Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1127-1128
ตอนที่ 1127 เตรียมทำศึก
โดย
Ink Stone_Fantasy
โรแลนด์วางรายงานลง เขาอดนึกถึงข้อมูลที่คาบราดาบีเผยออกมาไม่ได้
ศัตรูจากอาณาจักรซีสกาย
หรือเป็นเพราะปีศาจได้รับแรงกดดันจากอีกด้านหนึ่งมากไป ก็เลยทำให้พวกไม่สามารถทุ่มกำลังรบในที่ราบลุ่มบริบูรณ์อย่างเต็มที่ได้?
ทีมที่ปรึกษาเองก็มีแนวโน้มว่าจะคิดเช่นนี้เหมือนกัน เพราะไม่ว่าพวกมันจะแอบวางแผนใช้ลูกไม้อะไร สุดท้ายสิ่งที่จะเป็นการตัดสินชัยชนะในสงครามก็ยังเป็นการปะทะกันซึ่งๆ หน้า
ถึงแม้ผู้พิฆาตเวทมนตร์จะบุกมาเล่นงานลีฟถึงในสถานีปลายทางในป่าจนลีฟรับมือไม่ทัน แต่นั่นก็เป็นการเปิดเผยให้เห็นถึงความสามารถและร่องรอยของมัน ถึงแม้มันจะอยู่นอกขอบเขตการมองเห็นของดวงตาแห่งเวทมนตร์ และไอจากพลังเวทมนตร์ก็ยังรุนแรงจนซิลเวียสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ตอนนี้ ‘ดวงดาวสีแดง’ ดวงนั้นยังคงอยู่ในซากเมืองทาคิลา ทันทีที่มันมีความเคลื่อนไหว ซิลเวียก็จะรับรู้ได้ทันที
พูดง่ายๆ ก็คือปีศาจที่ยึดทาคิลาอยู่ในตอนนี้ได้เผยไพ่ตายออกมาหมดแล้ว ส่วนเมืองเนเวอร์วินเทอร์นั้นยังคงเพิ่มเบี้ยใหม่ๆ เข้าไป
เมื่อมีเสบียงและเงินที่เพียงพอ สำนักบริหารก็ทำงานการขยายขนาดกองทัพอีกครั้ง และการเกณฑ์ทหารครั้งนี้ก็ขยายขอบเขตไปทั่วทั้งอาณาจักร หลังจากการบริหารงานของเกรย์คาสเซิลถูกรวมเป็นหนึ่งเดียว ความสามารถในการระดมพลก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากที่บารอฟคำนวณเอาไว้คร่าวๆ แต่ละที่จะสามารถเกณฑ์ทหารมาได้มากกว่า 5,000 คน ซึ่งนี่เป็นจำนวนที่เท่ากับกองทัพที่หนึ่งเมื่อสองปีก่อน
คนที่ดูมีความกระตือรือร้นมากที่สุดเห็นจะเป็นคาลวิน เคนท์ที่ดูแลพื้นที่ทางเหนือ
เอาไว้เมื่อไรที่เจ้าหน้าที่ที่สำนักงานเมืองระดับเขตฝึกฝนขึ้นมามีความชำนาญจนสามารถดูแลพื้นที่ของตัวเองได้แล้ว จำนวนคนที่เกณฑ์มาได้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ทางด้านอาวุธ ปืนยาวระบบลูกเลื่อนกำลังเข้ามาแทนที่ปืนยาวลูกโม่ ผลพวงจากการที่จำนวนคนงานที่มีความช่ำชองในการผลิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ทำให้ปืนยาวที่จะทำการเปลี่ยนให้ทหารใหม่นี้มีความใกล้เคียงกับอาวุธที่อยู่ในมือของหน่วยแม่นปืน จะต่างกันก็เพียงไม่มีกล้องเล็งเท่านั้น
ถึงแม้ปืนยาวลูกโม่จะสามารถยิงได้เร็ว แต่ด้วยโครงสร้างของตัวมันทำให้มันมีความเร็วเริ่มต้นที่ต่ำ ระยะยิงสั้น ความแม่นยำน้อย ถ้าใช้จัดการกับพวกขุนนางอัศวินยังพอได้อยู่ แต่ถ้าเอาไปสู้กับปีศาจคุ้มคลั่งที่สามารถปาหอกได้ไกล 100 – 200 เมตรนั้นดูจะค่อนข้างเสียเปรียบไปหน่อย ซึ่งปืนยาวระบบลูกเลื่อนจะเข้ามาชดเชยในจุดนี้และทำให้ทหารมีความได้เปรียบได้เรื่องระยะทาง
ส่วนปืนยิงระเบิด RPG ที่เอาไว้สู้กับปีศาจระดับสูงและปีศาจแมงมุมเองก็เข้าสู่ขั้นตอนการผลิตเป็นจำนวนมากแล้ว อาวุธที่มีโครงสร้างเรียบง่าย ใช้วัสดุราคาถูกแบบนี้ไม่มีปัญหาใดๆ ในเรื่องเทคโนโลยีการผลิต ในอีกแง่หนึ่งมันถือว่าผลิตได้ง่ายกว่ากระสุนปืนด้วยซ้ำ เมื่อดูจากความเร็วในการผลิตตอนนี้แล้ว มันสามารถผลิตได้ทันใช้ในศึกตัดสินในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้แน่นอน
ถึงแม้กองทัพที่หนึ่งจะไม่มีการฝึกฝนการใช้อาวุธชนิดนี้ แต่การควบคุมได้ง่ายนั้นก็คือจุดเด่นของปืนยิงระเบิด RPG ไม่เหมือนทหารหน่วยปืนใหญ่ที่ต้องได้รับการฝึกฝนถึงจะสามารถใช้ปืนใหญ่ได้ ตามประวัติศาสตร์แล้ว อาวุธชนิดนี้ก็ถูกเอาไปใช้ในสนามรบเลย โดยให้ทหารไปฝึกฝนและเก็บประสบการณ์กันเองให้สนามรบเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้gรแลนด์จึงไม่กังวลปัญหาเรื่องนี้นัก
ในทางกลับกัน ปีศาจที่อยู่ในทาคิลากลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรนัก อกาธากับฟิลลิสวิเคราะห์ว่าศัตรูมีจำนวนอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 5,000 ตัวโดยดูจากเส้นทางส่งหมอกแดง สำหรับสมาพันธ์เมื่อ 400 ปีก่อนแล้ว บางทีนี่อาจจะมากพอให้เรียกได้ว่าเป็นศึกใหญ่ แต่สำหรับกองทัพที่หนึ่ง ปีศาจจำนวนเท่านี้ไม่ได้ถือว่าน่ากลัวเท่าไร
เนื่องจากศัตรูจำเป็นต้องใช้หมอกแดงในการดำรงชีวิต พวกมันจึงยากที่จะปิดบังหรือหลอกเรื่องความสามารถของพวกมันได้
ซึ่งนี่ก็เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดที่ทีมที่ปรึกษาใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์
บอกตามตรง โรแลนด์เองก็เชื่อในการวิเคราะห์นี้เหมือนกัน การจะไปมัวจินตนาการว่าศัตรูอ่อนแอหรือแข็งแกร่งนั้นไม่มีประโยชน์ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือไม่ไปบัญชาการส่งเดช ปล่อยให้คนที่เชี่ยวชาญกว่าเป็นคนรับผิดชอบแนวหน้าในสนามรบแทน
คงจะเป็นเพราะตัวเองนั้นไม่ใช่คนที่จะเป็นแม่ทัพได้จริงๆ ถึงได้เกิดความรู้สึกกังวลแบบนี้ขึ้นในใจ เขาคิดเยาะเย้ยตัวเอง
ในเมื่อมองไม่เห็นปัญหา อย่างนั้นก็อย่าเดาดีกว่า เอาไว้ถึงวันที่ทำศึกตัดสิน ทุกอย่างมันก็จะปรากฏออกมาเอง โรแลนด์ถอนใจออกมา ในขณะที่กำลังจะนวดศีรษะที่เมื่อยล้าของตัวเอง มือคู่หนึ่งก็มากดอยู่ตรงขมับแล้ว แรงที่กดลงมากำลังดี ไม่หนักไปไม่เบาไป
เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก
ไม่จำเป็นต้องสั่งการ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ นี่คือความรู้ใจที่เกิดขึ้นจากการอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลาสี่ปี แล้วก็เป็นสิ่งยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำศึกอยู่เพียงคนเดียว
เมื่อก่อนเขามักจะคิดเพ้อฝันว่าจะมีวันหนึ่งที่ตัวเองได้กลายเป็นผู้ปกครองที่เอาแต่กินนอนเที่ยวทั้งวัน แต่พอมาถึงจุดนี้จริงๆ เวลาทำงานในแต่ละวันกลับไม่ได้ลดลงเลย ทุกวันเขาต้องทำงานมากกว่า 8 ชั่วโมง แม้แต่การนอนก็กลายเป็นงานอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยบ่นเรื่องงาน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่เคยหยุดทำมัน
นั่นเป็นเพราะเขากำลังก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำเป้าหมายให้กลายเป็นจริง
และนั่นก็เป็นความฝันของหลายๆ คนด้วยเหมือนกัน
หลังหลับตาผ่อนคลายอยู่ครู่ โรแลนด์ก็เลื่อนสายตาไปยังรายงานอีกฉบับที่อยู่บนโต๊ะ
การค้นพบเกี่ยวกับแมงป่องยักษ์หุ้มเกราะและซากโบราณสถานลึกลับ
ถึงแม้เรื่องนี้จะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่เศษวัตถุโบราณที่แนบมาพร้อมกับจดหมายก็ทำให้ความน่าเชื่อถือของเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
รายงานฉบับนี้เรียกได้ว่าทำให้เขารู้สึกสนใจอย่างมาก เมื่อดูจากภาพที่อยู่บนผนังในวิหารต้องสาป การที่จะมีร่องรอยอารยธรรมโบราณอยู่ในแหลมเอนด์เลสนั้นไม่ถือเป็นเรื่องน่าแปลก ที่น่าแปลกก็คือการที่ค้นพบมันได้เร็วขนาดนี้
กำแพงแผ่นศิลาที่อยู่ในถ้ำใต้ทะเลนั้นทำให้เขานึกไปถึงซากศพของมนุษย์ไม้ขีดที่กองพะเนินเป็นเหมือนภูเขา ถ้าอีกฝ่ายเป็นอารยธรรมเมื่อพันปีก่อนจริงๆ มันก็น่าจะกลายเป็นฝุ่นไปหมดแล้ว และในฐานะที่เป็นผู้พ่ายแพ้ก็ยิ่งไม่น่าจะมีใครมาทำป้ายหลุมศพให้ อย่างนั้นทำไมถึงมีวัตถุที่เหมือนแผ่นศิลาเยอะขนาดนี้ นี่ช่างน่าสนใจจริงๆ
ตัวอย่างแผ่นศิลาที่ได้รับมาในตอนนี้ เขาได้ส่งให้เซลีนไปตรวขสอบเรื่องความปลอดภัยแล้ว เพราะว่าศัตรูที่สำคัญที่สุดของพวกมันก็คือเผ่ากัมมันตรังสี ในเรื่องความปลอดจึงไม่อาจประมาทได้
นอกจากนี้ ตัวคนที่เป็นคนค้นพบก็ยังน่าสนใจอย่างมาก อีกฝ่ายไม่ได้เป็นพ่อค้าชาวฟยอร์ดหรือว่านักสำรวจ หากแต่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมของแปลก
เขายังไม่ลืมเรื่องของคนที่สละชีวิตเพื่อการบินที่มาร์จอรีเล่าให้ฟัง
ด้วยเหตุหลังได้รับแจ้งเรื่องนี้มา โรแลนด์จึงสั่งการให้ทหารที่ประจำอยู่ที่ท่าเรือเรฟเวลรี่พาตัวสองคนนี้มาที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ทันที
เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้จริง
ส่วนเรื่องแมงป่องยักษ์หุ้มเกราะกลับเป็นส่วนที่ไม่สำคัญที่สุดในรายงาน มันมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นแค่สัตว์อสูรพันธุ์ผสมตัวหนึ่ง มันถึงได้มีเติบโตจนมีขนาดใหญ่อย่างนี้ ในเมื่อเขาได้รับตำแหน่งชีคมาจากการต่อสู้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว การเอามันไปบูชายัญแก่สามเทพจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นจริง ดังนั้นมอบหมายให้กองทัพที่หนึ่งที่อยู่ในพื้นที่เป็นจัดการก็พอ
ทันใดนั้นเอง นอกประตูพลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงประตูเกิดออก
“ผลการทดสอบออกมาแล้วเหรอ? เอามาให้ข้าดู…” โรแลนด์เงยหน้าขึ้นมา แต่คำพูดครึ่งหลังกลับติดอยู่ในลำคอ เดิมเขาคิดว่าคนที่มาคือองครักษ์ที่เอาผลการทดสอบจากเซลีนมาให้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มากลับเป็นทิลลี วิมเบิลดัน ยิ่งไปกว่านั้นคิ้วของเธอยังขมวดขึ้นเล็กน้อย สีหน้าดูแล้วไม่ค่อยดีซักเท่าไร
“เอ่อ…” ทันใดนั้นเอง โรแลนด์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอมาทำไม “ข้ามีเครื่องดื่มยุ่งเหยิงที่ทำออกมาใหม่อยู่สองสามขวด เจ้าอยากลองดูไหม…”
“ฝ่าบาท…แผนนี้เคยใช้ไปแล้วเพคะ” ไนติงเกลกระซิบข้างหูเขา
“ไม่ลอง!” ทิลลีเดินขึ้นมาที่หน้าโต๊ะทำงาน สองมือตบไปบนโต๊ะอย่างแรง ร่างกายเธอโน้มมาข้างหน้าเล็กน้อยเหมือนพยายามจะใช้ท่าทางดุร้ายมาชดเชยส่วนสูงที่มีไม่พอของเธอ “ท่านบอกว่าอีกครึ่งเดือนจะให้เครื่องบินต้นแบบที่บินได้กับข้า ตอนนี้มันผ่านมานานเท่าไรแล้ว?” เธอเขย่งเท้าขึ้นมาแล้วถามช้าๆ ชัดๆ ว่า”ท่านพี่ เครื่องบินที่ข้าต้องการล่ะ?”
………………………………………………………………..
ตอนที่ 1128 ยูนิคอร์น
โดย
Ink Stone_Fantasy
โรแลนด์มองดูดวงตาที่แผงเอาไว้ด้วยสายตำหนิและสงสัย แต่ภายในหัวเขากลับคิดว่าท่าทางของเธอเวลาต่อว่าเขาช่างดูน่ารักเสียจริง…เวลาเธออารมณ์ดี น้อยครั้งนักที่เธอจะเรียกเขาว่าพี่ชาย เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นหรือไม่ก็เวลาหงุดหงิดเธอถึงจะเรียกเขาว่าพี่ชาย นี่ทำให้เขารู้สึกอยากจะแกล้งเธอขึ้นมา
อะแฮ่มๆ ไม่สิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนี้…เขากระแอมเล็กน้อย ก่อนจะดึงความคิดตัวเองกลับมา “ตอนนี้เครื่องบินยังไม่เสร็จเรียบร้อย ดังนั้นชิ้นส่วนทุกๆ อย่างจึงต้องให้อันนาและโซโรย่าเป็นคนทำขึ้นมา ตอนนี้สงครามกำลังใกล้เข้ามา ภาระงานของพวกนางต่างมีอยู่มากมาย เจ้าน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ถึงแม้ข้าจะเขียนแบบเสร็จนานแล้ว แต่การจะสร้างมันออกมานั้น แค่ข้าคนเดียวไม่สามารถทำได้”
เมื่อรางเหล็กขยายยาวออกไป ระยะเวลาที่ซีกัลต้องบินไปกลับระหว่างแนวหน้ากับเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็เปลี่ยนจาก 1 – 2 วันกลายเป็น 3 – 4 วันต่อครั้ง ไม่ใช่ทิลลีกับเวนดี้ขี้เกียจ แต่เป็นเพราะงานหลายๆ อย่างนั้นไม่สามารถทำให้เสร็จได้ภายในวันเดียวได้ พวกเธอจึงต้องหยุดพักเพื่อรอเป็นเวลานานขึ้น
ในฐานะที่เป็นผู้รับส่งแม่มด ทิลลีย่อมต้องรู้ดีว่าทุกคนลำบากเพียงใด แม่มดจำนวนไม่น้อยขึ้นมาบนเครื่องบินก็หลับไปบนที่นั่งทันที ด้วยเหตุนี้ซีกัลป์จึงมีการเปลี่ยนเก้าอี้และพนักพิงที่มีความสบายมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นการเอาชนะปีศาจและยืดที่ราบลุ่มบริบูรณ์กลับมาก็เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดตอนนี้ เมื่อพูดถึงตรงนี้ ท่าทีของเธอก็ดูผ่อนคลายลงไปทันที ร่างกายที่โน้มไปข้างหน้าก็ถอยกลับมา “ข้าก็อยากจะลองขึ้นบินเร็วๆ จะให้ส่งอัศวินอากาศออกไปทำงานซักที…”
“วางใจได้ ความจริงตัวเครื่องบินน่ะเสร็จแล้ว เหลือแค่อุปกรณ์ช่วยเหลือบางอย่างที่ยังไม่ได้ติดตั้ง ดังนั้นขอแค่เจ้าอดทน…”
“เดี๋ยวๆ” ทิลลีพูดตัดบท “ตัวเครื่องสร้างเสร็จแล้วหมายความว่า….ไม่มีอุปกรณ์พวกนั้นก็ขึ้นบินได้ใช่ไหม?”
“เอ่อ” โรแลนด์รู้ทันทีว่าตัวเองหลุดปากออกไปแล้ว ในตอนนี้เจ้าหญิงลำดับที่ห้าไม่ใช่คนที่จะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการบิน การที่จะพยายามพูดเบี่ยงประเด็นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกต่อไป “…มันก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ว่ามันไม่เหมือนกับซีกัล ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรเวนดี้จะไม่สามารถช่วยเหลือได้ ถ้าเกิดควบคุมผิดพลาดล่ะก็…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็ค่อยๆ ปิดปากลง
เพราะว่าสายตาที่เป็นประกายของทิลลีได้พูดทุกอย่างออกมาแล้ว
เขาไม่สามารถปฏิเสธสายตาแบบนี้ได้
ไนติงเกลที่ยืนอยู่ด้านหลังหัวเราะออกมาเบาๆ ช่วงนี้เหมือนเธอจะมีความสุขที่ได้เห็นท่าทางของเขาเวลาที่พูดอะไรไม่ออก
หลังจ้องตากันอยู่นาน สุดท้ายโรแลนด์จึงถอนหายใจออกมา “เอาล่ะ ข้าจะแจ้งทางสนามบินให้เตรียมเครื่องเอาไว้ให้เจ้า”
“ต้องแบบนี้สิ” คิ้วของทิลลีที่ขมวดอยู่พลันคลายออกจากกัน ริมฝีปากก็ยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข
เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมา “แต่จำเอาไว้นะ ถ้าตอนที่บินมีอะไรเกิดขึ้นหรือว่าสูญเสียการควบคุมก็ให้ทิ้งเครื่องบินทันที เข้าใจไหม?”
“แน่นอน เพราะว่าเครื่องบินสามารถสร้างใหม่ได้ แต่นักบินอย่างข้าไม่สามารถหาใครมาแทนที่ได้” ทิลลีเอามือขึ้นมากอดอกอย่างภูมิใจ “ท่านกำลังคิดแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?”
….
ฐานการบินของเมืองเนเวอร์วินเทอร์
ตอนแรกที่นี่มันเป็นแค่ลานโล่งๆ ที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากรันเวย์สองเส้นแล้วก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นลานฝึกบิน แล้วก็จะกลายเป็นโรงเรียนกองทัพอากาศในอนาคตด้วย
ภายในลานทดสอบการบินที่มีกำแพงล้อมรอบ เครื่องบินที่ส่องประกายแวววาวลำหนึ่งถูกเข็นออกมาจากโรงเก็บเครื่องบินมาอยู่ที่ปลายสุดของรันเวย์
ทิลลีสูดหายใจ “นั่นคือ…เครื่องบินที่สร้างขึ้นมาให้ข้าเหรอ…”
“อื้อ” โรแลนด์พยักหน้า “มันชื่อยูนิคอร์น แรงขับเคลื่อนหลักของมันมาจากเครื่องยนต์สูบดาวห้าสูบ ตามหลักแล้วสามารถทำความเร็วให้กับเครื่องบินได้มากกว่า 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อให้เป็นอสูรสยองที่เร็วที่สุดก็ไม่สามารถไล่ตามมันได้
ในฐานะที่เป็นเครื่องบินที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเป็นลำแรก รูปลักษณ์ภายนอกของมันจึงแตกต่างจากซีกัลเป็นอย่างมาก สิ่งที่เห็นได้เด่นชัดมากที่สุดก็คือหัวที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ของมัน เพื่อที่จะให้มีพื้นที่กว้างพอที่จะบรรจุเครื่องยนต์ ส่วนหัวเครื่องบินจึงต้องล้มเลิกแนวคิดเรื่องอากาศพลศาสตร์และทำส่วนหัวเครื่องบินให้เป็นเหมือนถังเหล็ก
อันดับต่อมาคือใบพัดสองใบที่อยู่ตรงหัวเครื่องบินซึ่งเป็นส่วนที่ซีกัลไม่มี เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ลูกสูบที่ถูกนำมาใช้งานจริงเป็นเครื่องแรก ด้วยเหตุนี้ถึงแม้เขาจะมีข้อมูลให้ใช้อ้างอิงเป็นจำนวนมากจากในโลกแห่งความฝัน แต่เขาก็ไม่ได้พยายามที่จะสร้างออกมาให้ใกล้เคียงกับเครื่องบินสมัยใหม่ ในสถานการณ์ที่เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จมีไม่มากเท่าไรเช่นนี้ แค่ใบพัดไม้คู่ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
สุดท้ายก็คือตัวเครื่อง เนื่องจากยูนิคอร์นนั้นเป็นเครื่องบินรบ ความยาวไม่ถึง 9 เมตร เรียกได้ว่ายาวแค่ครึ่งเดียวของซีกัล ตัวเครื่องก็ไม่จำเป็นต้องบรรทุกผู้โดยสาร ด้วยเหตุนี้มันจึงดูค่อนข้างเล็ก แต่ภายในตัวเครื่องกลับมีความซับซ้อนกว่ามาก นอกจากระบบควบคุมแล้ว มันยังมีการติดตั้งพวกถังน้ำมันและท่อเชื้อเพลิงเข้าไปด้วย แล้วก็ยังต้องเหลือพื้นที่ให้ติดตั้งที่นั่งผู้ช่วยนักบินและอาวุธปืนเข้าไปอีก
“ยูนิคอร์นงั้นเหรอ….บางครั้งท่านก็ตั้งชื่อได้ไม่เลวเหมือนกันนะเนี่ย” ทิลลีรีบเดินเข้าไปใต้ปีกสองชั้น จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว “อุปกรณ์ช่วยเหลือที่ขาดอยู่มันต้องติดเอาไว้ตรงนี้ใช่ไหม?”
ตรงตำแหน่งที่ควรจะเป็นหน้าปัดตอนนี้ยังคงเป็นช่องว่างอยู่สองช่อง ถึงแม้เธอจะไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน แต่เธอก็เดาได้ว่าตรงนี้ยังประกอบไม่เสร็จ
“ถูกต้อง” โรแลนด์พยักหน้า “อุปกรณ์เหล่านี้หลักๆ แล้วเอาไว้แสดงความเร็วและระดับความสูง ซึ่งเป็นตัวเลขพารามิเตอร์ที่สำคัญที่สุดในการบิน ก่อนหน้านี้ที่เวนดี้เป็นคนควบคุมการทรงตัวของเครื่องบินนั้นไม่จำเป็นต้องรู้ตัวเลขพวกนี้ แต่ถ้าอยากจะอาศัยความสามารถของตัวเองในการควบคุมเครื่องบินจริงๆ ก็จำเป็นต้องคอยจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขพารามิเตอร์ทั้งสองตัวนี้อยู่ตลอดเวลา…”
“วางใจได้ ถึงแม้ข้าจะสร้างเครื่องบินไม่เป็น แต่ถ้าเป็นเรื่องเทคนิคการบินแล้วล่ะก็ ข้าเป็นอันดับหนึ่งในเกรย์คาสเซิลอย่างแน่นอน” เธอปีนขึ้นนั่งบนที่นั่งนักบินอย่างมั่นใจ
ตามหลักแล้วยูนิคอร์นนั้นมีแค่วาล์วคันเร่งที่เพิ่มขึ้นมาจากซีกัลป์เท่านั้น ตำแหน่งการวางคันควบคุมอื่นๆ ล้วนแต่เหมือนกันทุกอย่าง ก่อนหน้านี้ทิลลีก็เคยฝึกซ้อมกับแท่นฝึกซ้อมมาแล้วหลายครั้ง ตามหลักแล้วน่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ว่านี่เป็นเครื่องบินเครื่องใหม่ ทั้งน้ำหนัก ความคล่องตัว ความเร็วก็ล้วนแต่แตกต่างจากซีกัลอย่างมาก ระบบเครื่องจักรก็ยังไม่ได้รับการยืนยันความปลอดภัยแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้ามีเหตุอะไรเกิดขึ้นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
ความกังวลของโรแลนด์นั้นก็มาจากเรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าหากเครื่องบินตกลงมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มบิน ต่อให้ทิลลีมีความสามารถในการควบคุมที่ยอดเยี่ยม เกรงว่าเธอก็คงจะรับรู้อะไรไม่ได้เหมือนกัน ตอนแรกเขาคิดจะสร้างเครื่องต้นแบบเอาไว้หลายๆ เครื่อง เพื่อให้เธอใช้ทำความคุ้นเคยกับเครื่องบินรุ่นใหม่
แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ เกรงว่าการจะให้อีกฝ่ายล้มเลิกความคิดนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
“ฝ่าบาท ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ดูแลโรงเก็บเครื่องบินรายงาน
“งั้นเริ่มกันเลย” โรแลนด์หมุนตัวเดินออกมาจากรันเวย์
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หลังสั่งการออกไป คนงานสองคนเอาข้อเหวี่ยงเสียบเข้าไปในตัวสตาร์ทของเครื่องยนต์ ก่อนจะออกแรงหมุนมัน
เห็นๆ อยู่ว่าสิ่งที่กำลังทำการทดสอบอาวุธใหม่ล่าสุดในของมวลมนุษยชาติ แต่ภาพที่เป็นในตอนนี้เหมือนกับภาพสตาร์ทรถไถดินสมัยที่เขาเป็นเด็กเลย….โรแลนด์แอบบอกกับตัวเองว่า เอาไว้เมื่อเครื่องบินถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องสร้างแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้กับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ
“ปัง ปัง ปัง…” ในตอนที่ลูกสูบเริ่มหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ คนงานคนหนึ่งก็ปิดวาล์วลดแรงดัน น้ำมันในกระบอกสูบถูกจุดระเบิดขึ้นมาทันที เครื่องยนต์ส่งเสียงระเบิดดังออกมาสองสามครั้งพร้อมกับพ่นควันสีดำออกมา ไม่นานเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอย่างต่อเรื่อง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเสียงคำรามที่ดังสนั่นในตอนสุดท้าย
ใบพัดสองใบหมุนอย่างรวดเร็ว ตัวเครื่องบินค่อยๆ ไถลไปข้างหน้า เพียงแค่ 30 วินาทีหลังจากนั้น ยูนิคอร์นก็เชิดหน้าขึ้นแล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน!
………………………………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น