Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1175-1176

 ตอนที่ 1175 จดหมายของอุรูค

โดย

Ink Stone_Fantasy

ณ โถงหลักของเมืองชายแดนที่สาม


ในขณะที่โรแลนด์พาเหล่าเจ้าหน้าที่และแม่มดเดินออกมาจากอุโมงค์ใต้ดินแคบๆ เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องแปลกๆ ดังขึ้นมา


“นี่มัน…” เวนดี้พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ


“เสียงร้องของคาบราดาบี” ฟิลลิสที่เป็นคนนำทางตอบออกมา “หลังจากที่รู้ว่าอุรูคแพ้สงคราม มันก็เสียสติไปทันที ไม่เพียงแต่จะสูญเสียท่าทีนิ่งเงียบก่อนหน้านี้ไป แต่มันยังพยายามที่จะฆ่าตัวตายหลายครั้งด้วย พวกเราพยายามอยู่นานกว่าจะทำให้มันอยู่นิ่งได้”


“ข้าพลันรู้สึกว่าการปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลวเหมือนกัน” ทิลลีพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย


“สถานการณ์ตอนนี้มันจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่” ฟิลลิสพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “การค้นพบจดหมายลับครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีมากที่พวกเราจะได้เข้าใจศัตรูมากขึ้น แล้วก็เรียนรู้ตัวอักษรและภาษาของพวกมันได้ ซึ่งนี่เป็นโอกาสที่สมาพันธ์เฝ้าใฝ่ฝันมาโดยตลอด”


“คิดไม่ถึงว่าคาบราดาบีจะให้ความร่วมมือกับพวกเจ้าด้วย” ไนติงเกลอุทานออกมา


“เปล่า มันไม่ได้ให้ความร่วมมือ เรื่องนี่มันค่อนข้างซับซ้อน…เดี๋ยวพวกเจ้าได้เห็นก็จะเข้าใจเอง”


ทุกคนเดินมาถึงแท่นสอบสวน ก่อนจะเห็นร่างทหารอาญาสิทธิ์ที่ถูกปีศาจระดับสูงยึดครองร่างเอาไว้อยู่ถูกมัดเอาไว้กับเสาเหล็กที่ตั้งขึ้นมา ตรงท้องมีท่อเสียบเอาไว้อยู่ หนังตาของมันถูกบังคับให้ลืมขึ้น ตรงหน้ามีกระดาษที่เขียนตัวอักษรแปลกๆ วางตั้งอยู่


“นี่คือ…จดหมายลับที่แอคเซียทำให้ปรากฏขึ้นมาใหม่เหรอ?” เวนดี้ถาม


“ใช่ ตำแหน่งที่พบนั้นอยู่กลางอากาศ ถ้าไม่เป็นเพราะเมซี่ตาไว ทุกคนก็คงจะพลาดภาพที่สำคัญที่ไปแล้ว” คนที่ตอบคืออกาธา สีหน้าของเธอดูค่อนข้างขาวซีด ขอบตาคล้ำนิดหน่อย ดูเหมือนเธอจะอดหลับอดนอนเพื่อที่จะอ่านจดหมายอันนี้


หลังรู้ว่าสงครามจบลงแล้ว โรแลนด์ก็รีบส่งทีมนักสำรวจของเนเวอร์วินเทอร์ไปยังแนวหน้าเพื่อช่วยกองทัพเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารสำคัญที่ปกติยากจะหาเก็บรวบรวมมาได้ทันที เมื่อเทียบกับคำพูดที่มันพูดต่อหน้ามนุษย์แล้ว เงื่อนงำที่พวกมันเผลอทิ้งเอาไว้โดยไม่รู้ตัวแบบนี้ดูมีความน่าเชื่อถือมากกว่า


เนื่องจากพลังเวทมนตร์ของแอคเซียมีอยู่จำกัด การย้อนเวลาหลังๆ จึงเน้นไปที่การต่อสู้ระหว่างศัตรูและหน่วยซุ่มโจมตี แล้วก็ผู้พิฆาตเวทมนตร์ทำอย่างไรจึงสามารถวางกำลังซุ่มโจมตีโดยหลอกการตรวจสอบของซิลเวียไปได้


แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก


เขาคิดไม่ถึงเลยว่าในคืนที่สองก่อนศึกตัดสิน อุรูคจะไปยืนอยู่บนปีศาจโครงกระดูกยักษ์ แล้วก็เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน


แต่ภาพเหตุการณ์นี้ก็ได้ถูกการย้อนเวลาของแอคเซียจับภาพเอาไว้ได้


“อ๊ากกกกกก…..!” คาบราดาบีส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีก มันพยายามที่จะบิดร่างกาย เหมือนอยากจะหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง


อกาธาหันไปพยักหน้าให้บรีส อีกฝ่ายกระทืบเท้า ปีศาจระดับสูงหุบปากลงทันที


“อย่างนี้นี่เอง พวกเจ้าใช้บรีสในการควบคุมความเคลื่อนไหวของมัน บีบบังคับให้มันอ่านจดหมายลับเหรอ?” ไนติงเกลถามขึ้นมา


‘จากนั้นก็ใช้การเชื่อมต่อทางวิญญาณของเลดี้อกาธาในการแสดงความรู้สึกแวบแรกของมันตอนที่เห็นตัวหนังสือออกมา’ เซลีนพูดเสริม ‘ถึงแม้เจ้านี่จะพยายามทำให้จิตสำนึกของตัวเองสับสน แต่ขอเพียงเปลี่ยนเนื้อหาในจดหมาย แล้วก็เอามาเทียบดูหลายๆ ครั้ง เราก็จะรู้ได้ว่าอันไหนคือข้อความจริง อันไหนคือข้อความที่แต่งขึ้นมา บอกตามตรง ที่ข้าคิดถึงวิธีนี้ได้ก็เป็นเพราะฝ่าบาท’


“ข้า?” โรแลนด์งุนงง


‘พระองค์ทรงเขียนเอาไว้ในหนังสือชีววิทยาระดับกลางว่าขอเพียงให้หมามองเห็นชิ้นเนื้อ ไม่ว่ามันจะกินชิ้นเนื้อนั้นลงไปในท้องหรือไม่ ในกระเพาะของมันก็จะมีน้ำย่อยออกมา และการตอบสนองที่มีเงื่อนไขเช่นนี้ก็คือคุณลักษณะที่มีอยู่ทั่วไปในสิ่งมีชีวิต ตอนนี้ดูเหมือนปีศาจเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน’


‘และก็ด้วยวิธีนี้ พวกเราถึงได้รวบรวมเอาเนื้อหาที่อยู่ในหัวสมองของปีศาจระดับสูงที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือออกมาได้ แล้วก็ทำความเข้าใจตัวอักษรของพวกมัน ถ้าไม่มีเลดี้คามิล่าคอยช่วยเหลือ เกรงว่าขั้นตอนนี้คงจะต้องใช้เวลาอีกนาน’ พูดจบเธอก็หันไปโบกหนวดหลักให้คามิล่าเพื่อแสดงความขอบคุณ


“ข้าก็แค่…อยากจะช่วยท่านทิลลีเท่านั้น” อีกฝ่ายกัดริมฝีปาก


นี่แหละคือแม่มด ความสามารถหลากหลายแต่กลับเต็มไปด้วยข้อจำกัด…โรแลนด์คิดในใจ จุดเด่นที่ซ้ำกันทำให้ไม่มีใครที่จะเลียนแบบพวกเธอได้ ถ้าขาดความสามารถที่สำคัญยางความสามารถไป บางทีพวกเธออาจจะอยู่ไม่รอดมาเป็นเวลาหลายร้อยปีก็ได้ บางทีในสงครามแห่งโชคชะตาสองครั้งที่ผ่านมาอาจจะมีแม่มดที่ีมีความสามารถเหมือนอย่างคามิล่าอยู่ แต่พวกเธออาจจะเกิดไม่ถูกเวลา ตอนที่ตื่นรู้ขึ้นมาสถานการณ์ก็ตกอยู่ในความวุ่นวายแล้ว มนุษย์จึงไม่สามารถจับปีศาจระดับสูงแบบมีชีวิตมาได้อีก


อุรูคก็น่าจะคิดเช่นนี้เหมือนกัน มันถึงได้ให้ความสำคัญกับการสังหารแม่มดขนาดนี้ แต่ในสายตาของปีศาจ…แอชเชส ซิลเวียกับคนอื่นๆ นั้นมีค่ามากพอที่จะเทียบกับทาคิลาได้เหรอ? เสาโอเบลิสต้องใช้สายแร่หินอาญาสิทธิ์ในการตั้งมันขึ้นมา ทันทีที่ัมันตั้งขึ้นมาบนทาคิลา หมอกแดงที่ถูกผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องก็จะปกคลุมมาถึงปากทางเข้าเทือกเขาสิ้นวิถี เมื่อถึงตอนนั้นอสูรสยองก็จะข้ามเขามาได้ง่ายๆ แล้วก็บุกเข้ามาในสี่อาณาจักรใหญ่ ถ้ามนุษย์อยากจะขับไล่ปีศาจออกไปจากที่ราบลุ่มก็คงจะยากแล้ว


และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทีมที่ปรึกษากับแม่มดทาคิลาต่างเห็นพ้องต้องกัน


ทำไมอีกฝ่ายถึงได้วิเคราะห์ผิดไปขนาดนี้ สาเหตุบางทีอาจจะอยู่ในจดหมายนี้


“อย่างนั้นพวกเจ้าลองเล่าสิ่งที่แกะออกมาจากในจดหมายให้ข้าฟังหน่อย” โรแลนด์ค่อยๆ พูด


….


เนื่องจากประโยคเหล่านี้เป็นประโยคที่รวมขึ้นมาจากการแกะเอาความหมายของคำแต่ละคำมารวมกัน ทำให้เนื้อหาในจดหมายไม่สมบูรณ์ เวลาอ่านบางทีจะขาดๆ หายๆ แต่นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจความหมายของมัน เมื่อเซลีนเอาข้อความเหล่านั้นส่งเข้ามาในหัวของเขา โรแลนด์พลันรู้สึกเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังมากระซิบอยู่ข้างๆ หูตน


‘ท่านสกายลอร์ด ศึกตัดสินใกล้จะเริ่มแล้ว…ข้าได้เตรียมพร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเตรียมพร้อมสำหรับศัตรู หรือว่าเตรียมพร้อมสำหรับตัวเอง’


‘ในช่วงหนึ่งเดือนนี้ ข้าได้ยินเสียงเรียก…อยู่บ่อยครั้ง สัญญาณที่ชัดเจนขนาดนี้ บางทีข้าอาจจะยกระดับในศึกครั้งนี้ก็เป็นได้…’


‘ข้ารู้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ท่านไม่พอใจ แต่ว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบถึงแผนการทางตะวันตกของท่านแน่นอน’


‘ถ้าหากสำเร็จล่ะก็ ศัตรูจะสูญเสียกำลังสำคัญของพวกมันไป แล้วพวกเราก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในสนามรบอีกครั้ง’


‘…เพิ่มกำลังทหารสิบเท่า มนุษย์จะต้องพ่ายแพ้แน่นอน….’


‘แต่ศึกครั้งนี้มันก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยง ถ้าหากข้าพ่ายแพ้ล่ะก็….’


‘ขอให้ท่านมองว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมกับเผ่าพันธุ์เรา และทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อบดขยี้พวกมัน ต่อให้ต้องทิ้งหุบเหวฟาทอมเลสก็ตาม’


‘…ขอเพียงได้ชิ้นส่วนสืบทอดของพวกมันมา พวกเราก็จะมีความหวังในการเอาชนะอาณาจักรซีสกาย’


‘สุดท้ายฝากความเคารพไปถึงท่านจักรพรรดิและท่านไนท์แมร์ด้วยขอรับ’


หลังจดหมายของอุรูคแสดงขึ้นมาจนจบ โรแลนด์ก็รู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นๆ บนแผ่นหลังของเขา


ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมฟิลลิสถึงได้รีบขนาดนั้น


เมื่อดูจากผลในตอนนี้ อีกฝ่ายนั้นพ่ายแพ้ไปแล้วอย่างแน่นอน มันไม่เพียงแต่จะไม่สามารถกำจัดหน่วยซุ่มยิงได้ แต่มันยังต้องมาตายด้วยน้ำมือแอชเชสด้วย


แต่นี่ก็หมายความว่าสถานการณ์ถูกนำไปสู่สมมติฐานอย่างที่สอง


ถึงแม้จะยังมีจุดที่ยังไม่เข้าใจอยู่ แต่ก็ยังเข้าใจถึงความหมายของทั้งประโยคได้ มันเหมือนจะบอกให้เผ่าพันธุ์ของมันทิ้งการสู้กับอาณาจักรซีสกาย แล้วมันมาทุ่มกำลังสู้กับมนุษย์อย่างเต็มที่?


บ้าเอ้ย…นี่มันอะไรกันเนี่ย!


โรแลนด์รู้สึกได้ถึงความกดดันที่หนักอึ้งเหมือนภูเขา เกรงว่านี่อาจจะเป็นข่าวร้ายที่สุดนับแต่ที่ทำสงครามมาแล้ว


“เกรงว่าแผนการพัฒนาที่ราบลุ่มบริบูรณ์คงต้องล้มเลิกไปก่อนซะแล้ว” เวนดี้พูดงึมงำขึ้นมา


“ถ้าศัตรูทุ่มกำลังทั้งหมดมาจริงๆ การจะเอาเขตที่อยู่อาศัยไปอยู่ด้านนอกแนวป้องกันสิ้นวิธีนั้นค่อนข้างเสี่ยงเกินไป”


“แต่ว่าพวกมันจะแก้ไขเรื่องหมอกแดงยังไง?”


“ถ้าปีศาจเอาเสาโอเบลิสไปตั้งไว้ที่เมืองสตาร์ฟอลก็จะพอลดแรงกดดันของแนวหน้าไปได้”


“แต่แบบนั้นหมอกแดงก็จะไม่สามารถปกคลุมไปทั่วทั้งที่ราบลุ่มได้ ดังนั้นพวกเราก็ยังยื้อไปถึงสงครามแห่งโชคชะตาครั้งหน้าได้ นี่มันก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากแผนการก่อนหน้านี้ใช่ไหมล่ะ”


“สิ่งที่ต่างกันก็คือสิ่งที่เราต้องเจอหลังจากนี้ก็คือกองทัพปีศาจแบบเต็มรูปแบบน่ะสิ”


“ไม่…” ในขณะที่ทุกคนกำลังถกถึงแผนรับมือด้วยสีหน้าคร่ำเครียด จู่ๆ เอดิธส์พลันพูดขึ้นมา “เนื้อหาในจดหมาย…มันแปลกๆ”


……………………………………………………………….


ตอนที่ 1176 ‘ช่องโหว่’

โดย

Ink Stone_Fantasy

โรแลนด์มองดูไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนืออย่างแปลกใจ


หลังจากที่หน่วยซุ่มโจมตีถูกอุรูควางแผนซุ่มโจมตีกลับแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงในสำนักบริหารต่างก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาว่าทางทีมที่ปรึกษาควรจะรับผิดชอบในการอ่านสถานการณ์ที่ผิดพลาดนี้ โดยเฉพาะเอดิธส์ เคนท์ที่เป็นหัวหน้าทีม  นอกจากสำนักบริหารแล้ว ในมนตร์แห่งสลีปปิ้งเองก็มีเสียงไม่พอใจและแสดงความสงสัยออกมา ถ้าไม่เป็นเพราะทิลลี เกรงว่าผลกระทบคงจะรุนแรงกว่านี้แน่


แม้แต่ตัวเอดิธส์เองก็ยังมาขอให้เขาลงโทษเธอในตอนที่เธอกลับมาจากแนวหน้าในสนามรบเพื่อรายงานสถานการณ์ แต่เขาไม่เพียงแต่จะไม่เห็นด้วย หากแต่ยังพยายามทำให้เรื่องนี้เงียบลงไปด้วย


เพราะว่านี่ไม่ใช่ความผิดของใคร


เรื่องแพ้ชนะนั้นเป็นเรื่องปกติทางการทหาร ปฏิบัติการคบเพลิงนั้นเรียกได้ว่าพวกเขาคว้าชัยชนะมาได้อย่างท่วมท้น เสียทหารไปเพียง 500 คน แต่สามารถสังหารปีศาจไปได้เกือบ 20,000 ตัว แถมยังทำภารกิจได้สำเร็จอย่างราบรื่นอีกด้วย การที่สามารถชิงเอาเมืองศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากมือปีศาจได้ ถ้านี่ไม่เรียกว่าชัยชนะ แล้วยังจะมีอะไรที่เรียกว่าชัยชนะได้อีก?


ซึ่งนี่ก็คือความดีความชอบของทีมที่ปรึกษา


ความจริงโรแลนด์ยังได้คุยกับคนอื่นๆ อย่างทิลลี อกาธา อาลิเธียเป็นการส่วนตัวถึงปัญหานี้ด้วย พวกนางคิดว่าการที่แผนไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้นั้นเป็นเพราะมีปัจจัยบางอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้อยู่ หากเป็นยุคสมัยทาคิลา ปีศาจไม่มีทางที่จะทิ้งโอกาสในการกลืนกินทั้งทวีปเพื่อที่จะไล่ฆ่าแม่มดแค่ไม่กี่คนแน่ ต่อให้เป็นสามผู้นำก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน


แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เอดิธส์ก็ยังถูกคนอื่นๆ นินทาอยู่ บวกกับการที่เธอแพ้ให้กับอุรูคในศึกครั้งนี้ เดิมโรแลนด์คิดว่าเธอจะนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นที่นินทาของคนอื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะไม่มีท่าทีที่จะถอยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นพอเอ่ยปากก็แสดงความคิดที่ไม่เหมือนกับคนอื่นออกมา


“….ปัญหาอะไร?”


“อย่างแรกคือสองประโยคสุดท้าย” เอดิธส์ก้มหน้าเดินไปสองก้าว “ถ้าสำเร็จให้เพิ่มกำลังสิบเท่า ถ้าไม่สำเร็จให้บุกเต็มที่ นี่มันแปลกมากเลยไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อเป้าหมายสุดท้ายของปีศาจคือบดขยี้มนุษย์ อย่างนั้นความสำคัญของทาคิลาก็ควรจะเป็นเหมือนที่พวกเราคิดเอาไว้ ต่อให้อาณาจักรซีสกายสร้างความกดดันให้พวกมันมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่น่าจะทิ้งทาคิลาไปง่ายๆ แบบนี้ เพราะในจดหมายฉบับนี้ ศัตรูยังแนะนำเอาไว้เลยว่าให้บดขยี้พวกเราด้วยกำลังทั้งหมดที่มี”


เวนดี้ตกตะลึง “ใช่…แล้วทำไมพวกมันถึงไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรก?”


“เพราะหมอกแดงไม่พอเหรอ?” ไนติงเกลเอามือขึ้นมาลูบคาง


“จะบุกเข้ามาเต็มกำลังนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเพิ่มกำลังเป็นสิบเท่าล่ะก็ ขอเพียงเพิ่มจำนวนหน่วยขนส่งหมอกแดงมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีเครื่องจักรสงครามแบบใหม่อย่างปีศาจโครงกระดูกอีก” อกาธาขมวดคิ้วขึ้นมา “จากสถานีหมายเลขหนึ่งไปถึงสถานีหมายเลขสิบ พวกเราใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งปี เวลานี้เพียงพอที่จะให้ปีศาจได้ตัดสินใจแล้ว”


“การวิเคราะห์ของทีมที่ปรึกษาในตอนแรกนั้นมาจากที่คาบราดาบีบอกว่าปีศาจติดพันการรบอยู่กับอาณาจักรซีสกาย และผลการรบก็เกี่ยวกับความเป็นความตายของพวกมันด้วย” เอดิธส์มองไปทางปีศาจระดับสูงที่กำลังมองดูพวกเธอด้วยสายตาโกรธแค้น “แต่เมื่อดูจากจดหมายฉบับนี้ ดูเหมือนต่อให้พวกมันแพ้ให้กับอาณาจักรซีสกาย แต่มันก็ไม่ถึงกับทำให้พวกมันสูญพันธุ์ เผลอๆ พวกมันอาจจะมีโอกาสในการพลิกกลับมาเอาชนะด้วย อย่างนั้นทำไมปีศาจถึงไม่มาช่วยทาคิลาตั้งแต่แรก? นี่มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย เมื่อดูจากเจตนาและพฤติกรรมของพวกมันแล้ว ทั้งสองอย่างมันขัดแย้งกันเอง”


ทุกคนตกอยู่ในความเงียบทันที


“ยังมีอีกประโยคหนึ่งที่บอกว่า ‘ข้ารู้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ท่านไม่พอใจ แต่ว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบถึงแผนการทางตะวันตกของท่านแน่นอน’” เธอนิ่งเงียบไปครู่ก่อนจะพูดต่อว่า “ฟังแล้วเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคิดดูดีๆ จะรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ…ยอมทิ้งทาคิลาเพื่อมาซุ่มโจมตีแม่มด แบบนี้มันจะไม่กระทบต่อแผนการได้ยังไง?”


“บางทีอุรูคอาจจะปั่นหัวหัวหน้าของมันหรือเปล่า?” โรแลนด์พูดพร้อมครุ่นคิด “พวกขุนนางชอบทำแบบนี้บ่อยๆ”


“ฝ่าบาท ได้โปรดมองมันเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากที่สุดด้วยเพคะ!” เอดิธส์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หากพระองค์ทรงจินตนาการไม่ออก ก็ให้มองว่ามันเป็นหม่อมฉันในร่างของปีศาจแล้วกันเพคะ พระองค์ทรงคิดว่าหม่อมฉันจะทำเรื่องแบบนี้หรือเพคะ?”


เมื่อเห็นเธอกำหมัดทั้งสองข้าง ภายในใจโรแลนด์ก็เข้าใจได้ทันที ที่แท้เธอไม่ได้ใจเย็นเหมือนอย่างที่แสดงออกมาให้เห็น แล้วก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดนินทาลับหลัง หากแต่เธอพยายามอดกลั้นมันเอาไว้


เธอไม่อยากจะแพ้ให้กับราชาปีศาจ


“เอาล่ะ ในเมื่อไม่ใช่การปั่นหัว อย่างนั้นก็แสดงว่าในแผนการของพวกมัน ทาคิลาจะมีหรือไม่มีก็ได้…แบบนี้ สิ่งที่ข้าพอจะคิดได้ก็คือปีศาจเจอวิธีที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหมอกแดงแล้ว ต่อให้ไม่มีเสาโอเบลิส พวกมันก็ยังบุกสี่อาณาจักรใหญ่ได้”


“ในจุดนี้เราเคยคุยกันตั้งแต่ช่วงแรกของปฏิบัติการณ์คบเพลิงแล้วเพคะ” อกาธาถอนใจออกมา “หม่อมฉันยังคงคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันทำไมต้องส่งทหารมาที่ทาคิลา? ถ้าหมอกแดงไม่จำเป็นสำหรับพวกมันจริงๆ พวกมันก็น่าจะอยู่กระจัดกระจายไปทั่วทุกที่นานแล้วเพคะ”


“เอ่อ…ทำไมพวกเจ้าถึงคุยเรื่องผลกระทบกันล่ะ?”


ในขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ไนติงเกลก็ถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ “ ‘แนวตะวันตก’ ที่ว่านั่นมันไม่แปลกกว่าเหรอ? ถ้าปีศาจกับเราหันหน้าเข้าหากัน ทางตะวันตกของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็น่าจะเป็นด้านตะวันออกของพวกมันใช่ไหมล่ะ?”


‘ตำแหน่งมักจะอยู่ตรงข้ามกันตลอด ยิ่งไปกว่านั้นโลกก็ไม่ใช่พื้นแบนๆ ด้วย’ เซลีนอธิบายอย่างอดทน ‘ปีศาจมาจากที่ทวีปหนึ่ง ถ้าอุรูคมองมันเป็นศูนย์กลาง อย่างนั้นอย่าว่าแต่ทาคิลาเลย แม้แต่สี่อาณาจักรใหญ่ของพวกเรา ไปจนถึงพื้นที่ครึ่งหนึ่งของดินแดนรุ่งอรุณก็ล้วนแต่ถือเป็นแนวตะวันตกทั้งสิ้น’


“อย่างนี้นี่เอง…ก็แสดงว่าตะวันตกของพวกมันไม่เหมือนตะวันตกของพวกเราใช่ไหม?”


“เดี๋ยวๆ เจ้าว่าอะไรนะ?” จู่ๆ เอดิธส์ก็เงยหน้าขึ้นมา


“ตะวันตกของมัน…ไม่เหมือนตะวันตกของเรา?” ไนติงเกลพูดอย่างไม่มั่นใจ


ดวงตาของไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือเป็นประกายขึ้นมาทันที เธอรีบเดินไปยังโต๊ะยาวที่มีแผนที่วางกองอยู่เต็มไปหมด ก่อนจะเอาแผนที่ที่ม้วนๆ กางออกมาทีละแผ่นๆ หลังกวาดตามองดูเสร็จก็โยนมันไปอีกด้านหนึ่ง จนสุดท้ายสายตาเธอก็มาหยุดอยู่ที่แผนที่ที่วาดอย่างหยาบๆ แผ่นหนึ่ง


โรแลนด์มองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองออกว่านั้นเป็นแผนที่ของอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ทั้งอาณาจักรจากลายมือที่เขียนอยู่บนนั้น


เธอชี้ไปยังพื้นที่ว่างๆ ทางด้านเหนือของสันเขาสโนว์ซึ่งเป็นพื้นที่เหนือสุดของอีเทอร์นอลวินเทอร์ ก่อนจะหันหน้ามาถามเซลีนว่า “บนนั้นมีอะไร?”


“ภูเขา เทือกเขาที่ยาวเหยียดเหมือนกับหลังของเม่น ตั้งแต่ทางใต้ไปถึงทางเหนือ แทบจะห้อมล้อมด้านหนึ่งของดินแดนรุ่งอรุณเอาไว้ พวกเราเรียกมันว่าสันหลังของทวีป’


“สมาพันธ์เคยสำรวจพื้นที่ตรงนี้ไหม?”


“เคยแน่นอน สมาพันธ์เคยทำแผนที่ทั้งหมดของดินแดนรุ่นอรุณออกมา นั่นย่อมรวมไปถึงสันหลังของทวีปด้วย’


“แค่เคยวาดแผนที่ออกมาเหรอ?” เอดิธส์ถามอย่างเร่งรีบ “ไม่เคยทำบันทึกที่ละเอียดกว่านั้นเหรอ?”


“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?” อกาธาถามอย่างสงสัย “แค่ทำแผนที่ออกมามันก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมากแล้ว ภูเขาตรงนั้นไม่เพียงแต่จะเยอะ แต่ยังกว้างใหญ่ด้วย เทือกเขาสิ้นวิถีเป็นแต่ปลายหางของมันเท่านั้น และส่วนที่กว้างที่สุดของมันก็กว้างพอที่จะใส่เกรย์คาสเซิลเข้าไปได้ทั้งอาณาจักรเลย ตัวเทือกเขานั้นมีความชันมาก พื้นที่ส่วนใหญ่แทบจะถูกหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ต่อให้จดบันทึกยอดเขาทุกยอดมา แล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไร?”


“ข้าคิดว่าพวกเราอาจจะมองข้ามที่ๆ หนึ่งไป บางทีแผนการทางตะวันตกของสกายลอร์ดอาจจะไม่ใช่ทาคิลา หากแต่หมายถึงการโจมตีมนุษย์อย่างเต็มรูปแบบ ซากเมืองทาคิลานั้นเป็นแค่เพียงตัวเลือกหนึ่งเท่านั้น!” นิ้วมือของเอดิธส์ลากไปบนเทือกเขาสิ้นวิถี “เป้าหมายสุดท้ายของปีศาจคือทำให้หมอกแดงข้ามแนวป้องกันธรรมชาตินี้เข้ามา ถ้ามันเข้าใกล้สี่อาณาจักรได้มากพอ อย่างนั้นจะตั้งเมืองได้หรือไม่นั้นก็ไม่สำคัญ ขอเพียงมีโอกาสตั้งเสาโอเบลิสได้ก็พอ!”


“เจ้าหมายความว่า…” อกาธาหน้าเปลี่ยนสีทันที


“พื้นที่ที่ถูกเรียกว่าสันหลังของทวีปนี้น่าจะมีสายแร่หินอาญาสิทธิ์ที่ยังไม่ถูกค้นพบอยู่หรือเปล่า?” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือถามด้วยเสียงคร่ำเคร่ง


…………………………………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)