Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1131-1132

 ตอนที่ 1131 ศาสตร์แห่งปราชญ์ลำดับที่สาม

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อคิดได้ก็ลงมือทำ หลังโรแลนด์ออกมาจากเมืองชายแดนที่สาม เขาก็รีบเดินทางไปที่โรงงานผลิตกระสุนทันที


ถึงแม้ตอนนี้อันนาจะไม่อยู่ในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ แต่ถ้าสมมติฐานของเขาถูกต้องล่ะก็ ด้วยเทคโนโลยีที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์มีอยู่ในตอนนี้ก็สามารถทำการปรับปรุงตรงส่วนนี้ได้


พูดอีกอย่างก็คือมีแต่วิธีนี่เท่านั้น มันถึงจะมีค่าพอให้ทำการผลิตในปริมาณมาก


โรแลนด์เดินเข้าไปในโรงงานภายใต้การอารักขาขององครักษ์ เหล่าคนงานที่ไม่ได้เตรียมตัวพากันคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที ภายในโรงงานเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความปีติและความตื่นเต้น เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื้นตันของทุกคน โรแลนด์ถึงได้รู้ว่าตัวเองเหมือนจะหุนหันพลันแล่นไปหน่อย แต่ว่าในเมื่อมาแล้ว เขาจึงได้ต้องถือโอกาสเปลี่ยนจากการทดสอบอาวุธมาเป็นการเยี่ยมชมโรงงานและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเหล่าคนงาน


เป็นเวลาครู่ใหญ่กว่าที่เหล่าคนงานจะกลับไปประจำตำแหน่งของตัวเอง เขารีบสั่งผู้ดูแลโรงงานทันที “พาหัวหน้าคนงานที่เชี่ยวชาญที่สุดในโรงงานมาหน่อย ข้ามีของอย่างหนึ่งอยากให้สร้างขึ้นมา”


“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”


หลักการทำงานของกระสุนส่องวิถีนั้นไม่ซับซ้อน พูดง่ายๆ ก็คือเอากระสุนลูกตันมาคว้านด้านในออก แล้วใส่สารเรืองแสง สารช่วยเผาไหม้และดินปืนที่เผาไหม้ได้ช้าเข้าไปข้างใน จากนั้นค่อยใส่ท่อและปิดผนึกด้วยอลูมิเนียมฟอยล์  ในตอนที่กระสุนถูกยิง แก๊สขับเคลื่อนจะฉีกแผ่นฟอยล์และทำให้ดินปืนลุกไหม้ขึ้นมา จนทำให้สารเรืองเผาไหม้ สุดท้ายกลายเป็นแสงไฟพุ่งออกมา


สำหรับโลกสมัยใหม่ที่ทุกๆ อย่างถูกทำให้เป็นอุตสาหกรรมทั้งหมดแล้ว การผลิตกระสุนส่องวิถีขึ้นมานั้นก็เป็นแค่เพียงการเพิ่มสายการผลิตขึ้นมาอีกสายหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเมืองเนเวอร์วินเทอร์ที่อุตสาหกรรมต่างๆ ยังไม่มีความสมดุลกัน นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวอย่างมาก ปกติสารเรืองแสงนั้นจะประกอบขึ้นมาจากสตรอนเทียมไนเตรท ผงแมกนีเซียมอลูมีเนียมและแบเรียมเพอร์ออกไซด์ นั่นก็หมายความว่าถ้าอยากจะผลิตกระสุนส่องวิถีในปริมาณมาก สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือสร้างสายการผลิตสารประกอบเหล่านี้ขึ้นมาก่อน แต่ระดับอุตสาหกรรมของอาณาจักรตัวเองเป็นอย่างไรนั้น โรแลนด์ย่อมต้องรู้อยู่แก่ใจดี จนถึงตอนนี้ กองอุตสาหกรรมเคมียังไม่แน่เลยว่าจะผลิตกระสุนได้เพียงพอสำหรับความต้องการของกองทัพที่หนึ่ง ดังนั้นยิ่งไม่ต้องไปคาดหวังว่าจะให้กองอุตสาหกรรมผลิตอย่างอื่นเลย


ไม่นานผู้รับผิดชอบโรงงานก็พานายช่างคนหนึ่งเดินเข้ามา สิ่งที่ทำให้โรแลนด์รู้สึกแปลกใจก็คืออีกฝ่ายนั้นไม่ใช่ชายแก่ผมขาวที่ทำอะไรเชื่องช้า หากแต่เป็นชายหนุุ่มที่อายุประมาณ 25 – 26 ปีเท่านั้น เขารีบคุกเข่าลงไปอย่างตื่นเต้น พร้อมกับทำความเคารพเหมือนกับอัศวิน “ฝ่าบาททรงมีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”


โรแลนด์คิดขึ้นมาได้ทันที ถูกต้อง ตอนนี้เมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้เข้าสู่ยุคสมัยแห่งการผลิตเครื่องจักรแล้ว คนหนุ่มสาวที่มีความสามารถในการเรียนรู้ที่ดีกว่ากำลังกลายเป็นหัวหอกของคลื่นแห่งอุตสาหกรรม ซึ่งนี่เป็นภาพที่ยากจะเห็นได้ในอุตสาหกรรมหัตถกรรม ความเร็วในการพัฒนาของเทคโนโลยีที่แซงหน้าอายุนำมาซึ่งความได้เปรียบ เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องการผลิตรุ่นใหม่ ประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นไม่เหมาะที่จะนำมาใช้อีกต่อไป


ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว คนงานส่วนใหญ่ที่ทำงานอยู่ในโรงงานล้วนแต่มีอายุประมาณ 20 – 30 ปี เมื่อคิดถึงว่าพวกเรากำลังทำหน้าที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญ อนาคตของเกรย์คาสเซิลมันก็คุ้มค่าที่จะรอคอย


โรแลนด์พยักหน้าอย่างพอใจ “ข้าอยากจะใส่อะไรบางอย่างเข้าไปในกระสุน เจ้าทำตามที่ข้าบอกก็พอ”


ความคิดของเขาง่ายมาก ในเมื่อ ‘แผ่นศิลา’ จะส่องแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาในตอนที่เกิดการเปลี่ยนรูปร่างอย่างรุนแรง อย่างนั้นขอเพียงยืมแรงปะทะของแรงขับดันดินปืน บางทีมันอาจจะทำให้เกิดผลแบบเดียวกับกระสุนส่องวิถีได้


หลักการทำงานของมันนั้นคล้ายๆ กับเครื่องบีบอัดขึ้นรูป โดยเขาจะทำการตัดช่องเป็นปากน้ำเต้าที่ค่อยๆ ลู่เล็กลงเอาไว้ที่ด้านในหัวกระสุน ส่วนด้านท้ายของหัวกระสุนจะแปะแผ่นศิลาแผ่นบางๆ แผ่นหนึ่งเอาไว้ ในตอนที่กระสุนถูกยิงออกไป แก๊สที่ขยายตัวจะดันแผ่นศิลาเข้าไปในปากน้ำเต้าและจะทำให้แผ่นศิลาไม่สามารถคืนสภาพเดิมได้แม้จะออกจากรังเพลิงไปแล้ว นั่นจะทำให้มันส่องแสงได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าแสงจะหมดไป


หลังอธิบายเพียงไม่กี่ประโยค อีกฝ่ายก็เข้าใจเจตนาของเขา


หลังจากนั้นหนึ่งวัน รายงานการทดสอบกระสุนก็มาวางอยู่บนโต๊ะทำงานของโรแลนด์


ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าวิธีนี้สามารถใช้ได้ผล หลังทำงานทดสอบอยู่หลายครั้ง กระสุนยี่สิบกว่านัดที่ทำการปรับปรุงมาสามารถส่องแสงออกมาได้อย่างชัดเจนต่อหน้าทุกๆ คน


เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก!


ที่ผ่านมาการทำศึกในเวลากลางคืนซึ่งมองไม่เห็นจุดตกของกระสุนนั้นเป็นจุดอ่อนสำคัญของกองทัพที่หนึ่ง ต่อให้ใช้พลุไฟ แต่การรบภายใต้แสงสลัวก็ยังไม่อาจทำให้การรบมีประสิทธิภาพดีเหมือนอย่างตอนกลางวันได้ นอกจากนี้ถ้าเอาปืนกลขึ้นไปติดบนเครื่องบินแล้วล่ะก็ ปัญหาที่ว่านี้ก็จะยิ่งเห็นได้ชัด ต่อให้เป็นช่วงเวลาที่ฟ้าเปิดไม่มีเมฆ แต่ตัวนักบินก็อาจจะไม่รู้ว่าตัวเองยิงกระสุนไปที่ไหน ถ้าสามารถใช้วิธีง่ายๆ แบบนี้มาทำให้เกิดผลเหมือนกระสุนส่องวิถีได้ เช่นนั้นมันก็จะเป็นประโยชน์ต่อสงครามแห่งโชคชะตาที่กำลังจะมาถึงแน่นอน


ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากสารเรืองแสงในกระสุนส่องวิถีแบบธรรมดานั้นจะถูกใช้จนหมดไปเรื่อยๆ ทำให้น้ำหนักและจุดศุูนย์ถ่วงเกิดการเปลี่ยนแปลง สุดท้ายก็จะทำให้วิถีกระสุนเบี่ยงออกจาก ด้วยเหตุนี้ในช่วงแรกที่มันถูกนำออกมาใช้ จึงมีคำพูดที่ว่า ‘·ถ้ากระสุนส่องวิถียิงถูก นั่นก็หมายความว่ากระสุนอื่นยิงไม่ถูก’ แต่ถ้าใช้ ‘แผ่นศิลา’ ที่ไม่มีวันหายไปเป็นไฟนำทาง ประสิทธิภาพของมันกลับจะดีกว่ากระสุนส่องวิถีแบบเดิมเสียอีก ขอเพียงเพิ่มความยาวของตัวกระสุนนิดหน่อย การบินของกระสุนส่องวิถีแบบใหม่ก็จะแทบไม่ได้ต่างอะไรจากกระสุนธรรมดาเลย


ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็อยู่ที่ว่าที่ดินแดนทางใต้สุดนั้นมี ‘แผ่นศิลา’ ให้ใช้มากน้อยเท่าไร


…..


หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ สองผู้ค้นพบซากโบราณสถานในทะเลทรายก็เดินทางมาถึงท่าเรือน้ำตื้น


ภายในห้องรับแขก โรแลนด์ถามถึงสิ่งที่พวกเขาค้นพบในถ้ำใต้ทะเลอีกครั้ง


ซึ่งคำตอบของทั้งสองคนก็เหมือนกับที่เขียนเอาไว้ในรายงาน ก่อนที่จะเจอกับแมงป่องยักษ์หุ้มเกราะ พวกเขาเพิ่งจะเดินสำรวจเข้าไปในถ้ำแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ส่วนด้านหลังของ ‘กำแพงแผ่นศิลา’ นั้นมีอะไรอยู่ พวกเขาก็ไม่รู้หมือนกัน


พูดอีกอย่างก็คือ ‘แผ่นศิลา’ ที่พวกเขามองเห็นอาจจะเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในถ้ำนั้น


เพราะเมื่อวิเคราะห์ดูจากภาพวาดบนกำแพงในวิหารต้องสาปแล้ว การที่ทำให้เลือดรวมกันกลายเป็นแม่น้ำได้ แสดงว่าจำนวนแผ่นศิลาที่ว่าต้องไม่ใช่น้อยๆ แน่


นอกจากนี้คำบรรยายส่วนหนึ่งของซิมบาดี้นั้นทำให้เขารู้สึกสนใจอย่างมาก นั่นก็คือสภาพแวดล้อมภายในถ้ำนั้นเหมือนกับโอเอซิสในซิลเวอร์สตรีม แม้แต่ดอกไม้แห่งเทวทูตในตำนานที่หายสาบสูญไปก็ยังปรากฏอยู่ในถ้ำนั้น


ถ้าอดีตทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลกลายเป็นทะเลทรายเพราะเทวทูตของสามเทพออกไปจริงๆ อย่างนั้นด้านล่างใต้ดินของแหลมเอนด์เลสมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกันถึงจะถูก


บางทีอาจจะเป็นเพราะตำนานที่ว่ามีการบิดเบือน หรือไม่ก็ที่นั่นยังมีอะไรอย่างอื่นแอบซ่อนอยู่อีก


เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะไปขุดทะเลทรายตรงนั้นขึ้นมาดู


หลังถามคำถามเสร็จ โรแลนด์ก็เรียกชาวฟยอร์ดคนนั้นให้อยู่ก่อน


“ชุดดำน้ำของเจ้าน่าสนใจอย่างมาก โบราณสถานที่ค้นพบก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อของเจ้าถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์” เขาค่อยๆ จิบชา “บอกตามตรง พอเห็นเจ้าสามารถนำเอาเครื่องจักรไอน้ำไปใช้ในสิ่งประดิษฐ์ใหม่นั้น ข้ารู้สึกแปลกใจอย่างมาก เพราะว่าคนส่วนใหญ่ที่ซื้อมันไป แค่จะใช้งานตามปกติก็ยังทำได้ลำบาก ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่เทคนิคที่ส่งไปจากโรงงานคอยให้คำชี้แนะ เกรงว่าพวกเขาคงได้แต่ยืนงงอยู่เฉยๆ แน่ เพียงแค่ความสามารถในการลงมือปรับปรุงแก้ไขมันของเจ้า เท้าข้างหนึ่งของเจ้าก็ได้ขึ้นมายืนอยู่บนแท่นรับรางวัลนักสำรวจกิตติมศักดิ์แล้ว”


“ขะ ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” ริคส์พูดอย่างตื้นตัน “กระหม่อมเองก็ใช้เวลาอยู่ครึ่งปีกว่าจะเข้าใจหลักการควบคุมมัน หากพระองค์ทรงต้องการ กระหม่อมสามารถสร้างชุดดำน้ำขึ้นมาถวายให้พระองค์ก่อนได้นะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหาเลยพ่ะย่ะค่ะ…”


“ไม่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ต้องการชุดดำน้ำของเจ้า” โรแลนด์ยิ้มเล็กน้อย “ความจริงแล้วขอเพียงข้าต้องการ ข้าสามารถสร้างชุดที่ดีกว่านี้ออกมาได้”


ริคส์กะพริบตาปริบๆ เหมือนคิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบกลับมาเช่นนี้ เขาทำหน้ากระอักกระอ่วนคล้ายว่ากำลังฝืนยิ้มออกมา “ฝ่าบาท…”


แต่โรแลนด์ก็พูดตัดบทเขาขึ้นมา “บางทีเจ้าอาจจะคิดว่าข้าพูดเกินจริง แต่ว่าข้าไม่ถือสาหรอก สิ่งที่ข้าต้องการจริงๆ ก็คือ…สมาคมของแปลก”


อีกฝ่ายตกตะลึงไปทันที “กระหม่อม…ไม่เข้าใจความหมายของพระองค์…”


“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพิสูจน์อะไร และข้าก็สามารถช่วยเจ้าทำให้มันเป็นจริงได้” โรแลนด์พูดตรงๆ “ตอนนี้ศาสตร์แห่งปราชญ์ในโลกนี้มีอยู่สองอย่าง นั่นคือโหราศาสตร์และการเล่นแร่แปรธาตุ ข้าคิดว่าสิ่งที่พวกเจ้าทำนั้นไม่ได้มีความสำคัญน้อยไปกว่าการเล่นแร่แปรธาตุเลย ทั้งคู่ต่างก็เป็นการสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อมนุษย์ทั้งสิ้น อย่างนั้นทำไมถึงจะยกให้ของแปลกกลายเป็นศาสตร์แห่งปราชญ์อย่างที่สามแล้วก็สร้างสมาคมอาชีพที่เหมาะกับมันขึ้นมาไม่ได้ล่ะ?”


ลมหายใจของริคส์ถี่กระชั้นขึ้นมา เขาเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ทันที ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นพูด เขาคงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลหรืออาจจะเป็นการพูดเสียดสี ถ้าเทียบกับสมาคมโหราศาสตร์และสมาคมเล่นแร่แปรธาตุที่มีชื่อเสียงโด่ดังแล้ว สมาคมของแปลกนั้นเรียกได้ว่าไม่มีค่าให้พูดถึงเลย แต่ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลนั้นไม่เหมือนคนอื่น ด้วยอำนาจและบารมีของพระองค์ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้


เขากลืนน้ำลาย ก่อนจะรู้สึกว่าคอของตัวเองนั้นแห้งผากขึ้นมาเล็กน้อย “อย่างนั้น….ค่าตอบแทนของมันคืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”


ในเมื่ออีกฝ่ายคิดจะช่วยให้สมาคมของแปลกมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา อย่างนั้นเขาก็ต้องมีเจตนาอื่นอยู่แน่


“ทั้งหมด”


“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ…?”


“แค่กๆ ไม่ ข้าหมายความว่าพวกเจ้าจะต้องมาทำงานให้ข้า” โรแลนด์กระแอมเล็กน้อย “ย้ายมาที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของเกรย์คาสเซิล ผลงานจากการวิจัยทั้งหมดจะเป็นของข้า รวมไปถึงสิทธิ์ในการขายและสิทธิ์ในการใช้งานมัน ส่วนพวกเจ้าก็จะได้รับชื่อเสียงเกียรติยศและเงินทอง รวมไปถึงสภาพแวดล้อมในการทำวิจัยที่ดีกว่า”


“กระหม่อม…” ริคส์ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี ถึงแม้สิ่งที่พวกเข้าสร้างออกมาจะโดนดูถูกและวิพากษ์วิจารณ์ แต่ถึงยังไงมันก็เป็นเหมือนกับลูกของตัวเอง ถ้าต้องมอบมันให้กับคนอื่นล่ะก็ เกรงว่าคนในสมาคมกว่าครึ่งคงไม่ยอมรับปากแน่


“ข้ารู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ลำบาก เจ้ากลับไปพักแล้วค่อยๆ คิดก่อนแล้วกัน” โรแลนด์ยืนขึ้น ก่อนจะเอาหนังสือที่อยู่ข้างตัวเล่มหนึ่งส่งให้เขา “หลังจากนี้สามวันค่อยให้คำตอบข้า”


“ฝ่าบาท นี่มัน…” ริคส์รับหนังสือมา ก่อนจะถามอย่างไม่เข้าใจ


“รางวัลตอบแทนที่เจ้าค้นพบซากโบราณสถาน” เขายิ้มมุมปากขึ้นมา


………………………………………………………………….


ตอนที่ 1132 ประโยชน์ของรางวัล

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังออกมาจากห้องรับแขก ซิมบาดี้ก็มารอเขาอยู่ในสวนของปราสาท


“เป็นยังไงบ้าง ชีคสนใจชุดดำน้ำของเจ้าไหม?” ชาวทะเลทรายถามอย่างตื่นเต้น หลังอยู่ด้วยกันมาอาทิตย์หนึ่ง ทั้งสองคนก็สนิทสนมกันขึ้นไม่น้อย เรียกได้ว่าเป็นเหมือนเพื่อนกันแล้ว “รางวัลที่ค้นพบซากโบราณสถานคืออะไรเหรอ? ตำแหน่งนักสำรวจใช่หรือเปล่า?”


ริคส์ส่ายหัวอย่างผิดหวังเล็กน้อย “พระองค์ไม่คิดที่จะซื้อชุดดำน้ำ….”


“อย่างนั้น…หรอกเหรอ” ซิมบาดี้พูดต่อทันที “แต่การที่ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลทรงไม่ต้องการมันก็ถือเป็นเรื่องปกติ เอาไว้ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปเมื่อไร สมาคมหอการค้าของฟยอร์ดจะสนใจสิ่งประดิษฐ์ของเจ้าแน่ ทะเลคือคลังสมบติ นี่เจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ?”


ใช่ เขาเคยพูดแบบนี้ ริคส์คิดในใจ ในเมื่อราชาแห่งเกรย์คาสเซิลเรียกพวกเขามาเข้ามา นั่นก็หมายความว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เมื่อดูจากการเรียกพบครั้งนี้ เขาจะต้องได้รับรางวัลอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตัวรางวัลหรือตำแหน่งนักสำรวจก็ล้วนแต่ทำให้เขากลายเป็นที่จับตามองและเป็นที่พูดถึงได้ แล้วก็จะทำให้ชื่อเสียงของชุดดำน้ำโด่งดังไปทั่วทั้งเกาะฟยอร์ด


แต่ว่า….


เขายิ้มแห้งๆ เล็กน้อน “รางวัลของฝ่าบาท…คือหนังสือเล่มหนึ่ง”


ซิมบาดี้ตกตะลึง “เจ้าว่าอะไรนะ?” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตามองไปยังหนังสือที่อยู่ในมืออีกฝ่าย “หรือว่า….”


“อันนี้เนี่ยแหละ” ริคส์พยักหน้าอย่างจนปัญญา ตัวหนังสือนั้นไม่หนา น่าจะมีประมาณไม่กี่สิบหน้า ยิ่งไปกว่านั้นบนปกยังไม่มีตัวหนังสือแม้แต่ตัวเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องขอบและการพิมพ์ลายที่ดูสวยงามเลย ต่อให้นี่เป็นสิ่งที่ขุนนางธรรมดาเป็นคนมอบให้เขา มันก็ค่อนข้างจะดูธรรมดาไม่หน่อย ดูแล้วไม่เหมือนรางวัลเลยแม้แต่น้อย


รางวัลแบบนี้ไม่มีทางนำเอาชื่อเสียงมาให้เขาได้ เผลอๆ ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้าก็มีแต่จะถูกหัวเราะเยาะเอาได้


“ชีคไม่ควรทำแบบนี้…” ซิมบาดี้กระทืบเท้า “ขนาดข้ายังได้รางวัล 20 เหรียญทองเลย แล้วเจ้าเป็นคนริเริ่มแผนการนี้ขึ้นมา เจ้าควรจะได้เยอะกว่าข้าถึงจะถูก”


ความจริงใจของชาวโมเกนทำให้ริคส์รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ควรไปแสดงความสงสัยผู้ปกครองที่มีอำนาจอยู่ในมือเพราะเรื่องนี้ เพราะว่าอีกฝ่ายได้ยื่นข้อเสอนที่จะทำให้ความปรารถนาของเขากลายเป็นจริงมาแล้ว เพียงแต่เขายังคงลังเลอยู่เท่านั้น


ในขณะนั้นเอง องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขา “ฝ่าบาททรงเตรียมที่พักเอาไว้ให้พวกเจ้าแล้ว เชิญตามข้ามา”


“ขอบคุณ…” เขารีบโค้งตัว จากนั้นก็ส่งสัญญาณบอกให้ซิมบาดี้เดินตามตัวเองมา ยังไงก็กลับไปดูเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ก่อนแล้วกัน


หลังเดินออกมานอกเขตปราสาทได้ไม่นาน ริคส์พลันได้สินเสียงร้องแปลกๆ เสียงหนึ่ง


มันเหมือนเป็นเสียงฟ้าร้องที่ดังต่อเนื่องมาจากท้องฟ้า แต่เขามีความชัดเจนมากกว่า


เขารู้สึกแปลกใจ ก่อนจะมองตามเสียงขึ้นมา


จากนั้นเขามองเห็นจุดดำลางๆ จุดหนึ่งอยู่บนท้องฟ้าสีน้ำเงิน


นกเหรอ? ในขณะที่ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมา เขาก็รีบกฏิเสธการคาดเดานี้ทิ้งไปทันที ระยะทางที่ว่าน่าจะอยู่ห่างกันหลายกิโลเมตร นกอะไรจะส่งเสียงได้ดังขนาดนี้?


ชาวทะเลทราบเองก็สังเกตเห็นเหตุการณ์ที่ว่านี้เหมือนกัน ร่างกายเขาหดเกร็งขึ้นมาเหมือนนักรบที่กำลังเตรียมพร้อมต่อสู้


“เจ้านั่น….กำลังพุ่งมาทางเรา!”


“ศัตรูเหรอ?” ริคส์อุทานออกมาอย่างแปลกใจ “ในเมืองหลวงของเกรย์คาสเซิลเนี่ยนะ?”


“ข้าไม่รู้…แต่ว่ามันไม่ใช่นกแน่นอน!”


“ใจเย็นๆ” องครักษ์ที่นำทางพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “นั่นเป็นเพียงของเล่นที่เจ้าหญิงลำดับที่ห้าทรงชื่นชอบ ถึงแม้ตอนแรกที่เห็นมันจะรู้สึกน่าเหลือเชื่อ แต่เดี๋ยวอยู่ที่นี่ซักสองสามวันพวกเจ้าก็จะชินไปเอง”


“ของเล่น…ของเจ้าหญิง?” ทั้งสองคนพบว่าตัวเองไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลย


“ฝ่าบาทเองก็ทรงเคยเตือนเจ้าหญิงทิลลีแล้วว่าอย่าพยายามออกมาจากลานฝึกบิน แต่เจ้าหญิงกลับคิดว่าพื้นที่ตรงนั้นเล็กเกินไป นอกจากเขตที่อยู่อาศัยของประชาชน เขตโรงงานกับทะเลน้ำวนแล้ว ก็เหลือแต่เขตปราสาทนี่แหละ” องครักษ์พูดต่อว่า “แต่ข้าคิดว่า พระองค์ทรงจงใจมาอวดฝ่าบาทมากกว่า”


พวกเขายังคงไม่เข้าใจ


แต่ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แค่ริคส์ก็มองเห็นความภาคภูมิใจที่ออกมาจากสีหน้าอีกฝ่าย


หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ จุดดำๆ ที่อยู่ตรงขอบฟ้าพลันบินเข้ามาอยู่ตรงหน้าตน เสียงคำรามของมันดังสนั่น ริคส์มองเห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในชีวิตของเขา


วัตถุโลหะที่มีปีกยาวออกมาคู่หนึ่งบินโฉบผ่านหัวของเขาไป เงาของมันใหญ่กว่าเกาะในทะเลหลายสิบเท่า เพียงแค่รูปร่างของมันก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงน้ำหนักอันมหาศาลของมันแล้ว แต่ในเวลานี้ อสูรเหล็กที่ดูหนักอึ้งตัวนี้กลับกำลังบินโฉบไปโฉบมาอยู่บนท้องฟ้า ขณะเดียวกัน เขายังมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนอสูรเหล็กที่ว่าด้วย ถึงแม้จะมองไม่ชัด แต่เขามั่นใจว่ามีคนกำลังนั่งอยู่บนตัวมันอย่างแน่นอน


ฟาน….


ภายในหัวริคส์มีชื่อคนๆ หนึ่งลอยขึ้นมาทันที


สมาคมของแปลกนั้นไม่ใช่สมาคมที่มีความเป็นกลุ่มเป็นก้อนเท่าไร เขาไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับอีกฝ่ายเท่าไรนัก เพียงแต่เคยไปดูปีกบินของเขาก่อนวันที่เขาจะเริ่มการทดสอบอย่างเป็นทางการหนึ่งวันเท่านั้น เอาจริงๆ แล้วเขาแอบรู้สึกไม่ชอบอีกฝ่ายอยู่นิดหน่อยด้วยซ้ำ เพราะว่าฟานมักจะเพ้อฝันถึงอะไรที่ไม่มีทางเป็นจริงได้ จนทำให้ชื่อเสียงของสมาคมของแปลกที่เดิมก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่


แต่ตอนนี้กลับมีคนที่ทำมันสำเร็จได้ แถมยังทำได้ยิ่งใหญ่กว่าเขาด้วย


ริคส์มองดูอสูรเหล็กสองปีกที่บินวนไปวนมาเหนือปราสาท ภายในใจเขาเหมือนมีคลื่นยักษ์ซัดสาดอยู่


……


องครักษ์พาทั้งสองคนมายังโรงแรมที่ชื่อว่า ‘ตึกการทูต’ พร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งว่า “ข้าชื่อฌอน ถ้าคิดได้แล้วก็ไปให้คำตอบข้าที่เขตปราสาทได้ทุกเมื่อ” จากนั้นเขาจึงหมุนตัวเดินออกไป


ซิมบาดี้ยังคงจมอยู่ในความตกตะลึง ปากเขาเอาแต่บ่นว่าสามเทพคุ้มครองด้วยๆ สักพักหนึ่งก็วิ่งไปมองนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเขาหวาดกลัวหรือว่าอยากจะเห็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อนั่นอีกครั้ง


ริคส์ขังตัวเองอยู่ในห้องนอน


เขาจ้องมองหนังสือที่ดูธรรมดาในมือของตนเหมือนต้องการจะมองให้เห็นความคิดของฝ่าบาทผ่านทางหนังสือเล่มนี้ หลังผ่านไปสิบห้านาที เขาจึงเปิดปกหนังสือออก


ภายในระยะเวลาสิบห้านาทีนี้ เขาตั้งข้อสมมติต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ตั้งแต่บันทึกธรรมดาไปจนถึงคำแนะนำเรื่องวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ หรือก็ไม่เป็นสัญญาที่แสร้งทำออกมาในรูปแบบหนังสือ หรือคำขู่ให้สมาชิกของสมาคมของแปลกทุกคนย้ายมาที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์


แต่ผลปรากฏว่ามันไม่มีอะไรอย่างที่เขาคิดไว้เลย


หน้าแรกเขียนเอาไว้เพียงประโยคเดียวว่า ‘กฎของแรงลอยตัว’


วัตถุที่จมลงไปในของไหลจะได้รับแรงลอยตัว โดยขนาดของแรงลอยตัวจะเท่ากับน้ำหนักของไหลที่อยู่วัตถุนั้นแทนที่ โดยจะมีทิศทางขึ้นจากศูนย์กลางของมวลของของไหลที่ถูกแทนที่


ถึงแม้ดูแวบแรกจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่หลังอ่านมันอยู่ในใจหลายรอบ ริคส์ก็ค่อยๆ ลืมตาโตขึ้น


เขารีบพลิกไปยังหน้าที่สองอย่างรวดเร็ว หน้าที่สองนั้นเป็นสูตรการคำนวณแบบสมบูรณ์ น่าจะเป็นเพราะคำนึงถึงเรื่องความสามารถในการทำความเข้าใจของเขาเอาไว้ ในแต่ละสูตรจึงมีการเขียนคำอธิบายเอาไว้อย่างละเอียด ยิ่งเขาอ่านไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งไม่สามารถละสายตาจากมันได้


ปริมาณ ความหนาแน่น แรงลอยตัว…คำนิยามเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา เรียกได้ว่าเขาคุ้นเคยกับพวกมันเป็นอย่างดี แต่ในเวลานี้เขากลับเหมือนเพิ่งจะเคยเห็นพวกมันเป็นครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น


ทุกๆ คำไม่ใช่การบรรยายแบบเป็นนามธรรมอีกต่อไป หากแต่มาพร้อมกับตัวเลขที่มีหน่วยของมัน วัตถุชิ้นหนึ่งจะจมหรือลอย จะจมลงไปแค่ไหน แค่ยกปากกาขึ้นมาคำนวณก็รู้แล้ว


ทันใดนั้นเองริคส์ก็นึกไปถึงเรือเหล็กขนาดยักษ์และบอลลูนที่เอาไปขายที่ฟยอร์ด พวกมันดูมีความชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำของเขา


เมื่ออ่านต่อไปก็เป็นอุปกรณ์ดำน้ำที่สามารถดำหรือลอยน้ำได้อย่างอิสระ ถึงแม้จะเป็นแค่แนวคิด แต่ถ้ามีสูตรคำนวณที่อยู่ข้างหน้า ริคส์คิดว่าเขาสามารถทำให้มันกลายเป็นจริงได้


และในสองสามหน้าสุดท้ายของหนังสือ เขาก็ได้เห็นเรือขนาดยักษ์ที่มีความแปลกประหลาดอย่างมากลำหนึ่ง มันทั้งสามารถลอยไปบนผิวน้ำได้เหมือนเรือทั่วๆ ไป แล้วยังสามารถดำลงไปในน้ำได้เหมือนปลา ขนาดที่ใหญ่โตของมันสามารถบรรจุคนได้หลายร้อยคน ต่อให้มีคลื่นลมแรงแค่ไหน สำหรับมันซึ่งสามารถดำลงไปในน้ำได้ก็ไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย


ริคส์ตกตะลึงไปทันที


ขณะเดียวกันภายในใจก็มีความรู้สึกสับสนขึ้นมา


มันเหมือนกับเขาเพิ่งจะก้าวไปข้างหน้าได้ก้าวเล็กๆ บนเส้นทางที่ไม่รู้จัก ในขณะที่เขากำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอยู่นั้น กลับมีคนอื่นมาชี้เส้นทางทั้งหมดให้เขาได้เห็น


เมื่อคิดถึงอสูรเหล็กที่ส่งเสียงคำรามผ่านหัวเขาไป ที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์แห่งนี้เหมือนจะไม่ได้มีเส้นทางแบบนี้เพียงแค่เส้นทางเดียว


เขาเข้าใจคำว่า ‘รางวัล’ แล้วว่ามันหมายความว่าอย่างไร


ถ้าเขาปฏิเสธเงื่อนไขของราชาแห่งเกรย์คาสเซิล อย่างนั้นอาศัยแค่เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้ เขาจะสามารถทำให้การดำน้ำก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่งได้ แต่อย่างมากที่สุดเขาก็คงทำได้เพียงอุปกรณ์ดำน้ำที่อยู่ในส่วนที่สองเท่านั้น ส่วนเรือดำน้ำที่อยู่ในส่วนที่สาม ชาตินี้ทั้งชาติเขาไม่มีทางสร้างมันขึ้นมาได้อย่างแน่นอน


แต่ถ้าตกลงรับคำเชิญของฝ่าบาท หนังสือเล่มนี้ก็จะกลายเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเกลี้ยกล่อมสมาชิกคนอื่นๆ และสมาคมของแปลกก็จะได้รับชีวิตใหม่


…………………………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)