Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1173-1174

 ตอนที่ 1173 ข้าต้องการทั้งหมด

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ข้าจะพูดเพียงแค่กรอบกับความต้องการคร่าวๆ ส่วนเรื่องรายละเอียดจะจัดการอย่างไรนั้น นั่นมันก็แล้วแต่พวกเจ้าจะไปจัดการเอง คนที่จะเป็นคนรับผิดชอบหลักคือ บารอฟ”


“พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสำนักบริการรีบเอามือขึ้นมาทาบอก


โรแลนด์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังผ่านการฝึกฝนมาหลายปี ตอนนี้ไม่ว่าคำสั่งของเขาจะฟังดูไร้เหตุผลแค่ไหน แต่ขอเพียงเขาตัดสินใจแล้ว บารอฟก็จะรับปากและรีบไปปฏิบัติตามทันที


ส่วนโครงสร้างที่เชื่อมโยงระหว่างกันของสำนักบริหารก็ทำให้เขามีทรัพยากรที่จะทำตามคำสั่งได้


“อย่างนั้นฟังให้ดี” โรแลนด์ส่งสัญญาณให้ไนติงเกลเอาแผ่นผ้าสีขาวที่เตรียมเอาไว้ติดขึ้นไปบนกระดานดำ “อันดับแรกคือการย้ายถิ่นฐานอย่างเท่าเทียมภายในอาณาจักรเกรย์คาสเซิล….”


“โอ้…” เมื่อเห็นเนื้อหาที่อยู่บนผ้า ทุกคนพลันตาเป็นประกายขึ้นมา


บนผ้าสีขาวนั้นมีการใช้รูปภาพและตัวหนังสือมาอธิบายจุดสำคัญๆ ของนโยบายดี มันทั้งกระชับและมีความชัดเจน เรียกได้ว่าแค่มองดูก็เข้าใจ นี่คือการแสดงพาวเวอร์พอยท์ฉบับทำมือรุ่นแรก และคนที่ให้การสนับสนุนเรื่องการจัดทำมันขึ้นมาก็คือโซโรย่า ในฐานะที่เคยคลุกคลีอยู่ในโรงเรียนสอนออกแบบ การทำพาวเวอร์พอยท์นั้นกลายเป็นความสามารถพื้นฐานของเขาแล้ว เมื่อเทียบกับการพูดปากเปล่าที่จะทำให้ข้อมูลสำคัญๆ ตกหล่นไป อีกทั้งยังดูน่าเบื่อ การใช้วิธีนี้มาอธิบายจึงดูมีแรงดึงดูดอย่างเห็นได้ชัด


การกระจายตัวของประชากรของเกรย์คาสเซิลนั้นมีเอกลักษณ์พิเศษของยุคสมัยอย่างชัดเจน หลังขุนนางใหญ่ๆ กลายเป็นผู้ปกครอง พวกเขาก็จะค่อยๆ สร้างกำแพงเมืองขึ้นมา แล้วก็จะมอบที่ดินรอบๆ ให้กับขุนนางที่อยู่ในระดับล่างถัดลงไป แล้วก็จะเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ เมื่อประชากรและความมั่งคั่งภายในเมืองเพิ่มมากขึ้น การบริโภคของเมืองใหญ่ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย จนทำให้ภายในเมืองไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ จึงทำให้ภาระหน้าที่นี้ไปตกอยู่กับหมู่บ้านที่อยู่รอบๆ สุดท้ายก็กลายสภาพเป็นคนส่วนใหญ่ต้องมาเลี้ยงคนส่วนน้อย


สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้แค่จำกัดขนาดของเมืองเอาไว้ แต่มันยังทำให้การขยับทางชนชั้นเกิดการหยุดนิ่งด้วย ที่พวกเมืองใหญ่ๆ ดูแล้วมีประชากรค่อนข้างเยอะและมีความคึกคักมากกว่า นั่นก็เป็นเพราะว่ามันถูกเอาไปเปรียบกับเมืองเล็กๆ เมืองเดียวเท่านั้น ความจริงแล้วประชากรของเมืองและหมู่บ้านที่อยู่รอบๆ รวมกันแล้วมีมากกว่าเมืองใหญ่ที่พวกเขาต้องเลี้ยงดูเสียอีก


แต่โรแลนด์เองก็รู้ดีว่าความล้าหลังแบบนี้นั้นไม่ได้เกิดจากใครถูกใครผิด หากแต่เกิดจากขีดความสามารถในการผลิตที่ต่ำเกินไป จนทำให้แรงงานส่วนใหญ่ต้องถูกพันธนาการอยู่บนที่ดิน ชั่วชีวิตนี้ได้แต่เก็บผลผลิตเล็กๆ น้อยๆ ที่ตัวเองผลิตมาได้ ผลผลิตที่เหลือส่วนใหญ่ต้องส่งไปให้พวกขุนนางใช้ปรนเปรอตัวเอง


ในตอนที่เกณฑ์ผู้อพยพเมื่อหลายปีก่อน สำนักบริหารนั้นเคยจับตาดูเรื่องการเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรในพื้นที่และเคยทำการประเมิณแบบคร่าวๆ เอาไว้ สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าประชากรของเกรย์คาสเซิลน่าจะอยู่ระหว่าง 2 – 4 ล้านคน ในระหว่างนั้นได้เกิดสงครามระหว่างเจ้าชายลำดับที่สองและองค์หญิงลำดับที่สาม และโรคระบาดที่ศาสนจักรเอามาแพร่ทำให้ประชากรล้มตายไป 5 – 6 แสนคน แล้วก็ทำให้เมืองอีเกิลทางทิศใต้และเมืองวาเลนเซียทางทิศตะวันออกพังพินาศ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังมีประชากรอีกจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ในเกรย์คาสเซิล ประชากรที่หลั่งไหลเข้ามาในดินแดนตะวันตกนั้นเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น


และในตอนนี้เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้สถานการณ์แบบนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ


อีกประมาณเดือนหนึ่งผลผลิตของเมล็ดพันธุ์ทองคำหมายเลขสองที่แจกจ่ายไปก็จะออกมาแล้ว พูดอีกอย่างก็คืออีกไม่นานพวกเขาก็จะมีผลผลิตจำนวนมหาศาล ฝ่ายคุณภาพสูงเองก็ทำการปลูกที่ท่าเรือเคลียร์วอเทอร์อย่างเต็มที่ อีกไม่นานก็จะส่งผ้าไปยังที่ต่างๆ ในอาณาจักรได้ เมืองใหญ่ๆ ไม่จำเป็นต้องให้ประชากรที่มากกว่าตัวเองสิบเท่ามาคอยส่งสินค้าอุปโภคบริโภคให้ตัวเองอีก ตอนนี้ผลผลิตของคนหนึ่งคนนั้นเทียบกับได้กับแรงงานสิบคนหรืออาจจะยี่สิบคนในอดีต


นอกจากนี้เกรย์คาสเซิลยังรวบอำนาจการปกครองของแต่ละที่เข้าสู่ศูนย์กลางได้สำเร็จ ที่ดินศักดินานั้นไม่ได้เป็นของผู้ปกครองดินแดนอีก หากแต่เป็นของสำนักบริหารระดับท้องถิ่นที่ขึ้นตรงกับเขา


ตอนนี้เรียกได้ว่าเครื่องไม้เครื่องนี้ที่เอาไว้สำหรับบังคับใช้มาตรการโยกย้ายถิ่นฐานได้ถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะใช้มัน


การย้ายถิ่นฐานอย่างเท่าเทียมที่ว่าก็คือการที่มอบเงื่อนไขที่เท่าเทียมกับของเดิมให้กับชาวบ้านที่อพยพมา เพื่อที่จะลดความไม่พึงพอใจจากการที่ถูกบังคับให้ย้ายมา


อย่างเช่นเดิมผู้ที่ถูกบังคับให้ย้ายมามีบ้านและมีที่ดิน อย่างนั้นหลังจากที่ย้ายมายังเนเวอร์วินเทอร์ สำนักงานเมืองก็จะแบ่งทรัพยากรบนที่ดินที่บุกเบิกขึ้นมาใหม่ให้กับพวกเขาเท่ากับของเดิมที่มี นี่ไม่เพียงแต่จะทำให้การบุกเบิกที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือดำเนินไปได้รวดเร็วขึ้น แต่มันยังช่วยแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย


แต่ไม่ว่าจะพูดให้มันดูดีแค่ไหน โรแลนด์รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันก็คือการบังคับ ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ พวกเขาก็ต้องย้ายออกมาจากบ้านอันคุ้นเคยของตัวเอง แล้วเดินทางมายังเมืองแปลกหน้า ซึ่งนี่ต้องไม่ใช่เรื่องที่มีความสุขอย่างแน่นอน


การที่ไล่คนออกมาจากที่ดิน ให้พวกเขาเข้ามาในเมืองแล้วไปทำงานอยู่ในโรงงานนั้นไม่ใช่แค่ไปบอกพวกชาวบ้านว่าเป็นการปลดเปลื้องพันธนาการแล้วพวกเขาจะยอมมา ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา บนเส้นทางการบังคับย้ายถิ่นฐานนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด อันดับแรกก็ต้องยึดเอาที่ดินที่ชาวนาใช้เพาะปลูกกลับมาก่อน เพื่อทำให้พวกเขาไม่เหลืออะไรนอกจากตัวเปล่าๆ จากนั้นค่อยใช้แส้หรือไม่ก็กฎหมายในการบังคับพวกเขาให้เดินไปในทิศทางที่ต้องการ อาณาจักรบางอาณาจักรถึงขนาดออกกฎหมายอนุญาตให้สังหารผู้อพยพที่ไม่ทำงานเป็นเวลานานได้ เพื่อที่จะบีบบังคับให้พวกเขาเข้าสู่การผลิตขนาดใหญ่


ถึงแม้โรแลนด์จะไม่ทำถึงขนาดนั้น แถมยังจะชดเชยให้กับผู้อพยพอีก แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเป็นการบังคับอยู่ดี


เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร


ส่วนการเกณฑ์แรงงานข้ามอาณาจักรนั้นเป็นการบังคับย้ายถิ่นฐานฉบับต่างประเทศ


อาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์กับอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทนั้นถูกศาสนจักรเข้าเล่นงานจนสูญเสียผู้ปกครองอาณาจักรตามกฎหมายไป จากข่าวสารที่ฮิลล์ ฟอกส์รวบรวมมาได้ จนถึงทุกวันนี้สองอาณาจักรนี้ยังไม่สามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติได้เลย ผู้ปกครองของแต่ละดินแดนต่างตั้งตนเป็นใหญ่ขึ้นมาและอ้างว่าตัวเองเจอสายเลือดนอกสมรสของกษัตริย์องค์ก่อน จนทำให้ภายในอาณาจักรเกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง


แบบนี้การจะใช้วิธีการตั้งรักษาการณ์แทนกษัตริย์เหมือนอย่างอาณาจักรดอว์นไม่ได้เสียแล้ว


“พระองค์ทรงหมายความว่า…ให้กองทัพที่หนึ่งเคลื่อนทัพของไปหรือพ่ะย่ะค่ะ?” บารอฟมองดูแผ่นผ้าแผ่นใหม่ด้วยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย


“เจ้าคิดว่าขุนนางพวกนั้นจะนั่งมองพวกเรา ‘ชิง’ ทรัพย์สมบัติของพวกเขาไปเฉยๆ เหรอ?” โรแลนด์จิบชาก่อนจะพูดต่อว่า “ข้าคิดว่านอกจากอำนาจ ทรัพย์สมบัติและการขยายดินแดนแล้ว พวกเขาเหล่านั้นไม่สนใจอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือว่าสงครามแห่งโชคชะตา เรื่องเหตุผลที่ทำไปนั้นเราต้องพูดให้พวกเขาฟังอยู่แล้ว แต่พวกเขาจะฟังหรือไม่มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”


“กระหม่อมจะทำให้พวกเขาฟังพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ขวานเหล็กพูดด้วยสีหน้าจริงจัง


การเกณฑ์แรงงานข้ามอาณาจักรนั้นต้องมีความรุนแรงมากกว่าการบังคับย้ายถิ่นฐานในอาณาจักรอย่างแน่นอน เมื่อไม่มีทองคำหมายเลขสองมารับประกันปริมาณผลผลิตของเสบียง หลังจากชาวบ้านจำนวนมากที่อยู่รอบนอกเมืองถูกไล่ต้อนออกไปหมดแล้ว เมืองใหญ่ที่ไม่มีใครคอยส่งเสบียงเลี้ยงดูก็จะพังทลายลง การทำแบบนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากสงครามเลย สิ่งเดียวที่ต่างกันคือมันเสียหายน้อยกว่าสงคราม


กองทัพที่หนึ่งคือหัวใจสำคัญที่จะรับประกันว่าแผนการนี้จะดำเนินต่อไปได้


ประชากรของอีเทอร์นอลวินเทอร์กับวูล์ฟฮาร์ทรวมกันมีประมาณ 3 ล้านคน เมื่อตัดผู้โชคร้ายที่ตายไปในสงครามศาสนจักร อย่างน้อยก็ยังเหลือประชากรที่จะเข้ามาเป็นแรงงานใหม่ให้เนเวอร์วินเทอร์ 1.5 ล้านคน การย้ายถิ่นฐานขนาดใหญ่แบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะสำเร็จ แต่มันก็เป็นวิธีที่ทำให้แรงงานเพิ่มขึ้นได้เร็วที่สุด และก็เป็นเพราะเขามีกำลังและเวลาเหลือมากพอที่จะยื่นมือเข้าไปในอาณาจักรอื่น เขาถึงได้ตั้งเป้าหมายให้บารอฟเพิ่มจำนวนแรงงานอีกเท่านึงในเวลาแค่หนึ่งปีหรืออาจจะครึ่งปี


“ฝ่าบาท พระองค์ทรงมีความต้องการอะไรเป็นพิเศษสำหรับแรงงานที่จะเกณฑ์มาเหล่านี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หัวหน้าสำนักบริหารถาม “อย่างเช่นช่างฝีมือ ชาวนา หรือว่าคนรู้หนังสือ…”


จริงอยู่ที่เมื่อก่อนเขาเคยมีการคัดกรองแรงงานแบบนี้ แต่ว่าตอนนั้นเป็นเพราะว่าเขายังมีทรัพยากรไม่พอ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว


“ไม่” โรแลนด์กำมือขึ้นมา “ข้าต้องการทั้งหมด”


“กระหม่อม…เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” บารอฟเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตัวเอง


“ต่อไปก็เป็นเรื่องสุดท้าย” เขาให้ไนติงเกลเปลี่ยนพาวเวอร์พอยท์ผ้าขาวแผ่นสุดท้ายขึ้นมา “สำนักบริหารต้องใช้วิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ ลดภาษีหรือว่าให้รางวัลเพื่อกระตุ้นอันตราการเกิดให้เพิ่มขึ้น ถึงแม้มันจะเห็นผลได้ช้ากว่าสองวิธีแรก แต่มันกลับเป็นส่วนสำคัญที่สุดในแผนการนี้”


เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมมองดูทุกคน “ในเรื่องนี้ ข้าอยากจะให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้เริ่มจากตัวเองก่อน”


……………………………………………………………………………….


ตอนที่ 1174 แผนสกุลเงินที่แก้ปัญหาได้ตลอดกาล

โดย

Ink Stone_Fantasy

ภายในห้องประชุมมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา


เมื่อขนาดของสำนักบริการมีขนาดใหญ่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว อายุเฉลี่ยของเจ้าหน้าที่ในสำนักงานก็ลดลงเรื่อยๆ บวกกับมีการเริ่มใช้ระบบการสอบ คนหนุ่มสาวที่มีความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต่างก็แสดงความได้เปรียบของพวกเขาออกมา พออายุ 20 ก็เรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานและกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่าง อายุ 25 ก็กลายเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส หรืออาจจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่คนสำคัญของหน่วยงานได้


ความจริงแล้วภายในห้องประชุมตอนนี้ก็มีเจ้าหน้าที่หนุ่มสาวอยู่ไม่น้อย


เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ต่างพากันก้มหน้าอย่างเขินๆ โรแลนด์จึงอดยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้


ถึงแม้ในเรื่องความมีวุฒิภาวะและการแก้ไขปัญหาของคนกลุ่มนี้จะยังไม่อาจสู้เจ้าหน้าที่อาวุโสได้ แต่ความอ่อนเยาว์และความอดทนของพวกเขาก็ทำให้หน่วยงานดูมีชีวิตชีวา ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลยุคใหม่ควรจะมีมากที่สุด


“สรุปแล้วก็คือพยายามเพิ่มจำนวนประชากรในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ให้ได้มากที่สุด นี่คือเป้าหมายที่พวกเจ้าต้องพยายามทำให้สำเร็จ รวมไปถึงการวางแผนและการก่อสร้างที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานก็ต้องเพิ่มตามจำนวนประชากรที่ขยายตัวให้ทัน การเพิ่มประชากรเท่านึงนั้นไม่ได้เป้าหมายสุดท้าย ข้าจะไม่ตั้งเป้าหมายสุดท้ายให้พวกเจ้า พวกเจ้ารู้แค่เพียงว่าตัวเลขนี้ยิ่งเยอะยิ่งดีก็พอ ดังนั้นพวกเจ้าเองก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามนั้นเหมือนกัน” เขารอให้เสียงหัวเราะเบาลงก่อนจะพูดสรุปต่อว่า “เพื่อที่จะให้มันเป็นตัวเลขกลมๆ อ่านง่ายๆ ดังนั้นข้าจะเรียกแผนการนี่ว่า ‘แผนการหนึ่งล้าน’ แล้วกัน”


“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”


เหล่าเจ้าหน้าที่พากันเอามือขึ้นมาทาบที่หน้าอกพร้อมตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน


คำสั่งหลังจากนั้นล้วนแต่เป็นคำสั่งที่เป็นส่วนเสริมหรือส่วนขยายของแผนการหนึ่งล้าน อย่างเช่นการค้นหาแหล่งทรัพยากรบนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ การตั้งโรงเรียนประจำและโรงเรียนอาชีพขึ้นมาเพื่อทำให้การเผยแพร่การศึกษามีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น คนในหน่วยพยาบาลจากปกติที่คัดเลือกมาจากคนในกองทัพก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจ้างงานชาวบ้าน ในเขตชุมชนที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นมีการตั้งคลินิกขนาดเล็กเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของหน่วยพยาบาล ขณะเดียวกันกองการศึกษาก็มีการเพิ่มหลักสูตรวิชาการแพทย์ระดับกลางเข้าไป แล้วก็คัดเลือกคนที่มีความเชี่ยวชาญจากในหน่วยฉุกเฉินของกองทัพมาฝึกสอนกึ่งเรียนรู้ด้วยตัวเอง ส่วนตำราเรียนก็ไปรวบรวมมาจากโลกแห่งความฝัน


การจะทำให้เมืองที่มีประชากร 2 แสนคนขยายกลายเป็น 4 แสนคน หรืออาจจะกลายเป็นเมืองขนาด 1 ล้านคนนั้นมันไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงแค่จำนวนตัวเลขเท่านั้น การขยายพื้นที่ที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องมีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่เพิ่มมากขึ้น ไม่อย่างนั้นเพียงแค่สิ่งปฏิกูลในชีวิตประจำวันก็มีจำนวนมากพอที่จะทำลายสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากลงได้ง่ายๆ เมื่อความหนาแน่นของจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น หน่วยงานป้องกันโรคระบาดก็จำเป็นต้องทำงานหนักขึ้น ถึงแม้จะมีความสามารถของลิลลีอยู่ แต่การตรวจตราและการพยากรณ์ก็เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องครุ่นคิด


ส่วนความสำคัญของการศึกษานั้นไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ๆ กันอยู่ หากไม่ขยายการศึกษาออกไป ประชากรก็จะกลายเป็นภาระแทนที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการผลิต


และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาเพียงแค่พูดถึงกรอบของแผนการอย่างคร่าวๆ ในการประชุมครั้งนี้ เพราะการจะสร้างเมืองใหญ่มีที่ประชากรหนึ่งล้านคนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ประชุมกันแค่ครั้งสองครั้งแล้วจะตกลงกันได้ ถ้าอยากจะหาเส้นทางที่เหมาะกับเมืองเนเวอร์วินเทอร์ เช่นนั้นก็จะเป็นต้องให้สำนักบริหารทำการค้นหาและทดลองไปเรื่อยๆ


ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นอยู่การแผนการสร้างเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อยู่นั่น จู่ๆ บารอฟก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าลังเลว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงคิดที่จะส่งคนพวกนี้เข้าไปในโรงงานทั้งหมดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”


โรแลนด์พยักหน้า “หรือไม่ก็ทีมวิศวะ กองทัพที่หนึ่ง ศูนย์วิจัย…ตรงไหนก็ได้ที่ต้องการคน”


“แต่ถ้าทำแบบนั้นอาจจะทำให้การเงินของสำนักบริหาณเกิดการขาดแคลนได้นะพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสำนักบริหารพูดอย่างลังเล “ตอนนี้รายได้หลักๆ ของสำนักบริหารมากจากการขายเครื่องดื่มยุ่งเหยิง น้ำหอมและเครื่องจักรไอน้ำ พระองค์เองก็ทรงทราบ เครื่องจักรไอน้ำนั้นเราต้องขายผ่านหอการค้าร่วม กว่าจะชำระเงินทีก็ต้องรอ 3 – 6 เดือน แต่ค่าจ้างของชาวเมืองนั้นต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือน จำนวนเงินที่ต้องจ่ายไปก็ประมาณ 8 หมื่นเหรียญทอง ตอนนี้รายได้เรายังมากกว่าหลายจ่าย ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินคงคลัง แต่ถ้าจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอีกเท่าหนึ่ง สถานการณ์มันจะไม่เหมือนตอนนี้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ…”


“เจ้ากังวลว่าถ้าเกิดเราได้รับเงินจากการขายสินค้าล่าช้าออกไป เมืองเนเวอร์วินเทอร์จะไม่มีเงินสำหรับจ่ายค่าจ้างใช่ไหม?” โรแลน์เลิกคิ้วถามขึ้นมาอย่างสนใจ สมแล้วที่เป็นผู้ชายเสนาบดีกองการคลังมาหลายอีก การที่สามารถคิดโยงไปถึงปัญหาเรื่องการเงินได้รวดเร็วแบบนี้ทำให้เขารู้สึกชื่นชมอย่างมาก


“ใช่พ่ะย่ะค่ะ” บารอฟพูดพร้อมขีดๆ เขียนๆ ในสมุดไปพลาง “ยิ่งไปกว่านั้นเงินค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นตามอายุการทำงานด้วย ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่จำนวนเครื่องดื่มยุ่งเหยิงที่เราผลิตได้นั้นมีจำนวนเท่าเดิมในทุกๆ เดือน บวกกับแผนประชากรล้านคนที่จะทำให้กำลังการซื้อของอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์กับวูล์ฟฮาร์ทลดลง นี่จะทำให้รายได้ในอนาคตของเราลดลงอย่างมากแน่นอน หากเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ เกรงว่าเงินคงคลังของสำนักบริหารจะต้องร่อยหรอจนเหลืออยู่ไม่เท่าไรแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลองคำนวณดูคร่าวๆ แล้ว ประชากรที่เพิ่มขึ้นทุกๆ แสนคนในหนึ่งปี จะทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 30% นอกเสียจากพระองค์จะมีแหล่งรายได้ใหม่พ่ะย่ะค่ะ…”


ไนติงเกลที่ฟังถึงตรงนี้ตาเป็นประกายทันที เธอโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูเขาว่า “บนที่ดินที่บ้านเก่าของหม่อมฉันมีเหมืองทองที่ยังไม่ได้ขุดอยู่”


โรแลนด์พอได้ฟังก็หัวเราะขึ้นมาทันที “ข้ายังไม่ได้จนถึงขั้นนั้นนะ”


“ไม่เป็นไร หากพระองค์ต้องการก็เอาไปได้เลยเพคะ”


“แค่กๆ ….วางใจได้ ถ้าถึงเวลาที่ต้องใช้จริงๆ ข้าก็ไม่เกรงใจหรอก…แต่ว่ายังไม่ใช่ตอนนี้” เขาเองก็ตอบเสียงเบาๆ กลับไป จากนั้นก็มองไปทางบารอฟ “ความจริงในจุดนี้ข้าก็มีคิดเอาไว้แล้ว แถมข้ายังมีวิธีที่จะแก้ปัญหาที่เจ้ากังวลใจไปได้ตลอดกาลด้วย”


“แก้ปัญหา…ไปได้ตลอด?” หัวหน้าสำนักบริหารตกตะลึง


“ถูกต้อง เขาเองก็มองเห็นแล้วว่าปัญหานี้มันเกิดขึ้นเพราะรายได้ตามรายจ่ายไม่ทัน ถ้าเรามีวิธีที่ทำให้เรามีรายได้ไม่จำกัด ปัญหานี้มันก็จะหมดไปใช่ไหมล่ะ?”


เพราะไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้รายเร็วได้เท่ากับการพิมพ์เงินอีกแล้ว


ในตอนที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง ความขัดแย้งของเงินโลหะมีค่าก็จะปรากฏออกมา เนื่องจากมีขีดจำกัดในเรื่องการขุดเอาแร่ออกมาและเรื่องการหลอม ทำให้ปกติแล้วการผลิตของมันจะคงที่อยู่ที่ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเทคโนโลยีการผลิตพัฒนาขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนอาจจะสร้างสินค้าที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินตราที่มีอยู่รวมกันได้ในระยะเวลาสั้นๆ ในตอนที่เงินโลหะมีค่าทั้งหมดรวมกันแล้วยังไม่การตามทันการผลิตของสินค้าได้ ระบบการชำระเงินก็จะพังทลายลง


แต่เงินเครดิตไม่มีข้อจำกัดในเรื่องนี้


เงินกระดาษที่แจกจ่ายให้กับแม่มดก่อนหน้านี้ก็คือการทดลองอย่างหนึ่ง แต่ผลที่ออกมาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าถึงแม้จะใช้กระดาษธรรมดาๆ แต่ขอเพียงมีน้ำหมึกของดาร์คลาวด์ แม่พิมพ์ที่อันนาแกะสลักขึ้นมา และลายน้ำป้องกันการปลอมแปลงที่ทำมาจากของเหลวจากแมลงยางนั้นทำให้เงินกระดาษที่ว่าไม่สามารถทำปลอมแปลงได้


ไม่อย่างนั้นเครื่องดื่มยุ่งเหยิงที่อยู่ในร้านค้าของปราสาทคงจะถูกแย่งซื้อไปจนหมดแล้ว


หลังตัดปัญหาเรื่องการปลอมแปลงไป ก็เท่ากับว่าเมืองเนเวอร์วินเทอร์ในตอนนี้มีศักยภาพที่จะพิมพ์เงินออกมาแล้ว


เดิมเขาคิดจะรอให้จัดการกับกฎพื้นฐานต่างๆ เช่นรูปแบบสกุลเงิน มูลค่าเงินและกฎการแลกเปลี่ยนให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยคุยกับบารอฟอย่างละเอียด แต่ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายถามคำถามนี้ขึ้นมา เขาก็ไม่รังเกียจที่จะอธิบายให้ฟัง


ในขณะโรแลนด์กำลังเตรียมจะอธิบายความคิดของตนให้เหล่าเสนาบดีได้ฟังคร่าวๆ ประตูห้องประชุมจู่ๆ ก็ถูกผลักออก จากนั้นฟิลลิสก็รีบเดินเข้ามา


“ฝ่าบาท รายงานที่ส่งมาจากแนวหน้ามีความคืบหน้าแล้วเพคะ พาซาร์อยากให้พระองค์กับเสนาบดีของพระองค์รีบไปที่โถงใต้ดินของเมืองชายแดนที่สามเพคะ”


“รีบขนาดนี้เลยเหรอ?”


“ใช่เพคะ” ฟิลลิสขมวดคิ้ว “พวกเราแกะเนื้อหาในจดหมายของผู้พิฆาตเวทมนตร์….ไม่สิ ของอุรูคราชาปีศาจที่เขียนให้กับราชาอีกตัวหนึ่งได้แล้วเพคะ!”


……………………………………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)