Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1115-1116

 ตอนที่ 1115 ทดสอบอาวุธใหม่

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ณ หุบเขาในเทือกเขาสิ้นวิถี


หลังจากที่ทำการทดสอบระเบิดนาปาล์มไปเมื่อครั้งที่แล้ว ที่นี่ก็กลายเป็นลานทดสอบอาวุธแห่งใหม่ของโรแลนด์ มันอยู่ใกล้ห้องทดลองตรงเนินทางเหนือมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้จะทดสอบอาวุธเสียงดังยังไงก็ไม่เป็นที่สังเกตของชาวเมืองด้วย หลังจากที่มีการบุกเบิกพื้นที่ในป่าเร้นลับได้มากขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่ทั้งในและนอกกำแพงเมืองทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือจึงมีผู้คนสัญจรไปมามากขึ้นกว่าเดิม การจะทำพื้นที่แบ่งเขตตรงทุ่งหญ้านอกเมืองเพื่อทำการทดสอบอาวุธเหมือนอย่างแต่ก่อนดูจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร


เมื่อคำนึงถึงเรื่องอานุภาพของอาวุธที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้การย้ายลานทดสอบอาวุธมาอยู่ที่นี่จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม


และสิ่งที่โรแลนด์จะทำการทดสอบในวันนี้ก็คือปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังต่อต้านปีศา­จที่ก่อนหน้านี้เขาตัดสินใจจะพัฒนาขึ้นมา


เนื่องจากมีทั้งความก้าวหน้าของระดับอุตสาหกรรมและความเพียบพร้อมทางวัตถุดิบ ทำให้อาวุธชนิดนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 5 วันในการทดสอบผลิตจนนำมาทดสอบใช้จริง ถือได้ว่าเป็นอาวุธที่ใช้เวลาสร้างเร็วที่สุดของเมืองเนเวอร์วินเทอร์


แต่ว่านี่เป็นเพราะว่ามันมีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อนด้วย


ในอีกโลกหนึ่งที๋โรแลนด์เคยอาศัยอยู่ พวกโจรก่อการร้ายกระจอกๆ ยังสามารถใช้ถังแก้สกับท่อน้ำมาทำเป็นปืน RPG ขนาดใหญ่ได้ พอเอาไปใส่บนรถกระบะก็กลายเป็นปืนใหญ่อัตตาจร ดังนั้นด้วยระดับเทคโนโลยีของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ในตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรที่จะผลิตอาวุธแบบนี้ขึ้นมา


‘แค่เล็งไปที่เป้าแล้วเหนี่ยวไกก็พอใช่ไหมเพคะ?’ อาลิเธียใช้หนวดรัดกระบอกปืนพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าเธอซึ่งเป็นอดีตนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงนั้นมีความสนใจในอาวุธชนิดใหม่นี้อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธนี้ยังสร้างขึ้นมาเพื่อเล่นงานปีศาจโดยเฉพาะด้วย


เพียงแต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้โรแลนด์รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย


สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อที่มีหนวดอยู่เต็มร่างกายนั้นเป็นแขกประจำในหนังสัตว์ประหลาด พวกมันบางตัวก็ปล่อยลำแสงออกมาจากดวงตาได้ บางตัวก็ใช้มีดดาบโล่เหล็ก บางตัวก็ใช้แรงดูดมหาศาลและน้ำเหนียวๆ ชนิดพิเศษในการสู้กับพวกผู้กล้า…แต่สัตว์ประหลาดที่ถือ RPG? เอ่อ…รู้สึกเหมือนมีอะไรแปลกๆ


ที่เขาให้ร่างต้นแบบมาเป็นคนทำการทดสอบอาวุธก็เพราะคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย เพราะถ้ากระสุนระเบิดมันเกิดระเบิดลั่นขึ้นมา ทหารที่ถือปืนอยู่คงโดนระเบิดจนเละแน่ ต่อให้เป็นแม่มดอาญาสิทธิ์ก็คงไม่ดีไปกว่ากันเท่าไร มีแต่ร่างต้นแบบเท่านั้นที่สามารถยืดหนวดออกไปจนถึงระยะปลอดภัยแล้วค่อยทำการยิงได้


“อย่าให้ท้ายปืนหันมาหาตัวเองกับคนอื่นๆ ก็พอ” โรแลนด์กระแอมเล็กน้อย “เริ่มได้”


อาลิเธียพยักหนวดหลักก่อนจะเหนี่ยวไกปืน


แสงไฟพุ่งออกมาจากกระบอกปืน ก่อนจะบินตรงไปหาเป้าที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตร


หลังลอยเป็นเส้นโค้งเล็กน้อยอยู่ในอากาศ สุดท้ายกระสุนก็ตกลง…ด้านล่างของเป้าอย่างแม่นยำ หลังมีเสียงระเบิดดังขึ้นมา กล่องเหล็กที่ถูกวางให้เป็นเป้าก็ตีลังกาไปด้านหลังสองรอบ ดูแล้วเหมือนไม่มีความเสียหายใดๆ เลยแม้แต่น้อย


เมื่อเทียบกับปืนใหญ่ป้อมหรือระเบิดนาปาล์มที่มีอานุภาพรุนแรงแล้ว นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการทดสอบที่ดูน่าตื่นเต้นน้อยที่สุดแล้ว อย่าว่าแต่แสงไฟจากการระเบิดเลย แม้แต่ฝุ่นควันกับเศษหินที่ฟุ้งกระจายขึ้นมาก็ยังแทบไม่มี แค่ไม่กี่อึดใจก็ถูกลมพัดหายไปจนหมดแล้ว


“เอ่อ….” ทุกคนทำหน้ากระอักกระอ่วนออกมา


มีเพียงโรแลนด์เท่านั้นที่ยิ้มเล็กน้อย “ไปเอามันมาดูหน่อย”


แม่มดอาญาสิทธิ์สองคนวิ่งไปแบกกล่องเหล็กกลับมา


“นี่มัน….”


พอเอามาดูใกล้ๆ ทุกคนถึงได้พบว่าด้านล่างกล่องกลายเป็นแถบสีขาวเหมือนถูกอะไรบางอย่างเผาอย่างไรอย่างนั้น ส่วนตรงกลางแถบขาวนั้นมีรูบุบขนาดประมาณ 3 นิ้วมืออยู่รูหนึ่ง


‘ทะลุเหรอ?’ พาซาร์ถามอย่างสงสัย ‘ความเร็วของมันถึงแม้จะไม่ช้า แต่มันก็ไม่ได้เร็วมากเท่าไร อย่างน้อยก็ยังพอมองเห็นได้…ปืนลูกโม่ยังยิงลังนี่ไม่ทะลุเลยไม่ใช่เหรอ?’


‘ต่อให้เป็นปืนกลแม็กซิมก็ไม่แน่ว่าจะยิงทะลุได้’ อาลิเธียขยับเข้ามา ‘โลงเหล็กนี่สร้างเลียนแบบเสาหินที่ปีศาจแมงมุมยิงออกมา แต่ละด้านมีแผ่นเหล็กหนาหนึ่งนิ้วหุ้มเอาไว้อยู่ การจะยิงให้ทะลุนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เออใช่ ข้างในมีของที่ใช้ทดสอบอยู่นี่ เปิดออกมากันเถอะ’


เธอยื่นหนวดออกมาสองเส้น ก่อนจะเปิดฝาลังที่หนักอึ้งออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นพากันส่งเสียงอุทานตกใจออกมา


เพื่อที่จะจำลองตัวปีศาจที่อยู่ภายในเสาหิน ภายในกล่องจึงมีการใส่ไก่เป็นๆ เอาไว้หลายตัวแล้วใช้ลวดเหล็กมันติดเอาไว้กับผนังกล่องด้านใน แต่ตอนนี้ด้านในกล่องเหลือเพียงแต่เศษเนื้อเละๆ อยู่ไม่กี่ชิ้น แล้วก็ขนไก่ที่มีกลิ่นไหม้


“ดูเหมือนจะใช้ได้เลยนะเนี่ย” โรแลนด์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ สำหรับผลที่ออกมาเช่นนี้ เขาไม่รู้สึกแปลกใจอะไร กลับกลายเป็นเรื่องที่อาลิเธียสามารถยิงถูกเป้าตั้งแต่ครั้งแรกมากกว่าที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ จากที่เขาคิดเอาไว้ตอนนี้ อย่างน้อยก็ต้องยิง 5 – 6 นัดถึงจะเข้าเป้า


เรื่องที่ว่าไม่มีเปลวไฟที่ลุกโยนและเสียงที่ดังสนั่นนั้นอยู่ในการคำนวนของเขาตั้งแต่แรกแล้ว มีน้ำหนักสมมูลเท่าไร มันก็จะมีแสงสว่างมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นกฎที่ไม่อาจทำลายได้ แต่ถ้าอยากจะเพิ่มน้ำหนักสมมูลให้มากขึ้น มันก็จำเป็นต้องมีค่าตอบแทน ซึ่งสิ่งแรกที่จะมันจะส่งผลกระทบก็คือความเร็วในการยิง


ในกรณีที่ปริมาณดินปืนที่ใช้ในการยิงเท่ากัน กระสุนหัวยิ่งใหญ่ แรงต้านก็จะยิ่งมาก หัวกระสุนยิ่งหนัก ความเร็วในการยิงก็จะยิ่งช้า เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการยิงถูกปีศาจระดับสูงให้ได้มากที่สุด โรแลนด์จึงล้มเลิกความคิดที่จะใช้ประโยชน์จากขนาดลำกล้องปืนที่ใหญ่ ตัวกระสุนแทบจะมีขนาดเท่ากับกระสุน 40 มม. หัวกระสุนเป็นทรงกรวยเพื่อลดแรงเสียดทานจากอากาศ


เมื่อดูจากผลการยิงแล้ว ความเร็วและความนิ่งของหัวกระสุนนั้นเป็นที่น่าพอใจอย่างมากทีเดียว ถึงแม้จะมีขนาดเล็กกว่าพันแซร์เฟาสท์มาก แต่มันก็สามารถยิงทะลุเกราะหน้าสิบมิลลิเมตรได้สบายๆ


“พวกเจ้าคิดว่าอาวุธนี่จะยิงถูกปีศาจระดับสูงหรือเปล่า?” โรแลนด์มองไปทางพวกพาซาร์


‘เอ่อ….’ คนที่พูดขึ้นมาเป็นคนแรกคืออาลิเธีย ‘ในบรรดาปีศาจระดับสูงนั้นจะมีการแบ่งระดับความแข็งแกร่งลงไปอีก เหมือนกับอมนุษย์และสุดยอดอมนุษย์ ทำให้ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้เพคะ ถ้าเป็นพวกที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วหรือไม่ก็ผู้พิฆาตเวทมนตร์ ทูลตามตรง…ความเป็นไปได้ที่จะยิงถูกมันแบบตรงๆ นั้นมีไม่มากเท่าไร ถึงแม้กระสุนถูกยิงออกไปแล้ว แต่พวกมันก็ยังมีเวลาเหลือพอให้หลบได้เพคะ แต่ว่า….’


เธอชะงักไปเล็กน้อย น้ำเสียงฟังดูฮึกเหิมมากขึ้น ‘นี่ถือเป็นอาวุธที่ก้าวข้ามยุคสมัยเลยก็ว่าได้เพคะ เพราะว่ามันทำให้ระยะห่างของมนุษย์กับปีศาจหดสั้นลง ทำให้เรามีโอกาสที่จะใช้ความได้เปรียบในเรื่องจำนวนเอาชนะได้เพคะ!’


‘ถูกต้อง’ พาซาร์ยิ้มตามขึ้นมา ‘คนธรรมดาสามารถโจมตีปีศาจระดับสูงได้ หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีใครกล้าที่จะจินตนาการถึงเรื่องนี้แน่เพคะ ถ้าในยุคสมัยทาคิลามีอาวุธเช่นนี้ ท่านนาตาย่าคงจะนอนหลับฝันดีอย่างแน่นอนเพคะ’


‘ยิ่งไปกว่านั้นหม่อมฉันยังมีวิธีที่จะทำให้โอกาสในการยิงถูกศัตรูเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากด้วยเพคะ’ อาลิเธียโบกหนวดหลัก


“โอ้?” โรแลนด์มองไปทางเธอ “ทำยังไงเหรอ?”


‘ให้แม่มดอาญาสิทธิ์ใช้มันเพคะ’ เสียงของอาลิเธียเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ‘มีเพียงอมนุษย์เท่านั้นที่จะตามปีศาจระดับสูงได้ทัน ถ้าถูกยิงระยะประชิด ต่อให้ศัตรูแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางหลบพ้นแน่เพคะ!’


“วางใจได้ ในเมื่อมันเป็นอาวุธประจำตัว ทหารทุกคนย่อมต้องมีมันคนละกระบอกอย่างแน่นอน” โรแลนด์ยิ้มๆ “แม่มดอาญาสิทธิ์ก็เหมือนกัน”


เขาแอบคำนวณอยู่ในใจว่าการทดสอบขั้นต่อไปจะเป็นเรื่องของการเพิ่มอานุภาพของอาวุธโดยคงเรื่องความเร็วในการยิงและต้นทุนการผลิตเอาไว้เท่าเดิม นอกจากนี้โรแลนด์ยังคิดจะผลิตปืนรุ่นที่มีขนาดลำกล้องปืนที่ใหญ่ออกมาด้วย ถึงปีศาจระดับสูงจะวิ่งได้ไว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกปีศาจแมงมุมมันจะวิ่งได้ไวเหมือนกัน ช้าเร็วเขาก็ต้องบุกโจมตีเมืองปีศาจ ยังไงก็ต้องได้เจอปีศาจแมงมุมอีกแน่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพัฒนากระสุนชนิดใหม่เอาไว้ก่อน


ในขณะที่โรแลนด์กำลังครุ่นคิด องครักษ์คนหนึ่งพลันนำข่าวเข้ามาแจ้ง


“ฝ่าบาท ตอนนี้ทีมสำรวจที่พระองค์ทรงส่งไปยังอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทได้เดินทางมาถึงท่าเรือแล้ว ท่านฌอนกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”


…………………………………………………………………



ตอนที่ 1116 ห้องทดลองใต้ดิน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ห้องทำงานภายในปราสาท


หลังฟังฌอนรายงานมาเป็นเวลาสองชั่วโมง


สรุปแล้วก็คือปฏิบัติการครั้งนี้ถือว่าราบรื่นเป็นอย่างมาก โซอี้กับเบ็ตตี้ไม่เพียงแต่จะนำเอาสมบัติโบราณกลับมาด้วย แต่พวกเธอยังใช้ประโยชน์จากทหารอาญาสิทธิ์ที่ยึดมาได้ทำการกวาดล้างเกาะอาชดยุคจนเรียบร้อย เครื่องประดับล้ำค่าต่างๆ กองอยู่เต็มห้องโดยสารในเรือ ส่วนฐานรากของเฮอร์มีสที่ปักหลักอยู่ที่นี่ได้ถูกกำจัดจนสิ้นซาก หลังจากนี้ไม่ว่าขุนนางคนไหนของวูล์ฟฮาร์ทจะไปยึดครองเกาะเกาชดยุคก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนจักรอีกต่อไป


ส่วนทางด้านผู้ที่เดินทางไปด้วย เคแกน เฟสรีบบอกลาหัวหน้าองครักษ์ทันทีที่ลงจากเรือ เขาพาลูกศิษย์ของตัวเองกลับไปยังโรงแรม น่าจะเป็นเพราะอยากจะรีบเขียนผลงานเรื่องใหม่ออกมาให้เร็วที่สุด


ส่วนฟาร์รีน่ากับโจที่เป็นสมาชิกของศาสนจักรนั้นถูกนำตัวไปขังไว้ในคุกเพื่อรอการไต่สวนจากกองสันติบาล


“ทั้งสองคนนี้ฝากเจ้าจัดการด้วยนะ” โรแลนด์เหลียวหน้ามาพูดเสียงเบาๆ


ไนติงเกลหยิกไหล่เขาเบาๆ เพื่อบอกว่ารับทราบ


“อย่างนั้นลูกบาสก์เวทมนตร์แห่งการบูชายัญในตำนาน…อยู่ในกล่องตะกั่วนี้เหรอ?” โรแลนด์มองดูกล่องสีเทาที่อยู่ข้างเท้าฌอน จากคำบอกเล่าของแฮร์กริด ขนาดของมันประมาณหนึ่งฝ่ามือ รูปทรงเหมือนลูกบาศก์สี่เหลี่ยมที่ถูกสกัดออกมาจากก้อนหิน เมื่อคิดถึงเรื่องความอันตรายจากการปล่อยรังสีที่รุนแรงของมัน เขาจึงได้สั่งให้ทีมช่วยเหลือเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า


“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคอยมันตามที่พระองค์รับสั่ง นอกจากนี้ยังไม่ให้ใครมาสัมผัสมันนอกจากเลดี้โซอี้กับเลดี้เบ็ตตี้พ่ะย่ะค่ะ” ฌอนตอบ “แต่ก่อนที่จะเอามันใส่ลงไปในกล่อง กระหม่อมได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างของมันพ่ะย่ะค่ะ”


“ผิดปกติยังไง?”


“ฝ่าบาท พระองค์ทรงจำจดหมายลับที่กระหม่อมส่งให้พระองค์ เรื่องสาเหตุที่โรแลนโซ่ส่งแฮกริดไปสืบข่าวที่เคจเมาเธ่นได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”


โรแลนด์ครุ่นคิด “เพราะสมบัติที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเกือบร้อยปีส่องแสงสีน้ำเงินออกมาเหรอ?”


“พ่ะย่ะค่ะ” ฌอนพยักหน้า “หลังจากที่เลดี้โซอี้นำเอาลูกบาศก์กลับมา คำพูดประโยคหนึ่งของนางทำให้กระหม่อมรู้สึกสนใจอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ นางบอกว่า ‘แสงสีน้ำเงินที่อยู่บนลูกบาศก์เหมือนกำลังวิ่งไปวิ่งมาเลย’ พอได้ยินดังนั้น กระหม่อมก็เลยสังเกตดู ก่อนจะพบว่าลำแสงนั้นมันวิ่งตรงมาหากระหม่อมเหมือนกับเข็มทิศเลยพ่ะย่ะค่ะ ทูลตามตรง ตอนนั้นกระหม่อมรู้สึกตกใจจนเกือบจะโยนมันลงพื้นเลยพ่ะย่ะค่ะ”


นี่ัเหมือนเขากำลังฟังคนเล่าเรื่องผีเลยนะเนี่ย โรแลนด์รู้สึกขนลุกขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกัน แต่สีหน้าเขายังคงไม่เปลี่ยนไป “แล้วเจ้าเจอสาเหตุไหม?”


“เหมือนจะเจอพ่ะย่ะค่ะ” ฌอนหยิบเอาของบางอย่างออกมาวางบนโต๊ะทำงาน “หลังกระหม่อมใจเย็นลง กระหม่อมจึงคิดว่าสมบัติโบราณคงไม่มีทางที่จะมีปฏิกิริยาอะไรกับคนธรรมดา มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้มันเป็นเช่นนั้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ หลังทำการตรวจสอบดู สุดท้ายกระหม่อมจึงพบว่าแสงนั่นไม่ได้วิ่งเข้ามาหากระหม่อม หากแต่เป็นเหรียญอันนี้พ่ะย่ะค่ะ”


เหรียญที่ว่าก็คือแผ่นยูเรเนียมความเข้มข้นสูงที่เอาไว้หาแหล่งยูเรเนียม หลังอาซีม่ากลับมายังเมืองเนเวอร์วินเทอร์ มันก็ตกอยู่ในความดูแลของฌอน


พูดอีกอย่างก็คือลูกบาศก์เวทมนตร์รับรู้ได้ถึงเหรียญยูเรเนียม มันถึงได้ส่องแสงขึ้นมาอีกครั้งเหรอ?


นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ….


โรแลนด์ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ภารกิจครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ”


“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”


หลังฌอนออกไปแล้ว ไนติงเกลจึงปรากฏกายออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปดูกล่องตะกั่วที่วางอยู่บนพื้น


“ทำไม เห็นอะไรงั้นเหรอ?”


“นี่เป็นของที่สร้างขึ้นมาจากพลังเวทมนตร์เพคะ” เธอพูดอย่างมั่นใจ “ถึงแม้ดูภายนอกมันจะเหมือนก้อนหินธรรมดาๆ แต่ตอนที่อยู่ในหมอกมายา หม่อมฉันมองเห็นแสงที่คล้ายกับพายุเวทมนตร์เพคะ เหมือนกับแกนเวทมนตร์ของแม่มดทาคิลาเลยเพคะ”


ใช่จริงๆ ด้วย โรแลนด์คิดในใจ เกรงว่าอิทธิพลของพลังเวทมนตร์ที่มีต่อโลกนี้คงจะลึกซึ้งเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ถึงเสียแล้ว เสียดายที่เมื่อดูจากข้อมูลที่มีอยู่ในมือตอนนี้ การวิจัยและการใช้งานพลังเวทมนตร์ของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ยังคงมีความแตกต่างกันมา ภายใต้สถานการณ์ที่ขาดเครื่องมือในการวิเคราะห์ เขาจึงไม่สามารถทำการวิจัยอย่างเป็นระบบได้


แต่เขาก็เข้าใจดีเช่นเดียวกัน อย่างสูตรเอมพิริกัลมันก็เป็นสูตรเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นสูตรอย่างง่าย แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ก็เหมือนกับตอนที่ทฤษฎีกลศาสตร์คลาสสิกยังไม่ปรากฏขึ้นมา มนุษย์เราก็สร้างเครื่องมือต่างๆ ขึ้นมาจากการสำรวจและการลงมือทดลองทำจริงๆ ตอนนี้เมื่อมีสิ่งใหม่มาให้ทำการสำรวจ เขาก็ย่อมไม่มีทางปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้ผ่านไปแน่


“ไปเมืองชายแกนที่สาม” เขาพูด “ไม่รู้ว่าทางเซลีนเตรียมห้องทดลองเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง”


ไม่ว่ายังไง ก่อนที่วัตถุโบราณที่ถูกเรียกว่าคำสาปนี้จะได้รับการยืนยันเรื่องความปลอดภัย เขาก็ไม่ควรเอามันมาเก็บไว้ในปราสาท


…..


‘ทำไมพระองค์ถึงเสด็จกลับมาล่ะเพคะ?’ หลังเข้าไปในโถงได้ดิน พาซาร์ก็รีบเข้ามารับเสด็จทันที ‘อาวุธใหม่มีปัญหาหรือเพคะ?’


โรแลนด์ส่ายหัว “เรื่องถ้ำที่ข้าวานให้เซลีนสร้างก่อนหน้านี้ ตอนนี้คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”


‘อ่อ พระองค์ทรงหมายถึงห้องทดลองลับที่ทำจากโลหะนั่นเหรอเพคะ นอกจากบันไดขึ้นลง ส่วนอื่นๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ ตอนนี้นางกำลังอยู่ในห้องลับพอดี พระองค์อยากจะทอดพระเนตรไหมเพคะ?’


หลังได้รับคำตอบ พาซาร์ก็โค้งหนวดหลักลง ‘เชิญเสด็จตามหม่อมฉันมาเลยเพคะ’


เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนตอนที่โรแลนด์ตัดสินใจส่งแม่มดอาญาสิทธิ์ไปยังอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ท เขายังได้ให้เซลีนเริ่มเตรียมมาตรการรับมือที่จำเป็นด้วย นั่นคือห้องทดลองแบบปิดตายที่มีความสามารถเหมือนโล่ที่หลบซ่อนอยู่ใต้ดิน


ถ้าลูกบาศก์เวทมนตร์สามารถแผ่รังสีความเข้มข้นออกมาได้อย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ อย่างนั้นการเอามันไปทดลองดูด้านบนพื้นนั้นเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงอย่างไม่ต้องสงสัย ในตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าพลังของนาน่าจะรักษาโรคจากการแพ้รังสีได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงต้องป้องกันเอาไว้ก่อน


ในขณะที่ตามร่างต้นแบบเดินลงไปด้านล่าง โรแลนด์ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทออกมาคร่าวๆ


‘อย่างนี้นี่เอง’ พาซาร์พูดยิ้มๆ ‘การมอบมันให้เซลีนเป็นคนจัดการคือการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้วเพคะ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเวทมนตร์หรือการไขปริศนาวัตถุโบราณ นางก็เรียกได้ว่าเป็นหัวกะทิของสมาพันธ์เลยเพคะ หลังเปลี่ยนเป็นร่างกายนี้ ทักษะของนางก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ถ้าเป็นคนอื่นหม่อมฉันไม่กล้าพูดหรอกเพคะ แต่หม่อมฉันคิดว่าหากเป็นสมัยที่ทาคิลายังไม่แพ้สงคราม เซลีนอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่เลือกจะรวมร่างเข้ากับร่างเปลือกนี้เพคะ’


“หาา…” ไนติงเกลทำสีหน้าสะอิดสะเอียนออกมา “เจ้าหมายความว่านางชอบ…ก้อนเนื้อหนวดๆ นี่มากกว่าร่างเดิมของนางเหรอ?”


‘ถ้ามันช่วยในเรื่องการไขความลับของโลกนี้แล้วล่ะก็’ พาซาร์ขยับหนวด ‘สมัยที่นางอยู่ในสมาพันธ์ สิ่งที่นางบ่นอยู่บ่อยๆ ก็คือมีมือไม่มากพอ ร่างกายเหนื่อยล้าเร็วเกินไป ถ้าตอนนั้นพวกเรารู้วิธีในการถ่ายโอนวิญญาณล่ะก็ นางก็อาจจะเลือกแบบนั้นจริงๆ ก็ได้’


หลังเดินไปไม่กี่นาที ทุกคนก็เดินมาถึงสุดปลายอุโมงค์ทางลง โพรงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสามคน


‘ตรงนี้คือประตูทางเข้า แต่ว่าบันไดสำหรับใช้ขึ้นลงยังต้องใช้เวลาอีกสองสามวันถึงจะสร้างเสร็จเพคะ’ พาซาร์ปล่อยหนวดหลักให้ห้อยตกลงมา ‘เชิญปีนขึ้นมาเลยเพคะ’


“เอ่อ…มีแค่วิธีนี้ถึงจะลงไปได้เหรอ?” ไนติงเกลมองดูหนวดเล็กๆ ที่ขยับไปมาบนร่างกายอีกฝ่าย เธอดูเหมือนจะรู้สึกกลัวเล็กน้อย


‘นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้ว’ พาซาร์พูดปลอบ ‘วางใจได้ หนวดเล็กๆ พวกนี้มีความยืดหยุ่นสูงมาก ถึงจะโดนเหยียบก็ไม่เป็นอะไร’


โรแลนด์สูดหายใจ ก่อนจะปีนขึ้นไปบนหัวของร่างเปลือก เดิมเขานึกว่าจะรู้สึกเหมือนอยู่บนตัวหนอนที่น่าขนลุก แต่ความจริงแล้วมันกลับนุ่มเหมือนกับพรมอย่างไรอย่างนั้น


กระทั่งไนติงเกลปีนตามขึ้นมา พาซาร์จึงมุดเข้าไปในโพรง ก่อนจะไถลตัวลงไปด้านล่างโพรงอย่างรวดเร็ว


หลังลงไปเกือบร้อยเมตร เธอก็ค่อยๆ ชะลอความเร็วและหยุดลง ห้องทดลองโลหะที่สะท้อนประกายเยือกเย็นแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าโรแลนด์


…………………………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)