Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1022-1028
ตอนที่ 1022
เหินห่าง
โดย
Ink Stone_Fantasy
“นี่คืออะไร?” วิคเตอร์ชี้ไปยังรูปภาพพร้อมถามออกมา “ละครเวทีเรื่องใหม่เหรอ?”
ทิงเกิลขยับเข้าไปใกล้พร้อมมองไปยังหนังสือพิมพ์ “ไม่ใช่ นายท่าน…ภาพวาดนี่น่าจะหมายถึงหนังเวทมนตร์เจ้าค่ะ”
“หนังเวทมนตร์?” เป็นคำศัพท์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนอีกแล้ว การที่ได้อยู่ในสถานที่แห่งอนาคตนี่มันช่างดีจริงๆ เลย วิคเตอร์รีบถามทันทีว่า “อธิบายให้ข้าฟังอย่างละเอียดหน่อยได้ไหม?”
สาวใช้ทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย “อันนี้…ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกันเจ้าค่ะ เมื่อสองสามวันก่อนตรงลานเมืองก็มีภาพแบบนี้มาติดเอาไว้เหมือนกัน แต่ว่าอันนั้นมันเป็นภาพสี ข้าได้ยินมาว่าหนังเวทมนตร์เป็นการแสดงแบบใหม่ล่าสุด ถึงขนาดต้องสร้างเวทีขึ้นมาให้มันโดยเฉพาะเลยเจ้าค่ะ”
ศิลปะที่…ก้าวข้ามยุคสมัยอย่างนั้นเหรอ การที่กล้าใช้คำแบบนี้มานิยามมัน เรียกได้ว่าราชาแห่งเกรย์คาสเซิลคงจะมั่นใจในตัวมันอย่างมาก วิคเตอร์เอามือลูบไปบนหน้ากระดาษหยาบๆ พร้อมคิดในใจ ดูเหมือนเจ้านี่จะคุ้มค่าแก่การที่เขาจะไปดูมัน
เขาสังเกตเห็นทางด้านล่างของตัวหนังสือใหญ่ๆ ยังมีตัวหนังสือเล็กๆ อีก 3 – 4 แถว โดยมันระบุวันเวลาสถานที่ที่จะทำการแสดงและวิธีการซื้อตั๋ว
จากนั้นวิคเตอร์ก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา
เดี๋ยวๆ….ตั๋วราคา 40 เหรียญทอง?
เขาไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม! นี่มันแพงกว่าค่าตั๋วของคณะละครเวทีระดับสุดยอดของเมืองกลอรีอีกนะ!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีปัญญาจ่ายเงิน เพียงแต่ในเมืองที่แม้แต่เครื่องประดับยังไม่มีคนถามหานี้ จะไปมีคนยอมจ่ายเงินขนาดนี้เพื่อดูการแสดงหนังเวทมนตร์ได้ยังไง?
ไม่สิ ข้างหลังยังมี….วิคเตอร์ขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกับเลื่อนสายตามองลงไปต่อ ขณะเดียวกันเขาก็อดอ่านเป็นเสียงออกมาไม่ได้ “หากเป็นประชาชนที่ืถือบัตรประชาชนของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ ท่านสามารถถือบัตรประชาชนมารับสิทธิพิเศษในการจองตั๋วได้ในราคาเพียง 25 เหรียญเงินเท่านั้น หมายเหตุ : ตั๋วราคาเต็มจะทำให้ท่านได้รับประสบการณ์ในการรับชมที่ยอดเยี่ยมมากกว่า ตั๋วมีจำนวนจำกัด จองก่อนได้ก่อน หมดแล้วหมดเลย : ตั๋วราคาพิเศษไม่รวมอาหารและเครื่องดื่ม แล้วก็ไม่อนุญาตให้นำอาหารและเครื่องดื่มมาเองด้วย โปรดเตรียมตัวให้พร้อม”
ราคานี่มัน….ต่างกันราวฟ้ากับดินเลย!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นสินค้าชิ้นหนึ่งที่ขายสองราคามาก่อน เพียงแต่ราคามันไม่ได้ต่างกันมากขนาดนี้ เพราะว่ามันมีต้นทุนของมันอยู่ อีกทั้งปกติเรื่องแบบนี้ก็มักจะทำกันแบบเงียบๆ ด้วย ไม่มีใครที่จะทำแบบโจ่งแจ้งแบบนี้มาก่อน ไม่อย่างนั้นคนที่จ่ายเงินมากกว่าคงจะไม่พอใจแน่นอน ต่อไปหากอยากจะทำการค้ากับอีกฝ่ายคงกลายเป็นเรื่องยาก แต่วิธีการของเมืองเนเวอร์วินเทอร์นั้นเรียกได้ว่าเปิดโลกให้เขาจริงๆ!
ไม่เพียงแต่จะเขียนออกมาอย่างเปิดเผยบนหน้ากระดาษ แต่ยังมีการระบุเอาไว้ด้วยว่ามีจำนวนจำกัด ราวกับว่าคนที่อยากจะจ่ายเงินแพงกว่ายังต้องแย่งกันอย่างไรอย่างนั้น
แต่เขาก็พบว่าตัวเองได้กลายเป็นหนึ่งในคนที่ต้องการจะแย่งจ่ายเงินแพงกว่านี้ไปเสียแล้ว….
ต้องยอมรับเลยว่าวิธีการขายแบบนี้เหมือนมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาด คนที่สามารถจ่ายเงิน 40 เหรียญทองได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยหรือไม่ก็ตระกูลขุนนาง การที่ได้เข้าไปนั่งอยู่ในนั้นก็ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความร่ำรวย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสนใจที่เขามีต่อหนังเวทมนตร์เลยว่ามีมากแค่ไหน
วิคเตอร์กระโดดลงมาจากตั่งพร้อมหยิบเอาเสื้อคลุมขนหมาป่ามาห่ม
“นายท่าน?” ทิงเกิลพูดเสียงเบาๆ เห็นได้ชัดว่าเธอเตรียมตัวพร้อมแล้ว บนตัวเธอมีเพียงผ้าแพรผืนบางๆ ในเวลานี้เธอนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มพร้อมมองดูเขาเหมือนไม่รู้จะทำอะไรต่อ
วิคเตอร์หยิบเอาเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะโยนไปให้เธอ “ตั๋วหนังเวทมนตร์ซื้อได้ที่ไหน? พาข้าไปซื้อหน่อย ตอนนี้เลย!”
…..
การถ่ายทำ ‘หัวใจแห่งหมาป่า’ เข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว
เจ้าหญิงองค์โตกลับสู้ศึกสุดท้ายกับราชาปีศาจในพระราชวัง โรแลนด์ได้ยกพื้นที่ชั้นหนึ่งของปราสาทให้ใช้สำหรับถ่ายทำ
ในเวลานี้เมย์ได้กลายเป็นผู้รับผิดชอบหลักของหนังเวทมนตร์ไปเรียบร้อยแล้ว เธอถึงขนาดยอมทิ้งบทของตัวเองไปเพื่อที่จะทุ่มเทให้ละครเรื่องใหม่นี้ออกมาดีที่สุด
“หยุด!” ในตอนที่โลก้าถีบประตูจนหมดแล้วพุ่งผ่านประตูเข้าไป เมย์ได้ตะโกนออกมาให้ทุกคนหยุด “ดีมาก วันนี้พอแค่นี้ก่อน เหนื่อยหน่อยนะทุกคน”
“โอ้”
“อาจารย์ก็เหนื่อยหน่อยนะขอรับ” สมาชิกในคณะนักแสดงพูดขึ้นมาพร้อมกัน
ถ้าหากเป็นตัวเธอเมื่อก่อนนี้ เธอคงจะกรอกตามองกลับไป แต่ตอนนี้เธอเพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ
นี่น่าจะเป็นเพราะอายุที่เพิ่มขึ้นล่ะมั้ง เมย์ครุ่นคิด
หลังย้ายมาอยู่ที่เมืองชายแดน ตัวเองก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก
“ระวังเศษไม้บนพื้นนะ” คาร์เตอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เดินเข้ามา “ให้ข้าอุ้มเจ้าไปไหม?”
“คนอื่นๆ มองอยู่นะ” เมย์ดุกลับไป นิสัยของสามีเธอนั้นเรียกได้ว่าไร้ที่ติ แต่คำพูดและการกระทำของเขากลับดูไม่เหมือนคนที่เป็นอัศวินเลย ไม่รู้ว่าตอนนั้นฝ่าบาททรงคิดยังไงถึงได้เลือกเขามาเป็นหัวหน้าอัศวิน “ข้าเดินเองได้”
“อย่างนั้นข้าเดินนำหน้า” คาร์เตอร์ก้าวไปเดินอยู่ข้างหน้าเธอ ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยพวกเศษไม้ออกไป
แผ่นหลังอันสูงใหญ่บังแสงที่ส่องเข้ามาจนหมด
นี่ทำให้เมย์ยิ้มมุมปากขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
แต่เธอรู้ว่าห้ามให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองยิ้มเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันจะยิ่งทำให้เขาได้ใจ แล้วคืนนี้เธอต้องมานั่งเหนื่อยอีก…
“การแสดงพรุ่งนี้ท่านเตรียมพร้อมหรือยัง? อย่าถูกคุณหนูโลก้าอัดจนลืมบทล่ะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ คาร์เตอร์ก็ทำหน้าเจ็บปวดขึ้นมาทันที “เจ้าบอกให้นางเบามือหน่อยได้ไหม? ครั้งที่แล้วตอนสู้กันบนพื้นหิมะ ข้าเกือบจะอ้วกเอาข้าวที่กินเข้าไปออกมาแหนะ เรี่ยวแรงของนางตอนที่เปลี่ยนเป็นหมาป่าไม่ได้ต่างอะไรกับแอชเชสเลย ต่างก็อยู่ในระดับสัตว์ประหลาดทั้งคู่”
“ท่านรู้อะไรไหม? ที่ผ่านมามีแต่นักแสดงต้องยอมให้ละคร ไม่เคยมีละครที่ยอมให้นักแสดงมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นหนังเวทมนตร์มันก็เหมือนจริงกว่าละครมาก” เมย์เอามือป้องปากแล้วพูดว่า “ดังนั้นวิธีแก้ไขนั้นง่ายมาก พรุ่งนี้ก่อนถ่ายทำท่านก็แค่อย่ากินข้าวมาเยอะก็พอ”
หัวหน้าอัศวินยิ้มแห้งๆ ขึ้นมาทันที เขาส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “เออใช่ เจ้าลองทายซิว่าวันนี้ข้าเจอใครอยู่ตรงท่าเรือ?”
“เอ่อ…อดีตคนรักเหรอ?” เมย์ยักไหล่
“จะเป็นไปได้ยังไงเล่า!” คาร์เตอร์รับหันหน้ากลับมาทันที “เคแกน เฟสต่างหากล่ะ”
เมย์หยุดฝีเท้าทันที “จริงเหรอ?”
“แน่นอน เขาก็ถือเป็นคนที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวงเหมือนกัน ข้าจะไปดูผิดได้ยังไงล่ะ” น่าจะเป็นเพราะสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในสายตาของเธอ คาร์เตอร์จึงแสยะยิ้มออกมา “ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนอีกกลุ่มนึงเดิมตามเขาลงมาจากเรือ ข้าคิดว่าน่าจะเป็นคณะนักแสดงของเขา คนที่จำเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อย ตอนนั้นตรงท่าเรือเกือบจะเดินเข้าไปไม่ได้แหนะ เป็นยังไง ข่าวนี้คุ้มค่าสำหรับจูบแล้วหรือยัง?”
“คุ้ม!” เมย์ตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าอยากจะไปเยี่ยมเขาหน่อย!”
เคแกน เฟส ชื่อนี้แทบจะกลายเป็นตัวแทนของการแสดงละครไปเสียแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มขึ้นไปอยู่บนเวที เขาก็สะกดผู้ชมมาได้เกือบ 30 ปี ตั้งแต่ดินแดนทางใต้จนมาถึงทางเหนือ นักแสดงคนไหนก็ตามที่อยากจะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดล้วนแต่ต้องมาหาเขา หลังอายุ 50 ปี เขาก็ไม่สามารถขึ้นไปยืนบนเวทีได้อีก ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาอยู่เบื้องหลังคอยเขียนบทละครแทน ตอนนี้เขายังคงมีอิทธิพลอย่างมากในวงการการแสดง
ในตอนที่เมย์เดินทางไปแสดงละครที่เมืองหลวงเก่า เธอก็ได้ไปยืนอยู่หน้าผู้ชมจากการแสดงละครเรื่อง ‘เจ้าชายตามรัก’ ที่เขาเป็นคนเขียนขึ้นมา หากไม่มีคำชี้แนะและคำชมเชยของเคแกน เฟส เกรงว่าเธอคงไม่ได้กลายเป็นดวงดาราแห่งดินดินแดนตะวันตกอย่างแท้จริง อย่างน้อยก็ไม่มีทางได้รับการยอมรับจากผู้ชมเร็วขนาดนี้
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องพูดเช่นนี้” คาร์เตอร์ส่งกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งให้เธอ “ข้าถามมาให้แล้วว่าพวกเขาพักอยู่ที่ไหน แต่ว่าข้าต้องเฝ้าช่างมาเปลี่ยนประตูอีก ก็เลยไปเป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้นะ”
“ขอบคุณนะ” เมย์รับกระดาษโน้ตมาด้วยสีหน้ายินดี “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าเรียกคนในคณะละครไปเป็นเพื่อนก็ได้” จากนั้นเธอก็มองไปยังสมาชิกในคณะละครที่กำลังเก็บอุปกรณ์อยู่ในปราสาท ก่อนจะเรียกชื่อทุกคนออกมา “เอริน ทีน่า โรเซีย เกธ สวอลโล่ว! มาหาข้าหน่อย!”
ถูกต้อง อาจารย์เคแกนจะต้องมาเพราะงานราชาภิเษกของฝ่าบาทแน่นอน ตอนที่วิมเบิลดันที่สามขึ้นครองราชย์ และก็เป็นเพราะการแสดงต่อเนื่องของเขาที่ทำให้บรรยากาศภายในงานพิธีนั้นพุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ขึ้นเวทีแสดงออกแล้ว แต่คณะละครเคแกรที่เขาพามาด้วยยังคงเป็นคณะละครเวทีชั้นยอดของเกรย์คาสเซิลอยู่ อย่างเช่นร็อดเจน เอนเกรโพ….ต่างก็เป็นนักแสดงอัจฉริยะ ถ้าพวกเอรินสามารถได้คำชี้แนะจากนักแสงเหล่านี้ ฝีมือการแสดงของพวกเธอจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน!
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ ทันทีที่ได้ยินว่าจะไปเยี่ยมเคแกน เฟสทุกคนต่างก็อุทานตกใจขึ้นมา เกธนั้นตื่นเต้นจนพูดติดอ่างออกมา “ข้า ข้าจะได้เจอท่านเคแกนจริงๆ เหรอ?”
“ข้าคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหานะ” เมย์พูดพร้อมผายมือ “เพียงแต่หลังจากนี้พวกเจ้าต้องพยายามให้มากขึ้นอีก จะได้ไม่ทำให้โอกาสครั้งนี้ต้องสูญเปล่า”
“ข้าทราบแล้ว! หลังจากนี้ข้าจะฝึกซ้อมให้หนักขึ้น!” ทีน่าสายตาเป็นประกาย
“อย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ”
ทุกคนเดินทางไปที่ตลาดเพื่อซื้อของไปเป็นของฝาก ก่อนจะรีบเดินทางไปยังที่อยู่ที่เขียนเอาไว้บนกระดาษโน้ต — โรงแรมวิสเซิล
ภายในชั้นหนึ่งของโรงแรมมีชาวบ้านที่ได้ยินข่าวเรื่องเคแกนพากันมารวมตัวกันเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ว่าหลังจากเห็นเมย์เดิน ทุกคนก็พากันเปิดทางให้ เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างก็ให้ความเคารพคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์
บางคนถึงขนาดหยิบกระดาษปากกาขึ้นมาเหมือนกำลังจะจดบันทึกเรื่องราวการเจอกันของคณะนักแสดงทั้งสอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่พกของพวกนี้ติดตัวจะต้องเป็นนักข่าวของกองประชาสัมพันธ์อย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ทำให้เมย์รู้สึกแปลกใจก็คือหลังผู้จัดการของคณะละครเดินขึ้นไปชั้นบนไม่นาน เขาก็รีบเดินกลับลงมาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ต้องขอประทานโทษด้วยขอรับ ท่านเคแกนไม่รู้จักคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ แล้วก็ไม่อยากเจอพวกท่านด้วย เชิญทุกท่านกลับไปเถอะขอรับ”
ตอนที่ 1023
ทางแยก
โดย
Ink Stone_Fantasy
เสียงโวยวายภายในโรงแรมเงียบลงทันที แม้แต่แขกที่นั่งอยู่ตรงบาร์ก็ยังวางแก้วเหล้าที่อยู่ในมือลง พร้อมกับหันมามองยังคณะละครเวที
เมย์ตกตะลึง “แต่ตอนที่อยู่เมืองหลวงเก่า ข้ายังได้เคยได้รับ….”
“คำชี้แนะจากท่านเคแกนใช่ไหม? ก็เพราะเหตุนี้แหละ ท่านจึงไม่อยากพบเจ้า” ผู้จัดการพูดเสียงเบาๆ “ท่านเคแกนผิดหวังในตัวเจ้ามาก คุณเมย์”
ถึงแม้คำพูดนี้จะพูดข้างๆ หูเธอ แต่เพื่อนๆ ที่อยู่ข้างๆ ยังคงได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายอยู่ เมย์รู้สึกได้ว่าเอรินกำลังดึงมือเธออยู่
คำพูดนี้ร้ายแรงกว่าการต่อว่าเสียอีก โดยเฉพาะในตอนที่มันออกมาจากปากของปรมาจารย์แห่งวงการการแสดง สำหรับคนรุ่นหลังแล้ว คำต่อว่าของพวกเขานั้นเป็นได้ทั้งคำวิพากษ์วิจารณ์แล้วก็เป็นคำพูดให้กำลังใจ แต่คำว่าผิดหวังนั้นเป็นอีกความหมายหนึ่งไปเลย หากเปลี่ยนเป็นเธอเมื่อก่อนนี้ เกรงว่าเธอคงจะทำอะไรไม่ถูกจนร้องไห้ออกมาแล้ว
แต่ตอนนี้สิ่งแรกที่เธอคิดถึงกลับไม่ใช่ตัวเอง
เธอกลายเป็นดวงดาวแห่งดินแดนตะวันตกมาหลายปี เป็นเสาหลักของคณะละครเวทีสตาร์ฟลาวเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการแสดงหรือว่าความสามารถ เธอก็ล้วนแต่มีความมั่นใจในตัวเอง ถ้าแม้แต่เธอยังร้องไห้ฟูมฟายเพราะคำพูดนี้ อย่างนั้นคนอื่นๆ อย่างเอริน ทีน่าจะทำยังไง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวอลโล่วซึ่งมีพรสวรรค์แต่ขาดความมั่นใจในตัวเอง
ด้วยเหตุนี้เมย์จึงพบว่าตัวเองกลับสงบสติอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างไม่เร่งร้อนว่า “อย่างนั้นเหรอ? ข้าคิดว่าบางทีเรื่องนี้ิอาจจะมีอะไรเข้าใจผิดกัน ถ้าได้อธิบายกันต่อหน้าจะเป็นการดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ อย่างนั้นข้าก็คงจะได้แต่พูดว่าขอโทษเท่านั้น”
อีกฝ่ายเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าเธอจะตอบออกมาแบบนี้ ผู้จัดการพลันขมวดคิ้วขึ้นมา “เจ้า….”
“เอาเป็นว่า ข้าหวังว่าท่านเคแกนจะมีความก้าวหน้าในการแสดง และสามารถสร้างสุดยอดผลงานได้อีกครั้งในงานพระราชพิธี เช่นนั้นพวกเราไม่รบกวนพวกท่านแล้วกัน” เธอก้าวไปสองก้าว ก่อนจะหันหน้ามาพูดว่า “แล้วก็ขออย่าได้เรียกข้าว่าคุณเมย์ ตอนนี้ข้าคือคุณนายแลนนิสแล้ว”
สภาพอากาศตอนขากลับนั้นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เมย์กลับรู้สึกท้องฟ้าอึมครึมมากกว่าเดิม ทุกคนต่างไม่พูดไม่จา ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนตอนขามาแม้แต่น้อย
กระทั่งตอนที่ใกล้ต้องแยกทางกัน เกธจึงได้ถามขึ้นมาเพราะทนไม่ไหว “ท่านเมย์ ท่านกับอาจารย์เคแกน….”
“เจ้าโง่ พูดอะไรของเจ้าเนี่ย!” โรเซียถลึงตาใส่เขา “ถ้าก่อนหน้านี้พี่เมย์มีปัญหากับเขาจริงๆ แล้วพี่เมย์จะไปเยี่ยมเขาทำไมล่ะ ทำแบบนั้นไม่เท่ากับหาเรื่องให้ตัวเองขายหน้าหรอกเหรอ! ผิดหวังอะไรกัน ข้าว่าเขาอิจฉามากกว่า”
ทุกคนต่างรู้สึกตกใจ ก่อนจะมองเธอด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“เฮ้ๆ…คนที่เจ้าพูดถึงนั่นคือปรมาจารย์ด้านการแสดงของเกรย์คาสเซิลนะ….”
“ก็แค่อดีตเท่านั้นแหละ” โรเซียพูดอย่างโมโห “เมืองเนเวอร์วินเทอร์กลายเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ คณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ก็กลายเป็นคณะละครที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในดินแดนตะวันตก พอความนิยมของพวกเขาตกลง เขาก็ย่อมต้องไม่พอใจพวกเรา ข้าติดตามพี่เมย์จากลองซองจนมาถึงเมืองชายแดน หลังจากที่นางกลับมาจากเมืองหลวง นางก็ไม่เคยได้ติดต่อกับคณะละครเคแกรเลย แล้วนางจะไปทำให้เขาผิดหวังได้ยังไง? พูดไปพูดมาก็เพราะดูถูกที่คณะละครของพวกเราเพิ่งตั้งขึ้นมา แล้วก็ไม่มีชื่อเสียงในสายตาของพวกขุนนางมากกว่า”
“อย่างนี้หรอกเหรอ?” เอรินทำหน้าเหมือนเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างขึ้นมา
น่าจะเป็นเพราะการพูดที่ดูจริงจังของโรเซีย ทุกคนถึงได้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมานิดหน่อย
“ข้าว่าที่ผู้จัดการนั่นไม่กล้ามองท่านเมย์ตรงๆ ก็เพราะเขารู้สึกผิดอยู่ในใจนั่นแหละ….”
“อย่างนั้นที่อาจารย์เคแกนไม่อยากเจอพี่เมย์ก็เป็นเพราะเรื่องนี้เหรอ?”
“เหลวไหล!” ในที่สุดเมย์ก็ทนไม่ได้ เธอกรอกตาใส่ทุกคน “ด้วยชื่อเสียงของเขาจำเป็นต้องมาอิจฉาข้าด้วยเหรอ? หากออกไปจากดินแดนตะวันตกก็แทบจะไม่มีใครรู้แล้วว่าข้าเป็นใคร แต่ทั่วทั้งเกรย์คาสเซิลไปจนถึงอาณาจักรดอว์น ไม่มีใครที่จะไม่เคยได้ยินชื่อของเคแกน เฟส พวกเจ้ายิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะเข้าไปใหญ่แล้ว!”
ทุกคนหดหัวลงทันที
“เอาเป็นว่า เรื่องนี้พอเท่านี้แหละ เข้าใจไหม?” เมย์ปรบมือ “กลับบ้านกันได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องถ่ายทำกันต่อ!”
เมื่อกลับมาบ้าน ตอนที่พูดคุยกันระหว่างกินข้าว คาร์เตอร์ก็ถามเรื่องที่เธอไปเยี่ยมเคแกน
แต่เธอกลับพูดถึงแค่เพียงนิดหน่อย
ไม่ว่าเหตุผลคืออะไร เมย์ก็ไม่อยากให้สามีของเธอต้องมาพัวพันกับเรื่องนี้
เพราะว่านี่เป็นความขัดแย้งของโลกการแสดง
การถ่ายทำหนังเวทมนตร์ในอีกสองสามวันหลังจากนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนไม่ได้ดูหมดอาลัยตายอยากเหมือนอย่างที่เธอคิดเอาไว้ ในทางกลับกัน น่าจะเป็นเพราะทุกคนรู้สึกอัดอั้นตันใจ ฉากการต่อสู้สุดท้ายในวังทุกคนจึงแสดงออกมาได้ยอดเยี่ยมอย่างมาก แม้แต่เกธเองก็ยังแสดงออกมาได้ดีกว่าทุกที บรรยากาศแบบนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ ทำเอาคนใหม่ๆ ที่เพิ่งมาอยู่ในคณะไม่นานพากันตกตะลึง
ในขณะเดียวกันก็มีคนคาดเดาว่านี่เป็นเพราะคำชี้แนะของท่านอาจารย์เคแกนหรือเปล่าถึงได้ทำให้เหล่านักแสดงพากันพยายามมากขึ้น
ซึ่งนี่ก็ทำให้เมย์รู้สึกโล่งใจเช่นเดียวกัน
ดูเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมวิสเซิลจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคณะนักแสดงมากนัก
แต่ในขณะที่เธอนึกว่าเรื่องที่เธอไปเยี่ยมเคแกนจะจบลงไปแบบนี้ เรื่องที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ผู้จัดการของคณะละครเคแกนได้เป็นฝ่ายมาหาเธอในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ
“เจ้านายของข้าอยากจะคุยกับเจ้าหน่อย คุณ…ไม่สิ คุณนายแลนนิส” เหมือนเขาจะรออยู่นอกเขตปราสาทนานแล้ว แม้แต่หมวกของเขาก็ยังมีหิมะเกาะเป็นชั้นๆ
เจ้านายที่อีกฝ่ายพูดถึงนั้นย่อมต้องเป็นเคแกน เฟส ปรมาจารย์ด้านการแสดงของเกรย์คาสเซิลและเป็นผู้ก่อตั้งคณะละครเคแกนอย่างไม่ต้องสงสัย
พริบตานั้นเอง ภายในใจเธอพลันมีความสงสัยนับไม่ถ้วนเอ่อล้นขึ้นมา ถึงขนาดอยากจะใช้คำว่า ‘ผิดหวัง’ ที่เคยออกมาจากปากของอีกฝ่ายมาปฏิเสธ แต่เธอก็พบว่าตัวเองนั้นอยากจะเจอเคแกนซักครั้งจริงๆ….ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะเธออยากจะคลายความสงสัย
“ข้าพาเพื่อนไปได้ไหม?” เมย์ถาม
“ไม่ได้ ท่านเคแกนอนุญาตให้เจ้าไปคนเดียว” ผู้จัดการส่ายหัว
“พี่เมย์…” เอรินพูดอย่างกังวล
เธอหันหน้ามามองเอรินเพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร จากนั้นเธอจึงสูดหายใจ “เข้าใจแล้ว เชิญนำทางได้เลย”
….
สถานที่ยังคงเป็นโรงแรมวิสเซิล
เมย์เดินตามผู้จัดการขึ้นไปชั้นสอง ก่อนจะเข้าไปยังห้องหนังสือขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง ภาพที่เห็นตรงหน้าคือคนรู้จักที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาดีกำลังยืนหันหลังให้กับตู้หนังสือ ทั้ง ‘ปริ้นเซส’ เรินต์เกน, ‘มินสเทรล’ อีเกรโป, ‘ฟลายอิ้งคลาวด์’ เบอร์นิส…คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นนักแสดงระดับสุดยอดที่ถูกรวบรวมมาจากที่ต่างๆ ในละครเรื่อง ‘เจ้าชายตามรัก’ เธอก็เคยทำงานร่วมกับพวกเขา การที่ได้มาเจอหน้ากันในอีกหลายปีหลังจากนั้นมันควรจะเต็มไปด้วยความสุขถึงจะถูก แต่จากสีหน้าอันเย็นชาของอีกฝ่าย เมย์กลับมองเห็นถึงได้ดูถูกและความเป็นศัตรู
นี่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอย่างมาก
ถึงแม้เมย์จะไม่ได้หวังว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในการที่ได้มาเจอกันอีกครั้งเท่าไรนัก แต่เท่าที่เธอจำได้ ต่อให้ระหว่างเธอกับอีกฝ่ายจะมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดที่จะแสดงออกมาทางสีหน้าแบบนี้ สำหรับนักแสดงคนหนึ่งแล้ว การเก็บซ่อนอารมณ์ทางสีหน้านั้นเป็นทักษะพื้นฐานอย่างหนึ่ง ต่อให้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ มันก็มีน้อยคนมากที่จะเปิดเผยอารมณ์ออกมาทางสีหน้าจนหมดแบบนี้ นี่ไม่เหมือนพวกที่ชอบหาเรื่องในโรงละครลองซองเลย เพราะที่นั่นถ้ายิ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียง ก็จะยิ่งระมัดระวังท่าทีของตน แต่ในเวลานี้แม้แต่การเก็บอารมณ์ทางสีหน้า พวกเขาก็ไม่ยอมทำด้วยซ้ำ
เมย์มองไปทางชายแก่ผมหงอกครึ่งหัวที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี เคแกนเหมือนจะแก่ลงไปไม่น้อย แต่นักแสดงที่ยังแสดงอยู่บนเวที ไม่มีใครที่จะกล้ามองข้ามเขา ที่นักแสดงเหล่านี้ไม่ยอมเอ่ยปากออกมาซักที เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังรอให้ชายแก่เป็นคนเริ่มอยู่
เคแกนเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสายตาของเธอ เขาปิดบทละครในมือลง ก่อนจะยืนขึ้นมา
แต่ประโยคแรกที่เขาพูดออกมากลับทำให้เมย์ต้องยืนตะลึงไปกับที่
“คุณนายแลนนิส ข้าขอให้ท่านกับคณะละครของท่านหยุดการแสดงที่กำลังจะมีขึ้นได้หรือไม่?”
ตอนที่ 1024
ความขัดแย้งทางความคิด (1)
โดย
Ink Stone_Fantasy
หยุดการแสดง? แต่หนังเวทมนตร์มันถ่ายทำจบไปแล้ว แถมยังไม่จำเป็นต้องให้นักแสดงขึ้นไปแสดงบนเวทีด้วย….ไม่สิ สิ่งสำคัญคือทำไมเขาต้องพูดแบบนี้ด้วย?
เมย์ที่ึิคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะขอร้องออกมาแบบนี้ยืนตกตะลึงไปทันที
น่าจะเป็นเพราะรู้ว่าคำพูดตัวเองดูรุนแรงไปหน่อย เคแกนจึงรีบพูดขึ้นมาต่อ “ไม่ได้หมายถึงว่าให้ยกเลิก เพียงแค่ให้หยุดไปชั่วคราวก่อนเท่านั้น อย่างเช่นบอกว่าร่างกายไม่สบาย จำเป็นต้องพักผ่อน เลื่อนการแสดงออกไปอีกประมาณอาทิตย์หนึ่ง ข้าคิดว่าเจ้าหน้าที่พวกนั้นก็น่าจะอนุญาตให้พวกข้าได้พบฝ่าบาทแล้วล่ะ”
“แต่ว่า…” เดิมเมย์อยากจะแย้งขึ้นมาว่าหนังเวทมนตร์มันไม่เหมือนกับละครเวทีที่ผ่านๆ มา ตอนที่แสดงก็ไม่จำเป็นต้องให้เหล่านักแสดงขึ้นไปบนเวที แต่คำพูด ‘แต่ว่า’ เพิ่งจะออกมาจากปาก เรินต์เกนก็พูดถากถางขึ้นมาทันที
เมย์มองออกว่าเธออดกลั้นมานานแล้ว
“ข้าบอกท่านแล้วว่าเสียเวลาเปล่า เรื่องนี้เป็นฝีมือของนาง แล้วจะมาให้นางหยุดมือได้ยังไงล่ะ? อาจารย์ ท่านมองคนผิดแล้วล่ะ”
“ข้าเคยเพียงแค่นึกว่าเจ้าเดินทางผิด ละทิ้งการไล่ตามความฝันในด้านการแสดง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทำแบบนี้ได้” เบอร์นิสกระทืบเท้าออกมาอย่างโมโห “เสียดายที่วันนี้ข้าพูดดีกับเจ้า….คุณนายแลนนิส เจ้ามองว่าละครเวทีคืออะไรกันแน่? เครื่องมือในการหาชื่อเสียงเหรอ?”
“ถ้านางไม่พูดออกมา พวกเราก็คงยังไม่รู้ความจริง ภรรยาของหัวหน้าอัศวินคาร์เตอร์ แลนนิส เจ้าหน้าที่พวกนั้นอยากจะเอาใจนางมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? ข้าไม่เชื่อว่าด้วยชื่อเสียงของอาจารย์เคแกน ฝ่าบาทโรแลนด์จะทรงไม่ให้แม้กระทั่งโอกาสในการขึ้นแสดง!”
“พอได้แล้ว!” เคแกนพูด “ที่ข้าเรียกนางมาไม่ใช่เพื่อมาฟังพวกเจ้าทะเลาะกัน! ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ไม่คิดว่าเมย์จะทำแบบนั้นด้วย ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อข้า ก็ขอเชิญออกไปจากห้องนี้ซะ ตอนนี้ข้าแค่อยากฟังคำตอบของนาง!”
พระเจ้า เมย์ตกใจจนหุบปากไม่ลง เธอเหมือนจะพอเดาเรื่องราวออกจากคำพูดเสียดสีเหล่านี้ คณะละครเคแกนอย่างจะแสดงละครเวทีในงานราชาภิเษก พวกเขาได้ยื่นเรื่องขออนุญาตกับทางสำนักงานเมืองตามกำหนดการ แต่กลับถูกทางสำนักงานเมืองปฏิเสธ ด้วยเหตุนี้หลังจากที่เรินต์เกนและคนอื่นๆ รู้ว่าเธอแต่งงานกับหัวหน้าอัศวินแล้ว พวกเธอจึงคิดว่าเธอวางแผนให้เจ้าหน้าที่ปฏิเสธคำขออนุญาตของทางคณะละครเคแกน?
นี่มันเป็นการเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง!
ถ้าเรื่องราวมันเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ เธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงแสดงความเป็นศัตรูออกมาทางสีหน้าอย่างไม่ปิดบัง
ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธไม่ให้เข้าพบก็ดีหรือที่บอกว่าผิดหวังก็ดี หรือแม้กระทั่งการขัดแข้งขัดขากันเพื่อแย่งชิงบท ล้วนแต่ปัญหาระหว่างนักแสดงด้วยกัน นี่ถือเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยในวงการการแสดง ไม่มีใครที่จะอาฆาตแค้นกันด้วยเรื่องแบบนี้ แต่หากใช้ลูกไม้สกปรกมาขัดขวางการขึ้นแสดงของอีกฝ่ายนั้นจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งทันที เพราะนั่นถือเป็นทำผิดต่ออาชีพอันเป็นที่รักของเหล่านักแสดงอย่างร้ายแรง
หากเปลี่ยนเป็นเธอ เกรงว่าเธอคงจะแสดงอาการไม่พอใจและดูถูกออกมารุนแรงกว่านี้เสียอีก
“แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมวิสเซิลวันนั้น ข้าไม่ได้คุยกับใครเลยนอกจากสมาชิกในคณะละครที่มาด้วยกัน” เมย์ค่อยๆ พูดอธิบาย “เรื่องนี้ข้ารับประกันได้”
“ข้าเองก็เชื่อแบบนี้ ดังนั้นข้าถึงได้ตัดสินใจที่จะคุยกับเจ้า” เคแกนนวดขมับเล็กน้อย “พวกเราไม่รู้เรื่องเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่แห่งนี้เลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าปัญหามันเกิดขึ้นตรงนี้ ที่ข้าต้องขอให้เจ้าทำแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ข้าเองก็จนปัญญา แต่แน่นอนว่าหลังจากนี้พวกข้าจะชดเชยให้เจ้าแน่”
เมื่อพูดถึงคำว่าชดเชย เรินต์เกนและคนอื่นๆ ต่างขมวดคิ้วและหันมองไปทางอื่น
แต่ในเวลานี้เมย์ไม่มีใจจะไปนั่งถามว่าจะชดเชยให้ยังไง เท่าที่เธอรู้จักเคแกน เฟสมา ที่อีกฝ่ายพูดมาเช่นนี้จะต้องมีเหตุผลแน่
“ก่อนที่ข้าจะให้คำตอบท่าน ข้าอยากถามคำถามท่านหน่อยได้ไหม” เธอครุ่นคิดเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ที่ผู้จัดการของท่านบอกว่าท่านผิดหวังในตัวข้า….เพราะอะไรเหรอ?”
ชายแก่นิ่งเงียบไป จากนั้นจึงโบกมือไปทางเหล่านักแสดง
“อาจารย์….” เรินต์เกนเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะเงียบ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องหนังสือไป
คนอื่นๆ เองก็เดินตามเธอออกไป ไม่นานภายในห้องหนังสือก็เหลือพวกเขาเพียงแค่สองคน
เคแกน เฟสจ้องมองดูเมย์ สายตาที่แฝงเอาไว้ด้วยความตำหนิของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกอยากจะหลบสายตา
“ในสองปีนี้ เจ้าแสดงละครไปแล้วกี่เรื่อง?”
แต่คำพูดของอีกฝ่ายกลับทำให้เธอคิดไม่ถึง
“เอ่อ…7 – 8 เรื่องมั้ง?” เมย์ตอบอย่างลังเล
“ทั้งหมด 12 เรื่อง” เคแกนชูนิ้วออกมานับ “ซินเดอเรลลา, บันทึกของแม่มด, แดดยามเช้า, เมืองใหม่….ยังไม่ต้องไปพูดถึงว่าเนื้อหาในละครพวกนี้มันเป็นยังไง แต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าแสดงพวกมันได้ดีแล้ว?”
เมย์ตกตะลึง “เรื่องพวกนี้…ท่านได้ดูด้วยเหรอ?”
ไม่ นี่เป็นคำถามที่โง่มาก เธอคิดขึ้นมาได้ การแสดงของเธอส่วนใหญ่จะอยู่แค่ในดินแดนตะวันตก เขาน่าจะฟังคนอื่นพูดมาต่างหาก
แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด เคแกนส่ายหัว “ในดินแดนตะวันตกของเกรย์คาสเซิลมีลูกศิษย์ข้าอยู่เต็มไปหมด อยากจะรู้เรื่องพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องยากจะอะไรเลย” เขาถอนหายใจ “แต่ตอนที่แสดง ‘เจ้าชายตามรัก’ เจ้าใช้เวลาครึ่งปีกับอีกสองเดือน”
เมย์ไม่ได้พูดอะไร เธอเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดของอีกฝ่าย
การแสดงที่ยอดเยี่ยมนั้นต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอย่างมาก นี่คือกฎเกณฑ์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ของวงการการแสดง ต่อให้เป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์แค่ไหน แต่ทุกคนก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าตัวเองจะสามารถท่องจำบทได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ความจริงแล้ว เนื่องจากมีละครที่ต้องทำการซ้อมเยอะ เธอเองก็เคยทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แบบที่เมื่อก่อนไม่เคยเกิดขึ้นเหมือนกัน อย่างเช่นจำบทผิด ใช้สีหน้าผิด ความผิดพลาดเหล่านี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับชาวบ้านทั่วๆ ไป แต่สำหรับผู้ชมที่ดูละครเป็นแล้ว นี่ย่อมต้องเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงแน่นอน
“ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงได้ย้ายจากลองซองมาอยู่ที่เมืองชายแดน แล้วก็เริ่มแสดงละครไร้สาระพวกนี้” เคแกนพูดเสียงคร่ำเคร่ง “บางทีมันอาจจะเป็นเพราะคำสั่งของผู้ปกครอง แต่ถ้าเจ้าไม่ยินยอม เขาก็ไม่อาจบังคับให้เจ้าทำเช่นนี้ได้ เพราะละครเวทีนั้นคือการเต้นระบำต่อหน้าผู้ชม ไม่มีใครที่จะเต้นระบำได้ทั้งๆ ที่ถูกใส่กุญแจมืออยู่ เมย์…” เขาไม่ใด้ใช้คำว่าคุณนายแลนนิสอีก หากแต่เปลี่ยนไปใช้น้ำเสียงของอาจารย์เหมือนอย่างในอดีต “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าระดับของผู้ชมนั้นสามารถสะท้อนระดับฝีมือของนักแสดงได้ ถ้าไม่มีความต้องการและมาตรฐานที่สูง แล้วจะเอาแรงผลักดันที่จะทำให้ตัวเราก้าวหน้ามาจากที่ไหน? จริงอยู่ที่เจ้าทำให้ผู้ชมจำนวนมากชื่นชอบได้ แต่เจ้ากลับทิ้งเป้าหมายในการเป็นสุดยอดนักแสดงไป นี่คือสิ่งที่ทำให้ข้าผิดหวังในตัวเจ้า…”
ไม่สามารถโต้แย้งได้ ไม่สามารถพูดอธิบายได้แม้แต่คำเดียว เพราะเมย์รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นพูดถูก ถ้าดูจากระดับการแสดงเพียงอย่างเดียว ในช่วงนี้ฝีมือของเธอตกลงไปจริงๆ เวลาที่ใช้ในการฝึกซ้อมไม่เพียงแต่จะลดลงอย่างมาก แต่เธอถึงกับทิ้งบทของตัวเองในละครเรื่อง ‘หัวใจแห่งหมาป่าไป’ ละครเรื่องแล้วเรื่องเล่าทำให้เธอไม่สามารถทุ่มตัวเองให้เข้าไปอยู่กับมันอย่างจริงจังได้ การดูแลคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ก็ดึงสมาธิส่วนใหญ่ของเธอไป
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เธอจึงถามขึ้นมาว่า “ละครที่ท่านจะแสดง ท่านเตรียมตัวมานานแล้วเหรอ?”
“สองปีพอดี” เคแกนพูดอย่างภูมิใจ “นอกจากแสดงละครเก่าๆ ก่อนหน้านี้แล้ว ในช่วงเวลาสองปีมานี้พวกเราต่างก็ฝึกซ้อมมันอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นบนเรือหรือที่โรงแรมแห่งนี้ พวกเราก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าไปแม้แต่นิดเดียว ทุกๆ รายละเอียดล้วนแต่เก็บได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขอเพียงมีเวทีดีๆ สักที่ เด็กพวกนี้ก็จะสามารถแสดงละครเวทีที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ สมบูรณ์แบบกว่าเรื่อง ‘ตามรัก’ ที่เป็นจุดสูงสุดในอาชีพนักแสดงของข้าเสียอีก
เขามองเมย์ตรงๆ “ถึงแม้เจ้าจะทำผิดต่อพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานให้เจ้ามา แต่เรื่องความรักที่เจ้ามีต่อการแสดงนั้นข้าเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ในจุดนี้ข้ามองไม่ผิดแน่ แต่ถ้าได้ดูละครที่ยอดเยี่ยม เจ้าก็จะสัมผัสได้ถึงความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจ ข้าพูดถูกใช่ไหมล่ะ?”
ตอนที่ 1025
ความขัดแข้งทางความคิด (2)
โดย
Ink Stone_Fantasy
เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เคแกน เฟสยังคงเป็นคนๆ นั้นที่เมย์คุ้นเคย อย่างน้อยในเรื่องการแสดงละครเวที เขาก็มีความเชื่อมั่นอันบริสุทธิ์ และก็เป็นเพราะความเชื่อมั่นอันนี้ถึงได้ทำให้เขาไม่ปิดบังความผิดหวังที่มีต่อเธอ แล้วก็ไม่มีทางที่เขาจะเปลี่ยนแปลงคำพูดเพราะต้องการความช่วยเหลือจากเธอด้วย
สำหรับคนที่มีใจรักต่อละครเวทีแล้ว การที่เขาพยายามจะหาเวทีให้คณะละครของเขาได้แสดงละครที่สมบูรณ์แบบออกมาเช่นนี้จึงเหมือนจะเรื่องที่ปกติ
แต่เธอกลับพบว่าตัวเองไม่สามารถตอบตกลงอีกฝ่ายไปได้
มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมาปิดปากเธอเอาไว้อยู่
เมย์หลับตาลง หูของเธอเหมือนได้ยินเสียงเรียกของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมา
‘คุณนายแลนนิส ได้โปรดรอข้าเดี๋ยวเจ้าค่ะ…’
‘นี่คือของขวัญขอบคุณของข้า ขอท่านได้โปรดรับมันเอาไว้ด้วยเจ้าค่ะ….’
จากนั้นก็มีคนยื่นปลาเค็มตัวหนึ่งมาใส่มือของเธอ
พริบตานั้นเองเมย์พลันเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าสิ่งที่หยุดเธอเอาไว้มันคืออะไรกันแน่
เธอลืมตาขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตาของปรมาจารย์ด้านการแสดง
ครั้งนี้เธอไม่หลบสายตาอีกแล้ว
การจะพูดคำตอบออกมานั้นมีหลายวิธี อย่างแรกเลยคือเธอต้องยอมรับว่าเห็นด้วยกับเขา แล้วค่อยใช้คำว่า ‘แต่ว่า’ มาเป็นจุดเปลี่ยน จากนั้นเธออาจจะอธิบายว่าหนังเวทมนตร์มันคืออะไรหรือบอกว่าการแสดงครั้งนี้เป็นคำสั่งของฝ่าบาทก็ล้วนแต่เป็นคำตอบเพื่อที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเสียน้ำใจ
เคแกน เฟสรู้เรื่องเมืองเนเวอร์วินเทอร์น้อยมาก เขาไม่รู้ว่าจุดเด่นของคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์คืออะไร แล้วก็ไม่เข้าใจว่าฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับละครเวทีขนาดไหน เรียกได้ว่าเขาเดินผิดทางตั้งแต่เริ่มแล้ว ถ้าเธออธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียด ไม่เพียงแต่จะแก้ไขความเข้าใจผิดของคนเหล่านี้ได้ บางทีมันอาจจะแก้ไขความผิดหวังที่อาจารย์เคแกนมีต่อเธอได้ด้วย
แต่ในใจเมย์รู้ว่าสิ่งเหล่านี้นั้นเป็นเพียงแค่การหลบหนีอย่างหนึ่งเท่านั้น
“ท่านเคแกน การแสดงของท่านเตรียมมาเพื่อฝ่าบาทพระองค์เดียวเท่านั้นเหรอ?”
“ยังมีพวกขุนนาง เหล่าเสนาบดีและเจ้าเมืองที่มาแสดงความยินดีกับฝ่าบาทด้ย” เคแกนพยักหน้า “ถ้าไม่มีผู้ชมที่คู่ควร ต่อให้แสดงออกมาดีแค่ไหนมันก็ไร้ความหมาย”
เหมือนกับทองคำที่อยู่กับอัญมณี เหมือนเหล้าชั้นดีที่คู่กับแก้วหยก ทุกๆ การเคลื่อนไหวของนักแสดงล้วนแต่มีความหมายของมันอยู่ มีแต่ผู้ชมที่ตั้งใจดูมันเท่านั้นถึงจะสามารถลิ้มรสชาติของคำว่ายอดเยี่ยมได้
ตามหลักแล้วมันควรจะเป็นเช่นนี้
“อย่างนั้นขออภัยที่ข้าไม่อาจรับปากท่านได้” เมย์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะละครที่ท่านแสดง ยังไม่ใช่ละครที่สมบูรณ์แบบ”
“อะไร…นะ?” ชายแก่ขมวดคิ้ว “เจ้ายังไม่เคยแม้กระทั่งดูมัน แล้วเจ้ามาตัดสินแบบนี้ได้ยังไง?”
“เพราะถึงมันจะยอดเยี่ยมแค่ไหน คนเหล่านั้นก็ดูมันแค่เพื่อความสนุกเท่านั้น” เธอรู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างเอ่อล้นขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “พวกเขาปรบมือ ชื่นชม แล้วก็พูดถึงมันในเวลาว่าง แต่มันก็แค่นั้น ละครนี้ก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในความสำราญของพวกเขาหลายๆ คนเท่านั้น ถ้าหากไม่มีมัน ชีวิตของพวกเขาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าเป็นแค่ของที่มีก็ได้หรือไม่มีก็ได้ แบบนั้นมันจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบได้ยังไง?”
สีหน้าเคแกน เฟสคร่ำเคร่งไปทันที สำหรับผู้สร้างละครแล้ว ละครที่สร้างออกมาก็เหมือนกับลูกของตัวเอง ไม่มีใครที่จะทนการวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ได้ “ตอนแรกข้านึกว่าเจ้าเดินทางผิดเพราะต้องการไล่ตามชื่อเสียง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเสียสติไปขนาดนี้ ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ หรือเจ้าเคยเห็นละครที่สมบูรณ์แบบว่ามันเป็นแบบไหน?”
“ข้าไม่เคยเห็น” เมย์ตอบออกมาตรงๆ “แต่ข้ารู้ว่ามันควรจะเป็นอย่างไร”
เคแกนจ้องมองเธอ สายตาเขาเป็นเหมือนคมมีด บารมีที่สั่งสมมาหลายปีทำให้มีแรงกดดันอันหนักอึ้งเหมือนดั่งขุนเขาแผ่ออกมาจากตัวเขา แรงกดดันอันนี้เพียงพอที่จะทำให้นักแสดงรุ่นหลังต้องพากันรู้สึกหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังรอคำอธิบายจากเธออยู่ ซึ่งนี่ก็เป็นคำตอบที่ทำให้เสียน้ำใจได้ง่ายด้วย พูดอีกอย่างก็คือไม่ว่าเธอจะตอบอะไรออกมาก็ล้วนแต่ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจได้
แต่เมย์ก็ไม่ได้ถอยแม้แต่น้อย
เธอเองก็รู้ว่าหลังจากพูดออกไปแล้ว เธอจะเดินไปบนเส้นทางอีกเส้นทางหนึ่งทันที นั่นเป็นเส้นทางที่พวกเขาไม่เคยเห็นแล้วก็ไม่มีวันจะเข้าใจมัน หมายความว่าเธอจะต้องแยกทางกับคนจำนวนมากในวงการละครเวที ต่อไปอย่าว่าแต่ผิดหวังเลย เกรงว่ามิตรภาพในอดีตก็คงต้องจบลงด้วย เธอไม่อาจอยู่ร่วมกับพวกเขาได้อีก
ค่าตอบแทนมันสูงมากเลยนะ?
เธอถามตัวเอง
แต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัวเธอ
‘แต่มันก็คุ้มที่พวกเราจะทำไม่ใช่เหรอ’
เมย์ตอบออกไปว่า “ละครที่ยอดเยี่ยมนั้นไม่ควรจะเป็นแค่สิ่งที่เอาไว้ให้พวกขุนนางดูเพื่อความสนุกเฉพาะเวลาที่พวกเขาว่าง ละครที่ยอดเยี่ยมมันมีอะไรมากกว่านั้น มากจนกระทั่งสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนอื่นๆ ได้…”
“ ‘บันทึกของแม่มด’ ทำให้ชาวเมืองเข้าในใจตัวแม่มดมากขึ้น และช่วยลบคำครหาที่ไม่ควรเป็นของพวกเธอทิ้งไป ; ‘แดดยามเช้า’ ช่วยให้ทุกคนมีกำลังใจที่จะทำงานและบอกลาความยากจนกับความหิวโดย ทำให้หลายๆ คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ; ‘เมืองใหม่’ นั้นทำให้ชาวบ้านที่ย้ายเข้ามาให้ยอมรับกฎเกณฑ์ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ แล้วก็ทำให้โจรใต้ดินที่หนีมาที่เมืองนี้ได้มีที่ยืนในสังคม ส่วน ‘ชีวิตหนึ่งของวีรบุรุษ’….”
เธอชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาว่า “ทำให้เด็กสาวที่ต้องพบกับความเจ็บปวดสามารถลุกขึ้นมายืนได้ใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธออีกครั้ง ข้าคิดว่าคนที่ต้องสูญเสียคนรักไปในสงครามแบบเธอต้องมีจำนวนไม่น้อยแน่นอน ไม่ว่าจะมีกี่คนที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองได้ด้วยการดูละครเรื่องนี้ ข้าก็รู้สึกมีความสุขที่ได้ช่วยพวกเขาผ่านการแสดงละคร”
“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่…” เคแกนถามเสียงคร่ำเคร่ง
“ท่านเคยบอกข้าว่าละครที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั้นต้องทำให้ผู้ชมจมดิ่งลงไปอยู่ในตัวละครได้ แต่ตอนนี้ข้ากลับอยากจะทำให้พวกเรามองเห็นอนาคตของตัวเองผ่านทางการแสดงละครมากกว่า” เมย์พูดตรงๆ “ถ้าไม่มีอัญมณีกับแก้วหยก พวกขุนนางก็ยังสามารถหาสิ่งอื่นมาแทนพวกมันได้ แต่ละครที่ข้าแสดงกลับเป็นอาหารที่ช่วยให้คนจำนวนมากอิ่มท้องได้”
เมื่อเจอคำตอบแบบนี้ เคเกนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“ข้าเชื่อว่าละครที่ท่านใช้เวลาเตรียมตัวมาสองปีจะต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน แต่ ‘หัวใจแห่งหมาป่า’ ที่คณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์แสดงก็เป็นละครที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะใช้เวลาในการเตรียมตัวจนถึงขึ้นแสดงเพียงแค่เดือนกว่าเท่านั้น นักแสดงบางคนก็เพิ่งจะได้แสดงเป็นครั้งแรก แต่มันก็ยังเป็นละครที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ดูมา” เธอย่อตัวลงเล็กน้อย “หลังจากได้ดูมันแล้ว หากความคิดของท่านยังไม่เปลี่ยนไป ข้าก็ทูลแนะนำละครเรื่องใหม่ของท่านให้กับฝ่าบาทเอง”
หลังออกมาจากโรงแรมวิสเซิล เมย์รู้สึกได้ถึงร่างกายที่เบาสบายๆ แม้แต่ฝีเท้าของเธอก็รู้สึกเบาขึ้นกว่าในตอนแรก
ในขณะที่เพิ่งเดินออกมาจากซอย เธอพลันเห็นคาร์เตอร์ แลนนิสยืนรอเธออยู่ตรงข้างถนน
“ท่านมาได้ยังไง?” เมย์ถามอย่างแปลกใจ
“เอรินบอกข้าว่าเจ้าถูกผู้จัดการของท่านเคแกนพามาที่นี่ ข้ารู้สึกเป็นห่วง ก็เลยตามมา” คาร์เตอร์ยักไหล่ “ยังไงซะอีกเดี๋ยวก็ต้องไปซื้อกับข้าวที่ตลาดมาทำอาหารเย็นอยู่แล้ว ก็เลยแวะมาดูหน่อย”
“เหรอ?” เมย์กรอกตาใส่เขา “ท่านรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมแต่แรกแล้วใช่ไหม?”
“วันนั้นเจ้ากินข้าวไปนิดเเดียว ดูไม่ออกก็แปลกแล้ว” หัวหน้าอัศวินพูดอย่างได้ใจ
“เดี๋ยว…” เธอหยุดฝีเท้าทันที “อย่าบอกนะว่าท่านไปพูดกับทางสำนักงานเมืองให้พวกเขาปฏิเสธการแสดงของคณะละครเคแกน”
“หืม?” คาร์เตอร์เลิกคิ้ว “เจ้าพูดอะไรของเจ้า? ข้าปฏิเสธการแสดงอะไร?”
เมย์จ้องเขาอยู่ครู่ ก่อนจะพูดออกมาว่า “เปล่า ไม่มีอะไร…”
“เห้ ไม่บอกข้าจริงเหรอ?”
“ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว..” เธอพูดยิ้มๆ “เออใช่ ท่านจะไปซื้อกับข้าวไม่ใช่เหรอ?”
“ทำไม เจ้ามีของที่อยากกินเหรอ?”
“อืม คืนนี้ข้าอยากกินปลาเค็ม
“ปลาเค็ม? เจ้าไม่ชอบพวกของหมักดองไม่ใช่เหรอ…ครั้งที่แล้วปลาเค็มที่เด็กคนนั้นเอามาให้ เจ้าก็กินอยู่ตั้งหลายวันแหนะ”
“ก็ตอนนี้ข้าชอบกินแล้วไม่ได้เหรอไง!” เมย์พูดตัดบทเขา จากนั้นจึงยื่นมือขวาไปหาเขา “ข้าแค่ถามท่านว่าจะไปไม่ไป?”
“ไปสิ” อัศวินจับมือเธออย่างไม่ลังเล “ขอเพียงเจ้าต้องการ จะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น”
ตอนที่ 1026
ละครเรื่องใหม่ เริ่มแสดง!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในที่สุด วันเริ่มที่ ‘หัวใจแห่งหมาป่า’ เริ่มแสดงก็มาถึง
ด้านนอกหน้าต่างเพิ่งจะมีแสงสว่างลอดเข้ามา วิคเตอร์ก็ถูกเสียงกุกกักๆ ที่ดังอยู่ข้างหูปลุกจนตื่นขึ้นมา เขาลืมตา ก่อนจะพบว่าอีกด้านหนึ่งของหมอนนั้นไม่มีใครนอนอยู่ สิ่งที่เหลืออยู่มีเพีบงแค่เส้นผมไม่กี่เส้นกับกลิ่นหอมจางๆ ของหญิงสาว
“ทิงเกิล?” เขาใช้เสียงแหบแห้งเรียกชื่อเธอขึ้นมา
“นาย…นายท่าน ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?” คนที่ตอบเหมือนจะดูลนลานนิดหน่อย “ข้าเสียงดังไปจนปลุกท่านตื่นหรือเจ้าคะ?”
วิคเตอร์พลิกตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ใบหน้าเขายิ้มออกมาเล็กน้อย
หญิงสาวกำลังหาวิธีใส่ชุดราตรีอยู่ เธอสวมมันเข้าไปได้แค่ครึ่งเดียว เผยให้เห็นแผ่นหลังอันขาวนวลและหน้าอกที่ถูกปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ดูแล้วช่างมีเสน่ห์อย่างมาก
“ท่าน….อย่ามองข้าแบบนี้ได้ไหมเจ้าคะ?” ทิงเกิลหน้าแดง
นี่คือความรู้สึกที่ไม่มีทางได้รับจากคุณหนูชั้นสูง วิคเตอร์ยิ้มเล็กน้อย “ก็ได้ๆ ข้าไม่มองก็ได้ แต่ข้าจะบอกอะไรให้อย่าง ถ้าไม่มีคนช่วยเจ้า เจ้าไม่มีทางใส่มันได้ด้วยตัวคนเดียวหรอก”
“เอ๋….” อีกฝ่ายลนลานขึ้นมาทันที
“มานี่สิ เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าเอง” เขาผายมือ “แต่ให้ข้ากินน้ำก่อนนะ ตอนนี้ข้าหิวน้ำจะแย่แล้ว”
….
หลังมัดเชือกเสร็จ วิคเตอร์ก็เอื้อมมือไปลูบเอวของเธอ “เรียบร้อย เหมาะกับเจ้าทีเดียว เห็นชุดราตรีดูบางเบาแบบนี้ ก่อนหน้าที่เชือกแบบยืดหดได้จะถูกประดิษฐ์ขึ้นมา พวกคนใช้ที่ต้องมาคอยช่วยคุณหนูสวมใส่มันต้องเลือกเอาแต่ตัวใหญ่ๆ เท่านั้นนะ ไม่อย่างนั้นไม่ได้มีทางที่จะใส่มันได้เลย”
“อย่างนี้นี่เอง” หญิงสาวแลบลิ้น “ข้าเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกนี่แหละเจ้าค่ะ…”
“ของชิ้นใหญ่หลายๆ อย่างของพวกขุนนางมันก็เป็นแบบนี้นี่แหละ ภายนอกดูดี แต่เวลาใช้ขึ้นมากลับยุ่งยากอย่างมาก พูดง่ายๆ ก็คือสวยแต่ใช้ไม่ได้จริง” เขาพูดจริงๆ “ว่าไง อยากจะใส่มันออกไปข้างนอกแล้วใช่ไหม?”
“ปะ เปล่านะเจ้าคะ ข้าเพียงแต่อยากจะลุกขึ้นมาเตรียมตัวเร็วหน่อยเท่านั้น จะได้ไม่ทำให้ท่านเสียเวลาเดินทาง” ทิงเกิลรีบโบกมือ “เดี๋ยวข้ารีบไปเตรียมน้ำมาให้ท่านล้างหน้าล้างตากับเตรียมอาหารเช้าให้ท่านเจ้าค่ะ”
ใส่ชุดแบบนี้ไปทำงานเหรอ? วิคเตอร์มองดูสาวใช้ที่ดูตื่นเต้น แต่เขาก็ไม่ได้บอกให้เธอถอดชุดออก “ไปเถอะ เอาขนมปังปิ้งร้อนๆ กับไข่ดาวก็พอ อย่าลืมเอาของเจ้ามาด้วยล่ะ”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากเลยเจ้าต่ะ” เธอย่อตัวทำความเคารพให้เขา “แล้วก็ขอบคุณสำหรับชุดที่ท่านมอบให้ข้า….กับโอกาสในการไปดูการแสดงครั้งนี้เจ้าคะ”
หลังประตูปิดลง วิคเตอร์ก็ปีนขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับเทไวน์ให้ตัวเองแก้วหนึ่ง
นี่คือข้อดีอย่างหนึ่งของผู้หญิงประเภทนี้ ขอเพียงทำดีกับนางเล็กน้อย เขาก็จะได้รับความซาบซึ้งและการตอบแทนกลับมาอย่างมาก ถ้าคนที่เขาทำดีด้วยเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ เกรงว่าแม้แต่รอยยิ้มก็คงจะไม่ได้รับกลับมา
สำหรับเขาแล้วเงิน 80 เหรียญทองถือเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างมาก การไปดูละครสองคนมันย่อมต้องสนุกกว่าการไปดูคนเดียวอยู่แล้ว นี่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าใจกว้างหรือความรักอะไรเลย มันเป็นเพียงแค่ความต้องการส่วนตัวของเขาเท่านั้นเอง
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาอยากรู้ก็คือหนังเวทมนตร์ที่ราคา 40 เหรียญทองนี้มันจะสุดยอดแค่ไหนกัน?
……
“อาจารย์ ท่านจะไปจริงๆ เหรอ?” เรินต์เกนมองดูเคแกน เฟสที่เต็มตัวเต็มยศด้วยสีหน้ากังวล “ถึงแม้เมย์จะบอกว่าจะแนะนำละครเรื่องใหม่ของท่านให้กับฝ่าบาท แต่นั่นมันอาจเป็นแค่ข้ออ้างของนางก็ได้ ถ้านางอยากจะหาประโยชน์จากเชื่อเสียงของท่าน อย่างนั้นไม่เท่ากับว่าท่านตกหลุมพรางของนางหรอกเหรอ?”
“ข้าก็คิดแบบนี้เหมือนกัน…ตอนนี้นางไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่นิดเดียว” อีเกรโปพูดงึมงำขึ้นมา “แนะนำละครใหม่อะไรกัน นางนึกอยากจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทก็เข้าเฝ้าได้เลยอย่างนั้นเหรอ”
“แต่สามีของนางคือหัวหน้าอัศวินนะ…ต่อให้เข้าเฝ้าไม่ได้ก็ยังฝากไปทูลฝ่าบาทได้ไม่ใช่เหรอ?” เบอร์นิสพูดอย่างระวัง
“เจ้าจะพูดแทนนางหรือไง?” เรินต์เกนถลึงตาใส่ “อย่าลืมสิว่านางทำอะไรกับเราไว้!”
“เอ่อ…อาจารย์บอกว่านางไม่ได้เป็นคนไปบอกทางสำนักงานเมืองไม่ใช่เหรอ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะว่านางโกหกหรือเปล่า”
“พอได้แล้ว!” เคแกนพูดตัดบท “ข้าไม่ได้ไปดูเพราะหวังจะให้นางแนะนำละครใหม่ของเรา นางจะโอหังยังไงมันก็เรื่องของนาง แต่พวกเราจะทำแบบนางไม่ได้ ต่อให้ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของนางยังไง ข้าก็ต้องไปดูละครนั่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เขาส่งเสียงเหอะออกมา “พวกลูกนกที่เพิ่งจะได้สัมผัสกับการแสดงจะมาแสดงละครที่สมบูรณ์แบบอย่างนั้นเหรอ? เหอะ พูดมาได้! ถ้าไม่ไปดูให้เห็นกับตา ก็จะกลายเป็นว่าเราถูกนางขู่จนกลัว มีแต่ต้องไปดูมันก่อน เราถึงจะกระชากหน้ากากนางออกมาได้ไม่ใช่เหรอ?”
พูดจบเขาก็เอาตั๋วที่ดูสวยงามสี่ใบวางลงบนโต๊ะ “ดังนั้นของที่นางส่งมานี้มันไม่ใช่ตั๋ว หากแต่เป็นหนังสือท้ารบ! จะไปไม่ไปก็แล้วแต่พวกเจ้า แต่จำเอาไว้ว่าถ้าไม่ได้ไปดู ก็อย่ามาสะเออะวิจารณ์อะไร! ถ้าอยากจะรับคำท้าของนางก็ตามข้าไป”
….
ตอนเช้าสิบโมง หน้าประตูโรงละครแห่งใหม่มีเสียงผู้คนดังโหวกเหวกไปหมด
เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างก็สนใจหนังเวทมนตร์นี้อย่างมาก ถึงแม้จะไม่มีปัญญาซื้อตั๋วราคาเต็ม แต่ก็ยังมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยหวังว่าตัวเองจะโชคดีได้แอบดูตามช่องตามรูต่างๆ
แต่พวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าโรงละครแห่งนี้ไม่เหมือนกับโรงละครที่พวกเขาเคยเห็นมา มันไม่มีหน้าต่างแม้แต่บานเดียว ตัวโรงละครเป็นเหมือนชามที่ถูกคว่ำเอาไว้ อย่าว่าแต่จะแอบดูตามช่องหน้าต่างเลย ต่อให้พวกเขาเอาแก้มไปแนบกับกำแพงก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงที่อยู่ภายในโรงละคร ขณะเดียวกันพื้นที่ของมันยังค่อนข้าง ‘กะทัดรัด’ อย่างมาก ขนาดของมันแค่ประมาณ 1 ใน 4 ของลานเมืองเท่านั้น กว้างยาวแค่ 15 เมตร สูงประมาณตึกชั้นนึง บวกกับกำแพงซีเมนตร์สีเทาภายนอกที่ไม่มีการตกแต่งใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้หลายๆ คนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่าละครที่ก้าวข้ามยุคสมัยจะทำการแสดงขึ้นที่นี่
ในเวลานี้วิคเตอร์ได้พาทิงเกิลเดินเข้าไปในโรงละครด้วยความสงสัยแบบเดียวกัน
ในทางเดินที่เดินผ่านได้ทีละคนมีด่านตรวจตราอยู่หลายชั้น หลังเอาหินอาญาสิทธิ์และมีดสั้นที่พกติดตัวส่งให้กับเจ้าหน้าที่แล้ว เขาถึงได้เข้าไปในโรงละครเสียที
พริบตาที่ผลักประตูเข้าไป สองตาของเขาพลันสว่างขึ้นมา
“ว้าว…” ทิงเกิลส่งเสียงอุทานออกมา
แม้แต่วิคเตอร์เองก็รู้สึกประหลาดใจ สิ่งที่โรงละครใช้ในการให้แสงสว่างนั้นคือหินเวทมนตร์!
ของที่มีราคาสูงลิ่วแบบนี้เขาเคยเห็นแค่ในแบล็คมันนี่เท่านั้น
การที่สามารถเอาพวกมันมาใช้ในสถานที่สาธารณะแบบนี้ได้นั้นแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเจ้าของ
ภายในโรงละครนั้นดูหรูหราอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแตกต่างกับภายนอกอย่างชัดเจน บนเพดานทรงโค้งมีหินเวทมนตร์ที่ส่องแสงสว่างแขวนอยู่สี่ก้อน ทำให้ภายในห้องที่ไม่มีหน้าต่างสว่างขึ้นมา อากาศอุ่นๆ ที่ไหลออกมาจากใต้เท้า ทำให้ภายในห้องอยู่ในสภาพที่อุ่นสบาย เก้าอี้นอนตั้งเรียงเป็นแถวๆ ล้อมพื้นที่ตรงกลาง ระยะห่างของมันประมาณหนึ่งช่วงแขน ด้วยเหตุนี้ภายโรงละครจึงดูกว้างขวางปลอดโปร่งอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รู้สึกถึงความคับแคบเลยแม้แต่น้อย
วิคเตอร์แอบรู้สึกว่าบางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้โรงละครขายตั๋วแพงขนาดนี้ พื้นที่ที่กว้างขวางทำให้การรับชมมีความสบายมากยิ่งขึ้น แล้วก็ยังทำให้สัดส่วนของเก้าอี้ค่อนข้างต่ำด้วย เมื่อดูจากจำนวนของเจ้าอี้ การแสดงรอบหนึ่งจะรับผู้ชมได้ประมาณ 50 – 80 คนเท่านั้น จำนวนอันนี้น้อยกว่าการแสดงปกติทั่วไปมาก ถ้าไม่เพิ่มราคาตั๋วขึ้น เกรงว่าคงไม่มีทางคืนทุนได้แน่
แต่ปัญหาต่อไปก็ตามมาทันที
เขามองไปรอบๆ แต่กลับมองไม่เห็นเลยว่าเวทีสำหรับแสดงอยู่ตรงไหน
ตรงกลางโรงละครมีเพียงเสาหินขนาดใหญ่ที่เชื่อมกับหลังคาเพียงแท่งหนึ่งเท่านั้น นอกนั้นก็มีแต่เก้าอี้ ไม่มีสถานที่ที่เอาไว้สำหรับทำการแสดงเลย
หรือว่าคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์คิดจะเต้นระบำบนเสานี้?
ตอนที่ 1027
ประสบการณ์ดูหนังที่เหนือจินตนาการ (1)
โดย
Ink Stone_Fantasy
วิคเตอร์สะกดความรู้สึกสงสัยภายในใจ ก่อนจะนั่งลงยังเก้าอี้แถวที่ 3 หมายเลข 10 ตามที่ระบุเอาไว้บนตั๋ว
“ท่านคือคนๆ นั้นจากตระกูลโลธา…” จู่ๆ ด้านข้างเขาพลันมีเสียงคนพูดขึ้นมา
“เขาหันหน้าไปอย่างแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายคือผู้หญิงแต่งตัวดูหรูหราสวยงาม เพียงแค่ดูก็รู้ว่าเธอเป็นพวกที่มีประสบการณ์ทางความรักที่โชกโชนซึ่งต่างจากทิงเกิล ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนเธอก็สามารถแสดงเสน่ห์อันน่าเย้ายวนของตัวเองออกมาได้เสมอ “วิคเตอร์ โลธา ไม่ทราบว่าเจ้าคือ?”
“ได้ยินชื่อเสียงท่านมานานแล้ว” หญิงสาวยกมือขึ้นมาทาบที่หน้าอกพร้อมรอยยิ้ม “ข้าคือเดนิส เพย์ตัน มาจากเมืองกลอรี อาณาจักรดอว์น”
“ที่แท้ก็คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเพย์ตัน” วิคเตอร์ทำหน้าเหมือนนึกออก “คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอแม่ค้าที่มาจากเมืองเดียวกันที่นี่”
“ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับอัจฉริยะทางการค้าที่ร่ำลือกันที่นี่” เดนิสชี้ไปยังคนที่อยู่ข้างเธอ “ข้าขอแนะนำท่านหน่อย ท่านนี้คือท่านฮิวโก้ เขาเคยเป็นเอกอัครราชทูตอยู่ที่อาณาจักรดอว์น เขาเป็นคนเชิญข้ามาที่นี่”
“ยินดีที่ได้พบขอรับ”
หลังจากนั้นก็เป็นการพูดคุยกัน
ในการพูดคุยกับฮิวโก้ วิคเตอร์ได้รู้จักกับคนระดับบนๆ ของเกรย์คาสเซิลอีกหลายคน
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ คนที่สามารถเข้ามาที่โรงละครแห่งนี้ได้ส่วนใหญ่มีแต่พวกคนรวยและขุนนาง อย่างเช่นคนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้มีอำนาจอยู่ในสำนักงานเมือง ได้ยินฮิวโก้บอกว่าฝ่าบาทเป็นคนพระราชทานตั๋วให้พวกเขาทั้งหมด พวกเขาไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเองแม้แต่สตางค์เดียว ส่วนที่นั่งแถวกลางและแถวหลังก็เป็นแขกผู้มีเกียรติและพ่อค้าที่ร่ำรวยจากที่ต่างๆ นอกจากนี้เขายังมองเห็นคณะละครเวทีของเมืองหลวงแห่งเกรย์คาสเซิลอยู่ในกลุ่มคนด้วย
ค่าตั๋ว 40 เหรียญทองทำให้โรงละครกลายเป็นเหมือนงานเลี้ยงขนาดย่อมๆ ถ้าหากได้ทำความรู้จักกับคนเหล่านี้ สิ่งที่เขาจะได้รับกลับมามันก็คุ้มกับค่าตั๋วที่เสียไปแล้ว
กระทั่งทุกคนมากันพร้อมแล้ว พนักงาน 10 กว่าคนก็เข็นรถเล็กๆ ออกมาจากประตูด้านหนึ่ง ก่อนจะเอาถุงกระดาษรูปร่างแปลกๆ ใส่ลงไปในช่องที่อยู่ข้างมือจับของเก้าอี้นอน
“นี่เขาให้พวกเราหรือเจ้าคะ?” ทิงเกิลหยิบถุงกระดาษขึ้นมาดูอย่างประหลาดใจ “เออ เหมือนมันจะเขียนว่าปะ…ป๊อบคอร์น?”
“แล้วก็มีมันฝรั่งทอดกับนม พวกนี้ล้วนแต่เป็นของกินอย่างนั้นเหรอ?” วิคเตอร์สังเกตเป็นว่าตัวถุงที่มีตัวหนังสือเขียนว่านมอยู่นั้นมีลักษณะค่อนข้างแปลกประหลาดทีเดียว ดูเผินๆ แล้วเหมือนกับกระดาษหนังแกะ แต่พอจับดูแล้วกลับนุ่มอย่างมาก เพียงแต่ด้วยรูปร่างของมันทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับมันอย่างไร แต่โชคดีที่ด้านล่างตัวหนังสือมีรูปภาพคอยบอกวิธีกินอยู่ เห็นได้ชัดว่ามีการคิดถึงเรื่องการใช้งานครั้งแรกของแขกเอาไว้แล้ว
ในตอนที่เขาทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ จากนั้นเอาหลอดอ่อนๆ ใสๆ เสียบเข้าไปตรงปากถุงที่อยู่ด้านบนพร้อมกับดูดเอานมวัวที่อยู่ด้านในออกมา ภายในใจเขาพลันมีความรู้สึกยินดีอย่างที่ไม่อาจบรรยายได้
นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
แม้แต่นมวัวที่เป็นของปกติธรรมดาในชีวิตประจำวันก็เหมือนจะหวานขึ้นมามากกว่าเดิม
คำชี้แจงเรื่องอุณหภูมิ การออกแบบที่ประณีต บรรจุภัณฑ์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ต่อให้สิ่งที่ใส่อยู่ข้างในเป็นน้ำเปล่า มันก็สามารถขายได้ราคาดีแน่!
คนที่ออกแบบมันจะต้องเป็นพ่อค้าที่ยอดเยี่ยมอย่างมากแน่
ยิ่งไปกว่านั้นวิคเตอร์ยังรู้ด้วยว่าการทำแบบนี้ไม่ใช่แค่เพื่อทำให้มันดูแปลกใหม่น่าสนใจเท่านั้น แต่ถุงทั้งสองชนิดนี้ไม่สามารถทำให้เกิดอันตรายกับคนได้ ไม่เหมือนกับพวกขวดเครื่องปั้นดินเผาหรือภาชนะที่เป็นแก้วที่มีคม เมื่อคำนึงถึงสถานะแขกที่มาชมละครแล้ว การทำแบบนี้จึงนับว่ามีความสำคัญอย่างมาก ขณะเดียวกันช่องเสียบที่อยู่ข้างเก้าอี้ก็สามารถใส่ถุงนมได้อย่างพอดิบพอดี ถึงแม้จะเอาถุงที่ฉีกปากถุงใส่เข้าไปในช่อง มันก็ไม่มีน้ำนมหกออกมาเลยแม้แต่น้อย
เขายากจะจินตนาการได้ว่าการออกแบบที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มันจะปรากฏอยู่ในสินค้าที่เพิ่งเปิดตัวออกมาเป็นครั้งแรก
ในขณะที่วิคเตอร์กำลังจะลองชิมป๊อบคอร์นดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร จู่ๆ พลันมีเสียงดังลอยๆ ขึ้นมาในโรงละคร “ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่โรงหนังเวทมนตร์ของเกรย์คาสเซิล อีกสักครู่ ‘หัวใจแห่งหมาป่า’ กำลังจะเริ่มทำการแสดงแล้ว ขอเชิญทุกท่านกลับไปนั่งประจำที่ และคอยฟังกฎระเบียบในการรับชมอย่างละเอียด หากเกิดปัญหาอะไรในขณะที่รับชมอยู่ ขอให้ทุกท่านทำตามกฎที่ได้แจ้งเอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น”
ภายในโรงละครมีเสียงฮือฮาดังขึ้นมาทันที เพราะว่าผู้ชมต่างก็ได้ยินเสียง แต่กลับมองไม่เห็นคนพูดว่าอยู่ที่ไหน
“อันดับแรก หนังภาพยนตร์จะมีความยาวทั้งหมด 2 ชั่วโมง 15 นาที ในระหว่างที่ทำการแสดงจะไม่มีการหยุดพัก แล้วก็ไม่อนุญาติให้ลุกจากที่นั่งโดยพลการ หากท่านต้องการความช่วยเหลือ โปรดดึงเชือกส่งสัญญาณที่อยู่ด้านล่างเก้าอี้ แล้วนั่งรออยู่กับที่ด้วยความสงบ”
“อันดับต่อมา นี่จะเป็นประสบการณ์การรับชมอย่างที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขออย่าได้ตกใจและแตกตื่น ทุกท่านโปรดจำเอาไว้ว่ามันเป็นเพียงละครเวทีชนิดพิเศษแบบหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ถ้าหากเกิดความเสียหายต่อบุคคลที่สามอันเนื่องมาจากตัวท่าน ทางเมืองเนเวอร์วินเทอร์จะทำการสอบสวนและหาตัวคนมารับผิดชอบ”
วิคเตอร์อดยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้เมื่อฟังถึงตรงนี้ เฮ้ๆ บนโลกนี้มีใครคิดว่าละครมันเป็นเรื่องจริงบ้างล่ะ? ตกใจและแตกตื่นอย่างนั้นเหรอ นี่พูดเกินจริงไปหรือเปล่า เขาฉวยโอกาสนี้เหลือบมองไปทางด้านหลัง ก่อนจะเห็นพวกคณะละครเวทีต่างก็ทำสีหน้าเยาะเย้ยออกมาอย่างที่เขาคิดเอาไว้
กลับกลายเป็นทิงเกิลที่ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไร เธอคว้ามือจับของเก้าอี้เอาไว้แน่นด้วยความตื่นเต้น
เสียงประกาศเงียบไปครู่ ก่อนจะดังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง “เช่นนั้น ขอเชิญทุกท่านมีความสุขกับช่วงเวลาแห่งความฝันนี้”
“การแสดงจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”
สิ้นเสียงประกาศ หินเวทมนตร์ทั้งสี่ก่อนก็ค่อยๆ เลื่อนหายไปบนเพดาน ภายในโรงละครมืดลงทันที
นี่มันอะไรกัน? ถ้าแสงไม่พอมันก็จะส่งผลกระทบต่อการแสดงละคร ที่โรงละครส่วนใหญ่นิยมทำหลังคาให้เปิดโล่งก็เพราะเหตุนี้ ถ้าไม่มีแม้กระทั่งแสง แล้วจะไปมองเห็นรายละเอียดในการแสดงได้อย่างไร วิคเตอร์ยิ้มมุมปากขึ้นมามากกว่าเดิม เขาชักจะสงสัยแล้วว่าการแสดงนี้จะจบลงอย่างไร
แต่ยังไม่ทันทีเขาจะได้เก็บความรู้สึกขบขันภายในใจ หลังจากนั้นเขาก็ต้องตกตะลึง
หลังมีลำแสงสีขาวแวบผ่านไป สายตาของเขาพลันมืดลง นี่คือความมืดที่มืดที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา จะเรียกว่าหุบเหวที่ลึกที่สุดก็คงจะได้ อย่าว่าแต่ซ้ายขวาหน้าหลังเลย แม้แต่เก้าอี้ที่อยู่ใต้ตัวเขาก็ยังหายไปด้วย! ถ้าไม่ใช่เพราะว่าก้นของเขายังสัมผัสอยู่กับตัวเก้าอี้ล่ะก็ เกรงว่าเขาคงจะกระเด้งตัวโดดขึ้นมาแล้ว
แต่หลังจากนั้นมันยังมีสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นเกิดขึ้นอีก วิคเตอร์พบว่าร่างกายตัวเองนั้นจมอยู่ท่ามกลางความมืด แม้แต่มือที่วางอยู่ข้างหน้าก็ยังไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดใดๆ ได้เลย ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่านี่เป็นเพราะความมืดหรือว่าสัมผัสการมองเห็นของเขาถูกช่วงชิงไปแล้วกันแน่
เสียงฮือฮาที่ดังขึ้นมาได้พิสูจน์ให้เห็นไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ตกใจ เสียงอุทานเบาๆ ที่ดังสนับไปมาทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ที่แท้ที่บอกว่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูกนั้นไม่ใช่แค่การพูดขึ้นมาเฉยๆ เท่านั้น!
ถ้าไม่เป็นเพราะคำเตือนที่แจ้งเอาไว้ล่วงหน้า เกรงว่าหลายๆ คนคงจะลุกขึ้นมาวิ่งแล้ว
ทันใดนั้นเอง ลำแสงที่ดูนุ่มนวลก็ส่องลงมาจากบนหัว ความมืดถูกพัดหายไป ภายในโรงละครกลับมาสว่างอีกครั้ง แต่ว่าเหล่าผู้ชมก็ไม่ได้สงบลงเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน พวกเขากลับสูดหายใจด้วยความตกใจ
พระเจ้า วิคเตอร์เองก็ลืมตาโต นี่มัน…คืออะไรกันเนี่ย? ภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่โรงละครอีก หากแต่กลายเป็นท่ามกลางท้องฟ้า!
เขาได้ยินเสียงลมที่พัดอยู่ข้างหู แล้วก็มองเห็นท้องฟ้าที่มีหิมะตกโปรยปรายลงมา ใต้เท้าของเขาอยู่ห่างจากพื้นดินอย่างน้อยก็หลายกิโลเมตร ต้นไม้และสายน้ำกลายเป็นลายสีเทาขาวสลับกัน ประสบการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนี้ทำเอาวิคเตอร์ตัวสั่นขึ้นมา เขาแทบจะใช้แรงทั้งตัวยึดจับเก้าอี้เอาไว้แน่น ทำให้ร่างกายของตัวเองขดอยู่บนเก้าอี้นอนที่ ‘ล่องหน’ อยู่ เหมือนกับว่านั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่รองรับเขาอยู่ ทันทีที่ปล่อยมือเขาจะต้องตกลงมาจนกระดูกแหลกละเอียดอย่างแน่นอน
“ในเมืองแห่งขุนเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ทางเหนืออันไกลโพ้นมีเจ้าหญิงตัวน้อยน่ารักอยู่ 2 คน และเรื่องราวของพวกนางนั้งสองคนก็เริ่มต้นขึ้นที่นี่….” กระทั่งมีเสียงพากษ์ที่ไม่รีบร้อนดังขึ้นมา เขาถึงได้พบว่าตัวเองยังคงดูละครอยู่ หาใช่ถูกพระเจ้าเรียกตัวไปที่สวรรค์แล้วไม่
‘บนโลกนี้มีใครคิดว่าละครเป็นเรื่องจริงบ้างล่ะ?’
วิคเตอร์รู้สึกอยากจะร้องไห้ ใครมันจะไปคิดถึงล่ะว่าหนังเวทมนตร์มันจะเป็นแบบนี้?
ในเวลา 2 ชั่วโมงกว่าหลังจากนั้น พ่อค้าอัญมณีผู้นี้ก็ได้สัมผัสกับช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในชีวิตของเขา
ตอนที่ 1028
ประสบการณ์ดูหนังที่เหนือจินตนาการ (2)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ภาพที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนจากบนท้องฟ้าลงมาอยู่บนพื้นดิน ฉากอันน่าตกตะลึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว
พูดอีกอย่างคือสิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้านั้นดูเหมือนจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่มีผู้คนเดินไปเดินมา หรือว่าในพระราชวังที่ดูหรูหรา ภาพจำนวนมากถาโถมเข้ามาในดวงวิคเตอร์จนเขามองไม่ทัน ถ้าไม่เป็นเพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นเกิดความเสียหาย เขาคงจะลุกขึ้นไปลูบคลำบัลลังก์ของราชาแล้ว
เสียงอุทานภายในโรงหนังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ชมเหมือนจะสูญเสียความสามารถในการพูดไป พวกเขาทำได้เพียงใช้เสียงอุทานสั้นๆ มาแสดงความตกตะลึงที่อยู่ภายในใจ
ภายว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ล้วนแต่ทำให้เกิดเสียงขึ้นมาได้
เจ้าหญิงองค์โตปรากฏตัว “โอ้!”
แปลงร่างเป็นหมาป่าตอนอายุ 14 “ว้าว!”
เจ้าชายต่างแดนปรากฏตัว “โอ้วววว!”
ฉากที่เจ้าหญิงไม่อาจควบคุมพลังของตัวเองได้จนทำลายพระราชวังเสียหายย่อยยับ ทุกคนต่างส่งเสียงร้องตกใจขึ้นมาไม่หยุด เสียงตะโกนของพวกเขาเหมือนจะฉีกหลังคาจนพังลงมา!
นี่แตกต่างไปจากการดูละครเวทีแบบปกติที่ต้องดูด้วยความสงบเรียบร้อยโดยสิ้นเชิง เสียงร้องที่ดังขึ้นมาในโรงหนังเวทมนตร์นั้นดังขึ้นตั้งแต่เริ่มโดยไม่หยุดเลย
วิคเตอร์รู้ว่านี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องมารยาทของผู้ชม หากแต่มันเป็นการระบายความรู้สึกขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในใจเท่านั้น พวกเขาอยากจะดูภาพอันน่ามหัศจรรย์ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่อีกใจหนึ่งพวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวกับความสมจริงของพวกมัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงตะโกนออกมา มีแต่วิธีนี้เท่านั้น พวกเขาถึงจะรู้ว่าไม่ได้มีแค่ตัวเองเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในดินแดนแห่งความฝันนี้ หากแต่รอบๆ ตัวยังมีคนอยู่เป็นเพื่อนอีกจำนวนมาก หรือพูดอีกอย่างก็คือพวกเขากำลังแบ่งปันความตกตะลึงนี้ด้วยกัน!
ถ้าโรแลนด์อยู่ตรงนี้ด้วยล่ะก็ เขาจะต้องรู้แน่นอนว่านี่เป็นแค่เพียง ‘บูลเลท สกรีน’ ในอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้น
ท่ามกลางเสียงตะโกน เจ้าหญิงองค์โตได้แปลงเป็นหมาป่าตัวยักษ์แล้วกระโดดออกไปยืนบนพื้นหิมะ ในตอนที่ร่างกายอันใหญ่โตของเธอเลยสูงเหนือศีรษะเขาขึ้นไป วิคเตอร์รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาจนแทบอยากจะวิ่งหนีออกไป
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง บทเพลงเพลงหนึ่งก็ดังเข้ามาในหูเขา และทำให้เขาสงบลงทันที
อารมณ์ความรู้สึกที่ไม่สบายใจทั้งหมดพลอยหายไปด้วย สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ความเจ็บใจ ความหลุดพ้น ความมุ่งมั่นที่เข้ามาแทนที่จนวิคเตอร์น้ำตาไหลออกมาทันที!
เขาเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของเจ้าหญิงองค์โตที่ถูกบีบคั้นให้หนีออกมา ความรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกทุกคนเข้าใจผิด และความรู้สึกภาคภูมิใจในความกล้าของเธอ
บทเพลงอันไพเราะงดงามและฉากที่เปลี่ยนไปได้ อีกทั้งทุกๆ การเคลื่อนไหวของตัวละคผลัดกันสะท้อนออกมา เสียงร้องอันงดงามทำให้เขารู้สึกเลือดลมพุ่งพล่าน คำบรรยายที่อยู่ในเนื้อเพลงก็เหมือนเขาเป็นคนเขียนขึ้นมา
ในชีวิตนี้มีใครที่ไม่เคยถูกเข้าใจผิดบ้าง?
แต่คนส่วนใหญ่กลับทำได้เพียงยอมรับมันอย่างเงียบๆ!
ความรู้สึกหวาดกลัวที่มีต่อหมาป่าของวิคเตอร์หายไปจนหมด สิ่งที่เข้าใจแทนที่คือความรู้สึกยินดีที่เธอปลดปล่อยตัวเองออกมาได้
เขาเหมือนจะมองเห็นตัวเองที่จากบ้านมาไกลได้จากตัวอีกฝ่าย
นี่คือบทเพลงที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งบทเพลงและตัวละครสอดประสานกันได้อย่างลงตัว เขาเพิ่งจะได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก
จากเสียงปรบมือที่ดังขึ้นมาทำให้เขารู้ว่าไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่รู้สึกตื้นตันใจกับละครเรื่องนี้ บรรยากาศภายในโรงละครพุ่งขึ้นไปจนถึงขีดสุด
พริบตานั้นเองวิคเตอร์พลันมีความเห็นสำหรับละครเรื่องใหม่นี้ขึ้นมาในใจ
ที่ฝ่าบาททรงประกาศเอาไว้นั้นไม่ใช่การคุยโวเลย
นี่คือศิลปะที่ก้าวข้ามยุคสมัยจริงๆ!
……
แพ้แล้ว
ในตอนที่เสียงเพลงดังขึ้นมา เคแกนก็รู้แล้วว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้กับเมย์ ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ของเขา หากแต่เป็นละครเรื่องใหม่ของเขาที่พ่ายแพ้ให้กับ ‘หัวใจแห่งหมาป่า’ อย่างราบคาบ
ไม่ว่าจะพูดให้ดีแค่ไหน สุดท้ายละครก็เอาไว้ให้คนดู
ตอนแรกเขายังรู้สึกตกใจพร้อมกับคิดในใจว่า ‘นี่มันเป็นไปได้ยังไง’ ‘นางทำแบบนี้ได้ยังไง’ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกชาไปทั้งตัว หนังเวทมนตร์ที่ว่านี้ได้ทำลายความรู้ที่เขาสะสมมาเป็นเวลาหลายสิบปีลงจนหมด อีกทั้งยังกระทืบกฎเกณฑ์ที่มีในตอนนี้จนจมดิน
แขกที่อยู่ในนี้ล้วนแต่เป็นคนระดับสุดยอด ถึงแม้ในเรื่องการดูละครพวกเขาอาจจะสู้พวกขุนนางที่ดูละครมาอย่างยาวนานไม่ได้ แต่พวกเขาก็ถือว่าเป็นคนที่มีความรู้กว้างขวาง การจะทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในเวลานี้คนเหล่านี้กลับส่งเสียงตะโกนออกมาไม่หยุด คล้ายกับเป็นพวกชาวนาที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน
แต่นี่จะไปโทษพวกเขาก็ไม่ได้
ถ้าไม่เป็นเพราะพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ เขาเองก็เกือบจะตะโกนออกมาเหมือนกัน
ซึ่งละครเรื่องใหม่ที่คณะละครเคแกนจะแสดงนั้นทำแบบนี้ไม่ได้แน่นอน
ถ้าเอาทั้งสองเรื่องมาวางคู่กัน ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นด้วยว่า ‘หัวใจแห่งหมาป่า’ นั้นยอดเยี่ยม แถมยังยอดเยี่ยมกว่าอย่างมากด้วย!
หรือว่าพวกเขามองไม่เห็นความผิดพลาดของนักแสดง?
ไม่ใช่แน่นอน
แต่พวกเขามองข้ามปัญหาเหล่านี้ไปจนหมด
เพราะเคแกนรู้ว่าข้อมูลที่คนเราสามารถรับรู้ได้ในเวลาเดียวกันนั้นมีจำกัด ซึ่งหนังเวทมนตร์นั้นสามารถมอบข้อมูลจำนวนมากให้กับเหล่าผู้ชม มากจนถึงขนาดที่ว่าเก็บข้อมูลทั้งหมดไม่ทัน ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้จะทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ก็ยากที่จะมีใครมานั่งสนใจ
อย่างนั้นนี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมหรือเปล่า?
เคแกนย่อมไม่คิดเช่นนี้
ไม่มีใครรู้ถึงการพัฒนาของละครเวทีได้ดีกว่าเขาแล้ว
ทำไมนักแสดงคนหนึ่งถึงอยากจะไปอยู่กับโรงละครขนาดใหญ่ นั้นก็เป็นเพราะว่าโรงละครเหล่านั้นมีศักยภาพทางการเงินที่มากพอที่จะมีเสื้อผ้า อุปกรณ์และฉากหลังดีๆ ให้กับนักแสดง
สิ่งของเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ละครที่ยอดเยี่ยมไม่อาจขาดได้เช่นเดียวกัน
อาจารย์ของเขามีชื่อเสียงอย่างมากจากการขนเอาฉากหลังขนาดใหญ่ขึ้นมาอยู่บนเวที ซึ่งชื่อเสียงของอาจารย์เขาได้พุ่งขึ้นไปถึงขีดสุดหลังจากที่ประดิษฐ์บ้านไม้ที่ถอดประกอบได้ขึ้นมา นับแต่นั้นมา คณะละครอื่นๆ ต่างก็พากันเลียนแบบเขาจนทำให้มีละครเวทีเหมือนอย่างเช่นทุกวันนี้ ถ้าจะให้นักแสดงขึ้นไปแสดงมือเปล่า เขาย่อมไม่คิดว่านั้นเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมแน่นอน
ฉากหลังนั้นมีการพัฒนาให้มีความละเอียดและเหมือนจริงขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ก็ทำจุดนี้ก็มาได้ยอดเยี่ยมที่สุด
เคแกนที่ได้ข้อสรุปออกมาเช่นนี้กลับรู้สึกผ่อนคลายลง
เขาพิงตัวลงไปบนเก้าอี้พร้อมกับถอนหายใจออกมา
ในที่สุดเขาก็ตั้งใจดูละครที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ซักที
…….
กว่าจะรู้ตัวอีกที เรื่องราวก็เดินทางมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว
ความมืดถอยหายไป เก้าอี้ เสาหินและพื้นทางเดินปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนอีกครั้ง
แต่ไม่มีใครลุกออกจากเก้าอี้ ทุกคนเหมือนยังจมอยู่ในเมืองแห่งขุนเขานั้นและนึกถึงการต่อสู้อันน่าตกตะลึงระหว่างเจ้าหญิงองค์โตและราชาปีศาจ
เคแกน เฟสปรบมือขึ้นมาเป็นคนแรก
เสียงปรบมือนี้เหมือนเป็นการปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้นมา จากนั้นก็มีคนที่สอง คนที่สาม…คนจำนวนต่างชูสองมือขึ้นมาปรบมือ เสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นมาเหมือนเสียงฝน
“อาจารย์….”
เรินต์เกน อีเกรโปและคนอื่นๆ มองไปทางเคแกนที่ปรบมืออยู่ พวกเขาดูเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา ส่วนเบอร์นิสนั้นน้ำตานองหน้าไปแล้ว
“อย่าร้อง” ชายแก่เองก็รู้สึกน้ำตาเหมือนจะรื้นขึ้นมา เขาย่อมต้องรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังเสียใจเรื่องอะไร เพื่อละครเรื่องใหม่แล้ว นักแสดงเหล่านี้ต่างพยายามฝึกซ้อมอย่างหนักมาสองปีกว่า แต่ตอนนี้ความพยายามเหล่านั้นกลับสูญเปล่าไปจนหมด คนที่ได้ดูหนังเวทมนตร์แล้วไม่มีทางที่จะอยากมาดูละครเวทีใหม่ของพวกเขาแน่ ความพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งแบบนี้นั้นทำลายความมั่นใจของทุกคนลง แต่เขารู้ว่าตัวเองจะมาล้มลงตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด “พวกเราไม่ได้เดินผิดทาง!”
“อาจารย์ ท่านหมายความว่า…”
“สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกเสียดายมากที่สุดในการแสดงละครคืออะไร? มันคือระยะห่าง!” เขาควบคุมเสียงที่สั่นขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองแล้วพูดว่า “ระยะห่างจากที่นั่งของผู้ชมจนมาถึงเวทีนั้นทำให้ผู้ชมพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของสีหน้านักแสดงไป แต่หนังเวทมนตร์กลับชดเชยในจุดนี้ได้ ข้ากล้าพนันเลยว่าการพัฒนาทักษะการแสดงจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีต่อไปเพียงแค่รอยยิ้มเล็กน้อยที่ทำได้อย่างพอดิบพอดีก็อาจจะทำให้ผู้ชมถึงกับลืมหายใจได้ ดังนั้นนี่เป็นเพียงความพ่ายแพ้ชั่วคราวเท่านั้น มันไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่พวกเจ้าทำมามันไร้ประโยชน์!”
เคแกนชะงักไปเล็กน้อย “วางใจได้ ข้ารับประกันกับพวกเจ้าได้เลยว่าเมื่อไรก็ตามที่ข้าเข้าใจหลักการของหนังเวทมนตร์แล้ว พวกเราจะกลับมาอีกครั้ง แล้วก็ยืนอยู่บนเส้นทางแข่งขันเดียวกับคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ ข้าคิดว่าตอนนั้นผู้ชมจะต้องให้คำตอบที่ชัดเจนได้แน่นอน แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งร้องไห้ ยืดอกขึ้นมา มันคู่ควรแก่การที่เราจะปรบมือให้”
ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ยาวนานนี้ ชื่อเสียงของ ‘หัวใจแห่งหมาป่า’ ก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเนเวอร์วินเทอร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น