Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1043-1045
ตอนที่ 1043
ความท้าทายครั้งใหม่
โดย
Ink Stone_Fantasy
“คำถาม?” โรแลนด์พูดทวนขึ้นมา คำนี้ฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไรเลย
‘เชิญตามหม่อมฉันมาเลยเพคะ’ พาซาร์หมุนตัวแล้วพาทุกคนเดินเข้าไปในถ้ำๆ หนึ่งที่อยู่ในโถง กำแพงหินภายในโถงนั้นถูกเจาะให้เป็นช่องขนาดเท่าๆ กัน ข้างในนั้นมีหนังสือและม้วนเอกสารต่างๆ นาๆ กองอยู่เต็มไปหมด เผลอๆ ยังจะมากกว่าหนังสือในห้องสมุดของวิหารลับเสียอีก ‘เซลีน ฝ่าบาทมาแล้ว’
“รู้แล้ว” ยังไม่ทันได้เห็นตัว เสียงเซลีนก็ดังมาเข้าหัวทุกคนแล้ว จากนั้นมีหนวดเส้นหนึ่งยื่นออกมาจากก้นถ้ำ หนังสือกองหนึ่งหล่นลงมาบนพื้นดังปึกปักๆ ก่อนที่หนวดเส้นนั้นจะหดกลับเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนหน้าที่หนวดจะหดกลับเข้าไป มันยังโค้งงอมาทางโรแลนด์เหมือนกำลังทำความเคารพเขาอยู่
‘อะแฮ่มๆ ขออภัยด้วยเพคะ เวลานางเจองานวิจัยใหม่เข้า นางก็จะเป็นแบบนี้แหละเพคะ’ พาซาร์พูดอย่างกระอักกระอ่วนนิดหน่อย ‘เพราะว่ามีแม่มดน้อยคนนักที่จะโชคดีเหมือนอย่างไลต์นิ่ง ที่ร่างกายต้องคำสาปแต่กลับไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต’
“นางจะทำอะไรไลต์นิ่งหรือเปล่า?” เมื่อพูดถึงการวิจัยขึ้นมา โรแลนด์พลันนึกถึงหนูทดลองในห้องทดลองขึ้นมา
“วางพระทัยได้เพคะ ตอนนี้ิวิธีการศึกษาเวทมนตร์หลักๆ แล้วจะเป็นการสังเกตและจดบันทึกเพคะ เพียงแต่เมื่อมีแกนเวทมนตร์คอยช่วยเหลือ ทำให้นางสามารถมองเห็นการไหลของเวทมนตร์ได้ทุกๆ อณู’ พาซาร์พูดพร้อมกับใช้หนวดม้วนเอาหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง ก่อนจะกางมันออกตรงหน้าทุกคน ‘เชิญดูตรงนี้…แล้วก็ตรงนี้เพคะ’
โรแลนด์สังเกตเห็นว่าหน้าหนังสือเหล่านี้ส่วนใหญ่กลายเป็นสีเหลืองจางๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นหนังสือที่มาจากยุคสมัยของทาคิลา และตรงตำแหน่งที่อีกฝ่ายชี้ให้ดูนอกจากจะมีตัวหนังสือที่เป็นภาษาแม่มดแล้ว ยังมีกระดาษโน้ตที่เขียนคำแปลเอาไว้แผ่นหนึ่งด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกเธอแปลมันออกมาเพื่อให้เขาอ่านได้สะดวก
เมื่อเขาอ่านมันอย่างละเอียดแล้ว เขาถึงได้พบว่ามันเป็นการบรรยายเกี่ยวกับสงครามสองครั้ง
‘ครั้งหนึ่งนั้นเป็นสงครามล้อมเมืองในดินแดนแห่งรุ่งอรุณ แม่มดที่ได้รับบาดเจ็บหนัก 8 คนถูกกองหนุนช่วยกลับมา ตามหลักแล้วพวกเธอไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงจนถึงชีวิต แต่สุดท้ายพวกเธอก็ตายลงไปทีละคนๆ สาเหตุการตายนั้นเป็นเพราะวิธีการรักษาไม่ได้ผล บาดแผลไม่สามารถสมานตัวได้ ทำให้เลือดไหลออกมามากขึ้นและติดเชื้อ โดยก่อนตายพวกเธอต้องเจอกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จนทำให้สุดท้ายมีแม่มด 2 คนที่เลือกจะฆ่าตัวตาย’ พาซาร์ค่อยๆ เล่า ‘เนื่องจากเวลาผ่านมานานมากแล้ว ตัวผู้เขียนเองก็ไม่รู้รายละเอียดในสงครามครั้งนั้นมากนัก นอกจากเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่ออันนี้เพียงเหตุการณ์เดียว คำสาปของปีศาจจึงถูกเริ่มพูดถึงเป็นครั้งแรกจากตรงนี้เพคะ’
‘อีกครั้งหนึ่งนั้นเป็นสงครามที่ใกล้กับยุคสมัยที่พวกเราอยู่ ปีศาจตัวหนึ่งที่ถูกทางสมาพันธ์เรียกว่าผู้คุมวิญญาณนั้นได้ต่อสู้อย่างดุเดือดกับกองทัพแม่มดที่เมืองเธาแซนด์เลคซึ่งตั้งอยู่ตรงชายขอบของที่ราบลุ่มบริบูรณ์ เจ้าปีศาจตัวนั้นมันสามารถใส่พลังเวทมนตร์เข้าไปในหอกหินสีดำของมันได้ ทันทีที่ถูกแทงเข้า ร่างกายจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นซากศพแห้งเหี่ยว’ พาซาร์หยุดชะงัก ‘โดยในครั้งนั้นมีแม่มดอมนุษย์ 3 คนที่ตายด้วยน้ำมือมัน ซึ่งทางสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับได้พบปฏิกิริยาเวทมนตร์ประหลาดในร่างกายของคนที่ได้รับบาดเจ็บ’
โรแลนด์เดาข้อสรุปได้ทันที “พลังเวทมนตร์นั้นมาจากศัตรู?”
‘ถูกต้องเพคะ’ พาซาร์ผงกหนวดหลัก ‘ดังนั้นพวกหม่อมฉันจึงคาดเดาว่าความสามารถพวกนี้นั้นเป็นประเภทเดียวกัน โดยมันจะอยู่ในร่างกายเป้าหมาย แล้วก็สร้างความเสียหายไปเรื่อยๆ วิธีการรักษาตามปกตินั้นใช้ไม่ได้ผล แล้วก็ยากที่จะใช้พลังจากภายนอกมากำจัดมันออกไปด้วยเพคะ’
“นี่มันเหมือนกับคำสาปจริงๆ เลย” เวนดี้พูดด้วยสีหน้าที่ดูค่อนข้างแย่ “น่ากลัวมาก…”
แต่ไนติงเกลกลับสังเกตเห็นถึงการเลือกใช้คำพูดของอีกฝ่าย ‘ยากที่จะใช้พลังจากภายนอกมากำจัดมัน อย่างนี้ก็แสดงว่า….ยังมีวิธีที่จะกำจัดมันอย่างนั้นเหรอ?”
พาซาร์พลิกไปที่หน้าต่อไป “สิ่งสำคัญคือหากพวกเราวิเคราะห์กันไม่ผิดล่ะก็’
โรแลนด์อ่านบันทึกจบลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เมืองเธาแซนด์เลคอยู่ในช่วงเวลาวิกฤติ แม่มดคนหนึ่งที่ชื่อซาแมนธาได้ก้าวออกมาสู้กับผู้คุมวิญญาณ ก่อนจะกลายเป็นสุดยอดอมนุษย์ในระหว่างต่อสู้ จากนั้นเธอได้ฟันปีศาจระดับสูงนั้นขาดเป็นสองท่อน เดิมเธอคิดว่าเธอคงต้องตายตามเพื่อนคนอื่นๆ ไป แต่ผลปรากฏว่าเธอกลับรอดชีวิต ราวกับว่าไม่เคยมีคำสาปนั่นมาก่อน และเนื่องจากอยู่ใกล้พื้นที่ของหมอกแดงมากเกินไป สุดท้ายเมืองเธาแซนด์เลคก็พังทลายลง แต่ก็ถือว่าเธอได้ซื้อเวลาให้กับผู้คนมานานมากพอแล้ว หลังจากนั้นด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของซาแมนธา เธอก็ได้ทำให้สมาพันธ์เห็นชอบกับระบบสามผู้นำและได้กลายเป็นหนึ่งในสามผู้นำรุ่นแรกของสมาพันธ์
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ เขาพลันเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที
ถ้าสมมติว่าไลต์นิ่งได้รับผลกระทบจากคำสาปเวทมนตร์จริงๆ อย่างนั้นการสังหารอีกฝ่ายอาจจะเป็นวิธีแก้คำสาปเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ แต่ว่านี้มันเป็นเรื่องที่ทำได้ ‘ยากมาก’! ศึกตรงค่ายภูเขาหิมะและเนินนอร์ธบาวด์นั้นได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถอันน่าตกใจของปีศาจระดับสูงแล้ว หากพวกมันยังดึงดันที่จะเข้ามาปะทะกับกองทัพที่หนึ่งก็คงจัดการได้ง่ายหน่อย แต่ถ้าพวกมันไม่คิดที่จะสู้ซึ่งๆ หน้า การที่เขาจะไปไล่ตามสังหารพวกมันนั้นมีความเสี่ยงที่สูงมาก
หากเป็นสมัยทาคิลา นี่แทบจะเป็นภารกิจที่ไม่มีทางเป็นไปได้
ปีศาจระดับสูงจะเดินทางพร้อมกับกองทัพขนาดใหญ่ แล้วก็เป็นเหมือนแกนกลางของกองทัพ เพียงแต่คิดจะเอาชนะกองทัพปีศาจให้ได้นั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก แล้วนับประสาอะไรกับการกำจัดพวกศัตรูให้หมดล่ะ?
โรแลนด์นึกถึงแม่มดนิรนามที่เขียนจดหมายให้กับนาตาย่าคนนั้นขึ้นมา
ตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว เกรงว่าเธอเองก็คงได้รับบาดเจ็บจากความสามารถแบบนี้เหมือนกัน เธอถึงได้ทิ้งจดหมายสั่งเสียฉบับนั้นไว้
คนที่สามารถคุยกับสามผู้นำแห่งสมาพันธ์ผ่านทางจดหมายได้นั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ทั้งความสามารถและสถานะนั้นน่าจะอยู่ในระดับสูงของสมาพันธ์ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น สุดท้ายเธอก็ยังต้องยอมรับจุดจบแบบนั้นอย่างเงียบๆ
นั่นเป็นเพราะว่าถ้าอยากจะหาปีศาจตัวที่ทำให้เธอบาดเจ็บในหมู่ปีศาจนับหมื่นนับแสนแล้วกำจัดมันทิ้ง ทางสมาพันธ์ก็จำเป็นต้องสละชีวิตแม่มดอีกเป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าสำหรับสมาพันธ์แล้ว การช่วยเหลือชีวิตแม่มดที่ถูกสาปนั้นไม่คุ้มที่จะให้แม่มดคนอื่นไปเสี่ยงและสละชีวิต
ไนติงเกลน่าจะคิดได้ถึงจุดนี้เหมือนกัน เธอจึงกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง
โรแลนด์ครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะพูดออกมา “จริงอยู่ที่เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ข้าไม่มีทางทิ้งความเป็นไปได้นี้เด็ดขาด”
‘…..’ พาซาร์เงียบไปเล็กน้อย ‘หากนี่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ล่ะก็’
“แต่ก่อนหน้านั้น ข้าอยากจะทำความเข้าใจเรื่องบางเรื่องหน่อย ถ้าหากเจ้าปีศาจที่ไลต์นิ่งเจอมันมีความสามารถในการปล่อยคำสาปโดยที่ไม่ต้องสัมผัสตัวตรงๆ อย่างนั้นถ้าคนธรรมดาเจอคำสาปเข้าไปจะเป็นยังไง?”
‘ผลที่ออกมาจะแย่กว่าแม่มดมากเพคะ’ จู่ๆ เสียงของเซลีนก็ดังแทรกเข้ามาในหัว ‘พลังเวทมนตร์ทำให้พวกเรามีความสามารถในการฟื้นฟูและภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา ทำให้โรคระบาด หรือก็คือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่พระองค์เขียนเอาไว้ในหนังสือยากจะทำอะไรพวกเราได้ แต่คนธรรมดานั้นไม่ได้ ขอเพียงปากแผลไม่ยอมสมาน คนพวกมันก็จะมีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อเพคะ’
“หินอาญาสิทธิ์ป้องกันความสามารถแบบนี้ได้ไหม?”
‘ได้เพคะ ความจริงแล้วในบันทึกก็มีพูดเอาไว้เหมือนกันว่าถ้าไม่เป็นเพราะผู้คุมวิญญาณมันมีความสามารถที่ไม่ด้อยไปกว่าแม่มดอมนุษย์ มันก็คงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับสมาพันธ์ได้มากขนาดนั้น แต่ว่า…’ เสียงของเซลีนชะงักไปทันที ‘จากที่ไลต์นิ่งเล่ามา พวกเราไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่ว่าปีศาจตัวนั้นอาจจะเป็นผู้พิฆาตเวทมนตร์ เพราะหากเป็นแบบนั้น หินอาญาสิทธิ์ก็จะไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้เพคะ’
ปีศาจยิ่งแข็งแกร่ง รูปร่างของมันก็จะยิ่งคล้ายมนุษย์ นี่คือข้อสรุปที่ทางสมาพันธ์ได้มาจากสงครามแห่งโชคชะตาทั้งสองครั้ง
โรแลนด์รู้สึกตกใจ
คำเตือนของเซลีนนั้นไม่ใช่การขู่ จากคำบรรยายของไลต์นิ่ง ปีศาจระดับสูงที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่นั้นอาจจะรับมือได้ยากกว่าศัตรูที่ผ่านมาทุกตัวก็ได้
ดังนั้นการจะบุกไปทาคิลาครั้งนี้เขาจำเป็นจะต้องวางแผนให้รัดกุมอย่างมาก ถึงจะทำให้เป้าหมายที่จะสังหารปีศาจระดับสูงกลายเป็นจริงได้
ตอนที่ 1044
ใจที่สั่นคลอน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ไลต์นิ่งกับเมซี่ค่อยๆ ร่อนลงมาบนดาดฟ้าของตึกแม่มด
หลังปิดประตูดาดฟ้าลง เสียงลมหนาวที่พัดหวีดจึงค่อยเบาลง เหลือเพียงแค่เสียงลมเบาๆ ที่เล็ดลอดเข้ามาตามช่องประตู
“ฟู่วว ผมเปียกหมดเลยจิ๊บ” นกพิราบสะบัดหิมะบนตัวออก ก่อนจะแปลงร่างกลับเป็นคนอีกครั้ง ปีกทั้งสองข้างกางออกและกลายเป็นผมสีขาวที่ยาวลงมาจนถึงข้อเท้า เห็นๆ อยู่ว่าเส้นผมนั้นดูอ่อนนุ่มอย่างมาก แต่ผมของสาวน้อยกลับไม่ได้ยุ่งเหยิงเพราะถูกลมพัดเลย หากแต่ห่อหุ้มร่างกายของเธอเอาไว้เหมือนกับสำลีก้อน
แต่เนื่องจากผมของเธอเปียกจากการไปตากหิมะมา ทำให้ผมของเธอดูไม่เป็นประกายและไม่ฟูฟ่องเหมือนอย่างในตอนแรก
“อื้อ เจ้าไปอาบน้ำก่อนไป จะได้ไม่เป็นหวัด” ไลต์นิ่งดึงแว่นกันลมลง แล้วมองออกไปนอกประตู สภาพอากาศในเดือนแห่งปีศาจนั้นยากที่จะคาดเดาได้จริงๆ เมื่อครู่ยังมีแค่หิมะตกเบาๆ แต่ตอนนี้จู่ๆ กลับมีหิมะตกลงมาอย่างนั้น การฝึกซ้อมเพื่อฟื้นฟูสภาพจึงต้องหยุดลงกลางคัน
“เจ้าไม่ไปอาบกับข้าเหรอ?” เมซี่ถามอย่างแปลกใจ
“ฝ่าบาทตรัสเอาไว้ไม่ใช่เหรอไงว่าต้องพยายามทำให้แผลแห้งเข้าไว้ ห้ามไปสัมผัสถูกน้ำ?” ไลต์นิ่งพูดพร้อมยักไหล่ “ดังนั้นเดี๋ยวข้าใช้น้ำร้อนเช็ดๆ เอาก็ได้แล้ว ยังไงซะเสื้อคลุมตัวนี้ก็กันน้ำหิมะไม่ให้ซึมเข้าไปด้านในได้”
“อย่างนี้นี่เอง!” เมซี่เปิดผมหน้าม้าที่แปะอยู่ตรงหน้าออก ก่อนจะยิ้มจนเห็นฟัน “อย่างนั้นเอาไว้เดี๋ยวข้าอาบเสร็จแล้วจะมาช่วยเจ้าเช็ดตัวนะ ก่อนหน้านี้แอชเชสชมข้าอยู่บ่อยๆ ว่าข้าถูหลังได้สบายมาก แล้วก็ไม่ต้องใช้ผ้าขนหนูด้วยจิ๊บ!”
“เอ่อ…ถูยังไง?”
“ยังงี้จิ๊บ” เธอจับผมขึ้นมาสองมัด แล้วทำท่าหมุนเป็นวงกลม
“ข้าไม่เอา” ไลต์นิ่งกรอกตาใส่ “ถ้าใช้ผ้าขนหนู ข้ายังอาจจะคิดดู….เอาเป็นว่าเจ้ารีบไปอาบไป”
“โอ้!”
เมซี่ถือขันอาบน้ำวิ่งไปด้านหลังปราสาท ส่วนไลต์นิ่งก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องนอนคนเดียว
ประตูถูกปิดลง เธอยืนเอาหลังพิงไปบนบานประตูพร้อมกับยื่นมือขวาของตัวเองออกมา
จนถึงตอนนี้นิ้วมือของเธอก็ยังสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ ราวกับว่ามันไม่ฟังคำสั่งของเธออย่างไรอย่างนั้น
เธอยิ้มอย่างเจ็บปวดออกมา
ขอเพียงหลับตาลง ภายในหัวของเธอก็จะมีภาพปีศาจยื่นมือเข้ามาหาเธอ หลังพักฟื้นฟูมาหลายวัน ความหวาดกลัวไม่ได้หายไปไหนเลย หากแต่ยังคงฝังลึกอยู่ในใจของเธอ ไลต์นิ่งเพิ่งจะเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก
ไม่ว่าฝ่าบาทหรือเธอเพื่อให้ทีมสำรวจก็ดี เธอต้องพยายามทำเหมือนว่าอาการบาดเจ็บนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ซึ่งถ้าพูดถึงแต่เรื่องอาการบาดเจ็บล่ะก็ แม้แต่ไนติงเกลก็จับความผิดปกติของเธอไม่เจอ แต่คววามจริงแล้วมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าสถานการณ์ของตัวเองมันแย่แค่ไหน
ที่เธอให้เมซี่ไปอาบน้ำคนเดียวก็เพราะเธอกลัวอีกฝ่ายจะมองออกว่านักสำรวจที่เคยพร่ำบอกว่าตัวเองยิ่งใหญ่คนนี้ ความจริงแล้วกลับเป็นแค่คนที่อ่อนแอนเท่านั้น!
ไลต์นิ่งค่อยๆ ปล่อยตัวไหลลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับเอาหน้าซุกลงไปในหัวเข่า
ถึงแม้ฟิลลิสจะปลอบเธอว่าศัตรูอาจจะมีความสามารถคล้ายๆ กับปีศาจแห่งความกลัว ที่สามารถทำให้เกิดความหวาดกลัวได้ด้วยการจ้องตา แต่เธอรู้ว่านี่ไม่อาจใช้เป็นข้ออ้างในการหลอกตัวเองได้ เพราะแม่มดนั้นมีภูมิต้านทานในเรื่องของผลกระทบทางด้านจิตใจมากกว่าคนธรรมดา อีกทั้งเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว เมซี่ที่ตอนนั้นก็อยู่ในขอบเขตพลังของอีกฝ่ายเหมือนกัน แต่สภาพของเธอกลับดีกว่าตัวเองมาก
ถ้านี่เป็นแค่ความหวาดกลัวนั้นคงไม่เป็นปัญหาอะไร
เพราะไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะเคยหวาดกลัวเป็นครั้งแรก
ความหวาดกลัวนั้นเกิดจากความไม่รู้ นอกเสียจากมนุษย์จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางหลีกหนีความกลัวได้
สิ่งสำคัญนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากกลัว
ในอดีตอารมณ์แบบนี้จะไม่รบกวนจิตใจเธอนานนัก บางครั้งมันกลับกระตุ้นความรู้สึกต่อต้านภายในใจเธอขึ้นมาด้วยซ้ำ เธอคิดมาตลอดว่าไม่มีอะไรที่จะมาทำให้เธอกลัวจริงๆ ได้
แต่ครั้งนี้ ไลต์นิ่งกลับพบว่าตอนนี้ภายในจิตใจของเธอกลับว่างเปล่า
อย่าว่าแต่ความรู้สึกที่จะต่อต้านเลย แม้แต่ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นเธอยังไม่อยากจะกลับไปนึกถึงมันด้วยซ้ำ
การฝึกซ้อมในวันนี้เธอบินวนเวียนอยู่ทางตะวันออกของเมือง ไม่ได้ข้ามกำแพงเมืองออกไปแม้แต่ก้าวเดียว นั่นไม่ได้เป็นเพราะว่าความสามารถหรือร่างกายของเธอมีปัญหา หากแต่เป็นเพราะเธอเกิดความหวาดกลัวต่อที่ราบหิมะที่กว้างสุดลูกหูลูกตา พื้นที่ใต้เท้าของเธอกลายเป็นเหมือนหน้าผา ส่วนท้องฟ้าก็กลายเป็นปากที่พร้อมจะกลืนกินทุกอย่าง เพียงแค่มองออกไปไกลๆ เธอก็รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวภายในจิตใจ
เธอไม่ได้แพ้ให้กับพลังเวทมนตร์ของปีศาจ หากแต่ถูกความชั่วร้ายและความแข็งแกร่งของปีศาจทำให้หวาดกลัว เหมือนกับเหยื่อที่เจอกับผู้ล่า ความรู้สึกหวาดกลัวแบบนี้ส่งผลกระทบต่อเธอมากกว่าความเสียหายที่เกิดจากเวทมนตร์เสียอีก รุนแรงเสียจนเป็นอุปสรรคต่อการบินของเธอ
ไลต์นิ่งกอดเข่าตัวเองไว้แน่น
หัวหน้าทีมนักสำรวจอะไรกัน เธอก็เป็นแค่ไอขี้ขลาดเท่านั้น!
ถ้าธันเดอร์ยังอยู่ข้างกายเธอ เขาจะทำยังไง? สำหรับเขาซึ่งผ่านทะเลที่เต็มไปด้วยอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เขาคงจะมีทางออกสำหรับสถานการณ์แบบนี้ใช่ไหม?
“พ่อ…”
เธอพูดพึมพำขึ้นมา
“ข้าควรจะทำยังไงดี?”
…..
ณ สถานีป่าหมายเลข 0 ทางตอนใต้ของป่าเร้นลับ
นี่คือสถานีเริ่มต้นของรางเหล็กในแผ่นดินรกร้าง
หลังรถไฟไอน้ำถูกสร้างขึ้นมา การบุกเบิกผืนป่าของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่ไม้ไปจนถึงเสบียง หรือแม้กระทั่งเหมืองถ่านหินที่อยู่ใกล้ๆ ภูเขาหิมะต่างก็ถูกรวมอยู่ในแผนเส้นทางใหม่ เมื่อถึงปีหน้า ที่ราบที่ไร้ซึ่งผู้คนแห่งนี้จะกลายเป็นแหล่งขุมทรัพย์อย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้ รางเหล็กถูกใช้เพื่อเป้าหมายเพียงอย่างเดียว
นั่นก็คือสงคราม
พื้นที่บริเวณรอบๆ สถานีถูกกองทัพที่หนึ่งปิดเอาไว้ เพื่อรอให้ฝ่าบาทมาทำการทดสอบอาวุธใหม่
ขวานเหล็กย่อมเป็นหนึ่งในคนที่จะมาดูการทดสอบอาวุธ
เขายังจำภาพที่เขาติดตามฝ่าบาทไปทำการทดสอบการระเบิดของดินปืนดำเมื่อสี่ปีก่อนได้ ตอนนั้นเขายังเป็นแค่นายพรานที่ไร้ชื่อเท่านั้น แถมยังมองว่าดินปืนคือไฟแห่งทัณฑ์สวรรค์ด้วย เสียงระเบิดกัมปนาทเหมือนเป็นการเปิดประตูสู่โลกที่เขาไม่เคยเห็นให้กับเขา นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชะตาชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
ตอนนี้ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพที่หนึ่งของเมืองเกรย์คาสเซิล ขวานเหล็กย่อมไม่มีทางเป็นเหมือนอย่างเมื่อก่อนแน่นอน เขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้ตัวเองต้องเจอกับอะไร ความจริงแล้วนั่นไม่อาจถือเป็นอาวุธ ‘ใหม่’ ที่แท้จริงได้ สองส่วนที่สำคัญของมัน ซึ่งก็คือปืนใหญ่และรถไฟล้วนแต่เคยปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนมาแล้ว ดังนั้นย่อมไม่อาจถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ได้ และก็เพราะเหตุนี้ เขาจึงคิดว่าเขาคงไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรกับการทดสอบอาวุธครั้งนี้นัก
ซึ่งเดิมทีมันก็ควรจะเป็นแบบนั้น
เพราะเขานั้นเป็นข้ารับใช้คนสำคัญของฝ่าบาท ต่อให้ฟ้าจะถล่มดินจะทลายเขาก็ควรจะรักษาความสุขุมและรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้เหมือนอย่างฝ่าบาท…
แต่ในตอนที่เสียงหวูดดังขึ้นมา และอาวุธใหม่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากโรงรถ ขวานเหล็กถึงได้พบว่าตัวเองคิดผิด
รถไฟนั้นไม่ได้ที่สภาพเหมือนอย่างที่เห็นในตอนแรกเลย มันถูกหุ้มด้วยแผ่นเหล็กสีดำเอาไว้ทั้งคัน เผยให้เห็นเพียงแค่ล้อด้านล่างเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น รูปร่างของมันเป็นสี่เหลี่ยมๆ เมื่อดูจากด้านหน้าแล้วจะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันรุนแรงบางอย่าง
มันคือเพชฌฆาต
เพียงแค่มองดูแวบเดียว เขาก็รู้ได้ทันที
ฝ่าบาทมักจะตรัสบ่อยๆ ว่าเครื่องจักรนั้นคือสิ่งที่มีความงดงามอย่างหนี่ง ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไร แต่ในตอนที่ได้เห็นหมอกสีขาวพวยพุ่งออกมาจากด้านบนรถและระหว่างล้อพัด ก่อนจะพัดผ่านเกราะเหล็กที่เต็มไปด้วยน็อตที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ขวานเหล็กพลันเข้าใจความหมายของคำพูดประโยคนี้ทันที
เรือเหล็กยักษ์เองก็สร้างความตกตะลึงให้เขาเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับรถไฟที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ได้
เพราะว่ามันไม่ได้เป็นแค่เครื่องจักรธรรมดา
หากแต่เป็นอาวุธที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร!
ตอนที่ 1045
แม่น้ำสีดำบนที่ราบลุ่ม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในตอนที่รถไฟมาปรากฏตรงหน้าทุกคน ขวานเหล็กก็ได้เห็นหน้าตาทั้งหมดของมัน
ตัวรถมีทั้งหมด 5 ตอน เทียบกับรถไฟที่ทำการเปิดตัวในครั้งนั้นถือว่าสั้นกว่ามาก แต่เป็นเพราะว่ามันมีแผ่นเหล็กหุ้มเอาไว้ จึงทำให้มันดูแข็งแกร่งอย่างมากทีเดียว บวกกับสีดำที่ไม่สะท้อนแสงของมันทำให้มันดูเหมือนอสูรที่กำลังนอนหมอบอยู่
รูปร่างของหัวรถและท้ายรถนั้นเหมือนกัน เรียกได้ว่าสมมาตรกันพอดี นอกจากป้อมปืนที่หมุนได้สองกระบอกแล้ว เกราะที่อยู่ด้านล่างยังมีรูเล็กๆ อีกจำนวนมากด้วย รูเหล่านี้ย่อมต้องใช้เพื่อให้ทหารใช้สังเกตการณ์และใช้ยิง
ขวานเหล็กจินตนาการภาพที่ศัตรูโจมตีใส่อาวุธชิ้นใหม่นี้ออกเลย
หอกกระดูกที่ตกโปรยปรายลงมาชนแผ่นเหล็กๆ เหมือนดั่งห่าฝนจนส่งเสียงดังติงตังๆ แต่รถไฟกลับยังคงวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วคงที่ ในขณะเดียวกัน ด้านข้างของมันก็พ้นเปลวเพลิงนับสิบเข้าใส่ศัตรู เป้าหมายถูกยิงจนพรุนเหมือนรังผึ้ง
ไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือสัตว์อสูรก็ล้วนแต่ต้องถูกยิงอย่างเดียวโดยไม่อาจทำอะไรได้ มันเป็นเหมือนกำแพงที่เคลื่อนที่ได้ ไม่ว่าจะไปอยู่ตรงไหน มันก็จะให้ความคุ้มครองกองทัพที่หนึ่งได้
เพียงแค่คิดก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นแล้ว!
ทหารที่รับผิดชอบเรื่องการป้องกันบริเวณรอบๆ ต่างพากันซุบซิบขึ้นมา
แต่ว่านี่ยังไม่ใช่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดของรถไฟนี้
นอกจากจะใช้เป็นแนวหน้าของกองทัพที่หนึ่งแล้ว เป้าหมายสุดท้ายของมันก็คือการทำลายซากเมืองทาคิลาและสัตว์ประหลาดโครงกระดูกที่ตัวใหญ่เหมือนกับตึกเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้ปืนใหญ่ที่มีลำกล้องขนาดใหญ่จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดได้
และในตอนนี้เจ้าสุดยอดอาวุธที่ว่านี้ก็ถูกติดตั้งอยู่บนตู้โดยสารที่ 2 และที่ 4
ถึงแม้ปืนที่ติดตั้งเอาไว้บนนั้นจะเป็นปืนใหญ่ 152 มม. เหมือนกัน แต่ฝ่าบาทตรัสว่าปืนใหญ่เหล่านี้มีขนาดที่ยาวกว่าปกติ ดินปืนก็บรรจุได้เยอะกว่า ในจุดนี้แค่ใช้ตาเพียงอย่างเดียวก็สามารถมองออกถึงความแตกต่างได้ ตัวปืนใหญ่นั้นแทบจะกินพื้นที่บนตู้โดยสารไปจนหมด จะติดตั้งปืนกลอีกซักกระบอกก็ยังไม่สามารถทำได้
ท้ายปืนใหญ่นั้นก็มีแผ่นเหล็กขนาดใหญ่หุ้มเอาไว้อยู่ เช่นนี้ต่อให้ปีศาจโจมตีลงมาจากบนอากาศก็ไม่สามารถหยุดการยิงของปืนใหญ่ได้
สิ่งเดียวที่ทำให้ขวานเหล็กรู้สึกกังวลใจก็คือการติดตั้งเกราะขึ้นมาใหม่นี้ดูมีความปลอดภัยอย่างมาก แต่มันก็ทำให้น้ำหนักและขนาดของรถไฟเพิ่มขึ้นอย่างมากด้วย เมื่อมองเทียบกับล้อรถไฟแล้ว เขารู้สึกเหมือนรถไฟมีลักษณะหัวโตขาเล็ก นี่ทำให้เขากลัวว่ารถไฟจะไม่อาจรับแรงรีคอยล์อันรุนแรงของปืนใหญ่ในขณะที่มันยิงออกไปได้
“ทูลฝ่าบาท” ทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาโรแลนด์พร้อมกล่าวรายงานว่า “ทุกคนมากันพร้อมแล้ว เชิญออกคำสั่งได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“นี่เป็นอาวุธที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้งอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมหรือการปรับปรุงก็ล้วนแต่เป็นความรับผิดชอบของกองอุตสาหกรรม” โรแลนด์ส่ายหัวยิ้มๆ “ด้วยเหตุนี้คนที่รับผิดชอบการทดสอบในวันนี้ไม่ใช่ข้าหรอก หากแต่เป็นหัวหน้ากองอุตสาหกรรม เจ้าควรจะไปรายงานนางถึงจะถูก”
ในเวลานี้ขวานเหล็กถึงได้สังเกตเห็นว่าราชินีก็มาเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ด้วย เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับแม่มดคนอื่นๆ แล้ว การแต่งตัวอของเธอนั้นเหมือนเป็นชุดทำงานมากกว่า นี่จึงทำให้เขาไม่ทันสังเกตเห็นเธอในตอนแรก
“ฝ่า ฝ่าบาท…” ทหารพูดติดๆ ขัดๆ ทันที เขาทำความเคารพอันนาใหม่อีกครั้ง “ทุกคนมากันพะ พร้อมแล้ว…”
“ข้ารู้แล้ว” อันนาพูดด้วยเสียงราบเรียบ “ให้พวกเขาเริ่มทำการทดสอบเลย
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารที่มารายงานคนนั้นรีบตะโกนไปทางรถไฟทันที “เริ่มยิงปืนใหญ่ได้!”
เหตุการณ์นี้ทำเอาหลายๆ คนถึงกับอมยิ้มขึ้นมา แต่ว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อการทดสอบทั้งสิ้น หลังออกคำสั่งไป เสียงสัญญาณเตือนก็ดังไปทั่วทั้งผืนป่าทันที
“อูวววววว….อูวววววว……..”
ขวานเหล็กหันไปมองยังรถไฟทันที ในตอนที่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดของฟันเฟืองดังขึ้นมา เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตัวรถไฟเกิดการเปลี่ยนแปลง
ตรงตู้โดยสารที่ 2 และที่ 4 มี ‘ขาเหล็ก’ ขนาดยักษ์งอกออกมาสองข้าง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันเป็นเพียงแผ่นเหล็กที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเท่านั้น กระทั่งมันเปิดออกมาจนหมด ขวานเหล็กถึงได้สังเกตเห็นว่ามันเป็นเครื่องจักรที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง ตรงปลาย ‘ขาเหล็ก’ มีแผ่นเหล็กแผ่นหนึ่งติดเอาไว้อยู่ ตอนที่ขาปักลงไปบนพื้นหิมะ ตู้โดยสารเหมือนจะถูกยกขึ้นมาเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนขาแมงมุมขนาดยักษ์ไม่มีผิด
นี่…นี่มันเหมือนเจ้าตัวประหลาดของพวกปีศาจเลยไม่ใช่เหรอ!
หรือว่าฝ่าบาททรงได้แรงบันดาลใจมาจากศัตรู แล้วก็ใช้มันกับอาวุธใหม่?
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เจ้ารถไฟเหล็กนี้กลับไม่ได้ดูชั่วร้ายเหมือนเจ้าตัวประหลาดของพวกปีศาจเลย ในทางกลับกัน มันกลับดูยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง ในตอนที่เท้าเหล็กเหล่านั้นปักลงไปบนพื้น ปืนใหญ่ก็เริ่มระเบิดเสียงดังสนั่นขึ้นไปบนท้องฟ้า!
ท่ามกลางการสั่นสะเทือนและกระแสอากาศอันรุนแรง อสูรยักษ์สีดำกลับไม่ไหวติง ราวกับว่ามันยึดตัวเองลงไปกับพื้นดิน
…..
ดูแล้วใช้ได้ดีทีเดียว โรแลนด์ถอดที่อุดหูออกพร้อมกับหันไปพยักหน้าชื่นชมอันนา
ก่อนที่จะประกอบเป็นรถขึ้นมา ระบบพวกนี้เคยผ่านการทดสอบมาแล้วหลายครั้ง ครั้งนี้ก็เป็นแค่การพิสูจน์ประสิทธิภาพโดยรวมของระบบเท่านั้น การที่ประสบความสำเร็จในการยิงครั้งแรกจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร
ความจริงถ้าเทียบกับการยิงและการขับเคลื่อนของรถไฟหุ้มเกราะแล้ว สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากกว่าก็คือขาเหล็กทั้ง 4 ข้างนั้น
นี่ถือเป็นการทดสอบการใช้งานจริงครั้งแรกของระบบไฮโดรลิค
จากทฤษฎีของปาสคาล การเพิ่มแรงดันให้กับของเหลวในภาชนะปิด จะทำให้ของเหลวได้รับแรงดันเท่าๆ กันหมด ด้วยเหตุนี้ในท่อรูปตัวยูที่มีพื้นที่หน้าตัดไม่เท่ากัน ขอเพียงใช้แรงกดเล็กน้อยกดลงไปบนพื้นที่หน้าตัดขนาดเล็ก ก็จะทำให้ส่งแรงกดไปยังพื้นที่หน้าตัดที่มีขนาดใหญ่ได้ และก็ด้วยหลักการที่ว่านี้ทำให้ อุปกรณ์ไฮโดรลิคจึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ตั้งแต่แม่แรงแบบมือโยกไปจนถึงเครื่องจักรไฮโดรลิคก็ล้วนแต่อาศัยหลักการนี้ทั้งสิ้น
ความยากลำบากเพียงอย่างเดียวของมันนั้นอยู่ที่การประกอบและการปิดผนึก แต่สำหรับเมืองเนเวอร์วินเทอร์ในตอนนี้ไม่ได้ถือเป็นเรื่องยากลำบากอีกต่อไป
สิ่งที่ติดตั้งอยู่บนรถไฟก็คืออุปกรณ์ซัพพอร์ทระบบไฮโดรลิคที่ควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
หัวรถจักรไอน้ำสองหัวคอยผลักและลากตัวรถ แรงขับเคลื่อนอันมหาศาลสามารถทำให้รถไฟหุ้มเกราะสามารถวิ่งด้วยความเร็วที่มากกว่า 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นในตู้รถโดยสารที่ติดตั้งปืนใหญ่ก็มีกระสุนปืนใหญ่เตรียมไว้ 15 ลูก ด้วยเหตุนี้ัมันจึงดูใหญ่อย่างมาก ส่วนตู้โดยสารที่อยู่ตรงกลางสุดก็เอาไว้เป็นที่เก็บกระสุน แล้วก็เป็นแห่ลงกำเนิดพลังงานไฟฟ้าสำหรับทั้งรถ รุ่งอรุณหมายเลขหนึ่งสามารถให้พลังงานกับปั๊มไฮโดรลิค 2 ตัว พร้อมทั้งให้แสงสว่างกับลมภายในรถได้
ตู้โดยสาร 5 ตู้นี้จะเป็นตู้พื้นฐานที่ถูกติดตั้งไปในรถไฟหุ้มเกราะ
ถ้าไม่สนใจเรื่องที่จะทำให้มันเร็วขึ้นล่ะก็ หัวรถด้านหน้าและหลังยังสามารถเพิ่มตู้โดยสารเข้าไปได้อีก เพื่อใช้สำหรับขนทหารหรือเสริมอาวุธปืนเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังโจมตี ซึ่งการที่สามารถเพิ่มหรือลดตู้โดยสารได้แบบนี้ก็คือเสน่ห์ของรถไฟหุ้มเกราะ
ในขณะที่ทุกคนกำลังอุทานออกมาด้วยความตกใจ เอดิธส์กลับเดินยิ้มๆ เข้ามาหาเขา
“แบบนี้ หมากตัวที่สำคัญที่สุดที่จะใช้ในแผนโจมตีเมืองทาคิลาก็ได้มาครบแล้วสินะเพคะ” เธอพูดพร้อมเอามือทาบอก “ไม่ทราบว่าอาวุธใหม่นี่มีชื่อหรือยังเพคะ?”
โรแลนด์คิดเล็กน้อย “เรียกมันว่าแบล็คริเวอร์ก็แล้วกัน”
“แบล็ควอเทอร์?” เอดิธส์หันมามองเขาทันที “เอามาสู้กับท่อส่งหมอกแดงเรดไลน์ของพวกปีศาจน่ะเหรอเพคะ?”
สมแล้วที่เป็นไข่มุกแห่งดินแดนทางเดิน เขายิ้มมุมปากขึ้นมา “ถูกต้อง”
ในพื้นที่ที่หมอกแดงปกคลุมไปไม่ถึงจะมีท่อส่งหมอกแดงที่พวกปีศาจขนออกมานับร้อยนับพันเส้นพาดทับกันไปมา นี่เป็นทั้งเส้นแห่งชะตาชีวิตของพวกมัน แล้วก็เป็นลวดลายแห่งเลือดที่สมาพันธ์หวาดกลัว แต่ในตอนนี้ บนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ได้มีเส้นแห่งชีวิตอีกสีหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
รถไฟหุ้มเกราะคันแล้วคันเล่าจะบรรทุกคนและกระสุนปืน แล้วเคลื่อนที่ไปบนที่ราบลุ่มบริบูรณ์กลายเป็นแม่น้ำสีดำสายใหม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น