สามารถขับได้ที่พระองค์เคยบอกหม่อมฉันก็จะกลายเป็นจริงด้วยหรือเปล่าเพคะ?”
“ได้สิ ถ้าเจ้าชอบ เดี๋ยวข้าจะออกแบบรถอย่างง่ายๆ มาให้เจ้าลองขับซักคัน”
“เอาสิเพคะ!” เสียงของอันนาฟังดูดีขึ้นมาทันที “เออใช่ แล้วพระองค์จะตั้งชื่อให้เจ้าเครื่องจักรนี้ว่าอะไรหรือเพคะ?”
“ต้องมีชื่อด้วยเหรอ?” โรแลนด์ถามยิ้มๆ
“ต้องมีสีเพคะ” สีหน้าของเธอจริงจังอย่างมาก
“ก็ได้ อย่างนั้นแบล็คเทคโนโลยีหมายเลขหนึ่งกับเมจิกคิวบ์พาวเวอร์ เจ้าเลือกอันไหน?”
“มันไม่เห็นจะเป็นสีดำเลยเพคะ….พระองค์นี่ หม่อมฉันเลือกอันหลังเพคะ แต่ว่าชื่อนี้มันจะแยกความแตกต่างในแต่ละรุ่นยังไงล่ะเพคะ?”
“ง่ายมาก ลูกบาศก์เวทมนตร์หนึ่งลูกก็หมายถึงหนึ่งสูบ ดังนั้นเครื่องต้นแบบอันนี้ก็เรียกว่าเมจิกคิวบ์พาวเวอร์สามสูบเป็นไง?”
“รู้สึกแปลกๆ”
“ไม่ต้องไปสนใจรายละเอียดพวกนั้นหรอกน่า…”
เสียงหัวเราะของทั้งสองคนและเสียงร้องของเครื่องจักรดังผสมปนเปเข้าด้วยกันกลายเป็นท่วงทำนองที่ลอยล่องอยู่ในสวน
…………………………………………………………………..
ตอนที่ 1180 โรสคาเฟ่
โดย
Ink Stone_Fantasy
การทดสอบดำเนินไปเป็นเวลาหลายวัน วิธีที่ทำให้โรแลนด์รู้สึกผ่อนคลายได้นอกจากจะมีเรื่องการทดสอบเมจิกคิวบ์พาวเวอร์แล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาคลายเครียดได้ก็คือโลกแห่งความฝัน ภาพของแม่มดที่แสดงความสนใจต่อทุกสิ่งทุกอย่างและส่งเสียงอุทานด้วยความแปลกใจออกมาอยู่ตลอดเวลาทำให้เขารู้สึกมีความสุข
การเตรียมตัวเปิดร้านเองก็เหมือนกัน
หลังจัดการทุกอย่างมาเป็นเวลาครึ่งเดือน ในที่สุดร้านกาแฟโรสคาเฟ่ก็ได้ฤกษ์เปิดร้านอย่างเป็นทางการ
เพื่อไม่ทำให้เป็นจุดสังเกต เขาจึงจงใจเลือกที่จะตัดริบบิ้นและจุดประทัดในช่วงเวลาหลังสิบโมงไปแล้ว ในช่วงเวลานี้ร้านอาหารเช้าส่วนใหญ่จะปิดร้านไปแล้ว นักเรียนกับคนทำงานต่างก็ออกไปจากที่พัก ส่วนลุงๆ ป้าๆ ก็กำลังไปซื้อของอยู่ที่ตลาด เรียกได้ว่านี่เป็นช่วงที่เขตชุมชนมีความเงียบสงบมากที่สุด
ร้านกาแฟตั้งอยู่ด้านข้างของโกดัง มีทั้งหมดสองชั้น ค่าเช่าตกเดือนละประมาณ 3,500 หยวน ถึงแม้จะฟังดูเหมือนไม่แพง แต่เมื่อคิดถึงความสามารถในการจับจ่ายของคนในเขตถงจึแล้ว นี่จึงถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงทีเดียว
เพียงแต่โรแลนด์ไม่สนใจว่าร้านจะทำกำไรได้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ไปต่อราคาอะไรกับเจ้าของตึกมากนัก สิ่งเดียวที่เขาขอก็คือตีทะลุกำแพงที่กั้นระหว่างร้านกับโกดังทิ้ง เพื่อที่จะได้ขนย้ายข้าวของได้สะดวก แต่แน่นอนว่าเวลาที่ย้ายออกไปเขาก็จะติดกำแพงกลับเข้าไปใหม่ให้เหมือนเดิม
เมื่อเขายื่นข้อเสนอว่าจะจ่ายค่าเช่าทีเดียวทั้งปี เจ้าของตึกก็รับปากอย่างยินดี
แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นแค่เพียงฉากบังหน้าเท่านั้น
โรแลนด์ไม่คิดที่จะเปลี่ยนอาชีพ แม่มดทาคิลาเองก็ไม่มีทางที่จะบริการคนอื่นแน่ ด้วยเหตุนี้การตกแต่งร้านโรสคาเฟ่จึงเป็นแค่การตกแต่งธรรมดาๆ เท่านั้น แทนที่จะบอกว่าเป็นร้าน ควรจะบอกว่าที่แห่งนี้เหมือนเป็นสนามเด็กเล่นให้ทุกคนได้มาหาความสุขกันมากกว่า
ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากให้มีลูกค้าเข้ามาในร้านเลย
เพื่อที่จะทำแบบนั้นแล้ว โรแลนด์จึงเขียนราคาเครื่องดื่มบนป้ายหน้าร้านเอาไว้สูงลิ่ว อย่างเช่นกาแฟลาเต้แก้วละ 260 หยวน คาราเมลมัคคิอาโต้แก้วละ 300 หยวน เขาไม่รู้หรอกว่ากาแฟพวกนี้มันมีอะไรที่ต่างกัน เขาก็แค่เอาราคาจากร้านอื่นมาคูณเข้าไปอีกสิบเท่า
อันที่จริงนมถั่วเหลืองร้านข้างๆ นั้นราคาแค่ 1.5 หยวนต่อขวด
เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครหลงเข้ามาในการร้านนี้
ในหลักการเดียวกัน ถ้ามีคนที่เห็นราคาแบบนี้แล้วยังจะเข้ามา อย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็น ‘คนที่นัดหมาย’ ในกระดาษโน้ตฉบับนั้น
แต่ชื่อร้าน ‘โรสคาเฟ่’ นี้จะใช้ได้ผลหรือไม่นั้น โรแลนด์เองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
“ฝ่าบาท แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วเหรอเพคะ?” ฟิลลิสวางริบบิ้นในมือ
“อื้อ แค่ตัดริบบิ้นในมือ ร้านกาแฟโรสคาเฟ่ก็ถือว่าเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว” เขาพยักหน้า “ไปฉลองกับทุกคนที่ด้านในกันเถอะ”
เมื่อผลักประตูเข้าไปในร้าน ภาพที่สะท้อนเข้ามาในตาก็ถือเคาท์เตอร์บาร์ตัวหนึ่งกับโต๊ะกลมตัวเล็กอีกสองสามตัว บนโต๊ะที่เทียนไขกับแจกันดอกกุหลาบวางอยู่ เสียงที่ดังออกมาจากลำโพงคือเสียงเพลงจังหวะเบาสบาย ดูแล้วเหมือนร้านกาแฟทั่วๆ ไป แต่ในตอนที่ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนชั้นสอง บรรยากาศพลันเปลี่ยนไปทันที แทนที่จะบอกว่าเป็นร้านกาแฟ ควรจะบอกว่าเป็นร้านอาหารขนาดเล็กจะดูเหมาะสมกว่า
โรแลนด์ได้เตรียมชุดเครื่องครัวกับเตาทำอาหารเอาไว้ให้เหล่าแม่มดที่เข้ามาในโลกแห่งความฝันได้ใช้ เมื่อเทียบกับตอนแรกที่พาพวกเธอไปกินแค่แมคโดนัลหรือเคเอฟซีแล้ว ตอนนี้ต่อให้ไม่ต้องออกไปข้างนอกพวกเธอก็สามารถลิ้มรสอาหารอร่อยๆ ได้ น่าจะเป็นเพราะต้องการชดเชยช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายร้อยปี แล้วก็อาหารเลิศรสที่เอากลับมาจากโรงแรมครั้งก่อนได้เปิดโลกใบใหม่ให้กับพวกเธอ ทุกคนจึงดูกระตือรือร้นกับการทำอาหารอย่างมาก เขาเพียงแค่สอนพวกเธอใช้เครื่องครัวสมัยใหม่อย่างเช่นเตาแก๊ส ไมโครเวฟอะไรพวกนั้น หลังจากนั้นเขาก็แทบไม่ต้องไปชี้แนะอะไรเลย พวกเธอต่างก็ค่อยๆ ทำอาหารใหม่ๆ ออกมาตามสูตรอาหาร
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลายๆ คนที่มีพรสวรรค์ในการทำอาหารอย่างมาก อาหารที่พวกเธอทำออกมาดูแล้วคล้ายกับอาหารที่พ่อครัวในภัตตาคารหรูๆ ทำออกมาเลย ถึงแม้เรื่องการจัดจานและการตกแต่งอาจจะยังไม่ดีเท่าไร แต่เรื่องการใช้มีดและการควบคุมไฟนั้นเรียกได้ว่าไร้ที่ติ ซึ่งฟิลลิสเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเพิ่มจะลองทำปลาไหลตุ๋นน้ำแดง พระองค์จะลองชิมไหมเพคะ?”
“สันในย่างร้อนๆ มาแล้ว!”
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงช่วยหม่อมฉันหาวิธีทำออเดิร์ฟซัก 2 – 3 อย่างได้ไหมเพคะ?”
เสียงเรียกของแม่มดดังขึ้นมาไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าสำหรับพวกเธอแล้ว ความสนุกของการทำอาหารไม่ได้ด้อยไปกว่าการดูหนังหรือการออกไปเที่ยวเลย
เสียดายที่พวกเธอไม่สามารถอยู่ในโลกแห่งความฝันไปได้ตลอด เมื่อมองดูภาพที่คึกคักบนชั้นสองแล้ว โรแลนด์แอบรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ หลังรู้ว่าเอเลน่าสละชีวิตไปในสนามรบ เขาก็เคยเข้ามาในโลกแห่งความฝันอยู่หลายครั้ง โดยหวังว่าจะได้เจออีกฝ่ายที่นี่ แต่ไม่ว่าจะเป็นโกดังเก็บของหรือว่าตึกถงจึ มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
นี่หมายความว่าช้าเร็วพวกเธอก็ต้องบอกลาที่นี่ไปเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นเพราะสงครามหรือว่าการตายของตัวเขาก็ล้วนแต่จะทำให้ประสบการณ์ทั้งหมดที่นี่กลายเป็นเพียงความทรงจำที่ไม่อาจสัมผัสได้อีก
น่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ พวกเธอถึงได้พยายามใช้เวลาทุกวินาทีในโลกแห่งความฝันนี้อย่างเต็มที่
บางที…เขาเองก็น่าจะนอนให้บ่อยครั้งขึ้นหน่อย ถึงแม้จะไม่ใช่เพื่อการพักผ่อนของตัวเอง แค่ขอเพียงทำให้พวกนางได้อยู่ที่นี่นานขึ้นอีกหน่อย เช่นนั้นมันก็คุ้มค่า
“ติ๊งๆๆ…”
ทันใดนั้นเอง เสียงกระดิ่งหน้าร้านพลันดังขึ้นมา
ภายในร้านเงียบเสียงลงทันที
“ฝ่าบาท มีลูกค้ามาเพคะ” ฟิลลิสพูดเตือน
ไม่มั้ง หรือว่าคนที่นัดหมายจะมาเร็วขนาดนี้ ร้านกาแฟเพิ่งจะเปิดก็มาหาเขาแล้วเหรอ? เขาส่งสายตาไปทางทุกคน “ทำตามแผนที่วางเอาไว้” จากนั้นเขาก็เดินลงไปจากชั้นสองพร้อมฟิลลิส ในบรรดาแม่มดโบราณ ก็มีเพียงหมายเลข 76 ที่เคยแฝงตัวอยู่ในแบล็คมันนี่เท่านั้นที่มีประสบการณ์ในการให้บริการผู้อื่น
“ที่บาร์ไม่มีใครซักคน นายเปิดร้านนี้เพื่อหางานให้พวกเด็กๆ ที่มาจากหมู่บ้านนายจริงๆ เหรอ?”
แขกที่เข้ามาในร้านยืนเอามือกอดอก คิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับมองดูโรแลนด์ด้วยสายตาสงสัย มีอยู่ชั่วแวบหนึ่งที่เขารู้สึกว่าสายตาของอีกฝ่ายนั้นจับจ้องมาที่แก้มและคอเสื้อของเขา
‘แขก’ ที่ว่าก็คือการ์เซีย
โรแลนด์ถอนหายใจ เพราะอีกฝ่ายนั้นรู้เรื่องที่เขาเปิดร้านแต่แรกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นที่เขาสามารถพูดคุยกับผู้เช่าก่อนหน้านี้ได้อย่างราบรื่นก็เป็นเพราะได้ความช่วยเหลือจากเธอ เขาหันไปพยักหน้าให้ฟิลลิส “กาแฟสองแก้ว” จากนั้นก็ทำมือเชิญการ์เซีย “ใช่สิ เป้าหมายของฉันก็คือให้พวกเธอออกมาจากหมู่บ้านนั้น”
“เดี๋ยวๆ ฉันไม่ได้คิดจะดื่ม…”
“ฉันเลี้ยงเธอเอง ไม่คิดเงิน”
การ์เซียได้ยินเช่นนั้นจึงยอมนั่งลง “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ราคาที่นายติดเอาไว้ข้างนอกมันก็แพงไปหน่อยนะ มันยากที่จะทำให้คนเชื่อได้จริงๆ ว่านายเปิดร้านขึ้นมาเพื่อช่วยพวกเธอ”
“เธอผิดแล้ว” โรแลนด์วางท่าจริงจัง “การออกมาจากบ้านนอกมาอยู่เมืองใหญ่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการปรับตัว ถ้าลูกค้าแห่กันเข้ามา เธอคิดว่าพวกเธอจะรับมือไหวเหรอ? แค่ไม่ตกใจกลัวก็ถือว่าดีมากแล้ว ฉันไม่ได้เงินไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือมีพื้นที่ให้พวกเธอได้ปรับตัวกับการอยู่ในเมืองใหญ่ นี่ต่างหากถึงจะเป็นจุดประสงค์ที่ฉันตั้งร้านโรสคาเฟ่ขึ้นมา”
“จริง..เหรอ?” เธอพูดเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“แน่นอน นอกจากนี้ฉันยังต้องขอบคุณเธอด้วยนะที่เอาบัตรเชิญให้ฉันครั้งที่แล้ว นั่นมันช่วยฉันได้มากจริงๆ” โรแลนด์ฉวยโอกาสเปลี่ยนประเด็น
“จัดการเรื่องสถานะได้แล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่นั้น โรงเรียนก็จัดการเรียบร้อยแล้วด้วย เรียนที่เดียวกับซีโร่ แต่ว่าพวกเธอไปเรียนชั้นมัธยม” เขาพูดยิ้มๆ “ทั้งสามคนนั้นอยากจะมาขอบคุณเธอด้วยตัวเอง”
“ช่วยได้ก็ดี…” สีหน้าการ์เซียดูอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม “เรื่องขอบคุณอะไรนั่นก็ไม่ต้องหรอก เพราะว่านายเป็นคนจัดการเองทั้งหมด ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
โรแลนด์ส่ายหน้า “ที่เธอทำมันก็ถือว่าช่วยได้มากแล้ว”
ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ
“กาแฟมาแล้วค่ะ” เสียงของฟิลลิสดังทำลายความเงียบขึ้นมา
การ์เซียได้สติกลับมา เธอก้มหน้าลงไปยกแก้วกาแฟเหมือนพยายามปิดบังอะไรเอาไว้อยู่ “เออใช่ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายพอดี”
“เกี่ยวกับสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เหรอ?” โรแลนด์ไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะมาหาเขาเพื่อคุยเรื่อยเปื่อย
เธอพยักหน้า “ใช่ เบื้องบนมอบหมายภารกิจลงมาแล้ว พวกเขาต้องการให้นายเข้าร่วม”
“คงจะไม่ใช่งานประลองยุทธ์อะไรพวกนั้นใช่ไหม? ฉันเหมือนได้ยินว่าการประลองรอบคัดเลือกกำลังจะเริ่มแล้วนี่”
“เปล่า…เป็นภารกิจกวาดล้างพวกฟอลเลนอีวิล” การ์เซียพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
…………………………………………………………………………
ตอนที่ 1181 ทีมรวมดารา
โดย
Ink Stone_Fantasy
ภารกิจ…กวาดล้าง? ทำไมฟังแล้วเหมือนจะไม่ค่อยเข้ากับสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมายเลย มุมปากของโรแลนด์กระตุกขึ้นมา “ฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องที่สุดยอดเลยนะเนี่ย”
“มันก็ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนที่นายคิดเอาไว้” การ์เซียเหมือนจะมองเห็นความคิดของเขา “เมื่อก่อนก็มีภารกิจแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ทางสมาคมแค่มีข้อมูลของฟอลเลนอีวิลมากพอ ก็เลยตัดสินใจที่จะจัดการพวกมันทีเดียวเท่านั้น เมื่อเทียบกับการออกไปล่าคนเดียวหรือบังเอิญเจอพวกฟอลเลนอีวิลลอบโจมตีแล้ว การชิงเตรียมตัวและเป็นฝ่ายลงมือก่อนกลับมีความปลอดภัยมากกว่า”
“เธอเคยเข้าร่วมด้วยเหรอ?”
“เอ่อ…” การ์เซียตกตะลึงเล็กน้อย “ฉันแค่ฟังอาจารย์พูดมา เมื่อก่อนฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมภารกิจกวาดล้าง นี่เป็นครั้งแรกของฉัน” เธอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะก้มมองดูแก้วกาแฟที่อยู่ในมือ “บางทีนายอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ฉันต้องบอกนายเอาไว้ก่อน…นับตั้งแต่ที่นายได้ใบอนุญาตไล่ล่ามา สถานะของนายก็อยู่สูงกว่าฉันขึ้นไปแล้ว ที่สมาคมให้ฉันมาแจ้งนาย ก็เพราะว่านายเพิ่งจะเข้ามาในสมาคมได้ไม่นาน การส่งมอบงานจึงอาจจะมีความผิดพลาดได้ แต่ถ้านายคิดว่ามันไม่เหมาะสม ฉันก็จะกลับไปแจ้งทางสมาคม..”
“ไม่ แบบนี้ดีแล้ว” โรแลนด์รีบพูดตัดบท เป้าหมายที่เขาเข้ามาในสมาคมตอนแรกก็เพราะอยากจะไขปริศนาเรื่องการกลืนกินและเรื่องพลังแห่งธรรมชาติเท่านั้น ที่เขาไปปล้นพวกฟอลเลนอีวิลก็เพื่อจะเอาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว เรื่องที่จะทำอะไรเพื่อองค์กรนั้นเขาไม่ได้คิดเอาไว้เลย ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องที่จะให้เขาเป็นผู้นำในพื้นที่เลย “ในเมื่อเธอเป็นคนพาฉันเข้าสมาคม เธอก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบฉัน เข้าใจไหม?”
การ์เซียตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่งเสียงหัวเราะหึๆ ออกมาเบาๆ “รับผิดชอบอะไร นายนี่มันแปลกจริงๆ…มันก็แค่ข้ออ้างที่จะอู้เท่านั้นแหละ แต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังเอาเปรียบนายอยู่เลย” ถึงแม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่สีหน้าเธอกลับดูผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย
“เธอรู้ก็ดีแล้ว” โรแลนด์ยักไหล่ “เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า นอกจากเธอกับฉันแล้ว ยังมีใครที่เข้าร่วมภารกิจนี้อีก? เป้าหมายที่พวกเราต้องเจอคือใคร?”
“เพื่อป้องกันไม่ใช่ความลับรั่วไหลออกไป ปกติข้อมูลพวกนี้จะแจ้งก็ต่อเมื่อทุกคนมารวมตัวกันพร้อมแล้ว” การ์เซียดื่มกาแฟเข้าไปแก้วหนึ่ง “แต่ฉันไปถามมาแล้ว ภารกิจครั้งนี้จะมีพวกตัวแทนยุคใหม่มาเข้าร่วมด้วย”
ดูเหมือนภายในของสมาคมจะไม่ค่อยลงรอยกันนะเนี่ย เขาพยักหน้า “อย่างนั้นเวลากับสถานที่ล่ะ?”
“พรุ่งนี้ 6 โมงเย็น สถานที่อยู่ทางชานเมืองทิศใต้ เดี๋ยวฉันจะส่งโลเคชั่นเข้ามือถือนายให้ นายจะไปเองหรือจะนั่งรถฉันไปก็ได้…”
“ฉันไปเองก็ได้” โรแลนด์รีบพูด ถ้าไปรถคันเดียวกับเธอ แล้วจะพาพวกแม่มดไปได้ยังไงล่ะ?
การ์เซียเบะปาก “แล้วแต่นายแล้วกัน” จากนั้นเธอก็โบกมือไปทางฟิลลิส ก่อนจะยื่นกระดาษโน้ตให้เธอแผ่นหนึ่ง “ฉันเป็นเพื่อนบ้านของโรแลนด์ พักอยู่ห้อง 0827 ถ้าเธออยู่ที่เมืองนี้แล้วมีปัญหาอะไร…ฉันหมายถึงถ้ามีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอลำบากใจ เธอก็โทรมาหาฉันตามเบอร์นี้ได้…ฉันยินดีที่จะช่วย”
ฟิลลิสกะพริบตา “ขะ…ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไร” เธอยิ้มๆ พร้อมตบไหล่อีกฝ่าย ก่อนจะโบกมือแล้วเดินไปทางประตู “อย่างนั้น พรุ่งนี้เจอกัน”
หลังเสียงกระดิ่งดังขึ้นมา การ์เซียก็เดินหายไปด้านหลังประตู
“นางเป็นคนดีจัง” ฟิลลิสถอนใจออกมา “ฝ่าบาท พระองค์จะเสด็จไปหรือเพคะ?”
“ในเมื่อสมาคมระบุชื่อมาแล้ว จะบอกปัดก็คงทำไม่ได้แล้ว ก็คิดซะว่าเป็นค่าใบอนุญาตไล่ล่าแล้วกัน” โรแลนด์พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ยังไงซะก็ไม่ได้มีแค่ข้าคนเดียว ขอเพียงระวังตัวเอาไว้หน่อยก็น่าจะไม่มีอันตรายอะไร ยิ่งไปกว่านั้นนานๆ ออกไปทำอะไรแบบนี้บ้างมันก็ดีเหมือนกัน” เพราะการออกไปเจอผู้คนมันก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีแม่มดเป็นผู้ช่วย คงยากที่จะมีปัญหาอะไร
“อย่างนั้นหม่อมฉันจะไปแจ้งท่านพาซาร์ให้เปลี่ยนเอาแม่มดสายต่อสู้มาช่วยพระองค์เพคะ” ฟิลลิสพูดพร้อมโค้งตัว
….
หลังผ่านการคัดเลือกอย่างง่ายๆ รายชื่อคนที่จะเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ก็ถูกกำหนดออกมา รายชื่อยังคงเป็นแม่มดสี่คนที่เข้ามาในโลกแห่งความฝันเป็นกลุ่มแรก ฟิลลิส ฟาลดี้ หลิง ดาเนน ความสามารถของพวกเธอนั้นมีทั้งการหลบซ่อนและติดตาม ซึ่งเหมาะกับการทำงานช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง
บ่ายวันถัดมา โรแลนด์และเหล่าแม่มดขับรถตู้มุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่กำหนดเอาไว้
สถานที่ที่แสดงอยู่บนแผนที่นั้นอยู่ตรงพื้นที่บริการทางด่วนแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงชานเมือง นี่เป็นสถานที่ที่กำหนดขึ้นมาชั่วคราวอย่างไม่ต้องสงสัย มันทั้งสะดวกที่จะให้ทุกคนไปรวมตัว อีกทั้งเวลาเปลี่ยนรถก็ไม่เป็นจุดสนใจอีกด้วย
สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ถือว่าคิดได้รอบคอบทีเดียว
แต่ในตอนที่เขามาถึงพื้นที่ให้บริการของทางด่วน เขาก็พบว่าตัวเองนั้นคิดผิดมหันต์
ในลานจอดรถนั้นมีรถหรูจอดอยู่สิบกว่าคัน บริเวณรอบๆ มีคนคอยเดินมามองดูพร้อมชี้ๆ อยู่ตลอดเวลา ที่มากกว่านั้นก็คือด้านข้างยังมีคนคอยส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอยู่กลุ่มหนึ่ง ดูแล้วเหมือนกำลังไล่ตามดาราไม่มีผิด แค่ดูก็รู้แล้วว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังถูกคนจำได้
“ลั่วลั่ว มองทางนี้หน่อย!”
“ขอถ่ายรูปคู่หน่อยได้ไหมคะ?”
“พวกคุณมาถ่ายโฆษณากันที่นี่เหรอคะ?”
“คนนั้นใช่คุณชายโหยวหลงที่เป็นรองแชมป์งานประลองยุทธ์สมัยที่แล้วหรือเปล่า?”
“ว้าย เขายิ้มให้ฉันด้วย! หล่อจัง!”
เฮ้ๆ เจ้าพวกนี้มันมาทำภารกิจจริงๆ เหรอเนี่ย? โรแลนด์กรอกตา ในขณะที่เพิ่งจะจอดรถตู้ เขาพลันมองเห็นการ์เซียกำลังเดินมาทางเขา
“ซ่อนตัวเร็ว”
“รับทราบเพคะ” ดาเนนเรียกผ้าคลุมล่องหนออกมา ก่อนจะคลุมสามคนที่อยู่ด้านหลังเอาไว้
โรแลนด์ดับเครื่อง ก่อนจะพูดทักการ์เซีย “คิดอยู่แล้วว่าเธอต้องมาถึงก่อนฉัน”
“ตอนนี้นายมีใบอนุญาตไล่ล่าแล้วนะ ทำไมถึงยังขับ….รถกระป๋องแบบนี้อยู่เนี่ย?” การ์เซียถามอย่างไม่เข้าใจ “ฉันรู้ว่านายไม่ชอบเป็นเป้าสายตาคนอื่น แต่…นี่มันจะดูน่าเกลียดเกินไปหรือเปล่า”
“เหรอ?” เขาพูดพร้อมผายมือ “ฉันกลับคิดว่าไม่มีรถบ้านไหนจะสะดวกเท่าคันนี้อีกแล้ว จะไปห้างหรือไปตลาดก็ขนกับข้าวมาได้ทีละเยอะๆ รถคันอื่นทำแบบนี้ไม่ได้นะ” แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือเธอไม่มีทางรู้เลยว่ารถตู้คันนี้สามารถขนนักสู้ได้กี่คนกันแน่
“เอาล่ะ” การ์เซียส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ “ถ้านายไม่สนใจสายตาคนอื่นล่ะก็นะ”
“แน่นอน” โรแลนด์ยิ้มๆ อย่างไม่ใช่ใจ “พวกหน้าใสพวกนั้นก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ด้วยเหรอ?”
“ใช่ แต่คำพูดไม่สุภาพแบบนี้อย่าเผลอไปพูดกับคนอื่นล่ะ” การ์เซียถลึงตาใส่เขา “ถ้าดูจากเวลาที่เข้ามาอยู่ในสมาคมแล้ว พวกเขาถือว่าเป็นรุ่นพี่นาย”
“แล้วถ้าว่ากันตามสถานะล่ะ?”
“มันก็พูดยากเหมือนกัน เพราะว่าในสายตาของคนในแล้ว ตอนนี้นายถือว่าเป็นตัวแทนของฝ่ายยุคเก่า” การ์เซียถอนใจออกมา “ถ้ามีโอกาสทำให้นายขายหน้า ฉันว่าพวกนั้นไม่มีทางปล่อยนายแน่”
“ฉันนึกว่าผู้ฝึกยุทธ์จะมองเรื่องช่วยเหลือโลกนี้เป็นสำคัญเหมือนอย่างเธอซะอีก” โรแลนด์พูดงึมงำออกมา “เออใช่ เธอน่าจะอยู่ฝ่ายยุคใหม่ใช่เปล่า? แล้วมาเดินใกล้ๆ ฉันแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสนใจเรื่องการทะเลาะของฝ่ายยุคเก่ากับยุคใหม่หรอกนะ” การ์เซียพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ยิ่งไปกว่านั้นนายเป็นคนบอกให้ฉันมารับผิดชอบนายไม่ใช่เหรอไง?”
“มันก็ใช่” โรแลนด์หัวเราะขึ้นมา “อย่างนั้นรบกวนเธอด้วยนะ”
“เหอะ ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ ฉันจะแนะนำพวกเขาให้นายรู้จักหน่อยแล้วกัน…แต่ว่ามีบางคนที่นายน่าจะเคยเห็นตอนไปงานเลี้ยงของพ่อฉันแล้ว ดังนั้นฉันจะแนะนำแค่สามคนที่สำคัญๆ แล้วกัน” การ์เซียเลิกคิ้วไปทางคนที่ยืนอยู่ตรงกลางของกลุ่ม “ลั่วฮว่า เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว เป็นนักสู้ที่มีเทคนิคแพรวพราว ความสามารถแข็งแกร่ง มีแฟนคลับค่อนข้างเยอะ ได้อันดับที่ 10 ในการแข่งขันประลองยุทธ์สมัยที่แล้ว แล้วก็เป็นผลงานที่ดีที่สุดของเมืองเราด้วย ถึงแม้เขาจะมีชื่อเสียงมานานแล้ว แต่ปีนี้ก็เพิ่งจะอายุแค่ 22 ปีเท่านั้น นี่ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว”
“คุณชายโหยวหลง อายุไม่แน่ใจ แต่น่าจะประมาณ 30 – 35 ปี เกิดในครอบครัวผู้ฝึกยุทธ์ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวแทนของยุคใหม่ ฉายาของเขาก็ได้มาเพราะเหตุนี้เหมือนกัน ความสามารถในทุกๆ ด้านของเขาเรียกได้ว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบ มีคนบอกว่าความจริงความสามารถของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่า ‘ผู้คุม’ เลย เป็นรองแชมป์ในการแข่งขันประลองยุทธ์สมัยที่แล้ว ครั้งนี้เขาน่าจะเตรียมตัวมาเพื่อคว้าแชมป์ ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด เขาน่าจะเป็นหัวหน้าทีมในปฏิบัติการครั้งนี้”
การเซียพูดถึงตรงนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองไปรอบๆ เหมือนกำลังมองหาใครอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งเธอจึงชี้ไปยังศาลาที่อยู่ด้านนอกลานจอดรถ “ส่วนคนสุดท้าย บางทีอาจจะเป็นคนที่นายต้องระวังเอาไว้ให้มากที่สุด”
โรแลนด์มองไปยังทิศทางที่เธอชี้
“เฟยอวี่หาน เป็นดาวรุ่งที่ใช้เวลาในการสร้างชื่อเสียงน้อยที่สุด หลังตื่นรู้มาเพียง 5 ปี ก็สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบชิงของการแข่งขันประลองยุทธ์ได้ถึงสองครั้ง เป็นอัจฉริยะที่ทุกคนในสมาคมต่างรู้จักกันดี” น้ำเสียงของการ์เซียฟังดูค่อนข้างสับสน มันเหมือนทั้งชื่นชมปนอิจฉา “ฉันไม่คิดว่าเธอจะมาเข้าร่วมปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้ด้วย ถ้ามีเธออยู่ ทีมนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นทีมรวมดาราแล้ว”
“แล้วฉันต้องระวังอะไร? เธอจะสร้างปัญหาให้ฉันเหรอ?”
“ใช่ที่ไหนล่ะ” การ์เซียกรอกตาใส่เขา “นายมันอยู่คนละชั้นกับเธอ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถหรือว่าสถานะก็ตาม….ที่ฉันบอกให้ระวังก็คืออย่าไปหลงเสน่ห์เธอเข้าล่ะ!”
………………………………………………………………………..
ตอนที่ 1182 แอบแฝงตัวเข้าไป
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนที่เอาใบอนุญาตไล่ล่ามาให้ฉัน เธอไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา โรแลนด์แอบบ่นกับตัวเอง “ทำไมรู้สึกเหมือนคนที่เธอแนะนำมาจะเป็นพวกยุคใหม่ทั้งหมดเลย? ภารกิจกวาดล้างแบบนี้ มันควรจะให้พวกยุคเก่ามาเป็นหัวหอกไม่ใช่เหรอ?”
“จริงอยู่ที่คนของยุคเก่ามีเยอะกว่า แต่ว่า….” การ์เซียชี้ไปยังคนที่ดูภายนอกแล้วเหมือนคนทั่วๆ ไป “พวกเขาแทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเลย ปกติเวลาไปไหนมาไหนก็เรียกได้ว่าเป็นความลับ นอกจากคนที่รับผิดชอบติดต่อพวกเขาแล้ว สมาชิกในสมาคมคนอื่นๆ รู้เรื่องของพวกเขาน้อยมาก ถึงฉันอยากจะแนะนำก็ไม่รู้ว่าควรจะแนะนำยังไง”
โรแลนด์แอบกุมขมับ ถ้าไม่เป็นเพราะอีกฝ่ายชี้ให้เขาดู เขายังนึกว่าคุณลุงวัยกลางคนพวกนั้นเป็นคนขับรถหรือไม่ก็ผู้ช่วยของพวกผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังเหล่านั้นเสียอีก ยังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องความสามารถ เอาแค่หน้าตากับการแต่งตัวก็เรียกได้ว่าแตกต่างกันอย่างมากแล้ว การที่ไม่เข้าร่วมงานประลองยุทธ์ไม่ได้หมายความว่าต้องปล่อยเนื้อปล่อยตัวนี่นา! เมื่อคิดถึงว่าตัวเองต้องกลายเป็นตัวแทนของกลุ่มคุณลุงเหล่านี้ จู่ๆ เขาก็มีความคิดที่อยากจะออกจากกลุ่มมา
ตอนนี้ไปลงชื่อแข่งประลองยุทธ์รอบคัดเลือกยังทันไหมเนี่ย?
ทันใดนั้นเอง รถบัสสีดำคันหนึ่งก็ขับเข้ามาในลานจอดรถ
“นั่นรถของเมืองปริซึม” การ์เซียพูด “ไปกันเถอะ”
“อื้อ” โรแลนด์ตบไหล่ขวาของตัวเอง นี่เป็นสัญญาณเพื่อบอกให้เหล่าแม่มดตามมา ขอเพียงยังมีแมลงของฟาลดี้ติดอยู่บนตัวเขา พวกแม่มดก็ไม่มีทางพลาดเป้าหาย
หลังขึ้นไปบนรถบัส ทั้งสองคนก็เดินตรงไปนั่งที่แถวหลังสุด
“ตรงนี้แหละที่เหมาะกับฉันที่สุด” โรแลนด์นั่งเอนตัวไปบนเก้าอี้พร้อมอ้าขา “นั่งอยู่ตรงนี้เหมือนกับเป็นราชาเลย แถมยังเห็นความเคลื่อนไหวทุกอย่างในรถด้วย”
“อยากอยู่คนเดียวก็บอก” การ์เซียพูดขัด
“……” เธอนี่ชอบขัดตลอดเลย! “เหมือนฉันจะไม่ได้ขอให้เธอมานั่งด้วยนะ”
“รุ่นน้องออกมาทำภารกิจครั้งแรก รุ่นพี่ก็ต้องมาคอยดูแลสิ”
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเขม่นกันอยู่นั้น ภายในรถพลันมีเสียงดังโหวกเหวกขึ้นมา
“คุณเฟยอวี่หาน ข้างผมมีที่ว่าง”
“อวี่หาน มานั่งข้างฉันสิ!”
เมื่อหญิงสาวที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเดินขึ้นมาบนรถ ทุกคนต่างก็พากันส่งเสียงเชิญชวนออกมา
“ดูแล้วถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังเหมือนกันหมด แต่กลับได้รับความสนใจไม่เท่ากันนะเนี่ย…” โรแลนด์อุทานออกมา
“ใช่” ทั้งสองคนเห็นพ้องต้องกันในจุดนี้
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องแปลกใจก็คือเธอไม่ได้ตอบรับคำเชิญเชิญของใครเลย หากแต่เดินตรงมานั่งด้านหลังรถ
“ตรงนี้มีใครนั่งไหม?”
เฟยอวี่หานชี้ไปยังที่นั่งข้างโรแลนด์พร้อมถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
การ์เซียมองดูเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วก็หันมามองโรแลนด์ เหมือนกำลังพยายามทำความเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่
ส่วนโรแลนด์เองก็งุนงงเหมือนกัน เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ สายตาทุกคู่ภายในรถกำลังจับจ้องมาที่เขา โรแลนด์กระแอมขึ้นมาอย่างลนลานพร้อมกับพูดว่า “ไม่มี”
“ขอบคุณ” เฟยอวี่หานพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงไปข้างๆ เขา “สวัสดี ฉันเฟยอวี่หาน ยินดีที่ได้รู้จัก หรือพูดอีกอย่างก็คือ…เราเคยเจอกันแล้ว ภารกิจครั้งนี้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ”
“เอ่อ ผมคงไม่กล้าไปชี้แนะอะไรหรอกครับ ผมโรแลนด์ คนนี้คือ…คุณการ์เซีย”
หลังแนะนำตัวเสร็จแล้ว บรรยากาศก็นิ่งเงียบไปทันที
น่าจะเป็นเพราะรู้ว่าความสามารถในการได้ยินของผู้ฝึกยุทธ์นั้นมีความเฉียบคมอย่างมาก การ์เซียจึงไม่ได้พูดอะไรอีก หากแต่ก้มหน้าเล่นมือถือ ส่วนตัวเฟยอวี่หานนั้นนั่งตัวตรง ร่างกายมีรังสีเยือกเย็นที่ทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้แผ่ออกมา ดูแล้วไม่เข้ากับอายุของเธอเลย โรแลนด์ที่นั่งอยู่ตรงกลางระห่างทั้งสองคนนั้นรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เดิมทีเขามานั่งแถวสุดท้ายก็เพราะไม่ต้องการเป็นที่สนใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนทั้งรถจะไม่มีใครที่ไม่สังเกตเห็นเขาแล้ว
ความรู้สึกกระอักกระอ่วนจากการถูกจ้องมองค่อยๆ เบาบางลงหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกไป
ในขณะที่เขากำลังคิดจะขอแลกที่กับการ์เซีย เฟยอวี่หานพลันหันหน้ามาพูดว่าเบาๆ ว่า “…ฝ่าบาท?”
“ตุ๊บ”
มือถือของการ์เซียตกพื้นไปทันที
โรแลนด์เองก็ตกตะลึง เขาจ้องมองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากออกมาว่า “เธอ…”
“สวัสดียามบ่ายครับทุกท่าน ผมคือ Co2 เป็นผู้ประสานงานในเรื่องข้อมูลและการสนับสนุนในปฏิบัติการครั้งนี้ ทุกท่านเรียกผมว่า o2 ก็ได้” ยังไม่ทันที่โรแลนด์จะถามออกไป ผู้ชายสวมชุดสูทคนหนึ่งก็ถือไมโครโฟนพูดแทรกขึ้นมา “ในช่วงเวลาหลังจากนี้ ผมจะอธิบายแผนการและเป้าหมายของปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้ให้ฟังอย่างละเอียด หากมีข้อสงสัยอะไรก็เชิญถามมาได้เลยนะครับ”
นี่ทำให้โรแลนด์ต้องเงียบไปก่อน และทุ่มสมาธิไปที่ตัวผู้ประสานงาน
“จากข้อมูลที่ได้รับมา ในช่วงนี้พวกฟอลเลนอีวิลเหมือนจะมีความเคลื่อนไหวแปลกๆ มากขึ้น แล้วก็เริ่มมีแนวโน้มว่าจะเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่ม ในบันทึกที่ผ่านมา นี่หมายถึงการใกล้เข้ามาของการกัดกิน และทางสมาคมก็ได้ข่าวที่น่าเชื่อถือมาว่าพวกฟอลเลนอีวิลจะจัดงานรวมตัวกันที่โรงงานร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ทางชานเมืองทิศใต้ เป้าหมายยังไม่แน่ชัด แต่นั่นจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่”
“บางทีพวกมันอาจจะมาทำความรู้จักกันเฉยๆ ก็ได้”
คำพูดของลั่วฮว่าเรียกเสียงหัวเราะขึ้นมาได้
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะดี” ชายใส่สูทไม่ได้แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา “แต่เสียดายที่ฟอลเลนอีวิลนั้นเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของพวกเรา ดังนั้นสังหารพวกมันให้หมดจะดีกว่า โรงงานร้างแห่งนั้นมีถนนใต้ดินที่ตรงเข้าไปยังโรงงานอยู่เส้นหนึ่ง แต่ว่าหลังโรงงานปิดตัวไป ถนนนี้ก็ถูกปิดไป สมาคมได้เปิดทางลับนี่ขึ้นมาใหม่เมื่อสองวันก่อน ทำให้พวกเราสามารถเข้าไปถึงใจกลางของพวกศัตรูได้ เพื่อไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ปฏิบัติการนี้จึงถูกกำหนดเวลาเอาไว้ตอนสามทุ่มตรง อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ก็จะทำการแจกจ่ายให้ตอนลงจากรถ”
“นอกจากนี้กองทัพของรัฐบาลก็จะให้ความร่วมมือกับเราในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พวกฟอลเลนอีวิลหนีรอดออกไป แต่มีเพียงผู้ตื่นรู้พลังแห่งธรรมชาติเท่านั้นถึงจะสร้างความเสียหายให้กับสัตว์ประหลาดพวกนี้ได้ ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงต้องแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมหนึ่งรับผิดชอบในการจัดการกับฟอลเลนอีวิล ส่วนอีกทีมหนึ่งรับผิดชอบไล่ล่าพวกที่เล็fรอดออกมา รายชื่อของแต่ละทีมได้ถูกเอาไว้ที่ด้านล่างของเก้าอี้แต่ละท่านแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พวกเราก็จะปฏิบัติการตามแผนการนี้…”
…..
น่าสนใจจริงๆ เฟยอวี่หานพลิกดูรายชื่อด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่ภายในใจเธอกลับไม่ได้จดจ่ออยู่บนกระดาษ หากแต่คิดซ้ำไปซ้ำมาถึงสีหน้าของโรแลนด์ในตอนที่ได้ยินคำว่า ‘ฝ่าบาท’
คนปกติถ้าถูกเปิดโปง สิ่งแรกคนเหล่านั้นจะแสดงออกมาก็น่าจะเป็นความขายหน้าและความโกรธ ถึงแม้น้อยคนนักที่จะแสดงความโกรธออกมาต่อหน้าเธอ แต่ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ได้มีการเตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้า เธอก็เชื่อว่าตัวเธอไม่มีทางพลาดสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
แต่บนสีหน้าของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอมองเห็นกลับเป็นสีหน้าที่มีความสับสน
ทั้งแปลกใจ ทั้งระมัดระวัง ทั้งสงสัย แล้วก็มีความรู้สึกดีใจอยู่เล็กน้อย…มีอยู่ชั่วแวบหนึ่งที่เธอสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายอ้าปากขึ้นมาเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายคำพูดนั้นก็ไม่หลุดออกมา เมื่อวิเคราะห์จากรูปปากแล้ว มันน่าจะเป็นคำว่า ‘เอ’
ปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนั้นมันยากที่จะใช้หลักการทั่วๆ ไปมาอธิบายได้ ดูก็รู้ว่าโรแลนด์นั้นเพิ่งจะรู้จักเธอเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะปฏิเสธหรือตอบรับ เขาก็ไม่ควรจะที่พูดคำๆ นี้ออกมา
ยิ่งไปกว่านั้นเธอมองไม่เห็นความกระอักกระอ่วนใจอยู่ในสีหน้าของเขาเลย หรือว่าเขาจะเคยชินกับคำเรียกนี้มานานแล้ว?
เฟยอวี่หานอดถึงไปถึงคำพูดที่เธอได้ยินในงานเลี้ยงเมื่อครั้งที่แล้วขึ้นมาไม่ได้ ในตอนนั้นเธอมองว่าคำพูดนี้เป็นคำพูดที่เด็กสาวพวกนั้นพูดเล่นกัน แต่ในตอนนี้เธอกลับรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร
ราชา…ของสองโลกอย่างนั้นเหรอ?
ถ้าจะบอกว่าความสงสัยในตอนแรกนั้นเป็นเพราะแค่อยากจะพิสูจน์ความสามารถของเธอและเขา แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้นไปอีกก็คือตัวของโรแลนด์
การที่ตัดสินใจมาเข้าร่วมภารกิจกวาดล้างครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกจริงๆ ด้วย เธอคิดในใจ อาจารย์เคยบอกว่าประวัติศาสตร์ของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์นั้นยาวนานเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ ความลับที่สมาคมปิดบังเอาไว้อยู่มีมากมายกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า ความลับบางส่วนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับจุดกำเนิดของโลก เพียงแต่มีน้อยคนเท่านั้นที่จะล่วงรู้ความลับนี้
การที่ฉีกกฏมอบใบอนุญาตไล่ล่าให้กับสมาชิกหน้าใหม่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ด้วยหรือเปล่านะ?
เมื่อคิดถึงท่าทีเฝ้าระวังที่อีกฝ่ายแสดงออกมา เฟยอวี่หานจึงสะกดความคิดที่จะถามต่อไปเอาไว้ ก่อนที่จะได้รับคำตอบที่แน่ชัด เธอไม่อยากจะผิดใจกับโรแลนด์
ขอเพียงเปิดประเด็นไปแล้ว ต่อไปก็ต้องมีโอกาสได้พูดคุยกันซักวัน ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า
….
หลังจากนั้นสองชั่วโมง รถบัสก็มาถึงปลายทางของถนนใต้ดิน
ผู้ฝึกยุทธ์แบ่งออกเป็นสองทีมตามที่วางแผนเอาไว้ ก่อนจะเข้าไปยังพื้นที่โรงงานผ่านทางทางออกฉุกเฉินที่เตรียมเอาไว้ และเข้าไปยังจุดหมายที่ตัวเองรับผิดชอบตามจุดที่ระบุเอาไว้บนแผนที่
โรแลนด์กับเฟยอวี่หานนั้นเป็นสมาชิกของทีมบุกโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนการ์เซียนั้นถูกจัดให้ไปอยู่ในทีมเก็บกวาด หลังบอกให้โรแลนด์ระวังตัวเสร็จเรียบร้อย เธอก็หายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
“คนอื่นๆ ตามผมมา” คุณชายโหยวหลงที่ร่ำลือกันว่ามีฝีมือทัดเทียมกับ ‘ผู้คุม’ ถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าทีมเหมือนอย่างที่การ์เซียคิดเอาไว้ หลังจากใช้สายตาปลุกขวัญทุกคนแล้ว เขาก็เดินนำทุกคนเข้าไปในท่อระบายอากาศ
ปฏิบัติการครั้งนี้มีความรัดกุมมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ในตอนแรก ก่อนลงจากรถ ทุกคนต่างก็ได้รับแว่นไนท์วิชั่นสำหรับมองในเวลากลางคืนมาคนละชุด นาฬิกาข้อมือที่สามารถแสดงพิกัดได้ แล้วก็เสื้อกั๊กที่มีอุปกรณ์แยกแยะพวกเดียวกันกับพวกศัตรู แล้วก็หูฟังสำหรับติดต่อกันในทีม นี่ทำให้โรแลนด์รู้สึกอิจฉาอย่างมาก ถ้ากองทัพที่หนึ่งมีอุปกรณ์แบบนี้บาง สถานการณ์ในการสู้รบตอนกลางคืนก็คงจะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เขาแอบนับอยู่เงียบๆ ก่อนจะพบว่าในทีมบุกโจมตีมีสมาชิกทั้งหมด 15 คน นอกจากสามคนที่การ์เซียแนะนำแล้ว สมาชิกคนอื่นๆ ที่เหลือล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ยุคเก่า จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าเบื้องบนยังคงยอมรับในความสามารถของพวกเขา แต่ถ้าผลการปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ทำให้ฝ่ายยุคใหม่ได้เปรียบล่ะก็ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรก็คงพูดได้ยาก
แน่นอนว่าโรแลนด์นั้นไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งของฝ่ายยุคใหม่กับยุคเก่า แต่เขาก็แอบรู้สึกอยากรู้เหมือนกันว่าเวลาที่ต้องเจอกับฟอลเลนอีวิลที่ไม่ตายไม่ยอมเลิกราพวกนั้น เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากการประลองยุทธจะคว้าชัยชนะได้สบายๆ เหมือนอย่างการแข่งขันหรือเปล่า
เมื่ออยู่ภายใต้กล้องไนท์วิชั่น ภาพในตอนกลางคืนไม่เพียงแต่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกเขา แต่ในทางกลับกัน มันกลับกลายเป็นเกราะกำบังที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา ทุกคนเคลื่อนไหวอย่างไร้ซุ่มเสียงเข้าไปยังพื้นที่ชุมนุมของฟอลเลนอีวิลเหมือนวิญญาณ
……………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น