Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1169-1170
ตอนที่ 1169 สภาแห่งหอเจ้าชีวิต
โดย
Ink Stone_Fantasy
เสียงคลื่นในโลกแห่งความฝันค่อยๆ จางหายไป เฮคซอดลืมตาขึ้นมา
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของมันคือโถงทรงกลมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ด้านล่างถือทะเลหมอกแดงที่สงบนิ่ง ด้านบนนั้นสูงจนมองไม่เห็นยอด เก้าอี้ขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากันจำนวน 9 ตัวตั้งเรียงเป็นวงกลมไปตามกำแพงหิน ตรงจุดกึ่งกลางของโถงมีหอคอยแห่งการให้กำเนิดขนาดใหญ่หอหนึ่งตั้งตระหง่าน ทว่าบนหอคอยแห่งการให้กำเนิดแห่งกลับกลับมีดวงตาขนาดใหญ่ประมาณร่างระดับต้นปรากฏอยู่เต็มไปหมด ซึ่งแตกต่างจากหอคอยแห่งการให้กำเนิดทั่วๆ ไป
นี่คือดินแดนที่จักรพรรดิสร้างขึ้นมา
‘หอเจ้าชีวิต’
ถึงแม้มันจะเคยเข้ามาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่ร่างกายของมันก็ยังรู้สึกได้ถึงความกดดันและความอึดอัด มันไม่เหมือนกับการสื่อสารผ่านทางจิตแบบง่ายๆ เพราะสิ่งที่ดูเหมือนเป็นภาพมายาที่เกิดขึ้นในกระแสจิตสำนึกแห่งนี้ไม่ใช่ ‘ภาพมายา’ อย่างแท้จริง หากตกลงไปในทะเลหมอกหรือว่าถูกโจมตี ร่างกายของมันก็จะได้รับบาดเจ็บจริงๆ ไม่ใช่แค่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเหมือนเวลาที่นอนหลับฝันไป
มันไม่เหมือนกับความวุ่นวายที่อยู่ในโลกภายนอก ที่นี่มีระเบียบที่เคร่งครัดและกฎเกณฑ์ที่ตายตัว
ทุกสิ่งในหอเจ้าชีวิตอยู่ในการควบคุมของจักรพรรดิ
นี่หมายความว่าขอเพียงเข้ามาในหอเจ้าชีวิตแห่งนี้ ชีวิตของมันก็อยู่ในการควบคุมของจักรพรรดิแล้ว
แต่ความจงรักภักดีที่มันมีต่อจักรพรรดินั้นคือสิ่งที่จริงแท้แน่นอน ความขัดแย้งของสัญชาตญาณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจงรักภักดีตรงนี้ได้ มีแต่อสูรชั้นต่ำเท่านั้นถึงจะไม่สามารถควบคุมสัญชาตญาณได้
“สกายลอร์ดพร้อมรับใช้องค์จักรพรรดิ” เฮคซอร์ดก้มหัวให้กับหอสูงที่อยู่ตรงกลาง
ดวงตาดวงหนึ่งลืมขึ้นมามองมัน ก่อนจะหลับตาลงไปใหม่อย่างรวดเร็ว “รอก่อน”
“ขอรับ”
ไม่นานก็มีปีศาจอีกหลายตัวปรากฏขึ้นตรงที่นั่งอื่นๆ
ภาพของพวกมันดูเลือนราง แต่เฮคซอดก็ยังแยกออกว่าอีกฝ่ายเป็นใครจากลักษณะพิเศษของพวกมัน อย่างเช่น ‘บลัดดี้คองเคอเรอร์’ ที่รูปร่างใหญ่เหมือนภูเขาขนาดย่อมๆ บนเกราะมีมีดดาบชนิดต่างๆ ปักอยู่เต็มไปหมด กับ ‘เฮทริต’ ที่สวมใส่ชุดและหน้ากากที่ให้ความรู้สึกบิดๆ เบี้ยวๆ…การจะแสดงภาพตัวเองให้เหมือนจริงได้มากแค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับระดับความเข้าใจในแหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์ของเจ้าตัว ปีศาจที่สามารถแสดงภาพตัวเองได้อย่างสมบูรณ์เหมือนอย่างมันนั้นมีอยู่แค่ไม่กี่ตัว
หลังจากเก้าอี้ตัวสุดท้ายมีภาพปีศาจปรากฏขึ้นมา ราชาปีศาจทั้ง 9 ก็มารวมตัวกันพร้อมหน้าอยู่ในหอเจ้าชีวิตแห่งนี้
ภาพของจักรพรรดิปรากฏขึ้นมา หอคอยแห่งการให้กำเนิดที่ลอยขึ้นมาจากทะเลหมอกก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาครึ่งหนึ่ง
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าน่าจะรู้กันแล้วว่าข้าเรียกพวกเจ้ามาทำไม ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น ทุกคนน่าจะมีข้อสงสัยแบบเดียวกันอยู่ในใจ เมื่อหลายวันก่อนมีผู้ยกระดับตนหนึ่งเข้ามาสัมผัสโลกแห่งจิตสำนึกและทำให้เกิดการกระเพื่อมขึ้นที่นั่น แต่ไม่นานเสียงตอบรับของมันก็หายไป” จักรพรรดิชะงักเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางสกายลอร์ด “และเจ้าของการกระเพื่อมนั้นชื่อว่าอุรูค ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพตะวันตก เฮคซอด ทางตะวันตกเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย จักรพรรดิเรียกมันมาเพื่อถามเรื่องนี้ เฮคซอดรู้สึกถึงความกดดันบนร่างกายที่เพิ่มขึ้นทันที การที่ในโลกแห่งจิตสำนึกมีระลอกคลื่นกระเพื่อมขึ้นมาก็หมายความว่ามีคนที่ก้าวข้ามประตูมาได้แล้ว ซึ่งการกระเพื่อมนี้จะทำให้ราชาทุกตนสัมผัสถึงมันได้ด้วย ในช่วงเวลานี้ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องต่อสู้กับอาณาจักรซีสกายอย่างดุเดือด การที่เผ่าพันธุ์มีราชาเพิ่มขึ้นมาอีกตนหนึ่งนั้นจะยิ่งทำให้พวกมันมีความได้เปรียบ แต่ผู้ยกระดับเพียงแค่เข้ามาสัมผัสกับโลกแห่งจิตสำนึก จากนั้นก็หายตัวไป ราชาเพิ่งจะยกระดับขึ้นมาแล้วก็หายไป ในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ความจริงแล้วหลังจากที่เฮคซอดรู้เรื่องที่อีกฝ่ายยกระดับได้ไม่นาน มันก็ได้รับแจ้งข่าวความพ่ายแพ้ของกองทัพตะวันตก แถมยังมีจดหมายจากอุรูคอีกฉบับหนึ่งด้วย เนื้อหาที่บรรยายอยู่ในจดหมายทำให้มันนึกอยากจะผ่าหัวของลูกน้องที่ยอดเยี่ยมตนนี้ออกมาดูว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้โอหังอวดดีขนาดนี้!
ในตอนที่จักรพรรดิถามขึ้นมา สัญชาตญาณของมันอยากจะเก็บเรื่องผลการรบทางตะวันตกเอาไว้ แต่สุดท้ายความจงรักภักดีก็ทำให้มันพูดความจริงทุกอย่างออกมา
แล้วก็เป็นเหมือนที่สกายลอร์ดคิดเอาไว้ ภายในโถงมีเสียงสงสัย ตกใจและเสียดสีดังขึ้นมาทันที
“หา ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?” บลัดดี้ลอร์ดหัวเราะเยาะขึ้นมาก่อน “ลูกน้องของเจ้ารู้ทั้งรู้ว่าแพ้ แต่ก็ยังทิ้งทหารทั้งหมดเอาไว้บนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ แถมสุดท้ายยังตายด้วยน้ำมือแมลงพวกนั้นเนี่ยนะ? ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าเรียกมันว่าอะไรนะ — แม่ทัพอัจฉริยะใช่ไหม?”
เฮคซอดไม่รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นแม่ทัพที่นำทัพออกไปสู้กับทางอาณาจักรซีสกาย อีกฝ่ายจึงดูถูกคำยกย่องชมเชยที่อุรูคได้รับมาโดยตลอด ถ้าอีกฝ่ายยกระดับกลายเป็นราชา เกรงว่าคนที่จะได้รับผลกระทบเป็นคนแรกก็คือมันนั่นแหละ ตอนนี้เมื่อมีโอกาสโจมตีอุรูค มันย่อมไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปแน่
“เรื่องที่เสียร่างระดับต้นกับทูมสโตนไปนั้นช่างมันเถอะ แต่ข้าคิดว่าท่านสกายลอร์ดคงจะรู้ถึงความสำคัญของฮอร์นนะ” ‘เดอะแมสก์’ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการสร้างร่างซิมไบออนท์พูดด้วยน้ำเสียงต่อว่า “เอายึดเอาทาคิลา สตาร์ฟอล อาเรียตามาได้ก็ว่าไปอย่าง เพราะอย่างน้อยสายแร่หินอาญาสิทธิ์ที่นั่นก็ยังมีมากพอให้พวกเราได้ใช้ได้ แต่ถ้าไม่มีแหล่งแร่ที่มากพอ ฮอร์นของพวกเราก็จะมีแต่น้อยลงไปเรื่อยๆ”
“เดิมการแพ้ให้กับแมลงพวกมันมันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากพอยู่แล้ว ข้าคิดว่ายังไงท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้นะ”
“แม่ทัพอัจฉริยะอะไรกัน ข้าว่าก็ไม่เห็นเท่าไรเลย”
“ผู้ยกระดับธรรมดานั้นไม่สามารถเปิดประตูระหว่างสองโลกได้ ไม่อย่างนั้นที่นี่คงไม่ได้มีราชาอยู่แค่ 9 ตน ยิ่งไปกว่านั้นทางฝั่งศัตรูยังมีสุดยอดอมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นมาอีกหนึ่งคน…”
“ทำไม ตอนนี้มันไม่ใช่เมื่อ 400 ปีก่อนแล้ว เจ้าคิดว่าการที่ได้ตายไปพร้อมกับสุดยอดอมนุษย์มันเป็นเรื่องที่มีเกียรติมากอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่นๆ สีหน้าของเฮคซอดดูคร่ำเครียดไปทันที ถึงมันจะไม่เข้าใจว่าทำไมอุรูคถึงทำแบบนั้น แต่อย่างน้อยมันก็เป็นอดีตลูกน้องของเขา การที่มาต่อว่าแม่ทัพคนโปรดที่ได้รับความไว้วางใจจากตนนั้นมันก็เหมือนเป็นการต่อว่าตนอยู่กลายๆ ด้วย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาซึ่งเป็นราชาจะยอมรับได้
ทันใดนั้นเอง จักรพรรดิก็ตัดการพูดคุยของทุกคน เขาไม่ได้ทำให้พวกมันหุบปาก หากแต่ทำให้เสียงของพวกมันหายไป “พอได้แล้ว ข้าแค่อยากรู้ว่านี่มันจะส่งผลกระทบต่อแผนการของเจ้าไหม!”
เฮคซอดรีบเก็บสีหน้า “ไม่แน่นอนขอรับ ข้าได้เตรียมแผนเอาไว้หลายแผน ถ้ายึดเอาทาคิลามาได้ก็จะดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ถึงกับเป็นอุปสรรคต่อแผนการขอรับ ขอจักรพรรดิได้โปรดวางใจ พวกเราจะได้เหยียบบนแผ่นดินของมนุษย์ตามกำหนดการแน่นอนขอรับ”
“แต่เป็นอย่างที่เจ้าว่าก็จะดีที่สุด” ในที่สุดน้ำเสียงของราชาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“เพียงแต่ว่า…” สกายลอร์ดลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเล่าสิ่งที่อุรูคเขียนอยู่ในจดหมายออกมา — บางทีอาจจะเป็นเพราะความเชื่อมั่นที่มันสะสมมาเป็นเวลาหลายร้อยปี หรือไม่ก็เป็นเพราะมันรู้สึกกลัวเกินไปจนทำให้พูดไม่ออก แต่ไม่ว่าเหตุผลจะคืออะไร เฮคซอดก็รู้สึกว่าภายในใจมักจะมีเสียงอยู่เสียงหนึ่งกำลังเตือนให้มันพูดออกไป “เพียงแต่ว่าแผนการนี้จำเป็นต้องทำการปรับกำลังพลใหม่ จากที่แม่ทัพทางตะวันตกรายงานมา อย่างน้อยเราจำเป็นต้องเพิ่มกำลังพลให้มากขึ้นอีกสิบเท่า เราถึงจะเอาชนะศึกนี้ได้ขอรับ”
“สิบเท่า?” บลัดดี้ลอร์ดคำรามออกมา “เจ้าล้อเล่นอะไรของเจ้า! อาณาจักรซีสกายเล่นงานแนวหน้าของพวกเราจนแทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว นี่เจ้ายังจะมาเอาทหารของข้าไปอีกเหรอ? แม้แต่ตัวเดียวข้าก็ไม่ให้เจ้า!”
“อุรูค…มันบอกเจ้าว่าอะไร?” จักรพรรดิถามเสียงคร่ำเคร่ง
“ตอนที่มันเขียนจดหมายฉบับนี้ สงครามระหว่างทัพของเรากับมนุษย์ยังไม่เริ่มต้นขึ้น มันบอกว่าที่ตัวมันยังคงดึงดันอยู่ที่ทาคิลาต่อ เป็นเพราะว่ามันเห็นจุดอ่อนที่สำคัญบางอย่างของศัตรู ถ้าแผนของมันสำเร็จ มันก็จะทำให้ความแข็งแกร่งของศัตรูลดลงอย่างมาก เมื่อถึงตอนนั้นถ้าเพิ่มกำลังพลอีกสิบเท่าแล้วให้มันเป็นคนนำทัพล่ะก็ พวกเราต้องทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ได้อย่างแน่นอน”
“นี่เป็นคำสั่งเสียเหรอ?” มีคนพูดเหน็บขึ้นมา “แล้วมันรู้ล่วงหน้าหรือเปล่าว่าตัวเองจะตาย?”
“….” เฮคซอดนิ่งเงียบไปครู่ก่อนจะพยักหน้าออกมา “ในจดหมายมีบอกเอาไว้”
เสียงพูดคุยภายในโถงเงียบลงทันที
เหล่าราชาสบตากัน บรรยากาศดูแปลกไป
จักรพรรดิพูดทำลายความเงียบขึ้นมา “มันบอกเจ้าว่าอะไร?”
สกายลอร์ดพูดออกมา “ถ้ามันไม่รอดกลับมา ให้พวกเรามองมนุษย์เป็นศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเรา แล้วก็ทุ่มกำลังกำจัดพวกมันอย่างเต็มที่!”
………………………………………………………………….
ตอนที่ 1170 คำพูดที่น่าตกใจ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในตอนที่พูดประโยคนี้จบ ภายในหอเจ้าชีวิตก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมา
“เต็มที่?” น้ำเสียงบลัดดี้คองเคอเรอร์ฟังดูเยือกเย็น “เต็มที่หมายความว่ายังไง?”
“ก็หมายความอย่างที่ว่า” พอพูดเปิดประเด็นไป เฮคซอดกลับพบว่าตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย “ทิ้งเมืองที่เก็บสายแร่หินอาญาสิทธิ์ไปให้หมด ยกพื้นที่ครึ่งทวีปให้กับอาณาจักรซีสกายไป จากนั้นก็ขนย้ายทหารทั้งหมดเข้าไปยังดินแดนแห่งรุ่งอรุณ ไม่ใช่แค่ทหารสิบเท่าอย่างเรามีอยู่ในแผนการ หากแต่เป็นทั้งหมด ทั้งที่มีอยู่เดิมแล้วก็เกิดขึ้นมาใหม่ ให้ปีศาจทั้งหมดบุกเข้าไปจนกว่ามนุษย์จะดับสูญ”
“เหลวไหล!”
“มัน…บ้าไปแล้วเหรอ?”
“แล้วกำลังพลนับล้านๆ ตัวในเมืองจะไปอยู่ที่ไหน?”
“ถึงในจดหมายจะไม่ได้บอกเอาไว้ แต่ข้าคิดว่าน่าจะเป็นที่ราบลุ่มบริบูรณ์ ที่นั่นมีพื้นที่กว้างพอจะให้พวกทหารทั้งหมดอยู่แน่นอน” สกายลอร์ดพูด
“นี่ไม่ใช่การย้ายรังเหมือนมดนะ” เดอะแมสก์โมโหจนหัวเราะขึ้นมา “หอคอยแห่งการให้กำเนิดย้ายไม่ได้ ถ้าย้ายแค่พวกมันไปก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย ยิ่งไปกว่านั้นหลังที่แหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์ปรากฏขึ้นบนโลก เราก็มีโอกาสในการตั้งหอแห่งการให้กำเนิดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าสามารถสร้างหอแห่งการให้กำเนิดที่ทาคิลาได้ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาคือแม่ทัพอัจฉริยะของท่านได้ยกที่ราบลุ่มบริบูรณ์นั่นให้ศัตรูไปแล้ว ตอนนี้จะมาพูดเรื่องนี้มันไม่สายไปหน่อยเหรอ?”
มันไม่ได้อยากจะทิ้งซักหน่อย เฮคซอดคิดด้วยสีหน้าราบเรียบ แผนสำรองที่ว่านี่ก็เป็นแค่แผนที่เอาไว้ใช้ในตอนที่กำลังพลมีอยู่จำกัดเท่านั้น อีกทั้งคนที่ปฏิเสธคำขอเพิ่มทหารก็คือตัวจักรพรรดิ แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดความไม่พอใจจักรพรรดิเพราะเรื่องนี้ คำบ่นเล็กๆ น้อยๆ นี่ก็เป็นแค่สัญชาติญาณเท่านั้น
ถูกต้อง สัญชาตญาณ
“ถ้าเราคิดไปในแนวทางนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” มันชะงักไปเล็กน้อย “อย่างเช่น ใช้พระผู้สร้าง..”
“ไม่ได้เด็ดขาด!” ยังไม่ทันทีที่มันจะพูดจบ บลัดดี้คองเคอเรอร์ก็พูดตัดบทขึ้นมาทันที “นั่นคือความหวังในการเอาชนะอาณาจักรซีสกายเพียงหนึ่งเดียวของพวกเรา แล้วจะให้เอาไปใช้กับพวกแมลงเนี่ยนะ? อย่ามาล้อเล่นนะ!”
“พระผู้สร้างคือหัวใจสำคัญของการทำสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สาม” จักรพรรดิเอ่ยปากพูด “แผนการทุกอย่างต้องดำเนินโดยใช้มันเป็นจุดศูนย์กลาง เป็นไปไม่ได้ที่จะให้มาเปลี่ยนแผนการเพราะการวิเคราะห์ของปีศาจตัวเดียว ต่อให้มันเป็นผู้ยกระดับขึ้นมาใหม่ก็ตาม เรื่องนี้ไม่ต้องคุยกันอีก”
ในเมื่อจักรพรรดิตัดสินใจออกมาแล้ว อย่างนั้นเรื่องนี้ก็ถือเป็นอันสิ้นสุด
เฮคซอดถอนใจออกมา ความจริงแม้แต่ตัวมันเองก็ยังรู้สึกว่าคำพูดของอุรูคนั้นฟังดูน่าตกใจเกินไปหน่อย ถ้าไม่เป็นเพราะภายในใจมันมีความรู้สึกแปลกๆ คอยรบกวนอยู่ มันก็ไม่อยากจะพูดเรื่องเนื้อหาที่เขียนอยู่ในจดหมายต่อหน้าราชาตนอื่นๆ โดยเฉพาะบลัดดี้คองเคอเรอร์
ไม่ว่ายังไง ก็ถือได้ว่ามันทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่แล้ว
“นอกจากนี้ข้าคิดว่าคำขอเพิ่มกำลังพล 10 เท่านั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระ…”
ในขณะที่บลัดดี้คองเคอเรอร์กำลังคิดจะพูดย้ำเพื่อเล่นงานสกายลอร์ดต่อ จู่ๆ ก็มีคนพูดตัดบทมันขึ้นมา
“แต่ข้าคิดว่าเราไม่อาจมองข้ามคำตอบของอุรูคไปเสียทั้งหมดได้” เสียงของคนที่พูดขึ้นมาไม่ดัง แต่กลับทำให้ทุกคนตกตะลึง คนที่พูดคือผู้คุมของเมืองแห่งจักรพรรดิ ‘ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์’ ถึงแม้มันจะเป็นราชา แต่มันก็ไม่ค่อยพูดเสนอความคิดในที่ประชุมเท่าไร ปกติมันมักจะนั่งเงียบๆ เหมือนกับชื่อของมัน
แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นหนึ่งในราชาที่มีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย มันไม่เหมือนกับกับราชาตัวอื่นอย่าง ‘เดอะแมสก์’ หรือ ‘เฮทริต’ ที่ต้องความสามารถไม่แข็งแกร่งพอจนต้องใช้เสื้อผ้ามาปิดบังร่างกายในส่วนที่บกพร่องของตัวเอง แต่ถึงแม้มันจะวิวัฒนาการได้สูงขนาดนี้ ทว่ามันกลับขังตัวเองอยู่ในชุดเกราะสีดำตลอดทั้งวัน แม้แต่ส่วนหัวก็ปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด เหมือนว่ามันไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์กับเรื่องความสบายเลย
“เหตุผลล่ะ?” จักรพรรดิถามตรงๆ
“บางทีบนโลกนี้…อาจจะมีชิ้นส่วนสืบทอดที่เราไม่รู้จักอยู่ก็ได้ขอรับ”
ภายในโถงมีเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง คำพูดดูน่าตกใจยิ่งกว่าคำพูดสั่งเสียของอุรูคเสียอีก!
“จะเป็นไปได้ยังไง? ชิ้นส่วนมีทั้งหมด 4 ชิ้น ดูจากรูปทรงของมันแล้วก็ควรจะเป็นเช่นนั้นไม่ใช่เหรอ?”
“หรือเจ้าคิดว่ามนุษย์ยกระดับเผ่าพันธุ์ผ่านเส้นทางที่พวกเราไม่รู้จัก พวกเราก็เลยต้องรับมือกับพวกมันอย่างเต็มที่?”
“เจ้าได้ข้อมูลนี้มาจากไหน?”
ทุกคนต่างแสดงความสงสัยออกมา
“ไม่ ข้าไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้น นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น” ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ค่อยๆ พูด “ข้าเคยอยู่ในดินแดนของพระเจ้า แล้วมองเห็นอะไรบางอย่าง…ที่ข้าไม่อาจเข้าใจได้”
“พูดออกมาได้ไหม?” ดวงตาครึ่งหนึ่งของจักรพรรดิมองมาทางมัน
ไซเลนท์ส่ายหน้า “ยากที่จะใช้คำพูดบรรยายมันออกมาขอรับ ขอองค์จักรพรรดิและทุกท่านดูความทรงจำของข้าดีกว่า” จากนั้นมันก็โน้มตัวก้มหัวลงมา
“อย่างนั้น…” จักรพรรดิลืมตาทั้งหมดขึ้น! พริบตานั้นเอง เฮคซอดรู้สึกร่างกายของมันสั่นขึ้นมา ความรู้สึกหนาวเย็นเสียดแทงเข้ามาในหัวของมัน อาการต่อต้านและขัดขืนที่เกิดขึ้นในร่างกายของมันพุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด
นั้นคือความรู้สึกไม่สบายที่เกิดจากการฝืนใส่จิตสำนึกเข้ามา
ไม่ ข้าภักดีต่อจักรพรรดิ!
สกายลอร์ดพยายามสะกดความรู้สึกต่อต้านตามสัญชาตญาณลงไปพร้อมกับรับเอาจิตสำนึกนั้นเข้ามา
จากนั้นภาพแปลกๆ ชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของมัน เหมือนกับว่าเป็นความหวาดกลัวจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผสมผสานเข้าด้วยกันและสามารถสะท้อนเข้ามาในส่วนลึกของจิตใจผ่านทางดวงตาทั้งสองข้างได้ ทำให้มันยากจะดึงตัวเองออกมาได้ และในภาพเหล่านี้ มันเหมือนจะเห็นภาพมนุษย์คนหนึ่ง เขายืนอยู่อีกด้านหนึ่งไม่ไกลด้วยสีหน้าเยือกเย็น เหมือนกับว่ากำลังมีความสุขที่ได้เห็นการดิ้นรนของมันอย่างไรอย่างนั้น เฮคซอดรู้ว่าภาพเหล่านี้ไม่ใช่ภาพลวงตา หนวดสีดำที่เป็นตัวแทนของการกัดกินเส้นหนึ่งกำลังโจมตีมาทาง ‘ตัวมัน’ อย่างบ้าคลั่ง ถ้ามันไม่คิดหาทางหนีออกไป มันคงต้องถูกโลกแห่งจิตสำนึกกลืนกินแน่!
ดังนั้นมันจึงหนี ในขณะที่กำลังดิ้นรนมันยังชนเข้ากับที่วางแขนบนบัลลังก์จนหักด้วย
หลังจากนั้นเฮคซอดจึงตื่นขึ้นมาจากความทรงจำของอีกฝ่ายทันที ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ มันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกหนาวเย็นที่แผ่ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ส่วนราชาตนอื่นๆ ก็เหมือนจะรู้สึกแบบเดียวกัน ภายในโถงมีเสียงหอบหายใจดังขึ้นมา
ตอนนี้ทุกคนเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของไซเลนท์ดิสแอสเตอร์แล้ว
ราชาทุกตนต่างรู้ดีว่าชิ้นส่วนสืบทอดจะมีการเชื่อมโยงถึงกันอยู่ ในตอนที่ชิ้นส่วนในการสื่อสารทางจิตสำนึกกับเผ่าพันธุ์อื่นนั้นจำเป็นต้องมีการจ่ายค่าตอบแทน ปกติแล้วฝ่ายที่ก้าวเข้ามาในโลกแห่งจิตสำนึกค่อนข้างน้อยจะต้องเป็นฝ่ายที่จ่ายค่าตอบแทนสูงกว่า ถ้าคนที่ปรากฏตัวอยู่ในดินแดนของพระเจ้า พวกมันก็คงไม่รู้สึกแปลกใจอะไร การจงใจก้าวเข้ามาสำรวจดูโลกแห่งจิตสำนึกโดยตั้งใจกับการก้าวเข้ามาโดยบังเอิญนั้นเป็นคนละเรื่องกัน การที่ก้าวเข้ามาโดยบังเอิญนั้นไม่สามารถเอามาใช้วัดระดับความสามารถได้ โดยเฉพาะพวกแม่มดที่มีความสามารถแปลกๆ ร้อยแปดพันเก้า
แต่ว่าคนๆ นั้นกลับเป็นมนุษย์ตัวผู้
ในช่วงเวลาพันกว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยมีบันทึกมาก่อนว่ามนุษย์ตัวผู้นั้นสามารถใช้เวทมนตร์ได้
ถ้าไม่ใช้การยกระดับมันก็ยากจะอธิบายเหตุการณ์แปลกๆ นี้ได้
ขณะเดียวกันเฮคซอดยังเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเก็บเรื่องนี้เอาจนถึงวันนี้ค่อยพูดออกมา การที่ถูกแมลงที่ต่ำต้อยทำให้ตกในจนต้องลุกหนีไปจากบัลลังก์อย่างลนลาน เกรงว่าถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่มีทางพูดถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน
มันอดรู้สึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าแก้มที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกสีดำใบนั้นจะเป็นสีแดงได้หรือเปล่า?
ดูเหมือนการใส่ชุดเกราะทั้งวันมันก็มีข้อดีเหมือนกันนะเนี่ย
เดี๋ยวๆ…จะว่าไปหรือว่าเป็นเพราะเหตุนี้ ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ถึงได้ขออนุญาตจักรพรรดิเปลี่ยนตัวผู้คุม?
ใช่จริงๆ ด้วย ไม่ว่าจะมีราชาตนอื่นมองมาทางมัน “สกายลอร์ด หรือว่าเจ้าเองก็…”
“ไม่ ถึงแม้ข้าจะเคยเข้าในดินแดนแห่งพระเจ้าหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเจออะไรแปลกๆ มาก่อน” เฮคซอดรีบยืดตัวพูดขึ้นมา “ถ้ามี ข้าจะต้องรีบรายงานจักรพรรดิแน่นอน อีกอย่าง ถ้าหากเป็นข้า สถานการณ์อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้”
พอพูดจบมันก็สัมผัสได้ถึงสายตาเยือกเย็นจากทางไซเลนท์ดิสแอสเตอร์
“น่าสนใจดีนี่” ในเวลานั้นเอง เสียงใสๆ เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมาในหูของทุกคน
ในที่สุด ‘ไนท์แมร์’ ที่สวมเสื้อคลุมสีขาวซึ่งนั่งอยู่ตรงหัวแถวและเอาแต่หลับตามาตลอดการประชุมก็ค่อยๆ ลืมตาที่สามบนหน้าผากขึ้นมา
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น